คุณสร้าง Business Profile ใน Google ได้หากธุรกิจมีสถานที่ตั้งจริงที่ลูกค้ามาเยี่ยมชมได้หรือเดินทางไปพบลูกค้าถึงที่ หากต้องการสร้าง Business Profile ที่ประสบความสําเร็จและไม่ถูกระงับ คุณจะต้องดําเนินการดังนี้
- หลีกเลี่ยงเนื้อหาต้องห้าม ดูว่าสิ่งใดคือเนื้อหาต้องห้าม
- สื่อถึงธุรกิจอย่างถูกต้อง
- ปฏิบัติตามนโยบายในบทความนี้
ทําความเข้าใจหลักเกณฑ์พื้นฐาน
ทำตามหลักเกณฑ์สำหรับธุรกิจในพื้นที่เพื่อคงคุณภาพของข้อมูลใน Google หลักเกณฑ์เหล่านี้จะช่วยให้หลีกเลี่ยงปัญหาโดยทั่วไป ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงข้อมูลของคุณ หรือในบางกรณีอาจรวมถึงการลบข้อมูลทางธุรกิจของคุณออกจาก Google
โปรดทำดังนี้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการจัดการ Business Profile
- นำเสนอธุรกิจของคุณให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์และสิ่งที่คนทั่วไปรู้จักในโลกจริง ไม่ว่าจะเป็นโลโก้ หัวจดหมาย หรือการสร้างแบรนด์แบบอื่นๆ
- ตรวจสอบว่าที่อยู่และ/หรือพื้นที่ให้บริการมีความถูกต้องและละเอียดเพียงพอ
- เลือกหมวดหมู่ให้น้อยที่สุดในการอธิบายถึงธุรกิจหลักของคุณในภาพรวม
- แต่ละธุรกิจควรมีเพียงโปรไฟล์เดียว หากมีมากกว่านั้น อาจทำให้เกิดปัญหาในการแสดงข้อมูลใน Google Maps และ Search ได้
เคล็ดลับ:
- หากต้องการปรึกษาแบบตัวต่อตัวและรับคำแนะนำในการใช้โปรไฟล์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับคุณโดยเฉพาะ โปรดนัดหมายพูดคุยกับที่ปรึกษาสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
- ในตอนนี้ บริการนี้มีให้บริการแก่ผู้ขายในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
ดูหลักเกณฑ์ด้านเนื้อหาสําหรับ Business Profile
เนื้อหาที่เผยแพร่ควรชูจุดขายของธุรกิจ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ภาพรวมของนโยบาย Google Business Profile
ดังที่ระบุไว้ในนโยบายเนื้อหาต้องห้ามและถูกจํากัด เราไม่อนุญาตให้แสดงหรือขอเนื้อหาที่มีข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลลับ เช่น ข้อมูลการเงินส่วนบุคคล บัตรประจำตัวที่ออกโดยหน่วยงานราชการ ข้อมูลติดต่อที่ลิงก์หรือเชื่อมโยงกับชื่อ บันทึกข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน ภาพ ข้อความถอดเสียง หรือลิงก์ที่มีข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้ขายสามารถโพสต์ข้อมูลติดต่อ (แฮนเดิลในโซเชียลมีเดีย อีเมล หมายเลขโทรศัพท์) ของธุรกิจใน Business Profile ของตัวเองได้ หรือใช้ตอบรีวิว ถาม-ตอบ ฯลฯ แต่เราไม่อนุญาตให้ขอข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลลับ
เคล็ดลับ: หากการแก้ไขโปรไฟล์หรือโพสต์ถูกปฏิเสธ โปรดดูเหตุผลหลายประการที่อาจทำให้เนื้อหาที่ส่งเข้ามาถูกปฏิเสธ
