นโยบายโปรแกรมสำหรับนักพัฒนาแอป

(มีผลวันที่ 6 มีนาคม 2024 เว้นแต่จะประกาศเป็นอย่างอื่น)

มาร่วมสร้างแหล่งรวมแอปและเกมที่เชื่อถือได้ที่สุดในโลกกัน

นวัตกรรมของคุณเป็นสิ่งที่ผลักดันให้เราประสบความสำเร็จร่วมกัน แต่สิ่งที่ตามมาคือความรับผิดชอบ นโยบายโปรแกรมสำหรับนักพัฒนาแอปเหล่านี้ พร้อมด้วยข้อตกลงการจัดจำหน่ายของนักพัฒนาแอปจะรับประกันว่าเราจะร่วมกันส่งมอบแอปที่ล้ำสมัยและได้รับความไว้วางใจที่สุดในโลกให้ผู้คนกว่าพันล้านคนผ่าน Google Play อย่างต่อเนื่อง ขอเชิญสำรวจนโยบายของเราที่ด้านล่าง

เนื้อหาที่ถูกจำกัด

ผู้คนจากทั่วโลกใช้ Google Play เพื่อเข้าถึงแอปและเกมในทุกๆ วัน ก่อนที่จะส่งแอป คุณควรตรวจสอบว่าแอปเหมาะสำหรับ Google Play และเป็นไปตามกฎหมายท้องถิ่นหรือไม่

การทำให้เด็กตกอยู่ในอันตราย

แอปที่ไม่ห้ามผู้ใช้จากการสร้าง อัปโหลด หรือเผยแพร่เนื้อหาที่เอื้อต่อการแสวงหาประโยชน์ หรือการละเมิดเด็กจะถูกนำออกจาก Google Play โดยทันที ข้อกำหนดนี้รวมถึงสื่อที่มีการล่วงละเมิดทางเพศเด็กทั้งหมด หากต้องการรายงานเนื้อหาที่อาจแสวงหาประโยชน์จากเด็กในผลิตภัณฑ์ของ Google ให้คลิกรายงานการละเมิด หากคุณพบเนื้อหาในที่อื่นๆ บนอินเทอร์เน็ต โปรดติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศของคุณโดยตรง 

เราไม่อนุญาตให้ใช้แอปที่ทำให้เด็กตกอยู่ในอันตราย ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการใช้แอปเพื่อโปรโมตพฤติกรรมแสวงหาประโยชน์จากเด็ก เช่น

  • ปฏิสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมซึ่งมีเป้าหมายเป็นเด็ก (เช่น การกอดจูบลูบคลำ)
  • การล่อลวงเด็ก (เช่น ผูกมิตรกับเด็กทางออนไลน์เพื่อให้ง่ายต่อการมีความสัมพันธ์ทางเพศกับเด็ก ไม่ว่าทางออนไลน์หรือออฟไลน์ และ/หรือเพื่อให้ง่ายต่อการแลกเปลี่ยนภาพทางเพศกับเด็ก)
  • การแสดงภาพผู้เยาว์ในทางเพศ เช่น ภาพที่แสดง ส่งเสริม หรือสนับสนุนการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก หรือการแสดงภาพเด็กในลักษณะที่อาจทำให้เกิดการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็ก
  • การแบล็กเมลทางเพศออนไลน์ (เช่น ข่มขู่หรือแบล็กเมลเด็กโดยใช้ภาพลับของเด็ก ไม่ว่าจะมีภาพนั้นอยู่จริงๆ หรืออ้างว่ามีก็ตาม)
  • การค้าเด็ก (เช่น โฆษณาหรือเชิญชวนเพื่อล่อลวงเด็กไปแสวงหาประโยชน์ทางเพศในเชิงพาณิชย์)

เราจะดำเนินการตามความเหมาะสม ซึ่งอาจรวมถึงการรายงานไปยังศูนย์ข้อมูลเด็กสูญหายหรือถูกเอารัดเอาเปรียบแห่งชาติ (National Center for Missing & Exploited Children) หากพบเนื้อหาหรือสื่อที่มีการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก หากคุณเชื่อว่ามีเด็กที่กำลังตกอยู่ในอันตรายจากการถูกล่วงละเมิด แสวงหาประโยชน์ หรือตกเป็นเหยื่อของผู้ค้ามนุษย์ โปรดแจ้งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นและติดต่อองค์กรคุ้มครองความปลอดภัยของเด็กตามที่ระบุไว้ที่นี่

นอกจากนี้ แอปที่ดึงดูดเด็กแต่มีธีมสำหรับผู้ใหญ่จะไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงแอปต่อไปนี้

  • แอปที่มีความรุนแรง เลือด และการนองเลือดมากเกินไป
  • แอปที่แสดงภาพหรือส่งเสริมกิจกรรมที่เป็นโทษและเป็นอันตราย

เราไม่อนุญาตแอปที่ส่งเสริมจินตภาพเกี่ยวกับร่างกายหรือความรู้สึกเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของตนเองในแง่ลบ รวมถึงแอปที่แสดงภาพการทำศัลยกรรมพลาสติก การลดน้ำหนัก และการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของบุคคลเพื่อความงาม โดยมีจุดประสงค์เพื่อความบันเทิง


เนื้อหาไม่เหมาะสม

เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป

เนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศและคำหยาบคาย

เราไม่อนุญาตแอปที่มีหรือส่งเสริมเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศหรือคำหยาบคาย ซึ่งรวมถึงภาพอนาจาร หรือเนื้อหาหรือบริการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความพึงพอใจทางเพศ เราไม่อนุญาตแอปหรือเนื้อหาแอปที่ดูเหมือนว่าส่งเสริมหรือเรียกร้องกิจกรรมทางเพศเพื่อแลกกับค่าตอบแทน รวมถึงไม่อนุญาตแอปที่มีหรือส่งเสริมเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากผู้อื่น หรือเผยแพร่เนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศโดยไม่ได้รับความยินยอม เนื้อหาที่มีภาพเปลือยอาจได้รับอนุญาตหากมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการศึกษา เป็นสารคดี วิทยาศาสตร์ หรือศิลปะ และไม่ใช่ภาพที่ไม่เหมาะสม

แอปแคตตาล็อก เป็นแอปที่แสดงรายชื่อหนังสือ/วิดีโอเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของแคตตาล็อกเนื้อหาแบบกว้าง ซึ่งจะเผยแพร่ชื่อหนังสือ (รวมถึง eBook และหนังสือเสียง) หรือวิดีโอที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศได้หากเป็นไปตามข้อกำหนดทั้งหมดต่อไปนี้

  • ชื่อหนังสือ/วิดีโอที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศเป็นเพียงส่วนน้อยของแคตตาล็อกโดยรวมของแอป
  • แอปไม่ได้โปรโมตชื่อหนังสือ/วิดีโอที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศเป็นหลัก ชื่อเรื่องเหล่านี้อาจยังคงปรากฏในคำแนะนำตามประวัติของผู้ใช้หรือในช่วงโปรโมชันราคาทั่วไป 
  • แอปไม่ได้เผยแพร่ชื่อหนังสือ/วิดีโอที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการทำอันตรายต่อเด็ก สื่อลามก หรือเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศอื่นใดซึ่งกฎหมายที่เกี่ยวข้องระบุว่าผิดกฎหมาย
  • แอปปกป้องผู้เยาว์โดยการจำกัดการเข้าถึงชื่อหนังสือ/วิดีโอที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศ

หากแอปมีเนื้อหาที่ละเมิดนโยบายนี้แต่เนื้อหาดังกล่าวจัดว่าเหมาะสมในบางภูมิภาค แอปก็อาจให้บริการแก่ผู้ใช้ในภูมิภาคนั้นได้ แต่ผู้ใช้ในภูมิภาคอื่นๆ จะยังคงใช้งานไม่ได้

เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • การแสดงภาพเปลือยที่ส่อไปในทางเพศหรือภาพท่าทางที่ชี้นำทางเพศโดยที่บุคคลในภาพมีการเปลือยกาย เบลอภาพ หรือใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น และ/หรือเสื้อผ้าที่สวมใส่ไม่เป็นที่ยอมรับในบริบทของความเหมาะสมในที่สาธารณะ
  • การแสดงภาพ ภาพเคลื่อนไหว หรือภาพประกอบของกิจกรรมทางเพศ หรือท่าทางที่เป็นการชี้นำทางเพศ หรือการแสดงภาพส่วนต่างๆ ของร่างกายในทางเพศ
  • เนื้อหาที่แสดงภาพหรือเป็นเครื่องมือช่วยเหลือทางเพศ คำแนะนำทางเพศ ธีมและความหลงใหลทางเพศที่ผิดกฎหมาย
  • เนื้อหาที่ลามกหรือหยาบคาย ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงเนื้อหาที่อาจมีคำหยาบคาย ใส่ร้ายป้ายสี ข้อความที่โจ่งแจ้งและอาจไม่เหมาะสม หรือคีย์เวิร์ดสำหรับผู้ใหญ่/เรื่องเพศในข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store หรือในแอป
  • เนื้อหาที่แสดงภาพ บรรยาย หรือส่งเสริมการร่วมเพศระหว่างมนุษย์กับสัตว์
  • แอปที่ส่งเสริมความบันเทิงเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ บริการเพื่อนเที่ยว หรือบริการอื่นๆ ที่อาจมองว่าเป็นการเชิญชวนหรือการให้บริการทางเพศเพื่อแลกกับค่าตอบแทน ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการนัดพบแบบมีค่าตอบแทน หรือการจัดหาบริการทางเพศที่กำหนดหรือบอกเป็นนัยให้ฝ่ายหนึ่งมอบเงิน ของขวัญ หรือการสนับสนุนทางการเงินแก่อีกฝ่ายหนึ่ง ("การเดตข้ามวัย")
  • แอปที่ทำให้เสื่อมเสียหรือทำให้ผู้คนไม่พอใจ เช่น แอปที่อ้างว่าเปลื้องหรือมองทะลุผ่านเสื้อผ้าได้ แม้จะมีป้ายกำกับว่าเป็นการแกล้งกันหรือแอปเพื่อความบันเทิงก็ตาม 
  •  เนื้อหาหรือพฤติกรรมที่พยายามคุกคามทางเพศหรือแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากผู้คน เช่น รูปแอบถ่าย ภาพจากกล้องที่ซ่อนไว้ เนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศที่ไม่ได้รับความยินยอมซึ่งสร้างผ่านดีปเฟกหรือเทคโนโลยีที่คล้ายกัน หรือเนื้อหาการล่วงละเมิด

วาจาสร้างความเกลียดชัง

เราไม่อนุญาตแอปที่ส่งเสริมความรุนแรงหรือยุยงให้เกิดความเกลียดชังต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลตามเชื้อชาติหรือกลุ่มชาติพันธุ์ ศาสนา ความพิการ อายุ สัญชาติ สถานะทหารผ่านศึก วิถีทางเพศ เพศสภาพ อัตลักษณ์ทางเพศ ชนชั้น สถานะการเข้าเมือง หรือลักษณะเฉพาะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกปฏิบัติในระบบหรือการกีดกันทางสังคม

แอปที่มีเนื้อหา EDSA (การศึกษา สารคดี งานทางวิทยาศาสตร์ หรือศิลปะ) ที่เกี่ยวข้องกับนาซีอาจถูกบล็อกในบางประเทศ โดยเป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับในท้องถิ่น

เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • เนื้อหาหรือคำพูดที่ยืนยันว่ากลุ่มที่ได้รับการคุ้มครองนั้นไม่ใช่มนุษย์ ด้อยกว่า หรือสมควรเกลียด
  • แอปที่มีถ้อยคำแสดงความเกลียดชัง การเหมารวม หรือทฤษฎีว่ากลุ่มที่ได้รับการคุ้มครองมีลักษณะที่ไม่ดี (เช่น เป็นอันตราย เสื่อมทราม ร้ายกาจ) หรือกล่าวอ้างอย่างชัดแจ้งหรือโดยนัยว่ากลุ่มดังกล่าวเป็นภัยคุกคาม
  • เนื้อหาหรือถ้อยคำที่พยายามส่งเสริมให้ผู้อื่นเชื่อว่าผู้คนควรได้รับการเกลียดชังหรือเลือกปฏิบัติเพราะเขาเป็นสมาชิกของกลุ่มที่ได้รับการคุ้มครอง
  • เนื้อหาที่ส่งเสริมสัญลักษณ์แสดงความเกลียดชัง เช่น ธง สัญลักษณ์ ตราสัญลักษณ์ อุปกรณ์หรือพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเผยแพร่ความเกลียดชัง

ความรุนแรง

เราไม่อนุญาตแอปที่แสดงภาพหรือส่งเสริมการใช้ความรุนแรงอย่างไร้เหตุผล ตลอดจนกิจกรรมอันตรายอื่นๆ แอปที่แสดงถึงความรุนแรงที่สมมติขึ้นในบริบทของเกม เช่น การ์ตูน การล่าสัตว์ หรือการตกปลา โดยทั่วไปแล้วจะได้รับอนุญาต 
 
เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • การแสดงภาพกราฟิกหรือบรรยายความรุนแรงที่สมจริง หรือการคุกคามที่รุนแรงต่อคนหรือสัตว์
  • แอปที่ส่งเสริมการทำร้ายตนเอง การฆ่าตัวตาย ความผิดปกติเกี่ยวกับการกิน เกมฝันหวานกดหลับ หรือการกระทำอื่นๆ ที่อาจทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิต

ลัทธิสุดโต่งที่นิยมความรุนแรง

เราไม่อนุญาตให้องค์กรก่อการร้าย หรือองค์กรหรือกิจกรรมเคลื่อนไหวที่เป็นอันตรายอื่นๆ ซึ่งมีส่วนร่วม เตรียมการ หรือกล่าวอ้างความรับผิดชอบในการกระทำที่รุนแรงต่อพลเรือนเผยแพร่แอปใน Google Play ไม่ว่าจะเพื่อวัตถุประสงค์ใดก็ตาม ซึ่งรวมถึงการสรรหาสมาชิกใหม่เข้าร่วมในองค์กร

เราไม่อนุญาตแอปซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับลัทธิสุดโต่งที่นิยมความรุนแรง หรือเนื้อหาเกี่ยวกับการวางแผน การเตรียมการ หรือการยกย่องความรุนแรงต่อพลเรือน เช่น เนื้อหาที่สนับสนุนหรือส่งเสริมการดำเนินการของผู้ก่อการร้าย เนื้อหาที่ยุยงให้เกิดความรุนแรง หรือเนื้อหาที่เฉลิมฉลองการโจมตีของผู้ก่อการร้าย หากโพสต์เนื้อหาเกี่ยวกับลัทธิสุดโต่งที่นิยมความรุนแรงด้วยวัตถุประสงค์ด้านการศึกษา สารคดี วิทยาศาสตร์ หรือศิลปะ โปรดอย่าลืมให้บริบททาง EDSA (การศึกษา สารคดี วิทยาศาสตร์ หรือศิลปะ) ที่เกี่ยวข้อง

เหตุการณ์ที่ละเอียดอ่อน

เราไม่อนุญาตแอปที่อาศัยประโยชน์จากเหตุการณ์ที่มีความละเอียดอ่อนซึ่งมีผลกระทบทางสังคม วัฒนธรรม หรือการเมืองอย่างมาก เช่น เหตุฉุกเฉินของพลเมือง ภัยธรรมชาติ เหตุฉุกเฉินด้านสาธารณสุข ความขัดแย้ง ความตาย หรือเหตุน่าสลดใจอื่นๆ หรือขาดความละเอียดอ่อนต่อเหตุการณ์ดังกล่าว โดยทั่วไปแล้วแอปที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่มีความละเอียดอ่อนจะได้รับอนุญาต หากเนื้อหานั้นมีคุณค่าด้าน EDSA (การศึกษา สารคดี งานทางวิทยาศาสตร์ หรือศิลปะ) หรือมีเจตนาจะแจ้งเตือนหรือสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่มีความละเอียดอ่อนนั้นแก่ผู้ใช้ 
เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • การขาดความละเอียดอ่อนในเรื่องการเสียชีวิตของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลอันเนื่องมาจากการฆ่าตัวตาย การใช้ยาเกินขนาด การเสียชีวิตตามธรรมชาติ ฯลฯ
  • การปฏิเสธการเกิดขึ้นของเหตุน่าสลดใจครั้งสำคัญซึ่งมีการบันทึกไว้อย่างเป็นดี
  • อาจมีการแสวงหาประโยชน์จากเหตุการณ์ที่มีความละเอียดอ่อนโดยที่เหยื่อไม่ได้รับการช่วยเหลือจริง

การกลั่นแกล้งและการล่วงละเมิด

เราไม่อนุญาตแอปที่มีหรือสนับสนุนการคุกคาม การล่วงละเมิด หรือการกลั่นแกล้ง
เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • การกลั่นแกล้งเหยื่อจากความขัดแย้งระหว่างประเทศหรือความขัดแย้งทางศาสนา
  • เนื้อหาที่มุ่งหาประโยชน์จากผู้อื่น รวมถึงการขู่กรรโชก แบล็กเมล ฯลฯ
  • การโพสต์เนื้อหาแบบสาธารณะเพื่อทำให้ผู้อื่นอับอาย
  • การคุกคามเหยื่อหรือเพื่อนและครอบครัวของเหยื่อเกี่ยวกับเหตุการณ์โศกนาฏกรรม

ผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตราย

เราไม่อนุญาตแอปที่สนับสนุนการขายวัตถุระเบิด อาวุธปืน กระสุน หรืออุปกรณ์เสริมบางอย่างสำหรับอาวุธปืน

  • อุปกรณ์เสริมที่ถูกจำกัด ได้แก่ อุปกรณ์ที่ทำให้อาวุธปืนเลียนแบบการยิงอัตโนมัติหรือแปลงอาวุธปืนให้ยิงแบบอัตโนมัติได้ (เช่น บัมพ์สต็อก ไกปืนกล เซียร์อัตโนมัติแบบดร็อปอิน ชุดอุปกรณ์สำหรับแปลง) ที่ใส่กระสุนหรือสายกระสุนที่บรรจุได้มากกว่า 30 นัด

เราไม่อนุญาตแอปที่แสดงวิธีผลิตวัตถุระเบิด อาวุธปืน กระสุน หรืออุปกรณ์เสริมที่ถูกจำกัดสำหรับอาวุธปืน หรืออาวุธอื่นๆ รวมถึงวิธีการแปลงอาวุธปืนให้เป็นแบบอัตโนมัติหรือเลียนแบบความสามารถในการยิงแบบอัตโนมัติ

กัญชา

เราไม่อนุญาตแอปที่สนับสนุนการขายกัญชาหรือผลิตภัณฑ์จากกัญชา โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องตามกฎหมาย
เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • อนุญาตให้ผู้ใช้สั่งซื้อกัญชาผ่านฟีเจอร์รถเข็นช็อปปิ้งในแอป
  • ช่วยเหลือผู้ใช้ในการจัดการการจัดส่งหรือการรับกัญชา
  • อำนวยความสะดวกในการขายผลิตภัณฑ์ที่มี THC (เตตร้าไฮโดรแคนนาบินอล) รวมถึงผลิตภัณฑ์อย่างเช่นน้ำมัน CBD ที่มี THC

ยาสูบและแอลกอฮอล์

เราไม่อนุญาตแอปที่อำนวยความสะดวกในการขายยาสูบ (รวมถึงบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์) หรือส่งเสริมการใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือยาสูบอย่างผิดกฎหมายหรือไม่เหมาะสม
ข้อมูลเพิ่มเติม
  • ไม่อนุญาตให้แสดงภาพหรือส่งเสริมการใช้หรือการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือยาสูบให้แก่ผู้เยาว์
  • ไม่อนุญาตให้บอกเป็นนัยว่าการบริโภคยาสูบอาจช่วยให้สมรรถภาพทางสังคม เพศ อาชีพ สติปัญญา หรือกีฬาดีขึ้น
  • ไม่อนุญาตให้แสดงภาพที่ส่งเสริมการดื่มเกินขนาด ซึ่งรวมถึงการแสดงภาพที่เป็นการส่งเสริมการดื่มเกินขนาด ดื่มเป็นจำนวนมาก หรือดื่มเพื่อการแข่งขัน
  • ไม่อนุญาตโฆษณา โปรโมชัน หรือการแสดงผลิตภัณฑ์ยาสูบอย่างโดดเด่น (รวมถึงโฆษณา แบนเนอร์ หมวดหมู่ และลิงก์ไปยังเว็บไซต์ขายยาสูบ)
  • เราอาจอนุญาตให้มีการขายผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบจำกัดในแอปจัดส่งอาหาร/ของใช้ทั่วไปในบางภูมิภาค โดยขึ้นอยู่กับการป้องกันที่มีการกำหนดอายุ (เช่น การตรวจสอบบัตรประจำตัวเมื่อจัดส่ง)

บริการทางการเงิน

เราไม่อนุญาตแอปที่แนะนำผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลอกลวงหรือเป็นอันตรายต่อผู้ใช้

สำหรับวัตถุประสงค์ของนโยบายนี้ เราพิจารณาว่าผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินเป็นผลิตภัณฑ์และบริการเกี่ยวกับการบริหารเงินและคริปโตเคอเรนซี (สกุลเงินดิจิทัล) การลงทุน รวมถึงการให้คำแนะนำส่วนบุคคล

หากแอปของคุณมีหรือโปรโมตผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน คุณต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของรัฐและกฎหมายในพื้นที่ของภูมิภาคหรือประเทศใดๆ ที่เป็นเป้าหมายของแอป เช่น การเปิดเผยข้อมูลเฉพาะซึ่งกำหนดโดยกฎหมายในพื้นที่

แอปที่มีฟีเจอร์ทางการเงินต้องกรอกแบบฟอร์มประกาศฟีเจอร์ทางการเงินใน Play Console

ไบนารีออปชัน

เราไม่อนุญาตแอปที่ให้ผู้ใช้ทำการซื้อขายไบนารีออปชันได้

สินเชื่อส่วนบุคคล

เราให้คำจำกัดความสินเชื่อส่วนบุคคลว่าเป็นการที่บุคคล องค์กร หรือนิติบุคคลให้ผู้บริโภคที่เป็นบุคคลธรรมดายืมเงินในรูปแบบที่ไม่ได้เกิดซ้ำ ไม่ใช่เพื่อจุดประสงค์ในการซื้อสินทรัพย์ถาวรหรือเพื่อการศึกษา ผู้บริโภคที่ต้องการใช้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลต้องได้รับข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพ คุณสมบัติ ค่าธรรมเนียม กำหนดเวลาชำระคืน ความเสี่ยง และสิทธิประโยชน์ของผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะขอสินเชื่อนั้นหรือไม่

  • ตัวอย่างเช่น สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเงินด่วน สินเชื่อบุคคลต่อบุคคล สินเชื่อรถแลกเงิน
  • แต่ไม่รวมถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อรถยนต์ วงเงินสินเชื่อหมุนเวียน (เช่น บัตรเครดิต วงเงินสินเชื่อส่วนบุคคล)

แอปที่ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงแอปที่ให้บริการสินเชื่อโดยตรง แอปสร้างความสนใจในตัวสินค้า และแอปที่เชื่อมต่อผู้บริโภคกับผู้ให้กู้บุคคลที่สามต้องตั้งค่าหมวดหมู่แอปเป็น "การเงิน" ใน Play Console และต้องเปิดเผยข้อมูลต่อไปนี้ในข้อมูลเมตาของแอป

  • ระยะเวลาสูงสุดและต่ำสุดในการชำระเงินคืน
  • อัตราดอกเบี้ยต่อปี (APR) สูงสุด ซึ่งโดยปกติจะรวมถึงอัตราดอกเบี้ยบวกกับค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ สำหรับ 1 ปี หรืออัตราอื่นๆ ที่คล้ายกันซึ่งคำนวณอย่างสอดคล้องกับกฎหมายในพื้นที่
  • ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมดของสินเชื่อ รวมถึงเงินต้นและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
  • นโยบายความเป็นส่วนตัวที่เปิดเผยข้อมูลการเข้าถึง การรวบรวม การใช้ และการแชร์ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนของผู้ใช้อย่างครบถ้วน ภายใต้ข้อจำกัดที่ระบุไว้ในนโยบายนี้

เราไม่อนุญาตแอปที่โปรโมตสินเชื่อส่วนบุคคลที่กำหนดให้ชำระเงินคืนเต็มจำนวนเมื่อครบ 60 วันหรือน้อยกว่านับจากวันที่ออกสินเชื่อ (เราเรียกสินเชื่อประเภทนี้ว่า "สินเชื่อส่วนบุคคลระยะสั้น")

เราต้องสามารถเชื่อมโยงระหว่างบัญชีนักพัฒนาแอปกับใบอนุญาตหรือเอกสารประกอบใดๆ ที่ให้มาซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถของคุณในการให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล และเราอาจขอข้อมูลหรือเอกสารเพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่าบัญชีของคุณเป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบทั้งหมดในท้องถิ่น

แอปสินเชื่อส่วนบุคคล แอปที่มีวัตถุประสงค์หลักในการอำนวยความสะดวกการเข้าถึงสินเชื่อส่วนบุคคล (เช่น แอปสร้างผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าหรือแอปที่ช่วยอำนวยความสะดวก) หรือแอปเสริมด้านสินเชื่อ (แอปคำนวณสินเชื่อ แอปให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินเชื่อ ฯลฯ) ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น รูปภาพและรายชื่อติดต่อ รวมถึงห้ามไม่ให้มีสิทธิ์ต่อไปนี้

  • อ่านที่จัดเก็บข้อมูลภายนอก
  • อ่านภาพสื่อ
  • อ่านรายชื่อติดต่อ
  • เข้าถึงตำแหน่งอย่างละเอียด
  • อ่านหมายเลขโทรศัพท์
  • อ่านวิดีโอสื่อ
  • ค้นหาแพ็กเกจทั้งหมด
  • เขียนที่จัดเก็บข้อมูลภายนอก

แอปที่ใช้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนหรือ API ต้องปฏิบัติตามข้อจำกัดและข้อกำหนดเพิ่มเติม โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่นโยบายสิทธิ์

สินเชื่อส่วนบุคคลที่มีอัตราดอกเบี้ยต่อปี (APR) สูง

ในสหรัฐอเมริกา เราไม่อนุญาตแอปสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีอัตราดอกเบี้ยต่อปี (APR) 36% ขึ้นไป แอปสินเชื่อส่วนบุคคลในสหรัฐอเมริกาต้องแสดงอัตราดอกเบี้ยต่อปี (APR) สูงสุดซึ่งคำนวณอย่างสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการให้กู้ยืม (Truth in Lending Act หรือ TILA)

นโยบายนี้ใช้กับแอปที่เสนอสินเชื่อโดยตรง แอปสร้างความสนใจในตัวสินค้า และแอปที่เชื่อมต่อผู้บริโภคกับผู้ให้กู้บุคคลที่สาม

ข้อกำหนดเฉพาะในแต่ละประเทศ

แอปสินเชื่อส่วนบุคคลที่กำหนดเป้าหมายเป็นประเทศที่อยู่ในรายการนี้ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดเพิ่มเติมและแสดงเอกสารประกอบเสริมเป็นส่วนหนึ่งของการประกาศฟีเจอร์ทางการเงินภายใน Play Console คุณต้องให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎข้อบังคับและการอนุญาตให้ใช้สิทธิที่เกี่ยวข้อง ตามคำขอของ Google Play

  1. อินเดีย
    • หากคุณได้รับอนุญาตจาก Reserve Bank of India (RBI) ในการให้สินเชื่อส่วนบุคคล คุณต้องส่งสำเนาของใบอนุญาตให้เราตรวจสอบ
    • หากคุณไม่มีส่วนร่วมกับกิจกรรมกู้ยืมเงินโดยตรง เพียงแต่จัดหาแพลตฟอร์มเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ในการกู้ยืมเงินจากบริษัทการเงินจดทะเบียนซึ่งมิใช่ธนาคาร (NBFC) หรือธนาคาร คุณต้องแสดงข้อมูลนี้ในการประกาศอย่างถูกต้อง
      • นอกจากนี้ยังต้องเปิดเผยชื่อของ NBFC ที่จดทะเบียนและธนาคารทั้งหมดไว้ในการเปิดเผยข้อมูลของแอปอย่างชัดเจน
  2. อินโดนีเซีย
    • หากแอปมีส่วนร่วมในกิจกรรมของบริการกู้ยืมเงินโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศตามข้อบังคับของ OJK หมายเลข 77/POJK.01/2016 (ตามที่อาจมีการแก้ไขเป็นครั้งคราว) คุณต้องส่งสำเนาใบอนุญาตที่ถูกต้องมาให้เราตรวจสอบ
  3. ฟิลิปปินส์
    • บริษัทจัดหาและให้กู้ที่เสนอสินเชื่อผ่านแพลตฟอร์มการกู้ยืมออนไลน์ (OLP) ต้องได้หมายเลขจดทะเบียนจาก SEC และหมายเลขใบรับรองการอนุญาต (CA) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของฟิลิปปินส์ (PSEC)
      • นอกจากนี้คุณต้องเปิดเผยชื่อองค์กร ชื่อธุรกิจ หมายเลขจดทะเบียนจาก PSEC และหมายเลขใบรับรองการอนุญาตให้ดำเนินบริษัทจัดหาเงิน/ให้กู้ (CA) ไว้ในคำอธิบายของแอป
    • แอปที่มีส่วนในกิจกรรมการระดมทุนเพื่อให้กู้ยืม เช่น การให้กู้ยืมแบบเพียร์ทูเพียร์ (P2P) หรือตามที่กำหนดภายใต้กฎและข้อบังคับที่ควบคุมการระดมทุน (กฎ CF) ต้องประมวลผลธุรกรรมผ่านตัวกลาง CF ที่จดทะเบียนกับ PSEC
  4. ไนจีเรีย
    • ผู้ให้กู้เงินดิจิทัล (DML) ต้องปฏิบัติตามและดำเนินการตามกฎข้อบังคับแบบจำกัดชั่วคราว/กรอบการจดทะเบียนและหลักเกณฑ์สำหรับการให้กู้แบบดิจิทัลปี 2022 (LIMITED INTERIM REGULATORY/ REGISTRATION FRAMEWORK AND GUIDELINES FOR DIGITAL LENDING, 2022) (ซึ่งอาจมีการแก้ไขเป็นครั้งคราว) ของคณะกรรมการกลางด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและการแข่งขันทางการค้า (Federal Competition and Consumer Protection Commission หรือ FCCPC) ของไนจีเรียและได้รับจดหมายอนุมัติที่ยืนยันได้จาก FCCPC
    • ผู้รวบรวมข้อมูลสินเชื่อต้องให้เอกสารประกอบและ/หรือใบรับรองบริการสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัล/สินเชื่อดิจิทัลและข้อมูลติดต่อของพาร์ทเนอร์ DML ทุกราย
  5. เคนยา
    • ผู้ให้บริการเครดิตดิจิทัล (DCP) ควรดำเนินการขั้นตอนการจดทะเบียนเป็น DCP ให้เสร็จสมบูรณ์และได้รับใบอนุญาตจากธนาคารกลางเคนยา (CBK) คุณต้องแสดงสำเนาใบอนุญาตจาก CBK เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการประกาศ
    • หากคุณไม่มีส่วนร่วมกับกิจกรรมกู้ยืมเงินโดยตรงและเพียงแต่จัดหาแพลตฟอร์มเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ในการกู้ยืมเงินจาก DCP ที่จดทะเบียนเท่านั้น คุณจะต้องแสดงข้อมูลนี้ในการประกาศอย่างถูกต้องและยื่นสำเนาใบอนุญาต DCP ของพาร์ทเนอร์ที่เกี่ยวข้อง
    • ปัจจุบันเรายอมรับเฉพาะประกาศและใบอนุญาตจากบุคคลที่มีรายชื่อเผยแพร่อยู่ในไดเรกทอรีผู้ให้บริการเครดิตดิจิทัลในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ CBK เท่านั้น
  6. ปากีสถาน
    • ผู้ให้กู้แต่ละรายของบริษัทการเงินซึ่งมิใช่ธนาคาร (NBFC) สามารถเผยแพร่แอปบริการสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัล/สินเชื่อดิจิทัล (DLA) ได้เพียง 1 แอปเท่านั้น นักพัฒนาแอปที่พยายามเผยแพร่ DLA มากกว่า 1 แอปต่อ NBFC มีความเสี่ยงที่จะทำให้บัญชีนักพัฒนาแอปและบัญชีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องสิ้นสุดลง
    • คุณต้องส่งหลักฐานการอนุมัติจาก SECP เพื่อให้บริการหรือช่วยอำนวยความสะดวกในการให้บริการสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัล/สินเชื่อดิจิทัลในปากีสถาน
  7. ไทย
    • แอปสินเชื่อส่วนบุคคลที่กำหนดเป้าหมายเป็นประเทศไทย โดยมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 15% ขึ้นไป ต้องได้รับใบอนุญาตที่ถูกต้องจากธนาคารแห่งประเทศไทย (BoT) หรือกระทรวงการคลัง (MoF) นักพัฒนาแอปต้องส่งเอกสารประกอบที่พิสูจน์ความสามารถในการให้หรือสนับสนุนสินเชื่อส่วนบุคคลในไทย เอกสารประกอบรวมถึงรายการต่อไปนี้
      • สำเนาใบอนุญาตที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทยที่อนุญาตให้ดำเนินการในฐานะผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลหรือองค์กรสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์
      • สำเนาใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ (Pico-finance) ที่ออกโดยกระทรวงการคลังที่อนุญาตให้ดำเนินการในฐานะผู้ให้กู้สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์หรือสินเชื่อประเภทพิโกพลัส
เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป

การพนัน เกม และการแข่งขันที่ใช้เงินจริง

เราอนุญาตแอปการพนันที่ใช้เงินจริง โฆษณาที่เกี่ยวข้องกับการพนันที่ใช้เงินจริง โปรแกรมสะสมคะแนนซึ่งมีผลลัพธ์ในรูปแบบเกม และแอปแฟนตาซีสปอร์ตระยะสั้นที่มีคุณสมบัติตามข้อกำหนดบางประการ

แอปการพนัน

เราอนุญาตแอปที่ให้บริการหรือส่งเสริมการพนันออนไลน์ในบางประเทศ โดยขึ้นอยู่กับข้อจำกัดและการปฏิบัติตามข้อกำหนดของนโยบายทั้งหมดของ Google Play ตราบใดที่นักพัฒนาแอปทำตามขั้นตอนการสมัครจนเสร็จสมบูรณ์สำหรับแอปการพนันที่เผยแพร่ใน Google Play เป็นผู้ประกอบการภาครัฐที่ได้รับอนุญาตและ/หรือจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการที่มีใบอนุญาตกับหน่วยงานด้านการพนันที่เหมาะสมของรัฐในประเทศนั้นๆ และแสดงใบอนุญาตประกอบกิจการที่ใช้ได้ในประเทศนั้นๆ สำหรับผลิตภัณฑ์การพนันออนไลน์ที่ต้องการให้บริการ 

เราอนุญาตเฉพาะแอปการพนันที่มีใบอนุญาตหรือได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องซึ่งมีผลิตภัณฑ์การพนันออนไลน์ประเภทต่อไปนี้เท่านั้น 

  • เกมคาสิโนออนไลน์
  • การพนันกีฬา
  • การแข่งม้า (ในกรณีที่กำกับดูแลและมีใบอนุญาตแยกจากการพนันกีฬา)
  • ลอตเตอรี่
  • แฟนตาซีสปอร์ตระยะสั้น

แอปที่มีสิทธิ์ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดต่อไปนี้

  • นักพัฒนาแอปต้องส่งใบสมัครให้เรียบร้อยเพื่อเผยแพร่แอปใน Google Play
  • แอปต้องสอดคล้องตามกฎหมายและมาตรฐานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในแต่ละประเทศที่มีการเผยแพร่แอปดังกล่าว
  • นักพัฒนาแอปต้องมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจการพนันที่ถูกต้องของแต่ละประเทศหรือรัฐ/เขตแดนที่มีการเผยแพร่แอปดังกล่าว
  • นักพัฒนาแอปต้องไม่เสนอประเภทผลิตภัณฑ์การพนันที่เกินขอบเขตของใบอนุญาตประกอบธุรกิจการพนัน
  • แอปต้องป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ที่อายุต่ำกว่าเกณฑ์ใช้งานแอป
  • แอปต้องป้องกันไม่ให้มีการเข้าถึงและการใช้งานในประเทศ รัฐ/เขตแดน หรือพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่นักพัฒนาแอปไม่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจการพนัน
  • แอปจะต้องไม่เป็นแอปที่ต้องซื้อใน Google Play หรือใช้การเรียกเก็บเงินสำหรับการซื้อในแอปของ Google Play
  • แอปต้องดาวน์โหลดและติดตั้งจาก Google Play Store ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
  • แอปต้องได้รับการจัดประเภทเป็น AO (ผู้ใหญ่เท่านั้น) หรือเทียบเท่าตามการจัดประเภทของ IARC และ
  • แอปและข้อมูลแอปต้องแสดงข้อมูลอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการพนันอย่างรับผิดชอบ

แอปเกม การแข่งขัน และการแข่งขันแบบมีผู้เล่นจำนวนมากอื่นๆ ที่ใช้เงินจริง

สำหรับแอปอื่นๆ ทั้งหมดที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของการได้รับสิทธิ์สำหรับแอปการพนันที่ระบุไว้ข้างต้นและไม่ได้รวมอยู่ใน "การนำร่องอื่นๆ สำหรับเกมที่ใช้เงินจริง" ที่ระบุไว้ด้านล่าง เราไม่อนุญาตให้มีเนื้อหาหรือบริการที่ให้ความสามารถหรืออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ในการวางเดิมพันหรือเข้าร่วมโดยใช้เงินจริง (รวมถึงไอเทมที่ซื้อในแอปโดยใช้เงิน) เพื่อรับรางวัลที่มีมูลค่าเป็นตัวเงินในชีวิตจริง ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงคาสิโนออนไลน์ การพนันผลกีฬา ลอตเตอรี่ และเกมที่รับเงินและให้รางวัลเป็นเงินสดหรือของอื่นที่มีมูลค่าในชีวิตจริง (ยกเว้นโปรแกรมที่ได้รับอนุญาตภายใต้ข้อกำหนดของโปรแกรมสะสมคะแนนในรูปแบบเกมซึ่งอธิบายไว้ด้านล่าง)

ตัวอย่างของการละเมิด

  • เกมที่รับเงินเพื่อแลกกับโอกาสที่จะได้รับของรางวัลหรือรางวัลที่มีมูลค่าเป็นตัวเงิน
  • แอปที่มีองค์ประกอบหรือฟีเจอร์การนำทาง (เช่น รายการในเมนู, แท็บ, ปุ่ม, WebView ฯลฯ) ที่มี "คำกระตุ้นการตัดสินใจ" ให้วางเดิมพัน หรือเข้าร่วมเกม การแข่งขัน หรือการแข่งขันแบบมีผู้เล่นจำนวนมากโดยใช้เงินจริง เช่น แอปที่เชิญให้ผู้ใช้ "พนันเลย" หรือ "ลงทะเบียนเลย" หรือ "แข่งเลย" ในการแข่งขันแบบมีผู้เล่นจำนวนมากเพื่อลุ้นรับเงินรางวัล
  • แอปที่รับหรือจัดการการวางเดิมพัน เงินตราในแอป การชิงรางวัล หรือเงินฝากเพื่อพนันหรือรับของรางวัลหรือรางวัลที่มีมูลค่าเป็นตัวเงิน

การนำร่องอื่นๆ สำหรับเกมที่ใช้เงินจริง

เราอาจทำการนำร่องในเวลาจำกัดสำหรับเกมที่ใช้เงินจริงบางประเภทในภูมิภาคที่กำหนดเป็นครั้งคราว ดูรายละเอียดได้ที่หน้านี้ในศูนย์ช่วยเหลือ การนำร่องเกมคีบตุ๊กตาออนไลน์ในญี่ปุ่นสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2023 นับตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2023 แอปเกมคีบตุ๊กตาออนไลน์อาจปรากฏใน Google Play ทั่วโลก โดยขึ้นอยู่กับกฎหมายที่เกี่ยวข้องและข้อกำหนดบางประการ

โปรแกรมสะสมคะแนนในรูปแบบเกม

เราอนุญาตโปรแกรมสะสมคะแนนที่ให้ของรางวัลหรือสิ่งที่มีมูลค่าในชีวิตจริงแก่ผู้ใช้ ภายใต้ขอบเขตของกฎหมายและข้อกำหนดเพิ่มเติมด้านการอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเกมหรือการพนัน ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของการได้รับสิทธิ์ของ Play Store ดังต่อไปนี้

สำหรับแอปทั้งหมด (เกมและไม่ใช่เกม)

  • สิทธิประโยชน์ สิทธิพิเศษ หรือรางวัลของโปรแกรมสะสมคะแนนต้องเห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงส่วนเสริมและมีความสำคัญน้อยกว่าธุรกรรมทางการเงินที่เข้าเกณฑ์ในแอป (ธุรกรรมทางการเงินที่เข้าเกณฑ์ต้องเป็นธุรกรรมที่แยกออกมาต่างหากเพื่อจัดหาสินค้าหรือบริการที่ไม่เกี่ยวข้องกับโปรแกรมสะสมคะแนน) และต้องไม่สามารถซื้อหรือเชื่อมโยงกับวิธีการแลกเปลี่ยนใดๆ ที่ละเมิดข้อจำกัดของนโยบายเกี่ยวกับการพนัน เกม และการแข่งขันที่ใช้เงินจริง
    • ตัวอย่างเช่น ต้องไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งของธุรกรรมทางการเงินที่เข้าเกณฑ์แสดงถึงค่าธรรมเนียมหรือเดิมพันในการเข้าร่วมโปรแกรมสะสมคะแนน และธุรกรรมทางการเงินที่เข้าเกณฑ์ต้องไม่ทำให้เกิดการซื้อสินค้าหรือบริการในราคาที่สูงกว่าปกติ

สำหรับแอปเกม

  • คะแนนสะสมหรือรางวัลซึ่งมีสิทธิประโยชน์ สิทธิพิเศษ หรือรางวัลที่เชื่อมโยงกับธุรกรรมทางการเงินที่เข้าเกณฑ์ต้องมีอัตราส่วนที่แน่นอนเท่านั้น โดยต้องระบุไว้อย่างชัดเจนในแอปรวมถึงในกฎอย่างเป็นทางการของโปรแกรมซึ่งเผยแพร่ต่อสาธารณะ นอกจากนี้การได้รับสิทธิประโยชน์หรือสิ่งที่มีมูลค่าสำหรับการแลกสิทธิ์ต้องไม่เป็นการเดิมพัน ได้รับเป็นรางวัล หรือทบทวีคูณจากการเล่นเกมหรือผลลัพธ์แบบสุ่มตามโอกาส

สำหรับแอปที่ไม่ใช่เกม

  • คะแนนสะสมหรือรางวัลจะเชื่อมโยงกับผลการแข่งขันหรือผลลัพธ์ตามโอกาสได้หากเป็นไปตามข้อกำหนดที่ระบุด้านล่าง โปรแกรมสะสมคะแนนที่มีสิทธิประโยชน์ สิทธิพิเศษ หรือรางวัลที่เชื่อมโยงกับธุรกรรมทางการเงินที่เข้าเกณฑ์จะต้อง
    • เผยแพร่กฎอย่างเป็นทางการของโปรแกรมไว้ในแอป
    • เปิดเผยข้อมูลต่อไปนี้ในข้อกำหนดอย่างเป็นทางการของโปรแกรมที่มีระบบรางวัลแบบใช้ตัวแปร อิงตามโอกาส หรือแบบสุ่ม 1) โอกาสของโปรแกรมสะสมคะแนนซึ่งใช้โอกาสที่แน่นอนในการกำหนดรางวัลและ 2) วิธีการเลือก (เช่น ตัวแปรที่ใช้เพื่อกำหนดรางวัล) สำหรับโปรแกรมสะสมคะแนนแบบอื่นๆ ทั้งหมด
    • ระบุจำนวนผู้ชนะที่แน่นอน กำหนดการในการเข้าร่วมที่แน่นอน และวันที่ให้รางวัลไว้ในข้อกำหนดอย่างเป็นทางการของโปรแกรมที่มีการจับรางวัล การชิงโชค หรือการโปรโมตในรูปแบบอื่นๆ ที่คล้ายกัน
    • ระบุอัตราส่วนที่แน่นอนของคะแนนสะสมหรือรางวัลสะสมคงค้างและการแลกสิทธิ์รับรางวัลให้ชัดเจนในแอปและในข้อกำหนดอย่างเป็นทางการของโปรแกรมด้วย
ประเภทของแอปที่มีโปรแกรมสะสมคะแนน โปรแกรมสะสมคะแนนในรูปแบบเกมและมีอัตราส่วนที่เปลี่ยนแปลงได้ โปรแกรมสะสมคะแนนตามอัตราส่วน/กำหนดการที่แน่นอน ต้องระบุข้อกำหนดและเงื่อนไขของโปรแกรมสะสมคะแนน ข้อกำหนดและเงื่อนไขต้องเปิดเผยโอกาสหรือวิธีการเลือกของโปรแกรมสะสมคะแนนที่อิงตามโอกาส
เกม ไม่อนุญาต อนุญาต จำเป็น ไม่มี (ไม่อนุญาตให้โปรแกรมสะสมคะแนนของแอปเกมมีองค์ประกอบที่อิงตามโอกาส)
ไม่ใช่เกม อนุญาต อนุญาต จำเป็น จำเป็น

 

โฆษณาสำหรับการพนัน หรือเกม การแข่งขัน และการแข่งขันแบบมีผู้เล่นจำนวนมากที่ใช้เงินจริงภายในแอปที่จัดจำหน่ายใน Play

เราอนุญาตแอปที่มีโฆษณาโปรโมตการพนัน หรือเกม การแข่งขัน และการแข่งขันแบบมีผู้เล่นจำนวนมากที่ใช้เงินจริงหากมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดต่อไปนี้

