เชื่อมต่อกับลูกค้าปัจจุบันและเข้าถึงลูกค้าใหม่ด้วยการจับคู่ข้อมูลลูกค้า

คู่มือที่จะช่วยให้คุณใช้ข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่งโดยเกิดประโยชน์สูงสุด

Best Practices logo

คุณจะสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายกับลูกค้าได้โดยเปิดใช้งานข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่งด้วยการจับคู่ข้อมูลลูกค้าของ Google การจับคู่ข้อมูลลูกค้าจะสร้างรายการกลุ่มเป้าหมายจากข้อมูลที่ลูกค้าให้คุณ แล้วช่วยในการสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าในแคมเปญในเครือข่ายการค้นหาและเครือข่ายดิสเพลย์ รวมถึงแคมเปญ Shopping, วิดีโอ และ Discovery ระบุกลุ่มผู้เข้าชมที่คุณต้องการดึงดูดด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน แล้วปรับราคาเสนอและข้อความสำหรับกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้น

เมื่อนโยบาย App Tracking Transparency (ATT) ของ Apple เริ่มมีผลบังคับใช้ กลุ่มข้อมูล (โดยเฉพาะเว็บไซต์ แอป และรายการที่สร้างโดยอัตโนมัติ) และรายการการจับคู่ข้อมูลลูกค้าอาจได้รับผลกระทบในเรื่องการเข้าชมผ่าน iOS 14 (รวมถึงการใช้รายการเหล่านี้เป็นข้อยกเว้น) แคมเปญที่โปรโมตเป้าหมาย Conversion บนเว็บ โดยเฉพาะแคมเปญที่ใช้การจับคู่ข้อมูลลูกค้าและกลุ่มข้อมูลอื่นๆ ก็อาจมีประสิทธิภาพผันผวนได้เช่นกัน ในระหว่างนี้ เราจะขยายการวัด Conversion โดยประมาณให้ครอบคลุมการเข้าชมผ่าน iOS 14 มากขึ้น

การจับคู่ข้อมูลลูกค้าช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้ดังนี้

  • ทำให้ลูกค้าปัจจุบันซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการอื่นที่อาจต้องการอย่างต่อเนื่อง
  • ค้นหาลูกค้าใหม่ที่คล้ายกับลูกค้าที่ดีที่สุด
  • เข้าถึงลูกค้าปัจจุบันด้วยข้อเสนอพิเศษและการรับส่งข้อความ
  • กระตุ้นลูกค้าที่หยุดซื้อให้กลับมาซื้ออีกครั้ง

เมื่อมีการอัปโหลดข้อมูลลูกค้าไปยัง Google ระบบจะแฮชข้อมูล (เปลี่ยนเป็นรหัสที่มีการเข้ารหัส) แล้วจับคู่กับรหัสของบัญชี Google หลังจากที่รหัสผ่านกระบวนการจับคู่แล้วระบบจะลบรหัสทันที ไม่ว่าจะมีการจับคู่หรือไม่ก็ตาม Google ไม่ได้เก็บข้อมูลนี้หรือนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Google ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Google ใช้ข้อมูลการจับคู่ข้อมูลลูกค้าในลักษณะที่ไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัว

1. เพิ่มขนาดและการเข้าถึงรายการให้มากที่สุด

  • อัปโหลดข้อมูลทุกประเภทที่มีอยู่ เช่น อีเมล อุปกรณ์เคลื่อนที่ หมายเลขโทรศัพท์ และที่อยู่จริงในรูปแบบที่เหมาะสมเพื่อสร้างกลุ่มเป้าหมายของลูกค้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เหตุผล: ขนาดรายการคือจำนวนผู้ใช้จริงที่คุณเข้าถึงได้ ดังนั้นยิ่งมีขนาดใหญ่จึงยิ่งดี ผู้ลงโฆษณาที่อัปโหลดข้อมูลลูกค้า 2 ประเภทพบว่ารายการมีขนาดโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 28% ส่วนผู้ลงโฆษณาที่มีข้อมูลลูกค้า 3 ประเภทพบว่ารายการมีขนาดเพิ่มขึ้น 35%1

เคล็ดลับ

การใช้พาร์ทเนอร์การอัปโหลดการจับคู่ข้อมูลลูกค้าที่ได้รับการยืนยันจะช่วยให้การอัปโหลดรายชื่อลูกค้าด้วยตนเองมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังให้คุณเพิ่มข้อมูลอื่นๆ ซึ่งจะเพิ่มอัตราการจับคู่และขนาดรายการได้อย่างมากด้วย

