รายการฟังก์ชันของ Google ชีต

 Google ชีตสนับสนุนสูตรของเซลล์ที่มักพบในโปรแกรมสเปรดชีตบนเดสก์ท็อปทั่วไป คุณจะใช้ฟังก์ชันเหล่านี้เพื่อสร้างสูตรที่จัดการกับข้อมูล และคำนวณสตริงและตัวเลขได้

นี่คือรายการของฟังก์ชันทั้งหมดที่พร้อมใช้งานในแต่ละประเภท เมื่อใช้ฟังก์ชันเหล่านี้ โปรดอย่าลืมใส่เครื่องหมายคำพูดครอบคอมโพเนนต์ของฟังก์ชันทั้งหมดที่เป็นตัวอักษรซึ่งไม่ได้อ้างอิงถึงเซลล์หรือคอลัมน์

คุณเปลี่ยนภาษาของฟังก์ชัน Google ชีตจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาอื่นอีก 21 ภาษาได้

TypeNameSyntaxDescription
DATEDATE(year, month, day)สำหรับวันที่จะแปลงปี เดือน และวันที่ระบุเป็นวันที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DATEDIFDATEDIF(start_date, end_date, unit)สำหรับวันที่จะคำนวณจำนวนวัน เดือน หรือปีระหว่างวันที่ 2 วัน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DATEVALUEDATEVALUE(date_string)สำหรับวันที่จะแปลงสตริงวันที่ที่ระบุในรูปแบบที่รู้จักเป็นค่าวันที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DAYDAY(date)สำหรับวันที่จะแสดงผลวันของเดือนที่ระบุวันที่ในรูปแบบตัวเลข ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DAYSDAYS(end_date, start_date)สำหรับวันที่จะแสดงผลจำนวนวันระหว่างวันที่สองวันที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
DAYS360DAYS360(start_date, end_date, [method])สำหรับวันที่จะแสดงผลส่วนต่างระหว่างวันที่ 2 วัน โดยใช้ 360 วันต่อปี ซึ่งใช้ในการคำนวณดอกเบี้ยทางการเงิน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
EDATEEDATE(start_date, months)สำหรับวันที่จะแสดงผลวันที่ที่ระบุตัวเลขของเดือนก่อน/หลังวันอื่น ดูข้อมูลเพิ่มเติม
EOMONTHEOMONTH(start_date, months)สำหรับวันที่จะแสดงผลวันที่ที่แทนวันสุดท้ายของเดือน ซึ่งอยู่ก่อนหรือหลังวันอื่นเป็นจำนวนเดือนที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
HOURHOUR(time)สำหรับวันที่จะแสดงผลองค์ประกอบของชั่วโมงในเวลาที่ระบุเป็นรูปแบบตัวเลข ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ISOWEEKNUMISOWEEKNUM(date)สำหรับวันที่จะแสดงผลเลขที่สัปดาห์ ISO ของปีที่ตรงกับวันที่ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
MINUTEMINUTE(time)สำหรับวันที่จะแสดงผลองค์ประกอบของนาทีในเวลาที่ระบุเป็นรูปแบบตัวเลข ดูข้อมูลเพิ่มเติม
MONTHMONTH(date)สำหรับวันที่จะแสดงผลเดือนของปีที่ระบุวันที่ในรูปแบบตัวเลข ดูข้อมูลเพิ่มเติม
NETWORKDAYSNETWORKDAYS(start_date, end_date, [holidays])สำหรับวันที่จะแสดงผลจำนวนวันทำการสุทธิระหว่างวันสองวันที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
NETWORKDAYS.INTLNETWORKDAYS.INTL(start_date, end_date, [weekend], [holidays])สำหรับวันที่จะแสดงผลจำนวนวันทำการสุทธิระหว่างวันที่กำหนดให้ โดยไม่รวมวันสุดสัปดาห์และวันหยุดที่ระบุไว้ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
NOWNOW()สำหรับวันที่จะแสดงผลค่าวันที่เป็นวันที่และเวลาในขณะนี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SECONDSECOND(time)สำหรับวันที่จะแสดงผลองค์ประกอบของวินาทีในเวลาที่เฉพาะเจาะจงในรูปแบบตัวเลข ดูข้อมูลเพิ่มเติม
TIMETIME(hour, minute, second)สำหรับวันที่จะแปลงชั่วโมง นาที และวินาทีที่ให้เป็นเวลา ดูข้อมูลเพิ่มเติม
TIMEVALUETIMEVALUE(time_string)สำหรับวันที่จะแสดงผลค่าเวลาเป็นเศษส่วนของวันแบบ 24 ชั่วโมง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
TODAYTODAY()สำหรับวันที่จะแสดงผลค่าวันที่เป็นวันที่ปัจจุบัน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
WEEKDAYWEEKDAY(date, [type])สำหรับวันที่จะแสดงผลตัวเลขบอกวันในสัปดาห์ของวันที่ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
WEEKNUMWEEKNUM(date, [type])สำหรับวันที่จะแสดงผลตัวเลขซึ่งแสดงสัปดาห์ในปีสำหรับวันที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
WORKDAYWORKDAY(start_date, num_days, [holidays])สำหรับวันที่จะคำนวณวันที่สิ้นสุดหลังจากจำนวนวันทำงานที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
WORKDAY.INTLWORKDAY.INTL(start_date, num_days, [weekend], [holidays])สำหรับวันที่จะคำนวณวันที่หลังจำนวนวันทำงานที่กำหนด โดยไม่รวมวันสุดสัปดาห์และวันหยุดที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
YEARYEAR(date)สำหรับวันที่จะแสดงผลปีซึ่งระบุตามวันที่ที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
YEARFRACYEARFRAC(start_date, end_date, [day_count_convention])สำหรับวันที่จะแสดงผลจำนวนปีรวมถึงปีแบบมีเศษระหว่างวันที่สองวัน โดยใช้วิธีนับวันตามที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
วันที่EPOCHTODATEEPOCHTODATE(timestamp, [unit]) แปลงการประทับเวลา Unix Epoch ในหน่วยวินาที มิลลิวินาที หรือไมโครวินาทีให้เป็นวันที่และเวลาในเขตเวลา UTC ดูข้อมูลเพิ่มเติม
BIN2DECBIN2DEC(signed_binary_number)ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานสองแบบมีเครื่องหมายเป็นค่าฐานสิบ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
BIN2HEXBIN2HEX(signed_binary_number, [significant_digits])ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานสองแบบมีเครื่องหมายเป็นค่าฐานสิบหกแบบมีเครื่องหมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติม
BIN2OCTBIN2OCT(signed_binary_number, [significant_digits])ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานสองแบบมีเครื่องหมายเป็นค่าฐานแปดแบบมีเครื่องหมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติม
BITANDBITAND(value1, value2)ทางวิศวกรรมจะบิตไวส์ AND บูลีนของเลข 2 จำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
BITLSHIFTBITLSHIFT(value, shift_amount)ทางวิศวกรรมจะเลื่อนบิตของอินพุตไปทางซ้ายเป็นตำแหน่งหนึ่งๆ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
BITORBITOR(value1, value2)ทางวิศวกรรมจะบิตไวส์โอเปอเรเตอร์บูลีนของเลข 2 จำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
BITRSHIFTBITRSHIFT(value, shift_amount)ทางวิศวกรรมจะเลื่อนบิตของอินพุตไปทางขวาเป็นตำแหน่งหนึ่งๆ ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
BITXORBITXOR(value1, value2)ทางวิศวกรรมจะะบิตไวส์ XOR (โอเปอเรเตอร์แบบเฉพาะ) ของเลข 2 จำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
COMPLEXCOMPLEX(real_part, imaginary_part, [suffix])ทางวิศวกรรมจะสร้างจำนวนเชิงซ้อนที่ระบุสัมประสิทธิ์จำนวนจริงและสัมประสิทธิ์จำนวนจินตภาพ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DEC2BINDEC2BIN(decimal_number, [significant_digits])ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานสิบเป็นค่าฐานสองแบบมีเครื่องหมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DEC2HEXDEC2HEX(decimal_number, [significant_digits])ทางวิศวกรรมจะแปลงเลขฐาน 10 เป็นรูปแบบเลขฐาน 16 ที่มีเครื่องหมายกำกับ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DEC2OCTDEC2OCT(decimal_number, [significant_digits])ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานสิบเป็นค่าฐานแปดแบบมีเครื่องหมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DELTADELTA(number1, [number2])ทางวิศวกรรมจะเปรียบเทียบค่าตัวเลขสองรายการ และแสดงผลเลข 1 ถ้าค่าเท่ากัน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ERFERF(lower_bound, [upper_bound])ทางวิศวกรรมจะแสดงผลค่าปริพันธ์ของฟังก์ชันข้อผิดพลาดเกาส์ในช่วงของค่า ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ERF.PRECISEERF.PRECISE(lower_bound, [upper_bound])โปรดดู ERF
GESTEPGESTEP(value, [step])ทางวิศวกรรมจะแสดงผล 1 ถ้าอัตรามากกว่าหรือเท่ากับค่าขั้นที่ระบุ หรือไม่เช่นนั้นจะแสดงผล 0 แต่ถ้าไม่ได้ระบุค่าขั้นไว้ จะใช้ 0 เป็นค่าเริ่มต้น ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
HEX2BINHEX2BIN(signed_hexadecimal_number, [significant_digits])ทางวิศวกรรมจะแปลงตัวเลขฐาน 16 ที่มีเครื่องหมายกำกับไปเป็นรูปแบบฐาน 2 ที่มีเครื่องหมายกำกับ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
HEX2DECHEX2DEC(signed_hexadecimal_number)ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานสิบหกแบบมีเครื่องหมายเป็นค่าฐานสิบ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
HEX2OCTHEX2OCT(signed_hexadecimal_number, significant_digits)ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานสิบหกแบบมีเครื่องหมายเป็นค่าฐานแปดแบบมีเครื่องหมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMABSIMABS(number)ทางวิศวกรรมจะแสดงผลค่าสัมบูรณ์ของจำนวนเชิงซ้อน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMAGINARYIMAGINARY(complex_number)ทางวิศวกรรมจะแสดงผลสัมประสิทธิ์จำนวนจินตภาพของจำนวนเชิงซ้อน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMARGUMENTIMARGUMENT(number)ทางวิศวกรรมจะแสดงผลมุม (หรือที่เรียกกันว่าอาร์กิวเมนต์หรือ \เธต้า) ของจำนวนเชิงซ้อนเป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMCONJUGATEIMCONJUGATE(number)ทางวิศวกรรมจะแสดงผลสังยุคเชิงซ้อนของจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMCOSIMCOS(number)ทางวิศวกรรมจะแสดงผลค่าโคไซน์ของจำนวนเชิงซ้อน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMCOSHIMCOSH(จำนวน)จะแสดงผลค่าไฮเปอร์โบลิกโคไซน์ของจำนวนเชิงซ้อนที่ระบุ เช่น จำนวนเชิงซ้อน "x+yi" จะแสดงผล "cosh(x+yi)" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMCOTIMCOT(จำนวน)จะแสดงผลค่าโคแทนเจนต์ของจำนวนเชิงซ้อน เช่น จำนวนเชิงซ้อน "x+yi" จะแสดงผล "cot(x+yi)" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMCOTHIMCOTH(จำนวน)จะแสดงผลค่าไฮเปอร์โบลิกโคแทนเจนต์ของจำนวนเชิงซ้อนที่ระบุ เช่น จำนวนเชิงซ้อน "x+yi" จะแสดงผล "coth(x+yi)" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMCSCIMCSC(number)ทางวิศวกรรมจะแสดงผลค่าโคซีแคนต์ของจำนวนเชิงซ้อนดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMCSCHIMCSCH(จำนวน)จะแสดงผลค่าไฮเปอร์โบลิกโคซีแคนต์ของจำนวนเชิงซ้อนที่ระบุ เช่น จำนวนเชิงซ้อน "x+yi" จะแสดงผล "csch(x+yi)" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMEXPIMEXP(exponent)ทางวิศวกรรมจะแสดงผลจำนวนออยเลอร์ e (~ 2.718) ที่ยกกำลังด้วยจำนวนเชิงซ้อน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMLOGIMLOG(ค่า, ฐาน)จะแสดงผลค่าลอการิทึมของจำนวนเชิงซ้อนในฐานที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMLOG10IMLOG10(value)จะแสดงผลลอการิทึมของจำนวนเชิงซ้อนฐาน 10 ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMLOG2IMLOG2(ค่า)จะแสดงผลลอการิทึมของจำนวนเชิงซ้อนฐาน 2 ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMREALIMREAL(complex_number)ทางวิศวกรรมจะแสดงผลค่าสัมประสิทธิ์จริงของจำนวนเชิงซ้อน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMSECIMSEC(จำนวน)จะแสดงผลค่าซีแคนต์ของจำนวนเชิงซ้อนที่ระบุ เช่น จำนวนเชิงซ้อน "x+yi" จะแสดงผล "sec(x+yi)" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMSECHIMSECH(จำนวน)จะแสดงผลค่าไฮเปอร์โบลิกซีแคนต์ของจำนวนเชิงซ้อนที่ระบุ เช่น จำนวนเชิงซ้อน "x+yi" จะแสดงผล "sech(x+yi)" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMSINIMSIN (number)ทางวิศวกรรมจะแสดงผลค่าไซน์ของจำนวนเชิงซ้อน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMSINHIMSINH(จำนวน)จะแสดงผลค่าไฮเปอร์โบลิกไซน์ของจำนวนเชิงซ้อนที่ระบุ เช่น จำนวนเชิงซ้อน "x+yi" จะแสดงผล "sinh(x+yi)" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMSUBIMSUB(first_number, second_number)ทางวิศวกรรมจะแสดงผลต่างระหว่างจำนวนเชิงซ้อน 2 จำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMTANIMTAN(number)ทางวิศวกรรมจะแสดงผลค่าแทนเจนต์ของจำนวนเชิงซ้อน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMTANHIMTANH(จำนวน)จะแสดงผลค่าไฮเปอร์โบลิกแทนเจนต์ของจำนวนเชิงซ้อน เช่น จำนวนเชิงซ้อน "x+yi" จะแสดงผล "tanh(x+yi)" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
