แคมเปญ Display จะแสดงโฆษณาที่ดึงดูดสายตา ซึ่งช่วยให้คุณเข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้มากขึ้นทั่วทั้งเครือข่าย Display หากแคมเปญ Display มีสิทธิ์ ประสบการณ์ในการโฆษณาของคุณจะง่ายขึ้นได้ด้วยการอัปเกรดแคมเปญ Display เป็นแคมเปญ Performance Max ทำให้คุณพบลูกค้าที่ทํา Conversion ได้มากขึ้นจากหลากหลายพื้นที่ และกระตุ้นประสิทธิภาพตามเป้าหมาย Conversion ที่เฉพาะเจาะจง
Performance Max ให้คุณเข้าถึงพื้นที่โฆษณา Google Ads ทั้งหมดจากแคมเปญเดียว รวมถึงใช้เทคโนโลยี AI ของ Google ในการเสนอราคา การเพิ่มประสิทธิภาพงบประมาณ กลุ่มเป้าหมาย ครีเอทีฟโฆษณา การระบุแหล่งที่มา และอื่นๆ ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญ Performance Max
หัวข้อที่ครอบคลุมในบทความนี้
- ประโยชน์ของการอัปเกรดแคมเปญ Display เป็นแคมเปญ Performance Max
- คำแนะนำ
- การเปลี่ยนจากแคมเปญ Display มาเป็น Performance Max
- ชิ้นงานครีเอทีฟโฆษณา: การอัปเกรดเป็นแคมเปญ Performance Max
- การเสนอราคา: การอัปเกรดเป็นแคมเปญ Performance Max
- การตั้งค่าการกําหนดเป้าหมาย: การอัปเกรดเป็นแคมเปญ Performance Max
- วิธีอัปเกรดแคมเปญ Display เป็นแคมเปญ Performance Max
- คำถามที่พบบ่อย
ประโยชน์ของการอัปเกรดแคมเปญ Display เป็นแคมเปญ Performance Max
- Conversion เพิ่มขึ้น: ผู้ลงโฆษณาที่ใช้แคมเปญ Performance Max อาจได้รับ Conversion มากขึ้นโดยมีค่าใช้จ่ายใกล้เคียงกับของเดิม
- ความครอบคลุมเพิ่มขึ้นในแพลตฟอร์มต่างๆ ของ Google Ads: โฆษณา Performance Max ยังทํางานใน Search, YouTube, Discover, Gmail และ Maps เพื่อช่วยเพิ่ม Conversion อีกด้วย
- เทคโนโลยี AI (ปัญญาประดิษฐ์) เพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้น: เทคโนโลยี AI ของ Google ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการเสนอราคา การกําหนดเป้าหมาย การเพิ่มประสิทธิภาพครีเอทีฟโฆษณา และอื่นๆ อีกมากมาย
- ข้อมูลเชิงลึกที่มีประสิทธิภาพ: Performance Max ให้ข้อมูลเชิงลึกที่ดีขึ้นซึ่งแสดงจุดที่แคมเปญช่วยให้คุณพบหมวดหมู่และคำใหม่ๆ ที่มีคุณค่า ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทําความเข้าใจผลลัพธ์ของ Performance Max ด้วยหน้าข้อมูลเชิงลึก
คำแนะนำ
คุณจะเลือกสร้างแคมเปญ Performance Max เมื่อใดก็ได้ แต่เราขอแนะนำให้แคมเปญ Display มีองค์ประกอบต่อไปนี้ก่อนอัปเกรดเพื่อให้การเปลี่ยนแปลงง่ายขึ้น
- ใช้เครื่องมือวัด Conversion ของ Google Ads หรือเครื่องมือวัด Conversion ของ Google Analytics 4