ใช้ช่องรายละเอียดธุรกิจเพื่อใส่ข้อมูลบริการและผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ ตลอดจนภารกิจและประวัติของธุรกิจ
คุณควรให้ข้อมูลอย่างถูกต้องและตรงไปตรงมา โดยมุ่งเน้นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์เพื่อให้ลูกค้ารู้จักตัวตนของธุรกิจ ไม่อนุญาตให้ใส่เนื้อหาที่ไม่มีความสัมพันธ์หรือไม่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจอย่างชัดเจน
นอกจากหลักเกณฑ์โดยรวมเกี่ยวกับเนื้อหาที่ห้ามและถูกจํากัดแล้ว คําอธิบายธุรกิจของคุณต้องไม่มีลักษณะดังนี้
- แสดงเนื้อหาคุณภาพต่ำ ไม่เกี่ยวข้อง หรือรบกวนสายตา ตัวอย่างเช่น คำที่สะกดผิด การใช้อักขระเพื่อเป็นลูกเล่น คำที่ไม่มีความหมาย เป็นต้น
- มุ่งเน้นที่การนำเสนอโปรโมชัน ราคา และข้อเสนอพิเศษ ตัวอย่างเนื้อหาที่ไม่อนุญาต เช่น "สินค้าทุกชิ้นลดราคา 50%" และ "ขนมหม้อแกงที่อร่อยที่สุดในจังหวัด ราคา 50 บาท"
- แสดงลิงก์ ไม่อนุญาตให้แสดงลิงก์ทุกประเภท
โปรดแสดงชื่อธุรกิจอย่างถูกต้องเพื่อให้ลูกค้าพบธุรกิจของคุณทางออนไลน์ ชื่อควรจะสื่อถึงชื่อที่ธุรกิจของคุณใช้จริง ตรงตามที่ใช้กับหน้าร้าน เว็บไซต์ และหัวจดหมายอยู่เสมอ รวมถึงเป็นชื่อที่ลูกค้ารู้จัก
ระบุรายละเอียดเพิ่มเติม เช่น ที่อยู่ พื้นที่ให้บริการ เวลาทำการ และหมวดหมู่ในส่วนอื่นๆ ของข้อมูลทางธุรกิจ
ตัวอย่างเช่น หากสร้าง Business Profile สำหรับร้านกาแฟนิตยาที่เปิด 24 ชั่วโมงแถวบางใหญ่ ให้ป้อนข้อมูลทางธุรกิจดังนี้
- ชื่อธุรกิจ: ร้านกาแฟนิตยา
- ที่อยู่: 32/47 ถนนกาญจนาภิเษก บางใหญ่ นนทบุรี 11140
- เวลาทำการ: เปิด 24 ชั่วโมง
- หมวดหมู่: ร้านกาแฟ
เราไม่อนุญาตให้ใส่ข้อมูลที่ไม่จำเป็นในชื่อธุรกิจ และการทำเช่นนั้นอาจทำให้ Business Profile ของคุณถูกระงับ โปรดดูตัวอย่างที่เฉพาะเจาะจงด้านล่างเกี่ยวกับข้อมูลที่คุณใส่ในชื่อธุรกิจได้และไม่ได้
ตัวอย่างชื่อธุรกิจ
ในตัวอย่างด้านล่าง ชื่อหรือส่วนของชื่อที่เป็นตัวเอียงจะเป็นสิ่งที่ไม่อนุญาตให้ใช้
ชื่อของคุณต้องไม่มีสิ่งเหล่านี้ |
ใช้ไม่ได้ |
ใช้ได้ |
---|---|---|
แท็กไลน์การตลาด |
|
|
รหัสร้านค้า |
|
|
เครื่องหมายการค้า/สัญลักษณ์จดทะเบียน |
|
|
อักษรตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด |
|
|
ข้อมูลเวลาทําการ |
|
|
หมายเลขโทรศัพท์หรือ URL ของเว็บไซต์ |
|
|
สัญลักษณ์พิเศษ (เช่น %&$@/") หรือศัพท์ทางกฎหมายที่ไม่เกี่ยวข้อง |
|
|
ข้อมูลผลิตภัณฑ์หรือบริการ |
|
|
ข้อมูลตำแหน่ง |
|
|
ข้อมูลที่ตั้งธุรกิจ |
|
|
ระบุสถานที่ตั้งธุรกิจโดยให้ข้อมูลที่อยู่และ/หรือพื้นที่ให้บริการอย่างละเอียดและถูกต้อง ไม่อนุญาตให้ใช้ตู้ ปณ. หรือตู้ไปรษณีย์ที่ตั้งอยู่ห่างจากที่ตั้งธุรกิจ
- สร้าง Business Profile สําหรับสถานที่ตั้งจริง
