ใช้ฟีเจอร์ของ Google Meet ในแอป Meet เวอร์ชันใหม่

Google Duo ได้รับการอัปเกรดให้สามารถใช้งานได้ทั้งวิดีโอคอลและการประชุมบนอุปกรณ์เคลื่อนที่และบนเว็บ เมื่อเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบแล้ว แอปและไอคอนจะอัปเดตเป็น Google Meet ด้วยเช่นกัน ดูวิธีอัปเดตแอปในอุปกรณ์ Android
คุณจะเลือกทำสิ่งต่อไปนี้ได้เมื่อสื่อสารในแอป Meet เวอร์ชันใหม่
  • วิดีโอคอลแบบ 1:1 และแบบกลุ่ม: การใช้งาน Duo แบบคลาสสิกที่เข้ารหัสจากต้นทางถึงปลายทางด้วยการโทรเข้าหมายเลขหรือกลุ่มโดยตรง การโทรจะมีไอคอนแม่กุญแจและลายน้ำอยู่ในสายเพื่อยืนยันว่ามีการเข้ารหัสจากต้นทางถึงปลายทาง
  • การประชุม: ความสามารถในการสร้างหรือเข้าร่วมการประชุมผ่าน Google Meet ที่เข้ารหัสในระบบคลาวด์โดยคลิกลิงก์เมื่อพร้อมเข้าประชุม วิดีโอคอลและการประชุมจะแตกต่างกันในเรื่องของฟีเจอร์ที่ใช้ได้และวิธีการเข้ารหัส

สำคัญ: คุณต้องลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Google เพื่อลองใช้ฟีเจอร์การประชุม ทั้งนี้บัญชีที่ตั้งค่าโดยใช้หมายเลขโทรศัพท์เพียงอย่างเดียวจะใช้การประชุมไม่ได้

คุณสามารถใช้ชุดฟีเจอร์และความสามารถของ Google Meet ได้ในแอป Meet เวอร์ชันใหม่บนอุปกรณ์ Android หรือ iOS หรือบนเว็บ นอกจากนี้ยังคงวิดีโอคอลบนโทรศัพท์ได้แบบไม่จำกัดเวลาและจำนวนครั้ง หากต้องการวิดีโอคอลแบบ 1:1 หรือแบบกลุ่ม ให้เลือกรายชื่อติดต่อ กลุ่ม หรือโทรผ่านหมายเลข ดูวิธีโทรออกใน Google Meet

นอกเหนือจากนี้ หน้าจอหลักยังแสดงการประชุมที่กำหนดเวลาไว้ซึ่งเชื่อมโยงกับบัญชี Google ของคุณ และรายชื่อผู้ที่คุณโทรหาล่าสุด อีกทั้งคุณยังสามารถค้นหารายชื่อติดต่อที่ซิงค์จากอุปกรณ์ไปยังแอปได้อีกด้วย ดูวิธีค้นหาและเชิญผู้ติดต่อ

เมื่อวิดีโอคอลแบบ 1:1 หรือแบบกลุ่มใน Meet คุณจะใช้ฟีเจอร์วิดีโอคอลแบบเดียวกับที่เคยใช้ใน Duo ได้

เมื่อสร้าง กำหนดเวลา หรือเข้าร่วมการประชุม คุณจะมีสิทธิ์เข้าถึงฟีเจอร์การประชุมที่จะช่วยทำสิ่งต่อไปนี้ได้

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใน Google Duo

สำคัญ: ความพร้อมใช้งานของฟีเจอร์การประชุมบางรายการจะขึ้นอยู่กับแพ็กเกจการสมัครใช้บริการ Google Meet ปัจจุบันของคุณ ดูข้อมูลเกี่ยวกับฟีเจอร์พรีเมียมของ Meet ที่พร้อมใช้งานในรุ่นต่างๆ ของ Google Workspace

สร้างหรือกำหนดเวลาการประชุมในแอป Meet เวอร์ชันใหม่

สำคัญ: หากคุณลงทะเบียนด้วยหมายเลขโทรศัพท์เพียงอย่างเดียว ให้เพิ่มที่อยู่อีเมลเพื่อสร้างการประชุม

