รายการโฆษณาจะมีข้อมูลว่าครีเอทีฟโฆษณาแต่ละรายการจะแสดงในเว็บไซต์หรือแอปของคุณอย่างไร พร้อมด้วยการกำหนดราคาและรายละเอียดการแสดงโฆษณาอื่นๆ รายการโฆษณาจะเพิ่มลงในคำสั่งซื้อและมีรายละเอียดดังนี้
- จํานวนครั้งที่ผู้ลงโฆษณาหรือผู้ซื้อต้องการให้โฆษณาแสดง
- ราคาที่คุณเจรจาต่อรองแคมเปญไว้
- เวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดของแคมเปญ
- การกำหนดเป้าหมายที่ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาหรือผู้ซื้อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหรือประชากรที่ต้องการได้
หากคุณคุ้นเคยกับการตั้งค่าคําสั่งซื้อและรายการโฆษณาแล้ว ให้ไปที่หัวข้อเพิ่มรายการโฆษณาเพื่อดูคําแนะนําแบบทีละขั้นตอน
หากยังเรียนรู้เกี่ยวกับรายการโฆษณาอยู่ คุณจะทำความเข้าใจการตั้งค่ารายการโฆษณาได้ในบทความนี้ คุณอาจลองเริ่มต้นรายการโฆษณาใหม่ใน Ad Manager เพื่อเปรียบเทียบอินเทอร์เฟซผู้ใช้ของผลิตภัณฑ์กับคำอธิบายด้านล่าง
ในหน้านี้
- ประเภทโฆษณา
- ชื่อ
- ประเภทรายการโฆษณาและลำดับความสำคัญ
- ครีเอทีฟโฆษณาที่คาดไว้
- การตั้งค่าเพิ่มเติม
- การตั้งค่าการแสดงโฆษณา
- ปรับเปลี่ยนการแสดงโฆษณา
- การกำหนดเป้าหมาย
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับรายการโฆษณา
- นอกจากนี้ รายการโฆษณายังเป็นที่ที่คุณจะกลับมาเพิ่มครีเอทีฟโฆษณาที่ผู้ลงโฆษณาต้องการแสดงในเว็บไซต์หรือแอปของคุณได้ในภายหลัง
- รายการโฆษณาจะต้องอยู่ในคำสั่งซื้อหนึ่งเสมอ และอยู่ได้แค่ใน 1 คำสั่งซื้อเท่านั้น คําสั่งซื้อมีรายการโฆษณาได้หลายรายการ
- ระบบจะสร้างรายการโฆษณาสําหรับแคมเปญแบบดั้งเดิมโดยตรงในส่วน "การแสดงโฆษณา" ของ Ad Manager
รายการโฆษณาอาจถูกสร้างขึ้นโดยอัตโนมัติจากรายการโฆษณาข้อเสนอที่มีการเจรจาต่อรองในฟีเจอร์การขายตรงแบบเป็นโปรแกรม รายการโฆษณาข้อเสนอจะสร้างขึ้นในส่วน "การขาย" ของ Ad Manager
รายละเอียดเหล่านี้ได้มาจากการเจรจาต่อรองกับผู้ลงโฆษณาที่ระบุในคําสั่งซื้อ หรือถ้าเป็นแคมเปญในการขายตรงแบบเป็นโปรแกรมก็คือผู้ซื้อที่ระบุในข้อเสนอ หากคุณคือผู้ดูแลการแสดงโฆษณาในองค์กรขนาดใหญ่ รายละเอียดเหล่านี้มักจะเป็นผลการเจรจาต่อรองโดยผู้อื่น และหน้าที่ของคุณก็คือศึกษาวิธีป้อนหรือจัดการรายละเอียดของแคมเปญ
ประเภทโฆษณา
ประเภทโฆษณาจะอธิบายชนิดของครีเอทีฟโฆษณาที่คุณต้องอัปโหลดหรือเชื่อมโยงกับรายการโฆษณาในภายหลัง ประเภทโฆษณาช่วยให้การตั้งค่ารายการโฆษณาสอดคล้องกับครีเอทีฟโฆษณาที่คาดไว้ ไม่ว่าจะเป็นครีเอทีฟโฆษณาแบบดิสเพลย์หรือครีเอทีฟโฆษณาแบบวิดีโอหรือแบบเสียง
ทำงานร่วมกับผู้ลงโฆษณาหรือเอเจนซีครีเอทีฟโฆษณาที่เป็นตัวแทนของผู้ลงโฆษณาเพื่อทำความเข้าใจข้อกำหนดของครีเอทีฟโฆษณา คุณต้องเข้าใจข้อกําหนดเหล่านี้เพื่อ
- เลือกประเภทโฆษณาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
- กำหนดการตั้งค่ารายการโฆษณาได้อย่างถูกต้อง
- เลือกประเภทครีเอทีฟโฆษณาได้อย่างเหมาะสม
ระบบจะเลือกประเภทครีเอทีฟโฆษณาเมื่อคุณเพิ่มครีเอทีฟโฆษณาใหม่ในภายหลัง
ประเภทโฆษณามีดังต่อไปนี้
- ดิสเพลย์ (มาตรฐาน)
- ดิสเพลย์ (โฆษณาหลัก/โฆษณาที่แสดงร่วม) สำหรับ Google Ad Manager 360 เท่านั้น
- วิดีโอหรือเสียง
คุณอาจสังเกตเห็นว่าโฆษณาประเภทนี้สอดคล้องกับโครงสร้างของไลบรารีครีเอทีฟโฆษณา
ประเภทโฆษณา Display
ประเภทโฆษณาแบบ "Display" ให้คุณสร้างประสบการณ์การใช้งานโฆษณาที่หลากหลายได้ตั้งแต่โฆษณาแบบรูปภาพมาตรฐานและ URL ของ Campaign Manager 360 ไปจนถึงรูปแบบที่มีอยู่แล้วและโซลูชันที่กำหนดเอง ในส่วน "ดิสเพลย์" ผู้เผยแพร่โฆษณาของ Google Ad Manager 360 จะเลือกตัวเลือกต่อไปนี้ได้