OCT2BINOCT2BIN(signed_octal_number, [significant_digits])ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานแปดแบบมีเครื่องหมายเป็นค่าฐานสองแบบมีเครื่องหมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติม
OCT2DECOCT2DEC(signed_octal_number)ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานแปดแบบมีเครื่องหมายเป็นค่าฐานสิบ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
OCT2HEXOCT2HEX(signed_octal_number, [significant_digits])ทางวิศวกรรมจะแปลงเลขฐาน 8 ที่มีเครื่องหมายกำกับเป็นรูปแบบเลขฐาน 16 ที่มีเครื่องหมายกำกับ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMDIVIMDIV(dividend, divisor)ทางวิศวกรรมจะแสดงผลจำนวนเชิงซ้อน 1 จำนวนที่หารด้วยอีกจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMPRODUCTIMPRODUCT(factor1, [factor2, ...])ทางวิศวกรรมจะแสดงผลลัพธ์ของการคูณจำนวนเชิงซ้อนชุดหนึ่งเข้าด้วยกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMSUMIMSUM(value1, [value2, ...])ทางวิศวกรรมจะแสดงผลรวมของจำนวนเชิงซ้อนชุดหนึ่ง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
FILTERFILTER(range, condition1, [condition2])สำหรับตัวกรองจะแสดงผลช่วงที่มาในเวอร์ชันที่กรองแล้ว โดยส่งคืนเฉพาะแถวหรือคอลัมน์ที่ตรงตามเงื่อนไขที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SORTSORT(range, sort_column, is_ascending, [sort_column2], [is_ascending2])สำหรับตัวกรองจะจัดเรียงแถวของอาร์เรย์หรือช่วงที่ให้ตามค่าในคอลัมน์อย่างน้อยหนึ่งคอลัมน์ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ตัวกรองUNIQUEUNIQUE(ช่วง) แสดงผลแถวที่ไม่ซ้ำกันในช่วงของแหล่งข้อมูลที่ระบุ โดยไม่แสดงข้อมูลซ้ำ ระบบจะแสดงผลแถวตามลำดับที่ปรากฏครั้งแรกในช่วงของแหล่งที่มา ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SORTNSORTN(range, [n], [display_ties_mode], [sort_column1, is_ascending1], ...)สำหรับตัวกรองจะแสดงผล n รายการแรกในชุดข้อมูลหลังจากจัดเรียง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ACCRINTACCRINT(issue, first_payment, settlement, rate, redemption, frequency, [day_count_convention])ทางการเงินจะคำนวณดอกเบี้ยสะสมของหลักทรัพย์ที่มีการจ่ายดอกเบี้ยเป็นงวด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ACCRINTMACCRINTM(issue, maturity, rate, [redemption], [day_count_convention])ทางการเงินจะคำนวณดอกเบี้ยสะสมของหลักทรัพย์ที่ชำระเมื่อครบกำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
AMORLINCAMORLINC(cost, purchase_date, first_period_end, salvage, period, rate, [basis])ทางการเงินจะแสดงผลค่าเสื่อมราคาสำหรับงวดบัญชี หรือค่าเสื่อมราคาที่แบ่งตามส่วนถ้าซื้อสินทรัพย์ในกลางงวด ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
COUPDAYBSCOUPDAYBS(settlement, maturity, frequency, [day_count_convention])ทางการเงินจะคำนวณจำนวนวันนับจากคูปองใบแรกหรือการชำระดอกเบี้ยจนถึงวันที่ส่งมอบหลักทรัพย์ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
COUPDAYSCOUPDAYS(settlement, maturity, frequency, [day_count_convention])ทางการเงินจะคำนวณจำนวนวันในคูปอง หรือการชำระดอกเบี้ย ในงวดซึ่งมีวันที่ส่งมอบที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
COUPDAYSNCCOUPDAYSNC(settlement, maturity, frequency, [day_count_convention])ทางการเงินจะคำนวณจำนวนวันโดยนับจากวันที่ส่งมอบ จนถึงคูปองหรือการชำระดอกเบี้ยครั้งต่อไป ดูข้อมูลเพิ่มเติม
COUPNCDCOUPNCD(settlement, maturity, frequency, [day_count_convention])ทางการเงินจะคำนวณวันที่คูปองสุดท้าย (หรือวันที่จ่ายดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย) หลังจากวันที่ชำระเงินและส่งมอบหลักทรัพย์ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
COUPNUMCOUPNUM(settlement, maturity, frequency, [day_count_convention])ทางการเงินจะคำนวณจำนวนคูปองหรือการชำระดอกเบี้ยในระหว่างวันที่ส่งมอบและวันที่ครบกำหนดการลงทุน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
COUPPCDCOUPPCD(settlement, maturity, frequency, [day_count_convention])ทางการเงินจะคำนวณวันที่ของคูปองสุดท้าย (หรือวันที่จ่ายดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย) ก่อนถึงวันที่ชำระเงินและส่งมอบหลักทรัพย์ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
CUMIPMTCUMIPMT(rate, number_of_periods, present_value, first_period, last_period, end_or_beginning)ทางการเงินจะคำนวณดอกเบี้ยสะสมในช่วงการชำระเงินเป็นงวดสำหรับการลงทุน โดยคำนวณจากการชำระเงินคงที่เป็นงวดและอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
CUMPRINCCUMPRINC(rate, number_of_periods, present_value, first_period, last_period, end_or_beginning)ทางการเงินจะคำนวณเงินต้นสะสมที่ชำระในช่วงการชำระเงินเป็นงวดสำหรับการลงทุน โดยคำนวณจากการชำระเงินคงที่เป็นงวดและอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DBDB(cost, salvage, life, period, [month])ทางการเงินจะคำนวณค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ตามงวดที่ระบุ โดยใช้วิธีตามมูลค่าต้นทุนที่ลดลงตามหลักคณิตศาสตร์ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DDBDDB(cost, salvage, life, period, [factor])ทางการเงินจะคำนวณค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ตามงวดที่ระบุ โดยใช้วิธีคิดยอดคงเหลือแบบลดลงทวีคูณ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DISCDISC(settlement, maturity, price, redemption, [day_count_convention])ทางการเงินจะคำนวณอัตราส่วนลดของหลักทรัพย์ตามราคา ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DOLLARDEDOLLARDE(fractional_price, unit)ทางการเงินจะแปลงการเสนอราคาที่ระบุเป็นเศษส่วนให้เป็นค่าทศนิยม ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DOLLARFRDOLLARFR(decimal_price, unit)ทางการเงินจะแปลงการเสนอราคาที่ระบุเป็นค่าทศนิยมให้เป็นเศษส่วน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DURATIONDURATION(settlement, maturity, rate, yield, frequency, [day_count_convention]) ทางการเงินจะคำนวณจำนวนงวดรวมที่จำเป็นสำหรับการลงทุนที่มีมูลค่าปัจจุบันที่ระบุและมีอัตราการเพิ่มมูลค่าตามที่กำหนด เพื่อให้ถึงมูลค่าเป้าหมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติม
EFFECTEFFECT(nominal_rate, periods_per_year)ทางการเงินจะคำนวณอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี โดยพิจารณาอัตรากลางและจำนวนงวดรวมต่อปี ดูข้อมูลเพิ่มเติม
FVFV(rate, number_of_periods, payment_amount, [present_value], [end_or_beginning])ทางการเงินจะคำนวณมูลค่าในอนาคตของเบี้ยลงทุนรายปี โดยคิดจากการชำระเงินเป็นงวดคงที่และอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
FVSCHEDULEFVSCHEDULE(principal, rate_schedule)ทางการเงินจะคำนวณมูลค่าเงินต้นในอนาคตจากอัตราดอกเบี้ยต่างๆ ที่ระบุว่าอาจเป็นไปได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
INTRATEINTRATE(buy_date, sell_date, buy_price, sell_price, [day_count_convention])ทางการเงินจะคำนวณอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่เกิดขึ้นเมื่อซื้อการลงทุนที่ราคาหนึ่ง และขายไปอีกราคาหนึ่งโดยไม่มีดอกเบี้ยหรือเงินปันผลจากการลงทุนนั้นเอง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IPMTIPMT(rate, period, number_of_periods, present_value, [future_value], [end_or_beginning])ทางการเงินจะคำนวณการชำระดอกเบี้ยของการลงทุน โดยคิดจากการชำระเงินเป็นงวดคงที่และอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IRRIRR(cashflow_amounts, [rate_guess])ทางการเงินจะคำนวณอัตราผลตอบแทนของการลงทุนจากกระแสเงินสดเป็นงวด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ISPMTISPMT(rate, period, number_of_periods, present_value)ทางการเงินจะคำนวณดอกเบี้ยที่ชำระ ณ งวดหนึ่งของการลงทุน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
MDURATIONMDURATION(settlement, maturity, rate, yield, frequency, [day_count_convention])ทางการเงินจะคำนวณระยะเวลา Macaulay ที่แก้ไขของหลักทรัพย์ที่ชำระดอกเบี้ยเป็นงวด เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จากผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
MIRRMIRR(cashflow_amounts, financing_rate, reinvestment_return_rate)ทางการเงินจะคำนวณอัตราผลตอบแทนภายในที่แก้ไขของการลงทุนจากกระแสเงินสดเป็นงวดๆ และผลต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยที่ชำระในการจัดไฟแนนซ์และผลตอบแทนที่ได้รับจากรายได้ที่นำไปลงทุนซ้ำ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
NOMINALNOMINAL(effective_rate, periods_per_year)ทางการเงินจะคำนวณอัตราดอกเบี้ยกลางประจำปี โดยพิจารณาอัตราที่แท้จริงและจำนวนงวดรวมต่อปี ดูข้อมูลเพิ่มเติม
NPERNPER(rate, payment_amount, present_value, [future_value], [end_or_beginning])ทางการเงินจะคำนวณจำนวนของงวดการชำระเงินสำหรับการลงทุน โดยคำนวณจากการชำระเงินคงที่เป็นงวดและอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
NPVNPV(discount, cashflow1, [cashflow2, ...])ทางการเงิน
PDURATIONPDURATION(อัตรา, ค่าปัจจุบัน, ค่าอนาคค)จะแสดงผลจำนวนงวดที่จำเป็นเพื่อให้การลงทุนถึงมูลค่าที่ต้องการในอัตราที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
PMTPMT(rate, number_of_periods, present_value, [future_value], [end_or_beginning])ทางการเงินจะคำนวณการชำระเงินรายงวดสำหรับเงินรายปี โดยคิดจากการชำระเงินเป็นงวดคงที่และอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
PPMTPPMT(rate, period, number_of_periods, present_value, [future_value], [end_or_beginning])ทางการเงินจะคำนวณการชำระเงินต้นของการลงทุน โดยคิดจากการชำระเงินเป็นงวดคงที่และอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
PRICEPRICE(settlement, maturity, rate, yield, redemption, frequency, [day_count_convention])ทางการเงินจะคำนวณราคาหลักทรัพย์ที่ชำระดอกเบี้ยเป็นงวด เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จากผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
PRICEDISCPRICEDISC(settlement, maturity, discount, redemption, [day_count_convention])ทางการเงินจะคำนวณราคาของหลักทรัพย์ที่มีส่วนลด (ไม่มีดอกเบี้ย) จากผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
PRICEMATPRICEMAT(settlement, maturity, issue, rate, yield, [day_count_convention])ทางการเงินจะคำนวณราคาของหลักทรัพย์ที่ชำระดอกเบี้ยเมื่อครบกำหนด จากผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
PVPV(rate, number_of_periods, payment_amount, [future_value], [end_or_beginning])ทางการเงินจะคำนวณมูลค่าปัจจุบันของเบี้ยลงทุนรายปี โดยคิดจากการชำระเงินเป็นงวดคงที่และอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
RATERATE(number_of_periods, payment_per_period, present_value, [future_value], [end_or_beginning], [rate_guess])ทางการเงินจะคำนวณอัตราดอกเบี้ยของเบี้ยลงทุนรายปี โดยคิดจากการชำระเงินเป็นงวดคงที่และอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
RECEIVEDRECEIVED(settlement, maturity, investment, discount, [day_count_convention])ทางการเงินจะคำนวณจำนวนเงินที่ได้รับ ณ วันครบกำหนดอายุการลงทุนในตราสารหนี้ที่ซื้อไว้ ณ วันที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