  • แอปและโฆษณา (รวมทั้งผู้ลงโฆษณา) ต้องเป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในพื้นที่ที่มีการแสดงโฆษณาดังกล่าว
  • โฆษณาต้องเป็นไปตามข้อกำหนดทั้งหมดที่บังคับใช้ของใบอนุญาตโฆษณาในพื้นที่สำหรับผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการพนันที่โปรโมตอยู่
  • แอปต้องไม่แสดงโฆษณาการพนันต่อบุคคลที่ทราบว่าอายุต่ำกว่า 18 ปี
  • แอปต้องไม่อยู่ในโปรแกรมออกแบบเพื่อครอบครัว
  • แอปต้องไม่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
  • หากลงโฆษณาแอปการพนัน (ตามคำจำกัดความด้านบน) โฆษณานั้นจะต้องแสดงข้อมูลอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการพนันอย่างรับผิดชอบในหน้า Landing Page, ข้อมูลแอปที่โฆษณา หรือภายในตัวแอป
  • แอปต้องไม่มีเนื้อหาการพนันที่เป็นการจำลอง (เช่น แอปคาสิโนบนโซเชียล แอปที่มีสล็อตแมชชีนจำลอง)
  • แอปต้องไม่มีฟังก์ชันสนับสนุนการพนัน ตลอดจนเกม ลอตเตอรี่ การแข่งขันแบบมีผู้เล่นจำนวนมาก หรือฟังก์ชันการทำงานร่วมกันที่มีการใช้เงินจริง (เช่น ฟังก์ชันที่ช่วยในการวางเดิมพัน จ่ายเงิน ติดตามผลคะแนนกีฬา/อัตราต่อรอง/การติดตามการชำระหนี้ หรือจัดการเงินทุนที่ได้จากการเข้าร่วม)
  • เนื้อหาแอปต้องไม่โปรโมตหรือนำผู้ใช้ไปยังบริการด้านการพนัน หรือเกม ลอตเตอรี่ หรือการแข่งขันแบบมีผู้เล่นจำนวนมากที่ใช้เงินจริง

เฉพาะแอปที่มีคุณสมบัติตามข้อกำหนดทั้งหมดในส่วนที่ระบุ (ข้างต้น) เท่านั้นที่จะมีโฆษณาการพนัน หรือเกม ลอตเตอรี่ หรือการแข่งขันแบบมีผู้เล่นจำนวนมากที่ใช้เงินจริงได้ แอปการพนันที่ยอมรับ (ตามที่ระบุข้างต้น) หรือแอปแฟนตาซีสปอร์ตระยะสั้นที่ยอมรับ (ตามที่ระบุด้านล่าง) ซึ่งมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดที่ 1-6 ข้างต้นจะมีโฆษณาการพนัน หรือเกม ลอตเตอรี่ หรือการแข่งขันแบบมีผู้เล่นจำนวนมากที่ใช้เงินจริงได้

ตัวอย่างของการละเมิด

  • แอปที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่าเกณฑ์และแสดงโฆษณาที่โปรโมตบริการด้านการพนัน
  • เกมคาสิโนจำลองที่โปรโมตหรือนำผู้ใช้ไปยังคาสิโนที่ใช้เงินจริง
  • แอปติดตามการต่อรองผลคะแนนกีฬาโดยเฉพาะที่มีโฆษณาการพนันแบบผสานรวมที่ลิงก์ไปยังเว็บไซต์การพนันกีฬา
  • แอปที่มีโฆษณาการพนันที่ละเมิดนโยบายโฆษณาหลอกลวงของเรา เช่น โฆษณาที่ปรากฏต่อผู้ใช้เป็นปุ่ม ไอคอน หรือองค์ประกอบแบบอินเทอร์แอกทีฟอื่นๆ ในแอป

แอปเกมสร้างทีมกีฬาระยะสั้น (DFS)

เราอนุญาตเฉพาะแอปแฟนตาซีสปอร์ตระยะสั้น (DFS) ตามคำจำกัดความของกฎหมายท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องหากเป็นไปตามข้อกำหนดต่อไปนี้

  • แอปนั้น 1) จัดจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น หรือ 2) มีสิทธิ์ภายใต้ข้อกำหนดและขั้นตอนการสมัครของแอปการพนันซึ่งระบุไว้ข้างต้นสำหรับประเทศอื่นๆ ที่ไม่ใช่สหรัฐฯ
  • นักพัฒนาซอฟต์แวร์ต้องส่งใบสมัครเพื่อจัดจำหน่ายแอป DFS ให้เรียบร้อยและได้รับการยอมรับจึงจะจัดจำหน่ายแอปใน Play ได้
  • แอปต้องเป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในประเทศที่จัดจำหน่ายแอปนั้น
  • แอปต้องป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ที่อายุต่ำกว่าเกณฑ์วางเดิมพันหรือทำธุรกรรมทางการเงินภายในแอป
  • แอปจะต้องไม่เป็นแอปที่ต้องซื้อใน Google Play หรือใช้การเรียกเก็บเงินสำหรับการซื้อในแอปของ Google Play
  • แอปต้องดาวน์โหลดและติดตั้งจาก Store ได้ฟรี
  • แอปต้องได้รับการจัดประเภทเป็น AO (ผู้ใหญ่เท่านั้น) หรือเทียบเท่าตามการจัดประเภทของ IARC 
  • แอปและข้อมูลแอปต้องแสดงข้อมูลอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการพนันอย่างรับผิดชอบ
  • แอปต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องและมาตรฐานอุตสาหกรรมทั้งหมดของทุกรัฐในสหรัฐฯ หรือเขตแดนของสหรัฐฯ ที่มีการจัดจำหน่ายแอปดังกล่าว
  • นักพัฒนาแอปต้องมีใบอนุญาตที่ถูกต้องในแต่ละรัฐของสหรัฐฯ หรือเขตแดนของสหรัฐฯ ที่กำหนดให้มีใบอนุญาตสำหรับแอปแฟนตาซีสปอร์ตระยะสั้น
  • แอปต้องป้องกันไม่ให้มีการใช้งานในรัฐของสหรัฐฯ หรือเขตแดนของสหรัฐฯ ที่นักพัฒนาแอปไม่มีใบอนุญาตที่กำหนดสำหรับแอปแฟนตาซีสปอร์ตระยะสั้น และ
  • แอปต้องป้องกันไม่ให้มีการใช้งานในรัฐของสหรัฐฯ หรือเขตแดนของสหรัฐฯ ที่แอปแฟนตาซีสปอร์ตระยะสั้นไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

กิจกรรมที่ผิดกฎหมาย

เราไม่อนุญาตแอปที่สนับสนุนหรือส่งเสริมกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย
เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • การอำนวยความสะดวกแก่การขายหรือการซื้อยาผิดกฎหมาย
  • การแสดงภาพหรือการส่งเสริมให้ผู้เยาว์ใช้หรือขายยาเสพติด แอลกอฮอล์ หรือยาสูบ
  • การแสดงวิธีการเพาะปลูกพืชเสพติดหรือผลิตยาผิดกฎหมาย

เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น

เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นคือเนื้อหาที่ผู้ใช้มีส่วนร่วมกับแอป ซึ่งแสดงต่อหรือเข้าถึงได้โดยกลุ่มย่อยของผู้ใช้แอปอย่างน้อย 1 กลุ่ม

แอปที่มีหรือแสดงเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น ซึ่งรวมถึงแอปที่เป็นเบราว์เซอร์หรือไคลเอ็นต์เฉพาะที่นำผู้ใช้ไปยังแพลตฟอร์มเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น ต้องใช้การกลั่นกรองเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นที่เข้มงวด มีประสิทธิภาพ และต่อเนื่อง โดยมีลักษณะดังต่อไปนี้

  • กำหนดให้ผู้ใช้ยอมรับข้อกำหนดในการใช้งานและ/หรือนโยบายผู้ใช้ของแอปก่อนที่ผู้ใช้จะสร้างหรืออัปโหลดเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นได้
  • กำหนดเนื้อหาและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม (ในลักษณะที่สอดคล้องกับนโยบายโปรแกรมสำหรับนักพัฒนาแอป Google Play) และห้ามการใช้เนื้อหาและพฤติกรรมดังกล่าวในข้อกำหนดในการใช้งานหรือนโยบายผู้ใช้ของแอป
  • กลั่นกรองเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับประเภทของเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นซึ่งแอปโฮสต์ไว้ การดำเนินการดังกล่าวรวมถึงการจัดหาระบบในแอปสำหรับการรายงานและการบล็อกเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นและผู้ใช้ที่ไม่เหมาะสม ตลอดจนการดำเนินการกับเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นหรือผู้ใช้ตามความเหมาะสม เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นที่แตกต่างกันอาจต้องใช้การดำเนินการกลั่นกรองที่แตกต่างกัน เช่น
    • แอปที่มีเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นซึ่งบ่งชี้ถึงกลุ่มผู้ใช้ที่ระบุไว้ผ่านวิธีต่างๆ เช่น การยืนยันผู้ใช้หรือการลงทะเบียนแบบออฟไลน์ (เช่น แอปที่ใช้เฉพาะในโรงเรียน บริษัท ฯลฯ หนึ่งๆ โดยเฉพาะ) ต้องมีฟังก์ชันการทำงานในแอปเพื่อรายงานเนื้อหาและผู้ใช้
    • ฟีเจอร์ของเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นซึ่งทำให้ผู้ใช้โต้ตอบแบบ 1:1 กับผู้ใช้บางรายได้ (เช่น การส่งข้อความส่วนตัว การติดแท็ก การพูดถึง ฯลฯ) ต้องมีฟังก์ชันการทำงานในแอปสำหรับการบล็อกผู้ใช้
    • แอปที่ให้การเข้าถึงเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นและเข้าถึงได้แบบสาธารณะ เช่น แอปโซเชียลเน็ตเวิร์กและแอปบล็อกเกอร์ต้องมีฟังก์ชันการทำงานในแอปเพื่อรายงานผู้ใช้และเนื้อหา ตลอดจนเพื่อบล็อกผู้ใช้
    • ในกรณีของแอปที่ใช้เทคโนโลยีความจริงเสริม (AR) การกลั่นกรองเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น (รวมถึงระบบการรายงานในแอป) จะต้องพิจารณาทั้งเนื้อหาแบบ AR ที่ผู้ใช้สร้างขึ้นซึ่งไม่เหมาะสม (เช่น รูปภาพ AR ในเรื่องเพศอย่างโจ่งแจ้ง) และตำแหน่งการวางเนื้อหา AR ที่มีความละเอียดอ่อน (เช่น เนื้อหา AR ที่วางลงในพื้นที่ต้องห้าม เช่น ฐานทัพ หรือทรัพย์สินส่วนบุคคลที่การวางเนื้อหา AR อาจสร้างปัญหาแก่เจ้าของทรัพย์สินนั้น)
  • ให้การป้องกันการสร้างรายได้ในแอปจากการส่งเสริมพฤติกรรมไม่เหมาะสมของผู้ใช้

เนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศที่เกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ

เนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศจะถือว่า "เกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ" เมื่อปรากฏในแอปสำหรับเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นซึ่ง (1) ให้เข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเพศเป็นหลัก (2) ไม่ได้โปรโมตหรือแนะนำเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศอย่างสม่ำเสมอ เนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศซึ่งกฎหมายที่เกี่ยวข้องระบุว่าผิดกฎหมายและเนื้อหาที่เป็นอันตรายต่อเด็กไม่ถือว่า "เกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ" และไม่อนุญาตให้แสดง

แอปสำหรับเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นอาจมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศที่เกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจหากเป็นไปตามข้อกำหนดทั้งหมดต่อไปนี้

  • เนื้อหาดังกล่าวซ่อนอยู่โดยค่าเริ่มต้นหลังตัวกรอง ซึ่งผู้ใช้ต้องดำเนินการอย่างน้อย 2 อย่างเพื่อปิดใช้โดยสมบูรณ์ (เช่น อยู่หลังโฆษณาคั่นระหว่างหน้าที่สร้างความสับสน หรือกันไม่ให้เห็นโดยค่าเริ่มต้น เว้นแต่จะปิดใช้ฟีเจอร์ค้นหาปลอดภัย)
  • ห้ามอย่างชัดแจ้งไม่ให้เด็ก (ตามคำจำกัดความในนโยบายเพื่อครอบครัว) เข้าถึงแอปโดยใช้ระบบคัดกรองอายุ เช่น การกรอกอายุแบบอิสระ หรือระบบที่เหมาะสมตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด
  • แอปตอบแบบสอบถามการจัดประเภทเนื้อหาตรงตามความจริงเกี่ยวกับเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น ตามที่นโยบายการจัดประเภทเนื้อหากำหนด

แอปที่มีวัตถุประสงค์หลักคือนำเสนอเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมซึ่งผู้ใช้สร้างขึ้นจะถูกนำออกจาก Google Play ในทำนองเดียวกัน แอปที่ใช้เพื่อโฮสต์เนื้อหาที่ไม่เหมาะสมซึ่งผู้ใช้สร้างขึ้นเป็นหลักหรือมีชื่อเสียงในหมู่ผู้ใช้ว่าเป็นแหล่งที่เนื้อหาดังกล่าวได้รับการสนับสนุน ก็จะถูกนำออกจาก Google Play เช่นกัน

เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • การโปรโมตเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องเพศอย่างโจ่งแจ้ง รวมถึงการใช้หรืออนุญาตฟีเจอร์ที่ต้องชำระเงินซึ่งส่งเสริมการแชร์เนื้อหาที่ไม่เหมาะสมเป็นหลัก
  • แอปซึ่งมีเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น (UGC) โดยไม่มีการป้องกันการคุกคาม การล่วงละเมิด หรือการกลั่นแกล้งอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะสำหรับเด็ก
  • โพสต์ ความคิดเห็น หรือรูปถ่ายภายในแอปที่มีจุดประสงค์หลักในการก่อกวน หรือจงใจพุ่งเป้าโจมตี ล่วงละเมิด หรือเยาะเย้ยผู้อื่น
  • แอปที่มักไม่แก้ปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมที่ผู้ใช้ร้องเรียน

เนื้อหาและบริการเกี่ยวกับสุขภาพ

เราไม่อนุญาตแอปที่นำผู้ใช้ไปพบกับเนื้อหาและบริการเกี่ยวกับสุขภาพที่เป็นอันตราย 

หากแอปของคุณมีหรือโปรโมตเนื้อหาและบริการเกี่ยวกับสุขภาพ คุณต้องตรวจสอบว่าแอปเป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง

ยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์

เราไม่อนุญาตแอปที่อำนวยความสะดวกการขายหรือการซื้อยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ที่ไม่มีใบสั่งจากแพทย์

สารที่ไม่ได้รับอนุมัติ

Google Play ไม่อนุญาตแอปที่โปรโมตหรือขายสารที่ไม่ได้รับอนุมัติ โดยไม่คำนึงถึงการอ้างสิทธิ์ตามกฎหมายใดๆ 
เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • รายการทั้งหมดในลิสต์รายการโดยสังเขปของยาและอาหารเสริมต้องห้ามนี้

  • ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเอฟีดรา

  • ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนฮิวแมนคอริโอนิกโกนาโดโทรฟิน (hCG) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการลดหรือควบคุมน้ำหนัก หรือเมื่อโปรโมตร่วมกับอะนาโบลิกสเตียรอยด์

  • สมุนไพรและอาหารเสริมที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์ทางยาหรือเป็นอันตราย

  • การกล่าวอ้างผลดีต่อสุขภาพด้วยข้อความซึ่งเป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด เช่น การกล่าวอ้างว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีผลเหมือนยาหรือสารควบคุมที่ต้องสั่งโดยแพทย์

  • ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่ไม่ใช่ภาครัฐ ซึ่งวางจำหน่ายในลักษณะที่กล่าวโดยนัยว่าปลอดภัยหรือมีผลในการป้องกัน ฟื้นฟู หรือรักษาโรคหรืออาการป่วย

  • ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ระหว่างการใช้มาตรการหรือมีคำเตือนจากภาครัฐหรือกฎข้อบังคับใดๆ

  • ผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อคล้ายคลึงจนทำให้เกิดความสับสนกับยาหรืออาหารเสริมหรือสารควบคุมที่ไม่ได้รับการรับรอง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับยาและอาหารเสริมที่ไม่ได้รับการรับรองหรือทำให้เข้าใจผิดซึ่งเราตรวจสอบอยู่ได้ที่ www.legitscript.com

การให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับสุขภาพ

เราไม่อนุญาตแอปที่มีคำกล่าวอ้างด้านสุขภาพที่สื่อให้เข้าใจผิดซึ่งขัดแย้งกับฉันทามติทางการแพทย์ หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้
เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • คำกล่าวอ้างที่ทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับวัคซีน เช่น วัคซีนสามารถเปลี่ยนแปลง DNA ของบุคคลหนึ่งได้
  • การสนับสนุนการรักษาที่เป็นอันตรายและไม่ได้รับอนุมัติ
  • การสนับสนุนแนวทางปฏิบัติด้านสุขภาพที่เป็นอันตรายอื่นๆ เช่น การบำบัดเพื่อเปลี่ยนรสนิยมทางเพศ

ข้อจำกัดเกี่ยวกับโควิด-19

ฟังก์ชันการทำงานทางการแพทย์

เราไม่อนุญาตแอปที่มีฟังก์ชันการทำงานทางการแพทย์หรือเกี่ยวกับสุขภาพซึ่งทำให้เข้าใจผิดหรืออาจเป็นอันตราย ตัวอย่างเช่น เราไม่อนุญาตแอปที่อ้างว่ามีฟังก์ชันวัดระดับออกซิเจนในเลือดจากตัวแอปโดยลำพัง แอปวัดระดับออกซิเจนในเลือดต้องใช้ร่วมกับฮาร์ดแวร์ภายนอก อุปกรณ์ที่สวมใส่ได้ หรือเซ็นเซอร์ในสมาร์ทโฟนซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับฟังก์ชันวัดระดับออกซิเจนในเลือดโดยเฉพาะ แอปที่รองรับเหล่านี้ยังต้องมีข้อจำกัดความรับผิดในข้อมูลเมตาที่ระบุว่าแอปไม่ได้มีไว้ใช้ในทางการแพทย์ ออกแบบมาเพื่อจุดประสงค์ด้านการออกกำลังกายและสุขภาวะทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่อุปกรณ์การแพทย์ และต้องเปิดเผยรุ่นของฮาร์ดแวร์/อุปกรณ์ที่เข้ากันได้ให้ชัดเจน

การชำระเงิน - บริการทางคลินิก

ธุรกรรมเกี่ยวกับบริการทางคลินิกที่มีกฎระเบียบควบคุมไม่ควรใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ทำความเข้าใจนโยบายการชำระเงินของ Google Play

ข้อมูล Health Connect

ข้อมูลที่แอปเข้าถึงผ่านสิทธิ์ของ Health Connect ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายข้อมูลผู้ใช้และข้อกำหนดเพิ่มเติม

เนื้อหาแบบบล็อกเชน

เมื่อเทคโนโลยีบล็อกเชนพัฒนาต่อเนื่องไปอย่างรวดเร็ว เราตั้งเป้าที่จะให้บริการแพลตฟอร์มเพื่อให้นักพัฒนาแอปได้ประสบความสำเร็จกับนวัตกรรมและสร้างประสบการณ์การใช้งานที่สมบูรณ์และสมจริงยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้

สำหรับวัตถุประสงค์ของนโยบายนี้ เราพิจารณาว่าเนื้อหาแบบบล็อกเชนคือเนื้อหาดิจิทัลที่แปลงข้อมูลเป็นโทเค็นซึ่งเก็บรักษาไว้อย่างปลอดภัยในบล็อกเชน หากแอปมีเนื้อหาแบบบล็อกเชน คุณต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้

การซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซีและกระเป๋าเงินซอฟต์แวร์

การซื้อ ถือครอง หรือแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซีต้องดำเนินการผ่านบริการที่ผ่านการรับรองในเขตอำนาจศาลที่มีกฎระเบียบควบคุม

นอกจากนี้ คุณยังต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในภูมิภาคหรือประเทศเป้าหมายของแอปและไม่เผยแพร่แอปในประเทศหรือภูมิภาคที่ไม่อนุญาตให้มีผลิตภัณฑ์และบริการของคุณ Google Play อาจขอข้อมูลหรือเอกสารเพิ่มเติมจากคุณเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎข้อบังคับหรือข้อกำหนดของการอนุญาตให้ใช้สิทธิที่เกี่ยวข้อง

การขุดคริปโตเคอเรนซี

เราไม่อนุญาตแอปที่ใช้ขุดคริปโตเคอเรนซี (สกุลเงินดิจิทัล) ในอุปกรณ์ แต่อนุญาตแอปที่จัดการการขุดคริปโตเคอเรนซี (สกุลเงินดิจิทัล) จากระยะไกล

ข้อกำหนดด้านความโปร่งใสสำหรับการจัดจำหน่ายเนื้อหาดิจิทัลที่แปลงข้อมูลเป็นโทเค็น

หากแอปขายหรือเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้รับเนื้อหาดิจิทัลที่แปลงข้อมูลเป็นโทเค็น คุณต้องประกาศฟีเจอร์นี้ผ่านแบบฟอร์มประกาศฟีเจอร์ทางการเงินในหน้า "เนื้อหาแอป" ของ Play Console

เมื่อสร้างไอเทมที่ซื้อในแอป คุณต้องระบุในรายละเอียดผลิตภัณฑ์ว่าไอเทมนั้นเป็นเนื้อหาดิจิทัลที่แปลงข้อมูลเป็นโทเค็น ดูคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่สร้างไอเทมที่ซื้อในแอป

คุณต้องไม่โปรโมตหรือส่งเสริมการได้รับรายได้ที่อาจเกิดขึ้นจากกิจกรรมการเล่นหรือการเทรด

ข้อกำหนดเพิ่มเติมสำหรับการนำรูปแบบเกม NFT มาใช้

ตามที่นโยบายเกี่ยวกับการพนัน เกม และการแข่งขันที่ใช้เงินจริงของ Google Play กำหนดไว้ แอปการพนันที่ผสานรวมเนื้อหาดิจิทัลที่แปลงข้อมูลเป็นโทเค็น เช่น NFT ต้องทำขั้นตอนการสมัครให้เสร็จสมบูรณ์

สำหรับแอปอื่นๆ ทั้งหมดที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของการได้รับสิทธิ์สำหรับแอปการพนันและไม่ได้รวมอยู่ในการนำร่องอื่นๆ สำหรับเกมที่ใช้เงินจริง ต้องไม่มีการยอมรับสิ่งใดก็ตามที่มีมูลค่าเป็นเงินเพื่อแลกเปลี่ยนกับโอกาสที่จะได้รับ NFT ที่ไม่ทราบมูลค่า NFT ที่ผู้ใช้ซื้อต้องมีไว้ใช้ในเกมเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้หรือช่วยให้ผู้ใช้ก้าวหน้าในเกม ต้องไม่ใช้ NFT เป็นการเดิมพันหรือเงินเดิมพันเพื่อแลกเปลี่ยนกับโอกาสในการชนะรางวัลที่มีมูลค่าเป็นเงินจริง (รวมถึง NFT อื่นๆ)

เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • แอปที่ขายแพ็กเกจ NFT โดยไม่เปิดเผยเนื้อหาและมูลค่าที่เจาะจงของ NFT
  • เกมคาสิโนบนโซเชียลแบบจ่ายเงินเพื่อเล่น เช่น สล็อตแมชชีนที่ให้รางวัลเป็น NFT

เนื้อหาที่ AI สร้างขึ้น

เนื่องจากโมเดล Generative AI เริ่มพร้อมใช้งานสำหรับนักพัฒนาแอปในวงกว้างขึ้น คุณอาจนำโมเดลเหล่านี้มาใช้ในแอปเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมและปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ Google Play ต้องการช่วยดูแลให้เนื้อหาที่ AI สร้างขึ้นนั้นปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ทุกคนและมีการนำความคิดเห็นของผู้ใช้มาช่วยส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่มีความรับผิดชอบ

เนื้อหาที่ AI สร้างขึ้น

เนื้อหาที่ AI สร้างขึ้นคือเนื้อหาที่สร้างขึ้นด้วยโมเดล Generative AI โดยอิงจากพรอมต์ของผู้ใช้ ตัวอย่างของเนื้อหาที่ AI สร้างขึ้น ได้แก่

  • แชทบ็อต Generative AI สำหรับการสนทนาแบบข้อความ ซึ่งการโต้ตอบกับแชทบ็อตนี้เป็นฟีเจอร์หลักของแอป
  • รูปภาพที่ AI สร้างขึ้นโดยอิงจากพรอมต์แบบข้อความ รูปภาพ หรือเสียง

ในการดูแลความปลอดภัยของผู้ใช้และเพื่อให้สอดคล้องกับขอบเขตนโยบายของ Google Play แอปที่สร้างเนื้อหาโดยใช้ AI ต้องเป็นไปตามนโยบายสำหรับนักพัฒนาแอป Google Play ที่มีอยู่ ซึ่งรวมถึงการห้ามและการป้องกันการสร้างเนื้อหาที่ถูกจำกัด เช่น เนื้อหาที่เอื้อต่อการแสวงหาประโยชน์หรือการละเมิดเด็ก และเนื้อหาที่ส่งเสริมให้เกิดพฤติกรรมที่หลอกลวง

แอปที่สร้างเนื้อหาโดยใช้ AI ต้องมีฟีเจอร์ในแอปให้ผู้ใช้รายงานหรือแจ้งว่าไม่เหมาะสม ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้รายงานหรือแจ้งเนื้อหาที่ทำให้เกิดความไม่พอใจให้นักพัฒนาแอปทราบได้โดยไม่ต้องออกจากแอป นักพัฒนาแอปควรใช้รายงานของผู้ใช้เพื่อช่วยกรองและดูแลเนื้อหาในแอปของตน


ทรัพย์สินทางปัญญา

เราไม่อนุญาตแอปหรือบัญชีนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น (รวมถึงเครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร ความลับทางการค้า และกรรมสิทธิ์อื่นๆ) นอกจากนี้เรายังไม่อนุญาตแอปที่ส่งเสริมหรือก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา

เราจะตอบสนองต่อการแจ้งข้อกล่าวหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ที่ชัดเจน หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมหรือยื่นคำขอ DMCA โปรดไปที่กระบวนการด้านลิขสิทธิ์ของเรา

หากต้องการส่งการร้องเรียนเกี่ยวกับการขายหรือการโปรโมตการขายสินค้าลอกเลียนแบบภายในแอป โปรดส่งหนังสือแจ้งเกี่ยวกับสินค้าลอกเลียนแบบ

หากคุณเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า และคุณเชื่อว่ามีแอปใน Google Play ละเมิดสิทธิ์ในเครื่องหมายการค้าของคุณ เราขอแนะนำให้คุณติดต่อนักพัฒนาซอฟต์แวร์โดยตรงเพื่อแก้ไขข้อกังวลของคุณ หากไกล่เกลี่ยกับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไม่ได้ โปรดส่งการร้องเรียนเครื่องหมายการค้าโดยใช้ฟอร์มนี้

หากคุณมีเอกสารประกอบเป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งเป็นหลักฐานว่ามีสิทธิ์ใช้ทรัพย์สินทางปัญญาของบุคคลที่สามในแอปหรือข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store (เช่น ชื่อแบรนด์ โลโก้ และเนื้อหากราฟิก) โปรดติดต่อทีม Google Play ก่อนส่งแอปเพื่อให้แน่ใจว่าแอปของคุณจะไม่ถูกปฏิเสธเนื่องจากละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

การใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต

เราไม่อนุญาตแอปที่ละเมิดลิขสิทธิ์ การแก้ไขเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ยังนำไปสู่การละเมิดได้ด้วย นักพัฒนาซอฟต์แวร์อาจต้องแสดงหลักฐานยืนยันสิทธ์เพื่อใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์

โปรดระมัดระวังเมื่อใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ในการสาธิตฟังก์ชันการทำงานของแอป วิธีการทั่วไปที่ปลอดภัยที่สุดคือการสร้างเนื้อหาที่เป็นของคุณเอง

เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • ภาพหน้าปกของอัลบั้มเพลง วิดีโอเกม และหนังสือ
  • รูปภาพเพื่อการตลาดจากภาพยนตร์ โทรทัศน์ หรือวิดีโอเกม
  • อาร์ตเวิร์กหรือรูปภาพจากหนังสือการ์ตูน การ์ตูน ภาพยนตร์ มิวสิกวิดีโอ หรือโทรทัศน์
  • โลโก้ทีมกีฬามหาวิทยาลัยและทีมกีฬามืออาชีพ
  • ภาพถ่ายจากบัญชีโซเชียลมีเดียของบุคคลสาธารณะ
  • รูปถ่ายบุคคลสาธารณะโดยช่างภาพมืออาชีพ
  • การทำซ้ำหรือ “ผลงานของแฟนคลับ” ซึ่งสังเกตไม่เห็นความแตกต่างจากผลงานต้นฉบับที่มีลิขสิทธิ์
  • แอปที่มีซาวด์บอร์ดเล่นคลิปเสียงจากเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์
  • การทำซ้ำโดยสมบูรณ์หรือการแปลหนังสือที่ไม่ได้เป็นสาธารณสมบัติ

การส่งเสริมการละเมิดลิขสิทธิ์

เราไม่อนุญาตแอปที่ก่อให้เกิดหรือส่งเสริมการละเมิดลิขสิทธิ์ ก่อนที่คุณจะเผยแพร่แอป ให้ตรวจดูว่าแอปของคุณอาจส่งเสริมการละเมิดลิขสิทธิ์ในรูปแบบใดหรือไม่ และหากจำเป็นให้ขอรับคำแนะนำด้านกฎหมาย
เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • แอปสตรีมมิงที่อนุญาตให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดสำเนาเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ลงในเครื่องโดยไม่ได้รับอนุญาต

  • แอปต่อไปนี้สนับสนุนให้ผู้ใช้สตรีมและดาวน์โหลดงานที่มีลิขสิทธิ์ เช่น เพลงและวิดีโอ โดยละเมิดกฎหมายลิขสิทธิ์ที่มีผลบังคับใช้

     

    ① คำอธิบายในข้อมูลแอปนี้ส่งเสริมให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต
    ② ภาพหน้าจอในข้อมูลแอปส่งเสริมให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต

การละเมิดเครื่องหมายการค้า

เราไม่อนุญาตแอปที่ละเมิดเครื่องหมายการค้าของผู้อื่น เครื่องหมายการค้าอาจเป็นคำ สัญลักษณ์ หรือทั้งสองอย่างรวมกันซึ่งระบุแหล่งที่มาของสินค้าหรือบริการ เมื่อได้รับเครื่องหมายการค้ามาแล้ว เจ้าของจะมีสิทธิ์ใช้เครื่องหมายการค้าในสินค้าหรือบริการบางอย่างแต่เพียงผู้เดียว

การละเมิดเครื่องหมายการค้าคือการใช้เครื่องหมายการค้าที่เหมือนหรือคล้ายคลึงกันอย่างไม่เหมาะสมหรือไม่ได้รับอนุญาต ในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความสับสนถึงแหล่งที่มาของสินค้านั้น หากแอปของคุณใช้เครื่องหมายการค้าของผู้อื่นในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความสับสน อาจมีการระงับแอปของคุณชั่วคราว

การลอกเลียนแบบ

เราไม่อนุญาตแอปที่ขายหรือโปรโมตการขายสินค้าลอกเลียนแบบ สินค้าลอกเลียนแบบมีเครื่องหมายการค้าหรือโลโก้ที่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของสินค้าจริงจนแยกไม่ออก สินค้าประเภทนี้จะเลียนแบบสิ่งแสดงความเป็นแบรนด์ของผลิตภัณฑ์โดยพยายามลวงขายว่าเป็นผลิตภัณฑ์ของแท้จากเจ้าของแบรนด์

ความเป็นส่วนตัว การหลอกลวง และการใช้อุปกรณ์ในทางที่ผิด

เรามุ่งมั่นปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ และมอบสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยเพื่อผู้ใช้ของเรา เราห้ามมิให้เผยแพร่แอปที่หลอกลวง เป็นอันตราย หรือประสงค์ที่จะละเมิดหรือใช้เครือข่าย อุปกรณ์ หรือข้อมูลส่วนตัวในทางที่ผิดโดยเด็ดขาด

ข้อมูลผู้ใช้

คุณต้องเปิดเผยวิธีจัดการข้อมูลผู้ใช้ด้วยความโปร่งใส (เช่น ข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากผู้ใช้หรือเกี่ยวกับผู้ใช้ รวมถึงข้อมูลอุปกรณ์) ซึ่งหมายถึงการเปิดเผยข้อมูลการเข้าถึง การเก็บรวบรวม การใช้งาน การจัดการ และการแชร์ข้อมูลผู้ใช้จากแอป ตลอดจนการจำกัดการใช้ข้อมูลตามวัตถุประสงค์ที่เป็นไปตามนโยบายซึ่งมีการเปิดเผยข้อมูลไว้ โปรดทราบว่าการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้จะขึ้นอยู่กับข้อกำหนดเพิ่มเติมในส่วน "ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้" ด้านล่างด้วย ข้อกำหนดเหล่านี้ของ Google Play เป็นข้อกำหนดเพิ่มเติมจากข้อกำหนดใดๆ ที่กำหนดไว้โดยกฎหมายคุ้มครองความเป็นส่วนตัวและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

หากคุณใส่โค้ดของบุคคลที่สาม (เช่น SDK) ในแอป ก็ต้องตรวจสอบว่าโค้ดของบุคคลที่สามที่ใช้ในแอปและแนวทางปฏิบัติของบุคคลที่สามเกี่ยวกับข้อมูลผู้ใช้จากแอปเป็นไปตามนโยบายโปรแกรมสำหรับนักพัฒนาแอป Google Play ซึ่งรวมถึงข้อกำหนดในการใช้งานและการเปิดเผยข้อมูล เช่น คุณต้องตรวจสอบว่าผู้ให้บริการ SDK ไม่ได้ขายข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้จากแอปของคุณ ข้อกำหนดนี้จะมีผลไม่ว่าจะมีการโอนข้อมูลผู้ใช้หลังจากที่ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ หรือผ่านการฝังโค้ดของบุคคลที่สามในแอปหรือไม่

ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้

ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุตัวบุคคลนั้นได้ ข้อมูลทางการเงินและการชำระเงิน ข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์ สมุดโทรศัพท์ รายชื่อติดต่อ ตำแหน่งของอุปกรณ์ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ SMS และการโทร ข้อมูลด้านสุขภาพ ข้อมูลของ Health Connect พื้นที่โฆษณาของแอปอื่นๆ ในอุปกรณ์ ไมโครโฟน กล้อง และข้อมูลอุปกรณ์หรือการใช้งานที่ละเอียดอ่อนอื่นๆ หากแอปของคุณมีการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้ คุณต้องดำเนินการต่อไปนี้

  • จำกัดการเข้าถึง การเก็บรวบรวม การใช้งาน และการแชร์ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้ซึ่งได้รับมาผ่านทางแอปให้เป็นไปตามฟังก์ชันการทำงานของแอปและบริการ ตลอดจนวัตถุประสงค์ที่เป็นไปตามนโยบายซึ่งผู้ใช้คาดหวังไว้อย่างสมเหตุสมผล
    • แอปที่ขยายการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้มาใช้กับการแสดงโฆษณาจะต้องเป็นไปตามนโยบายโฆษณาของ Google Play
    • คุณสามารถโอนข้อมูลไปยังผู้ให้บริการได้ด้วยเมื่อจำเป็นหรือเพื่อเหตุผลทางกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามคำขอของรัฐบาลที่มีผล กฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการควบรวมหรือการได้มาโดยมีการแจ้งให้ผู้ใช้ทราบอย่างเพียงพอตามกฎหมาย
  • จัดการข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนทั้งหมดของผู้ใช้อย่างปลอดภัย รวมถึงการส่งข้อมูลโดยใช้วิทยาการเข้ารหัสลับที่ทันสมัย (เช่น ผ่าน HTTPS)
  • ใช้คำขอสิทธิ์รันไทม์ทุกครั้งที่มี ก่อนเข้าถึงข้อมูลที่ปิดกั้นด้วยสิทธิ์สำหรับ Android
  • ไม่ขายข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้
    • "การขาย" หมายถึงการแลกเปลี่ยนหรือการโอนข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้ให้กับบุคคลที่สามเพื่อแลกกับสิ่งตอบแทนที่เป็นเงิน
      • การโอนข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้ซึ่งผู้ใช้เป็นผู้เริ่มดำเนินการ (เช่น เมื่อผู้ใช้กำลังใช้ฟีเจอร์ของแอปเพื่อโอนไฟล์ไปยังบุคคลที่สาม หรือเมื่อผู้ใช้เลือกที่จะใช้แอปที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาวิจัย) จะไม่ถือว่าเป็นการขาย

ข้อกำหนดด้านการเปิดเผยข้อมูลและการขอความยินยอมอย่างชัดเจน

ในกรณีที่การเข้าถึง การเก็บรวบรวม การใช้งาน และการแชร์ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้โดยแอปของคุณอาจอยู่นอกเหนือจากความคาดหวังที่สมเหตุสมผลของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์หรือฟีเจอร์ที่เป็นประเด็น (เช่น หากการเก็บรวบรวมข้อมูลเกิดขึ้นเบื้องหลังเมื่อผู้ใช้ไม่ได้มีส่วนร่วมกับแอป) คุณต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดต่อไปนี้

การเปิดเผยข้อมูลอย่างชัดเจน: คุณต้องมีการเปิดเผยข้อมูลในแอปเกี่ยวกับการเข้าถึง การเก็บรวบรวม การใช้งาน และการแชร์ข้อมูล การเปิดเผยข้อมูลในแอปจะต้องมีลักษณะดังนี้

  • ต้องอยู่ในตัวแอป ไม่ใช่อยู่เฉพาะในคำอธิบายแอปหรือในเว็บไซต์
  • ต้องแสดงในการใช้งานปกติของแอปและต้องไม่บังคับให้ผู้ใช้ไปยังเมนูหรือการตั้งค่า
  • ต้องอธิบายข้อมูลที่เข้าถึงและเก็บรวบรวม
  • ต้องอธิบายว่าจะนำข้อมูลไปใช้งานและ/หรือแชร์อย่างไร
  • ต้องไม่ใส่ไว้เฉพาะในนโยบายความเป็นส่วนตัวหรือข้อกำหนดในการให้บริการ และ
  • ต้องไม่รวมอยู่กับการเปิดเผยอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้

ความยินยอมและสิทธิ์รันไทม์: ต้องมีการเปิดเผยข้อมูลในแอปที่เป็นไปตามข้อกำหนดของนโยบายนี้ก่อนที่จะแสดงคำขอความยินยอมของผู้ใช้ในแอปและคำขอสิทธิ์รันไทม์ โดยการขอความยินยอมของแอปจะต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้

  • ต้องแสดงกล่องโต้ตอบความยินยอมอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมา
  • ต้องมีการดำเนินการยอมรับที่แสดงการยินยอมจากผู้ใช้ (เช่น แตะเพื่อยอมรับ เลือกช่องทำเครื่องหมาย)
  • ต้องไม่ตีความว่าการออกจากการเปิดเผยข้อมูล (รวมถึงการแตะออก หรือการกดปุ่มกลับหรือปุ่มหน้าแรก) เป็นการยินยอม
  • ต้องไม่ใช้ข้อความที่ปิดเองโดยอัตโนมัติหรือข้อความที่มีการหมดอายุเป็นวิธีการขอความยินยอมจากผู้ใช้ และ
  • ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ใช้ก่อน แอปจึงจะเริ่มเก็บรวบรวมหรือเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้ได้

แอปที่ใช้ฐานกฎหมายอื่นๆ ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้โดยไม่ต้องขอความยินยอม เช่น ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายภายใต้ GDPR ของ EU ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและเปิดเผยข้อมูลที่เหมาะสมให้ผู้ใช้ทราบ ซึ่งรวมถึงการเปิดเผยข้อมูลในแอปตามที่นโยบายนี้กำหนดไว้

เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของนโยบาย เราขอแนะนำให้คุณอ้างอิงรูปแบบตัวอย่างต่อไปนี้สำหรับการเปิดเผยข้อมูลอย่างชัดเจนเมื่อจำเป็นต้องใช้

  • "[แอปนี้] เก็บรวบรวม/ส่งข้อมูล/ซิงค์/จัดเก็บ [ประเภทข้อมูล] เพื่อเปิดใช้ ["ฟีเจอร์"] [อธิบายสถานการณ์]"
  • ตัวอย่าง: "Fitness Funds เก็บรวบรวมข้อมูลตำแหน่งเพื่อเปิดใช้การติดตามการออกกำลังกายแม้ในขณะที่แอปปิดอยู่หรือไม่ได้ใช้งาน และใช้เพื่อสนับสนุนการโฆษณาด้วย" 
  • ตัวอย่าง: "Call Buddy เก็บรวบรวมข้อมูลการอ่านและเขียนบันทึกการโทรเพื่อเปิดใช้การจัดระเบียบรายชื่อผู้ติดต่อแม้ในขณะที่ไม่ได้ใช้งานแอป"

หากแอปผสานรวมโค้ดของบุคคลที่สาม (เช่น SDK) ที่ออกแบบมาเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้โดยค่าเริ่มต้น คุณต้องให้หลักฐานที่เพียงพอซึ่งแสดงให้เห็นว่าแอปเป็นไปตามข้อกำหนดด้านการเปิดเผยข้อมูลและการขอความยินยอมอย่างชัดเจนของนโยบายนี้ภายใน 2 สัปดาห์ที่ได้รับคำขอจาก Google Play (หรือภายในระยะเวลาที่นานกว่านี้ตามคำขอของ Google Play) ซึ่งรวมถึงในกรณีของการเข้าถึง การเก็บรวบรวม การใช้งาน หรือการแชร์ข้อมูลผ่านโค้ดของบุคคลที่สาม

เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • แอปรวบรวมข้อมูลตำแหน่งของอุปกรณ์แต่ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลในรายละเอียดอย่างชัดเจนว่าฟีเจอร์ใดใช้ข้อมูลนี้บ้างและ/หรือไม่มีการบ่งบอกว่ามีการใช้งานแอปในเบื้องหลัง
  • แอปมีสิทธิ์รันไทม์ซึ่งขอเข้าถึงข้อมูลก่อนการเปิดเผยข้อมูลอย่างชัดเจนถึงวัตถุประสงค์ในการใช้ข้อมูล
  • แอปที่เข้าถึงคลังแอปที่ติดตั้งไว้ของผู้ใช้และไม่จัดการข้อมูลนี้ในแบบข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลที่ละเอียดอ่อนตามข้อกำหนดในนโยบายความเป็นส่วนตัว การจัดการข้อมูล ตลอดจนการเปิดเผยข้อมูลและการขอความยินยอมอย่างชัดเจนด้านบน
  • แอปที่เข้าถึงข้อมูลในโทรศัพท์หรือสมุดรายชื่อติดต่อของผู้ใช้และไม่จัดการข้อมูลนี้ในแบบข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลที่ละเอียดอ่อนตามข้อกำหนดในนโยบายความเป็นส่วนตัว การจัดการข้อมูล ตลอดจนการเปิดเผยข้อมูลและการขอความยินยอมอย่างชัดเจนด้านบน
  • แอปที่บันทึกหน้าจอของผู้ใช้และไม่จัดการข้อมูลนี้ในแบบข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลที่ละเอียดอ่อนตามนโยบายนี้
  • แอปที่เก็บรวบรวมตำแหน่งอุปกรณ์โดยไม่เปิดเผยข้อมูลการใช้งานและไม่ขอความยินยอมให้ครอบคลุมตามข้อกำหนดข้างต้น
  • แอปที่ใช้สิทธิ์ที่ถูกจำกัดในเบื้องหลังของแอปซึ่งรวมถึงเพื่อการติดตาม การวิจัย หรือวัตถุประสงค์ทางการตลาด แต่ไม่เปิดเผยการใช้งานและไม่ขอความยินยอมให้ครอบคลุมตามข้อกำหนดข้างต้น 
  • แอปที่มี SDK ซึ่งเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้ แต่ไม่ปฏิบัติต่อข้อมูลนี้ตามนโยบายข้อมูลผู้ใช้ ข้อกำหนดด้านการเข้าถึง การจัดการข้อมูล (รวมถึงการขายที่ไม่อนุญาต) และข้อกำหนดด้านการเปิดเผยข้อมูลและการขอความยินยอมอย่างชัดเจน

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกำหนดด้านการเปิดเผยข้อมูลและการขอความยินยอมอย่างชัดเจนได้ที่บทความนี้

ข้อจำกัดสำหรับการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อน

นอกเหนือจากข้อกำหนดข้างต้นแล้ว ตารางด้านล่างจะอธิบายถึงข้อกำหนดสำหรับกิจกรรมเฉพาะ

กิจกรรม  ข้อกำหนด
แอปของคุณจัดการข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลการชำระเงิน หรือหมายเลขประจำตัวประชาชนที่ออกโดยภาครัฐ แอปต้องไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้อันเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเงินหรือการชำระเงิน หรือหมายเลขประจำตัวประชาชนที่ออกโดยภาครัฐต่อสาธารณะ
แอปของคุณจัดการข้อมูลในสมุดโทรศัพท์หรือข้อมูลติดต่อที่ไม่เผยแพร่ต่อสาธารณะ เราไม่อนุญาตให้เผยแพร่หรือเปิดเผยข้อมูลติดต่อที่ไม่เผยแพร่ต่อสาธารณะของบุคคลต่างๆ โดยไม่ได้รับอนุญาต
แอปของคุณมีฟังก์ชันการทำงานสำหรับป้องกันไวรัสหรือรักษาความปลอดภัย เช่น ฟีเจอร์ป้องกันไวรัส ป้องกันมัลแวร์ หรือฟีเจอร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัย แอปต้องโพสต์นโยบายความเป็นส่วนตัวที่อธิบายว่าแอปรวบรวมและส่งข้อมูลผู้ใช้ประเภทใด นำข้อมูลไปใช้อย่างไร และแชร์กับบุคคลประเภทใดบ้าง ทั้งนี้จะใช้ร่วมกับการเปิดเผยข้อมูลใดๆ ก็ตามในแอป
แอปของคุณมีเด็กเป็นกลุ่มเป้าหมาย แอปต้องไม่มี SDK ที่ไม่ได้รับอนุมัติให้ใช้งานในบริการที่มีเด็กเป็นกลุ่มเป้าหมาย ดูภาษาและข้อกำหนดทั้งหมดของนโยบายได้ในการออกแบบแอปสำหรับเด็กและครอบครัว 
แอปของคุณรวบรวมหรือลิงก์ตัวระบุอุปกรณ์ถาวร (เช่น IMEI, IMSI, หมายเลขซีเรียลของซิม ฯลฯ)