- มาตรฐาน: สําหรับครีเอทีฟโฆษณาแบบสแตนด์อโลน
- หลัก/ที่แสดงร่วม: เพื่อเพิ่มครีเอทีฟโฆษณาหลายรายการที่แสดงด้วยกัน ซึ่งมักจะเป็นไปตามความต้องการของผู้ลงโฆษณาให้แสดงครีเอทีฟโฆษณามากกว่า 1 รายการในหน้าเว็บพร้อมกัน
ใช้ได้เฉพาะใน Google Ad Manager 360 เท่านั้น
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทครีเอทีฟโฆษณาแบบดิสเพลย์ทั้งหมดที่มีในประเภทครีเอทีฟโฆษณาแบบดิสเพลย์
ประเภทโฆษณาแบบวิดีโอและแบบเสียง
อาจไม่มีการเปิดใช้งานโซลูชันวิดีโอสําหรับเครือข่ายของคุณ
ประเภทโฆษณา "วิดีโอและเสียง" รองรับประสบการณ์การใช้งานโฆษณาที่หลากหลายรวมถึงโฆษณาวิดีโอที่ปรากฏภายในโปรแกรมเล่นวิดีโอระหว่างการสตรีมเนื้อหา โฆษณาวิดีโอที่ปรากฏนอกโปรแกรมเล่นวิดีโอ โฆษณาที่มีการให้รางวัล รูปภาพที่แสดงซ้อนบนเนื้อหาวิดีโอ (โฆษณาซ้อนทับ) และเปลี่ยนเส้นทางไปยังโฆษณาที่โฮสต์กับบุคคลที่สาม และยังมีโฆษณาแบบเสียงด้วย
โดยค่าเริ่มต้น ครีเอทีฟโฆษณาแบบวิดีโอและแบบเสียงอาจรวมถึงครีเอทีฟโฆษณาที่แสดงร่วม (ไม่บังคับ) ซึ่งจะแสดงร่วมกับครีเอทีฟโฆษณา "หลัก" ได้ หากไม่ต้องการโฆษณาที่แสดงร่วมก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มเข้าไปในครีเอทีฟโฆษณาวิดีโอหรือโฆษณาเสียงที่ใช้งาน
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทครีเอทีฟโฆษณาและวิดีโอทั้งหมดที่มีในประเภทของครีเอทีฟโฆษณาวิดีโอและเสียง
ชื่อ
ชื่อของรายการโฆษณาควรสื่อถึงแคมเปญและครีเอทีฟโฆษณาที่เชื่อมโยงกับรายการโฆษณา
หากคุณหรือองค์กรของคุณยังไม่มีรูปแบบการตั้งชื่อ ขอแนะนำให้กำหนดรูปแบบการตั้งชื่อ รูปแบบการตั้งชื่อที่ดีจะช่วยให้คุณทราบได้อย่างรวดเร็วว่าเป็นแคมเปญเกี่ยวกับอะไร และอาจอ้างอิงหรือทำตามข้อกำหนดสำหรับชื่อคำสั่งซื้อ รูปแบบการตั้งชื่อบางอย่างอาจมีข้อมูลขนาดโฆษณา ข้อบ่งชี้ของครีเอทีฟโฆษณาที่เชื่อมโยงกันอยู่ หรือผู้ซื้อหรือผู้ลงโฆษณาที่ระบุในคำสั่งซื้อหลัก
รูปแบบการตั้งชื่อที่ดีจะช่วยให้คุณกลับมากรองรายการโฆษณาหรือใช้การค้นหาอเนกประสงค์เพื่อค้นหารายการโฆษณาและข้อมูลอื่นๆ ได้ง่ายขึ้นในภายหลัง
ประเภทรายการโฆษณาและลำดับความสำคัญ
ประเภทและลำดับความสำคัญของรายการโฆษณาเป็นจุดเริ่มต้นในการพิจารณาว่ารายการโฆษณาหนึ่งจะแข่งขันกับรายการโฆษณาอื่นๆ อย่างไร รายการโฆษณาทั้งหมดอาจมีความสําคัญไม่เท่ากัน รายการโฆษณาบางรายการอาจได้รับการรับประกันตามสัญญาให้แสดงหรืออาจสร้างรายได้มากกว่ารายการอื่น เราจัดลำดับความสำคัญให้รายการโฆษณาเหล่านี้อยู่สูงกว่ารายการโฆษณาอื่นๆ ได้
ประเภทรายการโฆษณาและลําดับความสําคัญจะเป็นตัวกําหนดว่ารายการโฆษณาจะแข่งขันกับกลุ่มผลตอบแทนอย่างไร กลุ่มผลตอบแทนเป็นฟีเจอร์ที่ให้คุณระบุพื้นที่โฆษณาที่ต้องการให้ใช้ได้ใน Ad Exchange การเสนอราคาแบบเปิด หรือสื่อกลางสําหรับแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทและลำดับความสำคัญของรายการโฆษณา
ครีเอทีฟโฆษณาที่คาดไว้
ครีเอทีฟโฆษณาที่คาดไว้หมายถึงขนาดโฆษณาของครีเอทีฟโฆษณาที่คุณวางแผนจะแสดง ครีเอทีฟโฆษณาจริงจะเชื่อมโยงกับรายการโฆษณาในภายหลัง
ทั้งขนาดและประเภทโฆษณาจะกำหนดประเภทครีเอทีฟโฆษณา (โฆษณาแบบดิสเพลย์หรือวิดีโอและเสียง) ที่จะใช้ได้เมื่อคุณเพิ่มครีเอทีฟโฆษณาลงในรายการโฆษณา ทํางานร่วมกับผู้ลงโฆษณาหรือเอเจนซีครีเอทีฟโฆษณาที่พัฒนาครีเอทีฟโฆษณาให้ผู้ลงโฆษณาเพื่อกำหนดขนาดและข้อกําหนดอื่นๆ
