Smart Bidding หมายถึงกลยุทธ์การเสนอราคาที่ใช้ AI ของ Google เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ Conversion หรือมูลค่า Conversion ในการประมูลแต่ละครั้ง หรือฟีเจอร์ที่เรียกว่า "การเสนอราคาตามเวลาจริงในการประมูล" CPA เป้าหมาย, ROAS เป้าหมาย, เพิ่มจำนวน Conversion สูงสุด และเพิ่มมูลค่า Conversion สูงสุดล้วนแล้วแต่เป็นกลยุทธ์ Smart Bidding ทั้งสิ้น
กลยุทธ์ Smart Bidding
เป้าหมายธุรกิจ | เป้าหมายแคมเปญ | กลยุทธ์ Smart Bidding |
---|---|---|
เพิ่มยอดขายหรือโอกาสในการขาย | ได้ Conversion มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วยงบประมาณคงที่หรือ ROI คงที่ | เพิ่มจำนวน Conversion สูงสุด, CPA เป้าหมาย |
เพิ่มผลกำไร | เพิ่มมูลค่า Conversion ให้ได้มากที่สุดจากการใช้งบประมาณแบบคงที่หรือผลตอบแทนจากค่าโฆษณาแบบคงที่ | ROAS เป้าหมาย , เพิ่มมูลค่า Conversion สูงสุด |
เหตุใดจึงควรใช้ Smart Bidding
Smart Bidding มีข้อดีที่สำคัญ 4 ประการที่จะช่วยคุณประหยัดเวลาและปรับปรุงประสิทธิภาพ
แมชชีนเลิร์นนิงขั้นสูง
ในการเสนอราคา อัลกอริทึมแมชชีนเลิร์นนิงจะศึกษาจากข้อมูลจำนวนมาก เพื่อช่วยให้คุณคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำขึ้นทั่วทั้งบัญชีเกี่ยวกับผลกระทบที่จำนวนเงินราคาเสนอที่แตกต่างกันอาจมีต่อ Conversion หรือมูลค่า Conversion อัลกอริทึมนี้จะพิจารณาพารามิเตอร์ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพได้หลากหลายกว่าที่คนคนเดียวหรือทีมเดียวจะคำนวณได้
สัญญาณบริบทที่หลากหลาย
ด้วยการเสนอราคาตามเวลาจริงในการประมูล คุณสามารถพิจารณาสัญญาณได้หลากหลายในการเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอ สัญญาณคือลักษณะที่ระบุได้เกี่ยวกับบุคคลหรือบริบทของบุคคล ณ ขณะที่มีการประมูลหนึ่งๆ ซึ่งประกอบด้วยลักษณะอย่างเช่นอุปกรณ์และสถานที่ ซึ่งมีให้ใช้เป็นการปรับราคาเสนอด้วยตนเอง นอกจากนั้นยังมีสัญญาณเพิ่มเติมและชุดสัญญาณที่มีเฉพาะใน Smart Bidding ดูรายการสัญญาณที่สำคัญได้ด้านล่าง
สัญญาณในการเสนอราคาอัตโนมัติ
อุปกรณ์
คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอสำหรับกลยุทธ์ CPA เป้าหมายหรือ ROAS เป้าหมาย โดยพิจารณาว่าผู้ใช้กำลังใช้มือถือ เดสก์ท็อป หรือแท็บเล็ต
ตัวอย่าง: สำหรับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ระบบอาจปรับราคาเสนอเมื่อผู้ใช้ทำการค้นหาบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ซึ่งมีโอกาสมากกว่าที่จะนัดหมายเพื่อพูดคุยในสาขาที่อยู่ใกล้ๆ
สถานที่ตั้งทางกายภาพ
คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอสถานที่ตั้งเฉพาะเจาะจง (จนถึงระดับเมือง) ที่ผู้ใช้อยู่ แม้ว่าการกำหนดสถานที่เป้าหมายที่ผู้ลงโฆษณาใช้จะไม่เจาะจงเท่าก็ตาม