ตัวระบุอุปกรณ์ถาวรต้องไม่ลิงก์กับข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้ หรือตัวระบุอุปกรณ์ที่รีเซ็ตได้ ยกเว้นถ้ามีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ 

  • ระบบโทรศัพท์ที่ลิงก์กับข้อมูลประจำตัวของซิม (เช่น การโทรผ่าน Wi-Fi ที่ลิงก์กับบัญชีผู้ให้บริการ) และ
  • แอปการจัดการอุปกรณ์สำหรับองค์กรที่ใช้โหมดเจ้าของอุปกรณ์

การใช้งานเหล่านี้จะต้องเปิดเผยอย่างชัดเจนต่อผู้ใช้ดังที่ระบุไว้ในนโยบายข้อมูลผู้ใช้

โปรดดูตัวระบุที่ไม่ซ้ำซึ่งเป็นทางเลือกจากแหล่งข้อมูลนี้

โปรดอ่านหลักเกณฑ์เพิ่มเติมสำหรับรหัสโฆษณา Android ในนโยบายโฆษณา

ส่วนความปลอดภัยของข้อมูล

นักพัฒนาแอปทุกรายต้องกรอกรายละเอียดในส่วนความปลอดภัยของข้อมูลให้ถูกต้องและชัดเจนสำหรับทุกแอป โดยต้องให้รายละเอียดเกี่ยวกับการรวบรวม การใช้งาน และการแชร์ข้อมูลผู้ใช้ นักพัฒนาแอปมีหน้าที่รับผิดชอบต่อความถูกต้องของป้ายกำกับและการอัปเดตข้อมูลนี้ให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ ข้อมูลในส่วนดังกล่าวต้องสอดคล้องกับการเปิดเผยที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวของแอป (หากเกี่ยวข้อง) 

โปรดอ่านบทความนี้เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกรอกข้อมูลในส่วนความปลอดภัยของข้อมูล

นโยบายความเป็นส่วนตัว

แอปทั้งหมดต้องโพสต์ลิงก์นโยบายความเป็นส่วนตัวในช่องที่กำหนดภายใน Play Console และโพสต์ลิงก์หรือข้อความของนโยบายความเป็นส่วนตัวภายในตัวแอปเอง นโยบายความเป็นส่วนตัวรวมถึงการเปิดเผยภายในแอปใดๆ จะต้องเปิดเผยข้อมูลโดยละเอียดว่าแอปของคุณเข้าถึง เก็บรวบรวม ใช้งาน และแชร์ข้อมูลผู้ใช้อย่างไร โดยไม่จำกัดเพียงข้อมูลที่เปิดเผยในส่วนความปลอดภัยของข้อมูลเท่านั้น ข้อมูลที่เปิดเผยดังกล่าวรวมถึงสิ่งต่อไปนี้ 

  • ข้อมูลนักพัฒนาแอปและผู้ติดต่อด้านความเป็นส่วนตัวหรือกลไกในการส่งคำถาม
  • การเปิดเผยประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้ที่แอปของคุณเข้าถึง รวบรวม ใช้งาน และแชร์ รวมถึงปลายทางที่แชร์ข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้ดังกล่าว
  • ขั้นตอนการจัดการข้อมูลอย่างปลอดภัยสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้
  • นโยบายการเก็บรักษาและการลบข้อมูลของนักพัฒนาแอป
  • การติดป้ายกำกับที่ชัดเจนว่าเป็นนโยบายความเป็นส่วนตัว (เช่น ระบุเป็น "นโยบายความเป็นส่วนตัว" ในชื่อ)

บุคคล (เช่น นักพัฒนาแอป บริษัท) ที่ระบุชื่อไว้ในข้อมูลผลิตภัณฑ์ของแอปใน Google Play Store ต้องปรากฏในนโยบายความเป็นส่วนตัว หรือต้องมีการระบุชื่อแอปไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัว แอปที่ไม่เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้ยังคงต้องส่งนโยบายความเป็นส่วนตัว 

โปรดตรวจสอบว่านโยบายความเป็นส่วนตัวของคุณแสดงอยู่ใน URL ที่ใช้งานได้ เข้าถึงได้แบบสาธารณะและไม่มีการกำหนดเขตพื้นที่เสมือน (ไม่ใช่ PDF) ตลอดจนไม่สามารถแก้ไขได้

ข้อกำหนดในการลบบัญชี

หากแอปของคุณอนุญาตให้ผู้ใช้สร้างบัญชีจากภายในแอป แอปนั้นจะต้องอนุญาตให้ผู้ใช้ส่งคำขอลบบัญชีของตนเองด้วย ผู้ใช้ต้องมีตัวเลือกที่ค้นพบได้ทันทีสำหรับการเริ่มลบบัญชีของแอปจากภายในแอปและนอกแอปด้วย (เช่น การไปดำเนินการที่เว็บไซต์) คุณต้องระบุลิงก์ไปยังแหล่งข้อมูลบนเว็บนี้ไว้ในช่อง URL ที่กำหนดไว้ของแบบฟอร์มใน Play Console

เมื่อลบบัญชีของแอปตามคำขอของผู้ใช้แล้ว คุณต้องลบข้อมูลผู้ใช้ที่เชื่อมโยงกับบัญชีของแอปดังกล่าวด้วย การหยุดใช้งาน ปิดใช้ หรือ "พักการใช้งาน" บัญชีของแอปชั่วคราวไม่จัดว่าเป็นการลบบัญชี หากต้องการเก็บรักษาข้อมูลบางอย่างไว้เพื่อเหตุผลทางกฎหมาย เช่น การรักษาความปลอดภัย การป้องกันการฉ้อโกง หรือการปฏิบัติตามกฎหมาย คุณต้องแจ้งให้ผู้ใช้ทราบอย่างชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการเก็บรักษาข้อมูลด้วย (เช่น ภายในนโยบายความเป็นส่วนตัว)

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกำหนดของนโยบายด้านการลบบัญชีได้ที่บทความนี้ในศูนย์ช่วยเหลือ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการอัปเดตแบบฟอร์มความปลอดภัยของข้อมูลได้ที่บทความนี้

การใช้รหัสชุดแอป

Android จะเสนอรหัสใหม่เพื่อรองรับ Use Case ที่สำคัญ เช่น ข้อมูลวิเคราะห์และการป้องกันการประพฤติมิชอบ ข้อกำหนดในการใช้รหัสดังกล่าวอยู่ที่ด้านล่างนี้

  • การใช้งาน: ต้องไม่ใช้รหัสชุดแอปในการปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้และการวัดโฆษณา 
  • การเชื่อมโยงกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุตัวบุคคลนั้นได้หรือกับตัวระบุอื่นๆ: รหัสชุดแอปต้องไม่เชื่อมโยงกับตัวระบุใดๆ ของ Android (เช่น AAID) หรือข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนใดๆ เพื่อวัตถุประสงค์ในการโฆษณา
  • ความโปร่งใสและความยินยอม: ต้องมีการเปิดเผยการรวบรวมและการใช้รหัสชุดแอปและการปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้ให้ผู้ใช้ทราบผ่านประกาศเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวที่เพียงพอตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงนโยบายความเป็นส่วนตัว คุณต้องขอความยินยอมที่ถูกต้องตามกฎหมายจากผู้ใช้หากจำเป็น ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรฐานด้านความเป็นส่วนตัวของเราได้ในนโยบายข้อมูลผู้ใช้

กรอบการคุ้มครอง EU-U.S. Privacy Shield (กรอบการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา) และ Swiss Privacy Shield (กรอบการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของสวิตเซอร์แลนด์)

หากคุณเข้าถึง ใช้ หรือดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ Google จัดเตรียมให้ โดยข้อมูลดังกล่าวใช้ระบุตัวตนของบุคคลหนึ่งๆ ได้ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมและสร้างขึ้นในสหภาพยุโรปหรือสวิตเซอร์แลนด์ ("ข้อมูลส่วนบุคคลในสหภาพยุโรป") คุณจะต้องดำเนินการดังนี้

  • ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด กฎระเบียบ และกฎว่าด้วยความเป็นส่วนตัว การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล และการปกป้องข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง
  • เข้าถึง ใช้งาน หรือดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลในสหภาพยุโรปเฉพาะตามวัตถุประสงค์ที่สอดคล้องกับคำยินยอมที่ได้รับจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลในสหภาพยุโรปดังกล่าวเท่านั้น
  • ใช้มาตรการในการจัดระเบียบและมาตรการทางเทคนิคที่เหมาะสมเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลในสหภาพยุโรปจากการสูญหาย การใช้ในทางที่ผิด ตลอดจนการเข้าถึง การเปิดเผย การดัดแปลง และการทำลายที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือผิดกฎหมาย และ
  • ปกป้องข้อมูลในระดับเดียวกับที่ Privacy Shield (กรอบการคุ้มครองความเป็นส่วนตัว) กำหนดไว้

คุณต้องตรวจสอบการปฏิบัติตามเงื่อนไขเหล่านี้เป็นประจำ หากเมื่อใดก็ตามที่คุณปฏิบัติตามเงื่อนไขเหล่านี้ไม่ได้ (หรือหากมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะปฏิบัติตามไม่ได้) คุณต้องแจ้งให้เราทราบทันทีโดยส่งอีเมลไปที่ data-protection-office@google.com และหยุดการดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลในสหภาพยุโรปหรือทำตามขั้นตอนที่เหมาะสมและสมเหตุสมผลเพื่อให้มีการปกป้องข้อมูลในระดับที่เพียงพอดังเดิมโดยทันที

ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2020 Google ไม่ได้ใช้ EU-U.S. Privacy Shield (กรอบการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา) เพื่อโอนข้อมูลส่วนตัวที่มีต้นทางจากเขตเศรษฐกิจยุโรปหรือสหราชอาณาจักรไปยังสหรัฐอเมริกาแล้ว (ดูข้อมูลเพิ่มเติม)  ข้อมูลเพิ่มเติมอยู่ในส่วนที่ 9 ของ DDA


สิทธิ์และ API ที่เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อน

คำขอสิทธิ์และ API ที่เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนควรฟังดูสมเหตุสมผลสำหรับผู้ใช้ คุณขอได้เฉพาะสิทธิ์และ API ที่เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ซึ่งจำเป็นต่อการใช้งานฟีเจอร์หรือบริการปัจจุบันในแอปที่มีการโปรโมตในข้อมูลผลิตภัณฑ์บน Google Play คุณไม่อาจใช้สิทธิ์หรือ API ที่เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ซึ่งให้การเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้หรืออุปกรณ์สำหรับฟีเจอร์หรือวัตถุประสงค์ที่ไม่ได้เปิดเผย ไม่ได้ใช้งาน หรือไม่ได้รับอนุญาต และห้ามมิให้ขายข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลที่ละเอียดอ่อนซึ่งเข้าถึงผ่านสิทธิ์หรือ API ที่เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อน หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวเพื่ออำนวยความสะดวกต่อการขาย

ขอสิทธิ์และ API ที่เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เพื่อเข้าถึงข้อมูลในบริบท (ผ่านคำขอที่เพิ่มขึ้น) เพื่อให้ผู้ใช้ทราบถึงสาเหตุที่แอปต้องขอสิทธิ์ ใช้ข้อมูลให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ผู้ใช้ได้ยินยอมให้ใช้เท่านั้น หากคุณต้องการใช้ข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ ในภายหลัง คุณต้องขออนุญาตผู้ใช้และตรวจสอบว่าผู้ใช้ได้ยอมรับการใช้งานเพิ่มเติมดังกล่าวแล้ว

สิทธิ์ที่จำกัด

นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น สิทธิ์ที่จำกัดคือสิทธิ์ที่ระบุว่าเป็นอันตราย พิเศษ ลายเซ็น หรือตามที่ระบุไว้ด้านล่าง สิทธิ์เหล่านี้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดและข้อจำกัดเพิ่มเติมดังต่อไปนี้

  • ข้อมูลผู้ใช้หรือข้อมูลอุปกรณ์ที่เข้าถึงผ่านสิทธิ์ที่จำกัดถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้ โดยเป็นไปตามข้อกำหนดของนโยบายข้อมูลผู้ใช้
  • เคารพการตัดสินใจของผู้ใช้หากผู้ใช้ปฏิเสธคำขอสิทธิ์ที่จำกัด และต้องไม่ครอบงำหรือบังคับผู้ใช้ให้ยินยอมมอบสิทธิ์ใดๆ แม้ว่าจะเป็นสิทธิ์ที่ไม่ได้มีความสำคัญนัก คุณต้องใช้ความพยายามอย่างสมเหตุสมผลในการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ที่ไม่ยินยอมมอบสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อน (เช่น อนุญาตให้ผู้ใช้ป้อนหมายเลขโทรศัพท์เองหากผู้ใช้ได้จำกัดสิทธิ์เข้าถึงบันทึกการโทรไว้)
  • เราขอห้ามอย่างชัดแจ้งไม่ให้ใช้สิทธิ์ในลักษณะที่เป็นการละเมิดนโยบายมัลแวร์ของ Google Play (รวมถึงการละเมิดสิทธิ์ในระดับสูงขึ้น)

สิทธิ์ที่จำกัดบางอย่างอาจขึ้นอยู่กับข้อกำหนดเพิ่มเติมตามรายละเอียดด้านล่าง ข้อจำกัดเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ เราอาจมีข้อยกเว้นที่จำกัดสำหรับข้อกำหนดด้านล่างในกรณีที่พบไม่บ่อยซึ่งแอปให้บริการฟีเจอร์ที่น่าสนใจหรือสำคัญมาก และไม่มีทางเลือกอื่นที่จะให้บริการฟีเจอร์นี้ได้ เราจะประเมินข้อยกเว้นที่เสนอกับผลกระทบด้านความเป็นส่วนตัวหรือความปลอดภัยที่อาจมีต่อผู้ใช้

สิทธิ์เกี่ยวกับ SMS และประวัติการโทร

สิทธิ์เกี่ยวกับ SMS และประวัติการโทรถือว่าเป็นข้อมูลผู้ใช้ที่เป็นส่วนบุคคลและมีความละเอียดอ่อน โดยต้องเป็นไปตามนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ตลอดจนข้อกำหนดดังต่อไปนี้

สิทธิ์ที่จำกัด ข้อกำหนด
กลุ่มสิทธิ์สำหรับประวัติการโทร (เช่น READ_CALL_LOG, WRITE_CALL_LOG, PROCESS_OUTGOING_CALLS) ต้องลงทะเบียนเป็นเครื่องจัดการโทรศัพท์หรือเครื่องจัดการ Assistant เริ่มต้นในอุปกรณ์อยู่ในขณะนั้น
กลุ่มสิทธิ์สำหรับ SMS (เช่น READ_SMS, SEND_SMS, WRITE_SMS, RECEIVE_SMS, RECEIVE_WAP_PUSH, RECEIVE_MMS) ต้องลงทะเบียนเป็นเครื่องจัดการ SMS หรือเครื่องจัดการ Assistant เริ่มต้นในอุปกรณ์อยู่ในขณะนั้น

 

แอปที่เป็นเครื่องจัดการ SMS, โทรศัพท์ หรือ Assistant เริ่มต้นไม่ได้ต้องไม่ประกาศการใช้สิทธิ์ด้านบนในไฟล์ Manifest รวมถึงข้อความของตัวยึดตำแหน่งในไฟล์ Manifest นอกจากนี้ แอปต้องลงทะเบียนเป็นเครื่องจัดการ SMS, โทรศัพท์ หรือ Assistant เริ่มต้นอยู่ในขณะนั้นก่อนที่จะแจ้งผู้ใช้ให้ยอมรับสิทธิ์ใดๆ ในข้างต้นและต้องหยุดใช้สิทธิ์ทันทีเมื่อแอปไม่ได้เป็นเครื่องจัดการเริ่มต้นแล้ว ดูการใช้งานที่อนุญาตและข้อยกเว้นได้ที่หน้านี้ในศูนย์ช่วยเหลือ

แอปจะใช้สิทธิ์ (และข้อมูลใดก็ตามที่ได้มาจากสิทธิ์ดังกล่าว) เพื่อมอบฟังก์ชันการทำงานหลักที่ได้รับอนุมัติของแอป ฟังก์ชันการทำงานหลักเป็นเป้าหมายหลักของการเข้าถึงสิทธิ์ดังกล่าว ฟังก์ชันการทำงานหลักอาจรวมถึงชุดฟีเจอร์หลักซึ่งต้องระบุและโปรโมตให้ครบถ้วนในคำอธิบายของแอปอย่างเด่นชัดที่สุด หากไม่มีฟีเจอร์หลัก แอปจะ "เสีย" หรือแสดงผลเป็นใช้งานไม่ได้ การโอน แชร์ หรือใช้งานข้อมูลที่ได้รับอนุญาตนี้ต้องเป็นไปเพื่อการจัดเตรียมฟีเจอร์หรือบริการหลักภายในแอปเท่านั้น และต้องไม่มีการขยายการใช้งานเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใด (เช่น การปรับปรุงแอปหรือบริการอื่นๆ การโฆษณา หรือวัตถุประสงค์ทางการตลาด) คุณไม่มีสิทธิ์ใช้วิธีการอื่นๆ (รวมถึงสิทธิ์อื่นๆ, API หรือแหล่งที่มาของบุคคลที่สาม) เพื่อรับข้อมูลซึ่งมาจากสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับประวัติการโทรหรือ SMS

สิทธิ์เข้าถึงตำแหน่ง

ตำแหน่งอุปกรณ์ถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลผู้ใช้ที่ละเอียดอ่อนภายใต้นโยบายข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและนโยบายเกี่ยวกับตำแหน่งในเบื้องหลัง ตลอดจนข้อกำหนดต่อไปนี้

  • แอปจะต้องไม่เข้าถึงข้อมูลที่ได้รับการปกป้องโดยสิทธิ์เข้าถึงตำแหน่ง (เช่น ACCESS_FINE_LOCATION, ACCESS_COARSE_LOCATION, ACCESS_BACKGROUND_LOCATION) หลังจากที่สิทธิ์ดังกล่าวไม่จำเป็นต่อการแสดงฟีเจอร์หรือบริการในขณะนั้นของแอปแล้ว
  • คุณไม่ควรจะขอสิทธิ์เข้าถึงตำแหน่งจากผู้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการโฆษณาหรือการวิเคราะห์ข้อมูลเพียงอย่างเดียว แอปที่ขยายการใช้งานที่ได้รับอนุญาตของข้อมูลนี้เพื่อการแสดงโฆษณาจะต้องเป็นไปตามนโยบายโฆษณาของเรา
  • แอปต้องขอสิทธิ์ในระดับต่ำที่สุดเท่าที่จำเป็น (เช่น ตำแหน่งคร่าวๆ แทนที่จะเป็นตำแหน่งอย่างละเอียด และเข้าถึงตำแหน่งในเบื้องหน้าแทนตำแหน่งในเบื้องหลัง) เพื่อให้บริการหรือฟีเจอร์ที่ต้องใช้ตำแหน่งในขณะนั้น และผู้ใช้ต้องทราบอยู่แล้วโดยเหตุและผลว่าฟีเจอร์หรือบริการนั้นจำเป็นต้องเข้าถึงตำแหน่งตามระดับที่ขอ เช่น เราอาจปฏิเสธแอปที่ขอหรือเข้าถึงตำแหน่งในเบื้องหลังโดยปราศจากเหตุผลอันเหมาะสม
  • จะมีการใช้ข้อมูลตำแหน่งในเบื้องหลังได้เฉพาะสำหรับการให้บริการฟีเจอร์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้และเกี่ยวข้องกับฟังก์ชันการทำงานหลักของแอปเท่านั้น

แอปได้รับอนุญาตให้เข้าถึงตำแหน่งโดยใช้สิทธิ์ของบริการที่ทำงานอยู่เบื้องหน้า (เมื่อแอปมีเพียงการเข้าถึงเมื่ออยู่เบื้องหน้า เช่น "ขณะใช้งาน") หากการใช้งานนั้นมีลักษณะดังนี้

  • เริ่มต้นขึ้นเป็นการต่อเนื่องมาจากการดำเนินการในแอปที่เริ่มต้นโดยผู้ใช้ และ
  • สิ้นสุดลงทันทีหลังจากที่ Use Case ตามเจตนาของการดำเนินการที่เริ่มต้นโดยผู้ใช้เสร็จสิ้นลงโดยแอปพลิเคชัน

แอปที่ออกแบบมาเพื่อเด็กโดยเฉพาะต้องเป็นไปตามนโยบายออกแบบเพื่อครอบครัว

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกำหนดของนโยบายดังกล่าวได้จากบทความช่วยเหลือนี้

สิทธิ์การเข้าถึงไฟล์ทั้งหมด

ไฟล์และแอตทริบิวต์ไดเรกทอรีในอุปกรณ์ของผู้ใช้ถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลผู้ใช้ที่ละเอียดอ่อนภายใต้นโยบายข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อน และข้อกำหนดต่อไปนี้

  • แอปควรขอสิทธิ์เข้าถึงพื้นที่เก็บข้อมูลของอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการทำงานของแอปเท่านั้น และไม่สามารถขอสิทธิ์เข้าถึงพื้นที่เก็บข้อมูลของอุปกรณ์ในนามของบุคคลที่สามเพื่อวัตถุประสงค์ใดๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับฟังก์ชันการทำงานที่จำเป็นของแอปซึ่งผู้ใช้เห็น
  • อุปกรณ์ Android ที่ใช้ R ขึ้นไปจะต้องได้รับสิทธิ์ MANAGE_EXTERNAL_STORAGE จึงจะจัดการการเข้าถึงพื้นที่เก็บข้อมูลที่แชร์ได้ แอปทั้งหมดที่มีเป้าหมายเป็น R และขอสิทธิ์เข้าถึงแบบกว้างไปยังพื้นที่เก็บข้อมูลที่แชร์ ("การเข้าถึงไฟล์ทั้งหมด") ต้องผ่านการตรวจสอบสิทธิ์ที่เหมาะสมก่อนเผยแพร่ แอปที่ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิ์นี้ต้องแจ้งให้ผู้ใช้เปิดใช้ "การเข้าถึงไฟล์ทั้งหมด" สำหรับแอปของตนอย่างชัดเจนภายใต้การตั้งค่า "สิทธิ์เข้าถึงพิเศษของแอป" ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกำหนดของ R ได้จากบทความช่วยเหลือนี้

สิทธิ์ระดับการเข้าถึงแพ็กเกจ (แอป)

รายการแอปที่ติดตั้งอยู่ซึ่งค้นหาได้จากอุปกรณ์ถือว่าเป็นข้อมูลผู้ใช้ที่เป็นส่วนบุคคลและมีความละเอียดอ่อนตามนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ตลอดจนข้อกำหนดดังต่อไปนี้

แอปที่มีวัตถุประสงค์หลักเป็นการเปิด ค้นหา หรือทำงานร่วมกับแอปอื่นๆ ในอุปกรณ์ต้องมีระดับการเข้าถึงแอปอื่นๆ ที่ติดตั้งอยู่ในอุปกรณ์ตามขอบเขตที่เหมาะสมซึ่งอธิบายไว้ด้านล่างดังนี้

  • ระดับการเข้าถึงแอปแบบกว้าง: ระดับการเข้าถึงแบบกว้างเป็นขอบเขตระดับการเข้าถึงแอปที่ติดตั้งอยู่ ("แพ็กเกจ") ในอุปกรณ์ในระดับที่ครอบคลุม (หรือแบบ "กว้าง")
    • สำหรับแอปที่กำหนดเป้าหมายเป็น API ระดับ 30 ขึ้นไป ระดับการเข้าถึงแบบกว้างต่อแอปที่ติดตั้งอยู่ผ่านสิทธิ์ QUERY_ALL_PACKAGES จะจำกัดเฉพาะบาง Use Case โดยแอปดังกล่าวจะทำงานได้ก็ต่อเมื่อแอปทั้งหมดในอุปกรณ์มีการรับรู้และ/หรือมีความสามารถในการทำงานร่วมกันเท่านั้น 
    • การใช้วิธีการอื่นเพื่อประมาณระดับการเข้าถึงแบบกว้างที่เชื่อมโยงกับสิทธิ์ QUERY_ALL_PACKAGES ยังจำกัดตามฟังก์ชันการทำงานหลักของแอปที่ติดต่อกับผู้ใช้และความสามารถในการทำงานร่วมกันกับแอปที่ค้นพบผ่านวิธีการนี้ด้วย
    • ดู Use Case ที่อนุญาตสำหรับสิทธิ์ QUERY_ALL_PACKAGES ได้ในบทความนี้ในศูนย์ช่วยเหลือ
  • ระดับการเข้าถึงแอปอย่างจำกัด: ระดับการเข้าถึงอย่างจำกัดคือกรณีที่แอปจำกัดการเข้าถึงข้อมูล ด้วยการค้นหาแอปที่เจาะจงโดยใช้วิธีการที่กำหนดเป้าหมายแคบกว่า (แทนการกำหนดแบบ "กว้าง") (เช่น การค้นหาแอปที่เจาะจงตามประกาศในไฟล์ Manifest ของแอป) คุณอาจใช้วิธีการนี้เพื่อค้นหาแอป ในกรณีที่แอปมีความสามารถในการทำงานร่วมกันตามข้อกำหนดของนโยบายหรือการจัดการแอปเหล่านี้ 
  • ระดับการเข้าถึงรายการแอปที่ติดตั้งอยู่ในอุปกรณ์ต้องสัมพันธ์โดยตรงกับวัตถุประสงค์หลักหรือฟังก์ชันการทำงานหลักที่ผู้ใช้เข้าถึงภายในแอปของคุณ 

ห้ามมิให้ขายหรือแชร์ข้อมูลรายการแอปที่ค้นหาได้จากแอปที่เผยแพร่ใน Play เพื่อการวิเคราะห์หรือการสร้างรายได้จากโฆษณา

API การช่วยเหลือพิเศษ

ไม่สามารถใช้ Accessibility API เพื่อทำสิ่งต่อไปนี้

  • เปลี่ยนการตั้งค่าของผู้ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ปิดใช้หรือถอนการติดตั้งแอปหรือบริการใดๆ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองผ่านแอปการควบคุมโดยผู้ปกครอง หรือจากผู้ดูแลระบบที่ได้รับอนุญาตผ่านซอฟต์แวร์การจัดการขององค์กร 
  • แก้ปัญหาการควบคุมความเป็นส่วนตัวที่ติดตั้งมาในตัวและการแจ้งเตือนของ Android หรือ
  • เปลี่ยนแปลงหรือใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เฟซผู้ใช้ในลักษณะที่หลอกลวงหรือละเมิดนโยบายสำหรับนักพัฒนาแอป Google Play 

Accessibility API ไม่ได้ออกแบบมาให้ขอการอัดเสียงการโทรจากระยะไกลและไม่สามารถดำเนินการดังกล่าวได้ 

การใช้ Accessibility API ต้องระบุไว้ในข้อมูลผลิตภัณฑ์บน Google Play

หลักเกณฑ์สำหรับ IsAccessibilityTool

แอปที่ฟังก์ชันการทำงานหลักมุ่งช่วยเหลือคนพิการโดยตรงมีสิทธิ์ใช้ IsAccessibilityTool เพื่อระบุต่อสาธารณะอย่างเหมาะสมว่าเป็นแอปการช่วยเหลือพิเศษ

ส่วนแอปที่ไม่มีสิทธิ์ใช้ IsAccessibilityTool จะไม่สามารถใช้การแจ้งดังกล่าวและต้องเป็นไปตามข้อกำหนดด้านการเปิดเผยข้อมูลและการขอความยินยอมที่ชัดเจนดังที่ระบุไว้ในนโยบายข้อมูลผู้ใช้ เนื่องจากฟังก์ชันการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือพิเศษนั้นไม่ใช่ฟังก์ชันที่เข้าใจได้ง่ายสำหรับผู้ใช้ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมจากบทความของศูนย์ช่วยเหลือเกี่ยวกับ AccessibilityService API

แอปต้องใช้ API และสิทธิ์ที่มีขอบเขตแคบลงแทน Accessibility API เมื่อเป็นไปได้ เพื่อมอบฟังก์ชันการทำงานที่ต้องการ 

สิทธิ์ขอติดตั้งแพ็กเกจ

สิทธิ์ REQUEST_INSTALL_PACKAGES ให้แอปพลิเคชันส่งคำขอติดตั้งแพ็กเกจแอปได้ หากต้องการใช้สิทธิ์นี้ แอปต้องมีฟังก์ชันหลักต่อไปนี้

  • ส่งหรือรับแพ็กเกจแอป และ
  • ช่วยให้ผู้ใช้เริ่มการติดตั้งแพ็กเกจแอปได้

ฟังก์ชันที่อนุญาตมีดังนี้

  • การท่องหรือค้นหาเว็บ
  • บริการด้านการสื่อสารที่รองรับไฟล์แนบ
  • การแชร์ การโอน หรือการจัดการไฟล์
  • การจัดการอุปกรณ์ขององค์กร
  • การสำรองและคืนค่า
  • การย้ายข้อมูลอุปกรณ์/การโอนข้อมูลในโทรศัพท์
  • แอปที่ใช้ร่วมกันเพื่อซิงค์โทรศัพท์กับอุปกรณ์ที่สวมใส่ได้หรืออุปกรณ์ IoT (เช่น สมาร์ทวอทช์หรือสมาร์ททีวี)

ฟังก์ชันหลักถือเป็นจุดประสงค์หลักของแอป คำอธิบายของแอปต้องระบุและโปรโมตทั้งฟังก์ชันหลักรวมถึงฟีเจอร์หลักที่ประกอบเป็นฟังก์ชันหลักนี้ให้ครบถ้วนและเด่นชัด

ต้องไม่ใช้สิทธิ์ REQUEST_INSTALL_PACKAGES เพื่อทำการอัปเดต แก้ไข หรือรวม APK อื่นๆ ในไฟล์เนื้อหาเอง เว้นแต่เพื่อจุดประสงค์ในการจัดการอุปกรณ์ การอัปเดตหรือการติดตั้งแพ็กเกจทุกครั้งต้องเป็นไปตามนโยบายการใช้อุปกรณ์และเครือข่ายในทางที่ผิดของ Google Play รวมถึงต้องเริ่มต้นและดำเนินการโดยผู้ใช้

สิทธิ์ของ Health Connect โดย Android

ข้อมูลที่แอปเข้าถึงผ่านสิทธิ์ของ Health Connect ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายข้อมูลผู้ใช้และข้อกำหนดเพิ่มเติมต่อไปนี้

การเข้าถึงที่เหมาะสมและการใช้ Health Connect

คำขอเข้าถึงข้อมูลผ่าน Health Connect ต้องชัดเจนและเข้าใจได้ โดยต้องใช้ Health Connect ให้สอดคล้องกับนโยบายที่เกี่ยวข้อง ข้อกำหนดและเงื่อนไข ตลอดจนกรณีการใช้งานที่อนุมัติซึ่งระบุไว้ในนโยบายนี้ นั่นหมายความว่าคุณจะขอเข้าถึงสิทธิ์ได้เมื่อแอปพลิเคชันหรือบริการของคุณเป็นไปตามกรณีการใช้งานแบบใดแบบหนึ่งที่อนุมัติเท่านั้น

กรณีการใช้งานที่อนุมัติสำหรับการเข้าถึงสิทธิ์ของ Health Connect ได้แก่

  • แอปพลิเคชันหรือบริการที่มีฟีเจอร์อย่างน้อย 1 อย่างที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและการออกกำลังกายของผู้ใช้ผ่านอินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่อนุญาตให้ผู้ใช้จดบันทึก รายงาน ตรวจสอบ และ/หรือวิเคราะห์โดยตรงเกี่ยวกับกิจกรรมการเคลื่อนไหวร่างกาย การนอนหลับ สุขภาวะด้านจิตใจ โภชนาการ การวัดผลด้านสุขภาพ และ/หรือรายละเอียดและการวัดผลที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพหรือการออกกำลังกายอื่นๆ
  • แอปพลิเคชันหรือบริการที่มีฟีเจอร์อย่างน้อย 1 อย่างที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและการออกกำลังกายของผู้ใช้ผ่านอินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่อนุญาตให้ผู้ใช้จัดเก็บกิจกรรมการเคลื่อนไหวร่างกาย การนอนหลับ สุขภาวะด้านจิตใจ โภชนาการ การวัดผลด้านสุขภาพ และ/หรือรายละเอียดและการวัดผลที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพหรือการออกกำลังกายอื่นๆ ในโทรศัพท์และ/หรืออุปกรณ์ที่สวมใส่ได้ของตน และแชร์ข้อมูลกับแอปในอุปกรณ์อื่นๆ ที่เป็นไปตามกรณีการใช้งานเหล่านี้

Health Connect เป็นพื้นที่เก็บข้อมูลอเนกประสงค์และแพลตฟอร์มการแชร์ที่อนุญาตให้ผู้ใช้รวบรวมข้อมูลสุขภาพและการออกกำลังกายจากแหล่งที่มาต่างๆ ในอุปกรณ์ Android และแชร์กับบุคคลที่สามที่ตนเลือก ข้อมูลอาจมีต้นทางมาจากแหล่งที่มาตามที่ผู้ใช้กำหนด นักพัฒนาแอปต้องประเมินว่า Health Connect เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการหรือไม่ ตลอดจนตรวจสอบและคัดเลือกแหล่งที่มาและคุณภาพของข้อมูลจาก Health Connect ที่เกี่ยวข้องกับจุดประสงค์ต่างๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานด้านการวิจัย สุขภาพ และทางการแพทย์

  • แอปที่ทำการวิจัยในมนุษย์เกี่ยวกับสุขภาพโดยใช้ข้อมูลที่ได้จาก Health Connect ต้องขอความยินยอมจากผู้เข้าร่วม หรือพ่อแม่หรือผู้ปกครองของผู้เข้าร่วมที่เป็นผู้เยาว์ เนื้อหาดังกล่าวต้องระบุ (ก) ลักษณะ วัตถุประสงค์ และระยะเวลาของการวิจัย (ข) กระบวนการ ความเสี่ยง และสิทธิประโยชน์ต่อผู้เข้าร่วม (ค) ข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาข้อมูลที่เป็นความลับและการจัดการข้อมูล (ซึ่งรวมถึงการแชร์กับบุคคลที่สาม) (ง) ผู้ติดต่อเมื่อผู้เข้าร่วมมีคำถาม และ (จ) ขั้นตอนการถอนตัว แอปที่ทำการวิจัยในมนุษย์เกี่ยวกับสุขภาพโดยใช้ข้อมูลที่ได้จาก Health Connect ต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการอิสระซึ่งมีเป้าหมายที่จะ 1) ปกป้องสิทธิ ความปลอดภัย และคุณภาพชีวิตของผู้เข้าร่วม และ 2) มีอำนาจที่จะพิจารณา แก้ไข และอนุมัติการวิจัยในมนุษย์ โดยจะต้องแสดงหลักฐานการอนุมัติดังกล่าวตามคำขอ
  • คุณยังมีหน้าที่ดูแลการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายหรือข้อบังคับที่อาจมีผลตามการใช้งานที่ต้องการสำหรับ Health Connect และข้อมูลจาก Health Connect Google ไม่รับรองการใช้หรือรับประกันความถูกต้องของข้อมูลที่มีอยู่ใน Health Connect สำหรับการใช้งานหรือวัตถุประสงค์ใดก็ตาม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานด้านการวิจัย สุขภาพ หรือทางการแพทย์ เว้นแต่จะมีหมายเหตุระบุไว้อย่างชัดเจนในป้ายกำกับหรือข้อมูลที่ Google ให้ไว้สำหรับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เจาะจงของ Google Google ขอจำกัดความรับผิดทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลที่ได้รับมาผ่านทาง Health Connect

การใช้งานแบบจำกัด

เมื่อใช้ Health Connect สำหรับการใช้งานที่เหมาะสม การใช้ข้อมูลที่เข้าถึงผ่านทาง Health Connect ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดด้านล่างนี้ด้วย ข้อกำหนดเหล่านี้มีผลกับข้อมูลดิบที่ได้รับมาจาก Health Connect และข้อมูลที่รวบรวม ลบการระบุตัวตน หรือได้มาจากข้อมูลดิบ

  • จำกัดการใช้ข้อมูล Health Connect เพื่อให้บริการหรือปรับปรุงกรณีการใช้งานหรือฟีเจอร์ที่เหมาะสม ซึ่งแสดงอย่างโดดเด่นในอินเทอร์เฟซผู้ใช้ของแอปพลิเคชันที่ส่งคำขอ
  • โอนข้อมูลผู้ใช้ไปยังบุคคลที่สามในกรณีต่อไปนี้เท่านั้น
    • เพื่อให้บริการหรือปรับปรุงกรณีการใช้งานหรือฟีเจอร์ที่เหมาะสมซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากอินเทอร์เฟซผู้ใช้ของแอปพลิเคชันที่ส่งคำขอและต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้เท่านั้น
    • หากจำเป็นสำหรับวัตถุประสงค์ด้านความปลอดภัย (เช่น การตรวจสอบการละเมิด)
    • เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายและ/หรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง หรือ
    • เป็นส่วนหนึ่งของการรวมบริษัท การซื้อกิจการ หรือการขายสินทรัพย์ของนักพัฒนาแอปหลังจากได้รับความยินยอมที่ชัดแจ้งจากผู้ใช้
  • ไม่อนุญาตให้มนุษย์เป็นผู้อ่านข้อมูลผู้ใช้ ยกเว้นในกรณีต่อไปนี้
    • ได้รับความยินยอมที่ชัดแจ้งของผู้ใช้ให้อ่านข้อมูลบางอย่าง
    • จำเป็นสำหรับวัตถุประสงค์ด้านความปลอดภัย (เช่น การตรวจสอบการละเมิด)
    • เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือ
    • ข้อมูล (รวมถึงแหล่งที่มา) จะรวบรวมและใช้สำหรับการปฏิบัติงานภายในให้สอดคล้องกับข้อกำหนดทางกฎหมายตามเขตอำนาจศาลอื่นๆ และข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวที่เกี่ยวข้อง

ห้ามมิให้การโอน การใช้งาน หรือการขายข้อมูลอื่นๆ ทั้งหมดของ Health Connect ซึ่งรวมถึง

  • การโอนหรือการขายข้อมูลผู้ใช้ให้กับบุคคลที่สาม เช่น แพลตฟอร์มโฆษณา นายหน้าซื้อขายข้อมูล หรือตัวแทนจำหน่ายข้อมูล
  • การโอน การขาย หรือการใช้ข้อมูลผู้ใช้เพื่อแสดงโฆษณา ซึ่งรวมถึงการโฆษณาที่ปรับเปลี่ยนตามโปรไฟล์ผู้ใช้หรือโฆษณาตามความสนใจ
  • การโอน การขาย หรือการใช้ข้อมูลผู้ใช้เพื่อตัดสินความน่าเชื่อถือทางเครดิตหรือเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ยืม
  • การโอน การขาย หรือการใช้ข้อมูลผู้ใช้กับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่อาจเข้าข่ายว่าเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ตามส่วน 201(h) ของกฎหมาย Federal Food Drug & Cosmetic Act หากอุปกรณ์ทางการแพทย์ดังกล่าวจะต้องใช้ข้อมูลผู้ใช้เพื่อดำเนินการฟังก์ชันที่มีการควบคุม
  • การโอน การขาย หรือการใช้ข้อมูลผู้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์หรือในลักษณะใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลสุขภาพที่ได้รับการคุ้มครอง (ตามคำจำกัดความของ HIPAA) เว้นแต่ว่าคุณจะได้รับการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Google ล่วงหน้า

ห้ามใช้สิทธิ์เข้าถึง Health Connect ในลักษณะที่ละเมิดนโยบายนี้หรือข้อกำหนดและเงื่อนไขตลอดจนนโยบาย Health Connect อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงเพื่อวัตถุประสงค์ต่อไปนี้

  • ห้ามใช้ Health Connect ในการพัฒนาหรือการประสานเข้ากับแอปพลิเคชัน สภาพแวดล้อม หรือกิจกรรมที่การใช้งานหรือการล้มเหลวของ Health Connect คาดว่าจะนำไปสู่การเสียชีวิต การบาดเจ็บส่วนบุคคล หรือความเสียหายต่อทรัพย์สินหรือสิ่งแวดล้อม (เช่น การสร้างหรือการปฏิบัติการของระบบนิวเคลียร์ ระบบควบคุมการจราจรทางอากาศ ระบบรักษาชีวิต หรือสรรพาวุธ)
  • ห้ามใช้แอปที่ไม่มีส่วนหัวเพื่อเข้าถึงข้อมูลที่ได้รับมาผ่านทาง Health Connect แอปต้องแสดงไอคอนที่ระบุได้อย่างชัดเจนในถาดแอป การตั้งค่าแอปในอุปกรณ์ ไอคอนการแจ้งเตือน และอื่นๆ
  • อย่าใช้ Health Connect กับแอปที่ซิงค์ข้อมูลระหว่างอุปกรณ์หรือแพลตฟอร์มที่เข้ากันไม่ได้
  • Health Connect ไม่สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน บริการ หรือฟีเจอร์ที่กำหนดเป้าหมายเป็นเด็กเพียงอย่างเดียวเท่านั้น Health Connect ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในบริการที่มีเด็กเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก

ต้องมีการเปิดเผยข้อมูลคำแถลงยืนยันว่าการใช้ข้อมูล Health Connect ของคุณเป็นไปตามข้อกำหนดของการใช้งานแบบจำกัดในแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ที่เป็นของบริการในเว็บหรือแอปพลิเคชันของคุณ เช่น ลิงก์ในหน้าแรกไปยังหน้าเว็บเฉพาะหรือนโยบายความเป็นส่วนตัวที่มีหมายเหตุว่า "การใช้ข้อมูลที่ได้รับมาจาก Health Connect จะเป็นไปตามนโยบายสิทธิ์ของ Health Connect ซึ่งรวมถึงข้อกำหนดของการใช้งานแบบจำกัด"

ขอบเขตขั้นต่ำ

คุณจะขอเข้าถึงได้เฉพาะสิทธิ์ที่จำเป็นต่อการใช้ฟังก์ชันการทำงานของแอปพลิเคชันหรือบริการ 

ซึ่งแปลว่า

  • อย่าขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลที่คุณไม่จำเป็นต้องใช้ ขอเข้าถึงสิทธิ์ที่จำเป็นต่อการใช้ฟีเจอร์หรือบริการของผลิตภัณฑ์เท่านั้น หากผลิตภัณฑ์ไม่จำเป็นต้องขอเข้าถึงสิทธิ์ที่เจาะจง คุณก็ต้องไม่ขอเข้าถึงสิทธิ์เหล่านั้น

ประกาศและการควบคุมที่โปร่งใสและถูกต้อง

Health Connect จัดการข้อมูลสุขภาพและการออกกำลังกาย ซึ่งมีข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อน แอปพลิเคชันและบริการทั้งหมดต้องมีนโยบายความเป็นส่วนตัว ซึ่งต้องเปิดเผยให้ครอบคลุมว่าแอปพลิเคชันหรือบริการของคุณรวบรวม ใช้ และแชร์ข้อมูลผู้ใช้อย่างไร ซึ่งรวมถึงประเภทของผู้ที่จะได้รับการแชร์ข้อมูลผู้ใช้ วิธีที่คุณใช้ข้อมูล วิธีที่คุณจัดเก็บและรักษาข้อมูลให้ปลอดภัย ตลอดจนสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับข้อมูลเมื่อบัญชีถูกปิดใช้งานหรือถูกลบ

นอกเหนือจากข้อกำหนดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว คุณยังต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดต่อไปนี้ด้วย

  • คุณต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าถึง การรวบรวม การใช้งาน และการแชร์ข้อมูล โดยที่การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว
    • ต้องแสดงให้เห็นตัวตนของแอปพลิเคชันหรือบริการที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้อย่างถูกต้อง
    • ต้องให้ข้อมูลที่ชัดเจนและถูกต้องซึ่งอธิบายถึงประเภทของข้อมูลที่มีการเข้าถึง ร้องขอ และ/หรือรวบรวม
    • ต้องอธิบายวิธีที่จะใช้และ/หรือแชร์ข้อมูล หากคุณขอข้อมูลเพื่อเหตุผลหนึ่ง แต่จะมีการใช้ข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ที่ 2 ด้วย คุณต้องแจ้งให้ผู้ใช้ทราบถึงกรณีการใช้งานทั้ง 2 กรณี
  • คุณต้องจัดเตรียมเอกสารประกอบการให้ความช่วยเหลือสำหรับผู้ใช้ซึ่งอธิบายวิธีที่ผู้ใช้สามารถจัดการและลบข้อมูลของตนจากแอป

การจัดการข้อมูลที่ปลอดภัย

คุณต้องจัดการกับข้อมูลผู้ใช้ทั้งหมดอย่างปลอดภัย ทำขั้นตอนที่สมเหตุสมผลและเหมาะสมเพื่อปกป้องแอปพลิเคชันหรือระบบทั้งหมดที่ใช้ประโยชน์จาก Health Connect ไม่ให้เกิดการเข้าถึง การใช้งาน การทำลาย การสูญเสีย การดัดแปลง หรือการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือผิดกฎหมาย

แนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัยที่แนะนำรวมถึงการใช้และการดูแลรักษาระบบจัดการความปลอดภัยของข้อมูลตามที่ระบุไว้ใน ISO/IEC 27001 และดูแลให้แอปพลิเคชันหรือบริการในเว็บมีประสิทธิภาพและปราศจากปัญหาด้านความปลอดภัยที่พบได้ทั่วไปตามที่มีอยู่ใน OWASP Top 10

เราจะกำหนดให้แอปพลิเคชันหรือบริการของคุณต้องเข้ารับการประเมินความปลอดภัยเป็นระยะๆ และขอเอกสารการประเมินจากบุคคลที่สามที่ได้รับมอบหมายหากผลิตภัณฑ์โอนข้อมูลออกจากอุปกรณ์ของผู้ใช้เอง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ API ที่มีการเข้าถึงและจำนวนผู้ใช้หรือการให้ความยินยอมของผู้ใช้

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกำหนดสำหรับแอปที่เชื่อมต่อกับ Health Connect ได้ที่บทความนี้ในศูนย์ช่วยเหลือ