- คุณใส่หมายเลขห้อง ชั้น หมายเลขอาคาร และอื่นๆ ได้ ใส่ข้อมูล เช่น แยกถนนและจุดสังเกตบริเวณใกล้เคียง เฉพาะในเขตที่ที่อยู่อย่างเป็นทางการไม่สามารถระบุตำแหน่งของธุรกิจได้อย่างแม่นยำเท่านั้น
- หากต้องระบุหมายเลขตู้จดหมายหรือหมายเลขห้อง ให้ทำดังนี้
- ใส่ที่อยู่จริงใน "บรรทัดที่อยู่ 1"
- ใส่หมายเลขตู้จดหมายหรือหมายเลขห้องใน "บรรทัดที่อยู่ 2"
- หากธุรกิจเช่าที่อยู่จัดส่งจริง แต่ไม่ได้ดำเนินธุรกิจในสถานที่ตั้งนั้น (หรือที่เรียกว่าสำนักงานเสมือน) สถานที่ดังกล่าวจะไม่มีสิทธิ์ใช้กับ Business Profile
- ธุรกิจไม่สามารถระบุให้พื้นที่ที่ทำงานร่วมกันเป็นสำนักงานได้ ยกเว้นว่าในสถานที่นั้นจะมีป้ายชื่อธุรกิจติดแสดงไว้อย่างชัดเจน ต้อนรับลูกค้าในช่วงเวลาทำการ และมีพนักงานประจำอยู่ในช่วงเวลาทำการ
- อย่าใส่ข้อมูลที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการระบุสถานที่จริงของธุรกิจ เช่น URL หรือคีย์เวิร์ด ในบรรทัดที่อยู่
- อย่าสร้างเพจมากกว่า 1 เพจต่อสถานที่ตั้งธุรกิจแต่ละแห่ง ไม่ว่าจะในบัญชีเดียวหรือหลายบัญชี
- ผู้ประกอบวิชาชีพรายบุคคลและหน่วยงานย่อยภายในธุรกิจ มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล และสถานที่ราชการจะมีเพจแยกต่างหากได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หลักเกณฑ์เฉพาะเกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชีพรายบุคคลและหน่วยงานย่อย
- ธุรกิจที่แสดงที่อยู่ใน Google ควรมีป้ายชื่อธุรกิจชนิดติดแสดงถาวรตามที่อยู่
- หากที่อยู่ไม่มีหมายเลขถนน หรือหากระบบหาไม่พบ ให้ปักหมุดตำแหน่งของธุรกิจลงในแผนที่โดยตรง
ธุรกิจที่ให้บริการตามสถานที่
ธุรกิจที่ให้บริการตามสถานที่หรือก็คือธุรกิจซึ่งให้บริการแก่ลูกค้าที่สถานที่ของลูกค้าเองควรมีข้อมูลธุรกิจเดียวสำหรับสำนักงานหรือที่ตั้งส่วนกลาง พร้อมกับระบุพื้นที่ให้บริการ ธุรกิจที่ให้บริการตามสถานที่จะระบุข้อมูลสำนักงาน "เสมือน" ว่าเป็นสำนักงานไม่ได้ นอกจากว่าสำนักงานนั้นจะมีพนักงานอยู่ประจำในระหว่างเวลาทำการ
ธุรกิจบางประเภท เช่น ร้านซ่อมรถที่มีอู่ซ่อมรถและมีให้บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน ถือเป็นธุรกิจที่ให้บริการตามสถานที่แบบผสม ธุรกิจเหล่านี้จะแสดงที่อยู่หน้าร้านและกำหนดพื้นที่ให้บริการใน Business Profile ได้ หากคุณให้บริการลูกค้าที่ที่อยู่ของคุณและต้องการกำหนดพื้นที่ให้บริการ ที่ตั้งธุรกิจควรมีพนักงานและรับลูกค้าในช่วงเวลาทำการที่ระบุได้
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่กำหนดให้ลูกค้าต้องมีอายุขั้นต่ำตามเกณฑ์ เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กัญชา หรืออาวุธ ไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นธุรกิจที่ให้บริการตามสถานที่โดยไม่มีหน้าร้าน
Google จะกำหนดวิธีที่ดีที่สุดในการแสดงที่อยู่ธุรกิจของคุณตามข้อมูลทางธุรกิจและข้อมูลจากแหล่งที่มาอื่นๆ