ตัวอย่าง: สำหรับธนาคาร แม้ว่าการกำหนดสถานที่เป้าหมายของผู้ลงโฆษณาจะตั้งค่าเป็นภาคกลาง ระบบก็อาจปรับราคาเสนอถ้าผู้ใช้ค้นหา "บัญชีเช็คใหม่" จากจังหวัดที่มีสาขาจำนวนมาก ซึ่งผู้ใช้มีแนวโน้มที่จะเปิดบัญชีมากกว่า
ความตั้งใจตามสถานที่ตั้ง
คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพโดยพิจารณาความตั้งใจตามสถานที่ตั้งของผู้ใช้เพิ่มเติมจากสถานที่ตั้งจริง
ตัวอย่าง: สำหรับบริษัทท่องเที่ยว ระบบอาจปรับราคาเสนอเมื่อผู้ใช้ตั้งใจค้นคว้าข้อมูลเมืองท่องเที่ยวที่คุณนำเสนอ (เช่น "เที่ยวปารีสเดือนสิงหา") แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ใกล้ปารีสก็ตาม
วันในสัปดาห์และเวลาของวัน
คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอตามเวลาท้องถิ่นของผู้ใช้และวันในสัปดาห์ในเขตเวลาของผู้ใช้รายนั้น
ตัวอย่าง: สำหรับร้านอาหาร ระบบอาจปรับราคาเสนอถ้าผู้ใช้ทำการค้นหาเมื่อเวลา 20.00 น. วันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้คนมีแนวโน้มที่จะจะจองร้านอาหารสำหรับช่วงสุดสัปดาห์มากกว่าเวลา 8.00 น. ในวันจันทร์
รายการรีมาร์เก็ตติ้ง
คําอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอในเครือข่าย Search เครือข่ายดิสเพลย์ และแคมเปญโรงแรมตามรายการรีมาร์เก็ตติ้งที่ผู้ใช้อยู่ได้ นอกจากนี้เครือข่าย Search และเครือข่ายดิสเพลย์ยังพิจารณาด้วยว่าผู้ใช้เข้ามาอยู่ในรายการดังกล่าวนานเพียงใดแล้ว เครือข่าย Search ยังพิจารณาแต่ละรายการที่ผู้ใช้อยู่สำหรับแคมเปญหรือกลุ่มโฆษณาที่ระบุด้วย
ตัวอย่าง: สำหรับร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์ ระบบอาจปรับราคาเสนอถ้าผู้ใช้เคยดูสินค้าชิ้นหนึ่งแล้วในการเข้าชมครั้งก่อนและเพิ่มลงในรถเข็นช็อปปิ้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมีแนวโน้มมากกว่าที่ผู้ใช้จะซื้อสินค้าชิ้นนั้นในเร็วๆ นี้เมื่อเทียบกับผู้ที่เพิ่มลงในรถเข็นเมื่อเดือนที่แล้ว
ลักษณะเฉพาะของโฆษณา
คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอโดยพิจารณาว่าโฆษณาเวอร์ชันใดจะแสดง รวมถึงดูว่าเป็นโฆษณาสำหรับแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือไม่
ตัวอย่าง: สำหรับบริษัทโทรคมนาคม ระบบอาจปรับราคาเสนอถ้าโฆษณาที่แสดงคือโฆษณาสำหรับ "ข้อเสนอพิเศษล่าสุด" หรือ "โปรแบบยืดหยุ่น" หรือถ้าโฆษณาชี้ไปที่เว็บไซต์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือแอป ขึ้นอยู่กับว่ารูปแบบใดมีโอกาสที่จะเกิด Conversion มากกว่า สำหรับแคมเปญบนเครือข่ายดิสเพลย์ ราคาเสนอจะพิจารณาว่าขนาดและรูปแบบโฆษณาใดมีแนวโน้มว่าจะเกิด Conversion มากกว่า
ภาษาอินเทอร์เฟซ
คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอตามค่ากำหนดภาษาของผู้ใช้
ตัวอย่าง: สำหรับเว็บไซต์สอนภาษาสเปน ระบบอาจปรับราคาเสนอสำหรับข้อความค้นหา "เรียนภาษาใหม่" ถ้าค่ากำหนดภาษาของผู้ใช้ตั้งเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ใช่สเปน ซึ่งมีแนวโน้มต่ำที่จะซื้อคอร์สเรียนภาษาใหม่
เบราว์เซอร์
คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอตามเบราว์เซอร์ที่ผู้ใช้ใช้
ตัวอย่าง: สำหรับบริษัทขายอาหารเพื่อสุขภาพ ระบบอาจปรับราคาเสนอถ้าผู้ใช้ทำการค้นหาจาก Chrome ซึ่งที่ผ่านมามีแนวโน้มที่จะเกิด Conversion สำหรับบริษัทนี้สูงกว่าเบราว์เซอร์อื่นๆ
ระบบปฏิบัติการ
คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอตามระบบปฏิบัติการที่ผู้ใช้ใช้
ตัวอย่าง: สำหรับนักพัฒนาแอปเกม ระบบอาจปรับราคาเสนอหากผู้ใช้ค้นหา "เกมไขปัญหา" ใน Google Play จากอุปกรณ์ Android ที่อัปเกรดเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุด ซึ่งมีแนวโน้มที่จะมีการติดตั้งแอปมากกว่าระบบปฏิบัติการเวอร์ชันเก่า
คำค้นหาจริง (Search และ Shopping)
คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอตามข้อความค้นหาที่เรียกให้โฆษณาแสดง ไม่ใช่เฉพาะคีย์เวิร์ดที่ตรงกันเท่านั้น
ตัวอย่าง: สำหรับร้านขายรองเท้า ระบบอาจปรับราคาเสนอถ้าคำค้นหาของผู้ใช้คือ "รองเท้าบู๊ทหนัง" และผู้ใช้คนนั้นมีแนวโน้มที่จะซื้อรองเท้าคู่ใหม่มากกว่าเมื่อเทียบกับการค้นหา "ซ่อมรองเท้าบู๊ท" แม้ว่าการค้นหาทั้งสองจะจับคู่แบบกว้างกับคีย์เวิร์ด "รองเท้าบู๊ท" ก็ตาม
พาร์ทเนอร์เครือข่าย Search (Search เท่านั้น)
คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอตามเว็บไซต์พาร์ทเนอร์ Search ที่จะแสดงโฆษณานั้น
ตัวอย่าง: สำหรับแบรนด์สินค้าบรรจุห่อสำหรับผู้บริโภค ระบบอาจปรับราคาเสนอถ้าข้อความค้นหามาจากการค้นหาที่มีความเกี่ยวข้องมากกว่าบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ซึ่งมีแนวโน้มจะเกิด Conversion สูงกว่าเมื่อเทียบกับเว็บไซต์ข่าว
ตำแหน่งบนเว็บ (ดิสเพลย์เท่านั้น)
คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอตามตำแหน่งเว็บไซต์ที่แสดงโฆษณานั้น
ตัวอย่าง: สำหรับแบรนด์สินค้าบรรจุห่อสำหรับผู้บริโภค ระบบอาจปรับราคาเสนอถ้าโฆษณาแสดงในเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมและมีผู้เข้าชมจำนวนมาก ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเกิด Conversion สูงกว่า
พฤติกรรมในเว็บไซต์ (ดิสเพลย์เท่านั้น)
คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอตามกิจกรรมบนเว็บไซต์ของคุณที่ผู้ใช้ทำ รวมถึงจำนวนหน้าที่ดู มูลค่าของผลิตภัณฑ์ที่เรียกดู จำนวนขั้นตอนที่ผู้ใช้ดำเนินการไปแล้วในกระบวนการ Conversion และเว็บไซต์อื่นๆ ที่เคยเข้าชม
ตัวอย่าง: สำหรับแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ ระบบอาจปรับราคาเสนอถ้าผู้ใช้เรียกดูโซฟาหลายตัวที่มีราคาสูงกว่าเมื่อเทียบกับโคมไฟที่มีจุดราคาต่ำกว่า
แอตทริบิวต์ของผลิตภัณฑ์ (Shopping เท่านั้น)
คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอตามแอตทริบิวต์ที่คล้ายกันในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ราคา สภาพ แบรนด์ และหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์