RRIRRI(จำนวนงวด, ค่าปัจจุบัน, ค่าอนาคต)จะแสดงผลอัตราดอกเบี้ยที่จำเป็นเพื่อให้การลงทุนถึงมูลค่าที่ต้องการภายในจำนวนงวดที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SLNSLN(cost, salvage, life)ทางการเงินจะคำนวณค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ตามงวดที่ระบุ โดยใช้วิธีเส้นตรง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SYDSYD(cost, salvage, life, period)ทางการเงินจะคำนวณค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ตามงวดที่ระบุ โดยใช้วิธีผลรวมจำนวนปี ดูข้อมูลเพิ่มเติม
TBILLEQTBILLEQ(settlement, maturity, discount)ทางการเงินจะคำนวณอัตราผลตอบแทนเทียบเท่ารายปีสำหรับตั๋วเงินคลังสหรัฐฯ ตามอัตราส่วนลด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
TBILLPRICETBILLPRICE(settlement, maturity, discount)ทางการเงินจะคำนวณราคาตั๋วเงินคลังของสหรัฐฯ ตามอัตราส่วนลด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
TBILLYIELDTBILLYIELD(settlement, maturity, price)ทางการเงินจะคำนวณผลตอบแทนของตั๋วเงินคลังของสหรัฐฯ ตามราคา ดูข้อมูลเพิ่มเติม
VDBVDB(cost, salvage, life, start_period, end_period, [factor], [no_switch])ทางการเงินจะแสดงผลค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์สำหรับงวดที่ระบุ (หรือไม่เต็มงวด) ดูข้อมูลเพิ่มเติม
XIRRXIRR(cashflow_amounts, cashflow_dates, [rate_guess])ทางการเงินจะคำนวณอัตราผลตอบแทนภายในของการลงทุนตามกระแสเงินสดแบบไม่เป็นงวดที่ระบุว่าอาจเป็นไปได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
XNPVXNPV(discount, cashflow_amounts, cashflow_dates)ทางการเงินจะคำนวณมูลค่าปัจจุบันสุทธิของการลงทุนโดยอิงจากชุดกระแสเงินสดที่อาจมีช่วงเวลาห่างไม่คงที่และอัตราส่วนลด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
YIELDYIELD(settlement, maturity, rate, price, redemption, frequency, [day_count_convention])ทางการเงินจะคำนวณผลตอบแทนประจำปีของหลักทรัพย์ที่ชำระดอกเบี้ยเป็นงวด เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ตามราคา ดูข้อมูลเพิ่มเติม
YIELDDISCYIELDDISC(settlement, maturity, price, redemption, [day_count_convention])ทางการเงินจะคำนวณผลตอบแทนประจำปีของหลักทรัพย์ที่มีส่วนลด (ไม่มีดอกเบี้ย) ตามราคา ดูข้อมูลเพิ่มเติม
YIELDMATYIELDMAT(settlement, maturity, issue, rate, price, [day_count_convention])ทางการเงินจะคำนวณผลตอบแทนรายปีของหลักทรัพย์ที่ชำระดอกเบี้ยเมื่อครบกำหนดตามราคา ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ARRAYFORMULAARRAYFORMULA(array_formula)สำหรับ Google จะอนุญาตให้แสดงค่าที่ได้จากสูตรอาร์เรย์ในหลายแถวและ/หรือหลายคอลัมน์ และให้ใช้ฟังก์ชันที่ไม่ใช่อาร์เรย์กับอาร์เรย์ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DETECTLANGUAGEDETECTLANGUAGE(text_or_range)สำหรับ Google จะระบุภาษาที่ใช้ในข้อความภายในช่วงที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
GOOGLEFINANCEGOOGLEFINANCE(ticker, [attribute], [start_date], [end_date|num_days], [interval])สำหรับ Googleจะเรียกดูข้อมูลหลักทรัพย์ในปัจจุบันหรือในอดีตจาก Google Finance ดูข้อมูลเพิ่มเติม
GOOGLETRANSLATEGOOGLETRANSLATE(text, [source_language], [target_language])สำหรับ Google จะแปลข้อความจากภาษาหนึ่งเป็นอีกภาษา ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMAGEIMAGE(url, [mode], [height], [width])สำหรับ Google จะแทรกรูปภาพในเซลล์ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
QUERYQUERY(data, query, [headers])สำหรับ Google จะเรียกใช้การค้นหาของ Google Visualization API Query Language จากข้อมูลทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SPARKLINESPARKLINE(data, [options])สำหรับ Googleจะสร้างแผนภูมิขนาดเล็กในเซลล์เดี่ยว ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ERROR.TYPEERROR.TYPE(reference)สำหรับข้อมูลจะแสดงผลหมายเลขที่สอดคล้องกับค่าความผิดพลาดในอีกเซลล์หนึ่ง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ISBLANKISBLANK(value)สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าเซลล์ที่อ้างอิงว่างเปล่าหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ISDATEISDATE(value)สำหรับข้อมูลจะแสดงผลว่าค่าเป็นวันที่หรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
ISEMAILISEMAIL(value)สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าค่าเป็นที่อยู่อีเมลที่ถูกต้องหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ISERRISERR(value)สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าเป็นค่าที่ผิดพลาดนอกเหนือจาก "#N/A" หรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ISERRORISERROR(value)สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าเป็นค่าที่ผิดพลาดหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ISFORMULAISFORMULA(cell)สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่ามีสูตรในเซลล์ที่อ้างอิงหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ISLOGICALISLOGICAL(value)สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าค่าเป็น "TRUE" หรือ "FALSE" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ISNAISNA(value)สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าเป็นค่าที่ผิดพลาด "#N/A" หรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ISNONTEXTISNONTEXT(value)สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าค่าไม่ใช่ข้อความหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ISNUMBERISNUMBER(value)สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าค่าเป็นตัวเลขหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ISREFISREF(value)สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าค่ามีการอ้างอิงเซลล์ที่ถูกต้องหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ISTEXTISTEXT(value)สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าค่าเป็นข้อความหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
NN(value)สำหรับข้อมูลจะแสดงผลอาร์กิวเมนต์ที่ระบุเป็นจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
NANA()สำหรับข้อมูลจะแสดงผลข้อผิดพลาด "ค่าไม่พร้อมใช้งาน" หรือ "#N/A" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
TYPETYPE(value)สำหรับข้อมูลจะแสดงผลจำนวนที่เกี่ยวข้องกับประเภทข้อมูลที่ส่งผ่านไปยังฟังก์ชัน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
CELLCELL(info_type, reference)สำหรับข้อมูลจะแสดงผลข้อมูลที่ต้องการเกี่ยวกับเซลล์ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ANDAND(logical_expression1, [logical_expression2, ...])ทางตรรกะ
FALSEFALSE()ทางตรรกะจะจะแสดงผลค่าเชิงตรรกะ "FALSE" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IFIF(logical_expression, value_if_true, value_if_false)ทางตรรกะจะแสดงผลค่าหนึ่งหากนิพจน์เชิงตรรกะเป็น "TRUE" และอีกค่าหนึ่งหากเป็น "FALSE" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IFERRORIFERROR(value, [value_if_error])ทางตรรกะจะแสดงผลอาร์กิวเมนต์แรกหากไม่ใช่ค่าผิดพลาด ไม่เช่นนั้นจะส่งกลับอาร์กิวเมนต์ที่สอง (ถ้ามี) หรือเป็นค่าว่างถ้าไม่มีอาร์กิวเมนต์ที่สอง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IFNAIFNA(ค่า, ค่าหากเป็น_na)จะประเมินค่า หากค่าดังกล่าวเป็นข้อผิดพลาด #N/A ก็จะแสดงผลค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IFSIFS(condition1, value1, [condition2, value2], …)ทางตรรกะจะประเมินเงื่อนไขจำนวนมากและแสดงผลค่าที่สอดคล้องกับเงื่อนไขแรกที่เป็นจริง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
แบบตรรกะLAMBDALAMBDA(name, formula_expression) สร้างและแสดงผลฟังก์ชันที่กําหนดเองซึ่งมีชุดของชื่อและ formula_expression ที่ใช้ฟังก์ชันดังกล่าว หากต้องการคำนวณ formula_expression คุณสามารถเรียกใช้ฟังก์ชันที่แสดงผลพร้อมกับค่าต่างๆ ได้มากเท่าที่ "name" ประกาศ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
NOTNOT(logical_expression)ทางตรรกะจะแสดงผลค่าตรรกะที่ตรงกันข้าม - "NOT(TRUE)" แสดงผล "FALSE" ส่วน "NOT(FALSE)" แสดง "TRUE" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
OROR(logical_expression1, [logical_expression2, ...])ทางตรรกะ
SWITCHSWITCH(expression, case1, value1, [default or case2, value2], …)ทางตรรกะจะทดสอบนิพจน์เทียบกับกรณีต่างๆ และแสดงผลค่าที่สอดคล้องกันของกรณีแรกที่ตรงกัน พร้อมกับค่าเริ่มต้นแบบเลือกได้ หากไม่มีกรณีตรงกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
TRUETRUE()ทางตรรกะจะแสดงผลค่าเชิงตรรกะ "TRUE" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
XORXOR(logical_expression1, [logical_expression2, ...]) ทางตรรกะ
แบบตรรกะLETLET(name1, value_expression1, [name2, …], [value_expression2, …], formula_expression )กำหนดชื่อด้วยผลลัพธ์ "value_expression" และแสดงผลผลลัพธ์ของ "formula_expression" โดย "formula_expression" สามารถใช้ชื่อที่ระบุไว้ในขอบเขตของฟังก์ชัน LET ได้ ระบบจะประเมิน "value_expression" เพียงครั้งเดียวในฟังก์ชัน LET แม้ว่า "value_expression" หรือ "formula_expression" ต่อไปนี้จะใช้หลายครั้ง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ADDRESSADDRESS(row, column, [absolute_relative_mode], [use_a1_notation], [sheet])สำหรับการค้นหาจะแสดงผลการอ้างอิงเซลล์เป็นสตริง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
CHOOSECHOOSE(index, choice1, [choice2, ...])สำหรับการค้นหา
COLUMNCOLUMN([cell_reference])สำหรับการค้นหาจะแสดงผลหมายเลขคอลัมน์ของเซลล์ที่ระบุ โดยที่ "A=1" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
COLUMNSCOLUMNS(range)สำหรับการค้นหาจะแสดงผลจำนวนคอลัมน์ในอาร์เรย์หรือช่วงที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
FORMULATEXTFORMULATEXT(เซลล์)จะแสดงผลสูตรเป็นสตริง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
GETPIVOTDATAGETPIVOTDATA(value_name, any_pivot_table_cell, [original_column, ...], [pivot_item, ...]สำหรับการค้นหาจะดึงค่าการรวมจากตาราง Pivot ซึ่งตรงกับส่วนหัวของแถวและคอลัมน์ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
HLOOKUPHLOOKUP(search_key, range, index, [is_sorted])สำหรับการค้นหาแนวนอนจะค้นหาแถวแรกของช่วงทั้งหมดเพื่อหาคีย์และส่งคืนค่าของเซลล์ที่ระบุในคอลัมน์ที่พบ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
INDEXINDEX(reference, [row], [column])สำหรับการค้นหาจะแสดงผลเนื้อหาของเซลล์ที่ระบุโดยค่าออฟเซ็ตของแถวและคอลัมน์ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
INDIRECTINDIRECT(cell_reference_as_string, [is_A1_notation])สำหรับการค้นหาจะแสดงผลการอ้างอิงเซลล์ที่ระบุโดยสตริง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
LOOKUPLOOKUP(search_key, search_range|search_result_array, [result_range])สำหรับการค้นหาจะค้นหาคีย์ในแถวหรือคอลัมน์ และแสดงผลค่าเซลล์ในช่วงผลลัพธ์ที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกับแถวหรือคอลัมน์ที่ค้นหา ดูข้อมูลเพิ่มเติม
MATCHMATCH(search_key, range, [search_type])สำหรับการค้นหาจะแสดงผลตำแหน่งสัมพัทธ์ของรายการในช่วงที่ตรงกับค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
OFFSETOFFSET(cell_reference, offset_rows, offset_columns, [height], [width])สำหรับการค้นหาจะแสดงผลช่วงการอ้างอิงที่เลือกเป็นจำนวนแถวและคอลัมน์ที่ระบุจากเซลล์อ้างอิงเริ่มต้น ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ROWROW([cell_reference])สำหรับการค้นหาจะแสดงผลหมายเลขแถวของเซลล์ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ROWSROWS(range)สำหรับการค้นหาจะแสดงผลจำนวนแถวในอาร์เรย์หรือช่วงที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