คุณจะต้องกําหนดเป้าหมายหน่วยโฆษณาภายหลังในรายการโฆษณา หน่วยโฆษณาเป็นตัวแทนของพื้นที่โฆษณาในเว็บไซต์หรือแอปของคุณ การกําหนดเป้าหมายหน่วยโฆษณาจึงเป็นการระบุตําแหน่งที่ครีเอทีฟโฆษณาควรแสดง ขนาดที่ระบุใน "ครีเอทีฟโฆษณาที่คาดไว้" ควรตรงกับขนาดที่เชื่อมโยงกับหน่วยโฆษณาที่คุณเพิ่มในการกําหนดเป้าหมายในภายหลัง
ในบางครั้ง ขนาดที่ระบุใน "ครีเอทีฟโฆษณาที่คาดไว้" จะเป็นตัวยึดตำแหน่งครีเอทีฟโฆษณาขนาดพิเศษแทนที่จะเป็นขนาดจริง
- โฆษณาเสียงจะใช้ขนาดครีเอทีฟโฆษณา "เสียง"
- โฆษณาเนทีฟจะมีคำว่า "(เนทีฟ)" ต่อท้าย
ไม่ว่าในกรณีใด ขนาดที่ระบุไม่ได้แสดงถึงขนาดจริงแต่ช่วยให้ Ad Manager ทราบว่าคุณกําลังแสดงครีเอทีฟโฆษณาพิเศษ
การนำขนาดออก
คุณนำขนาดออกได้แม้ในกรณีที่เพิ่มครีเอทีฟโฆษณาขนาดดังกล่าวลงในรายการโฆษณาไปแล้วและรายการโฆษณาเริ่มแสดงครีเอทีฟโฆษณาต่อผู้ใช้
เมื่อกำหนดขนาดแล้ว ครีเอทีฟโฆษณาที่เกี่ยวข้องจะยังแสดงผลต่อไปแม้ว่าคุณจะนำขนาดดังกล่าวออกจากรายการโฆษณาไปแล้ว รายการโฆษณาจะหยุดแสดงผลต่อเมื่อมีการปิดใช้งานครีเอทีฟโฆษณาเท่านั้น
แสดงรายละเอียดครีเอทีฟโฆษณา
ตัวเลือก "แสดงรายละเอียดครีเอทีฟโฆษณา" จะให้คุณใส่ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับครีเอทีฟโฆษณานั้นได้ รายละเอียดเหล่านี้ช่วยให้คาดการณ์การแสดงโฆษณาได้แม่นยํามากขึ้น หรือให้คุณใส่รายละเอียดที่ช่วยให้โฆษณาแสดงในแบบที่เจาะจงได้ การคาดการณ์เป็นกลไกที่ให้ Google Ad Manager กะประมาณจํานวนการแสดงผลที่รายการโฆษณาหนึ่งๆ อาจแสดงได้โดยคร่าวๆ
การกำหนดเป้าหมายครีเอทีฟโฆษณา
การกำหนดเป้าหมายครีเอทีฟโฆษณาให้คุณเพิ่มการกำหนดเป้าหมายที่ใช้กับครีเอทีฟโฆษณาในรายการโฆษณาเท่านั้น ในขณะที่การกำหนดเป้าหมายรายการโฆษณาใช้กับครีเอทีฟโฆษณาทั้งหมดในรายการโฆษณา แต่คุณสามารถกำหนดเป้าหมายที่ระดับครีเอทีฟโฆษณาให้แตกต่างจากการกำหนดเป้าหมายรายการโฆษณาได้ (แต่ต้องไม่ขัดกัน)
การกำหนดเป้าหมายครีเอทีฟโฆษณาเป็นเครื่องมือที่ยืดหยุ่นและมีประโยชน์สำหรับวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงการแสดงครีเอทีฟโฆษณาหลายรายการในรายการโฆษณาไปยังช่องโฆษณา (หรือหน่วยโฆษณา) ที่ต่างกัน หรือช่วยให้ผู้ลงโฆษณาเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต่างกันด้วยครีเอทีฟโฆษณาที่ต่างกันได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมในการกำหนดเป้าหมายครีเอทีฟโฆษณา
การกําหนดเป้าหมายครีเอทีฟโฆษณาและการขายตรงแบบเป็นโปรแกรม
การกำหนดเป้าหมายครีเอทีฟโฆษณาจะใช้ได้เมื่อมีการรวมโฆษณามากกว่า 1 ขนาดในรายการโฆษณาข้อเสนอแบบผู้สนับสนุนหรือแบบมาตรฐาน และตั้งค่า "แหล่งที่มาของครีเอทีฟโฆษณา" เป็นผู้เผยแพร่โฆษณาจัดการเท่านั้น คลิกแสดงรายละเอียดครีเอทีฟโฆษณาในรายการโฆษณาข้อเสนอเพื่อกําหนดค่าขนาดเพิ่มเติม แม้ว่าคุณต้องเพิ่มขนาดอื่นๆ ในรายการโฆษณาข้อเสนอ แต่ระบบจะกําหนดค่าการกําหนดเป้าหมายระดับครีเอทีฟโฆษณาในรายการโฆษณาที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่รายการโฆษณาข้อเสนอต้นทาง
จำนวน
รายการโฆษณาบางรายการต้องใช้ครีเอทีฟโฆษณามากกว่า 1 รายการสำหรับขนาดเดียวกันเพื่อช่วยให้แสดงโฆษณาในแบบที่เจาะจงได้ คุณเพิ่มจํานวนครีเอทีฟโฆษณาแต่ละขนาดเพื่อให้เป็นไปตามข้อกําหนดได้ การเพิ่มจํานวนยังช่วยปรับปรุงความแม่นยําของการคาดการณ์อีกด้วย เพราะจะสะท้อนถึงการแสดงผลหลายครั้งที่ได้จากคําขอโฆษณาเดียวกัน
การตั้งค่าการแสดงครีเอทีฟโฆษณา: เมื่อมีครีเอทีฟโฆษณาหลายชิ้นที่มีขนาดเดียวกัน คุณควรตั้งค่าการแสดงครีเอทีฟโฆษณาเป็น "มากที่สุดเท่าที่ทำได้" หรือ "อย่างน้อย 1 รายการ"