ธุรกิจที่มีหน้าร้านเทียบกับธุรกิจที่ให้บริการตามสถานที่
หากธุรกิจไม่มีหน้าร้านพร้อมด้วยป้ายที่ชัดเจน แต่เดินทางไปให้บริการแก่ลูกค้าถึงที่ ระบบจะอนุญาตให้คุณสร้าง Business Profile ที่ให้บริการตามสถานที่ 1 รายการ
คุณสร้างข้อมูลธุรกิจสำหรับแต่ละสาขาได้ในกรณีที่ธุรกิจของคุณมีหลายสาขา และแต่ละสาขามีพื้นที่ให้บริการและพนักงานแยกกัน คุณไม่ควรขยายขอบเขตพื้นที่ให้บริการโดยรวมของข้อมูลธุรกิจออกไปไกลเกินกว่าที่จะเดินทางด้วยรถยนต์เป็นเวลา 2 ชั่วโมงจากที่ตั้งธุรกิจนั้น แต่สำหรับบางธุรกิจก็อาจเหมาะที่จะมีพื้นที่ให้บริการกว้างกว่านี้ได้
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจที่ให้บริการตามสถานที่
หากเป็นธุรกิจที่ให้บริการตามสถานที่ คุณไม่ควรแสดงที่อยู่ธุรกิจต่อลูกค้า
- เช่น หากคุณเป็นช่างประปาและทำธุรกิจจากที่อยู่ส่วนตัว ให้ลบที่อยู่ออกจาก Business Profile
ระบุหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อกับที่ตั้งธุรกิจแต่ละแห่งของคุณ หรือระบุเว็บไซต์ที่แสดงถึงที่ตั้งธุรกิจแต่ละแห่ง
- ใช้หมายเลขโทรศัพท์ในพื้นที่แทนหมายเลขฝ่ายบริการลูกค้าส่วนกลาง หากเป็นไปได้
- อย่าระบุหมายเลขโทรศัพท์หรือ URL ที่เปลี่ยนเส้นทางหรือ "ส่งต่อ" ผู้ใช้ไปยังหน้า Landing Page หรือหมายเลขโทรศัพท์อื่นๆ นอกเหนือจากที่เป็นของธุรกิจจริง ซึ่งรวมถึงเพจที่สร้างบนเว็บไซต์โซเชียลมีเดีย
- หมายเลขโทรศัพท์ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของธุรกิจโดยตรง
- คุณอาจเพิ่มหมายเลขโทรศัพท์ได้ในเว็บไซต์และร้านค้าในพื้นที่ของ Google Business Profile
- ไม่อนุญาตให้ใช้หมายเลขโทรศัพท์ที่คิดค่าบริการอัตราพิเศษ ซึ่งเรียกเก็บค่าบริการราคาสูงจากผู้โทร
ระบุเวลาทำการตามปกติที่คุณจะได้พบกับลูกค้า หากเป็นไปได้ คุณอาจใช้เวลาตามฤดูกาลปัจจุบันของคุณเป็นเวลาทำการปกติ รวมถึงระบุเวลาทำการพิเศษสำหรับบางวัน เช่น เทศกาลหรือกิจกรรมพิเศษ
ธุรกิจบางประเภทไม่ควรระบุเวลาทำการ รวมถึงธุรกิจที่มีเวลาทำการไม่แน่นอน (เช่น กำหนดการสำหรับกิจกรรมประเภทต่างๆ รวมถึง เวลาแสดง พิธีกรรม หรือชั้นเรียน) และธุรกิจที่ดำเนินงานตามการนัดหมายเท่านั้น ตัวอย่างของธุรกิจที่ไม่ควรระบุเวลาทําการรวมถึง แต่ไม่จํากัดเพียง
- ที่พักในร่ม เช่น โรงแรม โมเทล และอาคาร/กลุ่มอาคารอพาร์ทเมนท์
- โรงเรียนและมหาวิทยาลัย
- โรงภาพยนตร์
- บริการขนส่งมวลชนและสนามบิน
- สถานที่จัดงานและสถานที่ทางธรรมชาติ
หากธุรกิจของคุณมีหน่วยงานย่อย ให้ระบุเวลาทำการสำหรับหน่วยงานย่อยแต่ละหน่วยใน Business Profile แยกต่างหากของหน่วยงานย่อยนั้นๆ และระบุเวลาทำการสำหรับธุรกิจหลักใน Business Profile หลัก ดูข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยงานย่อย
เวลาทําการช่วงต่างๆ
หากธุรกิจของคุณมีเวลาทำการหลายช่วง โปรดดูหลักเกณฑ์เหล่านี้สำหรับธุรกิจแต่ละประเภท