เหตุผล: อัตราการจับคู่คือเปอร์เซ็นต์การอัปโหลดที่สามารถเชื่อมโยงกับผู้ใช้ Google เพื่อให้ทราบว่ารายการใช้งานได้มากน้อยเพียงใด โปรดอย่ากังวลหากคุณมีอัตราการจับคู่ไม่ถึง 100% เพราะการมีข้อมูลลูกค้าที่ไม่ตรงกันเป็นเรื่องปกติ โดยให้ใช้เป็นตัวบ่งชี้ปริมาณข้อมูลที่ใช้ได้และจัดรูปแบบอย่างถูกต้อง

81% ของผู้ที่อยู่ในรายชื่อลูกค้าสามารถใช้เป็นเป้าหมายได้ 
อัตราการจับคู่ของผู้ลงโฆษณาส่วนมากจะอยู่ที่ 29% ถึง 62% โปรดตรวจสอบว่าคุณได้จัดรูปแบบและเข้ารหัสรายการอย่างเหมาะสมแล้วเพื่อเพิ่มอัตราการจับคู่
  • ใส่แหล่งข้อมูลมากกว่า 1 แห่งสำหรับลูกค้าในแถวเดียวกันในไฟล์ข้อมูล

เหตุผล: วิธีนี้ทำให้ได้อัตราการจับคู่ที่แม่นยำที่สุดใน Google Ads ตัวอย่างเช่น เมื่อมีหมายเลขโทรศัพท์และอีเมลจากลูกค้ารายเดียวกัน ให้ใส่ข้อมูลดังกล่าวไว้ข้างกันในแถวเดียวกัน (ดังที่แสดงในแถวที่ 2 และแถวที่ 5)

2. อัปเดตรายการแบบเรียลไทม์เพื่อให้มีประสิทธิภาพดีที่สุด

  • อัปเดตรายการการจับคู่ข้อมูลลูกค้าเป็นประจําเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

เหตุผล: การไม่อัปเดตรายการจะทำให้ไม่มีข้อมูลใหม่ๆ และจำกัดปริมาณข้อมูลที่ Google จะนำไปใช้ค้นหากลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง โดยรายการการจับคู่ข้อมูลลูกค้ามีการเข้าชมและ Conversion เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยกว่า 17% หลังการอัปเดต2

วิธีอัปเดตรายการมีดังนี้

วิธีการอัปเดต แนวทางปฏิบัติแนะนำ
การอัปโหลดด้วยตนเองใน Google Ads ตั้งการช่วยเตือนในปฏิทินให้อัปเดตรายการเมื่อถึงวัน/เวลาเดียวกันในแต่ละสัปดาห์
API ใช้การอัปโหลดอัตโนมัติเพื่อเพิ่มข้อมูลในรายการอย่างน้อยวันละครั้ง
พาร์ทเนอร์การอัปโหลดการจับคู่ข้อมูลลูกค้า ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์การอัปโหลดเพื่อให้รีเฟรชรายการเป็นประจำได้ง่ายขึ้น
โซลูชันอัตโนมัติของบุคคลที่สาม (เช่น Zapier) ตั้งค่า "Zap" ซึ่งจะอัปเดตรายการโดยอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ (เริ่มต้นใช้งาน)
รายชื่อลูกค้าที่อิงตาม Conversion ไปที่การตั้งค่าบัญชีและทําเครื่องหมายที่ช่องถัดจาก "เปิดรายชื่อลูกค้าที่อิงตาม Conversion"

3. เพิ่มจำนวนการมีส่วนร่วมให้มากที่สุดเมื่อใช้รายการ

  • ใช้การแบ่งกลุ่มรายการแบบกว้างและเปิดใช้ Smart Bidding

เหตุผล: Smart Bidding จะพิจารณารายการการจับคู่ข้อมูลลูกค้าโดยอัตโนมัติเมื่อตัดสินใจเรื่องการเสนอราคาเพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องแบ่งกลุ่มรายการมากเกินไป เมื่อกลุ่มเป้าหมายหลายกลุ่มมีสิทธิ์เป็นแหล่งที่มาของการแสดงผล Google Ads จะระบุว่ากลุ่มเป้าหมายที่คุณให้คุณค่าสูงที่สุดเป็นแหล่งที่มา