การใช้ "Roadblock" เป็นกรณีที่พบบ่อยซึ่งการแสดงผลหลายครั้งเกิดจากคำขอโฆษณาเดียวกัน Roadblock ช่วยให้ครีเอทีฟโฆษณามากกว่า 1 รายการแสดงด้วยกันได้ในหน้าเว็บเดียวกัน การป้อนค่าสำหรับ "จำนวนนับ" จะพิจารณาจากการมีครีเอทีฟโฆษณาหลายรายการสำหรับคำขอโฆษณาเดียวกัน จึงทำให้มีการคาดการณ์ที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น
จำนวนนับและการขายตรงแบบเป็นโปรแกรม
ทำงานร่วมกับผู้ซื้อเพื่อดูว่าผู้ซื้อจำเป็นต้องแสดงครีเอทีฟโฆษณาหลายรายการที่มีขนาดเดียวกันหรือไม่ หากใช่ ให้ระบุ "จำนวนนับ" ในรายการโฆษณาข้อเสนอ ซึ่งช่วยให้แน่ใจได้ว่า Google Ad Manager จะขอจำนวนนับของครีเอทีฟโฆษณาขนาดเดียวกันจากระบบของผู้ซื้อได้อย่างถูกต้อง ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติแนะนำในการตั้งค่า Roadblock ในรายการโฆษณาข้อเสนอได้ที่ Roadblock
AMP เท่านั้น
เกี่ยวกับ AMP
AMP (Accelerated Mobile Pages) เป็นโค้ดแบบโอเพนซอร์ส โครงการ AMP เป็นโครงการริเริ่มแบบโอเพนซอร์สซึ่งมีเป้าหมายที่จะทำให้หน้าเว็บเร็วขึ้นและมีรูปแบบที่สอดคล้องกันมากขึ้นในอุปกรณ์ต่างๆ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ในหน้า AMP และการสร้างรายได้
การตั้งค่า "AMP เท่านั้น" จะอยู่ในส่วน "แสดงรายละเอียดครีเอทีฟโฆษณา" สำหรับรายการโฆษณาที่มีประเภทโฆษณาเป็น "ดิสเพลย์ (มาตรฐาน)" รายการโฆษณาที่มีประเภทโฆษณาเป็น "โฆษณา Display (หลัก/ที่แสดงร่วม)" หรือประเภทโฆษณา "วิดีโอ" จะไม่มีตัวเลือก AMP เท่านั้น
การเลือก "AMP เท่านั้น" จะช่วยในการคาดการณ์เท่านั้นและไม่ส่งผลกระทบต่อการแสดงโฆษณา ให้เลือกตัวเลือกนี้เฉพาะเมื่อครีเอทีฟโฆษณาที่คาดไว้ซึ่งคุณอัปโหลดในภายหลังเป็นครีเอทีฟโฆษณาต่อไปนี้
- ครีเอทีฟโฆษณาสำหรับ AMP โดยเฉพาะหรือครีเอทีฟโฆษณาของบุคคลที่สาม
และ - ครีเอทีฟโฆษณาที่มีการกําหนดค่าให้รวมเฉพาะ AMPHTML
ในฐานะผู้ดูแลการแสดงโฆษณาที่จัดการรายการโฆษณา หากคุณเพิ่มครีเอทีฟโฆษณาสำหรับ AMP โดยเฉพาะหรือครีเอทีฟโฆษณาของบุคคลที่สามในภายหลัง ให้ตรวจสอบว่าครีเอทีฟโฆษณานี้มีแค่โค้ด AMPHTML ก่อนที่จะเลือก "AMP เท่านั้น"
เกี่ยวกับครีเอทีฟโฆษณาสำหรับ AMP โดยเฉพาะและครีเอทีฟโฆษณาของบุคคลที่สาม
ครีเอทีฟโฆษณาสำหรับ AMP โดยเฉพาะและครีเอทีฟโฆษณาของบุคคลที่สามจะมีโค้ดหรือเนื้อหาอื่นๆ ที่จะทำให้ครีเอทีฟโฆษณาแสดงในเว็บไซต์หรือแอปตามที่ผู้ลงโฆษณาต้องการอย่างแน่นอน ครีเอทีฟโฆษณาเหล่านี้มักจะสร้างและจัดการโดยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางเทคนิค ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดทางเทคนิคของประเภทครีเอทีฟโฆษณาดังกล่าวได้ในพัฒนาและจัดการครีเอทีฟโฆษณาสำหรับ AMP โดยเฉพาะ และพัฒนาและจัดการโฆษณาของบุคคลที่สาม
ในฐานะผู้ดูแลการแสดงโฆษณา คุณอาจไม่จําเป็นต้องเข้าใจโค้ดหรือรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับวิธีสร้างครีเอทีฟโฆษณาเหล่านี้ แต่ให้สื่อสารกับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของครีเอทีฟโฆษณาและตรวจสอบว่าการตั้งค่าต่างๆ ของรายการโฆษณานั้นเป็นไปตามครีเอทีฟโฆษณาที่คาดไว้
การกำหนดความถี่สูงสุดของหน่วยโฆษณา
ความถี่สูงสุดจะจํากัดจํานวนครั้งที่ผู้ใช้แต่ละรายได้เห็นครีเอทีฟโฆษณาหนึ่งในระยะเวลาที่กําหนด การใช้ความถี่สูงสุดช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของผู้เข้าชมเว็บไซต์หรือแอปของคุณ เนื่องจากจะไม่แสดงโฆษณาเดียวกันหลายครั้งในระยะเวลาสั้นๆ