  1. เปิดแอป Meet
  2. แตะใหม่ที่ด้านล่างขวา
  3. เลือกตัวเลือกต่อไปนี้
    • สร้างการประชุมใหม่ 
      1. หากต้องการแชร์ลิงก์การประชุม ให้เลือกตัวเลือกต่อไปนี้ 
        • คัดลอก 
          • คุณสามารถส่งลิงก์นี้ทางอีเมล, SMS หรือวิธีการก็ได้ตามต้องการ
        • แชร์ Share
      2. หากต้องการเข้าร่วมการประชุมใหม่ที่คุณสร้างขึ้น ให้แตะเข้าร่วมการประชุม
    • กำหนดเวลาใน Google ปฏิทิน 
      • สำคัญ: เมื่อแตะตัวเลือกนี้ แอป Google ปฏิทินจะเปิดไปยังกิจกรรมที่แก้ไขได้
  4. หากต้องการเปลี่ยนชื่อและเวลาของกิจกรรม เพิ่มผู้เข้าร่วม และทำการแก้ไขอื่นๆ ให้เปิดกิจกรรมใน Google ปฏิทิน
  5. แตะบันทึกที่ด้านขวาบน
  6. ใช้ปุ่มย้อนกลับของอุปกรณ์เพื่อกลับไปยังแอป Meet
  7. เข้าถึงการประชุมบนหน้าจอหลักหรือผ่านลิงก์การประชุมในกิจกรรมในปฏิทิน
เข้าร่วมการประชุม

สำคัญ: คุณจะเห็นการประชุมที่กำลังจะเกิดขึ้นในแอปต่อเมื่อบัญชีของคุณมีการประชุมที่กำหนดเวลาไว้เท่านั้น

  1. เปิดแอป Meet
  2. แตะชื่อการประชุมในส่วน "การประชุม"
  3. ให้แตะเข้าร่วม

เข้าร่วมการประชุมทางวิดีโอด้วยรหัสหรือชื่อเล่นการประชุม

การประชุมทางวิดีโอของ Meet ทุกครั้งจะมีรหัสที่ใช้เข้าร่วมประชุมได้ โดยรหัสการประชุมจะประกอบด้วยชุดอักขระ เช่น abc-defg-hjk คุณจะทราบรหัสการประชุมได้จากข้อมูลการเข้าร่วมประชุมที่ได้รับหรือที่ท้ายลิงก์การประชุม

สําหรับผู้ใช้ Google Workspace: ชื่อเล่นคือวลีที่มีความหมาย เช่น การประชุมของเรา คุณสามารถเลือกชื่อเล่นและแชร์กับคนอื่นๆ ในองค์กรได้เพื่อให้ทุกคนเข้าร่วมการประชุมเดียวกันได้อย่างรวดเร็ว

  1. เปิดแอป Meet แล้วแตะแถบค้นหา
  2. แตะป้อนรหัสการประชุม
  3. ป้อนรหัสหรือชื่อเล่นการประชุม
    เคล็ดลับ: จะใส่เครื่องหมายขีดกลางในรหัสหรือไม่ก็ได้
  4. แตะเข้าร่วมการประชุม
  5. (ไม่บังคับ) ให้เลือกตัวเลือกต่อไปนี้โดยขึ้นอยู่กับว่าคุณเข้าร่วมจากองค์กรอื่นหรือลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google Workspace
    • เลือกขอเข้าร่วม
    • ป้อนชื่อของคุณ แล้วแตะขอเข้าร่วม
ดูข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวในการโทรและการประชุม

แอป Meet เวอร์ชันใหม่ใช้วิธีการเข้ารหัสหลายวิธีเพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลของคุณได้รับการรักษาไว้อย่างปลอดภัย