  คำแนะนำ เหตุผล
การเสนอราคาอัตโนมัติ ใช้ +0% กับกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด Smart Bidding และ CPC ที่ปรับปรุงแล้วจะเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอสําหรับกลุ่มเป้าหมายที่ใช้แต่ละกลุ่ม
การเสนอราคาด้วยตนเอง ใช้การปรับราคาเสนอสูงสุดกับรายการการจับคู่ข้อมูลลูกค้า ลูกค้าเหล่านี้มีคุณค่าและมีแนวโน้มที่จะมี CVR เพิ่มขึ้นมากที่สุด
  • ใช้รายการการจับคู่ข้อมูลลูกค้ากับทุกแคมเปญ

เหตุผล: เพื่อให้มั่นใจว่ากลุ่มเป้าหมายที่มีคุณค่าเหล่านี้จะใช้ได้ทั่วทั้งบัญชี

  • ปรับใช้ประเภทการทำงานของคีย์เวิร์ดและการเลือกคีย์เวิร์ดในระดับที่กว้างขึ้น

เหตุผล: รายการกลุ่มเป้าหมายคือรายการที่มีคุณสมบัติเบื้องต้น ดังนั้นการใช้คีย์เวิร์ดที่กว้างขึ้นกับกลุ่มเป้าหมายจะช่วยเพิ่มการเข้าถึงได้

  • ใช้รายการเชิงลบเท่าที่จําเป็น

เหตุผล: การยกเว้นกลุ่มเป้าหมายจะส่งผลให้ไม่สามารถทำให้เกิดการซื้อต่อเนื่องและดูแลลูกค้าในกรอบเวลาที่ยาวนานขึ้นได้

  • ใช้รายการกลุ่มเป้าหมายกับโฆษณาบนเครือข่ายการค้นหาแบบไดนามิก (DSA)

เหตุผล: DSA เข้าถึงผู้ใช้โดยอิงจากเนื้อหาของเว็บไซต์ และจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นหากคุณทราบว่าโฆษณากำลังเข้าถึงผู้ใช้กลุ่มใดอยู่

4. ค้นหากลุ่มเป้าหมายใหม่

เหตุผล: กลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันใช้รายการการจับคู่ข้อมูลลูกค้าเพื่อค้นหาผู้ใช้ที่มีลักษณะและพฤติกรรมคล้ายกัน

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจับคู่ข้อมูลลูกค้า และตรวจสอบนโยบายการจับคู่ข้อมูลลูกค้าได้ที่นี่

เรื่องราวความสำเร็จ

Telia ระบุโอกาสใหม่ๆ ในการเติบโตด้วยการจับคู่ข้อมูลลูกค้า

Telia Norge เสนอโซลูชันอุปกรณ์เคลื่อนที่สำหรับธุรกิจและครอบครัว ความท้าทายทางการตลาดที่สำคัญของแบรนด์คือการหาวิธีเพิ่มการเข้าชมจากฐานลูกค้าปัจจุบันและทำให้ลูกค้ายกระดับสัญญา Telia ใช้การจับคู่ข้อมูลลูกค้าในการแบ่งกลุ่มลูกค้าตามความต้องการเพื่อส่งข้อความและคำแนะนำที่ปรับแต่งให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม โดย Conversion ปริมาณ 69% มาจากแคมเปญการจับคู่ข้อมูลลูกค้าเหล่านี้ ซึ่งทำให้รายได้เพิ่มขึ้น 15% และอัตรา Conversion เพิ่มขึ้น 22%

สมาคมวิชาชีพ ISACA ใช้การจับคู่ข้อมูลลูกค้าเพื่อกระตุ้นสมาชิกที่ไม่มีส่วนร่วมให้กลับมาเข้าร่วมอีกครั้ง

สมาคมตรวจสอบและควบคุมระบบสารสนเทศ (ISACA) เป็นองค์การกุศลสากลที่ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีก้าวหน้าในสายอาชีพ MightyHive ซึ่งเป็น Google Marketing Platform Partner ช่วยให้ ISACA ใช้การจับคู่ข้อมูลลูกค้าใน Display & Video 360 เพื่อเชิญสมาชิกที่ไม่มีส่วนร่วมให้กลับมาเข้าร่วมสมาคมอีกครั้ง ISACA ใช้การจับคู่ข้อมูลลูกค้าเพื่อเข้าถึงสมาชิกเก่าซึ่งเคยลงทะเบียนอีเมลไว้ด้วยข้อความที่มีการปรับแต่ง จึงทำให้ประหยัด CPC ได้ถึง 77% สำหรับการต่ออายุสมาชิก

1. ข้อมูลภายในของ Google เดือนพฤษภาคม 2020

2. ข้อมูลภายในของ Google เดือนพฤษภาคม 2020

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
4123602537067033891
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false