- ใช้ประโยชน์จาก AI ของ Google เช่น Smart Bidding และการกําหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพ
- มีโฆษณา Display ที่ปรับเปลี่ยนตามพื้นที่โฆษณา
หากต้องการรับสิทธิ์เข้าถึงขั้นตอนการอัปเกรดพร้อมคําแนะนํา ให้ลองเพิ่ม AI ของ Google ไว้ในแคมเปญ Display ที่มีอยู่
การเปลี่ยนจากแคมเปญ Display เป็นแคมเปญ Performance Max
หมายเหตุ: เมื่อคุณอัปเกรดแคมเปญ Display เป็นแคมเปญ Performance Max ระบบจะทําเครื่องหมายแคมเปญ Display เดิมที่มีสถานะ "นําออกแล้ว" และสร้างแคมเปญ Performance Max ใหม่ขึ้นมา ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานะแคมเปญ
หากต้องการใช้แคมเปญ Display แบบเดิมเหมือนตอนที่ยังไม่ได้อัปเกรดไปเป็นแคมเปญ Performance Max เพียงคัดลอกแคมเปญ Display ที่ "นําออกแล้ว" แล้วสร้างแคมเปญ Display ใหม่ หากไม่ต้องการใช้แคมเปญ Performance Max ใหม่อีกต่อไป คุณสามารถหยุดชั่วคราวหรือนําออกได้ ดูวิธีคัดลอกและวางแคมเปญ กลุ่มโฆษณา โฆษณา กลุ่มเป้าหมาย และคีย์เวิร์ด
เมื่ออัปเกรดแคมเปญ Display เป็นแคมเปญ Performance Max แล้ว ชิ้นงาน งบประมาณ และการตั้งค่าที่เกี่ยวข้องที่มีอยู่เดิมจะย้ายจากแคมเปญ Display เดิมไปยังแคมเปญ Performance Max ที่สร้างใหม่ แคมเปญ Display จะมีสถานะเป็น "นําออกแล้ว" และแคมเปญ Performance Max ที่อัปเกรดจะเริ่มแสดงโฆษณาภายในวันแรก ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานะแคมเปญ
คุณสามารถดูข้อมูลประสิทธิภาพของแคมเปญ Display ก่อนหน้า โดยกรองแคมเปญตามสถานะ แล้วหาแคมเปญ Display ที่ "นําออกแล้ว"
กิจกรรมที่เกิดจากแคมเปญ Performance Max ใหม่จะบันทึกในเมตริกประสิทธิภาพของแคมเปญ Performance Max ใหม่
แคมเปญ Performance Max รองรับกลุ่มชิ้นงานได้ 100 กลุ่มเท่านั้น หากคุณมีกลุ่มชิ้นงานมากกว่า 100 กลุ่มเมื่ออัปเกรด ระบบจะเลือกโฆษณา Display ที่ปรับเปลี่ยนตามพื้นที่โฆษณาซึ่งมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อย้ายข้อมูล การเลือกกลุ่มชิ้นงานเหล่านี้พิจารณาจากประสิทธิภาพในช่วง 90 วันที่ผ่านมาก่อนที่คุณจะอัปเกรด
ชิ้นงานครีเอทีฟโฆษณา: การอัปเกรดเป็นแคมเปญ Performance Max
ครีเอทีฟโฆษณา Display ที่จะย้ายไปในแคมเปญ Performance Max
หากคุณมีโฆษณาแบบรูปภาพและโฆษณา Display ที่ปรับเปลี่ยนตามพื้นที่โฆษณาในแคมเปญ Display ซึ่งใช้ URL สุดท้ายเดียวกัน ระบบจะรวมโฆษณาเหล่านี้เป็นกลุ่มชิ้นงานเมื่อคุณอัปเกรดเป็น Performance Max กลุ่มชิ้นงานรองรับรูปภาพสูงสุด 15 รูป ตัวอย่างที่มีให้ดูจะอยู่ในระดับกลุ่มชิ้นงาน โดยไม่มีสำหรับโฆษณาแบบรูปภาพแต่ละรายการ
