เกี่ยวกับการจับคู่ข้อมูลลูกค้า
การจับคู่ข้อมูลลูกค้าช่วยให้คุณใช้ข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่งทางออนไลน์และออฟไลน์เพื่อขยายการเข้าถึงและการมีส่วนร่วมกับลูกค้าใหม่และลูกค้าเดิมในแพลตฟอร์มต่างๆ ของ Google ได้ เช่น Search, แท็บ Shopping, Gmail, YouTube และ Display
ข้อมูลลูกค้าช่วย AI ของ Google ในการเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์การเสนอราคาและกลุ่มเป้าหมาย เพื่อส่งมอบแคมเปญที่มีประสิทธิภาพสูงและปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้มากขึ้นให้กับลูกค้าที่เกี่ยวข้องมากที่สุด ตัวอย่างเช่น เมื่อผู้ลงโฆษณานำสัญญาณรายการการจับคู่ข้อมูลลูกค้าไปใช้กับแคมเปญ ส่งผลให้ Conversion เพิ่มขึ้น 5.3% 1 การจับคู่ข้อมูลลูกค้าช่วยให้คุณกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้าเดิมให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และสร้างความสัมพันธ์ใหม่ได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
- ทำการขายครอสเซลผลิตภัณฑ์หรือบริการอื่นที่ลูกค้าเดิมอาจต้องการ
- เข้าถึงลูกค้าเดิมด้วยข้อเสนอพิเศษและการรับส่งข้อความ
- กระตุ้นลูกค้าที่หยุดซื้อให้กลับมาซื้ออีกครั้ง
- ค้นหาลูกค้าใหม่ที่คล้ายกับลูกค้าที่ดีที่สุด
ในขณะที่เราก้าวเข้าสู่โลกที่ไม่มีการใช้คุกกี้ รายการการจับคู่ข้อมูลลูกค้าจะช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าที่มีคุณค่ามากที่สุดต่อไปได้ และจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยคุณจัดการกลุ่มเป้าหมาย นอกเหนือจากจัดการผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่อิงตามแท็ก
ทำตามแนวทางปฏิบัติแนะนำด้านล่างเหล่านี้ เพื่อปรับปรุงการมีส่วนร่วมของลูกค้าด้วยการจับคู่ข้อมูลลูกค้า
ใช้ข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่งที่มีอยู่เพื่อเพิ่มขนาดรายการ
- อัปโหลดข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่งทุกประเภทที่มีจากลูกค้า เช่น อีเมล อุปกรณ์เคลื่อนที่ หมายเลขโทรศัพท์ และที่อยู่จริงในรูปแบบที่เหมาะสม เพื่อสร้างขนาดรายการกลุ่มเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
เคล็ดลับ
การใช้พาร์ทเนอร์การอัปโหลดการจับคู่ข้อมูลลูกค้าที่ได้รับการยืนยันจะช่วยให้การอัปโหลดรายชื่อลูกค้าด้วยตนเองมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังให้คุณเพิ่มข้อมูลอื่นๆ ซึ่งจะเพิ่มอัตราการจับคู่และขนาดรายการได้อย่างมากด้วย
เมื่อมีการอัปโหลดข้อมูลลูกค้าไปยัง Google ระบบจะแฮชข้อมูล (เปลี่ยนเป็นรหัสที่มีการเข้ารหัส) แล้วจับคู่กับรหัสของบัญชี Google หลังจากที่รหัสผ่านกระบวนการจับคู่แล้วระบบจะลบรหัสทันที ไม่ว่าจะมีการจับคู่หรือไม่ก็ตาม Google ไม่ได้เก็บข้อมูลนี้หรือนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Google ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Google ใช้ข้อมูลการจับคู่ข้อมูลลูกค้าในลักษณะที่ไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัว
- ใช้อัตราการจับคู่เป็นการเปรียบเทียบเพื่อวิเคราะห์ปัญหาการจัดรูปแบบข้อมูลที่อาจเกิดขึ้น: อัตราการจับคู่คือเปอร์เซ็นต์การอัปโหลดที่สามารถเชื่อมโยงกับผู้ใช้ที่เข้าสู่ระบบของ Google เพื่อให้คุณดูจํานวนรายการที่ใช้ได้ โปรดอย่ากังวลหากคุณมีอัตราการจับคู่ไม่ถึง 100% เพราะการมีข้อมูลลูกค้าที่ไม่ตรงกันเป็นเรื่องปกติ ให้ใช้อัตรานี้เป็นตัวบ่งชี้ปริมาณข้อมูลที่ใช้ได้และจัดรูปแบบอย่างถูกต้อง
เคล็ดลับ
อัตราการจับคู่ของผู้ลงโฆษณาส่วนมากจะอยู่ที่ 29% ถึง 62% โปรดตรวจสอบว่าคุณได้จัดรูปแบบและเข้ารหัสรายการอย่างเหมาะสมแล้วเพื่อเพิ่มอัตราการจับคู่ - ใส่แหล่งข้อมูลลูกค้าหลายๆ แหล่งไว้ในแถวเดียวกันในไฟล์ข้อมูล การทำเช่นนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับอัตราการจับคู่ที่แม่นยำที่สุดใน Google Ads ตัวอย่างเช่น เมื่อมีหมายเลขโทรศัพท์และอีเมลจากลูกค้ารายเดียวกัน ให้ใส่ข้อมูลดังกล่าวไว้ข้างกันในแถวเดียวกัน (ดังที่แสดงในแถวที่ 2 และแถวที่ 5)
ค้นหากลุ่มเป้าหมายใหม่