VLOOKUPVLOOKUP(search_key, range, index, [is_sorted])สำหรับการค้นหาแนวตั้งจะค้นหาตามคอลัมน์แรกของช่วงลงมาเพื่อหาคีย์และแสดงผลค่าของเซลล์ที่ระบุในแถวที่พบ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ค้นหาXLOOKUPXLOOKUP(search_key, lookup_range, result_range, missing_value, [match_mode], [search_mode]) แสดงผลค่าในช่วงผลลัพธ์ตามตำแหน่งซึ่งพบรายการที่ตรงกันในช่วงการค้นหา หากไม่พบรายการที่ตรงกัน ระบบจะแสดงผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงที่สุด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ABSABS(value)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าสัมบูรณ์ของจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ACOSACOS(value)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลโคไซน์ผกผันของค่า เป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ACOSHACOSH(value)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าโคไซน์ไฮเปอร์โบลิกผกผันของจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ACOTACOT(value)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลโคแทนเจนต์ผกผันของค่าเป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ACOTHACOTH(value)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลโคแทนเจนต์ผกผันของค่าเป็นเรเดียน โดยต้องไม่ใช่ค่าตั้งแต่ "-1" ถึง "1" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ASINASIN(value)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าไซน์ผกผันเป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ASINHASINH(value)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าไซน์ไฮเปอร์โบลิกผกผันของจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ATANATAN(value)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าแทนเจนต์ผกผันของค่าเป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ATAN2ATAN2(x, y)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลมุมระหว่างแกน x และส่วนของเส้นตรงจากจุดเริ่มต้น (0,0) ไปยังคู่พิกัดที่ระบุ ("x", "y") เป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ATANHATANH(value)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าแทนเจนต์ไฮเปอร์โบลิกผกผันของจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
BASEBASE(value, base, [min_length])ทางคณิตศาสตร์จะแปลงตัวเลขเป็นการนำเสนอแบบตัวอักษรในฐานอื่น เช่น ฐาน 2 สำหรับไบนารี ดูข้อมูลเพิ่มเติม
CEILINGCEILING(value, [factor])ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษขึ้นให้เป็นจำนวนเต็มค่าผลคูณที่ใกล้เคียงที่สุดของจำนวนที่มีนัยสำคัญตามที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
CEILING.MATHCEILING.MATH(number, [significance], [mode])ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษขึ้นให้เป็นจำนวนเต็มค่าผลคูณที่ใกล้เคียงที่สุดของจำนวนที่มีนัยสำคัญที่กำหนด ส่วนค่าลบให้ปัดเศษใกล้ 0 หรือน้อยกว่า 0 โดยขึ้นอยู่กับโหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
CEILING.PRECISECEILING.PRECISE(number, [significance])ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษขึ้นให้เป็นจำนวนเต็มค่าผลคูณที่ใกล้เคียงที่สุดของจำนวนที่มีนัยสำคัญตามที่กำหนด หากจำนวนเป็นค่าบวกหรือค่าลบ จะมีการปัดเศษขึ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
COMBINCOMBIN(n, k)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนของวิธีการที่จะเลือกจำนวนของวัตถุบางอย่างจากกลุ่มตัวเลือกของวัตถุซึ่งมีขนาดที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
COMBINACOMBINA(n, k)ทางคณิตศาสตร์แสดงผลจำนวนวิธีที่จะเลือกวัตถุจำนวนหนึ่งจากกลุ่มวัตถุที่มีจำนวนที่ระบุ รวมถึงจำนวนวิธีที่จะเลือกวัตถุเดียวกันซ้ำหลายครั้ง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
COSCOS(angle)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าโคไซน์ของมุมที่ระบุเป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
COSHCOSH(value)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าโคไซน์ไฮเปอร์โบลิกของจำนวนจริง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
COTCOT(angle)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลโคแทนเจนต์ของมุมที่ระบุเป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
COTHCOTH(value)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลไฮเปอร์โบลิกโคแทนเจนต์ของจำนวนจริงใดๆ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
COUNTBLANKCOUNTBLANK(range)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนของเซลล์ที่ว่างในช่วงที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
COUNTIFCOUNTIF(range, criterion)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลการนับที่มีเงื่อนไขในช่วง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
COUNTIFSCOUNTIFS(criteria_range1, criterion1, [criteria_range2, criterion2, ...])
COUNTUNIQUECOUNTUNIQUE(value1, [value2, ...])ทางคณิตศาสตร์
CSCCSC(angle)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลโคซีแคนต์ของมุมที่ระบุเป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
CSCHCSCH(value)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลไฮเปอร์โบลิกโคซีแคนต์ของจำนวนจริงใดๆ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DECIMALDECIMAL(value, base)ทางคณิตศาสตร์จะแปลงการนำเสนอจำนวนแบบอักษรในฐานอื่นเป็นฐาน 10 (ทศนิยม) ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DEGREESDEGREES(angle)ทางคณิตศาสตร์จะแปลงค่ามุมในเรเดียนให้เป็นองศา ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ERFCERFC(z)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลฟังก์ชันข้อผิดพลาดเกาส์เสริมของค่า ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ERFC.PRECISEERFC.PRECISE(z)โปรดดู ERFC
EVENEVEN(value)ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษเป็นจำนวนเต็มคู่ที่ใกล้เคียงที่สุด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
EXPEXP(exponent)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนออยเลอร์ e (~ 2.718) ยกกำลัง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
FACTFACT(value)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าแฟกทอเรียลของจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
FACTDOUBLEFACTDOUBLE(value)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่า "ดับเบิลแฟกทอเรียล" ของจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
FLOORFLOOR(value, [factor])ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษลงให้เป็นจำนวนเต็มค่าผลคูณที่ใกล้เคียงที่สุดของ "ตัวประกอบ" ที่มีนัยสำคัญตามที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
FLOOR.MATHFLOOR.MATH(number, [significance], [mode])ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษลงให้เป็นจำนวนเต็มค่าผลคูณที่ใกล้เคียงที่สุดของจำนวนที่มีนัยสำคัญที่กำหนด ส่วนค่าลบให้ปัดเศษใกล้ 0 หรือน้อยกว่า 0 โดยขึ้นอยู่กับโหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
FLOOR.PRECISEFLOOR.PRECISE(number, [significance])ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษลงให้เป็นจำนวนเต็มหรือค่าผลคูณที่ใกล้เคียงที่สุดที่มีนัยสำคัญตามที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
GAMMALNGAMMALN(value)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าลอการิทึมของฟังก์ชันแกมมาที่ระบุ ฐาน e (จำนวนออยเลอร์) ดูข้อมูลเพิ่มเติม
GAMMALN.PRECISEGAMMALN.PRECISE(value)โปรดดู GAMMALN
GCDGCD(value1, value2)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลตัวหารร่วมมากของจำนวนเต็มหนึ่งตัวขึ้นไป ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMLNIMLN(complex_value)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าลอการิทึมของจำนวนเชิงซ้อน ฐาน e (ตัวเลขของออยเลอร์) ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMPOWERIMPOWER(complex_base, exponent)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนเชิงซ้อนที่เพิ่มตามเลขยกกำลัง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMSQRTIMSQRT(complex_number)ทางคณิตศาสตร์จะคำนวณรากที่สองของจำนวนเชิงซ้อน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
INTINT(value)ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษจำนวนลงไปยังจำนวนเต็มที่ใกล้เคียงที่สุดที่น้อยกว่าหรือเท่ากับจำนวนนั้น ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ISEVENISEVEN(value)ทางคณิตศาสตร์จะตรวจสอบว่าค่าที่ระบุเป็นเลขคู่หรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ISO.CEILINGISO.CEILING(number, [significance])โปรดดู CEILING.PRECISE
ISODDISODD(value)ทางคณิตศาสตร์จะตรวจสอบว่าค่าที่ระบุเป็นเลขคี่หรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
LCMLCM(value1, value2)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลตัวคูณร่วมน้อยของจำนวนเต็มหนึ่งตัวขึ้นไป ดูข้อมูลเพิ่มเติม
LNLN(value)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าลอการิทึมของจำนวน ฐาน e (จำนวนออยเลอร์) ดูข้อมูลเพิ่มเติม
LOGLOG(value, base)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าลอการิทึมของจำนวนที่กำหนดฐาน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
LOG10LOG10(value)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าลอการิทึมของจำนวนฐาน 10 ดูข้อมูลเพิ่มเติม
MODMOD(dividend, divisor)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลลัพธ์ของโอเปอเรเตอร์โมดูโลและเศษหลังการหาร ดูข้อมูลเพิ่มเติม
MROUNDMROUND(value, factor)ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษจำนวนหนึ่งขึ้นให้เป็นจำนวนเต็มทวีคูณที่ใกล้เคียงที่สุดของอีกจำนวนหนึ่ง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
MULTINOMIALMULTINOMIAL(value1, value2)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าแฟกทอเรียลของผลรวมของค่า หารด้วยผลลัพธ์ของแฟกทอเรียลของค่า ดูข้อมูลเพิ่มเติม
MUNITMUNIT(ขนาด)จะแสดงผลเมทริกซ์หน่วยของขนาดเป็น ขนาด x ขนาด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ODDODD(value)ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษเป็นจำนวนเต็มคี่ที่ใกล้เคียงที่สุด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
PIPI()ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่า Pi จนถึงทศนิยมหลักที่ 14 ดูข้อมูลเพิ่มเติม
POWERPOWER(base, exponent)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนยกกำลัง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
PRODUCTPRODUCT(factor1, [factor2, ...])ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลลัพธ์ของการคูณกลุ่มจำนวนเข้าด้วยกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
QUOTIENTQUOTIENT(dividend, divisor)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลหมายเลขหนึ่งที่ถูกหารด้วยอีกจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
RADIANSRADIANS(angle)ทางคณิตศาสตร์จะแปลงค่ามุมที่เป็นองศาให้เป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
RANDRAND()ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนสุ่มที่มีค่าระหว่าง 0 และ 1 (รวม 0 แต่ไม่รวม 1) ดูข้อมูลเพิ่มเติม
RANDARRAYRANDARRAY(rows, columns)ทางคณิตศาสตร์จะสร้างอาร์เรย์ของจำนวนสุ่มที่มีค่าระหว่าง 0 และ 1 ดูข้อมูลเพิ่มเติม