- ธนาคาร: ระบุเวลาให้บริการที่เคาน์เตอร์หากเป็นไปได้ หรือไม่เช่นนั้นก็ระบุเวลาไดรฟ์ทรู ATM ที่อยู่กับธนาคารใช้ Business Profile แยกต่างหากโดยระบุเวลาทำการต่างจากของธนาคารได้
- ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์: ระบุเวลาที่เปิดขาย หากเวลาเปิดขายรถใหม่กับรถมือสองแตกต่างกัน ให้ระบุเวลาเปิดขายรถใหม่
- ปั๊มน้ำมัน: ระบุเวลาให้บริการน้ำมัน
- ร้านอาหาร: ระบุเวลาที่ลูกค้าเข้ามานั่งรับประทานอาหารในร้านได้ หรือเวลาสำหรับซื้อกลับบ้าน หากทั้ง 2 กรณีดังกล่าวไม่เข้าข่าย ให้ระบุเวลาไดรฟ์ทรู หรือทางเลือกสุดท้ายคือ เวลาจัดส่ง
- คลังสินค้า: ระบุเวลาทำการ หรือไม่เช่นนั้นก็ให้ระบุเวลาเปิด-ปิดประตูหน้า
- คุณสามารถตั้งค่าเวลาทําการเพิ่มเติมเพื่อไฮไลต์เวลาที่ให้บริการพิเศษ
- โดยทั่วไปแล้วคุณควรตั้งค่าเวลาทำการเพิ่มเติมเป็นส่วนย่อยของเวลาทำการหลัก
เวลาทำการตามเทศกาล
หากธุรกิจของคุณมีเวลาทำการพิเศษในช่วงเทศกาล ให้ใช้หลักเกณฑ์ต่อไปนี้
- หากอยู่ในช่วงเทศกาลที่ธุรกิจเปิดทำการ ให้ระบุเวลาทำการปกติ คุณระบุเวลาทำการพิเศษสำหรับวันหยุด การปิดชั่วคราว หรือเหตุการณ์อื่นๆ ได้
- นอกจากนี้ คุณยังระบุไว้ในคำอธิบายธุรกิจได้อีกด้วยว่าธุรกิจเปิดทำการในบางช่วงเทศกาลเท่านั้น
- เมื่อพ้นช่วงทำการ ก็ทำเครื่องหมายธุรกิจเป็นปิดชั่วคราวได้
- ระบุเวลาทำการปกติของธุรกิจอีกครั้งเมื่อเปิดทำการใหม่
หมวดหมู่จะช่วยให้ลูกค้าพบผลการค้นหาบริการที่สนใจได้อย่างถูกต้องและเฉพาะเจาะจง โปรดดำเนินการดังนี้เพื่อให้ข้อมูลทางธุรกิจของคุณมีความถูกต้องและแสดงต่อไปได้
- อธิบายถึงจุดขายหลักของธุรกิจในภาพรวมโดยใช้หมวดหมู่ในตัวเลือกให้น้อยที่สุด
- เลือกหมวดหมู่ให้เฉพาะเจาะจงมากที่สุด แต่สื่อถึงธุรกิจหลักของคุณได้ดี
- อย่าใช้หมวดหมู่เป็นคีย์เวิร์ดอย่างเดียวหรือเพื่ออธิบายถึงองค์ประกอบย่อยๆ ของธุรกิจ
- อย่าใช้หมวดหมู่ที่เชื่อมโยงกับธุรกิจอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงหรือเกี่ยวข้องกัน เช่น ธุรกิจที่มีที่ตั้งอยู่ในธุรกิจของคุณ หรือองค์กรที่มีธุรกิจของคุณเป็นส่วนหนึ่งในนั้น
เลือกหมวดหมู่
เลือกหมวดหมู่ที่ตอบได้ว่า "ธุรกิจนี้คืออะไร" แทนที่จะเป็น "ธุรกิจนี้มีอะไรบ้าง" จุดมุ่งหมายคือการอธิบายธุรกิจของคุณในภาพรวม ไม่ใช่บอกบริการที่ธุรกิจเสนอ ผลิตภัณฑ์ที่ขาย หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีให้
เน้นการเพิ่มหมวดหมู่ที่เฉพาะเจาะจงที่สุดสำหรับธุรกิจเป็นหลัก เราจะทำส่วนที่เหลือให้เองในเบื้องหลัง เช่น เมื่อคุณเลือกหมวดหมู่ที่เฉพาะเจาะจงอย่าง "รีสอร์ตกอล์ฟ" Google จะรวมหมวดหมู่ทั่วไป เช่น "โรงแรมรีสอร์ต" "โรงแรม" และ "สนามกอล์ฟ" ให้โดยปริยาย คุณสามารถข้ามการเพิ่มหมวดหมู่ที่ซ้ำกับหมวดหมู่เฉพาะที่เลือกไว้ได้เลย หากไม่พบหมวดหมู่สำหรับธุรกิจของคุณ ให้เลือกหมวดหมู่ทั่วไป Google ยังตรวจหาข้อมูลหมวดหมู่จากเว็บไซต์ของคุณและจากการพูดถึงธุรกิจของคุณบนโลกออนไลน์ได้ด้วย