ตัวอย่าง: สำหรับร้านขายอุปกรณ์กิจกรรมกลางแจ้ง ระบบอาจปรับราคาเสนอถ้าคุณเพิ่มเต๊นท์ใหม่ลงในข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่คล้ายคลึงกับเต๊นท์อื่นๆ ที่มีแนวโน้มการเกิด Conversion สูง
แอตทริบิวต์โรงแรมและแผนการเดินทาง (แคมเปญโรงแรมเท่านั้น)
คําอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอตามแอตทริบิวต์โรงแรมและแผนการเดินทางที่ผู้ใช้เลือก
ตัวอย่าง: สําหรับโรงแรมที่เลือก ระบบอาจปรับราคาเสนอถ้าคะแนนของผู้ใช้เป็นบวก รวมถึงมีวันที่เช็คอินและเช็คเอาต์ที่ผู้ใช้เลือก (ไม่ใช่ตามค่าเริ่มต้น) ซึ่งมีแนวโน้มการจองโรงแรมที่สูงกว่า
คะแนนแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ (จะมีให้บริการในเร็วๆ นี้)
คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอตามคะแนนและจำนวนรีวิวของแอป
ตัวอย่าง: สำหรับแบรนด์การออกกำลังกาย ระบบอาจปรับราคาเสนอถ้าแอปมีรีวิวที่ยอดเยี่ยมจำนวนมากและมีแนวโน้มสูงกว่าที่จะทำให้เกิดการติดตั้ง
ความสามารถในการแข่งขันด้านราคา (Shopping และแคมเปญโรงแรมเท่านั้น)
คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอตามราคาผลิตภัณฑ์ของคุณที่เทียบกับผู้ลงโฆษณารายอื่นที่เข้าร่วมในการประมูลเดียวกับคุณ
ตัวอย่าง: สำหรับร้านขายเครื่องครัว ระบบอาจปรับราคาเสนอถ้าคุณเสนอดีลสำหรับชุดมีดที่น่าดึงดูดใจกว่าเมื่อเทียบกับผู้ลงโฆษณารายอื่น
ฤดูกาล (Shopping เท่านั้น)
คำอธิบาย: Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอตามแนวโน้มประสิทธิภาพการทำงานตามฤดูกาลในช่วงต่างๆ ของปี
ตัวอย่าง: สำหรับร้านขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ระบบอาจปรับราคาเสนอถ้าผู้ใช้ค้นหาโทรทัศน์เครื่องใหม่ในช่วงเทศกาลวันหยุด ซึ่งมักจะมีแนวโน้มการเกิด Conversion สูงกว่า
การควบคุมประสิทธิภาพที่ยืดหยุ่น
Smart Bidding ให้คุณกำหนดเป้าหมายประสิทธิภาพและปรับแต่งการตั้งค่าตามเป้าหมายทางธุรกิจของคุณที่ไม่เหมือนใคร ดังนี้
- เพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอบนเครือข่าย Search ตามรูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่คุณเลือก รวมถึงการระบุแหล่งที่มาจากข้อมูล
- กำหนดเป้าหมายด้านประสิทธิภาพตามอุปกรณ์สำหรับมือถือ เดสก์ท็อป และแท็บเล็ตด้วยการเสนอราคา CPA เป้าหมาย
- คุณสามารถใช้ฟีเจอร์การกำหนดแนวทางซึ่งมีอยู่ในตัวเพื่อรักษากลยุทธ์การเสนอราคาที่ต้องการไว้ได้ ดูรายละเอียดได้ในวิธีกําหนดแนวทางโฆษณา Search ที่ทำงานด้วยระบบ AI
การรายงานประสิทธิภาพที่โปร่งใส
Smart Bidding มีเครื่องมือการรายงานที่ให้ข้อมูลที่เจาะลึกขึ้นเกี่ยวกับประสิทธิภาพการเสนอราคา และช่วยให้คุณแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งได้แก่
- รายงานกลยุทธ์การเสนอราคาที่ช่วยให้คุณเข้าใจประสิทธิภาพของกลยุทธ์ Smart Bidding หากต้องการดูรายงานกลยุทธ์การเสนอราคา ให้ไปที่ค้นหารายงานกลยุทธ์การเสนอราคา