RANDBETWEENRANDBETWEEN(low, high)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนเต็มแบบสุ่มที่สม่ำเสมอระหว่างสองค่า โดยรวมทั้งสองค่า ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ROUNDROUND(value, [places])ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษจำนวนที่ระบุเป็นจำนวนหลักทศนิยมที่กำหนดตามกฎเกณฑ์มาตรฐาน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ROUNDDOWNROUNDDOWN(value, [places])ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษจำนวนเป็นหลักทศนิยมที่กำหนด โดยปัดลงไปหาจำนวนที่ถูกต้อง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ROUNDUPROUNDUP(value, [places])ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษจำนวนเป็นหลักทศนิยมที่กำหนด โดยปัดขึ้นไปหาจำนวนต่อไปที่ถูกต้องเสมอ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SECSEC(angle)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลซีแคนต์ของมุมที่วัดเป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SECHSECH(value)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลไฮเปอร์โบลิกซีแคนต์ของมุม ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SEQUENCESEQUENCE(แถว, คอลัมน์, เริ่มต้น, ขั้น)จะแสดงผลอาร์เรย์ของตัวเลขที่เรียงตามลำดับ เช่น 1, 2, 3, 4 ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SERIESSUMSERIESSUM(x, n, m, a)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลอนุกรมกำลังโดยรวม a1xn + a2x(n+m) + ... + aix(n+(i-1)m) หากพารามิเตอร์เป็น x, n, m และ a โดย i คือจำนวนข้อมูลในช่วง "a"ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SIGNSIGN(value)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผล "-1" ถ้าตัวเลขเป็นลบ "1" ถ้าเป็นบวก และ "0" ถ้าเป็นศูนย์ โดยขึ้นอยู่กับตัวเลขอินพุต ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SINSIN(angle)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าไซน์ของมุมที่ให้ไว้เป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SINHSINH(value)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลไซน์ไฮเปอร์โบลิกของจำนวนจริง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SQRTSQRT(value)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนบวกของรากที่สองของจำนวนบวก ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SQRTPISQRTPI(value)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนบวกของรากที่สองของผลลัพธ์ของ Pi และจำนวนบวกที่ให้ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SUBTOTALSUBTOTAL(function_code, range1, [range2, ...])ทางคณิตศาสตร์
SUMSUM(value1, [value2, ...])ทางคณิตศาสตร์
SUMIFSUMIF(range, criterion, [sum_range])ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลรวมแบบมีเงื่อนไขตลอดช่วง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SUMIFSSUMIFS(sum_range, criteria_range1, criterion1, [criteria_range2, criterion2, ...]) ทางคณิตศาสตร์
SUMSQSUMSQ(value1, [value2, ...])ทางคณิตศาสตร์
TANTAN(angle)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลแทนเจนต์ของมุมที่ให้ไว้เป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
TANHTANH(value)ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลแทนเจนต์ไฮเปอร์โบลิกของจำนวนจริงใดๆ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
TRUNCTRUNC(value, [places])ทางคณิตศาสตร์จะตัดทอนจำนวนให้เหลือจำนวนเลขนัยสำคัญที่กำหนด โดยละจำนวนที่มีความสำคัญน้อยกว่า ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ADDADD(value1, value2)สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลรวมของสองจำนวน โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย "+" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
CONCATCONCAT(value1, value2)สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลการเชื่อมสองค่าเข้าด้วยกัน โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย "&" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DIVIDEDIVIDE(dividend, divisor)สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลจำนวนหนึ่งที่ถูกหารด้วยอีกจำนวน โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย "/" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
EQEQ(value1, value2)สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผล "TRUE" หากสองค่าที่ระบุเท่ากัน และ "FALSE" หากไม่เป็นเช่นนั้น โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย "=" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
GTGT(value1, value2)สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผล "TRUE" หากอาร์กิวเมนต์แรกเจาะจงว่ามากกว่าอาร์กิวเมนต์ที่สอง และ "FALSE" หากไม่เป็นเช่นนั้น โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย ">" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
GTEGTE(value1, value2)สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผล "TRUE" หากอาร์กิวเมนต์แรกมากกว่าหรือเท่ากับอาร์กิวเมนต์ที่สอง และ "FALSE" หากไม่เป็นเช่นนั้น โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย ">=" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
โอเปอเรเตอร์ISBETWEENISBETWEEN(value_to_compare, lower_value, upper_value, lower_value_is_inclusive, upper_value_is_inclusive) ตรวจสอบว่าหมายเลขที่ระบุอยู่ระหว่างหมายเลขอื่น 2 หมายเลข โดยนับรวมหรือไม่นับรวมหมายเลขเหล่านั้น ดูข้อมูลเพิ่มเติม
LTLT(value1, value2)สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผล "TRUE" หากอาร์กิวเมนต์แรกเจาะจงว่าน้อยกว่าอาร์กิวเมนต์ที่สอง และ "FALSE" หากไม่เป็นเช่นนั้น โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย "<" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
LTELTE(value1, value2)สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผล "TRUE" หากอาร์กิวเมนต์แรกน้อยกว่าหรือเท่ากับอาร์กิวเมนต์ที่สอง และ "FALSE" หากไม่เป็นเช่นนั้น โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย "<=" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
MINUSMINUS(value1, value2)สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลต่างของสองจำนวนโดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย "-" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
MULTIPLYMULTIPLY(factor1, factor2)สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลคูณของสองจำนวน โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย "*" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
NENE(value1, value2)สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผล "TRUE" หากสองค่าที่ระบุไม่เท่ากัน และ "FALSE" หากไม่เป็นเช่นนั้น โดยมีค่าเทียบเท่ากับเครื่องหมาย "<>" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
POWPOW(base, exponent)สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลจำนวนยกกำลัง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
UMINUSUMINUS(value)สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลจำนวนที่มีเครื่องหมายตรงกันข้าม ดูข้อมูลเพิ่มเติม
UNARY_PERCENTUNARY_PERCENT(percentage)สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลค่าตีความว่าเป็นเปอร์เซ็นต์ นั่นคือ "UNARY_PERCENT (100)" เท่ากับ "1" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
โอเปอเรเตอร์UNIQUEUNIQUE(range, by_column, exactly_once) แสดงผลแถวที่ไม่ซ้ำกันในช่วงของแหล่งข้อมูลที่ระบุ โดยไม่แสดงข้อมูลซ้ำ ระบบจะแสดงผลแถวตามลำดับที่ปรากฏครั้งแรกในช่วงของแหล่งที่มา ดูข้อมูลเพิ่มเติม
UPLUSUPLUS(value)สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลตัวเลขที่เฉพาะเจาะจงโดยไม่เปลี่ยนแปลง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
AVEDEVAVEDEV(value1, [value2, ...])ทางสถิติ
AVERAGEAVERAGE(value1, [value2, ...])ทางสถิติ
AVERAGEAAVERAGEA(value1, [value2, ...])ทางสถิติ
AVERAGEIFAVERAGEIF(criteria_range, criterion, [average_range])ทางสถิติจะแสดงผลค่าเฉลี่ยของช่วงโดยขึ้นอยู่กับเกณฑ์ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
AVERAGEIFSAVERAGEIFS(average_range, criteria_range1, criterion1, [criteria_range2, criterion2, ...]) ทางสถิติ
AVERAGE.WEIGHTEDAVERAGE.WEIGHTED(values, weights, [additional values], [additional weights])ทางสถิติจะค้นหาค่าเฉลี่ยการถ่วงน้ำหนักของชุดค่า โดยพิจารณาจากค่าและการถ่วงน้ำหนักที่เกี่ยวข้อง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
BETADISTBETADIST(value, alpha, beta, lower_bound, upper_bound)ทางสถิติจะแสดงผลความน่าจะเป็นของค่าที่กำหนดตามฟังก์ชันการแจกแจงแบบเบต้า ดูข้อมูลเพิ่มเติม
BETA.DISTBETA.DIST(value, alpha, beta, cumulative, lower_bound, upper_bound)ทางสถิติโปรดดู BETADIST
BETA.INVBETA.INV(probability, alpha, beta, lower_bound, upper_bound)ทางสถิติจะแสดงผลค่าของฟังก์ชันการแจกแจงเบต้าแบบผกผันสำหรับความน่าจะเป็นที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
BETAINVBETAINV(probability, alpha, beta, lower_bound, upper_bound)ทางสถิติจะแสดงผลค่าของฟังก์ชันการแจกแจงเบต้าแบบผกผันสำหรับความน่าจะเป็นที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
BINOMDISTBINOMDIST(num_successes, num_trials, prob_success, cumulative)ทางสถิติจะคำนวณความน่าจะเป็นของการประสบความสำเร็จในจำนวนครั้งที่กำหนด (หรือจำนวนความสำเร็จสูงสุด) จากจำนวนการทดลองที่กำหนด โดยมีขนาดประชากรที่กำหนดที่มีจำนวนความสำเร็จที่ระบุ โดยมีการแทนที่ค่าที่เสมอกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
BINOM.DISTBINOM.DIST(num_successes, num_trials, prob_success, cumulative)โปรดดู BINOMDIST
BINOM.INVBINOM.INV(num_trials, prob_success, target_prob) โปรดดู CRITBINOM
CHIDISTCHIDIST(x, degrees_freedom)ทางสถิติจะคำนวณการแจกแจงแบบไคสแควร์ทางด้านขวา ซึ่งมักจะใช้ในการทดสอบสมมติฐาน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
CHIINVCHIINV(probability, degrees_freedom)ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันของการแจกแจงแบบไคสแควร์ทางด้านขวา ดูข้อมูลเพิ่มเติม
CHISQ.DISTCHISQ.DIST(x, degrees_freedom, cumulative)ทางสถิติจะคำนวณการแจกแจงแบบไคสแควร์ทางด้านซ้าย ซึ่งมักจะใช้ในการทดสอบสมมติฐาน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
CHISQ.DIST.RTCHISQ.DIST.RT(x, degrees_freedom)ทางสถิติจะคำนวณการแจกแจงแบบไคสแควร์ทางด้านขวา ซึ่งมักใช้ในการทดสอบสมมติฐาน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
CHISQ.INVCHISQ.INV(probability, degrees_freedom)ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันของการแจกแจงแบบไคสแควร์ทางด้านซ้าย ดูข้อมูลเพิ่มเติม
CHISQ.INV.RTCHISQ.INV.RT(probability, degrees_freedom)ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันของการแจกแจงแบบไคสแควร์ทางด้านขวา ดูข้อมูลเพิ่มเติม
CHISQ.TESTCHISQ.TEST(observed_range, expected_range)โปรดดู CHITEST
CHITESTCHITEST(observed_range, expected_range)ทางสถิติจะแสดงผลค่าความน่าจะเป็นที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบไคสแควร์ของ Pearson บนข้อมูลสองช่วง โดยคำนวณความเป็นไปได้ที่ข้อมูลกลุ่มที่พบจะมาจากการกระจายที่คาดไว้ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
CONFIDENCECONFIDENCE(alpha, standard_deviation, pop_size)ทางสถิติจะคำนวณความกว้างของครึ่งหนึ่งของช่วงความเชื่อมั่นสำหรับการกระจายปกติ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