บริการ VPN

VpnService เป็นคลาสพื้นฐานเพื่อให้แอปพลิเคชันนำไปต่อยอดและสร้างโซลูชัน VPN ของตนเอง แอปต้องใช้ VpnService และมี VPN เป็นฟังก์ชันหลักเท่านั้นจึงจะสามารถสร้างอุโมงค์เสมือนที่ปลอดภัยระดับอุปกรณ์ไปยังเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลได้ ข้อยกเว้นแอปรวมถึงแอปที่จำเป็นต้องใช้เซิร์ฟเวอร์ระยะไกลสำหรับฟังก์ชันหลัก เช่น

  • การควบคุมโดยผู้ปกครองและแอปการจัดการขององค์กร
  • การติดตามการใช้งานแอป
  • แอปรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ (เช่น ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส การจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ ไฟร์วอลล์)
  • เครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับเครือข่าย (เช่น การเข้าถึงจากระยะไกล)
  • แอปท่องเว็บ
  • แอปผู้ให้บริการที่จำเป็นต้องใช้ฟังก์ชันการทำงานของ VPN เพื่อให้บริการเกี่ยวกับโทรศัพท์หรือการเชื่อมต่อ

ไม่สามารถใช้ VpnService เพื่อวัตถุประสงค์ต่อไปนี้

  • รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้โดยไม่มีการเปิดเผยข้อมูลและขอความยินยอมอย่างชัดเจน
  • เปลี่ยนเส้นทางหรือแทรกแซงการเข้าชมของผู้ใช้จากแอปอื่นๆ ในอุปกรณ์เพื่อวัตถุประสงค์ในการสร้างรายได้ (เช่น การเปลี่ยนเส้นทางการเข้าชมจากโฆษณาผ่านประเทศที่ผู้ใช้ไม่ได้พำนักอาศัยอยู่)

แอปที่ใช้ VpnService ต้องปฏิบัติดังนี้

สิทธิ์การปลุกในเวลาที่แน่นอน

เราจะแนะนำสิทธิ์ใหม่ USE_EXACT_ALARM ซึ่งจะให้สิทธิ์เข้าถึงฟังก์ชันการปลุกในเวลาที่แน่นอนในแอปตั้งแต่ Android 13 ขึ้นไป (API เป้าหมายระดับ 33) 

USE_EXACT_ALARM เป็นสิทธิ์แบบจำกัดและแอปต้องประกาศสิทธิ์นี้ในกรณีที่ฟังก์ชันหลักของแอปรองรับความต้องการการปลุกในเวลาที่แน่นอนเท่านั้น แอปที่ขอสิทธิ์ที่จำกัดนี้จะต้องได้รับการตรวจสอบ และระบบจะไม่อนุญาตให้เผยแพร่แอปซึ่งไม่เป็นไปตามเกณฑ์สำหรับกรณีการใช้งานที่ยอมรับได้ใน Google Play

กรณีการใช้งานที่ยอมรับได้สำหรับการใช้สิทธิ์การปลุกในเวลาที่แน่นอน

แอปต้องใช้ฟังก์ชันการทำงาน USE_EXACT_ALARM ในกรณีที่ฟังก์ชันหลักซึ่งแสดงให้ผู้ใช้เห็นต้องใช้การดำเนินการที่มีเวลาแน่นอน เช่น

  • เป็นแอปนาฬิกาปลุกหรือแอปจับเวลา
  • เป็นแอปปฏิทินที่แสดงการแจ้งเตือนกิจกรรม

หากมีกรณีการใช้งานสำหรับฟังก์ชันการปลุกในเวลาที่แน่นอนที่ไม่ได้กล่าวถึง ณ ที่นี้ คุณควรประเมินว่าสามารถใช้ SCHEDULE_EXACT_ALARM แทนได้หรือไม่

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟังก์ชันการปลุกในเวลาที่แน่นอนได้ที่คำแนะนำสำหรับนักพัฒนาแอป

การใช้อุปกรณ์และเครือข่ายในทางที่ผิด

เราไม่อนุญาตแอปที่แทรกแซง ก่อกวน สร้างความเสียหาย หรือเข้าถึงอุปกรณ์ของผู้ใช้ในลักษณะที่ไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงอุปกรณ์หรือคอมพิวเตอร์อื่นๆ, เซิร์ฟเวอร์, เครือข่าย, Application Programming Interface (API) หรือบริการต่างๆ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะแอปอื่นๆ ในอุปกรณ์นั้น, บริการใดๆ ของ Google หรือเครือข่ายผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาต

แอปใน Google Play ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดการเพิ่มประสิทธิภาพระบบเริ่มต้นของ Android ที่บันทึกไว้ในหลักเกณฑ์ด้านคุณภาพที่สำคัญของแอปสำหรับ Google Play

แอปที่เผยแพร่ผ่าน Google Play ต้องไม่แก้ไข แทนที่ หรืออัปเดตตัวเองโดยใช้วิธีการอื่นๆ ที่นอกเหนือจากกลไกการอัปเดตของ Google Play และในทำนองเดียวกัน แอปต้องไม่ดาวน์โหลดโค้ดสั่งการ (เช่น ไฟล์ dex, JAR, .so) จากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่ Google Play ข้อจำกัดนี้ไม่ใช้กับโค้ดที่ทำงานในเครื่องเสมือนหรืออินเตอร์พรีเตอร์ที่ให้สิทธิ์โดยอ้อมในการเข้าถึง Android API (เช่น JavaScript ใน WebView หรือเบราว์เซอร์) 

แอปหรือโค้ดของบุคคลที่สาม (เช่น SDK) ที่ใช้ภาษาที่แปลโดยอินเตอร์พรีเตอร์แล้ว (JavaScript, Python, Lua เป็นต้น) ซึ่งโหลดขณะรันไทม์ (เพราะไม่ได้รวมเป็นแพ็กเกจกับแอป เป็นต้น) ต้องไม่อนุญาตให้มีการละเมิดนโยบายของ Google Play

เราไม่อนุญาตโค้ดที่แนะนำหรือใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ด้านความปลอดภัย อ่านข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรมปรับปรุงความปลอดภัยของแอปเพื่อดูปัญหาด้านความปลอดภัยล่าสุดที่แจ้งไปยังนักพัฒนาแอป

เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • แอปที่บล็อกหรือแทรกแซงแอปอื่นซึ่งแสดงโฆษณา
  • แอปโกงการเล่นเกมที่ส่งผลกระทบต่อการเล่นเกมของแอปอื่นๆ
  • แอปที่สนับสนุนหรือแสดงวิธีการแฮ็กบริการ ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ หรือหลบเลี่ยงการรักษาความปลอดภัย
  • แอปที่เข้าถึงหรือใช้บริการหรือ API ในลักษณะที่ละเมิดข้อกำหนดในการให้บริการ
  • แอปที่ไม่มีสิทธิ์ในการอนุญาตพิเศษและพยายามข้ามการจัดการพลังงานของระบบ
  • แอปที่อำนวยความสะดวกด้านบริการพร็อกซีให้แก่บุคคลที่สามอาจทำเช่นนั้นได้ในแอปก็ต่อเมื่อบริการดังกล่าวเป็นจุดประสงค์หลักของแอปและผู้ใช้เห็นบริการในหน้าแอป
  • แอปหรือโค้ดของบุคคลที่สาม (เช่น SDK) ที่ดาวน์โหลดโค้ดสั่งการ เช่น ไฟล์ dex หรือโค้ดแบบเนทีฟ จากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่ Google Play
  • แอปที่ติดตั้งแอปอื่นๆ ในอุปกรณ์โดยไม่ได้รับคำยินยอมจากผู้ใช้ล่วงหน้า
  • แอปที่อำนวยความสะดวกหรือลิงก์ไปยังการเผยแพร่หรือการติดตั้งซอฟต์แวร์อันตราย
  • แอปหรือโค้ดของบุคคลที่สาม (เช่น SDK) ที่มี WebView ซึ่งเพิ่มอินเทอร์เฟซของ JavaScript ที่โหลดเนื้อหาเว็บที่ไม่น่าเชื่อถือ (เช่น URL ที่ขึ้นต้นด้วย http://) หรือ URL ที่ไม่ได้รับการยืนยันซึ่งได้จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ (เช่น URL ที่ได้มาด้วย Intent ที่ไม่น่าเชื่อถือ)

การใช้บริการที่ทำงานอยู่เบื้องหน้า

สิทธิ์สำหรับบริการที่ทำงานอยู่เบื้องหน้าทำให้การใช้งานบริการที่ทำงานอยู่เบื้องหน้าซึ่งแสดงต่อผู้ใช้มีความเหมาะสม สำหรับแอปที่กำหนดเป้าหมายเป็น Android 14 ขึ้นไป คุณต้องระบุประเภทบริการที่ทำงานอยู่เบื้องหน้าที่ถูกต้องสำหรับแต่ละบริการที่ใช้งานในแอป รวมถึงประกาศสิทธิ์บริการที่ทำงานอยู่เบื้องหน้าที่เหมาะสมกับประเภทดังกล่าวด้วย ตัวอย่างเช่น หากกรณีการใช้งานของแอปต้องใช้ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ คุณต้องประกาศสิทธิ์ FOREGROUND_SERVICE_LOCATION ในไฟล์ Manifest ของแอป

แอปจะได้รับอนุญาตให้ประกาศสิทธิ์บริการที่ทำงานอยู่เบื้องหน้าเฉพาะในการใช้งานต่อไปนี้

  • ให้บริการฟีเจอร์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้และเกี่ยวข้องกับฟังก์ชันหลักของแอป
  • เริ่มต้นโดยผู้ใช้หรือผู้ใช้มองเห็นได้ (เช่น เสียงจากเพลง แคสต์สื่อไปยังอุปกรณ์อื่น การแจ้งเตือนผู้ใช้ที่ชัดเจนและแม่นยำ การส่งคำขอถึงผู้ใช้เพื่ออัปโหลดรูปภาพไปยังระบบคลาวด์)
  • ผู้ใช้ตัดหรือหยุดการทำงานได้
  • หากถูกขัดจังหวะหรือเลื่อนการทำงาน จะก่อให้เกิดประสบการณ์ของผู้ใช้ในเชิงลบหรือทำให้ฟีเจอร์ที่ผู้ใช้คาดหวังทำงานไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ (เช่น การโทรศัพท์ต้องเริ่มทำงานทันทีโดยที่ระบบไม่สามารถเลื่อนการทำงานได้)
  • ทำงานเท่าที่จำเป็นต่อการดำเนินการให้เสร็จสมบูรณ์

กรณีการใช้งานบริการที่ทำงานอยู่เบื้องหน้าต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นจากเกณฑ์ข้างต้น

ดูคำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการที่ทำงานอยู่เบื้องหน้าได้ที่นี่

งานการโอนข้อมูลที่เริ่มต้นโดยผู้ใช้

แอปจะได้รับอนุญาตให้ใช้ API งานการโอนข้อมูลที่เริ่มต้นโดยผู้ใช้เฉพาะในกรณีการใช้งานที่

  • เริ่มต้นโดยผู้ใช้
  • ใช้สำหรับงานการโอนข้อมูลเครือข่าย
  • ทำงานเท่าที่จำเป็นต่อการถ่ายโอนข้อมูลให้เสร็จสมบูรณ์

ดูคำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งาน API การโอนข้อมูลที่เริ่มต้นโดยผู้ใช้ได้ที่นี่

ข้อกำหนดของ Flag Secure

FLAG_SECURE เป็นแฟล็กการแสดงผลที่ประกาศในโค้ดของแอปเพื่อระบุว่า UI ของแอปมีข้อมูลที่ละเอียดอ่อนซึ่งมีไว้สำหรับแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยขณะใช้แอปเท่านั้น แฟล็กนี้ออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลปรากฏในภาพหน้าจอหรือดูได้ในจอแสดงผลที่ไม่ปลอดภัย นักพัฒนาแอปจะประกาศแฟล็กนี้ เมื่อไม่ควรเผยแพร่ ดู หรือส่งเนื้อหาของแอปออกจากตัวแอปหรืออุปกรณ์ของผู้ใช้

เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว แอปทั้งหมดที่เผยแพร่ใน Google Play จะต้องเคารพการประกาศ FLAG_SECURE ของแอปอื่นๆ ซึ่งหมายความว่าแอปต้องไม่อำนวยความสะดวกหรือสร้างวิธีแก้ปัญหาชั่วคราวเพื่อข้ามการตั้งค่า FLAG_SECURE ในแอปอื่นๆ

แอปที่มีคุณสมบัติเป็นเครื่องมือช่วยเหลือพิเศษจะได้รับการยกเว้นจากข้อกำหนดนี้ ตราบใดที่แอปไม่ส่ง บันทึก หรือแคชเนื้อหาที่ได้รับการคุ้มครองโดย FLAG_SECURE สำหรับการเข้าถึงนอกอุปกรณ์ของผู้ใช้

แอปที่เรียกใช้คอนเทนเนอร์ Android ในอุปกรณ์

แอปคอนเทนเนอร์ Android ในอุปกรณ์ให้สภาพแวดล้อมที่จำลองระบบปฏิบัติการ Android ทั้งหมดหรือบางส่วนที่เกี่ยวข้อง ประสบการณ์การใช้งานภายในสภาพแวดล้อมเหล่านี้อาจไม่แสดงถึงฟีเจอร์ความปลอดภัยชุดเต็มของ Android ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้นักพัฒนาแอปสามารถเลือกเพิ่ม Flag ไฟล์ Manifest ของสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยเพื่อสื่อสารกับคอนเทนเนอร์ Android ในอุปกรณ์ว่าต้องไม่มีการปฏิบัติการในสภาพแวดล้อม Android แบบจำลอง

Flag ไฟล์ Manifest ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย

REQUIRE_SECURE_ENV เป็น Flag ที่สามารถประกาศไว้ในไฟล์ Manifest ของแอปเพื่อระบุว่าแอปนี้ต้องไม่ทำงานในแอปคอนเทนเนอร์ Android ในอุปกรณ์ เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว แอปที่ให้บริการคอนเทนเนอร์ Android ในอุปกรณ์ต้องไม่ฝ่าฝืน Flag นี้ของแอปใดก็ตามที่มีการประกาศไว้ และ
  • ตรวจสอบ Flag นี้ในไฟล์ Manifest ของแอปต่างๆ ที่มีจุดประสงค์ที่จะโหลดในคอนเทนเนอร์ Android ในอุปกรณ์ของแอป
  • ไม่โหลดแอปที่ประกาศ Flag นี้ในคอนเทนเนอร์ Android ในอุปกรณ์ของแอป
  • ไม่ทำหน้าที่เป็นพร็อกซีโดยการสกัดกั้นหรือเรียกใช้ API ในอุปกรณ์ เพื่อให้ดูเหมือนว่ามีการติดตั้งไว้ในคอนเทนเนอร์
  • ไม่อำนวยความสะดวกหรือสร้างวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นเพื่อหลีกเลี่ยง Flag (เช่น การโหลดแอปเวอร์ชันเก่าเพื่อหลีกเลี่ยง Flag REQUIRE_SECURE_ENV ของแอปปัจจุบัน)
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายนี้ในศูนย์ช่วยเหลือ

ลักษณะการทำงานที่เป็นการหลอกลวง

เราไม่อนุญาตแอปที่พยายามหลอกลวงผู้ใช้หรือเปิดโอกาสให้พฤติกรรมที่ไม่ซื่อสัตย์ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงแอปที่ได้รับการพิจารณาว่าใช้งานไม่ได้จริง แอปต้องเปิดเผยข้อมูล คำอธิบาย และรูปภาพ/วิดีโอที่ตรงไปตรงมาเกี่ยวกับฟังก์ชันในข้อมูลเมตาทุกส่วน แอปจะต้องไม่พยายามเลียนแบบฟังก์ชันการทำงานหรือคำเตือนจากระบบปฏิบัติการหรือแอปอื่นๆ แอปต้องแจ้งให้ผู้ใช้ทราบและได้รับคำยินยอมในการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าใดๆ ของอุปกรณ์ และผู้ใช้ต้องเปลี่ยนกลับเป็นแบบเดิมได้

การกล่าวอ้างที่ทำให้เข้าใจผิด

เราไม่อนุญาตแอปที่มีข้อมูลหรือคำกล่าวอ้างอันเป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด เช่น คำอธิบาย ชื่อ ไอคอน และภาพหน้าจอ
เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • แอปต่อไปนี้มีการสื่อให้เข้าใจผิดหรือไม่ได้อธิบายฟังก์ชันการทำงานอย่างถูกต้องและชัดเจน
    • แอปที่อ้างในคำอธิบายและภาพหน้าจอว่าเป็นเกมแข่งรถ แต่ที่จริงแล้วเป็นเกมบล็อกปริศนาที่ใช้รูปรถยนต์
    • แอปที่อ้างว่าเป็นแอปป้องกันไวรัสแต่มีเพียงข้อความแนะนำวิธีกำจัดไวรัส
  • แอปที่อ้างว่ามีฟังก์ชันการทำงานซึ่งใช้งานไม่ได้จริง เช่น แอปไล่แมลง แม้จะนำเสนอในรูปแบบของการล้อเล่น ฟังก์ชันปลอม เรื่องตลก ฯลฯ ก็ตาม
  • แอปที่จัดอยู่ในหมวดหมู่ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการจัดประเภทแอปหรือหมวดหมู่แอป
  • เนื้อหาที่เป็นความเท็จหรือหลอกลวงซึ่งพิสูจน์ให้เห็นได้อย่างชัดแจ้งว่าอาจแทรกแซงกระบวนการลงคะแนนเสียง หรือเกี่ยวข้องกับผลการเลือกตั้ง
  • แอปที่แอบอ้างว่าเกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐหรือมีจุดประสงค์เพื่อให้บริการหรือช่วยอำนวยความสะดวกในการให้บริการของรัฐ ซึ่งอันที่จริงไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง
  • แอปที่แอบอ้างด้วยความเท็จว่าเป็นแอปอย่างเป็นทางการของบุคคลที่มีชื่อเสียง ไม่อนุญาตให้ใช้ชื่ออย่าง “จัสติน บีเบอร์ (ทางการ)” หากไม่ได้รับอนุญาตหรือสิทธิ์ที่จำเป็น

(1) แอปนี้มีการกล่าวอ้างทางการแพทย์หรือเกี่ยวกับสุขภาพ (รักษาโรคมะเร็ง) ที่ทำให้เข้าใจผิด
(2) แอปนี้อ้างว่ามีฟังก์ชันการทำงานที่ไม่มีทางทำได้จริงโดย (ใช้โทรศัพท์) เป็นเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์จากลมหายใจ

การเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าอุปกรณ์ที่หลอกลวง

เราไม่อนุญาตแอปที่เปลี่ยนแปลงการตั้งค่าอุปกรณ์ของผู้ใช้หรือฟีเจอร์ที่อยู่นอกแอปโดยที่ผู้ใช้ไม่รับทราบหรือยินยอม การตั้งค่าอุปกรณ์และฟีเจอร์ ได้แก่ การตั้งค่าระบบและเบราว์เซอร์ บุ๊กมาร์ก ทางลัด ไอคอน วิดเจ็ต และการนำเสนอแอปบนหน้าจอหลัก

นอกจากนี้เรายังไม่อนุญาตแอปต่อไปนี้

  • แอปที่แก้ไขการตั้งค่าอุปกรณ์หรือฟีเจอร์โดยได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ แต่ทำไปในลักษณะที่ไม่สามารถเปลี่ยนกลับเป็นแบบเดิมได้ง่ายๆ
  • แอปหรือโฆษณาที่แก้ไขการตั้งค่าอุปกรณ์หรือฟีเจอร์ในแบบบริการให้บุคคลที่สาม หรือเพื่อจุดประสงค์ในการโฆษณา
  • แอปที่หลอกให้ผู้ใช้ปิดใช้หรือนำแอปของบุคคลที่สามออก หรือให้แก้ไขการตั้งค่าอุปกรณ์หรือฟีเจอร์
  • แอปที่สนับสนุนหรือจูงใจให้ผู้ใช้ปิดใช้หรือนำแอปของบุคคลที่สามออก หรือให้แก้ไขการตั้งค่าอุปกรณ์หรือฟีเจอร์ เว้นแต่ว่าแอปดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของบริการด้านความปลอดภัยที่ยืนยันได้

การเปิดโอกาสให้พฤติกรรมที่ไม่ซื่อสัตย์

เราไม่อนุญาตแอปที่ช่วยให้ผู้ใช้ทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดหรือมีฟังก์ชันที่เป็นการหลอกลวง ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงแอปที่สร้างหรืออำนวยความสะดวกในการสร้างบัตรประจำตัว หมายเลขประกันสังคม หนังสือเดินทาง ประกาศนียบัตร บัตรเครดิต บัญชีธนาคาร และใบขับขี่ แอปต้องเปิดเผยข้อมูล ชื่อ คำอธิบาย และรูปภาพ/วิดีโอที่ตรงไปตรงมาเกี่ยวกับฟังก์ชันและ/หรือเนื้อหาของแอป และต้องทำงานได้ตามความคาดหวังของผู้ใช้อย่างถูกต้องและสมเหตุสมผล

ทรัพยากรเพิ่มเติมของแอป (เช่น เนื้อหาเกม) จะดาวน์โหลดได้เมื่อจำเป็นต่อการใช้แอปของผู้ใช้เท่านั้น ทรัพยากรที่ดาวน์โหลดต้องเป็นไปตามนโยบายทั้งหมดของ Google Play และก่อนเริ่มดาวน์โหลด แอปควรจะแสดงข้อความแจ้งให้ผู้ใช้ทราบ ตลอดจนเปิดเผยขนาดการดาวน์โหลดอย่างชัดเจน

การอ้างว่าแอปเป็น "การแกล้งกัน" "เพื่อความบันเทิง" (หรืออื่นๆ ในความหมายเดียวกัน) ไม่ถือเป็นการยกเว้นการบังคับใช้นโยบาย

เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • แอปที่เลียนแบบแอปหรือเว็บไซต์อื่นๆ เพื่อลวงผู้ใช้ให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์
  • แอปที่อธิบายหรือแสดงหมายเลขโทรศัพท์ รายชื่อติดต่อ ที่อยู่ หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุตัวตนได้ของบุคคลหรือนิติบุคคลที่ไม่ได้ให้คำยินยอม ไม่ว่าข้อมูลดังกล่าวจะเป็นข้อมูลจริงหรือยังไม่ได้รับการยืนยันก็ตาม
  • แอปที่มีฟังก์ชันการทำงานหลักที่แตกต่างกันตามสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของผู้ใช้ พารามิเตอร์อุปกรณ์ หรือข้อมูลอื่นๆ ที่ขึ้นอยู่กับผู้ใช้โดยไม่ได้โฆษณาความแตกต่างดังกล่าวไว้ให้ผู้ใช้เห็นอย่างเด่นชัดในข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store
  • แอปที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากระหว่างเวอร์ชันต่างๆ โดยไม่แจ้งเตือนผู้ใช้ (เช่น ส่วน "มีอะไรใหม่") และการอัปเดตข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store
  • แอปที่พยายามแก้ไขหรือสร้างลักษณะการทำงานที่สับสนระหว่างการตรวจสอบ
  • แอปที่ดาวน์โหลดด้วยเครือข่ายนำส่งข้อมูล (CDN) ซึ่งไม่แสดงข้อความแจ้งให้ผู้ใช้ทราบและไม่เปิดเผยขนาดการดาวน์โหลดก่อนที่จะดาวน์โหลด

สื่อที่มีการแก้ไข

เราไม่อนุญาตแอปที่โปรโมตหรือช่วยสร้างข้อมูล รวมถึงคำกล่าวอ้างที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด ซึ่งสื่อสารผ่านภาพ วิดีโอ และ/หรือข้อความ เราไม่อนุญาตแอปที่ตั้งใจโปรโมตหรือสาธิตภาพ วิดีโอ และ/หรือข้อความที่ทำให้เข้าใจผิดหรือหลอกลวง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่มีความละเอียดอ่อน การเมือง ปัญหาสังคม หรือเรื่องอื่นๆ ที่เป็นข้อกังวลของสาธารณชน

แอปที่แก้ไขหรือดัดแปลงสื่อเกินการปรับเปลี่ยนความชัดเจนหรือคุณภาพที่ยอมรับได้ทั่วไปและในด้านบรรณาธิการต้องเปิดเผยหรือใส่ลายน้ำลงในสื่อที่ดัดแปลงนั้นอย่างเด่นชัดในกรณีที่ประชาชนทั่วไปอาจรับรู้ได้ไม่ชัดเจนว่ามีการดัดแปลงสื่อ สาธารณประโยชน์หรือการเสียดสีหรือการล้อเลียนที่เห็นได้ชัดเจนอาจได้รับการยกเว้น

เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • แอปที่ใส่บุคคลสาธารณะลงในการสาธิตขณะเกิดเหตุการณ์ที่มีความละเอียดอ่อนทางการเมือง
  • แอปที่ใช้บุคคลสาธารณะหรือสื่อจากเหตุการณ์ที่มีความละเอียดอ่อนเพื่อโฆษณาความสามารถในการดัดแปลงสื่อภายในข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store ของแอป
  • แอปที่ดัดแปลงคลิปสื่อเพื่อเลียนแบบการออกอากาศข่าว

    (1) แอปนี้มีฟังก์ชันในการดัดแปลงคลิปสื่อเพื่อเลียนแบบการออกอากาศข่าว และเพิ่มบุคคลที่มีชื่อเสียงหรือบุคคลสาธารณะในคลิปโดยไม่ใส่ลายน้ำ

ความโปร่งใสของลักษณะการทำงาน

คุณควรแจ้งฟังก์ชันของแอปให้ผู้ใช้ทราบอย่างชัดเจนตามสมควร อย่าใส่ฟีเจอร์ที่แอบแฝง ไม่มีความเคลื่อนไหว หรือไม่มีข้อมูลระบุไว้ลงในแอป และเราไม่อนุญาตให้ใช้เทคนิคใดๆ ทั้งสิ้นเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบแอป นอกจากนี้เราอาจกำหนดให้แอประบุรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อรับรองความปลอดภัยของผู้ใช้ ความสมบูรณ์ของระบบ และการปฏิบัติตามนโยบายด้วย

การสื่อให้เข้าใจผิด

เราไม่อนุญาตแอปหรือบัญชีนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่

  • แอบอ้างเป็นบุคคลหรือองค์กรใดๆ ตลอดจนสื่อให้เข้าใจผิดหรือปิดบังการเป็นเจ้าของหรือวัตถุประสงค์หลักของแอป 
  • มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ร่วมมือกันทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิด ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงแอปหรือบัญชีนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่สื่อให้เข้าใจผิดหรือปิดบังประเทศแหล่งกำเนิดของตน และมุ่งเน้นเนื้อหาไปที่ผู้ใช้ในประเทศอื่น
  • ร่วมมือกับแอป เว็บไซต์ นักพัฒนาซอฟต์แวร์ หรือบัญชีอื่นๆ เพื่อปิดบังหรือสื่อให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวตนของนักพัฒนาซอฟต์แวร์หรือแอป ตลอดจนรายละเอียดด้านเนื้อหาอื่นๆ เมื่อเนื้อหาของแอปเกี่ยวข้องกับการเมือง ประเด็นทางสังคม หรือเรื่องที่สาธารณชนให้ความสนใจ

นโยบายระดับ API เป้าหมายของ Google Play

เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ปลอดภัยแก่ผู้ใช้ Google Play กำหนดให้แอปทั้งหมดต้องมีระดับ API เป้าหมายดังต่อไปนี้

แอปใหม่และอัปเดตแอปต้องกำหนดเป้าหมายระดับ API ของ Android ภายใน 1 ปีนับจากการเปิดตัว Android เวอร์ชันหลักล่าสุด แอปใหม่และอัปเดตแอปที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดนี้จะไม่สามารถส่งแอปใน Play Console

แอปที่มีอยู่แล้วใน Google Play ที่ไม่ได้อัปเดตและไม่ได้กำหนดเป้าหมายระดับ API ภายใน 2 ปีนับจากการเปิดตัว Android เวอร์ชันหลักล่าสุดจะไม่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ใหม่ซึ่งมีอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันใหม่ๆ ผู้ใช้ที่ติดตั้งแอปจาก Google Play ไว้ก่อนหน้านี้จะยังคงค้นพบ ติดตั้งใหม่ และใช้แอปได้ในระบบปฏิบัติการ Android ทุกเวอร์ชันที่แอปรองรับ

หากต้องการคำแนะนำทางเทคนิคเกี่ยวกับวิธีทำตามข้อกำหนดของระดับ API เป้าหมาย โปรดดูคำแนะนำในการย้ายข้อมูล 

โปรดดูลำดับเวลาที่แน่นอนและข้อยกเว้นที่บทความนี้ในศูนย์ช่วยเหลือ

ข้อกำหนดของ SDK

นักพัฒนาแอปมักจะใช้โค้ดของบุคคลที่สาม (เช่น SDK) เพื่อผสานรวมฟังก์ชันและบริการหลักสำหรับแอปของตน เมื่อใส่ SDK ในแอปแล้ว คุณต้องตรวจสอบว่าสามารถดูแลให้ความปลอดภัยแก่ผู้ใช้และปกป้องแอปจากช่องโหว่ใดๆ ได้ ในส่วนนี้ เราจะอธิบายถึงวิธีที่มีการนำข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่มีอยู่บางส่วนของเราไปใช้ในบริบทของ SDK และข้อกำหนดดังกล่าวได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักพัฒนาแอปผสานรวม SDK เข้ากับแอปของตนเองอย่างปลอดภัยได้อย่างไร

หากใส่ SDK ในแอป คุณจะต้องตรวจสอบว่าโค้ดและแนวทางปฏิบัติของบุคคลที่สามไม่ได้ทำให้แอปละเมิดนโยบายโปรแกรมสำหรับนักพัฒนาแอป Google Play สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่า SDK ในแอปของคุณจัดการข้อมูลผู้ใช้อย่างไร รวมถึงต้องแน่ใจว่าคุณทราบว่า SDK ใช้สิทธิ์ใด รวบรวมข้อมูลไหนบ้าง และเหตุผลที่รวบรวม  โปรดทราบว่าการรวบรวมและการจัดการข้อมูลผู้ใช้ของ SDK จะต้องสอดคล้องกับนโยบายของแอปในการใช้ข้อมูลดังกล่าว

อ่านและทำความเข้าใจนโยบายต่อไปนี้อย่างละเอียดครบถ้วน รวมถึงดูบางส่วนของข้อกำหนดที่มีอยู่ซึ่งเกี่ยวข้องกับ SDK ที่ด้านล่างเพื่อช่วยให้มั่นใจว่าการใช้ SDK ของคุณจะไม่ละเมิดข้อกำหนดของนโยบาย

นโยบายข้อมูลผู้ใช้

คุณต้องเปิดเผยวิธีจัดการข้อมูลผู้ใช้ด้วยความโปร่งใส (เช่น ข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากผู้ใช้หรือเกี่ยวกับผู้ใช้ รวมถึงข้อมูลอุปกรณ์) ซึ่งหมายถึงการเปิดเผยข้อมูลการเข้าถึง การเก็บรวบรวม การใช้งาน การจัดการ และการแชร์ข้อมูลผู้ใช้จากแอป ตลอดจนการจำกัดการใช้ข้อมูลตามวัตถุประสงค์ที่เป็นไปตามนโยบายซึ่งมีการเปิดเผยข้อมูลไว้

หากใส่โค้ดของบุคคลที่สาม (เช่น SDK) ในแอป คุณต้องตรวจสอบว่าโค้ดที่ใช้และแนวทางปฏิบัติของบุคคลที่สามเกี่ยวกับข้อมูลผู้ใช้จากแอปเป็นไปตามนโยบายโปรแกรมสำหรับนักพัฒนาแอป Google Play ซึ่งรวมถึงข้อกำหนดในการใช้งานและการเปิดเผยข้อมูล เช่น คุณต้องตรวจสอบว่าผู้ให้บริการ SDK ไม่ได้ขายข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้จากแอปของคุณ ข้อกำหนดนี้จะมีผลไม่ว่าจะมีการโอนข้อมูลผู้ใช้หลังจากที่ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ หรือผ่านการฝังโค้ดของบุคคลที่สามในแอปหรือไม่

ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้

  • จำกัดการเข้าถึง การเก็บรวบรวม การใช้งาน และการแชร์ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้ซึ่งได้รับมาผ่านทางแอปให้เป็นไปตามฟังก์ชันการทำงานของแอปและบริการ ตลอดจนวัตถุประสงค์ที่เป็นไปตามนโยบายซึ่งผู้ใช้คาดหวังไว้อย่างสมเหตุสมผล
    • แอปที่ขยายการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้มาใช้กับการแสดงโฆษณาจะต้องเป็นไปตามนโยบายโฆษณาของ Google Play
  • จัดการข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนทั้งหมดของผู้ใช้อย่างปลอดภัย รวมถึงการส่งข้อมูลโดยใช้วิทยาการเข้ารหัสที่ทันสมัย (เช่น ผ่าน HTTPS)
  • ใช้คำขอสิทธิ์รันไทม์ทุกครั้งที่มี ก่อนเข้าถึงข้อมูลที่ปิดกั้นด้วยสิทธิ์สำหรับ Android

การขายข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้

ไม่ขายข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้

  • "การขาย" หมายถึงการแลกเปลี่ยนหรือการโอนข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้ให้กับบุคคลที่สามเพื่อแลกกับสิ่งตอบแทนที่เป็นเงิน
    • การโอนข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้ซึ่งผู้ใช้เป็นผู้เริ่มดำเนินการ (เช่น เมื่อผู้ใช้กำลังใช้ฟีเจอร์ของแอปเพื่อโอนไฟล์ไปยังบุคคลที่สาม หรือเมื่อผู้ใช้เลือกที่จะใช้แอปที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาวิจัย) จะไม่ถือว่าเป็นการขาย

ข้อกำหนดด้านการเปิดเผยข้อมูลและการขอความยินยอมอย่างชัดเจน

ในกรณีที่การเข้าถึง การเก็บรวบรวม การใช้งาน และการแชร์ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้โดยแอปของคุณอาจอยู่นอกเหนือจากความคาดหวังที่สมเหตุสมผลของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์หรือฟีเจอร์ที่เป็นประเด็น คุณต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการเปิดเผยข้อมูลและการขอความยินยอมอย่างชัดเจนของนโยบายข้อมูลผู้ใช้

หากแอปผสานรวมโค้ดของบุคคลที่สาม (เช่น SDK) ที่ออกแบบมาเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้โดยค่าเริ่มต้น คุณต้องให้หลักฐานที่เพียงพอซึ่งแสดงให้เห็นว่าแอปเป็นไปตามข้อกำหนดด้านการเปิดเผยข้อมูลและการขอความยินยอมอย่างชัดเจนของนโยบายนี้ภายใน 2 สัปดาห์ที่ได้รับคำขอจาก Google Play (หรือภายในระยะเวลาที่นานกว่านี้ตามคำขอของ Google Play) ซึ่งรวมถึงในกรณีของการเข้าถึง การเก็บรวบรวม การใช้งาน หรือการแชร์ข้อมูลผ่านโค้ดของบุคคลที่สาม

โปรดตรวจสอบว่าการใช้โค้ดของบุคคลที่สาม (เช่น SDK) ไม่ได้ทำให้แอปของคุณละเมิดนโยบายข้อมูลผู้ใช้

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกำหนดด้านการเปิดเผยข้อมูลและการขอความยินยอมอย่างชัดเจนได้ที่บทความนี้ในศูนย์ช่วยเหลือ

ตัวอย่างการละเมิดที่เกิดจาก SDK

  • แอปที่มี SDK ซึ่งเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้ แต่ไม่ปฏิบัติต่อข้อมูลนี้ตามนโยบายข้อมูลผู้ใช้ ข้อกำหนดด้านการเข้าถึง การจัดการข้อมูล (รวมถึงการขายที่ไม่อนุญาต) และข้อกำหนดด้านการเปิดเผยข้อมูลและการขอความยินยอมอย่างชัดเจน
  • แอปที่ผสานรวม SDK ซึ่งเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้โดยค่าเริ่มต้นเป็นการละเมิดข้อกำหนดของนโยบายนี้เกี่ยวกับความยินยอมและการเปิดเผยข้อมูลอย่างชัดเจนของผู้ใช้ 
  • แอปที่มี SDK ซึ่งอ้างว่าเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้เพื่อมอบฟังก์ชันป้องกันการฉ้อโกงและป้องกันการละเมิดให้กับแอปเท่านั้น แต่ SDK ยังแชร์ข้อมูลที่รวบรวมกับบุคคลที่สามเพื่อการโฆษณาหรือการวิเคราะห์ 
  • แอปใส่ SDK ที่ส่งข้อมูลแพ็กเกจที่ติดตั้งไว้ของผู้ใช้โดยไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ด้านการเปิดเผยข้อมูลอย่างชัดเจนและ/หรือหลักเกณฑ์ด้านนโยบายความเป็นส่วนตัว 

ข้อกำหนดเพิ่มเติมสำหรับการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อน

ตารางด้านล่างจะอธิบายถึงข้อกำหนดสำหรับกิจกรรมเฉพาะ

กิจกรรม  ข้อกำหนด
แอปของคุณรวบรวมหรือลิงก์ตัวระบุอุปกรณ์ถาวร (เช่น IMEI, IMSI, หมายเลขซีเรียลของซิม ฯลฯ)

ตัวระบุอุปกรณ์ถาวรต้องไม่ลิงก์กับข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอื่นๆ ของผู้ใช้ หรือตัวระบุอุปกรณ์ที่รีเซ็ตได้ ยกเว้นกรณีที่มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

  • ระบบโทรศัพท์ที่ลิงก์กับข้อมูลประจำตัวของซิม (เช่น การโทรผ่าน Wi-Fi ที่ลิงก์กับบัญชีผู้ให้บริการ) และ
  • แอปการจัดการอุปกรณ์สำหรับองค์กรที่ใช้โหมดเจ้าของอุปกรณ์

การใช้งานเหล่านี้จะต้องเปิดเผยอย่างชัดเจนต่อผู้ใช้ดังที่ระบุไว้ในนโยบายข้อมูลผู้ใช้

โปรดดูตัวระบุที่ไม่ซ้ำซึ่งเป็นทางเลือกจากแหล่งข้อมูลนี้

โปรดอ่านหลักเกณฑ์เพิ่มเติมสำหรับรหัสโฆษณา Android ในนโยบายโฆษณา
แอปของคุณมีเด็กเป็นกลุ่มเป้าหมาย แอปจะมีได้เฉพาะ SDK ที่ผ่านการรับรองตนเอง สำหรับใช้ในบริการที่มีเด็กเป็นกลุ่มเป้าหมาย ดูภาษาและข้อกำหนดทั้งหมดของนโยบายได้ในโปรแกรม SDK โฆษณาสำหรับครอบครัวที่ผ่านการรับรองด้วยตนเอง 

 

ตัวอย่างการละเมิดที่เกิดจาก SDK

  • แอปที่ใช้ SDK ซึ่งลิงก์รหัส Android กับตำแหน่ง 
  • แอปที่มี SDK ซึ่งเชื่อมต่อ AAID กับตัวระบุอุปกรณ์ถาวรเพื่อวัตถุประสงค์ในการโฆษณาหรือการวิเคราะห์ 
  • แอปที่ใช้ SDK ซึ่งเชื่อมต่อ AAID และอีเมลเพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์

ส่วนความปลอดภัยของข้อมูล

นักพัฒนาแอปทุกรายต้องกรอกรายละเอียดในส่วนความปลอดภัยของข้อมูลให้ถูกต้องและชัดเจนสำหรับทุกแอป โดยต้องให้รายละเอียดเกี่ยวกับการรวบรวม การใช้งาน และการแชร์ข้อมูลผู้ใช้ ซึ่งรวมถึงข้อมูลที่รวบรวมและจัดการผ่านไลบรารีหรือ SDK ของบุคคลที่สามที่ใช้ในแอปด้วย นักพัฒนาแอปมีหน้าที่รับผิดชอบต่อความถูกต้องของป้ายกำกับและการอัปเดตข้อมูลนี้ให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ ข้อมูลในส่วนดังกล่าวต้องสอดคล้องกับการเปิดเผยที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวของแอป (หากเกี่ยวข้อง)

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกรอกข้อมูลในส่วนความปลอดภัยของข้อมูลได้ที่บทความนี้ในศูนย์ช่วยเหลือ

ดูนโยบายข้อมูลผู้ใช้ฉบับเต็ม

สิทธิ์และ API ที่เข้าถึงนโยบายข้อมูลที่ละเอียดอ่อน

คำขอสิทธิ์และ API ที่เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนควรฟังดูสมเหตุสมผลสำหรับผู้ใช้ คุณขอได้เฉพาะสิทธิ์และ API ที่เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ซึ่งจำเป็นต่อการใช้งานฟีเจอร์หรือบริการปัจจุบันในแอปที่มีการโปรโมตในข้อมูลผลิตภัณฑ์บน Google Play คุณต้องไม่ใช้สิทธิ์หรือ API ที่เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ซึ่งให้การเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้หรืออุปกรณ์ เพื่อฟีเจอร์หรือวัตถุประสงค์ที่ไม่ได้เปิดเผย ไม่ได้ใช้งาน หรือไม่ได้รับอนุญาต และห้ามมิให้ขายข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลที่ละเอียดอ่อนซึ่งเข้าถึงผ่านสิทธิ์หรือ API ที่เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อน หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวเพื่ออำนวยความสะดวกต่อการขาย

ดูสิทธิ์และ API ทั้งหมดที่เข้าถึงนโยบายข้อมูลที่ละเอียดอ่อน

ตัวอย่างการละเมิดที่เกิดจาก SDK

  • แอปของคุณมี SDK ซึ่งขอตำแหน่งในเบื้องหลังเพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ได้เปิดเผย 
  • แอปของคุณมี SDK ซึ่งส่ง IMEI ที่ได้มาจากสิทธิ์ read_phone_state ของ Android โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้

นโยบายมัลแวร์

นโยบายมัลแวร์ของเราไม่มีอะไรซับซ้อน ซึ่งก็คือระบบนิเวศของ Android ซึ่งรวมถึง Google Play Store และอุปกรณ์ของผู้ใช้จะต้องไม่มีพฤติกรรมที่เป็นอันตราย (เช่น มัลแวร์) เราพยายามที่จะมอบระบบนิเวศของ Android ที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้และอุปกรณ์ Android ของผู้ใช้ บนหลักการพื้นฐานนี้

มัลแวร์คือโค้ดที่อาจทำให้ผู้ใช้ ข้อมูลของผู้ใช้ หรืออุปกรณ์มีความเสี่ยง มัลแวร์รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงแอปที่อาจเป็นอันตราย ไบนารี หรือการแก้ไขเฟรมเวิร์ก ซึ่งประกอบไปด้วยหมวดหมู่ต่างๆ เช่น โทรจัน ฟิชชิง และแอปสปายแวร์ และเราทำการอัปเดตและเพิ่มหมวดหมู่ใหม่อยู่เรื่อยๆ

ดูนโยบายมัลแวร์ฉบับเต็ม

ตัวอย่างการละเมิดที่เกิดจาก SDK

  • แอปที่ละเมิดโมเดลสิทธิ์ของ Android หรือขโมยข้อมูลเข้าสู่ระบบ (เช่น โทเค็น OAuth) จากแอปอื่นๆ
  • แอปที่ละเมิดการใช้ฟีเจอร์เพื่อป้องกันไม่ให้มีการถอนการติดตั้งหรือหยุดการทำงานของแอป
  • แอปที่ปิดใช้ SELinux
  • แอปของคุณมี SDK ที่ละเมิดโมเดลสิทธิ์ของ Android โดยได้รับสิทธิ์ในระดับสูงขึ้นผ่านการเข้าถึงข้อมูลอุปกรณ์เพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่ได้เปิดเผย
  • แอปของคุณมี SDK ซึ่งมีโค้ดหลอกให้ผู้ใช้สมัครใช้บริการหรือซื้อเนื้อหาผ่านการเรียกเก็บเงินของโทรศัพท์มือถือ

แอปโจมตีเพื่อยกระดับสิทธิ์ที่รูทอุปกรณ์โดยไม่มีการให้สิทธิ์จากผู้ใช้จัดว่าเป็นแอปการรูท

นโยบายซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่

พฤติกรรมที่โปร่งใสและการเปิดเผยที่ชัดเจน

โค้ดทั้งหมดควรให้ผลลัพธ์ตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับผู้ใช้ แอปควรมีฟังก์ชันที่แจ้งผู้ใช้ไว้ครบทั้งหมด แอปไม่ควรทำให้ผู้ใช้สับสน 

ตัวอย่างการละเมิด

  • การฉ้อโกงผ่านโฆษณา
  • วิศวกรรมสังคม

ปกป้องข้อมูลผู้ใช้

มีความชัดเจนและโปร่งใสเกี่ยวกับการเข้าถึง การใช้งาน การเก็บรวบรวม และการแชร์ข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้ การใช้ข้อมูลผู้ใช้ต้องเป็นไปตามนโยบายข้อมูลผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและมีผลบังคับใช้ และใช้ความระมัดระวังทุกประการเพื่อปกป้องข้อมูลดังกล่าว

ตัวอย่างการละเมิด

  • การเก็บรวบรวมข้อมูล (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสปายแวร์)
  • การใช้สิทธิ์ในทางที่ผิดที่ถูกจำกัด

ดูนโยบายซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ฉบับเต็ม

นโยบายการใช้อุปกรณ์และเครือข่ายในทางที่ผิด

เราไม่อนุญาตแอปที่แทรกแซง ก่อกวน สร้างความเสียหาย หรือเข้าถึงอุปกรณ์ของผู้ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงอุปกรณ์หรือคอมพิวเตอร์อื่นๆ, เซิร์ฟเวอร์, เครือข่าย, Application Programming Interface (API) หรือบริการต่างๆ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงแอปอื่นๆ ในอุปกรณ์นั้น, บริการใดๆ ของ Google หรือเครือข่ายของผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาต

แอปหรือโค้ดของบุคคลที่สาม (เช่น SDK) ที่ใช้ภาษาที่แปลโดยอินเตอร์พรีเตอร์ (JavaScript, Python, Lua เป็นต้น) ซึ่งโหลดขณะรันไทม์ (เพราะไม่ได้รวมเป็นแพ็กเกจกับแอป เป็นต้น) ต้องไม่อนุญาตให้มีการละเมิดนโยบายของ Google Play

เราไม่อนุญาตโค้ดที่แนะนำหรือใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ด้านความปลอดภัย อ่านข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรมปรับปรุงความปลอดภัยของแอปเพื่อดูปัญหาด้านความปลอดภัยล่าสุดที่แจ้งไปยังนักพัฒนาแอป