คุณเพิ่มป้ายกำกับความถี่สูงสุดให้กับขนาดโฆษณาที่เฉพาะเจาะจงในรายการโฆษณาได้ ครีเอทีฟโฆษณาที่เชื่อมโยงกับขนาดดังกล่าวจะสอดคล้องกับการตั้งค่าความถี่สูงสุดสำหรับป้ายกำกับนั้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับป้ายกำกับและความถี่สูงสุด
การวางแนวสื่อเนทีฟ
ตั้งค่าการวางแนวที่คาดไว้ของครีเอทีฟโฆษณาวิดีโอเนทีฟ ได้แก่ แนวนอน แนวตั้ง หรือสี่เหลี่ยมจัตุรัส Google Ad Manager จะแสดงครีเอทีฟโฆษณาเนทีฟที่มีการวางแนวตามที่ระบุในคําขอโฆษณาวิดีโอเนทีฟเท่านั้น
การตั้งค่าเพิ่มเติม
การตั้งค่าเพิ่มเติมเป็นตัวเลือกที่ไม่บังคับ ซึ่งหมายความว่าคุณจะบันทึก อนุมัติ และเรียกใช้รายการโฆษณาได้โดยไม่ต้องตั้งค่าเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ให้ทํางานร่วมกับผู้ลงโฆษณาเพื่อทําความเข้าใจข้อกําหนดและดูว่าควรกําหนดค่าบางอย่างเหล่านี้หรือไม่
ป้ายกำกับ
เราใช้ป้ายกำกับในการจัดกลุ่มออบเจ็กต์สำหรับวัตถุประสงค์ต่างๆ แต่โดยส่วนใหญ่มักใช้เพื่อการยกเว้นโฆษณาของคู่แข่ง ซึ่งจะป้องกันไม่ให้โฆษณาผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกันแสดงในหน้าเดียวกัน มีประโยชน์ในกรณีที่คุณมีผู้ลงโฆษณาหลายรายที่ขายผลิตภัณฑ์คล้ายกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ในเกี่ยวกับป้ายกํากับ
การยกเว้นโฆษณาของคู่แข่ง
การตั้งค่าการยกเว้นโฆษณาของคู่แข่งช่วยในการควบคุมว่าโฆษณาจากแบรนด์หรือผู้ลงโฆษณาที่ต่างกันซึ่งแข่งขันกับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คล้ายกันควรแสดงพร้อมกันในหน้าเดียวกันหรือภายในแอปเดียวกันหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมในการตั้งค่าการยกเว้นโฆษณาของคู่แข่งและป้ายกำกับการยกเว้นโฆษณาของคู่แข่ง
ตัวอย่างเช่น หากคุณมีผู้ผลิตรถยนต์ 2 รายที่โฆษณาในเครือข่ายของคุณ การแสดงโฆษณารถยนต์จากผู้ผลิตทั้ง 2 รายพร้อมกันอาจทําให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดีในเว็บไซต์หรือแอปของคุณ ซึ่งก็จะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ผู้ผลิตทั้ง 2 รายและผู้ลงโฆษณาทั้ง 2 รายอาจไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นคือข้อความในรูปแบบอิสระที่เสนอความคิดเห็นหรือบันทึกซึ่งแชร์โดยบุคคลที่ทํางานในรายการโฆษณาเดียวกัน
ช่องที่กำหนดเอง
ช่องที่กําหนดเองสร้างโดยผู้ดูแลระบบ Ad Manager หรือผู้ใช้อื่นซึ่งมีสิทธิ์คล้ายกัน ผู้ดูแลระบบจะเพิ่มช่องต่างๆ ได้ เช่น คําสั่งซื้อ รายการโฆษณา ครีเอทีฟโฆษณา ข้อเสนอ และรายการโฆษณาข้อเสนอ ซึ่งจะทำให้ได้ข้อมูลที่ไม่ได้อยู่ในค่าเริ่มต้นของ Ad Manager
ในฐานะที่เป็นคนสร้างหรือจัดการรายการโฆษณา คุณอาจต้องทำงานในส่วนช่องที่กำหนดเอง เช่น องค์กรอาจต้องการให้คุณซึ่งเป็นผู้ดูแลการแสดงโฆษณาใส่ตัวระบุที่กำหนดเองสำหรับแคมเปญที่แสดงให้เห็นว่าทีมขายทีมใดทำงานกับรายการโฆษณาหนึ่งๆ จากนั้นคุณหรือบุคคลในองค์กรจะรายงานเกี่ยวกับค่าที่ระบุได้ในภายหลัง
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ผู้ดูแลระบบสร้างช่องที่กำหนดเองได้ในช่องที่กำหนดเอง
การตั้งค่าการแสดงโฆษณา
เวลาเริ่มต้นและเวลาสิ้นสุด
เวลาเริ่มต้นและเวลาสิ้นสุดจะเป็นตัวระบุว่าจะเรียกใช้แคมเปญนานแค่ไหน
โดยทั่วไป เวลาและวันที่จะแสดงเป็นเขตเวลาของเครือข่าย ซึ่งก็คือเขตเวลาที่กำหนดไว้สำหรับเครือข่ายทั้งหมดในตอนที่ตั้งค่าเครือข่าย Ad Manager
อย่างไรก็ตาม ผู้ดูแลระบบ Ad Manager อาจเปิดใช้งานฟีเจอร์ที่ให้คุณเปลี่ยนเขตเวลาการดูแลการแสดงโฆษณาได้ หากมีการเปิดใช้งาน คุณจะแก้ไขการตั้งค่าของผู้ใช้เพื่ออัปเดตเขตเวลาให้ตรงกับสถานที่ตั้งของคุณได้ การอัปเดตเขตเวลาอาจมีประโยชน์ในกรณีที่คุณทํางานให้กับเครือข่ายขนาดใหญ่ที่ผู้ใช้กระจายอยู่ในเขตเวลาต่างๆ