  • สำหรับวิดีโอคอลแบบ 1:1 และแบบกลุ่ม ระบบจะใช้การเข้ารหัสจากต้นทางถึงปลายทางเพื่อมาสก์ข้อมูลด้วยรหัสที่มีเพียงคุณและผู้โทรคนอื่นๆ เท่านั้นที่เข้าถึงได้ ซึ่งเป็นวิธีรักษาความปลอดภัยมาตรฐานที่ช่วยปกป้องข้อมูลการติดต่อสื่อสารและอยู่ในการวิดีโอคอลผ่าน Meet แบบ 1:1 และแบบกลุ่มทุกสาย คุณจึงไม่จำเป็นต้องเปิดใช้งานด้วยตนเองและไม่สามารถปิดได้ด้วย
  • สำหรับการประชุมของ Meet ระบบจะใช้การเข้ารหัสในระบบคลาวด์เพื่อเข้ารหัสข้อมูลการประชุมที่อยู่ระหว่างการส่งและข้อมูลที่จัดเก็บไว้ในศูนย์ข้อมูลของ Google แทนการเข้ารหัสจากต้นทางถึงปลายทาง

การเข้ารหัสจากต้นทางถึงปลายทางสำหรับวิดีโอคอลแบบ 1:1 และแบบกลุ่มมีลักษณะดังนี้

  • เป็นวิธีการรักษาความปลอดภัยมาตรฐานที่ช่วยปกป้องข้อมูลการติดต่อสื่อสาร
  • เปิดอยู่โดยค่าเริ่มต้นและจะเลือกปิดไม่ได้
  • มีเพียงผู้ที่อยู่ในสายเท่านั้นที่รู้ว่ามีการพูดถึงหรือแสดงอะไรในการโทรบ้าง
  • ไม่อนุญาตให้ Google ดู ฟัง หรือบันทึกเสียงและวิดีโอจากการโทรของคุณ
  • มาสก์ข้อมูลการโทรด้วยรหัสที่ต้องใช้คีย์ในการถอดรหัส
  • คีย์การเข้ารหัสจะอยู่ในอุปกรณ์ของผู้โทรสำหรับการโทรแบบ 1:1 และการโทรแบบกลุ่ม

การเข้ารหัสในระบบคลาวด์สำหรับการประชุมมีลักษณะดังนี้

  • โดยค่าเริ่มต้น ข้อมูลการประชุมที่อยู่ระหว่างการส่งจากไคลเอ็นต์กับศูนย์ข้อมูลของ Google จะได้รับการเข้ารหัสสำหรับทุกๆ การประชุมที่เกิดขึ้นใน Google Duo หรือ Google Meet
  • เซิร์ฟเวอร์ของ Google สามารถถอดรหัสข้อมูลการประชุมของคุณได้ และจำเป็นต้องทำเช่นนั้นเพื่อเปิดใช้ฟีเจอร์การประชุมบางอย่าง เช่น คำบรรยาย เอฟเฟกต์พื้นหลัง และความสามารถในการบันทึกการประชุม
  • โดยค่าเริ่มต้น ระบบจะจัดเก็บบันทึกการประชุมที่ผู้เข้าร่วมการประชุมเปิดใช้ฟีเจอร์นี้ไว้ใน Google ไดรฟ์และเข้ารหัสไว้
  • การเข้ารหัสการประชุมเป็นไปตามมาตรฐานต่อไปนี้
    • มาตรฐานความปลอดภัยของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านวิศวกรรมอินเทอร์เน็ตสำหรับ Datagram Transport Layer Security (DTLS)
    • โปรโตคอลรับส่งข้อมูลเรียลไทม์แบบปลอดภัย (SRTP)

ดูข้อมูลเกี่ยวกับการเข้ารหัสการโทรและการประชุมในแอป Meet เวอร์ชันใหม่

ระบบจะแสดงชื่อบัญชี Google และสรรพนามของคุณแก่สมาชิกรายอื่นในการประชุม เปลี่ยนภาพ ชื่อ และข้อมูลอื่นๆ ในบัญชี Google

ผู้คนที่คุณเคยบล็อกใน Duo จะสามารถเข้าร่วมการประชุมใน Meet ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้ที่เข้าร่วมการประชุมได้

true
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
4270000747779435262
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
713370
false
false