เกี่ยวกับการเสนอราคา ROAS เป้าหมาย

เครื่องมือแก้ปัญหาที่มีคำแนะนำจะช่วยคุณระบุ อธิบาย และแก้ไขสาเหตุที่อาจทำให้เกิดความผันผวนที่ไม่คาดคิดของค่าใช้จ่ายในแคมเปญ Performance Max
 

หมายเหตุ: ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม คุณจะเห็นช่องเป้าหมายที่ไม่บังคับในแคมเปญ Search สําหรับกลยุทธ์การเสนอราคาแบบใหม่ ซึ่งได้แก่ เพิ่มจำนวน Conversion สูงสุด หรือเพิ่มมูลค่า Conversion สูงสุด โปรดทราบว่ากลยุทธ์การเสนอราคา 2 แบบนี้แตกต่างกันในแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำ เมื่อใช้เป้าหมายที่ไม่บังคับ Smart Bidding จะเพิ่มประสิทธิภาพตามเป้าหมายเหล่านี้ในลักษณะเดียวกันกับเมื่อใช้ CPA เป้าหมาย (ต้นทุนต่อหนึ่งการกระทำ) และ ROAS เป้าหมาย (ผลตอบแทนจากค่าโฆษณา) การเพิ่มจำนวน Conversion สูงสุดโดยกำหนด CPA เป้าหมายจะทํางานเหมือนกับกลยุทธ์ CPA เป้าหมายในปัจจุบัน ในทํานองเดียวกัน การเพิ่มมูลค่า Conversion สูงสุดโดยกำหนด ROAS เป้าหมายก็จะทํางานเหมือนกับกลยุทธ์ ROAS เป้าหมายในปัจจุบัน โปรดทราบว่าแคมเปญโรงแรมรองรับเฉพาะการเพิ่มมูลค่า Conversion สูงสุดด้วย ROAS เป้าหมายที่จำเป็นเท่านั้น

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเสนอราคา ROAS เป้าหมาย

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงวิธีจัดระเบียบกลยุทธ์ Smart Bidding

กลยุทธ์การเสนอราคา Smart Bidding ของ Google Ads นี้จะวิเคราะห์และคาดการณ์มูลค่าของ Conversion ที่เป็นไปได้อย่างชาญฉลาดทุกครั้งที่ผู้ใช้ค้นหาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คุณโฆษณา โดยจะปรับราคาเสนอให้กับการค้นหาเหล่านี้โดยอัตโนมัติเพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้คุณได้สูงสุด

ในทางปฏิบัติ หากกลยุทธ์การเสนอราคาระบุว่าการค้นหาของผู้ใช้มีแนวโน้มจะสร้าง Conversion ที่มีมูลค่าสูงได้ ROAS เป้าหมายก็จะเสนอราคาสูงสําหรับการค้นหานั้น หากกลยุทธ์การเสนอราคานี้ระบุว่าการค้นหาไม่มีแนวโน้มจะสร้าง Conversion ที่มีมูลค่าสูง ก็จะเสนอราคาต่ำ ระบบจะเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอของคุณโดยอัตโนมัติในช่วงการประมูล ซึ่งช่วยให้คุณปรับแต่งราคาเสนอสำหรับการประมูลแต่ละครั้งได้ อ่านคําแนะนําสําหรับ Smart Bidding

ROAS เป้าหมายเป็นได้ทั้งกลยุทธ์การเสนอราคาแบบมาตรฐานสำหรับแคมเปญเดียว หรือกลยุทธ์พอร์ตโฟลิโอสำหรับหลายๆ แคมเปญก็ได้ หากไม่แน่ใจว่ากลยุทธ์การเสนอราคาแบบพอร์ตโฟลิโอประเภทใดเหมาะกับคุณ โปรดอ่านเกี่ยวกับการเสนอราคาอัตโนมัติก่อน หากคุณมีแคมเปญ Shopping ให้อ่านการเสนอราคาอัตโนมัติสําหรับแคมเปญ Shopping