ช่วงหยุดทำงาน
ช่วงหยุดทำงานช่วยให้คุณตั้งระยะเวลาที่ระบบจะไม่ส่งคำขอโฆษณาไปยังรายการโฆษณานี้หรือแชร์คำขอโฆษณากับพาร์ทเนอร์ที่ได้รับมอบหมาย คุณใช้ช่วงหยุดทำงานนี้แทนการสร้างรายการโฆษณาหลายรายการที่ต้องแสดงในช่วงเวลาที่ต่างกัน แต่เป็นรายการโฆษณาเดียวกัน
ระบบอนุญาตให้มีช่วงเวลาที่หยุดทำงานได้หลายช่วงในรายการโฆษณาเดียวกัน แต่ต้องอยู่ในช่วงเวลาเริ่มต้นและเวลาสิ้นสุดโดยรวม รายการเวลาจะปัดเศษเป็นชั่วโมงที่ใกล้ที่สุด ช่วงเวลาที่หยุดทำงานที่นานกว่าครึ่งหนึ่งของช่วงเวลาโดยรวมอาจทำให้เกิดอัตราความเร็วที่ไม่สม่ำเสมอ
จำนวน เป้าหมาย ขีดจำกัด (ปริมาณ)
ปริมาณที่ป้อนอาจปรากฏเป็น "จำนวน" "เป้าหมาย" หรือ "ขีดจำกัด" ขึ้นอยู่กับประเภทรายการโฆษณาที่เลือก
- "เป้าหมาย" จะใช้กับรายการโฆษณาประเภทผู้สนับสนุน เครือข่าย และเฮาส์แอ็ด ค่านี้จะเป็นเปอร์เซ็นต์ของการแสดงผลที่ตั้งใจให้รายการโฆษณาแสดง ซึ่งเป็นค่าจากการคาดการณ์ เป้าหมายไม่ได้รับประกันการแสดงผลจำนวนหนึ่งโดยเฉพาะ และตัวเลขที่ได้มักขึ้นอยู่กับลําดับความสําคัญของรายการโฆษณา
- "จำนวน" จะใช้กับประเภทรายการโฆษณาแบบมาตรฐานและแบบแบบกลุ่ม คุณอาจป้อนจํานวนเป็นการแสดงผลหรือการคลิกก็ได้ โดยขึ้นอยู่กับประเภทรายการโฆษณา และระบุจํานวนที่เจาะจงที่ต้องการรายการโฆษณาแสดงได้ตามจำนวนนั้น จํานวนโฆษณาที่แสดงจะขึ้นอยู่กับลําดับความสําคัญของรายการโฆษณา รายการโฆษณาแบบกลุ่มซึ่งมีลําดับความสําคัญรองลงมาอาจมีการแสดงผลน้อยไปเนื่องจากรายการโฆษณาอื่นๆ ที่มีลําดับความสําคัญสูงกว่าใช้จำนวนการแสดงผลไปเพื่อให้บรรลุเป้าหมายหรือจำนวน
- "ขีดจำกัด" จะใช้กับรายการโฆษณาประเภทลำดับความสำคัญตามราคา ค่าที่ป้อนจะเป็นได้ทั้งจำนวนการแสดงผลหรือจำนวนคลิกสูงสุดต่อวันหรือตลอดอายุ คุณสามารถใช้รายการโฆษณาที่มีลำดับความสำคัญตามราคาเพื่อเติมพื้นที่โฆษณาที่ยังไม่มีผู้ซื้อในเว็บไซต์ของคุณด้วยรายการโฆษณาที่มีค่าโฆษณาสูงสุดซึ่งพร้อมให้บริการ
อัตรา
ราคาที่เจรจาต่อรองกับผู้ลงโฆษณาหรือผู้ซื้อ ซึ่งใช้กับจำนวนการแสดงผล จำนวนคลิก หรือเป้าหมายที่ป้อน
- CPM: ราคาต่อการแสดงผลพันครั้ง
- CPC: ราคาต่อหนึ่งคลิก
- CPD: ค่าใช้จ่ายต่อวัน
- CPA: ต้นทุนต่อการดำเนินการ โดยที่การดำเนินการคือ Conversion ซึ่งหมายถึงการที่ผู้ใช้ดำเนินการในเว็บไซต์ของผู้ลงโฆษณาหลังจากที่ดูหรือคลิกโฆษณา
- vCPM: ราคาต่อการแสดงผลพันครั้งที่ได้แสดง มีผลเฉพาะเมื่อเปิดใช้งาน "การแสดงผลที่ได้แสดง" สำหรับรายการโฆษณาเท่านั้น
สำหรับรายการโฆษณาบางประเภท คุณยังตั้งค่า CPM มูลค่าได้ด้วย ซึ่งจะตั้งค่าที่แคมเปญที่ไม่รับประกันการแสดงผลแข่งขันกัน
การเพิ่ม CPM จะไม่ส่งผลกระทบต่อจำนวนที่มีอยู่ในการรายงาน เนื่องจากระบบจะบันทึกด้วย CPM ใหม่สำหรับการแสดงผลในอนาคตเท่านั้น
ขีดจำกัดการแสดงผล
(ปรากฏเฉพาะสำหรับรายการโฆษณาที่มีประเภทรายการโฆษณาเป็น "ผู้สนับสนุน" และอัตรา "CPM") จำนวนการแสดงผลทั้งหมดที่จะแสดงตลอดอายุของรายการโฆษณา ขีดจํากัดจะช่วยให้รายการโฆษณาไม่ใช้พื้นที่โฆษณามากเกินไปหลังจากที่บรรลุเป้าหมายหากมีการส่งโฆษณามาแสดงมากกว่าที่คาดไว้ รายการโฆษณาจะหยุดแสดงเมื่อถึงขีดจำกัดหรือถึงวันที่สิ้นสุด แล้วแต่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นก่อน
ส่วนลด
จํานวนที่มูลค่ารวมของรายการโฆษณานั้นจะลดลง ไม่ว่าจะเป็นค่าสัมบูรณ์หรือเป็นเปอร์เซ็นต์ของค่ารวม ส่วนลดอาจใช้เป็นจุดสำหรับการเจรจาต่อรองเพิ่มเติมกับผู้ลงโฆษณาหรือผู้ซื้อ ใช้แสดงถึงความสัมพันธ์ที่ต่อเนื่องหรือความสัมพันธ์ใหม่กับฝ่ายที่เจรจา หรือใช้เป็นสิ่งต่างตอบแทนสำหรับบริการหรือผลิตภัณฑ์ที่ซื้อขายกับผู้ลงโฆษณาหรือผู้ซื้อ