การให้ข้อความ รูปภาพ และวิดีโอคุณภาพสูงช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพแคมเปญ Performance Max ใหม่ได้มาก นอกจากนี้ แคมเปญใหม่ยังใช้ฟีเจอร์รูปแบบขั้นสูง เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพชิ้นงาน วิดีโอที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติ และรูปแบบเนทีฟ ตามชิ้นงานที่มากับจากแคมเปญ Display นั้นๆ
- สิ่งที่รองรับ (ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติแนะนำสำหรับชิ้นงานโฆษณา Display)
- รูปภาพ
- วิดีโอ
- บรรทัดแรกแบบยาว
- บรรทัดแรกแบบย่อ
- คำอธิบาย
- โลโก้ (สี่เหลี่ยมจัตุรัสและแนวนอน)
- ชื่อธุรกิจ
- URL สุดท้าย
- ส่วนขยายโฆษณา (แสดงหลังจากที่คุณเผยแพร่แคมเปญ Performance Max ใหม่เท่านั้น)
- ข้อจํากัดความรับผิด (แสดงหลังจากที่คุณเผยแพร่แคมเปญ Performance Max ใหม่เท่านั้น)
- คำกระตุ้นให้ดำเนินการ (แคมเปญ Performance Max ไม่รองรับคํากระตุ้นให้ "ติดตั้ง" "เข้าชมเว็บไซต์" และ "ดูเพิ่มเติม" หากแคมเปญ Display เดิมมีคำเหล่านี้อยู่ AI ของ Google ในแคมเปญ Performance Max ใหม่จะใช้คำกระตุ้นให้ดำเนินการที่รองรับและเหมาะกับแคมเปญมากที่สุดแทน)
- สิ่งที่ไม่รองรับ
- HTML
- GIF
- ตัวเลือก URL ของโฆษณา
- แคมเปญ Performance Max ไม่รองรับเทมเพลต HTML5, เทมเพลต Flash และโฆษณาแบบรูปภาพประเภทเก่าซึ่งไม่รองรับอีกต่อไปแล้ว ระบบจึงจะไม่ย้ายเทมเพลตเหล่านี้ไปยังแคมเปญใหม่ โฆษณาแบบรูปภาพอื่นๆ จะไม่ได้รับผลกระทบ และคุณแทนที่ชิ้นงานที่นําออกแล้วได้ทุกเมื่อด้วยการเพิ่มชิ้นงานที่รองรับ
- ชิ้นงานที่มีอยู่จากแคมเปญ Display ก่อนหน้าจะยังคงใช้งานได้ เมื่อย้ายข้อมูลแล้ว ระบบจะไม่ลบแคมเปญและชิ้นงาน แต่จะเปลี่ยนเฉพาะสถานะของแคมเปญ
- ตัวเลือก URL ของโฆษณาที่อยู่ในแคมเปญ Display ที่คุณกําลังอัปเกรดจะไม่ย้ายไปด้วย แต่สามารถสร้างได้อีกครั้งในแคมเปญ Performance Max ใหม่ที่ระดับแคมเปญ
การเสนอราคา: การอัปเกรดเป็นแคมเปญ Performance Max
แคมเปญ Performance Max ใหม่จะยังใช้กลยุทธ์ Smart Bidding ที่มีสิทธิ์ ซึ่งใช้อยู่ในแคมเปญ Display เดิม นอกจากนี้ แคมเปญจะรวมกลยุทธ์ดังกล่าวกับเทคโนโลยีการระบุแหล่งที่มาต่อไป ซึ่งช่วยในค้นหาตัวเลือกที่ดีที่สุดสําหรับแคมเปญของคุณในพื้นที่โฆษณาทั้งหมดของ Google โดยกําหนดราคาเสนอในการประมูลที่มีโอกาสบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจในแบบเรียลไทม์ได้มากที่สุด
หากแคมเปญ Display เดิมรวมเป้าหมายการเสนอราคาต่างๆ ที่ระดับแคมเปญและระดับกลุ่มโฆษณาเข้าด้วยกัน แคมเปญ Performance Max ใหม่จะใช้ค่าเฉลี่ยของเป้าหมายเหล่านั้นตามการแสดงโฆษณา