- สถานะกลยุทธ์การเสนอราคาโดยละเอียดที่แสดงว่าเกิดอะไรขึ้นกับการเสนอราคาบ้าง
- แบบร่างและการทดสอบแคมเปญสำหรับแคมเปญในเครือข่าย Search และแคมเปญ Display ซึ่งช่วยให้ทดสอบได้อย่างง่ายดายว่า Smart Bidding ทำงานได้ดีเพียงใดเทียบกับวิธีการเสนอราคาปัจจุบัน
- เครื่องจำลองที่ช่วยคาดการณ์ประสิทธิภาพของโฆษณาโดยใช้เมตริกสำคัญๆ เช่น ต้นทุน, Conversion, มูลค่า Conversion, จำนวนการแสดงผล และจำนวนคลิกหากคุณกำหนด CPA, ROAS เป้าหมาย หรืองบประมาณไว้แตกต่างกัน
- การเตือนและการแจ้งเตือนที่แจ้งปัญหาเกี่ยวกับเครื่องมือวัด Conversion และแนะนำขั้นตอนที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น
เหมาะสำหรับใคร
Smart Bidding ใช้ได้ดีเยี่ยมกับทั้งธุรกิจขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เนื่องจากช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้โดยอิงตามข้อมูลจากแคมเปญทั้งหมด คุณจึงอาจเห็นว่าแคมเปญใหม่ๆ ที่ไม่มีข้อมูลก็มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นด้วย เราขอแนะนำให้ขยายช่วงเวลาวัดประสิทธิภาพให้เป็นช่วงที่มี Conversion อย่างน้อย 30 ครั้ง เช่น ตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป (50 Conversion สำหรับ ROAS เป้าหมาย) เพื่อให้ประเมินผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำ คุณเพิ่มคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องลงในแคมเปญที่มีปริมาณการเข้าชมต่ำเพื่อขยายการกำหนดเป้าหมายและเพิ่ม Conversion ได้
ผู้ลงโฆษณาที่ใช้ Smart Bidding ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายและนโยบายโฆษณาของ Google ที่บังคับใช้ ตัวอย่างเช่น คุณเป็นผู้รับผิดชอบในการตรวจสอบว่าการใช้ Smart Bidding ของคุณเป็นไปตามนโยบายการโฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ของ Google สิ่งสำคัญคือคุณต้องทำความคุ้นเคยกับสัญญาณบริบทที่ใช้ใน Smart Bidding เพื่อให้ทราบว่า Smart Bidding เหมาะสำหรับธุรกิจของคุณไหม
สร้างกลยุทธ์ Smart Bidding
ก่อนเริ่มต้น
หากต้องการใช้ Smart Bidding คุณจะต้องเปิดใช้เครื่องมือวัด Conversion ก่อน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีต่างๆ ในการติดตาม Conversion
ประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นนี้ช่วยให้ลูกค้าดำเนินการที่มุ่งหวังได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ ลงชื่อสมัครใช้ หรือเพิ่มสินค้าลงในรถเข็น นอกจากนี้ คุณยังติดตามการกระทําที่ถือเป็น Conversion ในแอปเหล่านี้และรับคำแนะนำในการปรับปรุงแคมเปญได้จากในอินเทอร์เฟซ Web to App Connect อีกด้วย
หากต้องการเริ่มต้นใช้งาน Web to App Connect ให้ทำตาม 3 ขั้นตอนต่อไปนี้
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเครื่องมือ