CONFIDENCE.NORMCONFIDENCE.NORM(alpha, standard_deviation, pop_size)ทางสถิติโปรดดู CONFIDENCE
CONFIDENCE.TCONFIDENCE.T(อัลฟ่า, ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน, ขนาด)จะคำนวณความกว้างครึ่งหนึ่งของช่วงความเชื่อมั่นสำหรับการแจกแจงแบบทีของนักเรียน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
CORRELCORREL(data_y, data_x)ทางสถิติจะคำนวณ r หรือสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สันของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติม
COUNTCOUNT(value1, [value2, ...]) ทางสถิติ
COUNTACOUNTA(value1, [value2, ...])ทางสถิติ
COVARCOVAR(data_y, data_x)ทางสถิติจะคำนวณความแปรปรวนของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติม
COVARIANCE.PCOVARIANCE.P(data_y, data_x)โปรดดู COVAR
COVARIANCE.SCOVARIANCE.S(ข้อมูล_y, ข้อมูล_x)จะคำนวณความแปรปรวนของชุดข้อมูล โดยที่ชุดข้อมูลคือตัวอย่างของประชากรทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
CRITBINOMCRITBINOM(num_trials, prob_success, target_prob)ทางสถิติจะคำนวณจำนวนที่น้อยที่สุดที่การกระจายทวินามสะสมแบบผกผันมีค่ามากกว่าหรือเท่ากับเกณฑ์ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DEVSQDEVSQ(value1, value2)ทางสถิติจะคำนวณผลรวมของกำลังสองของความเบี่ยงเบนตามตัวอย่าง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
สถิติEXPONDISTEXPONDIST(x, LAMBDA, cumulative)โปรดดู EXPON.DIST
สถิติEXPON.DISTEXPON.DIST(x, LAMBDA, cumulative)แสดงผลค่าของฟังก์ชันการกระจายแบบเลขยกกำลังด้วย LAMBDA เฉพาะในค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
FDISTFDIST(x, degrees_freedom1, degrees_freedom2)ทางสถิติจะคำนวณการกระจายความน่าจะเป็นของค่า F ทางด้านขวา (การแจกแจงความน่าจะเป็น) สำหรับชุดข้อมูล 2 ชุด ที่ระบุค่า x หรือที่เรียกว่าการแจกแจงของ Fisher-Snedecor หรือการแจกแจงแบบ F ของ Snedecor ดูข้อมูลเพิ่มเติม
F.DISTF.DIST(x, degrees_freedom1, degrees_freedom2, cumulative)ทางสถิติจะคำนวณการกระจายความน่าจะเป็นของค่า F ทางด้านซ้าย (การแจกแจงความน่าจะเป็น) สำหรับชุดข้อมูล 2 ชุด ที่ระบุค่า x. หรือที่เรียกว่าการแจกแจงของ Fisher-Snedecor หรือการแจกแจงแบบ F ของ Snedecor ดูข้อมูลเพิ่มเติม
F.DIST.RTF.DIST.RT(x, degrees_freedom1, degrees_freedom2)ทางสถิติจะคำนวณการกระจายความน่าจะเป็นของค่า F ทางด้านขวา (การแจกแจงความน่าจะเป็น) สำหรับชุดข้อมูล 2 ชุด ที่ระบุค่า x หรือที่เรียกว่าการแจกแจงของ Fisher-Snedecor หรือการแจกแจงแบบ F ของ Snedecor ดูข้อมูลเพิ่มเติม
FINVFINV(probability, degrees_freedom1, degrees_freedom2)ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันของการแจกแจงความน่าจะเป็นแบบ F ทางด้านขวา หรือที่เรียกว่าการแจกแจงของ Fisher-Snedecor หรือการแจกแจงค่า F ของ Snedecor ดูข้อมูลเพิ่มเติม
F.INVF.INV(probability, degrees_freedom1, degrees_freedom2)ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันของการแจกแจงความน่าจะเป็นแบบ F ทางด้านซ้าย หรือที่เรียกว่าการแจกแจงของ Fisher-Snedecor หรือการแจกแจงค่า F ของ Snedecor ดูข้อมูลเพิ่มเติม
F.INV.RTF.INV.RT(probability, degrees_freedom1, degrees_freedom2)ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันของการแจกแจงความน่าจะเป็นของค่า F ทางด้านขวา หรือที่เรียกว่าการแจกแจงของ Fisher-Snedecor หรือการแจกแจงค่า F ของ Snedecor ดูข้อมูลเพิ่มเติม
FISHERFISHER(value)ทางสถิติจะแสดงผลการเปลี่ยนแปลงฟิชเชอร์ของค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
FISHERINVFISHERINV(value)ทางสถิติจะแสดงผลการเปลี่ยนแปลงฟิชเชอร์ผกผันของค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
FORECASTFORECAST(x, data_y, data_x)ทางสถิติจะคำนวณค่า y ที่คาดไว้สำหรับ x ที่ระบุ ตามการถดถอยเชิงเส้นของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติม
FORECAST.LINEARFORECAST.LINEAR(x, data_y, data_x) โปรดดู FORECAST
FTESTFTEST(range1, range2)ทางสถิติจะแสดงผลค่าความน่าจะเป็นที่สัมพันธ์กับ F-test ที่ใช้ทดสอบความเท่ากันของความแปรปรวน เพื่อพิจารณาว่าตัวอย่างสองกลุ่มมีแนวโน้มว่ามาจากกลุ่มประชากรสองกลุ่มที่มีค่าความแปรปรวนเท่ากันหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
F.TESTF.TEST(range1, range2)ทางสถิติ โปรดดูฟังก์ชัน FTEST
GAMMAGAMMA(จำนวน)จะแสดงผลฟังก์ชัน Gamma ซึ่งประเมินที่ค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
GAMMADISTGAMMADIST(x, alpha, beta, cumulative)ทางสถิติจะคำนวณการแจกแจงแกมมา หรือการแจกแจงความน่าจะเป็นแบบต่อเนื่องโดยใช้ข้อมูลพารามิเตอร์ 2 ค่า ดูข้อมูลเพิ่มเติม
GAMMA.DISTGAMMA.DIST(x, alpha, beta, cumulative)ทางสถิติจะคำนวณการแจกแจงแกมมา หรือการแจกแจงความน่าจะเป็นแบบต่อเนื่องโดยใช้ข้อมูลพารามิเตอร์ 2 ค่า ดูข้อมูลเพิ่มเติม
GAMMA.INVGAMMA.INV(probability, alpha, beta)ทางสถิติจะแสดงผลค่าฟังก์ชันการแจกแจงสะสมแกมมาแบบผกผันสำหรับความน่าจะเป็นที่ระบุ และพารามิเตอร์อัลฟาและเบต้า ดูข้อมูลเพิ่มเติม
GAMMAINVGAMMAINV(probability, alpha, beta)ทางสถิติจะแสดงผลค่าฟังก์ชันการแจกแจงสะสมแกมมาแบบผกผันสำหรับความน่าจะเป็นที่ระบุ และพารามิเตอร์อัลฟาและเบต้า ดูข้อมูลเพิ่มเติม
GAUSSGAUSS(z)ทางสถิติจะแสดงผลค่าความน่าจะเป็นที่เป็นตัวแปรสุ่มจากการแจกแจงแบบปกติ โดยจะอยู่ระหว่างค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน z ที่สูงกว่า (หรือต่ำกว่า) ค่าเฉลี่ย ดูข้อมูลเพิ่มเติม
GEOMEANGEOMEAN(value1, value2)ทางสถิติจะคำนวณมัชฌิมเรขาคณิตของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติม
HARMEANHARMEAN(value1, value2)ทางสถิติจะคำนวณมัชฌิมฮาร์โมนิกของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติม
HYPGEOMDISTHYPGEOMDIST(num_successes, num_draws, successes_in_pop, pop_size)ทางสถิติจะคำนวณความน่าจะเป็นของการประสบความสำเร็จในจำนวนครั้งที่กำหนด (หรือจำนวนความสำเร็จสูงสุด) จากจำนวนการทดลองที่กำหนด โดยมีขนาดประชากรที่กำหนดที่มีจำนวนความสำเร็จที่ระบุ โดยไม่มีการแทนที่ค่าที่เสมอกันดูข้อมูลเพิ่มเติม
ฟังก์ชันเชิงสถิติHYPGEOM.DISTHYPGEOM.DIST(num_successes, num_draws, successes_in_pop, pop_size) โปรดดู HYPGEOMDIST
INTERCEPTINTERCEPT(data_y, data_x)ทางสถิติจะคำนวณค่า y ที่เส้นเกิดจากการถดถอยเชิงเส้นของข้อมูลและตัดกับแกน y (x=0) ดูข้อมูลเพิ่มเติม
KURTKURT(value1, value2)ทางสถิติจะคำนวณความโด่งของชุดข้อมูล ซึ่งจะอธิบายถึงรูปร่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "จุดสูงสุด" ของชุดข้อมูลดังกล่าว ดูข้อมูลเพิ่มเติม
LARGELARGE(data, n)ทางสถิติจะแสดงผลองค์ประกอบที่ใหญ่เป็นอันดับ N จากชุดข้อมูล โดย N คือค่าที่ผู้ใช้ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
LOGINVLOGINV(x, mean, standard_deviation)ทางสถิติจะแสดงผลค่าผกผันของการกระจายสะสมของระบบปกติพร้อมค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานในค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
LOGNORMDISTLOGNORMDIST(x, mean, standard_deviation)ทางสถิติจะแสดงผลค่าการกระจายสะสมของระบบปกติพร้อมค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานในค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
LOGNORM.DISTLOGNORM.DIST(x, mean, standard_deviation)โปรดดู LOGNORMDIST
LOGNORM.INVLOGNORM.INV(x, mean, standard_deviation)โปรดดู LOGINV
MAXMAX(value1, [value2, ...])ทางสถิติ
MAXAMAXA(value1, value2)ทางสถิติจะแสดงผลค่าจำนวนที่สูงสุดในชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติม
MAXIFSMAXIFS(range, criteria_range1, criterion1, [criteria_range2, criterion2], …)ทางสถิติจะแสดงผลค่าสูงสุดในช่วงของเซลล์ที่กรองโดยเกณฑ์ชุดหนึ่ง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
MEDIANMEDIAN(value1, [value2, ...])ทางสถิติ
MINMIN(value1, [value2, ...])ทางสถิติ
MINAMINA(value1, value2)ทางสถิติจะแสดงผลค่าจำนวนต่ำสุดในชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติม
MINIFSMINIFS(range, criteria_range1, criterion1, [criteria_range2, criterion2], …)ทางสถิติจะแสดงผลค่าต่ำสุดในช่วงของเซลล์ที่กรองโดยเกณฑ์ชุดหนึ่ง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
MODEMODE(value1, [value2, ...])ทางสถิติ
MODE.MULTMODE.MULT(ค่า1, ค่า2)จะแสดงผลค่าที่ซ้ำมากที่สุดในชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติม
MODE.SNGLMODE.SNGL(value1, [value2, ...])
NEGBINOMDISTNEGBINOMDIST(num_failures, num_successes, prob_success)ทางสถิติจะคำนวณความน่าจะเป็นของการประสบความล้มเหลวในจำนวนครั้งที่กำหนดก่อนจำนวนความสำเร็จที่ระบุ โดยพิจารณาตามความน่าจะเป็นของความสำเร็จในการทดลองอิสระ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
NEGBINOM.DISTNEGBINOM.DIST(num_failures, num_successes, prob_success) โปรดดู NEGBINOMDIST
NORMDISTNORMDIST(x, mean, standard_deviation, cumulative)ทางสถิติจะแสดงผลค่าของฟังก์ชันการกระจายปกติ (หรือฟังก์ชันการกระจายสะสมปกติ) สำหรับค่า ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
NORM.DISTNORM.DIST(x, mean, standard_deviation, cumulative)โปรดดู NORMDIST
NORMINVNORMINV(x, mean, standard_deviation)ทางสถิติจะแสดงผลค่าฟังก์ชันการกระจายปกติแบบผกผันสำหรับค่า ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
NORM.INVNORM.INV(x, mean, standard_deviation)โปรดดู NORMINV
NORMSDISTNORMSDIST(x)ทางสถิติจะแสดงผลค่าฟังก์ชันการกระจายสะสมปกติแบบมาตรฐานสำหรับค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
NORM.S.DISTNORM.S.DIST(x) โปรดดู NORMSDIST
NORMSINVNORMSINV(x)ทางสถิติจะแสดงผลค่าผกผันของฟังก์ชันการกระจายปกติตามมาตรฐานสำหรับค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
NORM.S.INVNORM.S.INV(x)โปรดดู NORMSINV
PEARSONPEARSON(data_y, data_x)ทางสถิติจะคำนวณ r หรือสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สันของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติม
PERCENTILEPERCENTILE(data, percentile)ทางสถิติจะแสดงผลค่าของเปอร์เซ็นไทล์ที่ระบุของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติม
PERCENTILE.EXCPERCENTILE.EXC(ข้อมูล, เปอร์เซ็นต์ไทล์)จะแสดงผลค่าซึ่งอยู่ที่เปอร์เซ็นไทล์ที่ระบุของชุดข้อมูลซึ่งอยู่ระหว่าง 0 ถึง 1 ดูข้อมูลเพิ่มเติม
PERCENTILE.INCPERCENTILE.INC(data, percentile)โปรดดู PERCENTILE
PERCENTRANKPERCENTRANK(data, value, [significant_digits])ทางสถิติจะแสดงผลอันดับเปอร์เซ็นต์ (เปอร์เซ็นไทล์) ของค่าที่ระบุในชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติม
PERCENTRANK.EXCPERCENTRANK.EXC(data, value, [significant_digits])ทางสถิติจะแสดงผลอันดับเปอร์เซ็นต์ (เปอร์เซ็นไทล์) จาก 0 ถึง 1 โดยไม่รวมค่าที่ระบุในชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติม
PERCENTRANK.INCPERCENTRANK.INC(data, value, [significant_digits])ทางสถิติจะแสดงผลอันดับเปอร์เซ็นต์ (เปอร์เซ็นไทล์) จาก 0 ถึง 1 โดยรวมค่าที่ระบุในชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติม
PERMUTATIONAPERMUTATIONA(จำนวน, จำนวนที่เลือก)จะแสดงผลการเรียงสับเปลี่ยนสำหรับการเลือกกลุ่มวัตถุ (มีการแทนที่) จากจำนวนวัตถุทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
PERMUTPERMUT(n, k)ทางสถิติจะแสดงผลจำนวนวิธีการที่จะเลือกจำนวนวัตถุบางอย่างจากกลุ่มของขนาดวัตถุที่ให้ เมื่อพิจารณาลำดับ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
PHIPHI(x)ทางสถิติจะแสดงผลค่าของการแจกแจงปกติที่มีค่าเฉลี่ยเป็น 0 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเป็น 1 ดูข้อมูลเพิ่มเติม