เมื่อคุณอัปเกรดเป็นแคมเปญ Performance Max การปรับราคาเสนอจะแสดงเป็นเป้าหมายแบบรวมสําหรับแคมเปญนั้น คุณสามารถเปลี่ยนการปรับราคาเสนอจากภายในแคมเปญ Performance Max ได้โดยปรับการเสนอราคาเป้าหมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเสนอราคา CPA เป้าหมายและการเสนอราคา ROAS เป้าหมาย
- แคมเปญ Display ซึ่งใช้ CPC ที่ปรับปรุงแล้วบางแคมเปญมีสิทธิ์อัปเกรดเป็นแคมเปญ Performance Max ในระหว่างการย้ายข้อมูล แคมเปญเหล่านี้จะได้รับการอัปเดตให้ใช้การเพิ่มจำนวน Conversion สูงสุดโดยกําหนด CPA เป้าหมาย ระบบจะใช้ CPA เฉลี่ยที่แคมเปญได้รับล่าสุดเป็นเป้าหมายใหม่ คุณแก้ไขข้อมูลนี้ได้ในระหว่างการย้ายข้อมูล การมีสิทธิ์ขึ้นอยู่กับปริมาณ Conversion ล่าสุด
- แคมเปญ Display แบบจ่ายสำหรับ Conversion มีสิทธิ์อัปเกรดเป็นแคมเปญ Performance Max ในระหว่างการย้ายข้อมูล การเรียกเก็บเงินของแคมเปญเหล่านี้จะได้รับการอัปเดตให้อิงตามการโต้ตอบแทน Conversion ไม่มีข้อกำหนดของการได้รับสิทธิ์
- แคมเปญ Display ที่ก่อนหน้านี้ใช้กลยุทธ์การเสนอราคา CPC ที่ปรับปรุงแล้วหรือจ่ายสำหรับ Conversion อาจเข้าสู่ระยะเวลาเรียนรู้เมื่อเปลี่ยนไปใช้ Performance Max เนื่องจากกลยุทธ์การเสนอราคาเปลี่ยนเป็นเพิ่มจำนวน Conversion สูงสุดโดยกําหนด CPA (ต้นทุนต่อหนึ่งการกระทำ) เป้าหมาย
- ตอนนี้แคมเปญที่มีวัตถุประสงค์ทางการตลาดเป็นการเข้าชมร้านค้ามีสิทธิ์อัปเกรดแล้ว เป้าหมายนี้ใช้ Conversion การดูผ่านที่นี่ ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพมีการเปลี่ยนแปลง ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Conversion การเข้าชมร้านค้า
การตั้งค่าการกําหนดเป้าหมาย: การอัปเกรดเป็นแคมเปญ Performance Max
เมื่ออัปเดตเป็น Performance Max แคมเปญของคุณจะใช้ AI ของ Google เพื่อแสดงโฆษณาต่อกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องที่สุดซึ่งมีแนวโน้มที่จะทํา Conversion มากที่สุด แคมเปญจะใช้ AI ของ Google ต่อไปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในทุกช่องทางของ Google ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพ
แม้ระบบจะไม่บังคับให้อัปเกรดการกําหนดเป้าหมายเดิม แต่การกำหนดเป้าหมายและการยกเว้นจากแคมเปญ Display เดิมอาจเปลี่ยนได้ในแคมเปญ Performance Max ใหม่ด้วยวิธีต่อไปนี้
คำแนะนำเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมายเดิม (เช่น กลุ่มเป้าหมายตามข้อมูลของคุณและกลุ่มการจับคู่ข้อมูลลูกค้า) และการกำหนดเป้าหมายตามข้อมูลประชากรภายในแคมเปญ Display ที่คุณอัปเกรดเป็นแคมเปญ Performance Max จะกลายเป็นคําแนะนําเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมาย การกําหนดเป้าหมายอัตโนมัตินี้จะช่วยให้พบลูกค้าใหม่ๆ ที่ทํา Conversion ในช่องทางและเครือข่ายทั้งหมดของ Google ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสัญญาณของกลุ่มเป้าหมายสําหรับ Performance Max