สถานการณ์ |
หมวดหมู่ที่ถูกต้อง |
หมวดหมู่ที่ไม่ถูกต้อง |
"พิซซ่าฮัท" มีบริการสั่งกลับบ้านและส่งถึงบ้าน แต่ไม่มีบริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ |
|
|
"ธนาคารสินเชื่อ SME ไทยพาณิชย์" |
|
|
"บังกะโลนฤมล" เป็นบังกะโลที่มีสระว่ายน้ำให้บริการ |
|
|
"ฟิตเนสเปิด 24 ชั่วโมง" |
|
|
"สินเชื่อเงินสดควิกแคช" |
|
|
"แมคโดนัลด์" เป็นร้านแฮมเบอร์เกอร์ฟาสต์ฟู้ดที่มีเมนูของหวานด้วย |
|
|
หากธุรกิจของคุณมีธุรกิจอื่นๆ ที่องค์กรของคุณไม่ได้เป็นเจ้าของและผู้ดำเนินงานอยู่ด้วย ให้ใช้เฉพาะหมวดหมู่ที่สื่อถึงธุรกิจของคุณเท่านั้น
ตัวอย่าง:
- "Starbucks" ให้บริการอยู่ในร้าน "B2S"
- หมวดหมู่ "Starbucks": "ร้านกาแฟ"
- หมวดหมู่ "Candide Books": "ร้านหนังสือ" และไม่ควรเพิ่ม "ร้านกาแฟ" เป็นหมวดหมู่
- "ATM ธนาคารออมสิน" ให้บริการอยู่ในร้าน "7-Eleven"
- หมวดหมู่ "ATM ธนาคารออมสิน": "ATM"
- หมวดหมู่ "7-Eleven": "ร้านสะดวกซื้อ" และไม่ควรเพิ่ม "ATM" เป็นหมวดหมู่
- "ฮาร์ดร็อคคาเฟ่" ให้บริการอยู่ใน "โรงแรมฮาร์ดร็อค"
- หมวดหมู่ "ฮาร์ดร็อคคาเฟ่": "ร้านอาหาร"
- หมวดหมู่ "โรงแรมฮาร์ดร็อค": "โรงแรม" และไม่ควรเพิ่ม "ร้านอาหาร" เป็นหมวดหมู่
ประเภทของธุรกิจที่มีสถานที่ตั้งร่วมกันต่อไปนี้ควรมีโปรไฟล์ของตัวเองแยกกันต่างหาก หากคุณจำเป็นต้องใช้ทั้ง 2 หมวดหมู่สำหรับสถานที่ตั้งธุรกิจเดียวกัน ให้สร้าง 2 โปรไฟล์แทน อย่าลืมใช้ชื่ออื่นสำหรับธุรกิจที่ 2 ดูข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยงานย่อย
- ร้านอาหาร/คาเฟ่/บาร์ภายในโรงแรม/โมเทล
- ร้านขายยาภายในซูเปอร์มาร์เก็ต/ร้านสะดวกซื้อ
- ปั๊มน้ำมันติดกับซูเปอร์มาร์เก็ต/ร้านสะดวกซื้อ
- รถเช่าที่สนามบิน เฉพาะในกรณีที่ไปรับและส่งรถเช่าคนละสถานที่กัน
เมนูมี 2 ประเภท ได้แก่
- เมนูสำหรับอาหารและเครื่องดื่ม (เช่น ร้านอาหารและบาร์ค็อกเทล) ซึ่งแสดงชุดรายการอาหารและเครื่องดื่มทั้งหมดที่ธุรกิจมีจำหน่าย
- เมนูสำหรับธุรกิจบริการ เช่น ร้านทำผม สปา หรือร้านซ่อมรถ ซึ่งแสดงชุดรายการบริการทั้งหมดที่ธุรกิจพร้อมให้บริการ
- เมนูควรแสดงให้เห็นสินค้าและบริการที่พร้อมให้บริการแก่ลูกค้า ณ สถานที่ตั้งธุรกิจ เมนูทั้งหมดอาจเจาะจงมื้ออาหาร (เช่น มื้อเช้า กลางวัน หรือเย็น) และมีลิงก์ไปยังหน้าเมนูอื่นๆ เช่น คุณอาจเลือกลิงก์ไปยังเมนูมื้อเย็นของธุรกิจ ซึ่งจากนั้นเมนูดังกล่าวอาจลิงก์ไปยังเมนูมื้อเช้าและมื้อกลางวัน
- ไม่ควรส่งเมนูตัวอย่างที่แสดงเฉพาะ "รายการยอดนิยม" (หรือข้อความที่ตัดตอนมาที่ใกล้เคียง)
- URL เมนูต้องไม่เป็นลิงก์โดยตรงไปยังบริการสั่งซื้อหรือจัดส่งของบุคคลที่สาม
