โทรศัพท์ Pixel ทุกรุ่นชาร์จโดยใช้สาย USB-C ได้ โปรดใช้อะแดปเตอร์ที่มาพร้อมกับโทรศัพท์บางรุ่น เช่น Pixel 5a (5G) เพื่อการชาร์จที่มีประสิทธิภาพที่สุด หากโทรศัพท์มีปัญหาในการชาร์จ โปรดดูวิธีแก้ไขโทรศัพท์ที่ชาร์จไม่ได้
ใช้การแชร์แบตเตอรี่เพื่อชาร์จแบบไร้สายให้แก่โทรศัพท์หรืออุปกรณ์เสริมที่ผ่านการรับรอง Qi เช่น Pixel Buds หรือ Pixel 5–7 Pro โดยยกเว้น 6a และ 7a วางอุปกรณ์เสริมหรือโทรศัพท์เครื่องอื่นไว้ที่ด้านหลังของโทรศัพท์เพื่อชาร์จ
เมื่อเวลาผ่านไป แบตเตอรี่ของโทรศัพท์ Pixel อาจมีประสิทธิภาพลดลงเนื่องจากรูปแบบการใช้งาน อุณหภูมิ และอายุของแบตเตอรี่ โทรศัพท์ Pixel บางรุ่นอาจปรับการชาร์จโดยอัตโนมัติเพื่อจัดการอุณหภูมิของอุปกรณ์และแบตเตอรี่ ทั้งนี้เพื่อช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ ซึ่งอาจส่งผลให้ความเร็วในการชาร์จช้าลงในบางกรณี
เคล็ดลับ: หากต้องการชาร์จแบบไร้สายด้วยการแชร์แบตเตอรี่ โทรศัพท์จะต้องมีระดับแบตเตอรี่มากพอ หากต้องการตรวจสอบระดับแบตเตอรี่ ให้เปิดแอปการตั้งค่าของโทรศัพท์ แล้วแตะแบตเตอรี่ การแชร์แบตเตอรี่ ตรวจสอบว่าโทรศัพท์อยู่ในตำแหน่งที่เครื่องจะไม่ร้อนจนเกินไป ดูวิธีการทําให้โทรศัพท์ Pixel เย็นอยู่เสมอ
วิธีชาร์จโทรศัพท์
- เสียบข้างใดก็ได้ของสาย USB-C กับพอร์ตที่ด้านล่างของโทรศัพท์
- เสียบสายอีกด้านหนึ่งกับอะแดปเตอร์ที่มากับโทรศัพท์
- เสียบอะแดปเตอร์เข้ากับเต้ารับ
วิธีใช้การชาร์จแบบปรับอัตโนมัติ (Pixel 4 ขึ้นไป)
เมื่อคุณชาร์จโทรศัพท์เป็นเวลานานหรือข้ามคืน ระบบอาจเปิดการชาร์จแบบปรับอัตโนมัติเพื่อชาร์จให้ถึง 100% ก่อนที่คุณจะถอดปลั๊ก 1 ชั่วโมง ฟีเจอร์การชาร์จแบบปรับอัตโนมัติจะยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ฟีเจอร์นี้ใช้งานได้กับโทรศัพท์ต่อไปนี้
- Pixel 4: เปิดเมื่อชาร์จโทรศัพท์ระหว่างเวลา 21:00 น. - 04:00 น. และตั้งปลุกไว้ระหว่างเวลา 03:00 น. - 10:00 น. ดูวิธีตั้งปลุก
- Pixel 4a ขึ้นไปและ Fold: ฟีเจอร์การชาร์จแบบปรับอัตโนมัติจะเรียนรู้จากพฤติกรรมการชาร์จของคุณ หากมีการคาดการณ์ว่าช่วงเวลาการชาร์จจะยาวนาน ระบบอาจเปิดฟีเจอร์นี้ต่อแม้ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กล่าวถึงข้างต้น
เคล็ดลับ: ฟีเจอร์นี้ต้องใช้เวลาเรียนรู้ประมาณ 14 วันจึงจะเข้าใจพฤติกรรมการชาร์จของคุณ หากพฤติกรรมการชาร์จแตกต่างไป เช่น ระหว่างเดินทาง ระบบอาจไม่เปิดการชาร์จแบบปรับอัตโนมัติ