ดูนโยบายการใช้อุปกรณ์และเครือข่ายในทางที่ผิดฉบับเต็ม

ตัวอย่างการละเมิดที่เกิดจาก SDK

  • แอปที่อำนวยความสะดวกด้านบริการพร็อกซีให้แก่บุคคลที่สามอาจทำเช่นนั้นได้ในแอปก็ต่อเมื่อบริการดังกล่าวเป็นจุดประสงค์หลักของแอปที่แสดงต่อผู้ใช้ในแอป
  • แอปของคุณมี SDK ที่ดาวน์โหลดโค้ดสั่งการ เช่น ไฟล์ dex หรือโค้ดแบบเนทีฟ จากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่ Google Play
  • แอปของคุณมี SDK ที่มี WebView ซึ่งเพิ่มอินเทอร์เฟซของ JavaScript ที่โหลดเนื้อหาเว็บที่ไม่น่าเชื่อถือ (เช่น URL ที่ขึ้นต้นด้วย http://) หรือ URL ที่ไม่ได้รับการยืนยันซึ่งได้จากแหล่งที่มาซึ่งไม่น่าเชื่อถือ (เช่น URL ที่ได้มาด้วย Intent ที่ไม่น่าเชื่อถือ)
  • แอปของคุณมี SDK ที่มีโค้ดซึ่งใช้สำหรับอัปเดต APK ของตัวเอง
  • แอปของคุณมี SDK ที่ทำให้ผู้ใช้มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยโดยการดาวน์โหลดไฟล์ผ่านการเชื่อมต่อที่ไม่ปลอดภัย
  • แอปของคุณใช้ SDK ซึ่งมีโค้ดสำหรับดาวน์โหลดหรือติดตั้งแอปพลิเคชันจากแหล่งที่มาที่ไม่รู้จักจากภายนอก Google Play

นโยบายพฤติกรรมที่เป็นการหลอกลวง

เราไม่อนุญาตแอปที่พยายามหลอกลวงผู้ใช้หรือเปิดโอกาสให้กระทำการฉ้อฉลหลอกลวง ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงแอปที่ได้รับการพิจารณาว่าใช้งานไม่ได้จริง แอปต้องเปิดเผยข้อมูล คำอธิบาย และรูปภาพ/วิดีโอที่ตรงไปตรงมาเกี่ยวกับฟังก์ชันในข้อมูลเมตาทุกส่วน แอปจะต้องไม่พยายามเลียนแบบฟังก์ชันการทำงานหรือคำเตือนจากระบบปฏิบัติการหรือแอปอื่นๆ แอปต้องแจ้งให้ผู้ใช้ทราบและได้รับความยินยอมในการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าใดๆ ของอุปกรณ์ และผู้ใช้ต้องเปลี่ยนกลับเป็นแบบเดิมได้

ดูนโยบายพฤติกรรมที่เป็นการหลอกลวงฉบับเต็ม

ความโปร่งใสของลักษณะการทำงาน

คุณควรแจ้งฟังก์ชันของแอปให้ผู้ใช้ทราบอย่างชัดเจนตามสมควร อย่าใส่ฟีเจอร์ที่แอบแฝง ไม่มีความเคลื่อนไหว หรือไม่ได้ระบุข้อมูลไว้ลงในแอป และเราไม่อนุญาตให้ใช้เทคนิคใดๆ ทั้งสิ้นเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบแอป อย่างไรก็ตาม เราอาจกำหนดให้แอประบุรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อรับรองความปลอดภัยของผู้ใช้ ความสมบูรณ์ของระบบ และการปฏิบัติตามนโยบาย

ตัวอย่างการละเมิดที่เกิดจาก SDK

  • แอปของคุณมี SDK ที่ใช้เทคนิคเพื่อหลบเลี่ยงการรีวิวแอป

นโยบายสำหรับนักพัฒนาแอป Google Play นโยบายใดที่มักเกี่ยวข้องกับการละเมิดที่เกิดจาก SDK

โปรดอ่านนโยบายต่อไปนี้อย่างละเอียดครบถ้วนเพื่อช่วยให้คุณตรวจดูว่าโค้ดของบุคคลที่สามซึ่งแอปของคุณใช้อยู่นั้นเป็นไปตามนโยบายโปรแกรมสำหรับนักพัฒนาแอปของ Google Play

แม้ว่าปัญหาที่เป็นประเด็นมักจะเกี่ยวข้องกับนโยบายเหล่านี้ แต่สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงคือโค้ด SDK ที่ไม่ดีอาจทำให้แอปของคุณละเมิดนโยบายอื่นที่ไม่ได้กล่าวถึงข้างต้นก็ได้ โปรดอ่านและติดตามข้อมูลล่าสุดของทุกนโยบายอย่างละเอียดครบถ้วนอยู่เสมอ เนื่องจากนักพัฒนาแอปมีหน้าที่รับผิดชอบที่จะต้องทำให้ SDK ของตัวเองจัดการข้อมูลแอปในลักษณะที่สอดคล้องกับนโยบาย

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ศูนย์ช่วยเหลือ


มัลแวร์

นโยบายมัลแวร์ของเราไม่มีอะไรซับซ้อน นั่นก็คือระบบนิเวศของ Android ซึ่งรวมถึง Google Play Store และอุปกรณ์ของผู้ใช้จะต้องไม่มีพฤติกรรมที่เป็นอันตราย (เช่น มัลแวร์) เราพยายามที่จะให้บริการระบบนิเวศของ Android ที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้และอุปกรณ์ Android ของผู้ใช้โดยใช้หลักการพื้นฐานนี้

มัลแวร์คือโค้ดที่อาจทำให้ผู้ใช้ ข้อมูลของผู้ใช้ หรืออุปกรณ์มีความเสี่ยง มัลแวร์รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะแอปที่อาจเป็นอันตราย ไบนารี หรือการแก้ไขเฟรมเวิร์ก โดยประกอบไปด้วยหมวดหมู่ต่างๆ เช่น โทรจัน ฟิชชิง และแอปสปายแวร์ ทั้งนี้ เรายังคงมีการอัปเดตและเพิ่มหมวดหมู่ใหม่อยู่เรื่อยๆ

แม้ว่ามัลแวร์จะมีหลายประเภทและมีการทำงานที่ต่างกัน แต่โดยทั่วไปแล้วมักมีวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้

  • ทำให้เกิดช่องโหว่ในความสมบูรณ์ของอุปกรณ์ของผู้ใช้
  • เข้าควบคุมอุปกรณ์ของผู้ใช้
  • เปิดใช้การดำเนินการที่ควบคุมจากระยะไกลเพื่อให้ผู้โจมตีเข้าถึง ใช้ หรือแสวงหาประโยชน์จากอุปกรณ์ที่ถูกโจมตี
  • ส่งข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลเข้าสู่ระบบออกจากอุปกรณ์โดยไม่มีการเปิดเผยและไม่ได้รับคำยินยอมที่เพียงพอ
  • เผยแพร่สแปมหรือคำสั่งจากอุปกรณ์ที่ถูกโจมตีเพื่อสร้างความเสียหายต่ออุปกรณ์หรือเครือข่ายอื่นๆ
  • หลอกลวงผู้ใช้

แอป ไบนารี หรือการแก้ไขเฟรมเวิร์กอาจเป็นอันตราย จึงอาจถูกนำไปใช้ในลักษณะที่ประสงค์ร้าย แม้ไม่ได้เจตนาสร้างขึ้นมาให้เป็นอันตราย ซึ่งเป็นเพราะแอป ไบนารี หรือการแก้ไขเฟรมเวิร์กอาจทำงานแปลกไปโดยขึ้นอยู่กับตัวแปรต่างๆ ดังนั้น สิ่งที่เป็นอันตรายต่ออุปกรณ์ Android เครื่องหนึ่งอาจไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่ออุปกรณ์ Android อีกเครื่องเลย ตัวอย่างเช่น อุปกรณ์ที่ใช้ Android เวอร์ชันล่าสุดไม่ได้รับผลกระทบจากแอปที่เป็นอันตรายซึ่งใช้ API ที่เลิกใช้งานไปแล้วเพื่อทำพฤติกรรมที่เป็นอันตราย แต่อุปกรณ์ที่ยังใช้ Android เวอร์ชันเก่ามากๆ อยู่อาจมีความเสี่ยง แอป ไบนารี หรือการแก้ไขเฟรมเวิร์กจะได้รับการแจ้งว่าเป็นมัลแวร์หรือแอปที่อาจเป็นอันตรายหากก่อให้เกิดความเสี่ยงต่ออุปกรณ์และผู้ใช้ Android บางส่วนหรือทั้งหมดอย่างชัดเจน

หมวดหมู่มัลแวร์ด้านล่างสะท้อนให้เห็นความเชื่อพื้นฐานของเราที่ว่าผู้ใช้ควรทราบว่ามีการใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์ของตนอย่างไร ตลอดจนส่งเสริมระบบนิเวศที่ปลอดภัยซึ่งช่วยให้เกิดเป็นนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพและประสบการณ์ของผู้ใช้ที่เชื่อถือได้

ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ Google Play Protect

ประตูหลัง

โค้ดที่ทำให้มีการดำเนินการไม่พึงประสงค์และอาจเป็นอันตรายที่ควบคุมจากระยะไกลได้ในอุปกรณ์

การดำเนินการเหล่านี้อาจรวมถึงพฤติกรรมที่อาจทำให้แอป ไบนารี หรือการแก้ไขเฟรมเวิร์กเข้าข่ายหมวดหมู่มัลแวร์อื่นๆ หากดำเนินการโดยอัตโนมัติ โดยทั่วไป "ประตูหลัง" เป็นคำที่ใช้อธิบายวิธีที่การดำเนินการที่อาจเป็นอันตรายอาจเกิดขึ้นในอุปกรณ์ จึงไม่สอดคล้องกับหมวดหมู่อย่างการหลอกเรียกเก็บเงินหรือสปายแวร์เชิงพาณิชย์เสียทีเดียว ด้วยเหตุนี้ ในบางสถานการณ์ Google Play Protect จึงถือว่าประตูหลังบางกรณีจัดเป็นช่องโหว่

การฉ้อโกงผ่านการเรียกเก็บเงิน

โค้ดที่ตั้งใจหลอกเรียกเก็บเงินผู้ใช้โดยอัตโนมัติ

การฉ้อโกงด้วยการเรียกเก็บเงินผ่านเครือข่ายมือถือแบ่งเป็นการฉ้อโกงผ่าน SMS การฉ้อโกงผ่านการโทร และการฉ้อโกงผ่านค่าธรรมเนียม

การฉ้อโกงผ่าน SMS
โค้ดที่เรียกเก็บเงินจากผู้ใช้เพื่อส่ง SMS พรีเมียมโดยไม่ได้รับคำยินยอม หรือพยายามปิดบังกิจกรรม SMS ด้วยการซ่อนข้อตกลงการเปิดเผยข้อมูลหรือซ่อนข้อความ SMS จากผู้ให้บริการมือถือซึ่งแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเรื่องการเรียกเก็บเงินหรือการยืนยันการสมัครใช้บริการ

แม้ว่าในทางเทคนิคแล้วโค้ดบางโค้ดจะเปิดเผยพฤติกรรมการส่ง SMS แต่ก็อาจทำงานในลักษณะอื่นที่เอื้อต่อการฉ้อโกงผ่าน SMS ด้วย เช่น การซ่อนข้อตกลงการเปิดเผยข้อมูลไม่ให้ผู้ใช้เห็นบางส่วน การทำให้ข้อตกลงอ่านไม่ได้ และการใช้เงื่อนไขเพื่อบล็อกข้อความ SMS จากผู้ให้บริการมือถือซึ่งแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเรื่องการเรียกเก็บเงินหรือการยืนยันการสมัครใช้บริการ

การฉ้อโกงผ่านการโทร
โค้ดที่เรียกเก็บเงินจากผู้ใช้ด้วยการโทรหาหมายเลขพรีเมียมโดยไม่ได้รับคำยินยอม

การฉ้อโกงผ่านค่าธรรมเนียม
โค้ดที่หลอกให้ผู้ใช้สมัครใช้บริการหรือซื้อเนื้อหาผ่านใบเรียกเก็บเงินค่าโทรศัพท์มือถือ

การฉ้อโกงผ่านค่าธรรมเนียมรวมถึงการเรียกเก็บเงินทุกประเภทยกเว้น SMS พรีเมียมและการโทรหาหมายเลขพรีเมียม เช่น การเรียกเก็บเงินผ่านผู้ให้บริการโดยตรง จุดเข้าใช้งานเครือข่ายไร้สาย (WAP) และการโอนสายในเครือข่ายมือถือ การฉ้อโกงผ่าน WAP เป็นการฉ้อโกงผ่านค่าธรรมเนียมที่แพร่หลายที่สุดประเภทหนึ่ง การฉ้อโกงประเภทนี้อาจเป็นการหลอกให้ผู้ใช้คลิกปุ่มบน WebView ที่โหลดแบบเงียบและมีลักษณะโปร่งใส เมื่อผู้ใช้คลิกปุ่ม ระบบจะเริ่มการสมัครใช้บริการแบบเกิดซ้ำ และ SMS หรืออีเมลยืนยันมักจะถูกลักลอบนำออกเพื่อไม่ให้ผู้ใช้สังเกตเห็นธุรกรรมทางการเงิน

สตอล์กเกอร์แวร์

โค้ดที่รวบรวมข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้จากอุปกรณ์และส่งข้อมูลดังกล่าวไปให้บุคคลที่สาม (องค์กรหรือบุคคลธรรมดาคนอื่น) เพื่อวัตถุประสงค์ในการเฝ้าติดตาม

แอปต้องให้การเปิดเผยข้อมูลอย่างชัดเจนเพียงพอและขอความยินยอมข้อกำหนดของนโยบายข้อมูลผู้ใช้

หลักเกณฑ์สำหรับแอปพลิเคชันเฝ้าติดตาม

แอปเฝ้าติดตามที่เรายอมรับมีเพียงแอปที่ออกแบบและทำการตลาดการเฝ้าติดตามบุคคลอื่นโดยเฉพาะเท่านั้น เช่น สำหรับผู้ปกครองเพื่อใช้ติดตามบุตรหลานหรือสำหรับฝ่ายบริหารขององค์กรเพื่อใช้ติดตามพนักงานแต่ละคน โดยแอปดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดทั้งหมดที่อธิบายไว้ด้านล่าง คุณต้องไม่ใช้แอปเหล่านี้ในการติดตามบุคคลอื่น (เช่น คู่สมรส) แม้ว่าบุคคลดังกล่าวจะรับทราบและอนุญาต ไม่ว่าจะมีการแสดงการแจ้งเตือนอยู่เรื่อยๆ หรือไม่ก็ตาม แอปเหล่านี้ต้องใช้แฟล็กข้อมูลเมตา IsMonitoringTool ในไฟล์ Manifest เพื่อระบุว่าเป็นแอปเฝ้าติดตาม

แอปเฝ้าติดตามต้องเป็นไปตามข้อกำหนดเหล่านี้

  • แอปต้องไม่แสดงตัวว่าเป็นโซลูชันการสอดแนมหรือการเฝ้าระวัง
  • แอปต้องไม่ซ่อนหรือปิดบังพฤติกรรมการติดตาม หรือพยายามทำให้ผู้ใช้เข้าใจฟังก์ชันการทำงานดังกล่าวผิดไป
  • แอปต้องแสดงให้ผู้ใช้เห็นการแจ้งเตือนตลอดเวลาที่แอปทำงาน และแสดงให้เห็นไอคอนที่บ่งบอกแอปนั้นอย่างชัดเจน
  • แอปต้องเปิดเผยฟังก์ชันการเฝ้าติดตามในคำอธิบายของ Google Play Store
  • แอปและข้อมูลแอปใน Google Play ต้องไม่ให้วิธีการเปิดใช้งานหรือวิธีการเข้าถึงฟังก์ชันการทำงานที่ละเมิดข้อกำหนดเหล่านี้ เช่น การลิงก์ไปยัง APK ที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดที่โฮสต์ไว้นอก Google Play
  • แอปต้องเป็นไปตามกฎหมายทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง คุณต้องรับผิดชอบการพิจารณาความถูกต้องตามกฎหมายของแอปของคุณในประเทศเป้าหมายแต่เพียงผู้เดียว
โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมจากบทความการใช้แฟล็ก isMonitoringTool ในศูนย์ช่วยเหลือ

ปฏิเสธการให้บริการ (DoS)

โค้ดที่ทำการโจมตีโดยสร้างภาวะปฏิเสธการให้บริการ (DoS) โดยที่ผู้ใช้ไม่ทราบ หรือเป็นส่วนหนึ่งของการโจมตีแบบ DoS ที่มุ่งเป้าไปยังระบบหรือทรัพยากรอื่นๆ

เช่น กรณีนี้อาจเกิดขึ้นโดยการส่งคำขอ HTTP จำนวนมากเพื่อสร้างภาระงานที่สูงเกินขีดความสามารถของเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล

เครื่องมือดาวน์โหลดที่เป็นอันตราย

โค้ดที่อาจไม่ได้เป็นอันตรายเองแต่ดาวน์โหลดแอปที่อาจเป็นอันตรายอื่นๆ

วิธีสังเกตว่าโค้ดเป็นเครื่องมือดาวน์โหลดที่เป็นอันตราย มีดังนี้

  • มีเหตุผลที่ทำให้เชื่อว่าโค้ดดังกล่าวสร้างขึ้นมาเพื่อเผยแพร่แอปที่อาจเป็นอันตราย และเคยดาวน์โหลดแอปที่อาจเป็นอันตรายหรือมีโค้ดที่ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปได้ หรือ
  • แอปอย่างน้อย 5% ที่โค้ดดาวน์โหลดมานั้นเป็นแอปที่อาจเป็นอันตราย โดยมีเกณฑ์ขั้นต่ำอยู่ที่การดาวน์โหลดแอปที่สังเกตการณ์ 500 ครั้ง (การดาวน์โหลดแอปที่อาจเป็นอันตรายที่สังเกตการณ์ 25 ครั้ง)

เบราว์เซอร์หลักๆ และแอปแชร์ไฟล์จะไม่ถือเป็นเครื่องมือดาวน์โหลดที่เป็นอันตรายในกรณีต่อไปนี้

  • เบราว์เซอร์หรือแอปจะดาวน์โหลดต่อเมื่อมีการโต้ตอบกับผู้ใช้
  • ผู้ใช้เริ่มการดาวน์โหลดแอปที่อาจเป็นอันตรายทั้งหมดโดยการให้คำยินยอม

ภัยคุกคามซึ่งไม่ส่งผลต่อ Android

โค้ดที่มีภัยคุกคามซึ่งไม่ส่งผลต่อ Android

แอปเหล่านี้ไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้หรืออุปกรณ์ Android แต่มีคอมโพเนนต์ที่อาจเป็นอันตรายต่อแพลตฟอร์มอื่น

ฟิชชิง

โค้ดที่แสร้งว่ามาจากแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้ ซึ่งขอข้อมูลเข้าสู่ระบบการตรวจสอบสิทธิ์หรือข้อมูลสำหรับการเรียกเก็บเงินของผู้ใช้และส่งข้อมูลดังกล่าวไปให้บุคคลที่สาม หมวดหมู่นี้รวมถึงโค้ดที่ดักฟังการส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบของผู้ใช้ระหว่างการส่ง

เป้าหมายทั่วไปของฟิชชิง ได้แก่ ข้อมูลเข้าสู่ระบบธนาคาร หมายเลขบัตรเครดิต และข้อมูลเข้าสู่ระบบบัญชีออนไลน์สำหรับโซเชียลเน็ตเวิร์กและเกม

การละเมิดด้วยการเพิ่มสิทธิ์ในระดับสูงขึ้น

โค้ดที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความสมบูรณ์ของระบบด้วยการทำให้แซนด์บ็อกซ์ของแอปทำงานไม่ได้ การเพิ่มสิทธิ์ในระดับสูงขึ้น ตลอดจนการเปลี่ยนหรือปิดการเข้าถึงฟังก์ชันหลักที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย

ตัวอย่าง

  • แอปที่ละเมิดโมเดลสิทธิ์ของ Android หรือขโมยข้อมูลเข้าสู่ระบบ (เช่น โทเค็น OAuth) จากแอปอื่นๆ
  • แอปที่ละเมิดการใช้ฟีเจอร์เพื่อป้องกันไม่ให้มีการถอนการติดตั้งหรือหยุดการทำงานของแอป
  • แอปที่ปิดใช้ SELinux

แอปโจมตีเพื่อยกระดับสิทธิ์ที่รูทอุปกรณ์โดยไม่มีการให้สิทธิ์จากผู้ใช้จัดว่าเป็นแอปการรูท

แรนซัมแวร์

โค้ดที่เข้าควบคุมอุปกรณ์หรือข้อมูลในอุปกรณ์บางส่วนหรือในวงกว้างและสั่งให้ผู้ใช้ชำระเงินหรือดำเนินการที่ทำให้สูญเสียการควบคุม

แรนซัมแวร์บางรายการจะเข้ารหัสข้อมูลในอุปกรณ์และเรียกร้องให้ชำระเงินเพื่อถอดรหัสข้อมูล และ/หรือใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ผู้ดูแลระบบของอุปกรณ์เพื่อทำให้ผู้ใช้นำแรมซัมแวร์ดังกล่าวออกไม่ได้ ตัวอย่าง

  • การล็อกไม่ให้ผู้ใช้เข้าถึงอุปกรณ์ของตัวเองและเรียกร้องให้จ่ายเงินเพื่อคืนค่าการควบคุมของผู้ใช้
  • การเข้ารหัสข้อมูลในอุปกรณ์และเรียกร้องให้ชำระเงินเป็นค่าถอดรหัส
  • การใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ของตัวจัดการนโยบายด้านอุปกรณ์และการบล็อกไม่ให้ผู้ใช้นำแรนซัมแวร์ออก

โค้ดที่มาพร้อมกับอุปกรณ์โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อจัดการอุปกรณ์ที่ได้รับงบอุดหนุนอาจไม่รวมอยู่ในหมวดหมู่แรนซัมแวร์หากมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดสำหรับการล็อกและการจัดการที่ปลอดภัย ตลอดจนข้อกำหนดด้านการเปิดเผยข้อมูลต่อผู้ใช้และการขอคำยินยอมที่เพียงพอ

การรูท

โค้ดที่รูทอุปกรณ์

โค้ดการรูทที่ไม่เป็นอันตรายและเป็นอันตรายนั้นแตกต่างกัน เช่น แอปการรูทที่ไม่เป็นอันตรายจะแจ้งให้ผู้ใช้ทราบล่วงหน้าว่าจะรูทอุปกรณ์ และจะไม่ดำเนินการอื่นใดที่อาจเป็นอันตรายตามหมวดหมู่แอปที่อาจเป็นอันตราย

แอปการรูทที่เป็นอันตรายจะไม่แจ้งผู้ใช้ว่าจะรูทอุปกรณ์ หรือแจ้งผู้ใช้เกี่ยวกับการรูทล่วงหน้าแต่ก็ดำเนินการอื่นๆ ตามหมวดหมู่แอปที่อาจเป็นอันตรายด้วย

สแปม

โค้ดที่ส่งข้อความขยะถึงรายชื่อติดต่อของผู้ใช้หรือใช้อุปกรณ์เป็นการส่งต่ออีเมลสแปม

สปายแวร์

สปายแวร์คือแอปพลิเคชัน โค้ด หรือลักษณะการทำงานที่เป็นอันตราย ซึ่งเก็บรวบรวม ขโมย หรือแชร์ข้อมูลผู้ใช้หรือข้อมูลอุปกรณ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับฟังก์ชันการทำงานที่เป็นไปตามนโยบาย

โค้ดหรือลักษณะการทำงานที่เป็นอันตรายซึ่งอาจจัดว่าเป็นการสอดแนมผู้ใช้หรือขโมยข้อมูลโดยไม่มีการประกาศแจ้งหรือการขอความยินยอมที่เพียงพอยังถือว่าเป็นสปายแวร์ด้วย

ตัวอย่างเช่น การละเมิดด้วยสปายแวร์รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการดำเนินการต่อไปนี้

  • การบันทึกเสียงหรือการบันทึกการโทรของโทรศัพท์
  • การขโมยข้อมูลแอป
  • แอปที่มีโค้ดที่เป็นอันตรายของบุคคลที่สาม (ตัวอย่างเช่น SDK) ซึ่งส่งผ่านข้อมูลจากอุปกรณ์ในลักษณะที่ผู้ใช้ไม่คาดคิดและ/หรือไม่มีการประกาศแจ้งหรือการขอความยินยอมจากผู้ใช้ที่เพียงพอ

แอปทั้งหมดต้องเป็นไปตามนโยบายโปรแกรมสำหรับนักพัฒนาแอป Google Play ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงนโยบายด้านข้อมูลผู้ใช้และข้อมูลอุปกรณ์ เช่น ซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่, ข้อมูลผู้ใช้, สิทธิ์และ API ที่เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อน และข้อกำหนดของ SDK

โทรจัน

โค้ดที่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอันตราย เช่น เกมที่อ้างว่าเป็นเกมเฉยๆ แต่ดำเนินการในสิ่งที่ไม่พึงประสงค์กับผู้ใช้

การจำแนกประเภทโค้ดในกลุ่มนี้มักกระทำควบคู่ไปกับหมวดหมู่แอปที่อาจเป็นอันตรายอื่นๆ โทรจันมีคอมโพเนนต์ที่ไม่เป็นอันตรายและคอมโพเนนต์ที่เป็นอันตรายซ่อนอยู่ ตัวอย่างเช่น เกมที่ส่งข้อความ SMS แบบพรีเมียมจากอุปกรณ์ของผู้ใช้ในเบื้องหลังโดยที่ผู้ใช้ไม่ทราบ

หมายเหตุเกี่ยวกับแอปพิเศษ

แอปใหม่และแอปที่พบไม่บ่อยอาจแยกประเภทเป็นแอปพิเศษได้หาก Google Play Protect มีข้อมูลไม่เพียงพอที่จะยืนยันว่าแอปปลอดภัย ซึ่งการแยกประเภทเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าแอปเป็นอันตราย แต่ก็ยืนยันไม่ได้เช่นกันว่าแอปนั้นปลอดภัยหากไม่มีการตรวจสอบเพิ่มเติม

หมายเหตุเกี่ยวกับหมวดหมู่ประตูหลัง

การแยกประเภทหมวดหมู่มัลแวร์ประตูหลังจะอาศัยวิธีการดำเนินการของโค้ด เงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการแยกประเภทโค้ดว่าเป็นประตูหลังคือการที่โค้ดทำให้เกิดพฤติกรรมที่จะทำให้โค้ดดังกล่าวเข้าข่ายหมวดหมู่มัลแวร์อื่นๆ หากดำเนินการโดยอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น หากแอปอนุญาตการโหลดโค้ดแบบไดนามิกและโค้ดที่โหลดแบบไดนามิกทำการดึงข้อมูล SMS จะถือว่าโค้ดดังกล่าวเป็นมัลแวร์ประตูหลัง

อย่างไรก็ตาม หากแอปอนุญาตการดำเนินการโค้ดโดยไม่มีกฎเกณฑ์ และเราไม่มีเหตุผลที่ทำให้เชื่อว่าโค้ดนี้เพิ่มเข้ามาเพื่อดำเนินการพฤติกรรมที่เป็นอันตราย เราจะถือว่าแอปนี้มีช่องโหว่แทนที่จะเป็นมัลแวร์ประตูหลัง และจะขอให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์แพตช์แอป

มาสก์แวร์

แอปพลิเคชันที่ใช้เทคนิคการหลีกเลี่ยงที่หลากหลายเพื่อให้บริการฟังก์ชันการทำงานปลอมหรือที่แตกต่างออกไปของแอปพลิเคชันให้แก่ผู้ใช้ แอปเหล่านี้มาสก์ตนเองเป็นแอปพลิเคชันหรือเกมที่ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อให้ดูไร้พิษภัยในสายตาของ App Store และใช้เทคนิคอย่างเช่นการปรับให้ยากต่อการอ่าน (Obfuscation), การโหลดโค้ดแบบไดนามิก หรือการปิดบังหน้าเว็บจริงเพื่อเปิดเผยเนื้อหาที่เป็นอันตราย

มาสก์แวร์คล้ายคลึงกันกับแอปที่อาจเป็นอันตรายหมวดหมู่อื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโทรจัน โดยมีความแตกต่างหลักอยู่ในเทคนิคที่ใช้ปรับกิจกรรมที่เป็นอันตรายให้ยากต่อการอ่าน (Obfuscate)


การแอบอ้างเป็นบุคคลอื่น

เราไม่อนุญาตแอปที่ทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดโดยการแอบอ้างบุคคลอื่น (เช่น นักพัฒนาซอฟต์แวร์ บริษัท นิติบุคคลรายอื่น) หรือแอปอื่น อย่ากล่าวเป็นนัยว่าแอปของคุณเกี่ยวข้องกับหรือได้รับอนุญาตจากผู้อื่นโดยที่ไม่เป็นความจริง  โปรดระวังอย่าใช้ไอคอน คำอธิบาย ชื่อของแอป หรือองค์ประกอบในแอปที่อาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างแอปกับบุคคลอื่นหรือแอปอื่น
 
เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • นักพัฒนาแอปที่แอบอ้างว่ามีความเกี่ยวข้องกับบริษัท/นักพัฒนาแอป/บุคคล/องค์กรอื่น

    ① รายชื่อนักพัฒนาแอปมีนัยถึงความสัมพันธ์กับ Google อย่างเป็นทางการ แม้ความสัมพันธ์นั้นไม่ได้มีอยู่จริง

  • แอปที่มีไอคอนและชื่อซึ่งแอบอ้างว่ามีความเกี่ยวข้องกับบริษัท/นักพัฒนาแอป/บุคคล/องค์กรอื่น

    ① แอปใช้ตราสัญลักษณ์ประจำชาติและทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดและเชื่อว่าแอปเกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐ
    ② แอปลอกเลียนแบบโลโก้ของหน่วยงานธุรกิจเพื่อแอบอ้างว่าเป็นแอปอย่างเป็นทางการของธุรกิจดังกล่าว

  • ชื่อและไอคอนแอปที่ดูคล้ายกับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีอยู่จนผู้ใช้อาจเกิดความเข้าใจผิด


    ① แอปใช้โลโก้ของเว็บไซต์คริปโตเคอเรนซียอดนิยมในไอคอนแอปเพื่อแอบอ้างว่าเป็นเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของแอป
    ② แอปลอกเลียนตัวละครและชื่อของรายการทีวีชื่อดังในไอคอนแอปและสื่อให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าแอปเกี่ยวข้องกับรายการทีวีดังกล่าว

  • แอปที่แอบอ้างว่าเป็นแอปอย่างเป็นทางการของบุคคลที่มีชื่อเสียง ไม่อนุญาตให้ใช้ชื่ออย่าง “จัสติน บีเบอร์ (ทางการ)” หากไม่ได้รับอนุญาตหรือสิทธิ์ที่จำเป็น

  • แอปที่ละเมิดหลักเกณฑ์การใช้แบรนด์ของ Android

Mobile Unwanted Software

ที่ Google เราเชื่อมั่นว่าหากเรายึดผู้ใช้เป็นหลัก สิ่งอื่นๆ ก็จะตามมาเอง ในหลักการด้านซอฟต์แวร์และนโยบายซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ เราให้คำแนะนำทั่วไปเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ที่มอบประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยมแก่ผู้ใช้ นโยบายนี้สร้างขึ้นจากนโยบายซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ของ Google โดยการระบุหลักการสำหรับระบบนิเวศของ Android และ Google Play Store ซอฟต์แวร์ที่ละเมิดหลักเกณฑ์เหล่านี้ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นอันตรายต่อประสบการณ์ของผู้ใช้และเราจะดำเนินการเพื่อปกป้องผู้ใช้จากซอฟต์แวร์เหล่านั้น

ดังที่กล่าวไว้ในนโยบายซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ เราพบว่าซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ส่วนใหญ่จะมีลักษณะพื้นฐานเหมือนกันอย่างน้อย 1 ประการดังนี้

  • หลอกลวง โดยสัญญาว่าจะให้คุณค่าตามที่นำเสนอแต่ทำไม่ได้
  • พยายามหลอกลวงให้ผู้ใช้ติดตั้งซอฟต์แวร์หรือเป็นซอฟต์แวร์ที่ติดมากับการติดตั้งโปรแกรมอื่น
  • ไม่บอกผู้ใช้เกี่ยวกับฟังก์ชันหลักและสำคัญทั้งหมดของซอฟต์แวร์
  • ส่งผลกระทบต่อระบบของผู้ใช้ในรูปแบบที่คาดไม่ถึง
  • เก็บรวบรวมหรือส่งข้อมูลส่วนตัวโดยที่ผู้ใช้ไม่ทราบ
  • เก็บรวบรวมหรือส่งข้อมูลส่วนตัวโดยไม่มีการจัดการที่ปลอดภัย (เช่น การส่งผ่าน HTTPS)
  • รวมชุดอยู่กับซอฟต์แวร์อื่นและไม่เปิดเผยการมีอยู่ของซอฟต์แวร์นั้น

ในอุปกรณ์เคลื่อนที่ ซอฟต์แวร์คือโค้ดในรูปแบบของแอป ไบนารี การแก้ไขเฟรมเวิร์ก ฯลฯ เราจะดำเนินการกับโค้ดที่ละเมิดหลักการเหล่านี้เพื่อป้องกันซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายต่อระบบนิเวศของซอฟต์แวร์หรือรบกวนประสบการณ์ของผู้ใช้

ด้านล่างนี้เราได้ปรับนโยบายซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ให้ขยายการบังคับใช้ไปยังซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ด้วย เช่นเดียวกับนโยบายดังกล่าว เราจะปรับแต่งนโยบายซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่นี้อยู่ต่อไปเพื่อให้ครอบคลุมการละเมิดประเภทใหม่ๆ

พฤติกรรมที่โปร่งใสและการเปิดเผยที่ชัดเจน

โค้ดทั้งหมดควรให้ผลลัพธ์ตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับผู้ใช้ แอปควรมีฟังก์ชันที่แจ้งผู้ใช้ไว้ครบทั้งหมด แอปไม่ควรทำให้ผู้ใช้สับสน 

  • แอปควรมีฟังก์ชันการทำงานและวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน
  • อธิบายให้ผู้ใช้ทราบอย่างชัดแจ้งและชัดเจนว่าแอปจะทำการเปลี่ยนแปลงระบบอย่างไร ยอมให้ผู้ใช้ตรวจสอบและอนุญาตตัวเลือกในการติดตั้งและการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทั้งหมด 
  • ซอฟต์แวร์ไม่ควรสื่อให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับสถานะอุปกรณ์ของผู้ใช้ เช่น อ้างว่าความปลอดภัยของระบบอยู่ในภาวะวิกฤตหรือระบบติดไวรัส
  • อย่าใช้ประโยชน์จากกิจกรรมที่ไม่ถูกต้องซึ่งออกแบบมาเพื่อเพิ่มการเข้าชมจากโฆษณาและ/หรือ Conversion
  • เราไม่อนุญาตแอปที่ทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดโดยการแอบอ้างบุคคลอื่น (เช่น นักพัฒนาซอฟต์แวร์ บริษัท นิติบุคคลรายอื่น) หรือแอปอื่น อย่ากล่าวเป็นนัยว่าแอปของคุณเกี่ยวข้องกับหรือได้รับอนุญาตจากผู้อื่นโดยที่ไม่เป็นความจริง

ตัวอย่างการละเมิด

  • การฉ้อโกงผ่านโฆษณา
  • วิศวกรรมสังคม

ปกป้องข้อมูลผู้ใช้และความเป็นส่วนตัว

มีความชัดเจนและโปร่งใสเกี่ยวกับการเข้าถึง การใช้งาน การเก็บรวบรวม และการแชร์ข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้ การใช้ข้อมูลผู้ใช้ต้องเป็นไปตามนโยบายข้อมูลผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและมีผลบังคับใช้ และใช้ความระมัดระวังทุกประการเพื่อปกป้องข้อมูลดังกล่าว

  • ให้โอกาสแก่ผู้ใช้ในการยอมรับการเก็บรวบรวมข้อมูลของตนก่อนที่คุณจะเริ่มเก็บรวบรวมและส่งข้อมูลจากอุปกรณ์ ซึ่งรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีบุคคลที่สาม อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ แอปที่ติดตั้ง ไฟล์ ตำแหน่ง ตลอดจนข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอื่นๆ ที่ผู้ใช้ไม่ได้คาดคิดว่าจะมีการเก็บรวบรวม
  • ข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้ที่เก็บรวบรวมจะต้องมีการจัดการอย่างปลอดภัย ซึ่งรวมถึงการส่งโดยใช้วิทยาการเข้ารหัสสมัยใหม่ (เช่น ผ่าน HTTPS)
  • ซอฟต์แวร์ ซึ่งรวมถึงแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ จะต้องส่งข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้ไปยังเซิร์ฟเวอร์เฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับฟังก์ชันการทำงานของแอปเท่านั้น
  • ห้ามขอหรือหลอกลวงผู้ใช้ให้ปิดใช้การปกป้องอุปกรณ์ให้ปลอดภัย เช่น Google Play Protect ตัวอย่างเช่น คุณต้องไม่เสนอฟีเจอร์ในแอปหรือรางวัลเพิ่มเติมให้แก่ผู้ใช้เพื่อแลกกับการปิดใช้ Google Play Protect

ตัวอย่างการละเมิด

  • การเก็บรวบรวมข้อมูล (เช่น สปายแวร์)
  • การละเมิดสิทธิ์ที่จำกัด

ตัวอย่างนโยบายข้อมูลผู้ใช้

ไม่เป็นอันตรายต่อประสบการณ์การใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ 

ประสบการณ์ของผู้ใช้ควรจะตรงไปตรงมา เข้าใจง่าย และอิงตามตัวเลือกที่ชัดเจนที่ผู้ใช้เลือกไว้ โดยควรจะนำเสนอคุณค่าที่ชัดเจนแก่ผู้ใช้และไม่รบกวนประสบการณ์ของผู้ใช้ตามที่โฆษณาไว้หรือที่ต้องการ

  • อย่าแสดงโฆษณาที่แสดงต่อผู้ใช้ในลักษณะที่ไม่คาดคิด รวมถึงการรบกวนความสามารถในการใช้งานฟังก์ชันของอุปกรณ์หรือทำให้คุณภาพลดลง หรือแสดงภายนอกสภาพแวดล้อมของแอปที่ทริกเกอร์โดยปิดได้ไม่ง่ายและไม่ได้รับคำยินยอมและการระบุแหล่งที่มาอย่างเพียงพอ
  • แอปไม่ควรรบกวนแอปอื่นๆ หรือความสามารถในการใช้งานอุปกรณ์
  • การถอนการติดตั้งควรมีความชัดเจน หากเกี่ยวข้อง 
  • ซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ไม่ควรเลียนแบบข้อความแจ้งจากระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์หรือแอปอื่นๆ อย่าระงับการแจ้งเตือนผู้ใช้จากแอปอื่นหรือจากระบบปฏิบัติการโดยเฉพาะการแจ้งเตือนผู้ใช้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงระบบปฏิบัติการ 

ตัวอย่างการละเมิด

  • โฆษณาที่รบกวนผู้ใช้
  • การลอกเลียนแบบหรือการใช้ฟังก์ชันการทำงานของระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต

เครื่องมือดาวน์โหลดที่เป็นอันตราย

โค้ดที่อาจไม่ได้เป็นซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์เองแต่ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์อื่นๆ บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ (MUwS)

วิธีสังเกตว่าโค้ดเป็นเครื่องมือดาวน์โหลดที่เป็นอันตราย มีดังนี้

  • มีเหตุผลที่ทำให้เชื่อว่าโค้ดดังกล่าวสร้างขึ้นมาเพื่อแพร่กระจาย MUwS และเคยดาวน์โหลด MUwS หรือมีโค้ดที่ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปได้ หรือ
  • แอปอย่างน้อย 5% ที่โค้ดดาวน์โหลดมานั้นเป็น MUwS โดยมีเกณฑ์ขั้นต่ำอยู่ที่การดาวน์โหลดแอปที่สังเกตการณ์ 500 ครั้ง (การดาวน์โหลด MUwS ที่สังเกตการณ์ 25 ครั้ง)

เบราว์เซอร์หลักๆ และแอปแชร์ไฟล์จะไม่ถือเป็นเครื่องมือดาวน์โหลดที่เป็นอันตรายในกรณีต่อไปนี้

  • เบราว์เซอร์หรือแอปจะดาวน์โหลดต่อเมื่อมีการโต้ตอบกับผู้ใช้
  • ผู้ใช้เริ่มการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ทั้งหมดโดยการให้คำยินยอม

การฉ้อโกงผ่านโฆษณา

การฉ้อโกงผ่านโฆษณาเป็นสิ่งต้องห้ามโดยเด็ดขาด การโต้ตอบกับโฆษณาที่สร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อหลอกลวงให้เครือข่ายโฆษณาเชื่อว่าการเข้าชมมาจากความสนใจของผู้ใช้อย่างแท้จริงนั้นเป็นการฉ้อโกงผ่านโฆษณา ซึ่งเป็นการเข้าชมที่ไม่ถูกต้องรูปแบบหนึ่ง การฉ้อโกงผ่านโฆษณาอาจเป็นผลมาจากการที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ใช้โฆษณาในลักษณะที่ไม่ได้รับอนุญาต เช่น การแสดงโฆษณาที่ซ่อนอยู่ การคลิกโฆษณาโดยอัตโนมัติ การแก้ไขหรือดัดแปลงข้อมูล และการใช้ประโยชน์จากการดำเนินการที่ไม่ได้มาจากมนุษย์ (สไปเดอร์ บ็อต ฯลฯ) หรือกิจกรรมของมนุษย์ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างการเข้าชมจากโฆษณาที่ไม่ถูกต้อง การเข้าชมที่ไม่ถูกต้องและการฉ้อโกงผ่านโฆษณาเป็นอันตรายต่อผู้ลงโฆษณา นักพัฒนาซอฟต์แวร์ และผู้ใช้ รวมทั้งทำให้สูญเสียความไว้วางใจในระบบนิเวศโฆษณาในอุปกรณ์เคลื่อนที่ในระยะยาว
เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • แอปที่แสดงโฆษณาที่ผู้ใช้ไม่เห็น
  • แอปที่สร้างการคลิกโฆษณาโดยอัตโนมัติโดยที่ผู้ใช้ไม่ได้ต้องการคลิก หรือสร้างการจราจรของข้อมูลในเครือข่ายที่เทียบเท่าเพื่อเพิ่มการคลิกที่เป็นการฉ้อโกง
  • แอปที่ส่งการคลิกที่นับเป็นการติดตั้งแบบปลอมๆ เพื่อรับเงินสำหรับการติดตั้งที่ไม่ได้มาจากเครือข่ายของแอปที่ส่งนั้น 
  • แอปที่แสดงโฆษณาขึ้นมาเมื่อผู้ใช้ไม่ได้อยู่ในอินเทอร์เฟซของแอป
  • การให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับพื้นที่โฆษณาโดยแอป เช่น แอปที่สื่อสารกับเครือข่ายโฆษณาที่กำลังทำงานในอุปกรณ์ iOS เมื่อแท้ที่จริงแล้วทำงานในอุปกรณ์ Android แอปที่สื่อให้เข้าใจผิดในชื่อแพ็กเกจที่กำลังสร้างรายได้

การลอกเลียนแบบหรือการใช้ฟังก์ชันการทำงานของระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต

เราไม่อนุญาตแอปหรือโฆษณาที่ลอกเลียนแบบหรือแทรกแซงฟังก์ชันการทำงานของระบบ เช่น การแจ้งเตือน หรือคำเตือน การแจ้งเตือนระดับระบบจะต้องนำไปใช้กับฟีเจอร์แบบรวมที่มากับแอปเท่านั้น เช่น แอปสายการบินที่แจ้งเตือนผู้ใช้เกี่ยวกับดีลพิเศษ หรือเกมที่แจ้งเตือนผู้ใช้เกี่ยวกับโปรโมชันในเกม

เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • แอปหรือโฆษณาต่อไปนี้แสดงผ่านการแจ้งเตือนของระบบ
    ① การแจ้งเตือนของระบบที่แสดงในแอปนี้นำมาใช้เพื่อแสดงโฆษณา
 

ดูตัวอย่างเพิ่มเติมเกี่ยวกับโฆษณาได้ในนโยบายโฆษณา

 


Social Engineering

We do not allow apps that pretend to be another app with the intention of deceiving users into performing actions that the user intended for the original trusted app.