บทความนี้จะอธิบายวิธีการทำงานและการตั้งค่าของการเสนอราคา ROAS เป้าหมาย

ก่อนเริ่มต้น

  • คุณต้องกำหนดมูลค่าให้กับ Conversion ที่จะติดตามก่อน จึงจะใช้กลยุทธ์การเสนอราคา ROAS เป้าหมายกับแคมเปญได้
  • คุณสามารถใช้กฎมูลค่า Conversion เพื่อให้กำหนดมูลค่า Conversion ได้ดียิ่งขึ้นเนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ และเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อให้ได้ Conversion จากผู้ใช้ประเภทต่างๆ ที่มีคุณค่ากับคุณมากกว่า ใช้กฎมูลค่า Conversion เพื่อนําตัวคูณไปใช้กับมูลค่า Conversion สําหรับประเภทของลูกค้า อุปกรณ์ หรือสถานที่ตั้งที่มีมูลค่าสูง
  • ประเภทของแคมเปญส่วนใหญ่ที่ต้องการใช้การเสนอราคา ROAS เป้าหมายจะต้องได้รับ Conversion อย่างน้อย 15 ครั้งในช่วง 30 วันที่ผ่านมา
    • แคมเปญในเครือข่ายดิสเพลย์: มี Conversion อย่างน้อย 15 ครั้ง (ที่มีมูลค่า Conversion ถูกต้อง) ในช่วง 30 วันที่ผ่านมาจากทุกแคมเปญรวมกัน แคมเปญในเครือข่ายดิสเพลย์ใหม่สามารถใช้การเสนอราคา ROAS เป้าหมายได้โดยไม่จำเป็นต้องมีประวัติ Conversion
    • App Campaign: มี Conversion อย่างน้อย 10 ครั้งทุกวัน (หรือมี Conversion 300 ครั้งใน 30 วัน)
    • แคมเปญ Discovery: มี Conversion อย่างน้อย 75 ครั้งในช่วง 30 วันที่ผ่านมา (Conversion ในจำนวนนี้ 10 ครั้งต้องเกิดขึ้นใน 7 วันที่ผ่านมา) ในตอนนี้ ROAS เป้าหมายสําหรับแคมเปญ Discovery ยังเป็นเวอร์ชันเบต้าอยู่
    • แคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำ: มี Conversion อย่างน้อย 30 รายการในช่วง 30 วันที่ผ่านมา
  • สําหรับแคมเปญ Search หากคุณเพิ่งเริ่มรายงานมูลค่า Conversion หรือเปลี่ยนวิธีการรายงานมูลค่า Conversion เราขอแนะนําให้รวมมูลค่าใหม่ไว้ในคอลัมน์ "Conversion" และรอ 6 สัปดาห์เพื่อให้แคมเปญได้รับมูลค่า Conversion ใกล้เคียงกันก่อนที่จะใช้
  • นอกจากนี้ เราขอแนะนําให้ตรวจสอบการตั้งค่างบประมาณว่ามีจำนวนเพียงพอที่จะใช้จ่ายมากกว่างบประมาณรายวันเฉลี่ย 2 เท่า โดยในรอบการเรียกเก็บเงิน 1 เดือน ระบบจะไม่เรียกเก็บเงินคุณมากกว่าที่งบประมาณรายวันเฉลี่ยกำหนดไว้สำหรับ 30.4 วันขึ้นไป สําหรับ App Campaign ขอแนะนําให้คุณเรียกใช้แคมเปญประเภทต้นทุนต่อการกระทำหนึ่งครั้งที่ตั้งไว้ก่อนที่จะเรียกใช้แคมเปญประเภท ROAS เป้าหมาย เพื่อทําความเข้าใจ ROAS พื้นฐานเมื่อคุณกำหนดเป้าหมาย ROAS เริ่มต้น การกำหนด ROAS เป้าหมายเริ่มต้นที่ไม่เหมาะสมอาจก่อให้เกิดประสิทธิภาพต่ำหรือประสิทธิภาพไม่ดี
หมายเหตุ:
  • ขณะนี้ ROAS เป้าหมายสําหรับ App Campaign และแคมเปญ Discovery ยังเป็นเวอร์ชันเบต้าอยู่
  • สำหรับ App Campaign คุณจะต้องติดตั้ง SDK ของ Google Analytics สำหรับ Firebase ไว้ในแอปด้วย เหตุการณ์ Conversion ที่คุณเสนอราคา (และส่งมูลค่า) ควรมาจาก Firebase SDK
  • โดยทั่วไปแล้ว ประสิทธิภาพจะดีขึ้นเมื่อใช้กับแคมเปญใหญ่ๆ จำนวนไม่มากซึ่งได้รับ Conversion เยอะ

กรณีที่ควรใช้การเสนอราคาตามมูลค่า

การเสนอราคาตามมูลค่ามีประโยชน์มากที่สุดเมื่อ Conversion ต่างๆ มีคุณค่าต่อธุรกิจไม่เท่ากัน หรือคุณมีเป้าหมายผลตอบแทนจากค่าโฆษณา (ROAS) เฉพาะเจาะจงที่พยายามบรรลุ

ตารางด้านล่างจะช่วยให้ทราบว่ากลยุทธ์การเสนอราคาใดเหมาะกับแคมเปญของคุณมากที่สุด

 

จำนวน Conversion สูงสุด

CPA เป้าหมาย

มูลค่า Conversion สูงสุด

ROAS เป้าหมาย

เป้าหมาย

เพิ่มจำนวน Conversion สูงสุดโดยใช้งบประมาณที่ระบุ

เพิ่มจำนวน Conversion สูงสุดโดยไม่เกิน tCPA ที่ตั้งไว้

เพิ่มมูลค่า Conversion สูงสุดโดยใช้งบประมาณที่ระบุ

เพิ่มจำนวน Conversion สูงสุดไม่เกิน tROAS ที่ตั้งไว้

กรณีใช้งาน

  • ให้ความสําคัญกับการใช้จ่ายงบประมาณ
  • ไม่มีเป้าหมาย ROI ที่เฉพาะเจาะจง
  • Conversion ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพมีคุณค่าต่อธุรกิจใกล้เคียงกัน
  • มีเป้าหมาย ROI ที่เฉพาะเจาะจง
  • Conversion ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพมีคุณค่าต่อธุรกิจใกล้เคียงกัน
  • ให้ความสําคัญกับการใช้จ่ายงบประมาณ
  • Conversion ต่างๆ มีคุณค่าต่อธุรกิจไม่เท่ากัน
  • ไม่มีเป้าหมาย ROI ที่เฉพาะเจาะจง
  • มีเป้าหมาย ROI ที่เฉพาะเจาะจง
  • Conversion ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพมีคุณค่าต่อธุรกิจไม่เท่ากัน

วิธีการทำงาน

Google Ads จะคาดการณ์ Conversion ในอนาคตและมูลค่าที่เชื่อมโยงกันโดยใช้มูลค่า Conversion ที่คุณรายงานผ่านเครื่องมือวัด Conversion จากนั้น Google Ads จะตั้งราคาเสนอต้นทุนต่อการโต้ตอบสูงสุด (CPC สูงสุด) เพื่อเพิ่มมูลค่า Conversion ให้ได้สูงสุด และพยายามทำให้ได้รับผลตอบแทนจากค่าโฆษณา (ROAS) เฉลี่ยที่เท่ากับเป้าหมาย

Conversion บางส่วนอาจให้ ROAS ที่สูงกว่า และบางส่วนอาจให้ ROAS ที่ต่ำกว่า แต่โดยรวมแล้ว Google Ads จะพยายามรักษามูลค่า Conversion ต่อต้นทุนให้เท่ากับ ROAS เป้าหมายที่คุณตั้งไว้ ตัวอย่างเช่น หากคุณตั้ง ROAS เป้าหมายไว้ที่ 500% Google Ads จะปรับราคาเสนอของคุณโดยอัตโนมัติเพื่อพยายามเพิ่มมูลค่า Conversion ให้สูงสุดและทำให้ได้ ROAS เป้าหมายนี้ (ดูรายละเอียดจากตัวอย่างด้านล่าง) กลยุทธ์นี้จะปรับราคาเสนอโดยใช้สัญญาณแบบเรียลไทม์ เช่น อุปกรณ์ เบราว์เซอร์ สถานที่ และเวลาของวัน เพื่อช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพในการประมูลเพื่อแสดงโฆษณา นอกจากนี้ กลยุทธ์นี้จะปรับราคาเสนอโดยอัตโนมัติด้วยการพิจารณาว่าบุคคลนั้นอยู่ในรายการรีมาร์เก็ตติ้งของคุณหรือไม่

Google Ads จะแนะนํามูลค่า ROAS เป้าหมายหลังจากที่คุณได้สร้างกลยุทธ์การเสนอราคาใหม่ หรือเลือกคําแนะนําจากคะแนนการเพิ่มประสิทธิภาพ และเลือกแคมเปญที่จะใช้กลยุทธ์ดังกล่าวแล้ว คำแนะนำนี้คำนวณโดยใช้ ROAS จริงของคุณในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เราจะไม่รวมประสิทธิภาพจาก 2-3 วันล่าสุดเผื่อในกรณีที่ลูกค้าอาจใช้เวลาทำ Conversion นานกว่า 1 วันหลังจากการคลิกหรือการโต้ตอบกับโฆษณา (เช่น การดูอย่างมีส่วนร่วม) คุณจะเลือกได้ว่าจะใช้ค่า ROAS เป้าหมายที่แนะนำนี้ หรือกำหนดของคุณเองก็ได้

ตัวอย่าง

สมมติว่าคุณกำลังวัดยอดขายสำหรับร้านขายรองเท้าสตรีออนไลน์ และต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการเสนอราคาของคุณตามมูลค่ารวมของรถเข็นช็อปปิ้ง เป้าหมายของคุณคือยอดขายมูลค่า 150 บาท (นี่คือมูลค่า Conversion) สำหรับทุก 30 บาทที่คุณใช้จ่ายไปกับโฆษณา คุณจะตั้ง ROAS เป้าหมายเป็น 500% ซึ่งหมายความว่าสำหรับทุก 30 บาทที่คุณใช้จ่ายไปกับโฆษณา คุณต้องการที่จะได้รายได้เป็น 5 เท่า

วิธีคำนวณมีดังนี้

ยอดขาย 150 บาท ÷ ค่าโฆษณา 30 บาท x 100% = ROAS เป้าหมาย 500%

จากนั้น Google Ads จะกําหนดราคาเสนอ CPC สูงสุดให้คุณโดยอัตโนมัติเพื่อเพิ่มมูลค่า Conversion ให้ได้สูงสุด ขณะพยายามไปให้ถึง ROAS เป้าหมายที่ 500%

การปรับราคาเสนอและ ROAS เป้าหมาย

การปรับราคาเสนอช่วยให้แสดงโฆษณาบ่อยครั้งมากขึ้นหรือน้อยลงโดยพิจารณาตามสถานที่ เวลา และวิธีที่ผู้ใช้ค้นหา เนื่องจาก ROAS เป้าหมายจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอโดยอาศัยข้อมูลแบบเรียลไทม์ ระบบจึงจะไม่ใช้การปรับราคาเสนอที่มีอยู่ของคุณ โดยมีข้อยกเว้น 1 ข้อคือ คุณยังจะตั้งค่าการปรับราคาเสนอสำหรับอุปกรณ์เป็น -100% ได้

หมายเหตุ: คุณไม่จําเป็นต้องนําการปรับราคาเสนอออก เนื่องจากระบบจะไม่นำไปใช้อยู่แล้ว

สร้างกลยุทธ์การเสนอราคาใหม่

คุณสามารถสร้างกลยุทธ์การเสนอราคา ROAS เป้าหมายสําหรับแคมเปญเดียว (กลยุทธ์มาตรฐาน) หรือหลายแคมเปญ (กลยุทธ์การเสนอราคาแบบพอร์ตโฟลิโอ) ได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

  • สร้างด้วยแคมเปญใหม่
  • สร้างหรือเปลี่ยนจากการตั้งค่าแคมเปญ
  • สร้างจากหน้า "กลยุทธ์การเสนอราคา" ของไลบรารีที่ใช้ร่วมกัน

หากต้องการสร้างกลยุทธ์การเสนอราคา โปรดอ่านตั้งค่า Smart Bidding

การตั้งค่า

ROAS เป้าหมาย

ROAS เป้าหมายของคุณเป็นมูลค่า Conversion เฉลี่ย (ตัวอย่างเช่น รายได้) ที่คุณต้องการสำหรับเงินแต่ละบาทที่คุณใช้จ่ายไปกับโฆษณา โปรดทราบว่า ROAS เป้าหมายที่คุณตั้งอาจส่งผลต่อจำนวน Conversion ที่คุณได้รับ ตัวอย่างเช่น การตั้งเป้าหมายที่สูงเกินไปอาจจำกัดจำนวนการเข้าชมที่โฆษณาของคุณจะได้รับ

ตัวอย่างเคล็ดลับที่จะช่วยในการกำหนด ROAS เป้าหมายที่เหมาะกับคุณมีดังนี้

  • ควรใช้เป้าหมายที่แนะนําในส่วนต่างๆ เช่นหน้าคําแนะนําในบัญชี หากมี เป้าหมายที่แนะนําพิจารณาจากประสิทธิภาพที่ผ่านมาของคุณ พร้อมทั้งคำนึงถึงระยะเวลาก่อนที่จะเกิด Conversion ด้วย
  • ลองตั้ง ROAS เป้าหมายตามข้อมูลย้อนหลังของมูลค่า Conversion ต่อค่าใช้จ่ายสําหรับแคมเปญที่ต้องการใช้กลยุทธ์นี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่า Conversion ให้สูงสุด และทำให้ได้ผลตอบแทนจากค่าโฆษณาเดียวกันกับที่แคมเปญของคุณได้รับ คุณควรคํานึงถึงระยะเวลาก่อนที่จะเกิด Conversion ด้วย
  • ในการค้นหาข้อมูลย้อนหลังของมูลค่า Conversion ต่อค่าใช้จ่าย คุณต้องเลือกแก้ไขคอลัมน์จากรายการแบบเลื่อนลง "คอลัมน์" และเพิ่มคอลัมน์มูลค่า Conv./ค่าใช้จ่าย จากรายการคอลัมน์ "Conversion" จากนั้น คูณมูลค่า Conversion ต่อเมตริกค่าใช้จ่ายด้วย 100 เพื่อหาเปอร์เซ็นต์ ROAS เป้าหมายของคุณ กรอบเวลาการประเมิน ROAS ต้องสอดคล้องกับกรอบเวลา Conversion ของการกระทำในแอป จึงจะได้รับมุมมองประสิทธิภาพแคมเปญที่แม่นยําที่สุด

การจำกัดราคาเสนอ

เราไม่แนะนําให้ตั้งขีดจํากัดราคาเสนอสําหรับ ROAS เป้าหมาย เนื่องจากจะจำกัดการเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนออัตโนมัติของ Google Ads ได้ นอกจากนี้ยังอาจป้องกันไม่ให้ Google Ads ปรับราคาเสนอของคุณเป็นจำนวนที่ตอบสนองต่อ ROAS เป้าหมายได้ดีที่สุด ขีดจํากัดราคาเสนอจะใช้ได้กับกลยุทธ์การเสนอราคาแบบพอร์ตโฟลิโอของ Search และ Shopping หากคุณตั้งขีดจํากัดราคาเสนอ ขีดจํากัดดังกล่าวจะใช้ในการประมูลในเครือข่าย Search เท่านั้น และใช้ได้เฉพาะกับกลยุทธ์การเสนอราคาแบบพอร์ตโฟลิโอเท่านั้น

  • ขีดจำกัดราคาเสนอสูงสุด: ราคาเสนอ CPC สูงสุดที่คุณต้องการให้ Google Ads ตั้งเมื่อใช้ ROAS เป้าหมาย
  • ขีดจำกัดราคาเสนอขั้นต่ำ: ราคาเสนอ CPC สูงสุดขั้นต่ำที่คุณต้องการให้ Google Ads ตั้งเมื่อใช้ ROAS เป้าหมาย โปรดทราบว่า Google Ads อาจตั้งราคาเสนอ CPC สูงสุดที่ต่ำกว่าขีดจํากัดราคาเสนอต่ำสุดของคุณ โดยมักมีสาเหตุมาจากการคิดราคาอัจฉริยะ ซึ่งหมายความว่าขีดจำกัดราคาเสนอที่คุณตั้งไว้ในส่วนนี้จะไม่ใช่ราคาเสนอต่ำสุดที่สามารถตั้งได้

เคล็ดลับ: เลือก Conversion ที่จะเสนอราคา

การตั้งค่ารวมใน "Conversion" ช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าจะรวมการกระทำที่ถือเป็น Conversion แต่ละรายการไว้ในคอลัมน์การรายงาน "Conversion" และ "มูลค่า Conversion" หรือไม่ กลยุทธ์การเสนอราคา เช่น CPA เป้าหมาย, ROAS เป้าหมาย และ ECPC จะใช้ข้อมูลในคอลัมน์เหล่านี้ ดังนั้นกลยุทธ์การเสนอราคาของคุณจะเพิ่มประสิทธิภาพตาม Conversion ที่คุณเลือกรวมไว้เท่านั้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งค่า "รวมใน Conversion"

โดยค่าเริ่มต้น ระบบจะรวม Conversion จากหลายอุปกรณ์จากแคมเปญในเครือข่ายดิสเพลย์ แคมเปญวิดีโอ แคมเปญในเครือข่ายการค้นหา และแคมเปญ Shopping ไว้ด้วย

เป้าหมายของกลุ่มโฆษณา

คุณสามารถใช้เป้าหมายของกลุ่มโฆษณากับกลยุทธ์การเสนอราคาทั้งแบบมาตรฐานและแบบพอร์ตโฟลิโอ การใช้กลยุทธ์พอร์ตโฟลิโอจะเพิ่มทั้งประสิทธิภาพแคมเปญ กลุ่มโฆษณา และคีย์เวิร์ดรวมกันเพื่อเป้าหมายเดียว หรือคุณจะกําหนดเป้าหมายสําหรับกลุ่มโฆษณาแต่ละกลุ่มแยกกันก็ได้ แต่เราไม่แนะนําให้ทําเช่นนั้นเนื่องจากอาจจํากัดการทำงานของ Smart Bidding ได้

หมายเหตุ: คุณตั้งราคาเสนอ CPA เป้าหมายหรือ ROAS เป้าหมายแต่ละรายการได้ที่ระดับกลุ่มโฆษณา แต่จะควบคุมกลยุทธ์ที่ใช้เสนอราคาที่ระดับพอร์ตโฟลิโอ

โปรดทราบว่าหากคุณไม่ต้องการตั้งเป้าหมายของกลุ่มโฆษณาทีละกลุ่ม กลยุทธ์พอร์ตโฟลิโออาจให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า

หมายเหตุ: ฟีเจอร์นี้ไม่สามารถใช้กับ ROAS เป้าหมายสําหรับ App Campaign เพื่อการติดตั้ง แคมเปญ Shopping หรือแคมเปญ Discovery

ROAS เป้าหมายเฉลี่ย

ROAS เป้าหมายเฉลี่ยคือ ROAS ค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักการเข้าชมที่กลยุทธ์การเสนอราคาเพิ่มประสิทธิภาพให้ ซึ่งทำงานโดยการหาค่าเฉลี่ยของการเปลี่ยนแปลงที่คุณทำกับ ROAS เป้าหมายในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ ด้วยเหตุนี้ ROAS เป้าหมายเฉลี่ยจึงอาจแตกต่างจาก ROAS เป้าหมายที่คุณตั้งไว้

เมตริกนี้ทำให้คุณวัด ROAS ที่กลยุทธ์การเสนอราคาของคุณตั้งเป้าหมายไว้สำหรับช่วงเวลาที่เฉพาะเจาะจงได้ การเปลี่ยนแปลงช่วงวันที่จะช่วยให้คุณได้เรียนรู้ว่าที่จริงแล้วกลยุทธ์ของคุณเพิ่มประสิทธิภาพให้กับอะไรบ้างในช่วงเวลาดังกล่าว โปรดทราบว่าคุณจะไม่เห็น ROAS เป้าหมายเฉลี่ยในช่วงเวลาที่ไม่มีการเข้าชม

คุณจะเห็นเมตริก ROAS เป้าหมายเฉลี่ยในตารางประสิทธิภาพที่ด้านบนของหน้า "แคมเปญ" เพื่อให้ประเมินประสิทธิภาพจริงเทียบกับประสิทธิภาพเป้าหมายได้ เลือก "ROAS เป้าหมายเฉลี่ย" จากหมวดหมู่ "ประสิทธิภาพ" เมื่อเพิ่มคอลัมน์ใหม่ หรือเพิ่มลงในแผนภูมิประสิทธิภาพ

คุณจะดูเมตริกเหล่านี้ได้ที่ไหนบ้าง

เมตริก ROAS เป้าหมายเฉลี่ยช่วยให้คุณวัด ROAS ที่กลยุทธ์การเสนอราคาของคุณตั้งเป้าหมายไว้สำหรับช่วงเวลาที่เฉพาะเจาะจงได้ การเปลี่ยนแปลงช่วงวันที่จะช่วยให้คุณได้เรียนรู้ว่าที่จริงแล้วกลยุทธ์ของคุณเพิ่มประสิทธิภาพให้กับอะไรบ้างในช่วงเวลาดังกล่าว โปรดทราบว่าคุณจะไม่เห็น ROAS เป้าหมายเฉลี่ยในช่วงเวลาที่ไม่มีการเข้าชม

คุณสามารถเพิ่มคอลัมน์เพื่อดูเมตริก ROAS เป้าหมายเฉลี่ยในตารางประสิทธิภาพเพื่อให้ประเมินประสิทธิภาพจริงเทียบกับประสิทธิภาพเป้าหมายได้ ที่ด้านบนของตาราง "แคมเปญ" ให้เลือกไอคอนคอลัมน์ รูปภาพของไอคอนคอลัมน์ Google Ads ในหมวดหมู่ "ประสิทธิภาพ" หรือเพิ่มลงในแผนภูมิประสิทธิภาพ เลือก "ROAS เป้าหมายโดยเฉลี่ย" "ต้นทุนต่อการติดตั้งแอปหนึ่งครั้งที่ตั้งไว้โดยเฉลี่ย" หรือ "ต้นทุนต่อการกระทำในแอปเป้าหมายโดยเฉลี่ย" จากหมวดหมู่ "ประสิทธิภาพ" เมื่อเพิ่มคอลัมน์ใหม่

คุณยังดูเมตริกนี้ได้ในรายงานกลยุทธ์การเสนอราคาข้าง "ROAS จริง" ซึ่งแสดง ROAS ตามจริงที่กลยุทธ์นี้ทําได้ ดูวิธีค้นหารายงานกลยุทธ์การเสนอราคา

ROAS เป้าหมายเฉลี่ยใช้ได้กับทั้งกลยุทธ์การเสนอราคาแบบมาตรฐานและแบบพอร์ตโฟลิโอ

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
true
Achieve your advertising goals today!

Attend our Performance Max Masterclass, a livestream workshop session bringing together industry and Google ads PMax experts.

Register now

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
4960379825865125531
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false