POISSONPOISSON(x, mean, cumulative)ทางสถิติจะแสดงผลค่าของฟังก์ชันการกระจายแบบ Poisson (หรือฟังก์ชันกระจายสะสมแบบ Poisson) สำหรับค่าและค่าเฉลี่ยที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
POISSON.DISTPOISSON.DIST(x, mean, [cumulative])ทางสถิติโปรดดู POISSON
PROBPROB(data, probabilities, low_limit, [high_limit])ทางสถิติจะคำนวณความน่าจะเป็นที่ค่าที่สุ่มเลือกจะอยู่ระหว่างค่าจำกัดสองค่าโดยพิจารณาจากกลุ่มของค่าและความน่าจะเป็นที่สัมพันธ์กัน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
QUARTILEQUARTILE(data, quartile_number)ทางสถิติจะแสดงผลค่าที่ใกล้เคียงที่สุดกับควอไทล์ที่ระบุของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติม
QUARTILE.EXCQUARTILE.EXC(ข้อมูล, ควอร์ไทล์)จะแสดงผลค่าที่ใกล้ที่สุดกับควอไทล์ที่ระบุของชุดข้อมูลซึ่งอยู่ระหว่าง 0 ถึง 4 ดูข้อมูลเพิ่มเติม
QUARTILE.INCQUARTILE.INC(data, quartile_number)โปรดดู QUARTILE
RANKRANK(value, data, [is_ascending])ทางสถิติจะแสดงผลอันดับของค่าที่ระบุในชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติม
RANK.AVGRANK.AVG(value, data, [is_ascending])ทางสถิติจะแสดงผลอันดับของค่าที่ระบุในชุดข้อมูล หากในชุดข้อมูลมีมากกว่าหนึ่งรายการที่มีค่าเดียวกัน ระบบจะแสดงผลอันดับเฉลี่ยของค่าดังกล่าว ดูข้อมูลเพิ่มเติม
RANK.EQRANK.EQ(value, data, [is_ascending])ทางสถิติจะแสดงผลอันดับของค่าที่ระบุในชุดข้อมูล หากในชุดข้อมูล มีมากกว่าหนึ่งรายการที่มีค่าเดียวกัน ระบบจะแสดงผลอันดับสูงสุดของค่าดังกล่าว ดูข้อมูลเพิ่มเติม
RSQRSQ(data_y, data_x)ทางสถิติจะคำนวณกำลังสองของ r หรือสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สันของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SKEWSKEW(value1, value2)ทางสถิติจะคำนวณความเบ้ของชุดข้อมูลซึ่งอธิบายถึงความสมมาตรของชุดข้อมูลที่ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SKEW.PSKEW.P(ค่า1, ค่า2)จะคำนวณความเบ้ของชุดข้อมูลที่เป็นตัวแทนประชากรทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SLOPESLOPE(data_y, data_x)ทางสถิติจะคำนวณความชันของเส้นซึ่งเป็นผลจากความถดถอยเชิงเส้นของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SMALLSMALL(data, n)ทางสถิติจะแสดงผลองค์ประกอบที่เล็กเป็นอันดับ N จากชุดข้อมูล โดย N คือค่าที่ผู้ใช้ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
STANDARDIZESTANDARDIZE(value, mean, standard_deviation)ทางสถิติจะคำนวณค่าเทียบเท่ามาตรฐานของตัวแปรสุ่ม หากการกระจายมีค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
STDEVSTDEV(value1, [value2, ...])ทางสถิติ
STDEVASTDEVA(value1, value2)ทางสถิติจะคำนวณค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานตามกลุ่มตัวอย่าง โดยตั้งค่าให้ข้อความมีค่าเป็น "0" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
STDEVPSTDEVP(value1, value2)ทางสถิติจะคำนวณค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานจากกลุ่มประชากรทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
STDEV.PSTDEV.P(value1, [value2, ...])โปรดดู STDEVP
STDEVPASTDEVPA(value1, value2)ทางสถิติจะคำนวณค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานตามกลุ่มประชากรทั้งหมด โดยตั้งค่าให้ข้อความมีค่าเป็น "0" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
STDEV.SSTDEV.S(value1, [value2, ...])โปรดดู STDEV
STEYXSTEYX(data_y, data_x)ทางสถิติจะคำนวณข้อผิดพลาดมาตรฐานของการคาดคะเนค่า y สำหรับค่า x แต่ละค่าในการถดถอยของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติม
TDISTTDIST(x, degrees_freedom, tails)ทางสถิติจะคำนวณความน่าจะเป็นสำหรับการแจกแจงค่า t กับข้อมูลที่กำหนด (x) ของนักเรียน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
T.DISTT.DIST(x, degrees_freedom, cumulative)จะแสดงผลการแจกแจงนักเรียนทางด้านขวาของค่า x ดูข้อมูลเพิ่มเติม
T.DIST.2TT.DIST.2T(x, ระดับค่าอิสระ)จะแสดงผลการแจงแจกนักเรียนแบบ 2 ด้านของค่า x ดูข้อมูลเพิ่มเติม
T.DIST.RTT.DIST.RT(x, degrees_freedom)จะแสดงผลการแจกแจงนักเรียนทางด้านขวาของค่า x ดูข้อมูลเพิ่มเติม
TINVTINV(probability, degrees_freedom)ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันของฟังก์ชัน TDIST แบบสองด้าน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
T.INVT.INV(probability, degrees_freedom)ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันที่เป็นลบของฟังก์ชัน TDIST แบบด้านเดียว ดูข้อมูลเพิ่มเติม
T.INV.2TT.INV.2T(probability, degrees_freedom)ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันของฟังก์ชัน TDIST แบบสองด้าน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
TRIMMEANTRIMMEAN(data, exclude_proportion)ทางสถิติจะคำนวณค่าเฉลี่ยชุดข้อมูลโดยไม่รวมข้อมูลส่วนหนึ่งจากปลายที่สูงและต่ำของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติม
TTESTTTEST(range1, range2, tails, type)ทางสถิติจะแสดงผลค่าความน่าจะเป็นที่ได้จากการทำ t-Test เพื่อพิจารณาว่า ตัวอย่างสองกลุ่มมาจากกลุ่มประชากรสองกลุ่มที่เหมือนกัน ซึ่งมีค่าเฉลี่ยเท่ากันใช่ไหม ดูข้อมูลเพิ่มเติม
T.TESTT.TEST(range1, range2, tails, type)ทางสถิติโปรดดู TTEST
VARVAR(value1, [value2, ...])ทางสถิติ
VARAVARA(value1, value2)ทางสถิติจะคำนวณความแปรปรวนโดยประมาณตามกลุ่มตัวอย่าง โดยตั้งค่าให้ข้อความมีค่าเป็น "0" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
VARPVARP(value1, value2)ทางสถิติจะคำนวณค่าความแปรปรวนตามกลุ่มประชากรทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
VAR.PVAR.P(value1, [value2, ...])โปรดดู VARP
VARPAVARPA(value1, value2,...)ทางสถิติจะคำนวณค่าความแปรปรวนตามกลุ่มประชากรทั้งหมด โดยตั้งค่าให้ข้อความมีค่าเป็น "0" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
VAR.SVAR.S(value1, [value2, ...])โปรดดู VAR
WEIBULLWEIBULL(x, shape, scale, cumulative)ทางสถิติจะแสดงผลค่าฟังก์ชันการกระจายแบบ Weibull (หรือฟังก์ชันการกระจายสะสมแบบ Weibull) สำหรับรูปทรงและขั้นคะแนนที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
WEIBULL.DISTWEIBULL.DIST(x, shape, scale, cumulative)โปรดดู WEIBULL
ZTESTZTEST(data, value, [standard_deviation])ทางสถิติจะแสดงผลค่า p ด้านเดียวของการทดสอบ z กับการกระจายมาตรฐาน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
Z.TESTZ.TEST(data, value, [standard_deviation])ทางสถิติโปรดดู ZTEST
สถิติMARGINOFERRORMARGINOFERROR(range, confidence)คำนวณจำนวนความคลาดเคลื่อนของการสุ่มตัวอย่างตามช่วงของค่าและระดับความเชื่อมั่นที่มี ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ARABICARABIC(roman_numeral)สำหรับข้อความจะคำนวณค่าของเลขโรมัน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ASCASC(text)สำหรับข้อความจะแปลงอักขระ ASCII และอักขระ katakana ความกว้างเต็มเป็นแบบครึ่งความกว้าง อักขระความกว้างมาตรฐานทั้งหมดจะยังคงเดิม ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
CHARCHAR(table_number)สำหรับข้อความจะแปลงตัวเลขเป็นอักขระตามตาราง Unicode ปัจจุบัน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
CLEANCLEAN(text)สำหรับข้อความจะแสดงผลข้อความซึ่งนำอักขระ ASCII ที่พิมพ์ไม่ได้ออกแล้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติม
CODECODE(string)สำหรับข้อความจะแสดงผลตัวเลขรหัสคู่ของอักขระแรกในสตริงที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
CONCATENATECONCATENATE(string1, [string2, ...])สำหรับข้อความ
DOLLARDOLLAR(number, [number_of_places])สำหรับข้อความจะจัดรูปแบบจำนวนให้เป็นรูปแบบสกุลเงินสำหรับท้องถิ่นที่ต้องการ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
EXACTEXACT(string1, string2)สำหรับข้อความจะทดสอบว่าสตริงทั้งสองเหมือนกันหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
FINDFIND(search_for, text_to_search, [starting_at])สำหรับข้อความจะแสดงผลตำแหน่งที่พบสตริงที่ระบุเป็นครั้งแรกภายในข้อความ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
FINDBFINDB(search_for, text_to_search, [starting_at])สำหรับข้อความจะแสดงผลตำแหน่งที่พบสตริงที่ระบุเป็นครั้งแรกภายในข้อความโดยนับอักขระคู่แต่ละตัวเป็น 2 ดูข้อมูลเพิ่มเติม
FIXEDFIXED(number, [number_of_places], [suppress_separator])สำหรับข้อความจะจัดรูปแบบตัวเลขด้วยจำนวนคงที่ของตำแหน่งทศนิยม ดูข้อมูลเพิ่มเติม
JOINJOIN(delimiter, value_or_array1, [value_or_array2, ...])สำหรับข้อความ
LEFTLEFT(string, [number_of_characters])สำหรับข้อความจะแสดงผลสตริงย่อยจากช่วงแรกของสตริงที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
LEFTBLEFTB(สตริง, จำนวนไบต์)จะแสดงผลสตริงส่วนซ้ายตามจำนวนไบต์ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
LENLEN(text)สำหรับข้อความจะแสดงผลความยาวของสตริง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
LENBLENB(สตริง)จะแสดงผลความยาวของสตริงในหน่วยไบต์" ดูข้อมูลเพิ่มเติม
LOWERLOWER(text)สำหรับข้อความจะแปลงสตริงที่เฉพาะเจาะจงให้เป็นอักษรตัวพิมพ์เล็ก ดูข้อมูลเพิ่มเติม
MIDMID(string, starting_at, extract_length)สำหรับข้อความจะแสดงผลส่วนของสตริง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
MIDBMIDB(สตริง)จะแสดงผลส่วนของสตริงที่เริ่มต้นจากอักขระที่กำหนดตามจำนวนไบต์ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
PROPERPROPER(text_to_capitalize)สำหรับข้อความจะขึ้นต้นแต่ละคำด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ในสตริงที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
REGEXEXTRACTREGEXEXTRACT(text, regular_expression)สำหรับข้อความจะแยกสตริงย่อยที่ตรงกันตามนิพจน์ทั่วไป ดูข้อมูลเพิ่มเติม
REGEXMATCHREGEXMATCH(text, regular_expression)สำหรับข้อความจะดูว่าข้อความส่วนหนึ่งตรงกับนิพจน์ทั่วไปหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
REGEXREPLACEREGEXREPLACE(text, regular_expression, replacement)สำหรับข้อความจะแทนที่ส่วนของสตริงข้อความด้วยสตริงข้อความที่แตกต่างกันโดยใช้นิพจน์ทั่วไป ดูข้อมูลเพิ่มเติม
REPLACEREPLACE(text, position, length, new_text)สำหรับข้อความจะแทนที่บางส่วนของสตริงข้อความด้วยสตริงข้อความอื่น ดูข้อมูลเพิ่มเติม
REPLACEBREPLACEB(ข้อความ, ตำแหน่ง, จำนวนไบต์, ข้อความใหม่)จะแทนที่บางส่วนของสตริงข้อความเดิมด้วยสตริงข้อความอื่นตามจำนวนไบต์ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
REPTREPT(text_to_repeat, number_of_repetitions)สำหรับข้อความจะแสดงผลข้อความที่ระบุซ้ำหลายครั้ง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
RIGHTRIGHT(string, [number_of_characters])สำหรับข้อความจะแสดงผลสตริงย่อยจากตอนปลายของสตริงที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
RIGHTBRIGHTB(สตริง, จำนวนไบต์)จะแสดงผลสตริงส่วนขวาตามจำนวนไบต์ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ROMANROMAN(number, [rule_relaxation])สำหรับข้อความจะจัดรูปแบบจำนวนเป็นเลขโรมัน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SEARCHSEARCH(search_for, text_to_search, [starting_at])สำหรับข้อความจะแสดงผลตำแหน่งที่พบสตริงที่ระบุเป็นครั้งแรกภายในข้อความ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SEARCHBSEARCHB(search_for, text_to_search, [starting_at])สำหรับข้อความจะแสดงผลตำแหน่งที่พบสตริงที่ระบุเป็นครั้งแรกภายในข้อความโดยนับอักขระคู่แต่ละตัวเป็น 2 ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SPLITSPLIT(text, delimiter, [split_by_each], [remove_empty_text])สำหรับข้อความจะแบ่งข้อความตามอักขระหรือสตริงที่ระบุ และวางส่วนย่อยแต่ละส่วนในเซลล์แยกต่างหากในแถว ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SUBSTITUTESUBSTITUTE(text_to_search, search_for, replace_with, [occurrence_number])สำหรับข้อความจะแทนที่ข้อความที่มีอยู่ด้วยข้อความใหม่ในสตริง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
