คุณสามารถชาร์จโทรศัพท์ Pixel แบบไร้สายหรือจะใช้สาย USB-C ก็ได้ นอกจากนี้ ยังดูได้ว่าโทรศัพท์กำลังชาร์จอยู่หรือไม่ และวิธีใช้การชาร์จแบบปรับอัตโนมัติสำหรับ Pixel 4 ขึ้นไป
ตรวจสอบระดับแบตเตอรี่
- เปิดแอปการตั้งค่าในโทรศัพท์
- แตะแบตเตอรี่
วิธีชาร์จโทรศัพท์ Pixel ด้วยสาย
- เสียบสาย USB-C ข้างใดก็ได้เข้ากับพอร์ตที่ด้านล่างของโทรศัพท์
- เสียบปลายสายอีกด้านกับอะแดปเตอร์
- เสียบอะแดปเตอร์เข้ากับเต้ารับ
เคล็ดลับ: ตรวจสอบว่าโทรศัพท์อยู่ในตำแหน่งที่เครื่องจะไม่ร้อนจนเกินไป ดูวิธีการป้องกันไม่ให้โทรศัพท์ Pixel ร้อน
วิธีชาร์จโทรศัพท์ Pixel
สำคัญ: ชาร์จโดยใช้สาย USB-C ได้ โปรดใช้อะแดปเตอร์ที่มาพร้อมกับโทรศัพท์บางรุ่น เช่น Pixel 5a (5G) เพื่อการชาร์จที่มีประสิทธิภาพที่สุด
- ใช้เต้ารับติดผนังเป็นแหล่งจ่ายไฟ แหล่งจ่ายไฟอื่นๆ เช่น แล็ปท็อป อาจชาร์จได้ช้ากว่า
- คุณใช้โทรศัพท์ระหว่างที่ชาร์จอยู่ได้ แต่หากต้องการชาร์จให้เร็วขึ้น โปรดอย่าใช้โทรศัพท์ขณะชาร์จ
วิธีชาร์จโทรศัพท์ Pixel แบบไร้สาย
สำคัญ: การชาร์จแบบไร้สายใช้ได้ในอุปกรณ์ Pixel 3 ขึ้นไป ยกเว้น Pixel 3a, 4a, 4a 5G, 5a และ 6a
- ตรวจสอบความเข้ากันได้ของอุปกรณ์
- เลือกที่ชาร์จไร้สายที่เข้ากันได้
- ตรวจสอบว่าคุณใช้ที่ชาร์จไร้สายที่ผ่านการรับรอง Qi 1.x หรือ Pixel Stand ที่เข้ากันได้กับอุปกรณ์ ดูวิธีชาร์จโทรศัพท์ด้วย Pixel Stand
- Qi เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Wireless Power Consortium Inc.
- ที่ชาร์จแบบไร้สาย MagSafe ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ Pixel ไม่ได้และยังไม่ได้รับการรับรองให้ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ Pixel
- ที่ชาร์จแบบไร้สายรองรับกำลังไฟขาออกที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปแล้ววัตต์ที่สูงขึ้นจะหมายถึงการชาร์จที่เร็วขึ้น แต่อุปกรณ์ของคุณต้องรองรับความเร็วที่สูงขึ้นด้วย ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ส่วน "แบตเตอรี่และการชาร์จ" สำหรับอุปกรณ์ของคุณในรายละเอียดด้านเทคนิคสำหรับฮาร์ดแวร์ของโทรศัพท์ Pixel
- ตรวจสอบว่าคุณใช้ที่ชาร์จไร้สายที่ผ่านการรับรอง Qi 1.x หรือ Pixel Stand ที่เข้ากันได้กับอุปกรณ์ ดูวิธีชาร์จโทรศัพท์ด้วย Pixel Stand
- ตั้งค่าที่ชาร์จไร้สาย
- เสียบที่ชาร์จไร้สายเข้ากับเต้ารับติดผนังโดยใช้อะแดปเตอร์ที่ให้มาหรืออะแดปเตอร์ที่เข้ากันได้ หรือใช้ที่ชาร์จไร้สายในตัว เช่น ที่ชาร์จที่มีในรถยนต์
- ตรวจสอบว่าที่ชาร์จวางอยู่บนพื้นที่มั่นคง ปราศจากวัตถุโลหะหรือวัสดุแม่เหล็กที่อาจรบกวนการชาร์จ