ค่าที่ป้อนนั้นใช้สําหรับการอ้างอิงเท่านั้น และจะไม่ส่งผลกระทบต่อรายงานรายได้หรือส่งผลต่อการแสดงโฆษณา
มูลค่ารวม
มูลค่ารวมจะคำนวณจากปริมาณ (จำนวน/เป้าหมาย/ขีดจำกัด ) คูณอัตรา และลบส่วนลด ดังนี้
(ปริมาณ × อัตรา) - ส่วนลด = มูลค่ารวม
มูลค่ารวมในผลรวมของรายการโฆษณาจะเท่ากับมูลค่าประมาณการรวมในคำสั่งซื้อ มาดูตัวอย่างกัน ใช้รายการโฆษณาต่อไปนี้
- ประเภทรายการโฆษณา: มาตรฐาน
- จำนวน: การแสดงผล 1 ล้านครั้ง
- อัตรา CPM: 300 บาท
ในกรณีนี้ มูลค่ารวมจะคํานวณได้ที่ 300,000 บาท มูลค่ารวมของรายการโฆษณาแต่ละรายการในคำสั่งซื้อจะเท่ากับ "มูลค่าประมาณการรวม" ของคำสั่งซื้อนั้น
การเปลี่ยนแปลงปริมาณหรืออัตราระหว่างช่วงเวลาแสดงโฆษณา
มูลค่ารวมจะเป็นค่าที่ประมาณการไว้ของการตั้งค่ารายการโฆษณาปัจจุบันเสมอ การแสดงโฆษณาก่อนหน้าสำหรับรายการโฆษณาที่แสดงอยู่ในปัจจุบันจะไม่นำมานับรวม ระบบจะคํานวณมูลค่ารวมใหม่โดยอิงตามค่าใหม่
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงปริมาณ (เฉพาะปริมาณเท่านั้นไม่ใช่อัตรา) ระหว่างช่วงเวลาแสดงโฆษณา (ขณะที่มีการแสดงโฆษณาอยู่) ของรายการโฆษณาจะส่งผลต่อวิธีคํานวณ "มูลค่าประมาณการ" ในคําสั่งซื้อ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมูลค่าประมาณการรวม
ปรับเปลี่ยนการแสดงโฆษณา
ในการ "ปรับเปลี่ยนการแสดงโฆษณา" มีเครื่องมือหลากหลายที่จะช่วยให้คุณปรับแต่งค่าการแสดงโฆษณาได้โดยละเอียด
ความถี่ในการแสดงผล
การตั้งค่า "ความถี่ในการแสดงผล" จะควบคุมอัตราการแสดงโฆษณาได้ การตั้งค่าเริ่มต้น (สม่ำเสมอ) ช่วยให้ Ad Manager กำหนดอัตราการแสดงโฆษณาให้เท่ากันตั้งแต่วันที่เริ่มต้นถึงวันที่สิ้นสุดของรายการโฆษณา โดยทั่วไปตัวเลือกนี้จะดีที่สุด เว้นแต่ผู้ลงโฆษณาจะขอตัวเลือกอัตราแบบอื่น
- สม่ำเสมอ (ค่าเริ่มต้น): รายการโฆษณาแสดงอย่างสม่ำเสมอจนกว่าจะถึงวันที่สิ้นสุด
- เร็วที่สุด: จะไม่พิจารณาว่า "เป็นไปตามกำหนดเวลา" และจะแสดงโฆษณาให้ได้มากที่สุด
- เน้นระยะแรก: เริ่มแสดงโฆษณาสูงกว่าเป้าหมายได้มากถึง 40% แล้วค่อยๆ ลดลงเมื่อรายการโฆษณาใกล้ถึงวันสิ้นสุด
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ในเปลี่ยนความเร็วในการแสดงผลของรายการโฆษณา
แสดงครีเอทีฟโฆษณา
เมื่อมีครีเอทีฟโฆษณาที่ทำงานอยู่หลายรายการในรายการโฆษณาเดียว คุณจะใช้การตั้งค่าเพื่อควบคุมวิธีแสดงครีเอทีฟโฆษณาในหน้าเว็บเดียวได้
- อย่างน้อย 1 รายการ: เมื่อเป็นไปได้ ให้แสดงครีเอทีฟโฆษณาหลายรายการในรายการโฆษณานั้นต่อหน้าเว็บ
- 1 รายการเท่านั้น: แสดงครีเอทีฟโฆษณาเพียง 1 รายการในรายการโฆษณานี้ต่อหน้าเว็บ
- มากที่สุดเท่าที่ทำได้: ให้ความสำคัญสูงกับครีเอทีฟโฆษณาที่เชื่อมโยงกับรายการโฆษณานี้
- ทั้งหมด: ต้องแสดงครีเอทีฟโฆษณาทั้งหมดให้แก่คำขอโฆษณานั้นๆ หรือไม่แสดงเลย
จำนวนนับ: เมื่อมีครีเอทีฟโฆษณาหลายรายการที่มีขนาดเท่ากัน คุณควรกำหนดจำนวนนับ และตั้งค่า "การแสดงครีเอทีฟโฆษณา" เป็น "มากที่สุดเท่าที่ทำได้" หรือ "อย่างน้อย 1 รายการ"
มีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดค่าและแนวทางปฏิบัติแนะนำในการแสดงครีเอทีฟโฆษณา
หมุนเวียนครีเอทีฟโฆษณา
หากรายการโฆษณามีครีเอทีฟโฆษณาหลายชิ้น คุณกำหนดได้ว่าจะให้ครีเอทีฟโฆษณาใดแสดงเป็นส่วนหนึ่งของการหมุนเวียนเมื่อแสดงรายการโฆษณาแก่ผู้ใช้ โดยมีตัวเลือกดังนี้
- สม่ำเสมอ: แสดงครีเอทีฟโฆษณาแต่ละชิ้นอย่างเท่าเทียมกันในแบบสุ่ม