TT(value)สำหรับข้อความจะแสดงผลอาร์กิวเมนต์สตริงเป็นข้อความ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
TEXTTEXT(number, format)สำหรับข้อความจะแปลงจำนวนเป็นข้อความตามรูปแบบที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
TEXTJOINTEXTJOIN(delimiter, ignore_empty, text1, [text2], …)สำหรับข้อความจะรวมข้อความจากสตริงและ/หรืออาร์เรย์หลายรายการ พร้อมตัวคั่นที่กำหนดได้ซึ่งแยกข้อความที่แตกต่างจากกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
TRIMTRIM(text)สำหรับข้อความจะนำช่องว่างนำและช่องว่างที่ต่อท้ายในสตริงที่ระบุออก ดูข้อมูลเพิ่มเติม
UNICHARUNICHAR(ตัวเลข)จะแสดงผลอักขระ Unicode ของตัวเลข ดูข้อมูลเพิ่มเติม
UPPERUPPER(text)สำหรับข้อความจะแปลงสตริงที่ระบุให้เป็นอักษรพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
VALUEVALUE(text)สำหรับข้อความจะแปลงสตริงในรูปแบบวันที่ เวลา หรือจำนวนที่ Google ชีตอ่านข้อมูลได้เป็นตัวเลข ดูข้อมูลเพิ่มเติม
UNICODEUNICODE(text)สำหรับข้อความจะแสดงผลค่า Unicode ที่เป็นทศนิยมของอักขระตัวแรกในสตริงอินพุต ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DAVERAGEDAVERAGE(database, field, criteria)สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลค่าเฉลี่ยของกลุ่มค่าที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DCOUNTDCOUNT(database, field, criteria)สำหรับฐานข้อมูลจะนับค่าจำนวนที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DCOUNTADCOUNTA(database, field, criteria)สำหรับฐานข้อมูลจะนับค่าจำนวนซึ่งรวมทั้งข้อความที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DGETDGET(database, field, criteria)สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลค่าเดี่ยวจากอาร์เรย์หรือช่วงฐานข้อมูลที่เหมือนตาราง โดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DMAXDMAX(database, field, criteria)สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลค่าสูงสุดที่เลือกจากอาร์เรย์หรือช่วงฐานข้อมูลที่เหมือนตาราง โดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DMINDMIN(database, field, criteria)สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลค่าต่ำสุดที่เลือกจากอาร์เรย์หรือช่วงฐานข้อมูลที่เหมือนตารางหรือช่วง โดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DPRODUCTDPRODUCT(database, field, criteria)สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลคูณของค่าที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DSTDEVDSTDEV(database, field, criteria)สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของกลุ่มประชากรตัวอย่างที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DSTDEVPDSTDEVP(database, field, criteria)สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของกลุ่มประชากรทั้งหมดที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DSUMDSUM(database, field, criteria)สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลรวมของค่าที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้ข้อความค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DVARDVAR(database, field, criteria)สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลความแปรปรวนของกลุ่มประชากรตัวอย่างที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติม
DVARPDVARP(database, field, criteria)สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลความแปรปรวนของกลุ่มประชากรทั้งหมดที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติม
CONVERTCONVERT(value, start_unit, end_unit)สำหรับโปรแกรมแยกวิเคราะห์จะแปลงค่าตัวเลขให้เป็นหน่วยวัดที่แตกต่าง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
TO_DATETO_DATE(value)สำหรับโปรแกรมแยกวิเคราะห์จะแปลงจำนวนที่ระบุเป็นวันที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
TO_DOLLARSTO_DOLLARS(value)สำหรับโปรแกรมแยกวิเคราะห์จะแปลงจำนวนที่ระบุเป็นค่าเงินดอลลาร์ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
TO_PERCENTTO_PERCENT(value)สำหรับโปรแกรมแยกวิเคราะห์จะแปลงจำนวนที่ให้ไว้เป็นค่าเปอร์เซ็นต์ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
TO_PURE_NUMBERTO_PURE_NUMBER(value)สำหรับโปรแกรมแยกวิเคราะห์จะแปลงวันที่/เวลา ค่าเปอร์เซ็นต์ สกุลเงิน หรือค่าตัวเลขที่จัดอยู่ในรูปแบบเป็นตัวเลขล้วนๆ โดยไม่มีการจัดรูปแบบ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
TO_TEXTTO_TEXT(value)สำหรับโปรแกรมแยกวิเคราะห์จะแปลงค่าจำนวนที่กำหนดเป็นค่าที่เป็นข้อความดูข้อมูลเพิ่มเติม
ARRAY_CONSTRAINARRAY_CONSTRAIN(input_range, num_rows, num_cols)สำหรับอาร์เรย์จะจำกัดอาร์เรย์ผลลัพธ์ให้มีขนาดที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติม
อาร์เรย์BYCOLBYCOL(array_or_range, LAMBDA)จัดกลุ่มอาร์เรย์ตามคอลัมน์โดยใช้ฟังก์ชัน LAMBDA กับแต่ละคอลัมน์ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
อาร์เรย์BYROWBYROW(array_or_range, LAMBDA)จัดกลุ่มอาร์เรย์ตามแถวโดยใช้ฟังก์ชัน LAMBDA กับแต่ละแถว ดูข้อมูลเพิ่มเติม
FREQUENCYFREQUENCY(data, classes)สำหรับอาร์เรย์จะคำนวณการกระจายความถี่ของอาร์เรย์แบบหนึ่งคอลัมน์เป็นประเภทที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
GROWTHGROWTH(known_data_y, [known_data_x], [new_data_x], [b])สำหรับอาร์เรย์จะลองหาแนวโน้มการขยายแบบเลขยกกำลังในอุดมคติ และ/หรือคาดคะเนค่าต่อไป จากข้อมูลบางส่วนที่มีเกี่ยวกับแนวโน้มการขยายแบบเลขยกกำลังดูข้อมูลเพิ่มเติม
LINESTLINEST(known_data_y, [known_data_x], [calculate_b], [verbose])สำหรับอาร์เรย์จะคำนวณพารามิเตอร์ต่างๆ เกี่ยวกับแนวโน้มเชิงเส้นในอุดมคติโดยใช้วิธีกำลังสองน้อยที่สุด โดยใช้ข้อมูลบางส่วนที่มีเกี่ยวกับแนวโน้มเชิงเส้น ดูข้อมูลเพิ่มเติม
LOGESTLOGEST(known_data_y, [known_data_x], [b], [verbose])สำหรับอาร์เรย์จะคำนวณหาพารามิเตอร์ต่างๆ เกี่ยวกับเส้นโค้งการขยายแบบเลขยกกำลังในอุดมคติ โดยใช้ข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับเส้นโค้งการขยายแบบเลขยกกำลังดูข้อมูลเพิ่มเติม
อาร์เรย์MAKEARRAYMAKEARRAY(rows, columns, LAMBDA)แสดงผลอาร์เรย์ของมิติข้อมูลที่ระบุพร้อมด้วยค่าที่คํานวณโดยใช้ฟังก์ชัน LAMBDA ดูข้อมูลเพิ่มเติม
อาร์เรย์MAPMAP(array1, [array2, ...], LAMBDA) จับคู่แต่ละค่าในอาร์เรย์ที่ระบุกับค่าใหม่โดยใช้ฟังก์ชัน LAMBDA กับแต่ละค่า ดูข้อมูลเพิ่มเติม
MDETERMMDETERM(square_matrix)สำหรับอาร์เรย์จะแสดงผลดีเทอร์มิแนนต์ของเมทริกช์ของเมทริกซ์จัตุรัสที่ระบุไว้เป็นอาร์เรย์หรือช่วง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
MINVERSEMINVERSE(square_matrix)สำหรับอาร์เรย์จะแสดงผลตัวผกผันการคูณของเมทริกซ์จัตุรัสที่ระบุไว้เป็นอาร์เรย์หรือช่วง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
MMULTMMULT(matrix1, matrix2)สำหรับอาร์เรย์จะคำนวณผลคูณเมทริกซ์ของสองเมทริกซ์ที่ระบุเป็นอาร์เรย์หรือช่วง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
อาร์เรย์REDUCEREDUCE(initial_value, array_or_range, LAMBDA)ตัดทอนอาร์เรย์เป็นผลลัพธ์แบบรวมโดยใช้ฟังก์ชัน LAMBDA กับแต่ละค่า ดูข้อมูลเพิ่มเติม
อาร์เรย์SCANSCAN(initial_value, array_or_range, LAMBDA)สแกนอาร์เรย์และสร้างค่ากลางโดยใช้ฟังก์ชัน LAMBDA กับแต่ละค่า โดยจะแสดงผลอาร์เรย์ของค่ากลางที่ได้มาจากแต่ละขั้นตอน ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SUMPRODUCTSUMPRODUCT(array1, [array2, ...])สำหรับอาร์เรย์
SUMX2MY2SUMX2MY2(array_x, array_y)สำหรับอาร์เรย์จะแสดงผลรวมของผลต่างของกำลังสองของค่าที่สอดคล้องกันในสองอาร์เรย์ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SUMX2PY2SUMX2PY2(array_x, array_y)สำหรับอาร์เรย์จะคำนวณผลรวมของผลรวมค่ากำลังสองในสองอาร์เรย์ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
SUMXMY2SUMXMY2(array_x, array_y)สำหรับอาร์เรย์จะคำนวณผลรวมของผลต่างของค่ากำลังสองในสองอาร์เรย์ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
TRANSPOSETRANSPOSE(array_or_range)สำหรับอาร์เรย์จะสลับแกนของแถวและคอลัมน์ของอาร์เรย์หรือช่วงของเซลล์ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
TRENDTREND(known_data_y, [known_data_x], [new_data_x], [b])สำหรับอาร์เรย์จะจัดทำแนวโน้มเชิงเส้นในอุดมคติโดยใช้วิธีกำลังสองที่น้อยที่สุด และ/หรือคาดคะเนค่าต่อไปโดยใช้ข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับแนวโน้มเชิงเส้น ดูข้อมูลเพิ่มเติม
อาร์เรย์CHOOSECOLSCHOOSECOLS(array, col_num1, [col_num2]) สร้างอาร์เรย์ใหม่จากคอลัมน์ที่เลือกในช่วงที่มีอยู่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
อาร์เรย์CHOOSEROWSCHOOSEROWS(array, row_num1, [row_num2])สร้างอาร์เรย์ใหม่จากแถวที่เลือกในช่วงที่มีอยู่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
อาร์เรย์FLATTENFLATTEN(range1,[range2,...])โปรดดู FLATTEN
อาร์เรย์HSTACKHSTACK(range1; [range2, …])เพิ่มช่วงต่อท้ายในแนวนอนและเรียงตามลำดับเพื่อแสดงอาร์เรย์ที่ใหญ่ขึ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติม
อาร์เรย์TOCOLTOCOL(array_or_range, [ignore], [scan_by_column])เปลี่ยนอาร์เรย์หรือช่วงของเซลล์เป็นคอลัมน์เดียว ดูข้อมูลเพิ่มเติม
อาร์เรย์TOROWTOROW(array_or_range, [ignore], [scan_by_column])เปลี่ยนอาร์เรย์หรือช่วงของเซลล์เป็นแถวเดียว ดูข้อมูลเพิ่มเติม
อาร์เรย์VSTACKVSTACK(range1; [range2, …])เพิ่มช่วงต่อท้ายในแนวตั้งและเรียงตามลําดับเพื่อแสดงอาร์เรย์ที่ใหญ่ขึ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติม
อาร์เรย์WRAPCOLSWRAPCOLS(range, wrap_count, [pad_with])ตัดแถวหรือคอลัมน์ของเซลล์ที่ให้ไว้ตามคอลัมน์ซึ่งอยู่หลังจำนวนองค์ประกอบที่ระบุเพื่อสร้างอาร์เรย์ใหม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
อาร์เรย์WRAPROWSWRAPROWS(range, wrap_count, [pad_with])ตัดแถวหรือคอลัมน์ของเซลล์ที่ให้ไว้ตามแถวแนวนอนซึ่งอยู่หลังจำนวนองค์ประกอบที่ระบุเพื่อสร้างอาร์เรย์ใหม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ENCODEURLENCODEURL(text)สำหรับเว็บจะเข้ารหัสสตริงข้อความเพื่อใช้ในการค้นหา URL ดูข้อมูลเพิ่มเติม
HYPERLINKHYPERLINK(url, [link_label])สำหรับเว็บจะสร้างไฮเปอร์ลิงก์ภายในเซลล์ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMPORTDATAIMPORTDATA(url)สำหรับเว็บจะนำเข้าข้อมูลจาก URL ที่ระบุในรูปแบบ .csv (ค่าที่คั่นด้วยจุลภาค) หรือ .tsv (ค่าที่คั่นด้วยแท็บ) ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMPORTFEEDIMPORTFEED(url, [query], [headers], [num_items])สำหรับเว็บจะนำเข้าฟีด RSS หรือ Atom ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMPORTHTMLIMPORTHTML(url, query, index)สำหรับเว็บจะนำเข้าข้อมูลจากตาราง/รายการภายในหน้า HTML ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMPORTRANGEIMPORTRANGE(spreadsheet_url, range_string)สำหรับเว็บจะนำเข้าช่วงเซลล์จากสเปรดชีตที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
IMPORTXMLIMPORTXML(url, xpath_query)สำหรับเว็บจะนำเข้าข้อมูลจากประเภทข้อมูลที่มีโครงสร้างที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึง XML, HTML, CSV, TSV และฟีด RSS และ ATOM XML ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ISURLISURL(value)สำหรับเว็บจะตรวจสอบว่าค่าเป็น URL ที่ถูกต้องหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
17169834960319177467
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
35
false