วิธีชาร์จแบบไร้สายให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
- ถอดเคส: ถอดเคสโทรศัพท์ออกหากชาร์จช้าหรือชาร์จขัดข้อง เคสหนาหรือเป็นโลหะ รวมถึงเคสที่มีแม่เหล็กจัดแนวหรือสติกเกอร์ที่มีตัวยึดวงแหวนอาจส่งผลต่อความเร็วในการชาร์จหรือขัดขวางการชาร์จแบบไร้สายไปเลย
- หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหว: พยายามอย่าขยับหรือใช้อุปกรณ์มากเกินไปขณะชาร์จแบบไร้สาย เนื่องจากอาจทำให้การเชื่อมต่อขัดข้อง
- รักษาความเย็น: หลีกเลี่ยงการชาร์จในสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัด (รวมถึงการโดนแสงแดดโดยตรง) เนื่องจากอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของแบตเตอรี่และการชาร์จ ตรวจสอบว่าคุณมีอากาศที่เย็นสบายและเพียงพอ หากเป็นไปได้ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในยานพาหนะ
เคล็ดลับ: โทรศัพท์จะชาร์จได้เร็วขึ้นเมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อย เนื่องจากแบตเตอรี่รับกระแสการชาร์จที่สูงขึ้นได้ ซึ่งช่วยให้แบตเตอรี่กลับมาเต็มเร็วขึ้น
การชาร์จแบบไร้สายใน Pixel 9 Pro Foldดูตำแหน่งขดลวดสำหรับการชาร์จจากแผนภาพด้านล่างเพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น
รู้เมื่อโทรศัพท์กำลังชาร์จ
สำคัญ: ตรวจสอบว่าโทรศัพท์เปิดเสียงอยู่ ดูวิธีปรับระดับเสียงของโทรศัพท์
- เปิดแอปการตั้งค่าในโทรศัพท์
- แตะเสียงและการสั่น
- เปิดเสียงและการสั่นขณะชาร์จ
- ตัวบ่งชี้การชาร์จจะสว่างขึ้นและโทรศัพท์จะสั่นเมื่อคุณเสียบปลั๊กโทรศัพท์หรือวางโทรศัพท์บนแท่นชาร์จแบบไร้สาย
วิธีใช้การชาร์จแบบปรับอัตโนมัติ (Pixel 4 ขึ้นไป)
เมื่อคุณชาร์จโทรศัพท์เป็นเวลานานหรือข้ามคืน ระบบอาจเปิดการชาร์จแบบปรับอัตโนมัติเพื่อชาร์จให้ถึง 100% ก่อนที่คุณจะถอดปลั๊ก 1 ชั่วโมง ฟีเจอร์การชาร์จแบบปรับอัตโนมัติจะยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่
ฟีเจอร์นี้ใช้งานได้กับโทรศัพท์ต่อไปนี้
- Pixel 4: เปิดเมื่อชาร์จโทรศัพท์ระหว่างเวลา 21:00 น. - 04:00 น. และตั้งปลุกไว้ระหว่างเวลา 03:00 น. - 10:00 น. ดูวิธีตั้งปลุกบนอุปกรณ์ของคุฯ
- Pixel 4a ขึ้นไปรวมถึง Fold: การชาร์จแบบปรับอัตโนมัติจะเรียนรู้จากพฤติกรรมการชาร์จของคุณ หากมีการคาดการณ์ว่าช่วงเวลาการชาร์จจะยาวนาน ระบบอาจเปิดฟีเจอร์นี้ต่อแม้ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กล่าวถึงข้างต้น
เคล็ดลับ
- ฟีเจอร์นี้ต้องใช้เวลาเรียนรู้ประมาณ 14 วันจึงจะเข้าใจพฤติกรรมการชาร์จของคุณ หากพฤติกรรมการชาร์จแตกต่างไป เช่น ระหว่างเดินทาง ระบบอาจไม่เปิดการชาร์จแบบปรับอัตโนมัติ