หากต้องการปิดการชาร์จแบบปรับอัตโนมัติ ให้ทำดังนี้
- เปิดแอปการตั้งค่าในโทรศัพท์
- แตะแบตเตอรี่ การชาร์จแบบปรับอัตโนมัติ
- ปิดใช้การชาร์จแบบปรับอัตโนมัติ
เคล็ดลับ: เมื่อการชาร์จแบบปรับอัตโนมัติเปิดอยู่ การแจ้งเตือนจะปรากฏขึ้นและแสดงเวลาที่แบตเตอรี่จะชาร์จเต็ม
เคล็ดลับการชาร์จ
วิธีชาร์จอย่างรวดเร็ว
- ใช้เต้ารับติดผนังเป็นแหล่งจ่ายไฟ แหล่งจ่ายไฟอื่นๆ เช่น แล็ปท็อป อาจชาร์จได้ช้ากว่า
- คุณใช้โทรศัพท์ระหว่างที่ชาร์จอยู่ได้ แต่หากต้องการชาร์จให้เร็วขึ้น โปรดอย่าใช้โทรศัพท์ขณะชาร์จ
ฟังเสียงเมื่อชาร์จโทรศัพท์
- ตรวจสอบว่าโทรศัพท์เปิดเสียงอยู่ ดูวิธีปรับระดับเสียงของโทรศัพท์
- เปิดแอปการตั้งค่าในโทรศัพท์
- แตะเสียง ขั้นสูง
- เปิดเสียงการชาร์จ
- คุณจะได้ยินเสียงเมื่อเสียบชาร์จโทรศัพท์
หมายเหตุ: คุณจะไม่ได้ยินเสียงหากปิดเสียงโทรศัพท์ไว้หรือตั้งเป็นระบบสั่น
อะแดปเตอร์และสายที่ต้องใช้
- โทรศัพท์ Pixel ใช้ USB-C ร่วมกับอะแดปเตอร์และสายของ USB 2.0
- หากต้องการชาร์จโทรศัพท์ด้วยอะแดปเตอร์ USB-A ให้ใช้สายแปลง USB-C เป็น USB-A วิธีนี้จะชาร์จโทรศัพท์ได้ช้ากว่า USB-C
- เราขอแนะนำให้ใช้อะแดปเตอร์ USB-C 30 วัตต์ของ Google หรืออะแดปเตอร์ Programmable Power Supply (PPS) ที่จ่ายไฟ 30 วัตต์ขึ้นไป หรือคุณจะใช้อะแดปเตอร์ USB Power Delivery (PD) อื่นๆ ที่จ่ายไฟ 15 วัตต์ขึ้นไปก็ได้
- สายและอะแดปเตอร์แบบอื่นๆ ของ Android อาจใช้งานกับโทรศัพท์ Pixel ไม่ได้
- โทรศัพท์ Pixel 4a (5G), Pixel 4a, Pixel 3a, Pixel 2 และ Pixel (2016) จะชาร์จแบบไร้สายไม่ได้
ตรวจสอบว่าอุปกรณ์เสริมสำหรับการชาร์จใช้งานได้กับโทรศัพท์
หากโทรศัพท์เปิดเครื่องได้แต่คุณได้รับการแจ้งเตือน "ตรวจสอบอุปกรณ์เสริมสำหรับการชาร์จ" อาจเป็นไปได้ว่าโทรศัพท์ของคุณไม่รองรับสายหรืออะแดปเตอร์ชาร์จไฟแบบ USB ที่เชื่อมต่ออยู่ หรืออุปกรณ์เสริมได้รับความเสียหาย ซึ่งส่งผลให้โทรศัพท์ชาร์จแบตเตอรี่ช้ามากหรือไม่ชาร์จเลย ในการแก้ปัญหานี้ ให้ลองชาร์จโดยใช้สายอื่นและอะแดปเตอร์ PPS ที่จ่ายไฟ 30 วัตต์ขึ้นไป หรืออะแดปเตอร์ PD ที่จ่ายไฟ 15 วัตต์ขึ้นไป
หมายเหตุทางเทคนิค
- หากต้องการถอดแบตเตอรี่ออก ขอแนะนำให้คุณนำโทรศัพท์ไปติดต่อผู้ให้บริการซ่อมที่ได้รับอนุญาต เราไม่แนะนำให้คุณถอดแบตเตอรี่ออกด้วยตัวเอง
- อะแดปเตอร์จะแตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศหรือภูมิภาค