กลุ่มชิ้นงานสร้างขึ้นจากรูปภาพ โลโก้ บรรทัดแรก คำอธิบาย วิดีโอ และสัญญาณของกลุ่มเป้าหมายที่คุณเพิ่มเมื่อสร้างแคมเปญ Performance Max ระบบจะผสมและจับคู่ชิ้นงานเหล่านี้โดยอัตโนมัติตามช่องทางของ Google Ads (YouTube, Gmail หรือ Search และอื่นๆ) ที่แสดงโฆษณา คุณสามารถใช้โปรแกรมแก้ไขตัวอย่างโฆษณาเพื่อดูการผสมผสานชิ้นงานครีเอทีฟโฆษณาที่สามารถใช้ได้
Google อาจสร้างชิ้นงานโดยอัตโนมัติเพื่อช่วยให้คุณเข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า เมื่อเปิดการตั้งค่านี้ Google จะใช้ AI เพื่อสร้างชิ้นงานเพิ่มเติม (บรรทัดแรกและคําอธิบาย) เพื่อใช้ร่วมกับชิ้นงานที่คุณให้ไว้ ชิ้นงานใหม่เหล่านี้จะอิงตามหน้า Landing Page, โดเมน รวมถึงโฆษณาและชิ้นงานครีเอทีฟโฆษณาที่มีอยู่ เราขอแนะนําให้เปิดการตั้งค่านี้ไว้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชิ้นงานที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติในแคมเปญ Performance Max
โฆษณา Performance Max สามารถแสดงในช่องทางต่อไปนี้
- ฟีด Discovery
- Gmail
- เครือข่าย Display ของ Google
- Google Search
- ฟีด Shorts บนอุปกรณ์เคลื่อนที่
- YouTube
หมายเหตุ: ผู้ลงโฆษณาที่มีฟีด Merchant Center ไม่จําเป็นต้องใส่ชิ้นงานครีเอทีฟโฆษณาเพิ่มเติมเพื่อลงแคมเปญ Performance Max อย่างไรก็ตาม เราขอแนะนําให้สร้างชิ้นงานครีเอทีฟโฆษณาเพื่อให้แคมเปญแสดงในแพลตฟอร์มต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ระบบอาจสร้างโฆษณาขึ้นโดยอัตโนมัติในนามของคุณเมื่อทำเช่นนั้นได้ โปรดทราบว่าโฆษณา Shopping ไม่มีชิ้นงานที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติ
โปรดทราบ
คุณสามารถรวมชิ้นงานที่ให้ไว้ในกลุ่มชิ้นงานหนึ่งกับชิ้นงานอื่นๆ จากกลุ่มเดียวกันเพื่อสร้างโฆษณาที่แสดงใน Google Search, Google Maps, Display, YouTube, Gmail, ฟีด Discovery และเว็บไซต์พาร์ทเนอร์ของ Google ได้ ผู้ลงโฆษณาสร้างกลุ่มชิ้นงานได้หลายกลุ่มต่อแคมเปญหลังจากสร้างกลุ่มชิ้นงานเริ่มต้นและเปิดตัวแคมเปญแล้ว
วิธีการ
เพิ่มชิ้นงาน
เริ่มกลุ่มชิ้นงานโดยเพิ่มบรรทัดแรก รูปภาพ และวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับธีมหรือกลุ่มเป้าหมายเดียว Performance Max จะนำชิ้นงานเหล่านี้ประกอบเข้าด้วยกันเป็นรูปแบบโฆษณาที่เกี่ยวข้องทั้งหมดสำหรับเป้าหมายโดยอัตโนมัติ และจะแสดงครีเอทีฟโฆษณาที่เกี่ยวข้องมากที่สุดในแต่ละโฆษณา
-
เพิ่มชื่อกลุ่มชิ้นงานเพื่อระบุธีมกลุ่มชิ้นงาน แม้ว่าคุณจะสร้างกลุ่มชิ้นงานได้เพียง 1 กลุ่มก่อนเผยแพร่แคมเปญ แต่ก็เพิ่มกลุ่มชิ้นงานอื่นอีกภายหลังได้
-
ระบบจะนําโฆษณาไปยัง URL สุดท้าย หากเปิด Final URL Expansion ไว้ URL เพิ่มเติมในโดเมนจะแสดงเมื่อมีความเกี่ยวข้อง
-
เพิ่มข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และชิ้นงานลงในกลุ่มชิ้นงานโดยทำตามข้อกำหนดด้านล่าง
หมายเหตุ: หากเปิด Final URL Expansion ไว้ Google อาจใช้หน้า Landing Page ที่มีความเกี่ยวข้องมากกว่าโดยอิงจากคำค้นหาของผู้ใช้แทน URL สุดท้าย และสร้างบรรทัดแรก คําอธิบาย และชิ้นงานเพิ่มเติมแบบไดนามิกเพื่อให้สอดคล้องกับเนื้อหาในหน้า Landing Page ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชิ้นงานที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติ
ข้อกําหนดด้านข้อความ
ประเภทชิ้นงานข้อความ |
ข้อกำหนด |
---|---|
URL สุดท้าย |
เพิ่ม URL สุดท้าย 1 รายการ |
บรรทัดแรก |
สูงสุด 30 อักขระ โดยมีอย่างน้อย 1 รายการที่มีอักขระไม่เกิน 15 ตัว |
เพิ่มบรรทัดแรกได้สูงสุด 15 รายการ |
|
บรรทัดแรกแบบยาว |
สูงสุด 90 อักขระ |
เพิ่มบรรทัดแรกแบบยาวได้สูงสุด 5 รายการ |
|
คำอธิบาย |
สูงสุด 90 อักขระ โดยมีอย่างน้อย 1 รายการที่มีอักขระไม่เกิน 30 ตัว |
เพิ่มคำอธิบายได้สูงสุด 4 รายการ |
|
ชื่อธุรกิจ |
สูงสุด 25 อักขระ |
เพิ่มชื่อธุรกิจ 1 ชื่อ |
|
คำกระตุ้นให้ดำเนินการ (Call-To-Action) |
ค่าเริ่มต้นเป็นแบบอัตโนมัติ หรือเลือกจากรายการ |
เพิ่มคำกระตุ้นให้ดำเนินการ (Call-To-Action) 1 รายการ |
|
เส้นทาง URL ที่แสดง |
สูงสุด 15 อักขระต่อรายการ |
เพิ่มเส้นทาง URL ที่แสดงได้สูงสุด 2 รายการ |
ข้อกําหนดด้านรูปภาพ
นอกจากข้อกําหนดในตารางแล้ว ชิ้นงานรูปภาพทั้งหมดต้องเป็นไปตามข้อกําหนดต่อไปนี้ด้วย
-
บันทึกเป็นไฟล์ JPG หรือ PNG
-
ขนาดไฟล์สูงสุด 5120 KB
-
เนื้อหาต้องอยู่ตรงกลาง 80% ของรูปภาพ (พื้นที่ปลอดภัยที่จะไม่ถูกตัดออกไม่ว่าหน้าจออุปกรณ์จะมีขนาดเท่าไร)
ประเภทชิ้นงานรูปภาพ |
ข้อกำหนด |
---|---|
รูปภาพแนวนอน 1:91:1 |
คําแนะนํา: เพิ่มรูปภาพแนวนอน 4 รูปขนาด 1200 x 628 พิกเซล |
ขนาดขั้นต่ำ: 600 x 314 พิกเซล |
|
รูปภาพรวมสูงสุด: 20 |
|
รองรับการแสดงในโหมดค้นหารูปภาพเท่านั้น |
|
รูปภาพสี่เหลี่ยมจัตุรัส 1:1 |
คําแนะนํา: เพิ่มรูปภาพสี่เหลี่ยมจัตุรัส 4 รูปขนาด 1200 x 1200 พิกเซล |
ขนาดขั้นต่ำ: 300 x 300 พิกเซล |
|
รูปภาพรวมสูงสุด: 20 |
|
คุณสามารถอัปโหลดและครอบตัดรูปภาพที่ไม่ตรงตามสัดส่วนภาพภายในอินเทอร์เฟซได้ |
|
รูปภาพแนวตั้ง 4:5 |
คําแนะนํา: เพิ่มรูปภาพแนวตั้ง 2 รูปขนาด 960 x 1200 พิกเซล |
ขนาดขั้นต่ำ: 480 x 600 พิกเซล |
|
รูปภาพรวมสูงสุด: 20 |
|
โลโก้สี่เหลี่ยมจัตุรัส 1:1 |
คําแนะนํา: เพิ่มโลโก้สี่เหลี่ยมจัตุรัส 1 รายการขนาด 1200 x 1200 พิกเซล |
ขนาดขั้นต่ำ: 128 x 128 พิกเซล |
|
โลโก้รวมสูงสุด: 5 |
|
โลโก้แนวนอน 4:5 |
คําแนะนํา: เพิ่มโลโก้แนวนอน 1 รายการขนาด 1200 x 300 พิกเซล |
ขนาดขั้นต่ำ: 512 x 128 พิกเซล |
|
โลโก้รวมสูงสุด: 5 |
คุณใช้รูปภาพที่มีการซ้อนทับได้ แต่ขอแนะนำให้ใช้รูปภาพอย่างน้อย 1 รูปที่ไม่มีการซ้อนทับสําหรับแต่ละสัดส่วนภาพ (สี่เหลี่ยมจัตุรัส แนวนอน และแนวตั้ง) เช่น
รูปภาพที่ไม่มีการซ้อนทับด้วยข้อความหรือกราฟิก |
รูปภาพที่มีการซ้อนทับด้วยข้อความหรือกราฟิก |
ข้อกําหนดเกี่ยวกับวิดีโอ
เคล็ดลับ: Google จะปรับขนาดโฆษณาวิดีโอโดยอัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพตามแพลตฟอร์มและปรับปรุงคุณภาพของโฆษณา หากคุณไม่ได้วางแผนที่จะอัปโหลดวิดีโอ ให้พิจารณาวิธีที่ชิ้นงานครีเอทีฟโฆษณาอื่นๆ จะปรากฏหากมีการปรับขนาด
โฆษณาวิดีโอมีความสําคัญอย่างยิ่งต่อความสําเร็จของแคมเปญและสามารถเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญได้ หากใส่วิดีโออย่างน้อย 1 รายการในแคมเปญ Performance Max คุณอาจมีสิทธิ์แสดงในพื้นที่โฆษณาวิดีโอเพิ่มเติม
แคมเปญ Performance Max ต้องมีวิดีโออย่างน้อย 1 รายการที่มีความยาวมากกว่า 10 วินาที คุณอัปโหลดวิดีโอได้สูงสุด 5 รายการ เราขอแนะนำให้มีวิดีโอแนวนอน สี่เหลี่ยมจัตุรัส และแนวตั้งอย่างน้อย 1 รายการ
หากคุณไม่เพิ่มวิดีโอลงในกลุ่มชิ้นงาน Performance Max ระบบอาจสร้างวิดีโออย่างน้อย 1 รายการโดยอัตโนมัติจากชิ้นงานในกลุ่มชิ้นงาน และอาจแสดงในรูปแบบแนวนอนหรือแนวตั้ง
นอกจากนี้ AI ของ Google อาจพลิกวิดีโอที่คุณอัปโหลดเพื่อเปลี่ยนวิดีโอแนวนอนเป็นวิดีโอสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือแนวตั้ง เพื่อให้แสดงใน YouTube Shorts ได้
วิดีโอแต่ละรายการจะได้รับการตรวจสอบก่อนเผยแพร่เพื่อไม่ให้มีปัญหาใดๆ เช่น ข้อความหรือโลโก้ถูกครอบตัดออก โฟกัสไม่ดี วิดีโอไม่มีข้อความต้นฉบับและรูปลักษณ์ที่สวยงาม หรือข้อจำกัดความรับผิดทางกฎหมายถูกตัดออก โฆษณาวิดีโอแบบพลิกจะแสดงต่อเมื่อการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของวิดีโอต้นฉบับเป็นสาธารณะหรือไม่เป็นสาธารณะเท่านั้น
เมื่อเพิ่มโฆษณาวิดีโอแบบพลิกในแคมเปญ คุณจะดูโฆษณานั้นได้โดยไปที่กลุ่มชิ้นงาน Performance Max หรือแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำ
หากต้องการสร้างวิดีโอของตนเอง
หากคุณไม่มีชิ้นงานวิดีโอและไม่ต้องการใช้วิดีโอที่ระบบสร้างขึ้นโดยอัตโนมัติ ให้ใช้เครื่องมือ Video Creation ใน Google Ads เพื่อสร้างวิดีโอสําหรับใช้ในแคมเปญ Performance Max ผู้ลงโฆษณาอาจอัปโหลดวิดีโอที่มีสิทธิ์สําหรับ YouTube Shorts (รูปแบบแนวตั้งความยาวมากกว่าหรือเท่ากับ 10-60 วินาที) ได้ด้วย ซึ่งอาจมีสิทธิ์แสดงใน YouTube Shorts หากต้องการดูวิธีสร้างวิดีโอใน Google Ads โปรดไปที่สร้างวิดีโอโดยใช้คลังชิ้นงาน
Google อาจปรับขนาดโฆษณาวิดีโอโดยอัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพตามแพลตฟอร์มและปรับปรุงคุณภาพของโฆษณา หลังจากที่คุณสร้างและอัปโหลดชิ้นงานครีเอทีฟโฆษณาแล้ว ระบบอาจปรับวิดีโอแนวนอนเป็นสัดส่วนภาพสี่เหลี่ยมจัตุรัส (1:1) หรือแนวตั้ง (9:16) สําหรับโฆษณาในสตรีมของ YouTube และ YouTube Shorts Google จะตรวจสอบวิดีโอแต่ละรายการเพื่อให้มั่นใจว่าคุณภาพไม่ได้ลดลง
ดูข้อกําหนดของโฆษณา Performance Max ได้ในแผนภูมิด้านล่าง
แนะนำ | ยังยอมรับได้ | ข้อความไฮไลต์ | |
ความละเอียด |
1080p (Full HD) พิกเซล (px) แนะนําสำหรับความละเอียดระดับ HD:
|
720p (HD มาตรฐาน) พิกเซลขั้นต่ำ:
พิกเซลขั้นต่ำสําหรับ SD
|
เพื่อคุณภาพที่ดีที่สุด เราไม่แนะนําให้ใช้ SD |
สัดส่วนภาพ |
|
|
เพื่อคุณภาพที่ดีที่สุด เราไม่แนะนําให้ใช้ SD |
รูปแบบ | .MPG (MPEG-2 หรือ MPEG-4) | .WMV, .AVI, .MOV and .FLV .MPEG-1, .MP4, .MPEGPS, 3GPP, WebM, DNxHR, ProRes, CineForm และ HEVC (h265) | ไม่ยอมรับไฟล์เสียง เช่น ไฟล์ MP3, WAV หรือ PCM บน YouTube |
ขนาดไฟล์ | ≤256 GB | - | - |
ระยะเวลาของโฆษณา |
การวางแนววิดีโอและระยะเวลาของโฆษณาตามแนวทางปฏิบัติแนะนำ
|
- | เราขอแนะนําให้มีวิดีโอแนวตั้งความยาว 10-60 วินาทีอย่างน้อย 1 รายการเพื่อการมีสิทธิ์แสดงใน Shorts |
ชิ้นงาน
- เราขอแนะนําให้เพิ่มชิ้นงานในแคมเปญ Performance Max เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจแก่ผู้ที่ดูโฆษณาและโน้มน้าวให้ดําเนินการ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชิ้นงาน
- คุณสามารถเพิ่มชิ้นงานสถานที่ตั้ง สถานที่ตั้งของแอฟฟิลิเอต ข้อความไฮไลต์ การโทร ไซต์ลิงก์ ข้อมูลเพิ่มเติม โฆษณาแบบกรอกฟอร์ม และราคาในแคมเปญ Performance Max โดยขึ้นอยู่กับธุรกิจและเป้าหมายแคมเปญ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกใช้ชิ้นงาน
แนวทางปฏิบัติแนะนําสำหรับครีเอทีฟโฆษณา
- รีเฟรชชิ้นงานครีเอทีฟโฆษณาเนื่องจากเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ดีที่สุด และให้คุณปรับแต่งแคมเปญเพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รายการในเมนู หรือการลดราคา
- สำหรับการลดราคาในช่วงสุดสัปดาห์ ให้เริ่มแคมเปญล่วงหน้า 2-3 สัปดาห์ จากนั้นรีเฟรชชิ้นงานบ่อยๆ โดยเปลี่ยนจากชิ้นงานทั่วไปของร้านไปเป็นชิ้นงานที่เน้นการลดราคา วิธีนี้ช่วยให้คุณทำโปรโมชันเฉพาะช่วงเวลาได้โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพ
- เพิ่มชิ้นงานรูปภาพอย่างน้อย 7 รายการ ซึ่งมีรูปแบบ 1,200 x 1,200 อยู่ 1 รายการ
- โปรดอย่าลบชิ้นงานที่มีคะแนน "ต่ำ" โดยไม่ได้แทนที่ด้วยชิ้นงานใหม่
- เพิ่มชิ้นงานเมื่อข้อความการตลาดเปลี่ยนแปลงไป หรือเพิ่มชิ้นงานใหม่เพื่อดึงดูดผู้ใช้เพิ่มเติม
- ชิ้นงานยิ่งมากยิ่งดี เพราะชิ้นงานที่มากขึ้นหมายความว่ามีชุดรวมชิ้นงานโฆษณามากขึ้นที่เราสามารถแสดงในเครือข่ายต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงสุด
- เลือกคำกระตุ้นให้ดำเนินการที่สอดคล้องกับเป้าหมาย เช่น "ลงชื่อสมัครใช้" หรือ "สมัครใช้บริการ"
- เพิ่มชื่อธุรกิจหรือแบรนด์ที่ปรากฏในข้อความของโฆษณา
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลงเพื่อดูตัวเลือกเพิ่มเติม และเพิ่มตัวเลือก URL ตามที่จำเป็น
ใช้ป้ายกํากับที่กําหนดเองจากฟีดหน้าเว็บ
ป้ายกํากับที่กําหนดเองจากฟีดหน้าเว็บช่วยให้คุณระบุ URL จากฟีดหน้าเว็บที่จะรวมไว้ในโฆษณาที่สร้างขึ้นจากกลุ่มชิ้นงานแต่ละกลุ่มได้ ทําตามวิธีการด้านล่างเพื่อใช้ป้ายกำกับที่กำหนดเองสําหรับกลุ่มชิ้นงานแคมเปญ Performance Max
โปรดทราบว่าวิธีการด้านล่างจะเกิดขึ้นในระหว่างที่สร้างแคมเปญ Performance Max
- การตั้งค่านี้จะปรากฏต่อเมื่อคุณตั้งค่าฟีดหน้าเว็บในบัญชีแล้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีใช้ฟีดหน้าเว็บใน Performance Max
- มีการจํากัดฟีดหน้าเว็บไว้ที่ 100 รายการต่อบัญชี
- เมื่อคุณเพิ่มชิ้นงาน ให้คลิกตัวเลือกเพิ่มเติมเพื่อขยายส่วนนั้น
- ในส่วน "ป้ายกํากับที่กําหนดเอง" ให้คลิกช่อง "เพิ่มป้ายกํากับที่กําหนดเอง"
- เพิ่มป้ายกํากับที่กําหนดเองตามฟีดหน้าเว็บที่มีอยู่
- เลือกเพิ่ม จากนั้นเพิ่มป้ายกํากับที่กําหนดเองจากฟีดหน้าเว็บต่อไปตามที่ต้องการ
สัญญาณของกลุ่มเป้าหมาย
สัญญาณของกลุ่มเป้าหมายให้คุณเพิ่มคําแนะนําเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ AI ของ Google เพื่อทำให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แม้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องเพิ่มสัญญาณของกลุ่มเป้าหมาย แต่การใช้สัญญาณนี้จะช่วยแนะนำโมเดลแมชชีนเลิร์นนิงในการเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญได้ดีที่สุด
เพิ่มสัญญาณของกลุ่มเป้าหมาย
ทำขั้นตอนต่อไปนี้ในส่วน "กลุ่มเป้าหมาย" ใต้กลุ่มชิ้นงาน
- หากสร้างกลุ่มเป้าหมายแล้ว ให้เลือกเลือกกลุ่มเป้าหมาย หากไม่ ให้เลือกสร้างกลุ่มเป้าหมาย
- ตั้งชื่อแต่ละกลุ่มเป้าหมายให้ไม่ซ้ำกัน
- เพิ่มข้อมูล
- เพิ่มกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเอง
- เลือกบันทึกกลุ่มเป้าหมาย
ข้อมูลสัญญาณกลุ่มเป้าหมาย
วิธีที่กลุ่มเป้าหมายโต้ตอบกับธุรกิจของคุณ
คุณสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลลูกค้าบุคคลที่หนึ่งและข้อมูลด้านการตลาดจากผู้เข้าชมบนเดสก์ท็อปและอุปกรณ์เคลื่อนที่ การดูหน้าเว็บและโซเชียลมีเดีย รวมไปถึงผู้ที่เคยทํา Conversion
ลองเพิ่มข้อมูลจากแหล่งที่มาเหล่านี้
- รายชื่อผู้เข้าชมเว็บไซต์
- รายชื่อผู้ใช้แอป
- รายชื่อลูกค้า (เช่น อีเมลและรายชื่อการสมัครใช้บริการ)
- รายการผู้ดูวิดีโอ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายตามข้อมูลของคุณ
กลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเองของคุณ
กลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเองจะช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการโดยใช้คีย์เวิร์ด, URL หรือแอปที่เกี่ยวข้องที่เพิ่ม เพิ่มคีย์เวิร์ดหรือวลีที่แสดงถึงกลุ่มเป้าหมายของคุณ ใช้ URL จากเว็บไซต์ที่คล้ายกับเว็บไซต์ของคุณ ป้อนชื่อแอปที่ลูกค้าเป้าหมายของคุณมีแนวโน้มจะใช้
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายที่กําหนดเอง
ข้อมูลประชากร
เมื่อคุณใช้ข้อมูลประชากร คุณสามารถจำกัดโฟกัสของกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเองให้แคบลงได้โดยใช้ตัวระบุเฉพาะเพื่อเน้นแคมเปญของคุณให้มีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับกลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติม
เพิ่มกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ เพื่อเข้าถึงผู้ใช้ตามคุณสมบัติ ความสนใจ พฤติกรรม สิ่งที่ค้นหาอยู่ สัญญาณเหล่านี้ช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ถูกกลุ่มถูกเวลา
ลองเพิ่มเป้าหมายจากพื้นที่เหล่านี้
- ข้อมูลประชากรโดยละเอียด: เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ตามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับชีวิตในระยะยาว
- เหตุการณ์สำคัญในชีวิต: เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ในช่วงเหตุการณ์สำคัญในชีวิต
- ผู้สนใจ: เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ตามสิ่งที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ พฤติกรรม และความสนใจของคนกลุ่มนี้
- ผู้ที่มีแผนจะซื้อ: เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ตามความตั้งใจในการซื้อล่าสุด
แนวทางปฏิบัติแนะนำสําหรับกลุ่มชิ้นงาน
- ดูตัวบ่งชี้คุณภาพของโฆษณาเพื่อให้ทราบว่ากลุ่มชิ้นงานมีชิ้นงานเพียงพอที่จะเพิ่มประสิทธิภาพให้ดีที่สุดหรือไม่
- ตรวจสอบว่ากลุ่มชิ้นงานทุกกลุ่มมีชิ้นงานทุกประเภท (ข้อความ รูปภาพ และวิดีโอ)
- ตรวจสอบว่าชิ้นงานเป็นไปตามหลักเกณฑ์ด้านคุณภาพ
- สร้างชิ้นงานรูปแบบต่างๆ เพื่อค้นหาครีเอทีฟโฆษณาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
- หลังจากแก้ไขชิ้นงาน โปรดรอ 2-3 วันเพื่อให้ระบบอัปเดตคุณภาพของโฆษณาและสถานะกลุ่มชิ้นงาน เราขอแนะนําให้รอ 2-3 สัปดาห์ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนชิ้นงานที่มีประสิทธิภาพต่ำ
- เพิ่มชิ้นงานให้มากที่สุด โดยใส่บรรทัดแรกได้สูงสุด 15 รายการ คําอธิบาย 5 รายการ รวมถึงรูปภาพ 20 รูปและวิดีโอ 5 รายการซึ่งมีการวางแนวที่แตกต่างกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ในตารางด้านล่าง
ชิ้นงานข้อความ
ประเภท | จำนวน | จำเป็น | |
บรรทัดแรก |
บรรทัดแรก 3-15 รายการ แนะนำ: 11 |
||
บรรทัดแรกแบบยาว |
บรรทัดแรกแบบยาว 1-5 รายการ แนะนำ: 2 |
||
คำอธิบาย |
คำอธิบาย 1-5 รายการ แนะนำ: 4 |
||
ชื่อธุรกิจ | 1 ชื่อ | ||
คำกระตุ้นให้ดำเนินการ | คำกระตุ้นให้ดำเนินการ 1 รายการ | ||
URL สุดท้าย | URL 1 รายการ |
ชิ้นงานรูปภาพ
อัตราส่วน | จำนวน | จำเป็น | |
แนวนอน 1.91:1 |
รูปภาพ 1-20 ภาพ แนะนำ: 4 |
||
สี่เหลี่ยมจัตุรัส 1:1 |
รูปภาพ 1-20 ภาพ แนะนำ: 4 |
||
โลโก้ 1:1 |
รูปภาพ 1-5 รูป แนะนำ: 1 |
||
โลโก้ 4:1 |
รูปภาพ 1-5 รูป แนะนำ: 1 |
||
แนวตั้ง 4:5 |
รูปภาพ 1-20 ภาพ แนะนำ: 2 |
ชิ้นงานวิดีโอ
อัตราส่วน | จำนวน | จำเป็น | |
แนวนอน 16:9 |
วิดีโอ 1-5 รายการ แนะนำ: 1 |
||
สี่เหลี่ยมจัตุรัส 1:1 |
วิดีโอ 1-5 รายการ แนะนำ: 1 |
||
แนวตั้ง 9:16 |
วิดีโอ 1-5 รายการ แนะนำ: 1 |
ตัวอย่างวิธีใช้กลุ่มชิ้นงาน
สร้างกลุ่มชิ้นงานหลายกลุ่มภายในแคมเปญเดียวกันเพื่อรวมชิ้นงานที่ควรแสดงในชุดหรือธีม ขอแนะนำให้แบ่งกลุ่มชิ้นงานตามหมวดหมู่เนื้อหา ธีม ภาษา หรือกลุ่มเป้าหมาย คุณอาจยังต้องสร้างกลุ่มชิ้นงานหลายกลุ่มในกรณีที่ชิ้นงานบางรายการเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายหนึ่งๆ มากกว่าด้วย
รายงานชิ้นงาน
รายงานชิ้นงานแสดงชิ้นงานแต่ละรายการที่ใช้ในแคมเปญ Performance Max เพื่อช่วยให้คุณเปรียบเทียบประสิทธิภาพของชิ้นงานต่างๆ ได้ คุณจะต้องสร้างแคมเปญ Performance Max เพื่อดูรายงานชิ้นงาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรายงานชิ้นงานใน Performance Max