- บุคคลที่สามซึ่งจัดการข้อมูลธุรกิจในนามของลูกค้าจะต้องแจ้งและได้รับคำยินยอมจากเจ้าของธุรกิจในการส่ง URL เมนูของธุรกิจ
หากคุณประกอบธุรกิจค้าปลีกในประเทศที่มีสิทธิ์ (สหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร และไอร์แลนด์) คุณสามารถเปลี่ยนผู้ค้นหาออนไลน์ให้เป็นผู้เลือกซื้อที่ร้านค้าได้โดยแสดงผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้าใน Business Profile โดยอัตโนมัติ
วิธีเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้า
- อัปโหลดผลิตภัณฑ์ด้วยตนเองโดยใช้เครื่องมือแก้ไขผลิตภัณฑ์ ดูวิธีอัปโหลดโดยใช้เครื่องมือแก้ไขผลิตภัณฑ์
- หากต้องการเพิ่มผลิตภัณฑ์ลงใน Business Profile โดยอัตโนมัติ ให้เชื่อมต่อระบบจุดขายกับแอปสินค้าคงคลังในร้านหรือเครื่องอ่านผลิตภัณฑ์ ดูวิธีเพิ่มผลิตภัณฑ์ลงใน Business Profile
ทั้ง 2 วิธีจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ต่อไปนี้
- ผลิตภัณฑ์ที่ส่งผ่านเครื่องมือแก้ไขผลิตภัณฑ์หรือที่เพิ่มโดยอัตโนมัติต้องเป็นไปตามนโยบายโฆษณา Shopping ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายโฆษณา Shopping
- เราไม่อนุญาตให้โพสต์เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และบริการที่กฎหมายควบคุม ซึ่งรวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์จากยาสูบ การพนัน บริการทางการเงิน เภสัชภัณฑ์ และอาหารเสริมที่ไม่ผ่านการอนุมัติ หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์หรืออุปกรณ์ดูแลสุขภาพ
- การส่งผลิตภัณฑ์ที่ละเมิดนโยบายของ Google อาจทำให้เรานำแคตตาล็อกผลิตภัณฑ์ออกทั้งหมด ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ละเมิดด้วย
หลักเกณฑ์สำหรับสาขาธุรกิจ หน่วยงานย่อย และผู้ประกอบวิชาชีพรายบุคคล
ทำให้ชื่อและหมวดหมู่สอดคล้องกันในทุกสถานที่ตั้งของธุรกิจเพื่อช่วยให้ลูกค้าพบธุรกิจของคุณใน Google Maps และผลการค้นหาได้อย่างรวดเร็ว
สถานที่ตั้งทั้งหมดต้องมีชื่อเดียวกัน เว้นแต่ในกรณีที่นำเสนอด้วยชื่อที่แตกต่างกันตามสถานที่ตั้งมาโดยตลอดอยู่แล้วในโลกจริง รวมทั้งต้องมีหมวดหมู่เดียวกันด้วยหากให้บริการแบบเดียวกัน
ความสอดคล้องของชื่อ
สถานที่ตั้งธุรกิจทั้งหมดภายในประเทศเดียวกันต้องมีชื่อเดียวกัน เช่น สถานที่ตั้งของเทสโก้โลตัสทั้งหมดควรใช้ชื่อ "เทสโก้โลตัส" แทนที่จะเป็น "โลตัส" หรือ "เทสโก้โลตัสสาขาพระรามสอง"
นโยบายนี้มีข้อยกเว้น 2 ข้อ
- หากคุณมีธุรกิจหลายประเภท เช่น แบรนด์ย่อย หลายหน่วยงานย่อย หรือการดำเนินงานหลายประเภท เช่น ธุรกิจขายปลีกและขายส่ง ส่วนย่อยๆ ที่แตกต่างกันชัดเจนเหล่านี้จะมีชื่อที่แตกต่างกันได้ ตราบใดที่ยังสอดคล้องกับสถานที่ตั้งทั้งหมดของธุรกิจนั้น
- รูปแบบชื่อที่ยอมรับ: "เทสโก้โลตัสเอ็กซ์ตร้า" และ "เทสโก้โลตัสเอ็กซ์เพรส" หรือ "Gap" และ "babyGap"