- เมื่อการชาร์จแบบปรับอัตโนมัติเปิดอยู่ การแจ้งเตือนจะปรากฏขึ้นและแสดงเวลาที่แบตเตอรี่จะชาร์จเต็ม
หากต้องการปิดการชาร์จแบบปรับอัตโนมัติ ให้ทำดังนี้
- เปิดแอปการตั้งค่าในโทรศัพท์
- แตะแบตเตอรี่ การชาร์จแบบปรับอัตโนมัติ
- ปิดใช้การชาร์จแบบปรับอัตโนมัติ
เคล็ดลับการชาร์จ
อะแดปเตอร์และสายใดที่ต้องใช้กับโทรศัพท์ Pixelสำคัญ: หากต้องการชาร์จโทรศัพท์ด้วยอะแดปเตอร์ USB-A ให้ใช้สายแปลง USB-C เป็น USB-A วิธีนี้จะชาร์จโทรศัพท์ได้ช้ากว่า USB-C
- โทรศัพท์ Pixel ใช้ USB-C ร่วมกับอะแดปเตอร์และสายของ USB 2.0
- สำหรับอะแดปเตอร์จ่ายไฟ คุณสามารถใช้อุปกรณ์ต่อไปนี้
- อะแดปเตอร์ USB-C 30 วัตต์หรือ 45 วัตต์ของ Google
- อะแดปเตอร์ Programmable Power Supply (PPS) ที่จ่ายไฟตั้งแต่ 30 วัตต์ขึ้นไป
- อะแดปเตอร์ USB Power Delivery (PD) อื่นๆ ที่จ่ายไฟตั้งแต่ 15 วัตต์ขึ้นไป
- มีเพียง Pixel 9 Pro XL เท่านั้นที่ชาร์จได้มากกว่า 30 วัตต์
- สายและอะแดปเตอร์อื่นๆ อาจใช้งานกับโทรศัพท์ Pixel ไม่ได้ และความเร็วในการชาร์จอาจแตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับที่ชาร์จและสายที่ใช้
หากได้รับการแจ้งเตือน "ตรวจสอบอุปกรณ์เสริมสำหรับการชาร์จ" แสดงว่าโทรศัพท์ของคุณไม่รองรับสายหรืออะแดปเตอร์ชาร์จไฟแบบ USB ที่เชื่อมต่ออยู่ หรืออุปกรณ์เสริมได้รับความเสียหาย ซึ่งส่งผลให้โทรศัพท์ชาร์จแบตเตอรี่ช้ามากหรือไม่ชาร์จเลย
หากต้องการแก้ไขปัญหา ให้ลองชาร์จด้วยสายชาร์จที่เข้ากันได้ ดูว่าควรใช้อะแดปเตอร์และสายชาร์จใดเพื่อชาร์จโทรศัพท์
สำคัญ: การแชร์แบตเตอรี่พร้อมใช้งานในอุปกรณ์ Pixel 5 ขึ้นไป ยกเว้น Pixel 6a, Pixel 7a, Pixel 8a, Pixel Fold และ Pixel 9 Pro Fold
ใช้การแชร์แบตเตอรี่เพื่อชาร์จแบบไร้สายให้แก่โทรศัพท์หรืออุปกรณ์เสริมที่ผ่านการรับรอง Qi เช่น Pixel Buds หากต้องการใช้ฟีเจอร์นี้ ให้วางอุปกรณ์เสริมหรือโทรศัพท์เครื่องอื่นไว้ที่ด้านหลังของโทรศัพท์ Pixelดูวิธีชาร์จอุปกรณ์อื่นๆ ด้วย Pixel
เคล็ดลับ: หากต้องการชาร์จแบบไร้สายด้วยการแชร์แบตเตอรี่ โทรศัพท์จะต้องมีระดับแบตเตอรี่มากพอ
หมายเหตุทางเทคนิค
- หากต้องการถอดแบตเตอรี่ออก ขอแนะนำให้คุณนำโทรศัพท์ไปติดต่อผู้ให้บริการซ่อมที่ได้รับอนุญาต เราไม่แนะนำให้คุณถอดแบตเตอรี่ออกด้วยตัวเอง
- อะแดปเตอร์จะแตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศหรือภูมิภาค
หากยังคงมีปัญหาเกี่ยวกับโทรศัพท์ Pixel
- หากโทรศัพท์ไม่ชาร์จ ไม่เปิด หรือมีปัญหาอื่นๆ เกี่ยวกับพลังงาน โปรดติดต่อเรา
- คุณสามารถโพสต์คำถามในชุมชนความช่วยเหลือของ Google Pixel เพื่อหาวิธีแก้ปัญหาอื่นๆ ที่เป็นไปได้เกี่ยวกับกล้องของโทรศัพท์