เราไม่อนุญาตแอปที่มีโฆษณาหลอกลวงหรือรบกวนผู้ใช้ โฆษณาต้องแสดงเฉพาะในแอปที่แสดงโฆษณาดังกล่าวเท่านั้น เราถือว่าโฆษณาที่แสดงในแอปของคุณเป็นส่วนหนึ่งของแอป โฆษณาที่แสดงในแอปจะต้องเป็นไปตามนโยบายทั้งหมดของเรา เมื่อต้องการดูนโยบายเกี่ยวกับโฆษณาการพนัน โปรดคลิกที่นี่
Google Play ส่งเสริมกลยุทธ์การสร้างรายได้ที่หลากหลายเพื่อประโยชน์ของนักพัฒนาซอฟต์แวร์และผู้ใช้ เช่น การเผยแพร่แอปที่ต้องซื้อ ไอเทมที่ซื้อในแอป การสมัครใช้บริการ และรูปแบบที่อิงโฆษณา เรากำหนดให้คุณปฏิบัติตามนโยบายเหล่านี้เพื่อดูแลให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด

การชำระเงิน

  1. นักพัฒนาแอปที่เรียกเก็บเงินสำหรับการดาวน์โหลดแอปจาก Google Play ต้องใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play เป็นวิธีการชำระเงินสำหรับธุรกรรมดังกล่าว
  1. แอปที่เผยแพร่ใน Play ที่ยอมรับหรือกำหนดให้ชำระเงินเพื่อเข้าถึงฟีเจอร์หรือบริการในแอป ซึ่งได้แก่ ฟังก์ชันการทำงานของแอป ตลอดจนเนื้อหาหรือสินค้าดิจิทัลใดๆ (รวมเรียกว่า "การซื้อในแอป") ต้องใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play สำหรับธุรกรรมดังกล่าว เว้นแต่ส่วนที่ 3, ส่วนที่ 8 หรือส่วนที่ 9 จะมีผล

    ตัวอย่างฟีเจอร์หรือบริการของแอปที่ต้องใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการซื้อรายการต่อไปนี้ในแอป

    • ไอเทม (เช่น เงินตราเสมือน การเพิ่มชีวิต การเพิ่มเวลาเล่น ไอเทมเสริม ตัวละคร และรูปโปรไฟล์)
    • บริการที่ต้องสมัครใช้งาน (เช่น ฟิตเนส เกม การออกเดต การศึกษา เพลง วิดีโอ การอัปเกรดบริการ และบริการสมัครรับเนื้อหาอื่นๆ)
    • เนื้อหาหรือฟังก์ชันการทำงานของแอป (เช่น แอปเวอร์ชันที่ไม่มีโฆษณา หรือฟีเจอร์ใหม่ที่ไม่มีในเวอร์ชันฟรี) และ
    • ซอฟต์แวร์และบริการระบบคลาวด์ (เช่น บริการพื้นที่เก็บข้อมูล ซอฟต์แวร์เพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ และซอฟต์แวร์การจัดการการเงิน)
  1. ต้องไม่ใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play ในกรณีต่อไปนี้
    1. เป็นการชำระเงินสำหรับกรณีต่อไปนี้เป็นหลัก
      • การซื้อหรือเช่าสินค้าที่จับต้องได้ (เช่น ของชำ เสื้อผ้า ของใช้ในบ้าน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์)
      • การซื้อบริการที่จับต้องได้ (เช่น บริการขนส่ง บริการทำความสะอาด ตั๋วเครื่องบิน สมาชิกฟิตเนส การจัดส่งอาหาร ตั๋วเข้าชมการแสดงสด) หรือ
      • การส่งเงินตามใบเรียกเก็บเงินค่าบัตรเครดิตหรือสาธารณูปโภค (เช่น บริการเคเบิลและโทรคมนาคม)
    2. การชำระเงินดังกล่าวรวมถึงการชำระเงินระหว่างบุคคล การประมูลออนไลน์ และการบริจาคที่ได้รับการยกเว้นภาษี
    3. การชำระเงินมีไว้สำหรับเนื้อหาหรือบริการที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการพนันออนไลน์ตามที่อธิบายไว้ในส่วนแอปการพนันของนโยบายเกี่ยวกับการพนัน เกม และการแข่งขันที่ใช้เงินจริง
    4. การชำระเงินเป็นไปตามหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ใดก็ตามที่ถือว่ายอมรับไม่ได้ภายใต้นโยบายเนื้อหาของศูนย์การชำระเงินของ Google
      หมายเหตุ: ในบางประเทศ เราให้บริการ Google Pay สำหรับแอปที่ขายสินค้าและ/หรือบริการที่จับต้องได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หน้าสำหรับนักพัฒนาแอปของ Google Pay
  1. นอกเหนือจากเงื่อนไขที่อธิบายในส่วนที่ 3 ส่วนที่ 8 และส่วนที่ 9 แอปต้องไม่นำผู้ใช้ไปยังวิธีการชำระเงินอื่นซึ่งไม่ใช่ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play ข้อห้ามนี้รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการนำผู้ใช้ไปยังวิธีการชำระเงินอื่นๆ ผ่านช่องทางต่อไปนี้
    • ข้อมูลของแอปใน Google Play
    • การโปรโมตในแอปที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่ซื้อได้
    • WebView, ปุ่ม, ลิงก์, การรับส่งข้อความ, โฆษณา หรือคำกระตุ้นให้ดำเนินการ (Call-To-Action) อื่นๆ ในแอป และ
    • ขั้นตอนของอินเทอร์เฟซผู้ใช้ในแอป ซึ่งรวมถึงขั้นตอนการสร้างบัญชีหรือการลงชื่อสมัครใช้ที่นำผู้ใช้จากแอปไปยังวิธีการชำระเงินอื่นนอกเหนือจากระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play โดยเป็นหนึ่งในขั้นตอนเหล่านั้น
  1. สกุลเงินเสมือนในแอปต้องใช้ภายในแอปหรือเกมที่มีการซื้อสกุลเงินดังกล่าวเท่านั้น

  1. นักพัฒนาแอปต้องแจ้งให้ผู้ใช้ทราบอย่างชัดเจนและถูกต้องเกี่ยวกับข้อกำหนดและราคาของแอป ตลอดจนฟีเจอร์ในแอปหรือการสมัครใช้บริการที่เสนอขาย การกำหนดราคาในแอปต้องตรงกับราคาที่แสดงในอินเทอร์เฟซการเรียกเก็บเงินของ Play ที่แสดงต่อผู้ใช้ หากคำอธิบายผลิตภัณฑ์ใน Google Play อ้างถึงฟีเจอร์ในแอปที่อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเฉพาะหรือเพิ่มเติม ข้อมูลแอปนั้นจะต้องแจ้งให้ผู้ใช้ทราบอย่างชัดเจนว่าจะต้องมีการชำระเงินเพื่อใช้ฟีเจอร์ดังกล่าว

  1. แอปและเกมที่มีกลไกในการรับไอเทมเสมือนแบบสุ่มจากการซื้อ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง "ลูทบ็อกซ์" ต้องเปิดเผยโอกาสของการได้รับไอเทมดังกล่าวอย่างชัดเจนก่อนการซื้อโดยแสดงในเวลาที่สมควรและใกล้กับเวลาที่ซื้อนั้น

  1. นักพัฒนาแอปที่เผยแพร่ใน Play ซึ่งยอมรับหรือกำหนดให้ผู้ใช้ในประเทศ/ภูมิภาคเหล่านี้ชำระเงินเพื่อเข้าถึงการซื้อในแอปสามารถเสนอระบบการเรียกเก็บเงินระบบอื่นภายในแอปควบคู่ไปกับระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play สำหรับธุรกรรมดังกล่าวได้ ทั้งนี้นักพัฒนาแอปต้องกรอกแบบฟอร์มประกาศการเรียกเก็บเงินสำหรับแต่ละโปรแกรมที่เกี่ยวข้อง รวมถึงยอมรับข้อกำหนดเพิ่มเติมและข้อกำหนดของโปรแกรมที่ระบุไว้ในแบบฟอร์มดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว เว้นแต่ว่าเงื่อนไขที่อธิบายในส่วนที่ 3 จะมีผล

  1. นักพัฒนาแอปที่เผยแพร่ใน Play สามารถนำผู้ใช้ในเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) ออกไปนอกแอป รวมถึงโปรโมตข้อเสนอสำหรับฟีเจอร์และบริการในแอป โดยนักพัฒนาแอปที่นำผู้ใช้ใน EEA ออกไปนอกแอปต้องกรอกแบบฟอร์มประกาศของโปรแกรมดังกล่าว รวมถึงยอมรับข้อกำหนดเพิ่มเติมและข้อกำหนดของโปรแกรมที่ระบุไว้ในแบบฟอร์มดังกล่าวให้เรียบร้อย

หมายเหตุ: หากต้องการดูไทม์ไลน์และคําถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับนโยบายนี้ โปรดไปที่ศูนย์ช่วยเหลือของเรา

โฆษณา

เพื่อคงไว้ซึ่งประสบการณ์การใช้งานที่มีคุณภาพ เราจึงคำนึงถึงเนื้อหาของโฆษณา กลุ่มเป้าหมาย ประสบการณ์ของผู้ใช้ ลักษณะการทำงานของโฆษณา ตลอดจนความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว เราถือว่าโฆษณาและข้อเสนอที่เกี่ยวข้องเป็นส่วนหนึ่งของแอป เนื้อหาเหล่านี้จึงต้องเป็นไปตามนโยบายอื่นๆ ทั้งหมดของ Google Play ด้วย นอกจากนี้ เรามีข้อกำหนดเพิ่มเติมสำหรับโฆษณาหากคุณสร้างรายได้จากแอปที่มีเด็กเป็นกลุ่มเป้าหมายใน Google Play

คุณยังสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการโปรโมตแอปและข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store ได้ที่นี่ รวมถึงวิธีที่เราจัดการกับแนวทางปฏิบัติในการโปรโมตที่เป็นการหลอกลวง

เนื้อหาโฆษณา

โฆษณาและข้อเสนอที่เกี่ยวข้องถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของแอปและต้องเป็นไปตามนโยบายเนื้อหาที่ถูกจำกัด และสำหรับแอปการพนัน จะมีข้อกำหนดอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย

โฆษณาที่ไม่เหมาะสม

โฆษณาและข้อเสนอที่เกี่ยวข้อง (เช่น โฆษณาที่โปรโมตให้ดาวน์โหลดแอปอื่น) ซึ่งแสดงในแอปของคุณต้องเหมาะสำหรับการจัดประเภทเนื้อหาของแอป แม้ว่าตัวเนื้อหาเองจะสอดคล้องกับนโยบายของเราแล้วก็ตาม
เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • โฆษณาที่ไม่เหมาะกับการจัดประเภทเนื้อหาของแอป

① โฆษณานี้ (สำหรับวัยรุ่น) ไม่เหมาะกับการจัดประเภทเนื้อหาของแอป (ทุกคน)
② โฆษณานี้ (สำหรับผู้ใหญ่) ไม่เหมาะกับการจัดประเภทเนื้อหาของแอป (วัยรุ่น)
③ ข้อเสนอของโฆษณา (โปรโมตให้ดาวน์โหลดแอปสำหรับผู้ใหญ่) ไม่เหมาะกับการจัดประเภทเนื้อหาของแอปเล่นเกมซึ่งมีการแสดงโฆษณา (ทุกคน)

ข้อกำหนดของโฆษณาสำหรับครอบครัว

หากคุณสร้างรายได้จากแอปที่มีเด็กเป็นกลุ่มเป้าหมายใน Google Play แอปของคุณจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของนโยบายโฆษณาและการสร้างรายได้สำหรับครอบครัว

โฆษณาหลอกลวง

โฆษณาต้องไม่ลอกเลียนแบบหรือแอบอ้างเป็นอินเทอร์เฟซผู้ใช้ของฟีเจอร์แอปใดๆ เช่น องค์ประกอบของการแจ้งเตือนหรือคำเตือนของระบบปฏิบัติการ โดยผู้ใช้ต้องเห็นได้ชัดเจนว่าแอปใดแสดงโฆษณาใด

เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • โฆษณาต่อไปนี้เลียนแบบ UI ของแอป

    ① ไอคอนเครื่องหมายคำถามในแอปนี้คือโฆษณาที่จะนำผู้ใช้ไปยังหน้า Landing Page ภายนอก

  • โฆษณาต่อไปนี้เลียนแบบการแจ้งเตือนของระบบ

    ① ② ตัวอย่างด้านบนแสดงโฆษณาที่เลียนแบบการแจ้งเตือนต่างๆ ของระบบ


    ① ตัวอย่างด้านบนแสดงส่วนฟีเจอร์ที่เลียนแบบฟีเจอร์อื่นๆ แต่กลับนำผู้ใช้ไปยังโฆษณา

โฆษณาที่รบกวนผู้ใช้

โฆษณาที่รบกวนผู้ใช้คือโฆษณาที่แสดงต่อผู้ใช้ในลักษณะที่ไม่คาดคิด ซึ่งอาจทำให้เกิดการคลิกโดยไม่ตั้งใจ หรือรบกวนความสามารถในการใช้งานฟังก์ชันของอุปกรณ์หรือทำให้คุณภาพลดลง

แอปต้องไม่บังคับให้ผู้ใช้คลิกโฆษณาหรือส่งข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อจุดประสงค์ในการโฆษณาก่อนที่ผู้ใช้จะใช้แอปได้อย่างเต็มที่ โฆษณาต้องแสดงเฉพาะในแอปที่แสดงโฆษณาดังกล่าวเท่านั้นและต้องไม่แทรกแซงแอป โฆษณา หรือการดำเนินการอื่นๆ ของอุปกรณ์ รวมถึงปุ่มหรือพอร์ตของระบบหรือของอุปกรณ์ ซึ่งรวมถึงโฆษณาซ้อนทับ ฟังก์ชันการทำงานร่วมกัน และหน่วยโฆษณาที่ทำเป็นวิดเจ็ต หากแอปแสดงโฆษณา Display หรือโฆษณาประเภทอื่นที่แทรกแซงการใช้งานปกติ โฆษณาเหล่านั้นต้องปิดได้ง่ายโดยไม่มีปัญหาการใช้งาน

เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • โฆษณาที่กินพื้นที่หน้าจอทั้งหน้าหรือแทรกแซงการใช้งานปกติ และไม่มีวิธีปิดโฆษณาที่ชัดเจน

    ① โฆษณานี้ไม่มีปุ่มปิด

  • โฆษณาที่บังคับให้ผู้ใช้คลิกผ่านโดยใช้ปุ่มปิดปลอม หรือโดยทำให้โฆษณาปรากฏขึ้นทันทีในพื้นที่ของแอปซึ่งโดยทั่วไปแล้วเป็นที่ที่ผู้ใช้จะแตะเพื่อให้มีการทำงานอื่น

    ① โฆษณานี้ใช้ปุ่มปิดปลอม

    ② โฆษณานี้ปรากฏขึ้นทันทีในบริเวณที่ผู้ใช้ใช้สำหรับแตะเพื่อให้มีการทำงานต่างๆ ในแอป

  • โฆษณาที่แสดงภายนอกแอปแสดงโฆษณา

    ① ผู้ใช้ออกจากแอปนี้ไปยังหน้าจอหลัก แล้วก็มีโฆษณาปรากฏขึ้นบนหน้าจอหลักโดยทันที

  • โฆษณาที่ทริกเกอร์ด้วยปุ่มหน้าแรกหรือฟีเจอร์อื่นๆ ที่ออกแบบมาอย่างชัดแจ้งเพื่อการออกจากแอป

    ① ผู้ใช้พยายามออกจากแอปและไปยังหน้าจอหลักแต่ถูกโฆษณารบกวนเส้นทางที่ต้องการ

ประสบการณ์การใช้งานโฆษณาที่ดียิ่งขึ้น

นักพัฒนาแอปต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ด้านโฆษณาต่อไปนี้เพื่อดูแลให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์คุณภาพสูงเมื่อใช้แอปใน Google Play โฆษณาต้องไม่แสดงให้แก่ผู้ใช้ในลักษณะที่ไม่คาดคิดดังต่อไปนี้

  • ไม่อนุญาตโฆษณาคั่นระหว่างหน้าแบบเต็มหน้าจอทุกรูปแบบ (วิดีโอ, GIF, ภาพนิ่ง เป็นต้น) ที่แสดงโดยไม่คาดคิด โดยทั่วไปเมื่อผู้ใช้เลือกที่จะทำอย่างอื่น 
    • ไม่อนุญาตโฆษณาที่ปรากฏขึ้นระหว่างการเล่นเกมในช่วงต้นของด่านหรือระหว่างช่วงต้นของกลุ่มเนื้อหา 
    • ไม่อนุญาตโฆษณาวิดีโอคั่นระหว่างหน้าแบบเต็มหน้าจอที่ปรากฏขึ้นก่อนหน้าจอการโหลดของแอป (หน้าจอแนะนำ)
  • ไม่อนุญาตโฆษณาคั่นระหว่างหน้าแบบเต็มหน้าจอทุกรูปแบบที่ปิดไม่ได้หลังจากผ่านไปแล้ว 15 วินาที โฆษณาคั่นระหว่างหน้าแบบเต็มหน้าจอสำหรับเลือกใช้หรือโฆษณาคั่นระหว่างหน้าแบบเต็มหน้าจอที่ไม่รบกวนการดำเนินการของผู้ใช้ (เช่น หลังจากหน้าจอแสดงคะแนนในแอปเล่นเกม) สามารถแสดงได้นานกว่า 15 วินาที

นโยบายนี้ไม่มีผลกับโฆษณาที่มีการให้รางวัลซึ่งผู้ใช้เลือกรับอย่างชัดแจ้ง (เช่น โฆษณาที่นักพัฒนาแอปนำเสนอให้ผู้ใช้ดูอย่างชัดแจ้งเพื่อแลกกับฟีเจอร์บางอย่างในเกมหรือเนื้อหา) นโยบายนี้ไม่มีผลกับการสร้างรายได้และการโฆษณาที่ไม่รบกวนการใช้แอปหรือการเล่นเกมตามปกติด้วย (เช่น เนื้อหาวิดีโอที่มีโฆษณาผสานรวมอยู่ โฆษณาแบนเนอร์ที่ไม่ใช่แบบเต็มหน้าจอ)

หลักเกณฑ์เหล่านี้ได้แรงบันดาลใจมาจากหลักเกณฑ์มาตรฐานโฆษณาที่ดีกว่าด้านประสบการณ์ใช้งานแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรฐานโฆษณาที่ดีกว่าได้ที่กลุ่มความร่วมมือเพื่อโฆษณาที่ดีกว่า
เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • โฆษณาที่ไม่คาดคิดซึ่งปรากฏระหว่างการเล่นเกมหรือระหว่างช่วงต้นของกลุ่มเนื้อหา (เช่น หลังจากที่ผู้ใช้คลิกปุ่มและก่อนที่การดำเนินการจากการคลิกปุ่มจะมีผล) ผู้ใช้ไม่คาดคิดว่าจะเห็นโฆษณาเหล่านี้ เนื่องจากผู้ใช้คาดว่าจะได้เริ่มเล่นเกมหรือมีส่วนร่วมในเนื้อหาแทน

    ① โฆษณาภาพนิ่งที่ไม่คาดคิดปรากฏขึ้นระหว่างการเล่นเกมในช่วงต้นของด่าน

    ② โฆษณาวิดีโอที่ไม่คาดคิดปรากฏขึ้นระหว่างช่วงต้นของกลุ่มเนื้อหา
  • โฆษณาเต็มหน้าจอที่ปรากฏระหว่างการเล่นเกมและปิดไม่ได้เมื่อผ่านไปแล้ว 15 วินาที

    ①  โฆษณาคั่นระหว่างหน้าที่ปรากฏระหว่างการเล่นเกม และไม่มีตัวเลือกให้ผู้ใช้ข้ามภายใน 15 วินาที

สร้างเพื่อแสดงโฆษณา

เราไม่อนุญาตแอปที่แสดงโฆษณาคั่นระหว่างหน้าซ้ำๆ ซึ่งรบกวนผู้ใช้ในการโต้ตอบกับแอปและดำเนินการในแอป
เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • แอปที่แสดงโฆษณาคั่นระหว่างหน้าหลังการดำเนินการของผู้ใช้ (ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการคลิก การปัด และอื่นๆ) ในลักษณะต่อกัน

    ① หน้าแรกในแอปมีปุ่มให้โต้ตอบหลายปุ่ม เมื่อผู้ใช้คลิกเริ่มแอปเพื่อใช้แอป โฆษณาคั่นระหว่างหน้าก็ปรากฏขึ้น หลังจากปิดโฆษณาไปแล้ว ผู้ใช้กลับมาที่แอปและคลิกบริการเพื่อเริ่มใช้บริการ แต่โฆษณาคั่นระหว่างหน้าก็ปรากฏขึ้นอีก


    ② ในหน้าแรก ระบบนำผู้ใช้ไปคลิกเล่น ซึ่งเป็นปุ่มเดียวที่มีให้เริ่มใช้แอป เมื่อผู้ใช้คลิกปุ่มดังกล่าว โฆษณาคั่นระหว่างหน้าก็ปรากฏขึ้น หลังจากปิดโฆษณาไปแล้ว ผู้ใช้คลิกเปิดแอป ซึ่งเป็นปุ่มเดียวที่มีให้โต้ตอบได้ และโฆษณาคั่นระหว่างหน้าก็ปรากฏขึ้นอีก

การสร้างรายได้จากหน้าจอล็อก

แอปไม่อาจแสดงโฆษณาหรือฟีเจอร์ที่สร้างรายได้จากหน้าจอล็อกของอุปกรณ์ได้ ยกเว้นกรณีที่แอปมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหน้าจอล็อกเท่านั้น

การฉ้อโกงผ่านโฆษณา

การฉ้อโกงผ่านโฆษณาเป็นสิ่งต้องห้ามโดยเด็ดขาด ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นโยบายการฉ้อโกงผ่านโฆษณา

การใช้ข้อมูลตำแหน่งสำหรับโฆษณา

แอปที่ขยายการใช้งานข้อมูลตำแหน่งของอุปกรณ์ที่ได้จากสิทธิ์เข้าถึงเพื่อการแสดงโฆษณาจะต้องปฏิบัติตามนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อน และยังต้องเป็นไปตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้ด้วย

  • การใช้หรือการรวบรวมข้อมูลตำแหน่งของอุปกรณ์ที่ได้จากสิทธิ์เข้าถึงสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการโฆษณาจะต้องมีความชัดเจนและจัดทำเป็นเอกสารในนโยบายความเป็นส่วนตัวภาคบังคับของแอป รวมถึงการลิงก์ไปยังนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัทตัวแทนโฆษณาใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลตำแหน่งดังกล่าว
  • ตามข้อกำหนดของสิทธิ์เข้าถึงตำแหน่ง การขอสิทธิ์เข้าถึงตำแหน่งจะกระทำเพื่อใช้ในการแสดงฟีเจอร์หรือให้บริการภายในแอปในขณะนั้นเท่านั้น และจะขอสิทธิ์เข้าถึงตำแหน่งของอุปกรณ์เพื่อใช้สำหรับโฆษณาเพียงอย่างเดียวไม่ได้

การใช้รหัสโฆษณา Android

บริการ Google Play เวอร์ชัน 4.0 เปิดตัว API ใหม่และรหัสสำหรับใช้โดยผู้ให้บริการโฆษณาและการวิเคราะห์ ข้อกำหนดในการใช้รหัสดังกล่าวอยู่ที่ด้านล่างนี้

  • การใช้งาน ตัวระบุโฆษณา Android (AAID) ต้องใช้สำหรับการโฆษณาและการวิเคราะห์ผู้ใช้เท่านั้น สถานะของการตั้งค่า "เลือกไม่ใช้การโฆษณาตามความสนใจ" หรือ "เลือกไม่ใช้การปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้" ต้องได้รับการยืนยันในการเข้าถึงแต่ละครั้งของรหัสดังกล่าว
  • การเชื่อมโยงกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุตัวบุคคลนั้นได้หรือกับตัวระบุอื่นๆ
    • การใช้การโฆษณา: ตัวระบุโฆษณาต้องไม่เชื่อมโยงกับตัวระบุอุปกรณ์ถาวร (เช่น SSAID, ที่อยู่ MAC, IMEI) เพื่อวัตถุประสงค์ในการโฆษณา ตัวระบุโฆษณาจะเชื่อมโยงกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุตัวบุคคลนั้นได้ก็ต่อเมื่อได้รับคำยินยอมอย่างชัดแจ้งจากผู้ใช้
    • การใช้ Analytics: ตัวระบุโฆษณาจะต้องไม่เชื่อมโยงกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุตัวบุคคลนั้นได้ หรือเชื่อมโยงกับตัวระบุอุปกรณ์ถาวร (เช่น SSAID, ที่อยู่ MAC, IMEI) เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการวิเคราะห์ โปรดอ่านหลักเกณฑ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวระบุอุปกรณ์ถาวรในนโยบายข้อมูลผู้ใช้
  • การเคารพในการตัดสินใจของผู้ใช้
    • หากมีการรีเซ็ต ตัวระบุโฆษณาใหม่ต้องไม่เชื่อมโยงกับตัวระบุโฆษณาก่อนหน้านี้ หรือข้อมูลที่ได้มาจากตัวระบุโฆษณาก่อนหน้านี้หากไม่ได้รับการยินยอมอย่างชัดแจ้งจากผู้ใช้
    • คุณต้องปฏิบัติตามการตั้งค่า "เลือกไม่ใช้การโฆษณาตามความสนใจ" หรือ "เลือกไม่ใช้การปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้" ของผู้ใช้ หากผู้ใช้เปิดใช้การตั้งค่านี้ คุณจะไม่สามารถใช้ตัวระบุโฆษณาสำหรับการสร้างโปรไฟล์ผู้ใช้โดยมีจุดประสงค์เพื่อโฆษณา หรือเพื่อกำหนดเป้าหมายผู้ใช้ด้วยโฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ กิจกรรมที่อนุญาตประกอบด้วยการโฆษณาตามบริบท, การกำหนดความถี่สูงสุด, เครื่องมือวัด Conversion, การรายงาน และการตรวจหาเกี่ยวกับความปลอดภัยและการฉ้อโกง
    • ในอุปกรณ์รุ่นใหม่ เมื่อผู้ใช้ลบตัวระบุโฆษณา Android ตัวระบุนั้นจะถูกนำออก การพยายามเข้าถึงตัวระบุโฆษณาดังกล่าวจะได้รับสตริงที่เป็นเลข 0 อุปกรณ์ที่ไม่มีตัวระบุโฆษณาต้องไม่เชื่อมโยงกับข้อมูลที่ลิงก์กับหรือได้มาจากตัวระบุโฆษณาก่อนหน้านี้
  • ความโปร่งใสต่อผู้ใช้ ต้องมีการเปิดเผยการรวบรวมและการใช้ตัวระบุโฆษณาและการปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้ให้ผู้ใช้ทราบผ่านประกาศเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวที่เพียงพอตามกฎหมาย หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรฐานด้านความเป็นส่วนตัวของเรา โปรดดูที่นโยบายข้อมูลผู้ใช้
  • การปฏิบัติตามข้อกำหนดในการใช้งาน การใช้ตัวระบุโฆษณาจะต้องเป็นไปตามนโยบายโปรแกรมสำหรับนักพัฒนาแอป Google Play รวมถึงการใช้โดยบุคคลอื่นที่คุณอาจแชร์ตัวระบุโฆษณานี้ด้วยในระหว่างการดำเนินธุรกิจ แอปทั้งหมดที่อัปโหลดหรือเผยแพร่ไปยัง Google Play จะต้องใช้รหัสโฆษณา (เมื่อมีให้ใช้งานในอุปกรณ์) แทนตัวระบุอุปกรณ์อื่นๆ เพื่อจุดประสงค์ในการโฆษณาใดๆ ก็ตาม
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นโยบายข้อมูลผู้ใช้

การสมัครใช้บริการ

คุณในฐานะนักพัฒนาแอปต้องไม่ทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดเกี่ยวกับการสมัครใช้บริการหรือเนื้อหาที่เสนอในแอป ดังนั้นจึงต้องสื่อสารเกี่ยวกับโปรโมชันในแอปหรือหน้าจอแนะนำให้ชัดเจน เราไม่อนุญาตแอปที่นำผู้ใช้ไปพบกับประสบการณ์การซื้อที่หลอกลวงหรือมีการบิดเบือน (ซึ่งรวมถึงการซื้อในแอปหรือการสมัครใช้บริการ)

คุณต้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับข้อเสนออย่างโปร่งใส ซึ่งรวมถึงการเปิดเผยอย่างชัดเจนเกี่ยวกับข้อกำหนดของข้อเสนอ ค่าสมัครใช้บริการ ความถี่ของรอบการเรียกเก็บเงิน ตลอดจนระบุว่าการสมัครใช้บริการจำเป็นต่อการใช้แอปหรือไม่ ผู้ใช้ไม่ควรต้องดำเนินการใดๆ เพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว

การสมัครใช้บริการต้องให้คุณค่าในระยะยาวหรือที่เกิดซ้ำแก่ผู้ใช้ตลอดอายุการสมัครใช้บริการ และต้องไม่ใช้เพื่อนำเสนอสิทธิประโยชน์ที่มีผลแบบครั้งเดียวแก่ผู้ใช้ (ตัวอย่างเช่น SKU ที่ให้เครดิตในแอป/สกุลเงินเป็นเงินก้อนใหญ่ก้อนเดียว หรือบูสเตอร์ในเกมแบบใช้ครั้งเดียว) การสมัครใช้บริการอาจนำเสนอโบนัสเพื่อการจูงใจหรือการโปรโมต แต่จะต้องเป็นส่วนเสริมจากคุณค่าในระยะยาวหรือที่เกิดซ้ำซึ่งมีให้ตลอดอายุการสมัครใช้บริการ ผลิตภัณฑ์ที่ไม่นำเสนอคุณค่าในระยะยาวและเกิดซ้ำต้องใช้ไอเทมที่ซื้อในแอปแทนผลิตภัณฑ์ที่ต้องสมัครใช้บริการ

ห้ามปิดบังหรือกำหนดลักษณะสิทธิประโยชน์แบบใช้ครั้งเดียวให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าเป็นการสมัครใช้บริการ ซึ่งรวมถึงการแก้ไขการสมัครใช้บริการให้กลายเป็นข้อเสนอแบบครั้งเดียว (ตัวอย่างเช่น การยกเลิก การเลิกใช้งาน หรือการลดคุณค่าที่เกิดซ้ำ) หลังจากที่ผู้ใช้จ่ายค่าสมัครใช้บริการไปแล้ว

เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • การสมัครใช้บริการรายเดือนที่ไม่แจ้งให้ผู้ใช้ทราบว่าจะมีการต่ออายุและเรียกเก็บเงินทุกเดือนโดยอัตโนมัติ
  • การสมัครใช้บริการรายปีที่แสดงค่าบริการอย่างเด่นชัดที่สุดในแบบรายเดือน
  • แปลงราคาและแปลข้อกำหนดในการสมัครใช้บริการไม่ครบถ้วน
  • โปรโมชันในแอปที่ไม่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผู้ใช้เข้าถึงเนื้อหาได้โดยไม่ต้องสมัครใช้บริการ (หากแอปมีการสมัครใช้บริการ)
  • ชื่อ SKU ที่ไม่สื่อให้เห็นลักษณะของการสมัครใช้บริการนั้นอย่างถูกต้อง เช่น ใช้ชื่อว่า "ทดลองใช้ฟรี" หรือ "ลองเป็นสมาชิก Premium ฟรี 3 วัน" กับการสมัครใช้บริการที่มีการเรียกเก็บเงินตามรอบโดยอัตโนมัติ 
  • ขั้นตอนการซื้อมีหลายหน้าจอซึ่งทำให้ผู้ใช้คลิกปุ่มสมัครใช้บริการโดยไม่ได้ตั้งใจ
  • การสมัครใช้บริการที่ไม่นำเสนอคุณค่าในระยะยาวหรือที่เกิดซ้ำ ตัวอย่างเช่น การนำเสนอเพชร 1,000 เม็ดในเดือนแรก จากนั้นลดสิทธิประโยชน์เหลือเพียงเพชร 1 เม็ดในการสมัครใช้บริการเดือนต่อๆ มา
  • การกำหนดให้ผู้ใช้สมัครใช้บริการแบบต่ออายุใหม่อัตโนมัติเพื่อนำส่งสิทธิประโยชน์แบบครั้งเดียว แล้วยกเลิกการสมัครใช้บริการโดยที่ผู้ใช้ไม่ได้ขอหลังจากที่จ่ายค่าสมัครใช้บริการไปแล้ว
ตัวอย่างที่ 1

① ปุ่มปิดมองเห็นได้ไม่ชัด จนอาจทำให้ผู้ใช้ไม่ทราบว่าตนเข้าถึงฟังก์ชันการทำงานได้โดยไม่ต้องยอมรับข้อเสนอการสมัครใช้บริการ

② ข้อเสนอแสดงเฉพาะราคาแบบค่าบริการรายเดือน จึงอาจทำให้ผู้ใช้ไม่ทราบว่าจะมีการเรียกเก็บเงินในราคา 6 เดือนทันทีเมื่อสมัครใช้บริการ

③ ข้อเสนอแสดงเฉพาะราคาช่วงแนะนำ จึงอาจทำให้ผู้ใช้ไม่ทราบว่าจะมีการเรียกเก็บเงินโดยอัตโนมัติเมื่อสิ้นสุดช่วงเวลาแนะนำ

④ ควรแปลข้อเสนอเป็นภาษาเดียวกับข้อกำหนดและเงื่อนไขเพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจข้อเสนอทั้งหมด

 

ตัวอย่างที่ 2

① การคลิกที่เกิดซ้ำในบริเวณปุ่มเดิม ทำให้ผู้ใช้คลิกปุ่ม "ต่อไป" ครั้งสุดท้ายเพื่อสมัครใช้บริการโดยไม่ได้ตั้งใจ

② จำนวนเงินที่จะเรียกเก็บจากผู้ใช้หลังจากที่ช่วงทดลองใช้สิ้นสุดลงนั้นอ่านยาก ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้คิดว่าแพ็กเกจดังกล่าวไม่มีค่าใช้จ่าย

ช่วงทดลองใช้ฟรีและข้อเสนอช่วงแนะนำ

สิ่งที่คุณต้องทำก่อนที่ผู้ใช้จะลงทะเบียนสมัครใช้บริการคืออธิบายข้อกำหนดของข้อเสนอให้ชัดเจนและถูกต้อง เช่น ระบุระยะเวลา ราคา และรายละเอียดของเนื้อหาหรือบริการที่เข้าถึงได้ อย่าลืมแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเวลาและลักษณะที่ช่วงทดลองใช้ฟรีจะเปลี่ยนเป็นการสมัครใช้บริการแบบชำระเงิน ราคาของการสมัครใช้บริการแบบชำระเงิน และแจ้งให้ผู้ใช้ทราบว่าตนสามารถยกเลิกได้หากไม่ต้องการเปลี่ยนไปใช้การสมัครใช้บริการแบบชำระเงิน
เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • ข้อเสนอที่ไม่อธิบายให้ชัดเจนว่าช่วงทดลองใช้ฟรีมีระยะเวลาเท่าไร หรือราคาช่วงแนะนำจะสิ้นสุดเมื่อไร
  • ข้อเสนอที่ไม่อธิบายให้ชัดเจนว่าผู้ใช้จะลงทะเบียนสมัครใช้บริการแบบชำระเงินโดยอัตโนมัติเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาของข้อเสนอ
  • ข้อเสนอที่ไม่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผู้ใช้เข้าถึงเนื้อหาได้โดยไม่ต้องลงชื่อสมัครทดลองใช้ (หากมี)
  • ราคาและข้อกำหนดของข้อเสนอที่แปลไม่ครบถ้วน
 

① ปุ่มปิดมองเห็นได้ไม่ชัดเจนจนอาจทำให้ผู้ใช้ไม่ทราบว่าตนเข้าถึงฟังก์ชันการทำงานได้โดยไม่ต้องลงชื่อสมัครทดลองใช้

② ข้อเสนอเน้นย้ำถึงช่วงทดลองใช้ฟรีจนอาจทำให้ผู้ใช้ไม่ทราบว่าจะมีการเรียกเก็บเงินโดยอัตโนมัติเมื่อสิ้นสุดช่วงทดลองใช้

③ ข้อเสนอไม่ระบุถึงระยะเวลาการทดลองใช้และผู้ใช้อาจไม่ทราบว่าตนจะเข้าถึงเนื้อหาของการสมัครใช้บริการได้ฟรีถึงเมื่อไร

④ ควรมีการแปลข้อเสนอเป็นภาษาเดียวกับข้อกำหนดและเงื่อนไขเพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจตลอดทั้งข้อเสนอ

การจัดการการสมัครใช้บริการ การยกเลิก และการคืนเงิน

หากขายการสมัครใช้บริการในแอป คุณต้องตรวจสอบว่าแอปเปิดเผยวิธีการจัดการหรือยกเลิกการสมัครใช้บริการให้ผู้ใช้ทราบอย่างชัดเจน คุณต้องรวมการเข้าถึงวิธีการยกเลิกการสมัครใช้บริการทางออนไลน์ที่ดำเนินการได้ง่ายไว้ในแอปด้วย ในการตั้งค่าบัญชีของแอป (หรือหน้าที่เทียบเท่ากัน) คุณสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้ได้โดยระบุข้อมูลต่อไปนี้

  • ลิงก์ไปยังศูนย์การสมัครใช้บริการของ Google Play (สำหรับแอปที่ใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play) และ/หรือ
  • การเข้าถึงขั้นตอนการยกเลิกโดยตรง

หากผู้ใช้ยกเลิกการสมัครใช้บริการที่ซื้อผ่านระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play นโยบายทั่วไปของเราคือผู้ใช้จะไม่ได้รับเงินคืนสำหรับช่วงเวลาที่เรียกเก็บเงินปัจจุบัน แต่จะยังได้รับเนื้อหาที่สมัครใช้บริการสำหรับช่วงเวลาที่เรียกเก็บเงินปัจจุบันที่เหลืออยู่ ไม่ว่าผู้ใช้จะยกเลิกวันที่เท่าไรก็ตาม การยกเลิกของผู้ใช้มีผลหลังจากเลยช่วงเวลาที่เรียกเก็บเงินปัจจุบันไปแล้ว

คุณ (ในฐานะผู้ให้บริการเนื้อหาหรือการเข้าถึง) จะใช้นโยบายการคืนเงินที่ยืดหยุ่นกว่านี้กับผู้ใช้ได้โดยตรง คุณมีหน้าที่แจ้งให้ผู้ใช้ทราบการเปลี่ยนแปลงนโยบายการสมัครใช้บริการ การยกเลิก และการคืนเงิน ตลอดจนตรวจสอบว่านโยบายเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง


โปรแกรม SDK โฆษณาสำหรับครอบครัวที่ผ่านการรับรองด้วยตนเอง

หากคุณแสดงโฆษณาในแอปและมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กเท่านั้นตามที่อธิบายไว้ในนโยบายเพื่อครอบครัว คุณต้องใช้เฉพาะ SDK โฆษณาเวอร์ชันที่ผ่านการรับรองด้วยตนเองตามข้อกำหนดในนโยบายของ Google Play ซึ่งรวมถึงข้อกำหนดเกี่ยวกับ SDK โฆษณาสำหรับครอบครัวที่ผ่านการรับรองด้วยตนเองด้านล่าง

หากกลุ่มเป้าหมายของแอปมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ คุณต้องตรวจสอบว่าโฆษณาที่แสดงให้แก่เด็กมาจาก SDK โฆษณาที่ผ่านการรับรองด้วยตนเองเหล่านี้เวอร์ชันใดเวอร์ชันหนึ่งโดยเฉพาะเท่านั้น (เช่น ผ่านการใช้มาตรการการกรอกอายุแบบอิสระ)

โปรดทราบว่าคุณมีหน้าที่ดูแลให้ SDK ทุกเวอร์ชันที่ใช้ในแอป ซึ่งรวมถึง SDK โฆษณาที่ผ่านการรับรองด้วยตนเองเป็นไปตามนโยบาย กฎหมาย และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในท้องถิ่น Google ไม่รับรองหรือรับประกันความถูกต้องของข้อมูลที่ SDK โฆษณาระบุไว้ในขั้นตอนการรับรองด้วยตนเอง

คุณจำเป็นต้องใช้ SDK โฆษณาสำหรับครอบครัวที่ผ่านการรับรองด้วยตนเองเฉพาะในกรณีที่คุณใช้ SDK โฆษณาเพื่อแสดงโฆษณาให้แก่เด็ก อนุญาตให้ใช้ SDK โฆษณาต่อไปนี้โดยไม่ต้องมีการรับรองด้วยตนเองของ SDK โฆษณากับ Google Play แต่คุณยังคงมีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลให้เนื้อหาโฆษณาและแนวทางปฏิบัติในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นไปตามนโยบายข้อมูลผู้ใช้และนโยบายเพื่อครอบครัวของ Google Play

  • โฆษณาอินเฮาส์ที่คุณใช้ SDK ในการจัดการการโปรโมตหลายช่องทางสำหรับแอปของคุณ หรือสื่อและสินค้าอื่นๆ ที่คุณเป็นเจ้าของ
  • การเข้าร่วมดีลโดยตรงกับผู้ลงโฆษณาที่คุณใช้ SDK สำหรับการจัดการพื้นที่โฆษณา

ข้อกำหนดของ SDK โฆษณาสำหรับครอบครัวที่ผ่านการรับรองด้วยตนเอง

  • ให้คำจำกัดความสำหรับเนื้อหาโฆษณาและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและห้ามการใช้เนื้อหาและพฤติกรรมดังกล่าวในข้อกำหนดหรือนโยบายของ SDK โฆษณา คำจำกัดความดังกล่าวควรเป็นไปตามนโยบายโปรแกรมสำหรับนักพัฒนาแอป Google Play
  • สร้างวิธีการจัดประเภทครีเอทีฟโฆษณาของคุณตามกลุ่มที่เหมาะสมกับวัย โดยกลุ่มที่เหมาะสมกับวัยจะต้องมีประเภท "ทุกวัย" และ "ผู้ใหญ่" เป็นอย่างน้อย วิธีการจัดประเภทต้องสอดคล้องกับวิธีการที่ Google ใช้กับ SDK เมื่อได้กรอกแบบฟอร์มแสดงความสนใจที่ด้านล่าง
  • อนุญาตให้ผู้เผยแพร่โฆษณาขอการดูแลการแสดงโฆษณาให้เหมาะสมกับเด็กแบบต่อคำขอหรือต่อแอป การดูแลดังกล่าวต้องเป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายว่าด้วยความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทางอินเทอร์เน็ตของเด็ก (Children’s Online Privacy Protection Act หรือ COPPA) ของสหรัฐอเมริกาและกฎระเบียบให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภค (General Data Protection Regulation หรือ GDPR) ของสหภาพยุโรป Google Play กำหนดให้ SDK โฆษณาต้องปิดใช้โฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ รวมถึงการโฆษณาและรีมาร์เก็ตติ้งตามความสนใจ โดยเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลให้เหมาะสมกับเด็ก
  • อนุญาตให้ผู้เผยแพร่โฆษณาเลือกรูปแบบโฆษณาที่สอดคล้องกับนโยบายโฆษณาสำหรับครอบครัวและการสร้างรายได้ของ Google Play และเป็นไปตามข้อกำหนดของโปรแกรมการรับรองจากครู 
  • ตรวจสอบว่าเมื่อมีการใช้การเสนอราคาแบบเรียลไทม์เพื่อแสดงโฆษณาให้แก่เด็ก ได้มีการตรวจสอบครีเอทีฟโฆษณาและเผยแพร่ตัวชี้วัดความเป็นส่วนตัวให้แก่โปรแกรมเสนอราคา
  • ให้ข้อมูลที่เพียงพอแก่ Google เช่น ส่งแอปทดสอบและข้อมูลที่ระบุในแบบฟอร์มแสดงความสนใจด้านล่าง เพื่อยืนยันว่านโยบายของ SDK โฆษณาเป็นไปตามข้อกำหนดทั้งหมดของการรับรองด้วยตนเอง และตอบสนองต่อคำขอข้อมูลที่ตามมาภายหลังอย่างทันท่วงที เช่น ส่งการเผยแพร่เวอร์ชันใหม่เพื่อยืนยันว่าเวอร์ชันของ SDK โฆษณาเป็นไปตามข้อกำหนดทั้งหมดของการรับรองด้วยตนเอง และจัดเตรียมแอปทดสอบ
  • รับรองด้วยตนเองว่าการเผยแพร่เวอร์ชันใหม่ทั้งหมดเป็นไปตามนโยบายโปรแกรมสำหรับนักพัฒนาแอป Google Play ล่าสุด รวมถึงข้อกำหนดของนโยบายเพื่อครอบครัว

หมายเหตุ: SDK โฆษณาสำหรับครอบครัวที่ผ่านการรับรองด้วยตนเองต้องรองรับการแสดงโฆษณาที่ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเกี่ยวกับเด็ก ซึ่งอาจมีผลบังคับใช้กับผู้เผยแพร่โฆษณา

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใส่ลายน้ำครีเอทีฟโฆษณาและการจัดเตรียมแอปทดสอบได้ที่นี่

ต่อไปนี้คือข้อกำหนดของสื่อกลางสำหรับแพลตฟอร์มการแสดงโฆษณาเมื่อแสดงโฆษณาให้แก่เด็ก

  • ใช้เฉพาะ SDK โฆษณาสำหรับครอบครัวที่ผ่านการรับรองด้วยตนเองหรือใช้การป้องกันที่จำเป็น เพื่อให้โฆษณาทั้งหมดที่แสดงจากสื่อกลางเป็นไปตามข้อกำหนดเหล่านี้ และ
  • ส่งผ่านข้อมูลที่จำเป็นไปยังแพลตฟอร์มสื่อกลางเพื่อระบุการจัดประเภทเนื้อหาโฆษณาและการดูแลให้เหมาะสมกับเด็กตามที่เกี่ยวข้อง

นักพัฒนาแอปสามารถดูรายการ SDK โฆษณาสำหรับครอบครัวที่ผ่านการรับรองด้วยตนเอง ตลอดจนตรวจสอบว่า SDK โฆษณาเวอร์ชันใดจากรายการดังกล่าวที่ผ่านการรับรองด้วยตนเองสำหรับการใช้งานในแอปสำหรับครอบครัวได้ที่นี่

นอกจากนี้ นักพัฒนาแอปยังแชร์แบบฟอร์มแสดงความสนใจนี้กับ SDK โฆษณาที่ต้องการรับรองด้วยตนเองได้ด้วย


ข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store และโปรโมชัน

การโปรโมตและการมองเห็นแอปของคุณมีผลต่อคุณภาพของ Store เป็นอย่างมาก หลีกเลี่ยงข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store ที่เป็นสแปม การโปรโมตคุณภาพต่ำ และความพยายามเพิ่มการมองเห็นแอปใน Google Play ที่ไม่เป็นจริง

การโปรโมตแอป

เราไม่อนุญาตแอปที่มีส่วนร่วม หรือได้ประโยชน์จากแนวทางปฏิบัติในการโปรโมต (เช่น โฆษณา) ที่หลอกลวงหรือเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ หรือต่อระบบนิเวศของนักพัฒนาแอปทั้งโดยตรงและโดยอ้อม แนวทางปฏิบัติในการโปรโมตจะหลอกลวงหรือเป็นอันตรายหากมีลักษณะการทำงานหรือเนื้อหาที่ละเมิดนโยบายโปรแกรมสำหรับนักพัฒนาแอป

เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • การใช้โฆษณาหลอกลวงในเว็บไซต์ แอป หรือพร็อพเพอร์ตี้อื่นๆ รวมถึงการแจ้งเตือนที่คล้ายกับการแจ้งเตือนของระบบ
  • การใช้โฆษณาที่เกี่ยวกับเรื่องเพศอย่างโจ่งแจ้งซึ่งนำผู้ใช้ไปยังข้อมูลผลิตภัณฑ์ของแอปใน Google Play เพื่อดาวน์โหลด
  • กลยุทธ์ในการโปรโมตหรือการติดตั้งที่เปลี่ยนเส้นทางของผู้ใช้ไปยัง Google Play หรือดาวน์โหลดแอปโดยไม่มีการแจ้งผู้ใช้
  • การโปรโมตที่ไม่พึงประสงค์ผ่านทางบริการ SMS
  • ข้อความหรือรูปภาพในชื่อแอป ไอคอน หรือชื่อนักพัฒนาแอปที่ระบุประสิทธิภาพหรือการจัดอันดับของร้านค้า ข้อมูลราคาหรือโปรโมชัน หรือสื่อถึงความสัมพันธ์กับโปรแกรมที่มีอยู่ใน Google Play

คุณมีหน้าที่ดูแลให้เครือข่ายโฆษณา แอฟฟิลิเอต หรือโฆษณาที่เชื่อมโยงกับแอปของคุณสอดคล้องกับนโยบายเหล่านี้


ข้อมูลเมตา

ผู้ใช้อาศัยคำอธิบายของแอปเพื่อช่วยให้เข้าใจฟังก์ชันและวัตถุประสงค์ของแอป เราไม่อนุญาตแอปซึ่งมีข้อมูลเมตาที่สื่อให้เข้าใจผิด มีรูปแบบที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน ไม่เกี่ยวข้อง มีมากเกินไป หรือไม่เหมาะสม ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงคำอธิบาย ชื่อนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ชื่อ ไอคอน ภาพหน้าจอ และรูปภาพสำหรับส่งเสริมการขายของแอปด้วย นักพัฒนาแอปต้องระบุคำอธิบายแอปที่ชัดเจนและเขียนขึ้นมาอย่างดี และเราไม่อนุญาตให้ใช้คำรับรองของผู้ใช้ที่ไม่ได้ระบุที่มาหรือไม่ระบุตัวบุคคลในคำอธิบายของแอปด้วย

ชื่อและไอคอนแอป รวมถึงชื่อนักพัฒนาแอปมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้ในการค้นหาและดูข้อมูลเกี่ยวกับแอป อย่าใช้อีโมจิ ไอคอนสื่ออารมณ์ หรือสัญลักษณ์พิเศษซ้ำๆ ในองค์ประกอบของข้อมูลเมตาเหล่านี้ หลีกเลี่ยงการใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด เว้นแต่ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของชื่อแบรนด์ ไม่อนุญาตให้ใช้สัญลักษณ์ที่สื่อให้เข้าใจผิดในไอคอนแอป เช่น ใช้เครื่องหมายจุดแสดงข้อความใหม่เมื่อไม่มีข้อความใหม่ และใช้สัญลักษณ์ดาวน์โหลด/ติดตั้งเมื่อแอปไม่เกี่ยวข้องกับการดาวน์โหลดเนื้อหา ชื่อแอปต้องมีอักขระไม่เกิน 30 ตัว อย่าใช้ข้อความหรือรูปภาพในชื่อแอป ไอคอน หรือชื่อนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ระบุประสิทธิภาพหรือการจัดอันดับของร้านค้า ข้อมูลราคาหรือโปรโมชัน หรือสื่อถึงความสัมพันธ์กับโปรแกรมที่มีอยู่ใน Google Play

นอกเหนือจากข้อกำหนดที่ระบุไว้ที่นี่ นโยบายสำหรับนักพัฒนาแอปของ Google Play บางฉบับอาจกำหนดให้คุณต้องระบุข้อมูลเมตาเพิ่มเติม

เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป

        ① คำรับรองของผู้ใช้ที่ไม่ได้ระบุที่มาหรือไม่ระบุตัวบุคคล
        ② การเปรียบเทียบข้อมูลของแอปหรือแบรนด์
        ③ บล็อกคำศัพท์และรายการคำศัพท์ในแนวตั้ง/แนวนอน

 

        ① ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดแม้ว่าจะไม่ใช่ส่วนหนึ่งของชื่อแบรนด์
        ② สัญลักษณ์พิเศษต่อเนื่องซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับแอป
        ③ ใช้อีโมจิ ไอคอนสื่ออารมณ์ (รวมถึงคาโอโมจิ) และสัญลักษณ์พิเศษ
        ④ สัญลักษณ์ที่สื่อให้เข้าใจผิด
        ⑤ ข้อความที่สื่อให้เข้าใจผิด

 

  • รูปภาพหรือข้อความที่ระบุประสิทธิภาพหรืออันดับใน Store เช่น "แอปแห่งปี" "อันดับ 1" "ดีที่สุดใน Play ปี 20XX" "ยอดนิยม" ไอคอนรางวัล ฯลฯ

  • รูปภาพหรือข้อความที่ระบุราคาและข้อมูลโปรโมชัน เช่น "ลด 10%" "รับเงินคืน 1,500 บาท" "ฟรีในช่วงเวลาที่จำกัดเท่านั้น" ฯลฯ

  • รูปภาพหรือข้อความที่ระบุโปรแกรมของ Google Play เช่น "โดนใจบก." "ใหม่" ฯลฯ

ต่อไปนี้คือตัวอย่างของข้อความ รูปภาพ หรือวิดีโอที่ไม่เหมาะสมภายในข้อมูลผลิตภัณฑ์ของคุณ

  • ภาพหรือวิดีโอมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศ หลีกเลี่ยงภาพที่มีการชี้นำทางเพศ ซึ่งประกอบด้วยภาพหน้าอก บั้นท้าย อวัยวะเพศ ตลอดจนภาพหรือเนื้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวกับร่างกายและแสดงถึงความคลั่งไคล้ทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดหรือภาพจริง
  • การใช้คำหยาบคาย ดูหมิ่น หรือภาษาอื่นที่ไม่เหมาะสมสำหรับผู้ชมทั่วไปในข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store ของแอป 
  • ภาพความรุนแรงที่แสดงไว้อย่างโดดเด่นในไอคอนของแอป ภาพโปรโมต หรือวิดีโอ
  • การแสดงภาพการใช้ยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย แม้แต่เนื้อหา EDSA (การศึกษา สารคดี งานทางวิทยาศาสตร์ หรือศิลปะ) ก็ต้องเหมาะสำหรับผู้ชมทุกวัยในข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store

แนวทางปฏิบัติแนะนำบางส่วนมีดังนี้

  • เน้นสิ่งที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับแอปของคุณ แชร์ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจและน่าตื่นเต้นเกี่ยวกับแอป เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจว่าแอปของคุณมีอะไรพิเศษ
  • ตรวจสอบว่าชื่อและคำอธิบายของแอปอธิบายฟังก์ชันในแอปของคุณได้อย่างถูกต้อง
  • หลีกเลี่ยงการใช้คีย์เวิร์ดหรือการอ้างอิงซ้ำๆ หรือที่ไม่เกี่ยวข้อง
  • คำอธิบายแอปควรสั้นกระชับและตรงไปตรงมา คำอธิบายที่สั้นกว่ามีแนวโน้มที่จะส่งผลให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่าโดยเฉพาะสำหรับอุปกรณ์ที่มีหน้าจอขนาดเล็ก คำอธิบายที่ยาว มีรายละเอียดมากเกินไป มีการจัดรูปแบบไม่ถูกต้อง หรือใช้คำซ้ำอาจละเมิดนโยบายนี้
  • โปรดทราบว่าข้อมูลผลิตภัณฑ์ต้องเหมาะสำหรับผู้ชมทั่วไป หลีกเลี่ยงการใช้ข้อความ รูปภาพ หรือวิดีโอที่ไม่เหมาะสมในข้อมูลผลิตภัณฑ์และปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ข้างต้น

คะแนนจากผู้ใช้ รีวิว และการติดตั้ง

นักพัฒนาแอปต้องไม่พยายามจัดการกับตำแหน่งของแอปใดก็ตามบน Google Play ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการทำให้คะแนนผลิตภัณฑ์ รีวิว หรือจำนวนการติดตั้งเพิ่มขึ้นด้วยวิธีการที่ผิดกฎหมาย เช่น การรีวิวและการให้คะแนนที่ได้มาด้วยการฉ้อโกงหรือเสนอสิ่งจูงใจ หรือการจูงใจให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปอื่นเป็นฟังก์ชันหลักของแอป

เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • การขอให้ผู้ใช้ให้คะแนนแอปของคุณพร้อมเสนอรางวัลจูงใจ ได้แก่


        ① การแจ้งเตือนนี้มอบส่วนลดให้ผู้ใช้เพื่อแลกเปลี่ยนกับการให้คะแนนสูงๆ
     
  • การส่งคะแนนซ้ำๆ โดยอ้างว่าเป็นผู้ใช้เพื่อให้มีผลต่อตำแหน่งของแอปใน Google Play
     
  • การส่งหรือกระตุ้นให้ผู้ใช้ส่งรีวิวที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม เช่น แอฟฟิลิเอต คูปอง รหัสที่ใช้ในเกม อีเมล หรือลิงก์ไปยังเว็บไซต์หรือแอปอื่นๆ

        ② รีวิวนี้กระตุ้นให้ผู้ใช้โปรโมตแอป RescueRover ด้วยการมอบข้อเสนอพิเศษเป็นคูปอง

การให้คะแนนและรีวิวเป็นหลักเกณฑ์ที่ใช้วัดคุณภาพของแอป ผู้ใช้คาดหวังว่าคะแนนและรีวิวที่เห็นจะเป็นความจริงและมีความเกี่ยวข้อง คุณสามารถทำตามแนวทางปฏิบัติแนะนำต่อไปนี้เมื่อตอบกลับรีวิวของผู้ใช้

  • เน้นคำตอบของคุณไปยังปัญหาที่ผู้ใช้หยิบยกขึ้นมาในความคิดเห็น และอย่าร้องขอให้ผู้ใช้ให้คะแนนแอปของคุณสูงขึ้น
     
  • เพิ่มการอ้างอิงไปยังแหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เช่น ที่อยู่ของทีมสนับสนุนหรือหน้าคำถามที่พบบ่อย เข้าไปด้วยได้

การจัดประเภทเนื้อหา

การจัดประเภทเนื้อหาใน Google Play ดำเนินการโดยสหพันธ์การจัดประเภทตามอายุสากล (IARC) และออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์แสดงการจัดประเภทเนื้อหาที่สอดคล้องกับท้องถิ่นของผู้ใช้ได้ เจ้าหน้าที่ IARC ระดับภูมิภาคจะดูแลหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการกำหนดระดับวุฒิภาวะในการดูเนื้อหาในแอป เราไม่อนุญาตแอปที่ไม่มีการจัดประเภทเนื้อหาใน Google Play

วิธีใช้การจัดประเภทเนื้อหา

การจัดประเภทเนื้อหามีไว้เพื่อแจ้งข้อมูลให้ผู้บริโภค (โดยเฉพาะผู้ปกครอง) ทราบถึงเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมซึ่งอยู่ภายในแอป และยังช่วยกรองหรือบล็อกเนื้อหาในบางประเทศหรือสำหรับผู้ใช้บางกลุ่มตามที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งยังเป็นเกณฑ์ในการประเมินสิทธิ์ของแอปในการเข้าร่วมโปรแกรมพิเศษสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์อีกด้วย

วิธีกำหนดการจัดประเภทเนื้อหา

หากต้องการรับการจัดประเภทเนื้อหา คุณต้องกรอกแบบสอบถามด้านการจัดประเภทใน Play Console ซึ่งถามเกี่ยวกับลักษณะเนื้อหาของแอป แอปจะได้รับการจัดประเภทเนื้อหาจากหน่วยงานการจัดประเภทหลายแห่งโดยอิงจากคำตอบในแบบสอบถาม การแจ้งข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเนื้อหาในแอปอาจนำไปสู่การนำแอปออกหรือการระงับแอป ดังนั้นโปรดตอบแบบสอบถามการจัดประเภทเนื้อหาให้ตรงตามความจริง

เพื่อป้องกันไม่ให้แอปแสดงเป็น “ไม่ได้จัดประเภท” คุณต้องตอบแบบสอบถามการจัดประเภทเนื้อหาให้ครบถ้วนสำหรับแอปใหม่แต่ละแอปที่ส่งไปยัง Play Console รวมถึงแอปที่มีอยู่ทั้งหมดซึ่งเผยแพร่ใน Google Play อยู่แล้ว ทั้งนี้ แอปที่ไม่มีการจัดประเภทเนื้อหาจะถูกนำออกจาก Play Store

หากคุณเปลี่ยนแปลงเนื้อหาหรือฟีเจอร์ของแอปซึ่งทำให้คำตอบในแบบสอบถามการจัดประเภทเปลี่ยนไป คุณต้องส่งแบบสอบถามการจัดประเภทเนื้อหาใหม่ใน Play Console

ไปที่ศูนย์ช่วยเหลือเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหน่วยงานการจัดประเภทต่างๆ และวิธีตอบแบบสอบถามการจัดประเภทเนื้อหาให้ครบถ้วน

การยื่นอุทธรณ์การจัดประเภท

หากไม่เห็นด้วยกับการจัดประเภทที่แอปได้รับ คุณยื่นอุทธรณ์ต่อหน่วยงานการจัดประเภทอย่าง IARC ได้โดยตรงโดยใช้ลิงก์ที่ระบุไว้ในอีเมลใบรับรองของคุณ

News

แอปข่าวคือแอปที่มีลักษณะต่อไปนี้

  • ประกาศตัวว่าเป็นแอป "ข่าว" ใน Google Play Console หรือ
  • ระบุว่าตัวเองอยู่ในหมวดหมู่ "ข่าวและนิตยสาร" ใน Google Play Store และอธิบายตัวเองโดยใช้คำว่า "ข่าว" ในชื่อแอป ไอคอน ชื่อนักพัฒนาแอป หรือคำอธิบาย

ตัวอย่างแอปในหมวดหมู่ "ข่าวและนิตยสาร" ที่ถือว่าเป็นแอปข่าว ได้แก่

  • แอปที่อธิบายตัวเองโดยใช้คำว่า "ข่าว" ในคำอธิบายแอป ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงเนื้อหาต่อไปนี้
    • ข่าวล่าสุด
    • หนังสือพิมพ์
    • ข่าวด่วน
    • ข่าวท้องถิ่น
    • ข่าวประจำวัน
  • แอปที่มีคำว่า "ข่าว" ในชื่อแอป ไอคอน หรือชื่อนักพัฒนาแอป

อย่างไรก็ตาม หากแอปมีเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นเป็นหลัก (เช่น แอปโซเชียลมีเดีย) ไม่ควรประกาศว่าเป็นแอปข่าวและไม่ถือว่าเป็นแอปข่าว

แอปข่าวที่กำหนดให้ผู้ใช้จ่ายเงินสมัครสมาชิกต้องแสดงตัวอย่างเนื้อหาในแอปให้ผู้ใช้เห็นก่อนการซื้อ 

แอปข่าวต้องมีลักษณะดังนี้

  • ให้ข้อมูลการเป็นเจ้าของเกี่ยวกับแอปและแหล่งที่มาของบทความข่าว ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงผู้เผยแพร่หรือผู้เขียนต้นฉบับของบทความแต่ละเรื่อง ในกรณีที่มีธรรมเนียมไม่ระบุชื่อผู้เขียนบทความแต่ละคน แอปข่าวต้องเป็นผู้เผยแพร่บทความต้นฉบับ โปรดทราบว่าลิงก์ไปยังบัญชีโซเชียลมีเดียนั้นไม่เพียงพอที่จะเป็นข้อมูลผู้เขียนหรือผู้เผยแพร่เนื้อหาข่าว 
  • มีเว็บไซต์เฉพาะหรือหน้าในแอปที่ติดป้ายกำกับชัดเจนว่ามีข้อมูลติดต่อ ค้นหาได้ง่าย (เช่น ลิงก์ไว้ที่ด้านล่างของหน้าแรกหรือในแถบนำทางเว็บไซต์) และให้ข้อมูลติดต่อที่ถูกต้องของผู้เผยแพร่เนื้อหาข่าว ซึ่งรวมถึงอีเมลสำหรับติดต่อหรือหมายเลขโทรศัพท์ โปรดทราบว่าลิงก์ไปยังบัญชีโซเชียลมีเดียนั้นไม่เพียงพอที่จะเป็นข้อมูลติดต่อของผู้เผยแพร่เนื้อหาข่าว

แอปข่าวต้องไม่มีลักษณะดังนี้

  • มีข้อผิดพลาดด้านการสะกดและ/หรือไวยากรณ์ที่สำคัญ
  • มีเฉพาะเนื้อหาคงที่ (เช่น เนื้อหาที่มีอายุมากกว่า 3 เดือน) หรือ
  • มีจุดประสงค์หลักคือทำการตลาดแบบแอฟฟิลิเอตหรือสร้างรายได้จากโฆษณา  

โปรดทราบว่าแอปข่าวอาจใช้โฆษณาและการตลาดรูปแบบอื่นๆ เพื่อสร้างรายได้ ตราบใดที่แอปไม่ได้มีจุดประสงค์หลักเป็นการขายผลิตภัณฑ์และบริการหรือสร้างรายได้จากโฆษณา

แอปข่าวที่รวบรวมข้อมูลเนื้อหาจากแหล่งข่าวหลายแห่งต้องมีความโปร่งใสเกี่ยวกับแหล่งที่มาของเนื้อหาที่เผยแพร่ในแอป และแหล่งที่มาแต่ละแห่งต้องเป็นไปตามข้อกำหนดในนโยบายเกี่ยวกับข่าว

โปรดอ่านข้อมูลในบทความนี้เพื่อดูวิธีที่ดีที่สุดในการให้ข้อมูลที่จำเป็น 


สแปมและฟังก์ชันขั้นต่ำ

อย่างน้อยที่สุดแอปควรมอบฟังก์ชันขั้นพื้นฐานและให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้ใช้ แอปที่ขัดข้อง แสดงลักษณะการทำงานอื่นๆ ที่ไม่สอดคล้องกับประสบการณ์การใช้ฟังก์ชันของผู้ใช้ หรือใช้เพื่อส่งสแปมให้ผู้ใช้หรือ Google Play เท่านั้น ไม่ใช่แอปที่ประโยชน์ต่อแคตตาล็อกแอปของเรา

สแปม

เราไม่อนุญาตแอปที่ส่งสแปมให้ผู้ใช้หรือ Google Play เช่น แอปที่ส่งข้อความไม่พึงประสงค์ให้ผู้ใช้ หรือแอปที่ซ้ำกันและมีคุณภาพต่ำ

สแปมข้อความ

เราไม่อนุญาตแอปที่ส่ง SMS, อีเมล หรือข้อความอื่นๆ ในนามของผู้ใช้โดยไม่ให้ผู้ใช้สามารถยืนยันเนื้อหาและผู้รับที่ต้องการ
เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • เมื่อผู้ใช้กดปุ่ม "แชร์" แอปส่งข้อความในนามของผู้ใช้โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ยืนยันเนื้อหาและผู้รับที่จะส่งข้อความถึง

สแปมมุมมองเว็บและสแปมตามข้อตกลงความร่วมมือ

เราไม่อนุญาตแอปที่มีจุดประสงค์หลักในการผลักดันการเข้าชมตามข้อตกลงความร่วมมือไปยังเว็บไซต์ หรือนำเสนอมุมมองเว็บของเว็บไซต์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของเว็บไซต์หรือผู้ดูแลเว็บไซต์ดังกล่าว
เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • แอปที่มีจุดประสงค์หลักในการผลักดันการเข้าชมจากการอ้างอิงไปยังเว็บไซต์เพื่อรับเครดิตสำหรับการลงชื่อสมัครใช้หรือการซื้อของผู้ใช้ในเว็บไซต์ดังกล่าว
  • แอปต่อไปนี้มีจุดประสงค์หลักในการนำเสนอมุมมองเว็บของเว็บไซต์โดยไม่ได้รับอนุญาต

         ① แอปนี้ชื่อว่า "Ted’s Shopping Deals" และนำเสนอแต่มุมมองเว็บของ Google Shopping

เนื้อหาซ้ำ

เราไม่อนุญาตแอปที่ให้ประสบการณ์ที่มีอยู่แล้วในแอปอื่นบน Google Play แอปควรให้คุณค่าแก่ผู้ใช้ผ่านการสร้างเนื้อหาหรือบริการที่ไม่ซ้ำกับของแอปอื่น
เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • การคัดลอกเนื้อหาจากแอปอื่นโดยไม่เพิ่มเนื้อหาหรือคุณค่าที่เป็นของตนเอง
  • การสร้างแอปหลายแอปที่มีฟังก์ชันการทำงาน เนื้อหา และประสบการณ์ของผู้ใช้ที่คล้ายกันมาก หากแต่ละแอปมีปริมาณเนื้อหาน้อย นักพัฒนาซอฟต์แวร์ควรพิจารณาการสร้างแอปเดียวที่รวมเนื้อหาทั้งหมดไว้ด้วยกัน

ฟังก์ชันขั้นต่ำ

ตรวจสอบว่าแอปมอบประสบการณ์ที่เสถียร น่าสนใจ และตอบสนองต่อผู้ใช้ได้ดี
เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • แอปที่ไม่ได้ออกแบบมาให้ดำเนินการใดๆ หรือไม่มีฟังก์ชันใดๆ

ฟังก์ชันการทำงานขัดข้อง

เราไม่อนุญาตแอปที่ขัดข้อง บังคับให้ปิด ค้าง หรือทำงานผิดปกติ
เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • แอปที่ไม่ได้ติดตั้ง
  • แอปที่ติดตั้งแต่ไม่โหลด
  • แอปที่โหลดแต่ไม่ตอบสนอง

โปรแกรมอื่นๆ

นอกเหนือจากการปฏิบัติตามนโยบายเนื้อหาที่กำหนดไว้ในส่วนอื่นของศูนย์นโยบายนี้แล้ว แอปที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานบน Android แบบอื่นๆ และเผยแพร่ผ่าน Google Play ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดในนโยบายของแต่ละโปรแกรมด้วย โปรดอ่านรายการด้านล่างเพื่อดูว่านโยบายเหล่านี้มีผลกับแอปของคุณหรือไม่

Android Instant Apps

เป้าหมายของ Android Instant Apps คือสร้างประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจและราบรื่นให้แก่ผู้ใช้ ในขณะเดียวกันก็เป็นไปตามมาตรฐานความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยสูงสุด นโยบายของเราออกแบบมาเพื่อสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว

นักพัฒนาที่เลือกเผยแพร่ Android Instant Apps ผ่าน Google Play ต้องปฏิบัติตามนโยบายต่อไปนี้ นอกเหนือจากนโยบายโปรแกรมสำหรับนักพัฒนาแอปของ Google Play อื่นๆ ทั้งหมด

ข้อมูลระบุตัวตน

สำหรับ Instant App ที่มีฟังก์ชันการเข้าสู่ระบบ นักพัฒนาต้องผนวก Smart Lock สำหรับรหัสผ่านไว้ด้วย

การสนับสนุนลิงก์

นักพัฒนา Android Instant Apps ต้องสนับสนุนลิงก์สำหรับแอปอื่นอย่างเหมาะสม หาก Instant App หรือแอปที่ติดตั้งมีลิงก์ที่อาจเปลี่ยนไปเป็น Instant App ได้ นักพัฒนาจะต้องนำผู้ใช้ไปยัง Instant App นั้นแทนที่จะทำอย่างอื่น เช่น บันทึกลิงก์ใน WebView

ข้อกำหนดทางเทคนิค

นักพัฒนาต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดทางเทคนิคของ Android Instant Apps และข้อกำหนดของ Google ตามที่อาจมีการแก้ไขเพิ่มเติมเป็นครั้งคราว รวมทั้งข้อกำหนดในเอกสารประกอบที่เผยแพร่ต่อสาธารณะด้วย

การเสนอการติดตั้งแอป

Instant App เสนอให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปได้ แต่จะต้องไม่ใช่เป้าหมายหลักของแอป เมื่อเสนอการติดตั้ง นักพัฒนาจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดดังนี้

  • ใช้ไอคอน "ติดตั้งแอป" ของ Material Design และป้ายกำกับ "ติดตั้ง" ที่ปุ่มติดตั้ง
  • มีข้อความแจ้งใน Instant App ที่บอกเป็นนัยถึงการติดตั้งไม่เกิน 2-3 รายการ
  • ไม่ใช้แบนเนอร์หรือเทคนิคอื่นที่เหมือนโฆษณาเพื่อนำเสนอข้อความแจ้งการติดตั้งแก่ผู้ใช้

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Instant App และหลักเกณฑ์ของ UX ได้ในแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับประสบการณ์ของผู้ใช้

การเปลี่ยนสถานะอุปกรณ์

Instant App ต้องไม่ทำการเปลี่ยนแปลงในอุปกรณ์ของผู้ใช้ซึ่งจะยังคงอยู่หลังจากที่เซสชันของแอปสิ้นสุดแล้ว เช่น Instant App ต้องไม่เปลี่ยนวอลเปเปอร์ของผู้ใช้หรือสร้างวิดเจ็ตหน้าหลัก

ระดับการเข้าถึงแอป

นักพัฒนาต้องแน่ใจว่าผู้ใช้จะมองเห็น Instant App เพื่อให้ผู้ใช้ทราบได้เสมอว่าแอปกำลังทำงานในอุปกรณ์ของตน

ตัวระบุอุปกรณ์

ห้ามไม่ให้ Instant App เข้าถึงตัวระบุอุปกรณ์ที่ (1) ยังคงอยู่หลังจากที่ Instant App หยุดทำงานแล้ว และ (2) ผู้ใช้รีเซ็ตไม่ได้ ตัวอย่างได้แก่ แต่ไม่จำกัดเฉพาะ

  • ซีเรียลของบิวด์
  • ที่อยู่ MAC ของชิปเครือข่าย
  • IMEI, IMSI

Instant App สามารถเข้าถึงหมายเลขโทรศัพท์ได้หากได้มาโดยใช้สิทธิ์รันไทม์ นักพัฒนาแอปต้องไม่พยายามเก็บร่องรอยการใช้งานของผู้ใช้ด้วยตัวระบุเหล่านี้หรือวิธีอื่นใด

การจราจรของข้อมูลในเครือข่าย

การจราจรของข้อมูลในเครือข่ายจากภายใน Instant App ต้องเข้ารหัสลับโดยใช้โปรโตคอล TLS เช่น HTTPS

นโยบายอีโมจิของ Android

นโยบายอีโมจิของเราออกแบบขึ้นเพื่อส่งเสริมประสบการณ์ของผู้ใช้ที่สอดคล้องกันและไม่แบ่งแยก ดังนั้นทุกแอปจึงต้องรองรับอีโมจิแบบ Unicode เมื่อทำงานใน Android 12 ขึ้นไป 

แอปที่ใช้อีโมจิเริ่มต้นของ Android โดยไม่มีการนำไปใช้แบบกำหนดเองนั้นใช้อีโมจิแบบ Unicode เวอร์ชันล่าสุดอยู่แล้วเมื่อทำงานใน Android 12 ขึ้นไป 

แอปที่มีการนำอีโมจิไปใช้แบบกำหนดเอง ซึ่งรวมถึงแอปจากไลบรารีของบุคคลที่สาม ต้องรองรับ Unicode เวอร์ชันล่าสุดอย่างเต็มรูปแบบเมื่อทำงานใน Android 12 ขึ้นไป ภายใน 4 เดือนหลังการเผยแพร่อีโมจิแบบ Unicode เวอร์ชันใหม่

อ่านคู่มือนี้เพื่อดูวิธีรองรับอีโมจิสมัยใหม่


ครอบครัว

Google Play มีแพลตฟอร์มให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้นำเสนอเนื้อหาคุณภาพเยี่ยมที่เหมาะสมกับอายุสำหรับทุกคนในครอบครัว ก่อนส่งแอปเข้าร่วมโปรแกรมออกแบบเพื่อครอบครัวหรือส่งแอปที่กำหนดเป้าหมายเด็กไปยัง Google Play Store คุณมีหน้าที่ดูแลว่าแอปเหมาะสำหรับเด็กและปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ดูข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนของครอบครัวและดูรายการตรวจสอบแบบอินเทอร์แอกทีฟที่ Academy for App Success

นโยบายเพื่อครอบครัวของ Google Play

ปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสร้างเสริมชีวิตของครอบครัวมากขึ้น และผู้ปกครองกำลังมองหาเนื้อหาคุณภาพสูงที่ปลอดภัยเพื่อแชร์กับบุตรหลาน คุณอาจกำลังออกแบบแอปสำหรับเด็กโดยเฉพาะหรือแอปอาจเพียงแค่ดึงดูดความสนใจของเด็ก Google Play ต้องการช่วยคุณตรวจสอบว่าแอปปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ทุกคน รวมถึงครอบครัว

คำว่า "เด็ก" อาจมีความหมายแตกต่างกันไปในภาษาและบริบทที่ต่างกัน คุณต้องปรึกษาที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้ช่วยระบุภาระหน้าที่และ/หรือข้อจำกัดด้านอายุที่เกี่ยวข้องกับแอปของคุณ คุณทราบดีที่สุดว่าแอปทำงานอย่างไร เราจึงขอให้คุณช่วยตรวจสอบว่าแอปใน Google Play นั้นปลอดภัยสำหรับครอบครัว

แอปทั้งหมดที่เป็นไปตามนโยบายเพื่อครอบครัวของ Google Play จะเลือกรับการจัดประเภทในโปรแกรมการรับรองจากครูได้ แต่เราไม่อาจรับประกันได้ว่าแอปจะได้รวมอยู่ในโปรแกรมการรับรองจากครู 

ข้อกำหนดของ Play Console

กลุ่มเป้าหมายและเนื้อหา

ในส่วนกลุ่มเป้าหมายและเนื้อหาของ Google Play Console คุณต้องระบุกลุ่มเป้าหมายของแอปก่อนทำการเผยแพร่ โดยเลือกจากรายการกลุ่มอายุที่มีให้ ไม่ว่าคุณจะระบุกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มอายุใดก็ตามใน Google Play Console หากคุณเลือกที่จะใส่ภาพและคำศัพท์ที่ถือว่าเป็นการกำหนดเป้าหมายเด็กในแอป การดำเนินการนี้อาจส่งผลต่อวิธีที่ Google Play ประเมินกลุ่มเป้าหมายที่คุณประกาศไว้ Google Play ขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการตรวจสอบข้อมูลของแอปที่คุณให้มาด้วยตนเองเพื่อตัดสินว่ากลุ่มเป้าหมายที่คุณเปิดเผยนั้นถูกต้องหรือไม่

คุณควรเลือกกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มอายุมากกว่า 1 กลุ่มในกรณีที่คุณออกแบบและดูแลให้แอปเหมาะสำหรับผู้ใช้ภายในกลุ่มอายุที่เลือกเท่านั้น เช่น แอปที่ออกแบบมาสำหรับเด็กทารก เด็กเล็ก และเด็กปฐมวัย จะต้องเลือกเฉพาะกลุ่ม "อายุไม่เกิน 5 ปี" เป็นกลุ่มอายุเป้าหมายสำหรับแอปเหล่านั้น หากแอปออกแบบมาสำหรับระดับชั้นเรียนที่เจาะจง ให้เลือกกลุ่มอายุที่ตรงกับระดับชั้นเรียนดังกล่าวมากที่สุด คุณควรเลือกกลุ่มอายุที่รวมทั้งเด็กและผู้ใหญ่ในกรณีที่ได้ออกแบบแอปสำหรับคนทุกวัยจริงๆ เท่านั้น

การปรับปรุงส่วนกลุ่มเป้าหมายและเนื้อหา

คุณปรับปรุงข้อมูลของแอปในส่วนกลุ่มเป้าหมายและเนื้อหาใน Google Play Console ได้ทุกเมื่อ โดยคุณจะต้องอัปเดตแอปก่อนที่ข้อมูลนี้จะแสดงใน Google Play Store แต่อาจมีการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงที่คุณทำกับส่วนนี้ใน Google Play Console ว่าเป็นไปตามข้อกำหนดของนโยบายหรือไม่ก่อนที่จะมีการส่งการอัปเดตแอป

เราขอแนะนำให้คุณแจ้งให้ผู้ใช้ปัจจุบันทราบเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกลุ่มอายุเป้าหมายของแอปหรือเริ่มใช้โฆษณาหรือการซื้อในแอป ไม่ว่าจะผ่านทางส่วน "มีอะไรใหม่" ของหน้าข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store ของแอปหรือผ่านทางการแจ้งเตือนในแอป

การสื่อให้เข้าใจผิดใน Play Console

การสื่อข้อมูลเกี่ยวกับแอปให้เข้าใจผิดใน Play Console ซึ่งรวมถึงในส่วนกลุ่มเป้าหมายและเนื้อหา อาจทำให้แอปถูกนำออกหรือถูกระงับ ดังนั้นโปรดให้ข้อมูลที่ตรงตามความเป็นจริง

ข้อกำหนดของนโยบายเพื่อครอบครัว

หากแอปมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กด้วย คุณต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดต่อไปนี้ แอปที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดอาจถูกนำออกหรือถูกระงับ

  1. เนื้อหาแอป: เนื้อหาของแอปที่เด็กเข้าถึงได้ต้องเหมาะสำหรับเด็ก หากแอปมีเนื้อหาที่ไม่ได้เหมาะสมสำหรับทั่วโลก แต่ได้รับการพิจารณาว่าเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่เป็นเด็กในภูมิภาคหนึ่งๆ แอปจะให้บริการในภูมิภาคนั้นได้ (จำกัดภูมิภาค) แต่ไม่สามารถให้บริการในภูมิภาคอื่นๆ
  2. ฟังก์ชันการทำงานของแอป: แอปต้องไม่ให้บริการแค่เพียง WebView ของเว็บไซต์หรือมีวัตถุประสงค์หลักในการขับเคลื่อนการเข้าชมแอฟฟิลิเอตไปยังเว็บไซต์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของเว็บไซต์หรือผู้ดูแลระบบ
  3. คำตอบใน Play Console: คุณต้องตอบคำถามใน Play Console เกี่ยวกับแอปอย่างตรงไปตรงมาและอัปเดตคำตอบดังกล่าวให้ถูกต้องตรงกับการเปลี่ยนแปลงในแอป ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการให้คำตอบที่ตรงไปตรงมาเกี่ยวกับแอปในส่วนกลุ่มเป้าหมายและเนื้อหา ส่วนความปลอดภัยของข้อมูล และแบบสอบถามการจัดประเภทเนื้อหาของ IARC
  4. วิธีจัดการข้อมูล: คุณต้องเปิดเผยการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนในแอปจากเด็ก รวมถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลผ่าน API และ SDK ที่เรียกหรือใช้ในแอป ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนจากเด็กรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์, ข้อมูลเซ็นเซอร์จากกล้องและไมโครโฟน, ข้อมูลอุปกรณ์, รหัส Android และข้อมูลการใช้งานโฆษณา และคุณยังต้องตรวจสอบด้วยว่าแอปทำตามวิธีจัดการข้อมูลต่อไปนี้
    • แอปที่กำหนดเป้าหมายเป็นเด็กเท่านั้นจะต้องไม่ส่งตัวระบุโฆษณา Android (AAID), ซีเรียลของซิม, ซีเรียลของบิลด์, BSSID, MAC, SSID, IMEI และ/หรือ IMSI
      • แอปที่กำหนดเป้าหมายเป็นเด็กเท่านั้นไม่ควรขอสิทธิ์ AD_ID เมื่อกำหนดเป้าหมายเป็น Android API 33 ขึ้นไป
    • แอปที่กำหนดเป้าหมายทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต้องไม่ส่ง AAID, ซีเรียลของซิม, ซีเรียลของบิลด์, BSSID, MAC, SSID, IMEI และ/หรือ IMSI จากเด็กหรือผู้ใช้ที่ไม่ทราบอายุ
    • ต้องไม่ขอหมายเลขโทรศัพท์ของอุปกรณ์จาก TelephonyManager ของ Android API
    • แอปที่กำหนดเป้าหมายเป็นเด็กเท่านั้นต้องไม่ขอสิทธิ์เข้าถึงตำแหน่งหรือเก็บรวบรวม ใช้ และส่งตำแหน่งที่แน่นอน
    • แอปต้องใช้ Companion Device Manager (CDM) เมื่อขอบลูทูธ เว้นแต่จะกำหนดเป้าหมายเป็นเวอร์ชันระบบปฏิบัติการ (OS) ของอุปกรณ์ที่เข้ากันไม่ได้กับ CDM เท่านั้น
  5. API และ SDK: คุณต้องดูแลให้แอปมีการใช้งาน API และ SDK อย่างเหมาะสม
    • แอปที่กำหนดเป้าหมายเป็นเด็กเท่านั้นต้องไม่มี API หรือ SDK ที่ไม่ได้รับอนุมัติให้ใช้ในบริการที่มีเด็กเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก
      • ตัวอย่างเช่น บริการ API ที่ใช้เทคโนโลยี OAuth สำหรับการตรวจสอบสิทธิ์และการให้สิทธิ์ซึ่งข้อกำหนดในการให้บริการระบุว่าไม่ได้รับอนุมัติให้ใช้ในบริการที่มีเด็กเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก
    • แอปที่กำหนดเป้าหมายเป็นทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต้องไม่ใช้ API หรือ SDK ที่ไม่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในบริการที่มีเด็กเป็นกลุ่มเป้าหมาย เว้นแต่จะใช้งานเบื้องหลังการกรอกอายุแบบอิสระหรือใช้ในลักษณะที่ไม่ส่งผลให้มีการรวบรวมข้อมูลจากเด็ก แอปที่กำหนดเป้าหมายเป็นทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต้องไม่กำหนดให้ผู้ใช้เข้าถึงเนื้อหาแอปผ่าน API หรือ SDK ที่ไม่ได้รับอนุมัติให้ใช้งานในบริการที่มีเด็กเป็นกลุ่มเป้าหมาย
  6. เทคโนโลยีความจริงเสริม (AR): หากแอปใช้เทคโนโลยีความจริงเสริม (AR) คุณต้องใส่คำเตือนเพื่อความปลอดภัยทันทีที่มีการเปิดส่วน AR ขึ้นมา โดยคำเตือนควรมีข้อมูลดังต่อไปนี้
    • ข้อความที่เหมาะสมเกี่ยวกับความสำคัญของการควบคุมดูแลโดยผู้ปกครอง
    • คำเตือนให้ระมัดระวังอันตรายทางกายภาพในชีวิตจริง (เช่น โปรดระวังสิ่งที่อยู่รอบตัว)
    • แอปต้องไม่กำหนดให้ใช้อุปกรณ์ที่มีคำแนะนำไม่ให้เด็กใช้ (เช่น Daydream, Oculus)
  7. แอปและฟีเจอร์โซเชียล: หากแอปอนุญาตให้ผู้ใช้แชร์หรือแลกเปลี่ยนข้อมูล คุณต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับฟีเจอร์เหล่านี้อย่างตรงไปตรงมาในแบบสอบถามการจัดประเภทเนื้อหาของ Play Console
    • แอปโซเชียล: แอปโซเชียลคือแอปที่มุ่งเน้นในการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้แชร์เนื้อหารูปแบบอิสระหรือสื่อสารกับผู้คนหมู่มากเป็นหลัก แอปโซเชียลทุกแอปที่รวมเด็กไว้ในกลุ่มเป้าหมายจะต้องแสดงการแจ้งเตือนในแอปเกี่ยวกับการออนไลน์อย่างปลอดภัยและการระมัดระวังความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตจริงจากการโต้ตอบทางออนไลน์ ก่อนที่จะอนุญาตให้ผู้ใช้ที่เป็นเด็กแลกเปลี่ยนสื่อหรือข้อมูลรูปแบบอิสระ และยังต้องกำหนดให้มีการดำเนินการของผู้ใหญ่ก่อนที่จะอนุญาตให้ผู้ใช้ที่เป็นเด็กแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนบุคคลด้วย
    • ฟีเจอร์โซเชียล: ฟีเจอร์โซเชียลคือฟังก์ชันการทำงานเพิ่มเติมใดๆ ก็ตามของแอปที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้แชร์เนื้อหารูปแบบอิสระหรือสื่อสารกับผู้คนหมู่มาก ทุกแอปที่รวมเด็กไว้ในกลุ่มเป้าหมายและมีฟีเจอร์โซเชียลจะต้องแสดงการแจ้งเตือนในแอปเกี่ยวกับการออนไลน์อย่างปลอดภัยและการระมัดระวังความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตจริงจากการโต้ตอบทางออนไลน์ ก่อนที่จะอนุญาตให้ผู้ใช้ที่เป็นเด็กแลกเปลี่ยนสื่อหรือข้อมูลรูปแบบอิสระ และยังต้องมีวิธีการสำหรับผู้ใหญ่ในการจัดการฟีเจอร์โซเชียลสำหรับผู้ใช้ที่เป็นเด็ก ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการเปิด/ปิดใช้ฟีเจอร์โซเชียลหรือการเลือกฟังก์ชันการทำงานในระดับต่างๆ ท้ายที่สุด คุณต้องกำหนดให้มีการดำเนินการของผู้ใหญ่ก่อนที่จะเปิดใช้ฟีเจอร์ที่อนุญาตให้เด็กๆ แลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนบุคคล
    • การดำเนินการของผู้ใหญ่หมายถึงกลไกในการยืนยันว่าผู้ใช้ที่ดำเนินการนั้นไม่ใช่เด็กและไม่สนับสนุนให้เด็กแจ้งอายุที่ไม่เป็นความจริงเพื่อเข้าถึงพื้นที่ในแอปที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใหญ่ (ซึ่งก็คือ PIN, รหัสผ่าน, วันเกิด, การยืนยันอีเมล, บัตรประจำตัวที่มีรูปถ่าย, บัตรเครดิต หรือ SSN ของผู้ใหญ่)
    • แอปโซเชียลที่มุ่งเน้นการแชทกับบุคคลแปลกหน้าเป็นหลักต้องไม่มีเด็กเป็นกลุ่มเป้าหมาย ตัวอย่างเช่น แอปแบบสุ่มแชท แอปหาคู่ ห้องแชทแบบเปิดที่เน้นแต่เด็กๆ เป็นต้น
  8. การปฏิบัติตามกฎหมาย: คุณต้องดูแลให้แอป รวมถึง API หรือ SDK ที่แอปเรียกหรือใช้นั้นเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทางอินเทอร์เน็ตของเด็ก (Children’s Online Privacy Protection Act หรือ COPPA) ของสหรัฐอเมริกา กฎระเบียบให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภค (GDPR) ของสหภาพยุโรป ตลอดจนกฎหมายหรือกฎระเบียบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • แอปที่โปรโมตการเล่นสำหรับเด็กในข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store แต่เนื้อหาของแอปเหมาะสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น
  • แอปที่ใช้ API ซึ่งมีข้อกำหนดในการให้บริการซึ่งห้ามไม่ให้ใช้งานในแอปที่มีเด็กเป็นกลุ่มเป้าหมาย
  • แอปที่ส่งเสริมการใช้แอลกอฮอล์ ยาสูบ หรือสารควบคุม
  • แอปที่มีการพนันจริงหรือการจำลองการพนัน
  • แอปที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรุนแรง การนองเลือด หรือสร้างความตกใจซึ่งไม่เหมาะสำหรับเด็ก
  • แอปที่ให้บริการหาคู่หรือให้คำแนะนำทางเพศหรือการสมรส
  • แอปที่มีลิงก์ไปยังเว็บไซต์ที่นำเสนอเนื้อหาที่ละเมิดนโยบายโปรแกรมสำหรับนักพัฒนาแอปของ Google Play
  • แอปที่แสดงโฆษณาสำหรับผู้ใหญ่แก่เด็ก (เช่น เนื้อหาที่มีความรุนแรง เนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศ เนื้อหาเกี่ยวกับการพนัน) 

โฆษณาและการสร้างรายได้

หากคุณสร้างรายได้จากแอปที่มีเด็กเป็นกลุ่มเป้าหมายใน Play แอปของคุณจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของนโยบายโฆษณาและการสร้างรายได้สำหรับครอบครัว

นโยบายด้านล่างใช้กับการสร้างรายได้และการโฆษณาทั้งหมดในแอป ซึ่งรวมถึงโฆษณา การโปรโมตหลายช่องทาง (สำหรับแอปของคุณเองและแอปของบุคคลที่สาม) ข้อเสนอสำหรับการซื้อในแอป หรือเนื้อหาเชิงพาณิชย์อื่นๆ (เช่น การแสดงผลิตภัณฑ์แบบชำระเงิน) การสร้างรายได้และการโฆษณาทั้งหมดในแอปเหล่านี้ต้องเป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องทั้งหมด (รวมถึงหลักเกณฑ์การกำกับตนเองหรือหลักเกณฑ์ของอุตสาหกรรมใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้อง)

Google Play ขอสงวนสิทธิ์ในการปฏิเสธ นำออก หรือระงับแอปที่มีกลยุทธ์ในการโฆษณาที่รุกล้ำมากเกินไป

ข้อกำหนดของโฆษณา

 หากแอปแสดงโฆษณาให้แก่เด็กหรือผู้ใช้ที่ไม่ทราบอายุ คุณต้องปฏิบัติดังนี้

  • ใช้เฉพาะ SDK โฆษณาที่ผ่านการรับรองด้วยตนเองสำหรับครอบครัวของ Google Play เท่านั้นในการแสดงโฆษณาแก่ผู้ใช้
  • ตรวจสอบว่าโฆษณาที่แสดงต่อผู้ใช้เหล่านั้นไม่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาตามความสนใจ (การโฆษณาที่กำหนดกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใช้แต่ละรายที่มีลักษณะเฉพาะตามพฤติกรรมการท่องเว็บออนไลน์) หรือรีมาร์เก็ตติ้ง (การโฆษณาที่กำหนดกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใช้แต่ละรายตามการโต้ตอบที่เคยมีกับแอปหรือเว็บไซต์หนึ่งๆ) 
  • ตรวจสอบว่าโฆษณาที่แสดงแก่ผู้ใช้เหล่านั้นนำเสนอเนื้อหาที่เหมาะสำหรับเด็ก
  • ตรวจสอบว่าโฆษณาที่แสดงแก่ผู้ใช้เหล่านั้นเป็นไปตามข้อกำหนดด้านรูปแบบโฆษณาสำหรับครอบครัว และ
  • ตรวจสอบว่ามีการปฏิบัติตามกฎระเบียบทางกฎหมายทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการแสดงโฆษณาแก่เด็ก

ข้อกำหนดรูปแบบโฆษณา

การสร้างรายได้และการโฆษณาในแอปต้องไม่มีเนื้อหาที่หลอกลวงหรือออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้ที่เป็นเด็กคลิกโดยไม่ตั้งใจ