รายการผู้ใช้
ระบบจะไม่ย้ายรายชื่อผู้ใช้จากแคมเปญ Display โดยอัตโนมัติเมื่ออัปเกรดเป็น Performance Max หากต้องการใช้รายชื่อผู้ใช้ต่อไป คุณควรเปลี่ยนเฉพาะรายชื่อที่มีลูกค้าเดิมซึ่งเคยซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณเป็นเป้าหมายการได้ลูกค้าใหม่ (NCA) ในแคมเปญ Performance Max ใหม่ หมายเหตุ: รายชื่อที่นําไปใช้กับ NCA จะมีผลกับทุกแคมเปญที่ใช้เป้าหมาย NCA
Performance Max เสนอเป้าหมายการได้ลูกค้าใหม่ คุณจึงดึงดูดลูกค้าใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการเสนอราคาให้สูงขึ้นหรือเสนอราคาสําหรับลูกค้าใหม่เท่านั้น นอกจากนี้ คุณยังกําหนดมูลค่าสําหรับลูกค้าใหม่เพื่อเป็นแนวทางให้ AI ได้ด้วย เลือกว่าจะเสนอราคาสูงขึ้น (โหมดเพิ่มมูลค่าลูกค้าใหม่) หรือเสนอราคาสําหรับลูกค้าใหม่เท่านั้น (โหมดเฉพาะลูกค้าใหม่) เพื่อให้ได้ลูกค้าใหม่ที่อิงตามรายการของคุณ เราขอแนะนําให้ใช้โหมดเพิ่มมูลค่าลูกค้าใหม่เมื่อต้องการหาลูกค้าใหม่
หมายเหตุ: คุณควรเลือกรายชื่อผู้ใช้ที่มีลูกค้าเดิมซึ่งเคยซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณเท่านั้น (ยกเว้นผู้ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์แต่ไม่ได้ทำ Conversion) ระบบจะเพิ่มรายชื่อเหล่านี้ลงในทุกแคมเปญที่ใช้เป้าหมายการได้ลูกค้าใหม่
การอัปเดตรายชื่อผู้ใช้จะแสดงในแคมเปญ Performance Max หลังจากผ่านไป 3 วัน
การตั้งค่าความปลอดภัยของแบรนด์ที่ระดับบัญชี
นอกจากนี้ การตั้งค่าความปลอดภัยของแบรนด์จากแคมเปญ Display ที่ผ่านมาจะพร้อมใช้งานที่ระดับบัญชีเพื่อให้คุณบอก Google Ads ได้ว่าไม่ต้องการให้โฆษณาปรากฏในเนื้อหาประเภทใดบ้าง ซึ่งจะส่งผลต่อแคมเปญ Performance Max ใหม่และแคมเปญอื่นๆ ที่มีอยู่เดิมทั้งหมด
- การยกเว้นเนื้อหา (การยกเว้นป้ายกำกับเนื้อหาดิจิทัล เนื้อหาที่ละเอียดอ่อน และประเภทเนื้อหา) จะย้ายไปที่ระดับบัญชี
- การยกเว้นคีย์เวิร์ดและตําแหน่งจะมีตัวเลือกให้รวมที่ระดับบัญชีระหว่างการอัปเกรด แต่จะไม่ได้เลือกไว้โดยค่าเริ่มต้น
- เราแนะนําให้เก็บเฉพาะโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของแบรนด์เท่านั้น เนื่องจากการรวมการตั้งค่านี้จะส่งผลต่อพื้นที่โฆษณา Display และโฆษณาวิดีโอในแคมเปญประเภทต่างๆ ในบัญชี ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีใช้ฟีเจอร์ความเหมาะสมกับแบรนด์ใน Performance Max