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลงการวางแผนในเมนู "ส่วน"
- คลิกฮับการโฆษณาแอป ซึ่งจะนำไปยังอินเทอร์เฟซ Web to App Connect
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำให้เกิด Conversion ได้ดียิ่งขึ้นด้วยอินเทอร์เฟซ Web to App Connect
คุณสามารถสร้างกลยุทธ์ Smart Bidding สําหรับแคมเปญเดียว (กลยุทธ์มาตรฐาน) หรือหลายแคมเปญ (กลยุทธ์การเสนอราคาแบบพอร์ตโฟลิโอ) ได้ดังนี้
- สร้างด้วยแคมเปญใหม่
- สร้างหรือเปลี่ยนจากการตั้งค่าแคมเปญ
- สร้างจาก "กลยุทธ์การเสนอราคา"
หากต้องการสร้าง ตรวจสอบ หรือจัดการกลยุทธ์การเสนอราคา ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเครื่องมือ
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลงงบประมาณและการเสนอราคาในเมนู "ส่วน"
- คลิกกลยุทธ์การเสนอราคา
การระบุแหล่งที่มาของ Conversion ของโฆษณาวิดีโอสำหรับ Smart Bidding
สำหรับโฆษณาวิดีโอที่ใช้ Smart Bidding ทาง Google Ads จะใช้ข้อมูล Conversion จากแคมเปญเพื่อคาดการณ์ว่าการมีส่วนร่วมกับโฆษณาวิดีโอมีแนวโน้มจะนำไปสู่ Conversion มากน้อยเพียงใด
การมีส่วนร่วมของโฆษณา TrueView for Action หมายถึงการคลิกโฆษณาหรือเวลาในการดู 10 วินาที หากเกิดขึ้นทั้ง 2 การกระทำ ระบบจะนับเฉพาะการคลิกเท่านั้น การดูโฆษณาวิดีโอเป็นเวลาอย่างน้อย 10 วินาทีจะถูกนับเมื่อนำไปสู่ Conversion ในเว็บไซต์หาก Conversion เกิดขึ้นภายใน 3 วันนับจากการมีส่วนร่วม สำหรับผู้ใช้ที่คลิกโฆษณาของคุณ ระบบจะระบุแหล่งที่มาของ Conversion ในกรอบเวลา Conversion ปัจจุบัน
ขยายแคมเปญ Smart Bidding ด้วยคีย์เวิร์ดที่ทำงานแบบกว้าง
คีย์เวิร์ดที่ทำงานแบบกว้างจะจับคู่กับกลยุทธ์ Smart Bidding ได้ดีเป็นพิเศษ รวมถึงการเพิ่มจำนวน Conversion สูงสุด, การเพิ่มมูลค่า Conversion สูงสุด, CPA เป้าหมาย และ ROAS เป้าหมาย
คุณไม่ต้องแบ่งกลุ่มตามประเภทการทำงานของคีย์เวิร์ดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ระบบการเสนอราคาจะตั้งราคาเสนอสำหรับการประมูลแต่ละครั้งของแต่ละการค้นหา และปรับราคาเสนอขึ้นหรือลงโดยขึ้นอยู่กับว่าการค้นหามีโอกาสที่จะทำงานได้ดีเพียงใด การใช้คีย์เวิร์ดที่ทำงานแบบกว้างจะช่วยให้อัลกอริทึมเรียนรู้ได้เร็วขึ้นและอาจพบการประมูลเพิ่มเติมที่จะช่วยให้คุณบรรลุวัตถุประสงค์ด้านการเติบโตทางธุรกิจ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคีย์เวิร์ดที่ทำงานแบบกว้าง
ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง
- คําแนะนําเกี่ยวกับ Smart Bidding
- การตั้งราคาเสนอที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับ Search
- เกี่ยวกับการเสนอราคาอัตโนมัติ
- เกี่ยวกับการเสนอราคา CPA เป้าหมาย
- เกี่ยวกับการเสนอราคา ROAS เป้าหมาย
- เกี่ยวกับรูปแบบการทำงานของคีย์เวิร์ด
- คู่มือการใช้โฆษณา Search ที่ทำงานด้วยระบบ AI
- วิธีกําหนดแนวทางโฆษณา Search ที่ทำงานด้วยระบบ AI