- เปิดใช้เป้าหมายการได้ลูกค้าใหม่ใน Google Ads: แนวทางที่ทำงานด้วยระบบ AI นี้จะใช้รายชื่อลูกค้าเดิมเพื่อระบุและเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ คุณเพียงเลือกรายชื่อลูกค้าและกําหนดมูลค่าการได้ลูกค้าใหม่ แล้วแคมเปญจะเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผู้บริโภครายใหม่
- สร้างรายการการจับคู่ข้อมูลลูกค้าจากโอกาสในการขายด้วยกลุ่มเป้าหมายจากโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม: กลุ่มเป้าหมายจากโฆษณาแบบกรอกฟอร์มจะรวบรวมข้อมูลผู้ใช้ซึ่งส่งไปยังชิ้นงานโฆษณาแบบกรอกฟอร์มโดยอัตโนมัติ คุณสร้าง จัดการ และใช้กลุ่มตามคําตอบในแบบฟอร์มได้
อัปเดตรายการอยู่เสมอเพื่อให้มีประสิทธิภาพดีที่สุด
- อัปเดตรายการการจับคู่ข้อมูลลูกค้าเป็นประจำ: การไม่อัปเดตรายการจะทำให้ไม่มีข้อมูลใหม่ๆ ซึ่งจะจำกัดปริมาณข้อมูลที่ Google สามารถนำไปใช้ค้นหากลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง และแสดงแคมเปญที่เพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น วิธีอัปเดตรายการมีดังนี้
วิธีการอัปเดต แนวทางปฏิบัติแนะนำ การอัปโหลดด้วยตนเองใน Google Ads ตั้งการช่วยเตือนในปฏิทินให้อัปเดตรายการเมื่อถึงวัน/เวลาเดียวกันในแต่ละสัปดาห์ API ใช้การอัปโหลดอัตโนมัติเพื่อเพิ่มข้อมูลในรายการอย่างน้อยวันละครั้ง พาร์ทเนอร์การอัปโหลดการจับคู่ข้อมูลลูกค้า ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์การอัปโหลดเพื่อให้รีเฟรชรายการเป็นประจำได้ง่ายขึ้น โซลูชันอัตโนมัติของบุคคลที่สาม (เช่น Zapier) ตั้งค่า "Zap" ซึ่งจะอัปเดตรายการโดยอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ (เริ่มต้นใช้งาน) รายชื่อลูกค้าที่อิงตาม Conversion ไปที่การตั้งค่าบัญชีและทําเครื่องหมายที่ช่องถัดจาก "เปิดรายชื่อลูกค้าที่อิงตาม Conversion" - ใช้ Conversion ที่ปรับปรุงแล้วร่วมกับการจับคู่ข้อมูลลูกค้าเพื่อสร้างรายชื่อลูกค้าโดยอัตโนมัติตามเป้าหมายของคุณ: การใช้ Conversion ที่ปรับปรุงแล้วและการเปิดใช้รายชื่อลูกค้าที่อิงตาม Conversion จะทำให้กลุ่มลูกค้าที่เฉพาะเจาะจงสำหรับธุรกิจของคุณได้รับการสร้างขึ้นโดยอัตโนมัติตามเป้าหมาย Conversion และอัปเดตแบบเรียลไทม์ ซึ่งหมายความว่ารายชื่อลูกค้าจะอัปเดตอยู่เสมอ และคุณไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ
ใช้รายการของคุณเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ
- ใช้รายการการจับคู่ข้อมูลลูกค้าของคุณร่วมกับ Smart Bidding และการกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพที่ทำงานด้วยระบบ AI เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ: Smart Bidding และการกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพจะใช้สัญญาณจากรายการการจับคู่ข้อมูลลูกค้าโดยอัตโนมัติเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญตามเป้าหมายของคุณ เช่น Conversion
เมื่อใช้นโยบายความโปร่งใสในการติดตามแอป (ATT) ของ Apple กลุ่มเป้าหมายตามการจับคู่ข้อมูลลูกค้าอาจได้รับผลกระทบจากการเข้าชมผ่าน iOS 14 ขึ้นไป (รวมถึงการใช้กลุ่มเหล่านี้เพื่อการยกเว้น) กลุ่มเป้าหมายตามการจับคู่ข้อมูลลูกค้าใน iOS 14 ขึ้นไปจะใช้งานได้สำหรับผู้ใช้ที่ลงชื่อเข้าใช้ Safari ในเว็บบนอุปกรณ์เคลื่อนที่เท่านั้น
เรื่องราวความสำเร็จของลูกค้า
ImmoScout24 ซึ่งเป็นเว็บไซต์อสังหาริมทรัพย์ยอดนิยมในเยอรมนีต้องการปรับกลยุทธ์กลุ่มเป้าหมายและปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญให้ดียิ่งขึ้นโดยใช้ข้อมูลลูกค้าจากบุคคลที่หนึ่ง หลังจากปรับปรุงการตั้งค่าการติดแท็กโดยรวม การอัปโหลดข้อมูลลูกค้า และนำการจับคู่ข้อมูลลูกค้ามาใช้ในบัญชี Google Ads ทุกบัญชีแล้ว บริษัทพบว่าอัตรา Conversion เพิ่มขึ้น 52% และต้นทุนต่อการกระทำหนึ่งครั้งลดลง 15%
แหล่งข้อมูลวิดีโอ
Meet the Expert: Customer Match and the privacy-safe future of audiences
เคล็ดลับ
1. ข้อมูลของ Google, ทั่วโลก, Google Ads, ม.ค. 2021 - ธ.ค. 2022
หากต้องการรับเคล็ดลับขั้นสูงและข้อมูลอัปเดตจาก Google Ads ส่งตรงถึงกล่องจดหมายของคุณ สมัครรับจดหมายข่าวแนวทางปฏิบัติแนะนำ |