ห้ามมิให้ใช้วิธีการต่อไปนี้ หากแอปมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กเท่านั้น หากแอปมีกลุ่มเป้าหมายเป็นทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ห้ามมิให้ใช้วิธีการต่อไปนี้เมื่อแสดงโฆษณาให้แก่เด็กหรือผู้ใช้ที่ไม่ทราบอายุ

  • การสร้างรายได้และการโฆษณาที่รบกวนผู้ใช้ ซึ่งรวมถึงการสร้างรายได้และการโฆษณาที่ใช้พื้นที่ทั้งหมดของหน้าจอหรือแทรกแซงการใช้งานตามปกติและไม่แจ้งวิธีการปิดโฆษณาอย่างชัดเจน (เช่น กำแพงโฆษณา)
  • การสร้างรายได้และการโฆษณาที่แทรกแซงการใช้งานแอปหรือการเล่นเกมตามปกติ ซึ่งรวมถึงโฆษณาที่มีการให้รางวัลหรือโฆษณาที่มีตัวเลือกในการเลือกรับ ซึ่งปิดไม่ได้หลังจากผ่านไป 5 วินาที
  • การสร้างรายได้และการโฆษณาที่ไม่แทรกแซงการใช้แอปหรือการเล่นเกมตามปกติสามารถแสดงอยู่ได้นานกว่า 5 วินาที (เช่น เนื้อหาวิดีโอที่มีโฆษณารวมอยู่)
  • การสร้างรายได้แบบโฆษณาคั่นระหว่างหน้าและการโฆษณาคั่นระหว่างหน้าที่แสดงขึ้นทันทีที่เปิดแอป
  • ตำแหน่งโฆษณาหลายตำแหน่งในหน้าเว็บ 1 หน้า (เช่น ไม่อนุญาตการใช้โฆษณาแบนเนอร์ที่แสดงข้อเสนอหลายรายการในตำแหน่งเดียว หรือการแสดงโฆษณาแบนเนอร์หรือโฆษณาวิดีโอมากกว่า 1 รายการ)
  • การสร้างรายได้หรือการโฆษณาที่แยกแยะจากเนื้อหาของแอปไม่ได้อย่างชัดเจน เช่น Offerwall และประสบการณ์การใช้งานโฆษณาสมจริงอื่นๆ
  • การใช้กลยุทธ์ที่สร้างความตื่นตระหนกหรือการตบตาที่ส่งผลต่ออารมณ์เพื่อกระตุ้นให้มีการดูโฆษณาหรือการซื้อในแอป
  • โฆษณาหลอกลวงที่บังคับให้ผู้ใช้คลิกผ่านโดยใช้ปุ่มปิดเพื่อเรียกโฆษณาอื่น หรือโดยทำให้โฆษณาปรากฏขึ้นทันทีในพื้นที่ของแอปซึ่งโดยทั่วไปแล้วเป็นที่ที่ผู้ใช้จะแตะเพื่อให้มีการทำงานอื่น
  • ไม่มีความแตกต่างระหว่างการใช้เหรียญเสมือนในเกมกับการใช้เงินจริงสำหรับการซื้อในแอป
เราได้สร้างมาตรฐานที่กำหนดและห้ามเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้เพื่อให้ Google Play ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ต่อไป
  • การสร้างรายได้และการโฆษณาที่ย้ายจากนิ้วของผู้ใช้เมื่อผู้ใช้พยายามปิด
  • การสร้างรายได้และการโฆษณาที่ไม่มีวิธีออกจากข้อเสนอให้กับผู้ใช้หลังจากห้า (5) วินาทีตามที่แสดงให้เห็นในตัวอย่างด้านล่าง

     
  • การสร้างรายได้และการโฆษณาที่ใช้พื้นที่ส่วนใหญ่ของหน้าจออุปกรณ์โดยไม่แจ้งให้ผู้ใช้ทราบวิธีการปิดอย่างชัดเจนตามที่แสดงให้เห็นในตัวอย่างด้านล่าง

  • โฆษณาแบนเนอร์ที่แสดงข้อเสนอหลายรายการตามที่แสดงให้เห็นในตัวอย่างด้านล่าง
  • การสร้างรายได้และการโฆษณาที่อาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าเป็นเนื้อหาแอปตามที่แสดงให้เห็นในตัวอย่างด้านล่าง
  • ปุ่ม โฆษณา หรือการสร้างรายได้อื่นๆ ที่โปรโมตข้อมูลผลิตภัณฑ์อื่นของคุณใน Google Play Store แต่แยกแยะจากเนื้อหาของแอปไม่ได้ตามที่แสดงให้เห็นในตัวอย่างด้านล่าง

ต่อไปนี้คือตัวอย่างของเนื้อหาโฆษณาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งไม่ควรแสดงแก่เด็ก

  • เนื้อหาสื่อที่ไม่เหมาะสม: โฆษณารายการทีวี ภาพยนตร์ อัลบั้มเพลง หรือสื่ออื่นๆ ที่ไม่เหมาะสำหรับเด็ก
  • วิดีโอเกมและซอฟต์แวร์ที่ดาวน์โหลดได้: โฆษณาซอฟต์แวร์ที่ดาวน์โหลดได้และวิดีโอเกมอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่เหมาะสำหรับเด็ก
  • สารควบคุมหรือสารที่เป็นอันตราย: โฆษณาแอลกอฮอล์ ยาสูบ สารควบคุม หรือสารที่เป็นอันตรายอื่นๆ
  • การพนัน: โฆษณาเกี่ยวกับการพนันที่จำลองขึ้น การแข่งขัน หรือโปรโมชันการชิงโชค แม้ว่าจะเข้าร่วมได้ฟรี
  • เนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่และเนื้อหาที่มีการชี้นำทางเพศ: โฆษณาที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเพศ เนื้อหาที่มีการชี้นำทางเพศ และเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่
  • การออกเดทหรือความสัมพันธ์: โฆษณาสำหรับเว็บไซต์หาคู่หรือความสัมพันธ์แบบผู้ใหญ่
  • เนื้อหาที่มีความรุนแรง: โฆษณาที่มีเนื้อหารุนแรงและเนื้อหาสยดสยองซึ่งไม่เหมาะสำหรับเด็ก

SDK โฆษณา

หากคุณแสดงโฆษณาในแอปและมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กเท่านั้น คุณต้องใช้เฉพาะเวอร์ชัน SDK โฆษณาสำหรับครอบครัวที่ผ่านการรับรองด้วยตนเอง หากกลุ่มเป้าหมายของแอปมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ คุณต้องใช้มาตรการคัดกรองอายุ เช่น การกรอกอายุแบบอิสระ และตรวจสอบว่าโฆษณาที่แสดงให้แก่เด็กมาจากเวอร์ชัน SDK โฆษณาสำหรับครอบครัวที่ผ่านการรับรองด้วยตนเองของ Google Play เท่านั้น 

โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกำหนดเหล่านี้ที่หน้านโยบายโปรแกรม SDK โฆษณาสำหรับครอบครัวที่ผ่านการรับรองด้วยตนเอง และดูรายการเวอร์ชัน SDK โฆษณาสำหรับครอบครัวที่ผ่านการรับรองด้วยตนเองได้ที่นี่

หากคุณใช้ AdMob โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของ AdMob ในศูนย์ช่วยเหลือของ AdMob

คุณมีหน้าที่ดูแลให้แอปเป็นไปตามข้อกำหนดทั้งหมดเกี่ยวกับโฆษณา การซื้อในแอป และเนื้อหาเชิงพาณิชย์ ติดต่อผู้ให้บริการ SDK โฆษณาเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายเนื้อหาและแนวทางปฏิบัติด้านโฆษณาของผู้ให้บริการ


นโยบายโปรแกรม SDK โฆษณาที่ผ่านการรับรองด้วยตนเองสำหรับครอบครัว

Google Play มุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ปลอดภัยให้แก่เด็กและครอบครัว ส่วนสำคัญของการดำเนินการนี้คือการช่วยดูแลให้เด็กเห็นเฉพาะโฆษณาที่เหมาะกับวัยและมีการจัดการข้อมูลของเด็กอย่างเหมาะสม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ เราจึงกำหนดให้ SDK โฆษณาและแพลตฟอร์มสื่อกลางรับรองด้วยตนเองว่ามีความเหมาะสมสำหรับเด็กและปฏิบัติตามนโยบายโปรแกรมสำหรับนักพัฒนาแอป Google Play และนโยบายเพื่อครอบครัวของ Google Play ซึ่งรวมถึงข้อกำหนดของโปรแกรม SDK โฆษณาสำหรับครอบครัวที่ผ่านการรับรองด้วยตนเอง

โปรแกรม SDK โฆษณาสำหรับครอบครัวที่ผ่านการรับรองด้วยตนเองของ Google Play เป็นช่องทางที่สำคัญสำหรับนักพัฒนาแอปในการระบุ SDK โฆษณาหรือแพลตฟอร์มสื่อกลางที่รับรองด้วยตนเองว่าเหมาะสำหรับการใช้งานในแอปที่ออกแบบมาเพื่อเด็กโดยเฉพาะ 

การสื่อข้อมูลเกี่ยวกับ SDK ให้เข้าใจผิด ซึ่งรวมถึงในการสมัครผ่านแบบฟอร์มแสดงความสนใจอาจทำให้ SDK ถูกนำออกหรือถูกระงับจากโปรแกรม SDK โฆษณาสำหรับครอบครัวที่ผ่านการรับรองด้วยตนเอง ดังนั้นโปรดให้ข้อมูลที่ตรงตามความเป็นจริง

ข้อกำหนดของนโยบาย

หาก SDK หรือแพลตฟอร์มสื่อกลางแสดงโฆษณาในแอปที่อยู่ในโปรแกรมเพื่อครอบครัวของ Google Play คุณต้องปฏิบัติตามนโยบายสำหรับนักพัฒนาแอป Google Play ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงข้อกำหนดต่อไปนี้ การไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของนโยบายอาจทำให้ถูกนำออกหรือถูกระงับจากโปรแกรม SDK โฆษณาสำหรับครอบครัวที่ผ่านการรับรองด้วยตนเอง

คุณมีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจสอบว่า SDK หรือแพลตฟอร์มสื่อกลางเป็นไปตามข้อกำหนด ดังนั้นโปรดอ่านนโยบายโปรแกรมสำหรับนักพัฒนาแอป Google Play, นโยบายเพื่อครอบครัวของ Google Play และข้อกำหนดของโปรแกรม SDK โฆษณาสำหรับครอบครัวที่ผ่านการรับรองด้วยตนเอง

  1. เนื้อหาโฆษณา: เนื้อหาโฆษณาที่เด็กเข้าถึงได้ต้องเหมาะสำหรับเด็ก
    • คุณต้อง (1) ให้คำจำกัดความสำหรับเนื้อหาโฆษณาและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและ (2) ห้ามการใช้เนื้อหาและพฤติกรรมดังกล่าวในข้อกำหนดหรือนโยบายของคุณ คำจำกัดความดังกล่าวควรเป็นไปตามนโยบายโปรแกรมสำหรับนักพัฒนาแอป Google Play
    • นอกจากนี้คุณต้องสร้างวิธีการจัดประเภทครีเอทีฟโฆษณาของคุณตามกลุ่มที่เหมาะสมกับวัย โดยกลุ่มที่เหมาะสมกับวัยจะต้องมีประเภท "ทุกวัย" และ "ผู้ใหญ่" เป็นอย่างน้อย วิธีการจัดประเภทต้องสอดคล้องกับวิธีการที่ Google ใช้กับ SDK เมื่อได้กรอกแบบฟอร์มแสดงความสนใจ
    • คุณต้องตรวจสอบว่าเมื่อมีการใช้การเสนอราคาแบบเรียลไทม์เพื่อแสดงโฆษณาให้แก่เด็ก ได้มีการตรวจสอบครีเอทีฟโฆษณาและปฏิบัติตามข้อกำหนดข้างต้น
    • คุณต้องมีกลไกแบบภาพที่ใช้ระบุครีเอทีฟโฆษณาว่ามาจากพื้นที่โฆษณาของคุณ (เช่น การใส่ลายน้ำเป็นภาพโลโก้บริษัทลงในครีเอทีฟโฆษณาหรือฟังก์ชันการทำงานที่คล้ายกัน)
  2. รูปแบบโฆษณา: คุณต้องตรวจสอบว่าโฆษณาทั้งหมดที่แสดงแก่ผู้ใช้ที่เป็นเด็กเป็นไปตามข้อกำหนดรูปแบบโฆษณาสำหรับครอบครัว และคุณต้องอนุญาตให้นักพัฒนาแอปเลือกรูปแบบโฆษณาที่เป็นไปตามนโยบายเพื่อครอบครัวของ Google Play
    • การโฆษณาต้องไม่มีเนื้อหาที่หลอกลวงหรือออกแบบมาในลักษณะที่จะทำให้ผู้ใช้ที่เป็นเด็กคลิกโดยไม่ตั้งใจ ไม่อนุญาตให้ใช้โฆษณาหลอกลวงที่บังคับให้ผู้ใช้คลิกผ่านโดยใช้ปุ่มปิดเพื่อเรียกโฆษณาอื่น หรือโดยทำให้โฆษณาปรากฏขึ้นทันทีในพื้นที่ของแอปซึ่งโดยทั่วไปแล้วเป็นที่ที่ผู้ใช้จะแตะเพื่อให้มีการทำงานอื่น
    • ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาที่รบกวนผู้ใช้ ซึ่งรวมถึงการโฆษณาที่ใช้พื้นที่ทั้งหมดของหน้าจอหรือรบกวนการใช้งานตามปกติและไม่แจ้งวิธีการปิดโฆษณาอย่างชัดเจน (เช่น กำแพงโฆษณา)
    • การโฆษณาที่รบกวนการใช้งานแอปหรือการเล่นเกมตามปกติ ซึ่งรวมถึงโฆษณาที่มีการให้รางวัลหรือโฆษณาที่มีตัวเลือกในการเลือกรับต้องปิดได้หลังจากผ่านไป 5 วินาที
    • ไม่อนุญาตตำแหน่งโฆษณาหลายตำแหน่งในหน้าเว็บ 1 หน้า เช่น ไม่อนุญาตการใช้โฆษณาแบนเนอร์ที่แสดงข้อเสนอหลายรายการในตำแหน่งเดียว หรือการแสดงโฆษณาแบนเนอร์หรือโฆษณาวิดีโอมากกว่า 1 รายการ
    • การโฆษณาต้องแยกออกจากเนื้อหาแอปได้อย่างชัดเจน ไม่อนุญาตให้ใช้ Offerwall และประสบการณ์การใช้งานโฆษณาสมจริง ซึ่งผู้ใช้ที่เป็นเด็กไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าเป็นโฆษณา
    • การโฆษณาต้องไม่ใช้กลยุทธ์ที่สร้างความตื่นตระหนกหรือการตบตาที่ส่งผลต่ออารมณ์เพื่อกระตุ้นให้มีการดูโฆษณา
  3. IBA/รีมาร์เก็ตติ้ง: คุณต้องตรวจสอบว่าโฆษณาที่แสดงต่อผู้ใช้ที่เป็นเด็กไม่มีการโฆษณาตามความสนใจ (การโฆษณาที่กำหนดเป้าหมายผู้ใช้แต่ละคนที่มีลักษณะเฉพาะตัวโดยอิงตามพฤติกรรมการท่องเว็บออนไลน์) หรือรีมาร์เก็ตติ้ง (การโฆษณาที่กำหนดเป้าหมายผู้ใช้แต่ละคนโดยอิงตามการโต้ตอบกับแอปหรือเว็บไซต์ก่อนหน้านี้)
  4. วิธีจัดการข้อมูล: คุณในฐานะผู้ให้บริการ SDK ต้องเปิดเผยวิธีจัดการข้อมูลผู้ใช้ด้วยความโปร่งใส (เช่น ข้อมูลที่รวบรวมจากผู้ใช้หรือเกี่ยวกับผู้ใช้ รวมถึงข้อมูลอุปกรณ์) ซึ่งหมายถึงการเปิดเผยการเข้าถึง การเก็บรวบรวม และการใช้งานของ SDK รวมถึงการแชร์ข้อมูลดังกล่าวและการจำกัดการใช้ข้อมูลให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่เปิดเผยให้ทราบ ข้อกำหนดเหล่านี้ของ Google Play เป็นข้อกำหนดเพิ่มเติมจากข้อกำหนดใดๆ ที่กำหนดไว้โดยกฎหมายคุ้มครองความเป็นส่วนตัวและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง คุณต้องเปิดเผยการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนจากเด็ก ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์, ข้อมูลเซ็นเซอร์จากกล้องและไมโครโฟน, ข้อมูลอุปกรณ์, รหัส Android และข้อมูลการใช้งานโฆษณา
  5. แพลตฟอร์มสื่อกลาง: เมื่อแสดงโฆษณาให้แก่เด็ก คุณต้องดำเนินการต่อไปนี้
    • ใช้เฉพาะ SDK โฆษณาสำหรับครอบครัวที่ผ่านการรับรองด้วยตนเองหรือใช้การป้องกันที่จำเป็น เพื่อให้โฆษณาทั้งหมดที่แสดงจากสื่อกลางเป็นไปตามข้อกำหนดเหล่านี้ และ
    • ส่งผ่านข้อมูลที่จำเป็นไปยังแพลตฟอร์มสื่อกลางเพื่อระบุการจัดประเภทเนื้อหาโฆษณาและการดูแลให้เหมาะสมกับเด็กตามที่เกี่ยวข้อง
  6. การรับรองด้วยตนเองและการปฏิบัติตามข้อกำหนด: คุณต้องให้ข้อมูลที่เพียงพอแก่ Google เช่น ข้อมูลที่ระบุในแบบฟอร์มแสดงความสนใจ เพื่อยืนยันว่านโยบายของ SDK โฆษณาเป็นไปตามข้อกำหนดทั้งหมดของการรับรองด้วยตนเอง ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง
    • การจัดเตรียมข้อมูลเวอร์ชันภาษาอังกฤษของข้อกำหนดในการให้บริการ นโยบายความเป็นส่วนตัว และคู่มือการผสานรวมสำหรับผู้เผยแพร่โฆษณาของ SDK หรือแพลตฟอร์มสื่อกลาง
    • การส่งตัวอย่างแอปทดสอบซึ่งใช้ SDK โฆษณาเวอร์ชันล่าสุดที่เป็นไปตามข้อกำหนด ตัวอย่างแอปทดสอบควรเป็น Android APK ที่สร้างอย่างสมบูรณ์และสั่งการได้ ซึ่งใช้ฟีเจอร์ทั้งหมดของ SDK ข้อกำหนดของแอปทดสอบมีดังนี้
      • ต้องส่งเป็น Android APK ที่สร้างอย่างสมบูรณ์และสั่งการได้ซึ่งออกแบบมาเพื่อเรียกใช้ในรูปแบบของอุปกรณ์ที่เป็นโทรศัพท์
      • ต้องใช้ SDK โฆษณาเวอร์ชันที่เผยแพร่ล่าสุดหรือใกล้จะเผยแพร่ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ Google Play
      • ต้องใช้ฟีเจอร์ทั้งหมดของ SDK โฆษณา ซึ่งรวมถึงการเรียกใช้ SDK โฆษณาเพื่อดึงข้อมูลและแสดงโฆษณา
      • ต้องมีสิทธิ์โดยสมบูรณ์ในการเข้าถึงพื้นที่โฆษณาที่เผยแพร่/แสดงอยู่ทั้งหมดในเครือข่ายผ่านครีเอทีฟโฆษณาที่ขอผ่านแอปทดสอบนั้น
      • ต้องไม่จำกัดตามตำแหน่งทางภูมิศาสตร์
      • หากพื้นที่โฆษณาของคุณมีไว้สำหรับผู้ชมคละวัย แอปทดสอบต้องแยกความแตกต่างระหว่างคำขอครีเอทีฟโฆษณาจากพื้นที่โฆษณาทั้งหมดและพื้นที่โฆษณาที่เหมาะสำหรับเด็กหรือทุกกลุ่มอายุ
      • ต้องไม่จำกัดเป็นโฆษณาบางรายการภายในพื้นที่โฆษณา เว้นแต่มีการควบคุมด้วยการกรอกอายุแบบอิสระ
  7. คุณต้องตอบสนองต่อคำขอข้อมูลที่ตามมาอย่างทันท่วงทีและรับรองด้วยตนเองว่าเวอร์ชันใหม่ทั้งหมดที่เผยแพร่เป็นไปตามนโยบายโปรแกรมสำหรับนักพัฒนาแอป Google Play ฉบับล่าสุด ซึ่งรวมถึงข้อกำหนดของนโยบายเพื่อครอบครัว
  8. การปฏิบัติตามกฎหมาย: SDK โฆษณาสำหรับครอบครัวที่ผ่านการรับรองด้วยตนเองต้องรองรับการแสดงโฆษณาที่ปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเกี่ยวกับเด็ก ซึ่งอาจมีผลบังคับใช้กับผู้เผยแพร่โฆษณา

โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกำหนดของโปรแกรมในหน้าโปรแกรม SDK โฆษณาสำหรับครอบครัวที่ผ่านการรับรองด้วยตนเอง


การบังคับใช้

การหลีกเลี่ยงการละเมิดนโยบายไว้ก่อนย่อมดีกว่าการต้องมาจัดการการละเมิดในภายหลังอย่างแน่นอน แต่เมื่อเกิดการละเมิดขึ้นแล้ว เราจะต้องตรวจสอบว่านักพัฒนาซอฟต์แวร์เข้าใจวิธีทำให้แอปของตนตรงตามข้อกำหนดนโยบาย โปรดแจ้งให้เราทราบหากคุณพบเห็นการละเมิดใดๆ หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการจัดการกับการละเมิด

ขอบเขตนโยบาย

นโยบายของเราใช้กับเนื้อหาทั้งหมดที่แอปของคุณแสดงหรือมีลิงก์ไปถึง รวมทั้งโฆษณาที่แอปแสดงแก่ผู้ใช้ และเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นซึ่งอยู่ในแอปหรือที่แอปลิงก์ไปถึง ยิ่งไปกว่านั้น นโยบายดังกล่าวยังใช้กับเนื้อหาทั้งหมดจากบัญชีนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของคุณที่เผยแพร่ต่อสาธารณะใน Google Play รวมทั้งชื่อนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของคุณและหน้า Landing Page ของเว็บไซต์นักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีอยู่ในรายการของคุณ

เราไม่อนุญาตแอปที่ทำให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปอื่นๆ ลงในอุปกรณ์ของตน แอปที่ให้สิทธิ์เข้าถึงแก่แอป เกม หรือซอฟต์แวร์อื่นๆ โดยไม่มีการติดตั้ง รวมถึงฟีเจอร์และประสบการณ์การใช้งานโดยบุคคลที่สาม ต้องตรวจสอบว่าเนื้อหาทั้งหมดที่ให้สิทธิ์เข้าถึงนั้นเป็นไปตามนโยบายของ Google Play ทั้งหมดและอาจได้รับการตรวจสอบนโยบายเพิ่มเติม

คำที่มีคำจำกัดความซึ่งใช้ในนโยบายเหล่านี้มีความหมายเดียวกันกับในข้อตกลงการจัดจำหน่ายของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ (DDA) นอกเหนือจากการปฏิบัติตามนโยบายเหล่านี้และ DDA แล้ว จะต้องมีการจัดประเภทเนื้อหาของแอปตามหลักเกณฑ์การจัดประเภทเนื้อหาของเราด้วย

เราไม่อนุญาตแอปหรือเนื้อหาแอปที่ทำลายความเชื่อมั่นของผู้ใช้ที่มีต่อระบบนิเวศ Google Play ในการประเมินว่าจะรวมหรือนำแอปออกจาก Google Play เราพิจารณาปัจจัยหลายประการซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงรูปแบบพฤติกรรมที่เป็นอันตรายหรือการมีความเสี่ยงสูงต่อการละเมิด เราระบุความเสี่ยงของการละเมิดจากปัจจัยต่างๆ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการร้องเรียนเฉพาะแอปและนักพัฒนาซอฟต์แวร์ การรายงานข่าว ประวัติการละเมิดก่อนหน้านี้ ความคิดเห็นของผู้ใช้ และการใช้แบรนด์ ตัวละคร และเนื้อหาอื่นๆ ซึ่งเป็นที่นิยม

วิธีการทำงานของ Google Play Protect

Google Play Protect จะตรวจสอบแอปเมื่อคุณติดตั้ง และยังสแกนอุปกรณ์เป็นระยะๆ อีกด้วย หากพบแอปที่อาจเป็นอันตราย ก็อาจดำเนินการดังนี้

  • ส่งการแจ้งเตือนถึงคุณ หากต้องการนำแอปออก ให้แตะ "การแจ้งเตือน' แล้วแตะ "ถอนการติดตั้ง"
  • ปิดใช้งานแอปจนกว่าคุณจะถอนการติดตั้ง
  • นำแอปออกโดยอัตโนมัติ ในกรณีส่วนใหญ่ หากตรวจพบแอปที่เป็นอันตราย คุณจะได้รับการแจ้งเตือนที่ระบุว่าระบบได้นำแอปออกไปแล้ว

วิธีการทำงานของการป้องกันมัลแวร์

เพื่อปกป้องคุณจากซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สามและ URL ที่เป็นอันตราย รวมถึงปัญหาด้านความปลอดภัยอื่นๆ Google อาจได้รับข้อมูลต่อไปนี้

  • การเชื่อมต่อเครือข่ายของอุปกรณ์ 
  • URL ที่อาจเป็นอันตราย 
  • ระบบปฏิบัติการและแอปที่ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์ผ่าน Google Play หรือแหล่งที่มาอื่นๆ

คุณอาจได้รับคำเตือนจาก Google เกี่ยวกับแอปหรือ URL ที่อาจไม่ปลอดภัย Google อาจนำแอปหรือ URL ออกหรือบล็อกไม่ให้มีการติดตั้งหากทราบว่าแอปหรือ URL นั้นเป็นอันตรายต่ออุปกรณ์ ข้อมูล หรือผู้ใช้

คุณเลือกปิดการป้องกันบางอย่างได้ในการตั้งค่าอุปกรณ์ อย่างไรก็ตาม Google จะยังคงได้รับข้อมูลเกี่ยวกับแอปที่ติดตั้งผ่าน Google Play ต่อไป และแอปที่ติดตั้งในอุปกรณ์ซึ่งมาจากแหล่งที่มาอื่นก็อาจได้รับการตรวจสอบเพื่อหาปัญหาด้านความปลอดภัยต่อไปโดยไม่มีการส่งข้อมูลให้ Google

วิธีการทำงานของการแจ้งเตือนเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว

Google Play Protect จะส่งการแจ้งเตือนให้คุณหากมีการนำแอปออกจาก Google Play Store เนื่องจากแอปนั้นอาจมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ โดยจะแสดงตัวเลือกให้คุณถอนการติดตั้งแอป 


กระบวนการบังคับใช้

เมื่อตรวจสอบเนื้อหาหรือบัญชีเพื่อดูว่าผิดกฎหมายหรือละเมิดนโยบายหรือไม่ เราจะตัดสินโดยพิจารณาจากข้อมูลหลายอย่าง ซึ่งรวมถึงข้อมูลเมตาของแอป (เช่น ชื่อและคำอธิบายแอป) ประสบการณ์การใช้งานในแอป ข้อมูลบัญชี (เช่น ประวัติการละเมิดนโยบายที่ผ่านมา) และข้อมูลอื่นๆ ที่ได้รับผ่านกลไกการรายงาน (หากมี) ตลอดจนการตรวจสอบที่เราเป็นผู้เริ่มดำเนินการเอง

หากแอปหรือบัญชีนักพัฒนาแอปของคุณละเมิดนโยบายใดๆ เราจะดำเนินการตามความเหมาะสมดังที่ระบุไว้ด้านล่าง นอกจากนี้ เราจะแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการที่ได้ทำไปให้คุณทราบผ่านทางอีเมลพร้อมด้วยวิธีการยื่นอุทธรณ์หากคุณเชื่อว่าเราดำเนินการด้วยความผิดพลาด

โปรดทราบว่าประกาศการนำออกหรือประกาศของผู้ดูแลระบบอาจไม่ระบุการละเมิดนโยบายแต่ละรายการหรือครบทุกรายการที่ปรากฏในบัญชีหรือแอปของคุณ หรือแคตตาล็อกแอปซึ่งมีขอบเขตที่กว้างขึ้น นักพัฒนาแอปมีหน้าที่แก้ไขปัญหาด้านนโยบายทั้งหมดที่เกิดขึ้นและทำการสอบทานเพิ่มเติมให้แน่ใจว่าส่วนที่เหลือของแอปหรือบัญชีเป็นไปตามข้อกำหนดของนโยบายโดยสมบูรณ์ การไม่แก้ไขการละเมิดนโยบายในบัญชีและแอปทั้งหมดอาจส่งผลให้มีการดำเนินการบังคับใช้เพิ่มเติม

การละเมิดนโยบายเหล่านี้ (เช่น มัลแวร์ การประพฤติมิชอบ และแอปที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ใช้หรืออุปกรณ์) หรือข้อตกลงการจัดจำหน่ายของนักพัฒนาแอป (DDA) อย่างร้ายแรงหรือซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะส่งผลให้มีการสิ้นสุดบัญชีนักพัฒนาแอป Google Play นั้นๆ หรือบัญชีที่เกี่ยวข้อง

การดำเนินการบังคับใช้ 

การดำเนินการบังคับใช้แบบต่างๆ อาจส่งผลต่อแอปในรูปแบบที่ไม่เหมือนกัน เราใช้การประเมินโดยเจ้าหน้าที่และระบบอัตโนมัติร่วมกันในการตรวจสอบแอปและเนื้อหาในแอป เพื่อสืบหาและประเมินเนื้อหาที่ละเมิดนโยบายของเราและเป็นอันตรายต่อผู้ใช้และระบบนิเวศของ Google Play โดยรวม การใช้โมเดลอัตโนมัติช่วยให้เราตรวจพบการละเมิดได้มากขึ้นและประเมินสิ่งที่อาจเป็นปัญหาได้เร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยดูแล Google Play ให้ปลอดภัยสำหรับทุกคน เนื้อหาที่ละเมิดนโยบายจะถูกนำออกโดยโมเดลอัตโนมัติ หรือในกรณีที่ต้องพิจารณาอย่างละเอียดยิ่งขึ้นเนื่องจากจะต้องอาศัยความเข้าใจในบริบทของเนื้อหา เป็นต้น จะมีการแจ้งว่าเนื้อหาดังกล่าวไม่เหมาะสมเพื่อรับการตรวจสอบเพิ่มเติมและการประเมินเนื้อหาจากผู้ปฏิบัติงานและนักวิเคราะห์ที่ผ่านการฝึกอบรม จากนั้นเราจะนำผลการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่นี้ไปช่วยสร้างข้อมูลการฝึกฝนเพื่อปรับปรุงโมเดลแมชชีนเลิร์นนิงต่อไป

ส่วนต่อไปนี้จะอธิบายการดำเนินการต่างๆ ที่ Google Play อาจใช้ และผลกระทบที่มีต่อแอปและ/หรือบัญชีนักพัฒนาแอป Google Play ของคุณ

การดำเนินการเหล่านี้จะมีผลในทุกภูมิภาค เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่นในการสื่อสารเกี่ยวกับการบังคับใช้ ตัวอย่างเช่น หากแอปของคุณถูกระงับ ก็จะใช้แอปนั้นไม่ได้ในทุกภูมิภาค นอกจากนี้ การดำเนินการเหล่านี้จะมีผลไปตลอด เว้นแต่คุณจะอุทธรณ์การดำเนินการและการอุทธรณ์ได้รับอนุมัติ ทั้งนี้ยกเว้นกรณีที่มีการระบุไว้เป็นอย่างอื่น

การปฏิเสธ

  • แอปใหม่หรือการอัปเดตแอปที่ส่งเข้ารับการตรวจสอบจะไม่มีให้บริการใน Google Play 
  • ถ้าระบบปฏิเสธการอัปเดตสำหรับแอปที่มีอยู่ เวอร์ชันที่เผยแพร่ก่อนการอัปเดตจะยังคงมีให้บริการใน Google Play
  • การปฏิเสธจะไม่ส่งผลต่อสิทธิ์ของคุณในการเข้าถึงข้อมูลการติดตั้งของผู้ใช้ที่มีอยู่ สถิติ และคะแนนของแอปที่ถูกปฏิเสธนั้น 
  • การปฏิเสธจะไม่ส่งผลต่อสถานะของบัญชีนักพัฒนาซอฟต์แวร์ Google Play ของคุณ

หมายเหตุ: อย่าพยายามส่งแอปที่ถูกปฏิเสธมาอีกจนกว่าคุณจะแก้ไขปัญหาการละเมิดนโยบายทั้งหมดแล้ว

การนำออก

  • แอปนี้ ตลอดจนแอปเวอร์ชันก่อนหน้าได้ถูกนำออกจาก Google Play แล้ว และจะไม่มีให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดอีกต่อไป
  • เนื่องจากแอปถูกนำออกไปแล้ว ผู้ใช้จะดูข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store ของแอปไม่ได้ ข้อมูลนี้จะได้รับการคืนค่าเมื่อคุณส่งการอัปเดตที่สอดคล้องกับนโยบายสำหรับแอปที่นำออกไปแล้วดังกล่าว
  • ผู้ใช้อาจทำการซื้อในแอปหรือใช้ฟีเจอร์การเรียกเก็บเงินสำหรับการซื้อในแอปไม่ได้จนกว่าเวอร์ชันที่สอดคล้องกับนโยบายจะได้รับอนุมัติจาก Google Play
  • การนำออกจะไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะบัญชีนักพัฒนาแอป Google Play ของคุณโดยทันที แต่การนำออกหลายครั้งอาจส่งผลให้บัญชีถูกระงับ

หมายเหตุ: อย่าพยายามเผยแพร่แอปที่ถูกนำออกไปแล้วซ้ำจนกว่าคุณจะแก้ไขปัญหาการละเมิดนโยบายทั้งหมดแล้ว

การระงับ

  • แอปนี้ ตลอดจนแอปเวอร์ชันก่อนหน้าได้ถูกนำออกจาก Google Play แล้ว และจะไม่มีให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดอีกต่อไป
  • การระงับอาจเกิดขึ้นจากการละเมิดนโยบายที่ร้ายแรงหรือซ้ำหลายครั้ง รวมถึงการปฏิเสธหรือการนำแอปออกซ้ำๆ
  • เนื่องจากแอปถูกระงับ ผู้ใช้จะดูข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store ของแอปไม่ได้ ข้อมูลนี้จะได้รับการคืนค่าเมื่อคุณส่งการอัปเดตที่สอดคล้องกับนโยบาย
  • คุณจะใช้ APK หรือ App Bundle ของแอปที่ถูกระงับไม่ได้อีกต่อไป
  • ผู้ใช้จะทำการซื้อในแอปหรือใช้ฟีเจอร์การเรียกเก็บเงินสำหรับการซื้อในแอปไม่ได้จนกว่าเวอร์ชันที่สอดคล้องกับนโยบายจะได้รับอนุมัติจาก Google Play
  • การระงับถือเป็นประกาศเตือนการไม่รักษาบัญชีนักพัฒนาแอป Google Play ให้อยู่ในสถานะที่ดี การได้รับประกาศเตือนหลายครั้งอาจส่งผลให้มีการสิ้นสุดบัญชีนักพัฒนาแอป Google Play นั้นๆ และบัญชีที่เกี่ยวข้อง

หมายเหตุ: อย่าพยายามเผยแพร่แอปที่ถูกระงับซ้ำอีกเว้นแต่ Google Play อธิบายไว้ว่าคุณทำได้

จำกัดระดับการเข้าถึง

  • การค้นพบแอปของคุณได้ใน Google Play ถูกจำกัด แอปจะยังคงมีให้บริการใน Google Play และผู้ใช้จะเข้าถึงได้ด้วยลิงก์โดยตรงไปยังข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store ของแอป 
  • การที่แอปมีสถานะจำกัดระดับการเข้าถึงจะไม่ส่งผลต่อสถานะของบัญชีนักพัฒนาแอป Google Play ของคุณ 
  • การที่แอปมีสถานะจำกัดระดับการเข้าถึงจะไม่ส่งผลต่อความสามารถของผู้ใช้ในการดูข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store ที่มีอยู่ของแอป

จำกัดภูมิภาค

  • ผู้ใช้จะดาวน์โหลดแอปของคุณได้ผ่านทาง Google Play ในบางภูมิภาคเท่านั้น
  • และผู้ใช้จากภูมิภาคอื่นๆ จะไม่พบแอปดังกล่าวใน Play Store
  • ผู้ใช้ที่ติดตั้งแอปไว้ก่อนหน้านี้จะยังคงใช้งานต่อไปได้แต่จะไม่ได้รับการอัปเดตอีก
  • การจำกัดภูมิภาคจะไม่ส่งผลต่อสถานะของบัญชีนักพัฒนาแอป Google Play ของคุณ

สถานะบัญชีถูกจำกัด

  • เมื่อบัญชีนักพัฒนาแอปมีสถานะถูกจำกัด ระบบจะนำแอปทั้งหมดในแคตตาล็อกออกจาก Google Play และคุณจะเผยแพร่แอปใหม่หรือเผยแพร่แอปที่มีอยู่แล้วซ้ำไม่ได้อีก แต่คุณจะยังคงเข้าถึง Play Console ได้
  • เนื่องจากแอปทั้งหมดถูกนำออกไปแล้ว ผู้ใช้จะดูข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store ของแอปและโปรไฟล์นักพัฒนาแอปของคุณไม่ได้
  • ผู้ใช้ปัจจุบันจะทำการซื้อในแอปหรือใช้ฟีเจอร์การเรียกเก็บเงินสำหรับการซื้อในแอปบนแอปของคุณไม่ได้
  • คุณจะยังคงสามารถใช้ Play Console เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ Google Play และแก้ไขข้อมูลบัญชีได้อยู่ต่อไป
  • คุณจะเผยแพร่แอปซ้ำได้เมื่อแก้ไขปัญหาการละเมิดนโยบายทั้งหมดแล้ว

การยกเลิกบัญชี

  • เมื่อบัญชีนักพัฒนาแอปสิ้นสุดลง ระบบจะนำแอปทั้งหมดในแคตตาล็อกออกจาก Google Play และคุณจะเผยแพร่แอปใหม่ไม่ได้อีก ซึ่งหมายความว่าบัญชีนักพัฒนาแอป Google Play ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะถูกระงับอย่างถาวรด้วยเช่นกัน
  • การระงับหลายครั้งหรือการระงับเนื่องจากละเมิดนโยบายอย่างร้ายแรงอาจส่งผลให้มีการสิ้นสุดบัญชี Play Console
  • เนื่องจากมีการนำแอปในบัญชีที่สิ้นสุดการใช้งานไปแล้วออก ผู้ใช้จะดูข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store ของแอปและโปรไฟล์นักพัฒนาแอปของคุณไม่ได้
  • ผู้ใช้ปัจจุบันจะทำการซื้อในแอปหรือใช้ฟีเจอร์การเรียกเก็บเงินสำหรับการซื้อในแอปบนแอปของคุณไม่ได้

หมายเหตุ: บัญชีใหม่ที่คุณพยายามเปิดจะสิ้นสุดลงด้วย (โดยไม่คืนเงินค่าธรรมเนียมการลงทะเบียนของนักพัฒนาแอป) ดังนั้นโปรดอย่าพยายามลงทะเบียนบัญชี Play Console บัญชีใหม่เมื่อบัญชีอื่นๆ ของคุณบัญชีใดบัญชีหนึ่งสิ้นสุดลงแล้ว

บัญชีที่ไม่มีความเคลื่อนไหว

บัญชีที่ไม่มีความเคลื่อนไหวคือบัญชีนักพัฒนาแอปที่ไม่มีการใช้งานหรือถูกปล่อยทิ้งไว้ บัญชีที่ไม่มีความเคลื่อนไหวนั้นถือว่าไม่อยู่ในสถานะดีตามข้อกำหนดในข้อตกลงการจัดจำหน่ายของนักพัฒนาแอป

บัญชีนักพัฒนาแอป Google Play มีไว้สำหรับนักพัฒนาที่ยังทำงานอยู่ และมีการเผยแพร่และบำรุงรักษาแอปของตนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการละเมิดข้อตกลง เราจะปิดบัญชีที่ไม่มีความเคลื่อนไหวหรือไม่ได้ใช้งาน หรือมิเช่นนั้นบัญชีต้องมีการใช้งานอย่างมีนัยสำคัญ (ตัวอย่างเช่น เผยแพร่และอัปเดตแอป เข้าไปดูข้อมูลทางสถิติต่างๆ หรือจัดการข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store) อยู่เป็นประจำ

การปิดบัญชีที่ไม่มีความเคลื่อนไหวจะเป็นการลบบัญชีของคุณรวมถึงข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีนั้น ค่าธรรมเนียมการลงทะเบียนไม่สามารถขอคืนได้ ดังนั้นคุณจึงจะไม่ได้รับเงินคืน ก่อนที่จะปิดบัญชีที่ไม่มีความเคลื่อนไหว เราจะแจ้งให้คุณทราบทางข้อมูลติดต่อที่คุณให้ไว้สำหรับบัญชีนั้น 

การปิดบัญชีที่ไม่มีความเคลื่อนไหวจะไม่เป็นการจำกัดไม่ให้คุณสร้างบัญชีใหม่ในอนาคต หากคุณตัดสินใจที่จะเผยแพร่แอปบน Google Play คุณจะเปิดใช้งานบัญชีที่ปิดไปแล้วอีกไม่ได้ และจะใช้แอปหรือข้อมูลจากบัญชีเก่าในบัญชีใหม่ไม่ได้เช่นกัน  


การจัดการและการรายงานการละเมิดนโยบาย

การยื่นอุทธรณ์การดำเนินการบังคับใช้

เราจะคืนสิทธิให้กับแอปพลิเคชันหากมีการดำเนินการผิดพลาด และเราพบว่าแอปพลิเคชันไม่ได้ละเมิดนโยบายโปรแกรมของ Google Play และข้อตกลงการจัดจำหน่ายของนักพัฒนาแอป หากคุณตรวจสอบนโยบายโดยละเอียดแล้วและคิดว่าการตัดสินใจของเราอาจมีข้อผิดพลาด โปรดทำตามวิธีการอุทธรณ์ผลการพิจารณาที่อยู่ในการแจ้งเตือนทางอีเมลเรื่องการบังคับใช้ หรือคลิกที่นี่ 

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินการบังคับใช้หรือการให้คะแนน/ความคิดเห็นจากผู้ใช้ได้จากแหล่งข้อมูลด้านล่าง หรือติดต่อเราผ่านศูนย์ช่วยเหลือของ Google Play อย่างไรก็ตาม เราให้คำแนะนำด้านกฎหมายแก่คุณไม่ได้ หากต้องการคำแนะนำด้านกฎหมาย โปรดสอบถามที่ปรึกษาทางกฎหมายของคุณ


ข้อกำหนดของ Play Console

Google Play ต้องการมอบประสบการณ์การใช้แอปที่ดีเยี่ยมและปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้ รวมทั้งเป็นโอกาสที่ดีในการประสบความสำเร็จสำหรับนักพัฒนาแอปทุกราย เราดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อให้กระบวนการจัดเตรียมแอปให้พร้อมสำหรับผู้ใช้ดำเนินไปอย่างราบรื่นที่สุด

เพื่อช่วยหลีกเลี่ยงการละเมิดที่พบบ่อย คุณต้องดำเนินการต่อไปนี้เมื่อส่งข้อมูลผ่าน Play Console และโปรไฟล์ใดก็ตามที่ลิงก์กับบัญชีนักพัฒนาแอป Play Console

คุณต้องดำเนินการดังต่อไปนี้ก่อนส่งแอป

  • ระบุข้อมูลบัญชีนักพัฒนาแอปอย่างถูกต้อง รวมถึงรายละเอียดต่อไปนี้
    • ชื่อและที่อยู่ตามกฎหมาย
    • หมายเลข D-U-N-S หากลงทะเบียนในนามองค์กร
    • อีเมลและหมายเลขโทรศัพท์สำหรับติดต่อ
    • อีเมลและหมายเลขโทรศัพท์ของนักพัฒนาแอปที่แสดงใน Google Play (หากมี)
    • วิธีการชำระเงิน (หากมี)
    • โปรไฟล์การชำระเงินด้วยบริการของ Google ที่ลิงก์กับบัญชีนักพัฒนาแอป
  • หากลงทะเบียนในนามองค์กร โปรดตรวจสอบว่าข้อมูลบัญชีนักพัฒนาแอปเป็นข้อมูลล่าสุดและสอดคล้องกับรายละเอียดที่จัดเก็บไว้ในโปรไฟล์ Dun & Bradstreet ของคุณ
  • ให้รายละเอียดและข้อมูลเมตาทั้งหมดของแอปอย่างถูกต้อง
  • อัปโหลดนโยบายความเป็นส่วนตัวของแอปและกรอกข้อมูลตามข้อกำหนดในส่วนความปลอดภัยของข้อมูล
  • ระบุบัญชีสาธิตที่ใช้งานอยู่ ข้อมูลการเข้าสู่ระบบ และทรัพยากรอื่นๆ ทั้งหมดที่ Google Play ต้องใช้ในการตรวจสอบแอป (ได้แก่ ข้อมูลเข้าสู่ระบบ คิวอาร์โค้ด เป็นต้น)

และเช่นเคย คุณควรตรวจสอบว่าแอปมอบประสบการณ์ของผู้ใช้ที่เสถียร ดึงดูดการมีส่วนร่วม และตอบสนองได้ดี ตรวจสอบโดยละเอียดว่าทุกอย่างในแอป ซึ่งรวมถึงเครือข่ายโฆษณา บริการข้อมูลวิเคราะห์ และ SDK ของบุคคลที่สามเป็นไปตามนโยบายโปรแกรมสำหรับนักพัฒนาแอป Google Play และในกรณีที่กลุ่มเป้าหมายของแอปมีเด็กรวมอยู่ด้วย คุณต้องปฏิบัติตามนโยบายเพื่อครอบครัวของเรา

โปรดทราบว่าคุณมีหน้าที่ตรวจสอบข้อตกลงการจัดจำหน่ายของนักพัฒนาแอปและนโยบายโปรแกรมสำหรับนักพัฒนาแอปทั้งหมดเพื่อให้แน่ใจว่าแอปมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดอย่างครบถ้วน


ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร

หากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม

ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
10041884463519552477
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
92637
false
false