- การยกเว้น IP จะใช้ไม่ได้ในแคมเปญ Performance Max
หมายเหตุ
- หากคุณอัปเกรดแคมเปญ Display ที่มีการยกเว้นเนื้อหาในวิดีโอ ระบบจะไม่นําการยกเว้นเหล่านั้นไปใช้กับแคมเปญ Performance Max ด้วย ดูวิธีตั้งค่าการยกเว้นเนื้อหาสําหรับแคมเปญ Display
- หากแคมเปญ Display มีการยกเว้นตำแหน่งมากกว่า 20,000 รายการ คุณจะย้ายการยกเว้นตำแหน่งจากแคมเปญ Display ไปยังแคมเปญ Performance Max ใหม่ไม่ได้ จำนวนการยกเว้นตำแหน่งสูงสุดที่รองรับที่ระดับบัญชีคือ 65,000 รายการ
การกําหนดเป้าหมายที่ไม่รองรับ
Performance Max จะเพิ่มประสิทธิภาพการกําหนดเป้าหมายโดยอัตโนมัติเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการโฆษณาในวงกว้างที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แคมเปญ Performance Max ใหม่ไม่รองรับการกำหนดเป้าหมายที่จำกัดมากขึ้นบางประเภท เนื่องจากแคมเปญอาจแสดงโฆษณาต่อกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องนอกสัญญาณที่คุณระบุ โดยอิงตาม AI ของ Google ที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายด้านประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงการใช้งานดังต่อไปนี้
- การกําหนดเป้าหมายเชิงบวก เช่น การกําหนดเป้าหมายจากคีย์เวิร์ด หัวข้อ และตําแหน่ง
- การกําหนดอุปกรณ์เป้าหมายสําหรับระบบปฏิบัติการ รุ่นอุปกรณ์ เครือข่าย หรือเบราว์เซอร์
- การยกเว้นสําหรับกลุ่มผู้สนใจและกลุ่มที่มีแผนจะซื้อ เหตุการณ์สําคัญในชีวิต และหัวข้อ
- สถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ตามสถานที่ที่สนใจซึ่งจะใช้ไม่ได้กับแคมเปญทุกประเภทอีกต่อไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเลือกสถานที่ตั้งขั้นสูง
คุณจะใช้เวลาน้อยลงในการกําหนดเป้าหมาย จึงมีเวลามากขึ้นในการมุ่งเน้นไปที่ชิ้นงานโฆษณาที่ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแท้จริง
วิธีอัปเกรดแคมเปญ Display เป็นแคมเปญ Performance Max
หมายเหตุ: เมื่อคุณอัปเกรดแคมเปญ Display เป็นแคมเปญ Performance Max ระบบจะทําเครื่องหมายแคมเปญ Display เดิมที่มีสถานะ "นําออกแล้ว" และสร้างแคมเปญ Performance Max ใหม่ขึ้นมา ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานะแคมเปญ
หากต้องการใช้แคมเปญ Display แบบเดิมเหมือนตอนที่ยังไม่ได้อัปเกรดไปเป็นแคมเปญ Performance Max เพียงคัดลอกแคมเปญ Display เดิมไว้ก่อนอัปเกรด จากนั้นคุณจะเปลี่ยนแคมเปญที่คัดลอกไว้เป็นแคมเปญ Display ใหม่ได้ พร้อมกับอัปเกรดแคมเปญ Display เดิมให้เป็นแคมเปญ Performance Max ได้ง่ายๆ ด้วย ดูวิธีคัดลอกและวางแคมเปญ กลุ่มโฆษณา โฆษณา กลุ่มเป้าหมาย และคีย์เวิร์ด