- เพิ่มประสิทธิภาพ: ครีเอทีฟโฆษณาที่มี CTR สูงสุดจะแสดงบ่อยกว่า
- ระบุน้ำหนัก: แสดงครีเอทีฟโฆษณาตามความถี่ที่คุณกำหนด
- ตามลำดับ: แสดงครีเอทีฟโฆษณาแก่ผู้ใช้แต่ละรายตามลำดับที่คุณกำหนด
ดูข้อมูลเพิ่มเติมในหมุนเวียนครีเอทีฟโฆษณาหลายรายการสำหรับรายการโฆษณา
โฆษณาที่มีเด็กเป็นกลุ่มเป้าหมาย
อนุญาตให้รายการโฆษณาแสดงโฆษณาที่มีเด็กเป็นกลุ่มเป้าหมาย การตั้งค่านี้ช่วยให้คุณปฏิบัติตาม COPPA ได้ สําหรับผู้ขายที่เป็นพาร์ทเนอร์ YouTube โปรดทราบว่านโยบายเนื้อหาสําหรับเด็กของ YouTube จะมีผลบังคับใช้
วันและเวลา
ตั้งค่ารายการโฆษณาให้ทำงานเฉพาะในช่วงเวลาหรือวันที่ต้องการ หรือเพียงแค่ 15 นาทีต่อสัปดาห์ การตั้งค่าวันและเวลามีประโยชน์สําหรับผู้ลงโฆษณาที่ต้องการเข้าถึงผู้ใช้ในเวลาที่เหมาะสมสำหรับแคมเปญที่สุด ตัวอย่างเช่น สมมติว่าผู้ลงโฆษณาเป็นแฟรนไชส์ร้านอาหารระดับประเทศที่ต้องการโปรโมตช่วงลดราคาพิเศษ คุณช่วยให้ผู้ลงโฆษณาเข้าถึงผู้ใช้ในเวลาที่เหมาะสมที่สุดได้ เช่น วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16:00 - 18:00 น.
หากต้องการใช้การตั้งค่าวันและเวลา ให้อ่านแนวทางปฏิบัติแนะนำสำหรับการกำหนดเป้าหมายตามภูมิศาสตร์เพื่อให้แน่ใจว่าคุณตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงโฆษณาได้
การตั้งค่าโฆษณาให้แสดงเพียงบางช่วงเวลาของวันยังเรียกว่า "การแบ่งช่วงเวลาของวัน" ด้วย
ความถี่
ความถี่สูงสุดจะจำกัดจำนวนครั้งที่ครีเอทีฟโฆษณาจะแสดงต่อผู้ใช้รายหนึ่งๆ ได้ภายในระยะเวลาที่ระบุ ความถี่สูงสุดช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานโฆษณาของผู้ใช้เว็บไซต์หรือแอป รวมถึงเพิ่มมูลค่าให้ข้อเสนอที่คุณให้กับผู้ลงโฆษณาด้วย เนื่องจากผู้ใช้ที่เห็นโฆษณาเดียวกันซ้ำๆ มีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วมกับโฆษณาน้อยลง
ในฐานะผู้ดูแลการแสดงรายการโฆษณา คุณเพียงตั้งค่าความถี่สูงสุดเป็นอัตราที่ต้องการ
หากต้องการทราบรายละเอียดทางเทคนิคเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการทํางานของความถี่สูงสุด ให้อ่านตั้งค่าความถี่สูงสุดสําหรับรายการโฆษณา คุณอาจดูข้อมูลเกี่ยวกับตัวระบุที่ Ad Manager ใช้เพื่อนำความถี่สูงสุดไปใช้อย่างถูกต้อง และดูวิธีใช้ความถี่สูงสุดในอุปกรณ์ต่างๆ เมื่อมีการใช้คุกกี้ของบุคคลที่หนึ่งหรือของบุคคลที่สาม รายละเอียดเหล่านี้อาจช่วยให้คุณอธิบายสาเหตุที่ความถี่สูงสุดทํางานในลักษณะที่ไม่คาดคิดให้ผู้ลงโฆษณาเข้าใจได้
การกำหนดเป้าหมาย
การกําหนดเป้าหมายช่วยให้คุณจํากัดตําแหน่งที่รายการโฆษณาจะแสดงครีเอทีฟโฆษณาได้ การจํากัดตําแหน่งที่โฆษณาจะแสดงช่วยให้ผู้ลงโฆษณาเข้าถึงผู้ใช้ กลุ่มประชากร หรือกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้ ซึ่งจะเพิ่มคุณค่าให้กับแคมเปญ
การกําหนดเป้าหมายที่พบบ่อยประเภทหนึ่ง ได้แก่ การกำหนดเป้าหมายตามภูมิศาสตร์ ซึ่งจํากัดรายการโฆษณาให้แสดงโฆษณาในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่คุณระบุได้ ตัวอย่างเช่น สำหรับผู้ลงโฆษณาที่พยายามเข้าถึงผู้ใช้ในกรุงเทพ การกำหนดเป้าหมายตามภูมิศาสตร์เช่นนี้ถือว่ามีคุณค่าอย่างยิ่ง
การกําหนดเป้าหมายมีหลายประเภทด้วยกันและแต่ละประเภทก็ทำงานแตกต่างกันไปเล็กน้อย ทำงานร่วมกับผู้ลงโฆษณาอย่างใกล้ชิดเพื่อทำความเข้าใจข้อกำหนดของผู้ลงโฆษณา โปรดอ่านเกี่ยวกับประเภทการกำหนดเป้าหมายอย่างละเอียดเพื่อให้เข้าใจวิธีการทํางานของการกำหนดเป้าหมายเป็นอย่างดี และใช้การกำหนดเป้าหมายในลักษณะที่สอดคล้องกับข้อกำหนดของผู้ลงโฆษณา