สามารถทำได้ 3 วิธี
- จากการแจ้งเตือนในบัญชี Google Ads
- จากหน้า "คําแนะนํา"
- จากคําแนะนําในบรรทัดที่แสดงในหน้าแคมเปญ
อัปเกรดจากการแจ้งเตือนในบัญชี Google Ads
- ไปที่มุมขวาบนในบัญชี Google Ads และคลิกไอคอนการแจ้งเตือน
- เลือกการแจ้งเตือน "อัปเกรดแคมเปญ Display" แล้วคลิกใช้
- เมื่อได้รับการยืนยัน ให้คลิกใช้ทั้งหมดเพื่อยืนยัน
อัปเกรดจากหน้า "คําแนะนํา"
- ในบัญชี Google Ads ให้ไปที่หน้าคำแนะนำ
- คลิกดูคําแนะนํา แล้วเลือกช่องทําเครื่องหมาย กับทุกแคมเปญที่ต้องการอัปเดต
- คลิกใช้ทั้งหมดในคําแนะนํา "อัปเกรดเป็น Performance Max" เพื่ออัปเกรดทุกแคมเปญในคลิกเดียว
- คลิกใช้ทั้งหมดในโมดัลการยืนยัน
อัปเกรดจากหน้าแคมเปญ
- คุณอาจเห็นการแจ้งเตือนที่แนะนําให้อัปเกรดไปเป็น Performance Max ทางด้านขวาของหน้าแคมเปญ
- คลิกดูเพื่อดูประโยชน์ด้าน Conversion ที่ได้จากการอัปเกรด
- คลิกใช้ทั้งหมดเพื่ออัปเกรดแคมเปญ Display เป็นแคมเปญ Performance Max
คำถามที่พบบ่อย
- จากการแจ้งเตือนในบัญชี Google Ads
- จากหน้า "คําแนะนํา"
- จากการแจ้งเตือนในหน้า "แคมเปญ"
การเปลี่ยนแคมเปญจะเปิดให้ใช้งานในวงกว้างมากขึ้นภายในปี 2023
ไม่ได้ เมื่อใช้แคมเปญ Performance Max แล้ว คุณจะยกเว้นหรือกําหนดเป้าหมายช่องทางที่ต้องการไม่ได้ แคมเปญประเภทนี้มุ่งเน้นที่เป้าหมายเพื่อช่วยให้ได้ Conversion หรือมูลค่า Conversion เพิ่มขึ้นในทุกช่องทางและพื้นที่โฆษณาของ Google
คุณควรเพิ่มเป้าหมายและข้อมูล Conversion ที่ถูกต้องเพื่อช่วยควบคุมและรับประกันว่าแคมเปญจะได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพให้เหมาะกับสิ่งที่ต้องการ แม้ว่าช่องทางหรือตำแหน่งพื้นที่โฆษณาหนึ่งๆ จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าช่องทางหรือตำแหน่งพื้นที่โฆษณาอื่นในการประมูล แต่ก็อาจไม่ได้เป็นเช่นนั้นในบางการประมูล
แคมเปญ Performance Max อนุญาตการยกเว้นตําแหน่งทั้งหมดในระดับบัญชี แต่ยังไม่รองรับการยกเว้นตําแหน่งระดับแคมเปญ
คุณสามารถยกเว้นโฆษณาไม่ให้ปรากฏในหน้าเว็บ เว็บไซต์ แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ และวิดีโอที่ไม่ต้องการให้แสดงได้ อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์การยกเว้นตําแหน่งนี้อาจส่งผลในทางลบต่อประสิทธิภาพแคมเปญเนื่องจากจํากัดการแสดงผล เราขอแนะนําให้ยกเว้นตําแหน่งเพื่อความปลอดภัยของแบรนด์เท่านั้น เช่น การยกเว้นเว็บไซต์และแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ไม่เหมาะกับแบรนด์ ดูวิธียกเว้นตำแหน่งที่ระดับบัญชี