- หากสถานที่ตั้งบางแห่งของคุณใช้ชื่อที่แตกต่างกันมาโดยตลอดอยู่แล้วในหน้าร้าน เว็บไซต์ หรือหัวจดหมาย สถานที่ตั้งเหล่านี้จะใช้ชื่อที่ต่างกันได้
- รูปแบบของชื่อที่ยอมรับ: "เรดบูล" และ "กระทิงแดง", "PFK" (สำหรับในรัฐควิเบกของแคนาดา) และ "KFC" (สำหรับในประเทศสหรัฐอเมริกาและส่วนอื่นๆ ของแคนาดา)
ความสอดคล้องของหมวดหมู่
สถานที่ตั้งทั้งหมดของธุรกิจต้องมีหมวดหมู่เดียวกันที่สื่อถึงธุรกิจได้ดีที่สุด หากคุณมีสถานที่ตั้งหลายประเภท (เช่น แบรนด์ย่อย หลายหน่วยงานย่อย หรือการดำเนินงานหลายประเภท เช่น ร้านค้าปลีก ศูนย์ตัวแทนจำหน่าย และสำนักงาน) กฎนี้ใช้ภายในกลุ่มย่อยแต่ละกลุ่มเท่านั้น
- "Gap Kids" ทั้งหมดมีหมวดหมู่เป็น "ร้านเสื้อผ้าเด็ก"
- "ศูนย์บริการรถยนต์กู๊ดเยียร์" ทั้งหมดมีหมวดหมู่เป็น "ร้านยางรถยนต์" แต่ทั้งหมดก็มีหมวดหมู่เป็น "ร้านซ่อมรถยนต์" เช่นกัน
- ร้าน "เพ็ทสไมล์" ทั้งหมดมีหมวดหมู่เป็น "ร้านอุปกรณ์เลี้ยงสัตว์" ขณะที่บางสถานที่ตั้งอาจมีหมวดหมู่อื่น ("ร้านขายสัตว์เลี้ยง", "ศูนย์ดูแลสัตว์เลี้ยง")
แบรนด์ตั้งแต่ 2 แบรนด์ขึ้นไปในสถานที่ตั้งเดียวกัน
หากที่ตั้งธุรกิจของคุณมีแบรนด์ตั้งแต่ 2 แบรนด์ขึ้นไปอยู่ด้วยกัน อย่ารวมชื่อแบรนด์ไว้ในข้อมูลธุรกิจเดียว แต่ให้เลือกชื่อแบรนด์เดียวสำหรับ Business Profile หากแบรนด์เหล่านั้นดำเนินกิจการแยกกันอย่างอิสระ คุณจะใช้โปรไฟล์แยกสำหรับแต่ละแบรนด์ในสถานที่เดียวกันนั้นได้
สําหรับแบรนด์อาหารแบบเสมือนหลายร้านในสถานที่ตั้งเดียวกัน โปรดดูหลักเกณฑ์เฉพาะอาหารในส่วนแบรนด์อาหารแบบเสมือนด้านล่าง
- ไม่ยอมรับ: "KFC/เชสเตอร์กริลล์" หรือ "ดังกิ้น โดนัท/บาสกิ้น ร็อบบินส์"
- ยอมรับ: "เชสเตอร์กริลล์", "KFC", "ดังกิ้น โดนัท", "บาสกิ้น ร็อบบินส์"
หากธุรกิจของคุณจำหน่ายผลิตภัณฑ์หรือบริการให้แก่แบรนด์ของธุรกิจอื่นๆ ให้ใช้เฉพาะชื่อของธุรกิจ และไม่ใส่ชื่อของแบรนด์ที่จำหน่ายซึ่งไม่สามารถมีข้อมูลธุรกิจสำหรับสถานที่ตั้งนี้ได้
- ไม่ยอมรับ: "มนตรีอิเล็กทรอนิกส์/โซนี่", "ยางอะไหล่บีควิก/ไฟร์สโตน"
- ยอมรับ: "มนตรีอิเล็กทรอนิกส์", "ยางอะไหล่บีควิก"
อย่างไรก็ตาม หากธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการของผลิตภัณฑ์หรือบริการสำหรับแบรนด์นั้นๆ (บางครั้งเรียกว่า "แฟรนไชส์") คุณจะใช้ชื่อแบรนด์นั้นตอนสร้าง Business Profile ได้
- ยอมรับ: "ตัวแทนจำหน่าย Apple อย่างเป็นทางการ", "ศูนย์ตัวแทนจำหน่ายฮอนด้า"
แบรนด์อาหารออนไลน์
แบรนด์อาหารออนไลน์ได้รับอนุญาตแบบมีเงื่อนไข
แบรนด์อาหารที่ตั้งอยู่ร่วมกันซึ่งมีบริการรับสินค้า
- แบรนด์อาหารที่ตั้งอยู่ร่วมกันจะต้องมีป้ายถาวรของแต่ละแบรนด์แยกกัน โดยควรแสดงที่อยู่ไว้ก็ต่อเมื่อให้บริการลูกค้าทั้งหมดแบบรับสินค้าเท่านั้น
- แบรนด์ที่บริการแบบจัดส่งเท่านั้น (ไม่มีตัวเลือกให้รับสินค้า) จากครัวที่ใช้ร่วมกันต้องซ่อนที่อยู่ และเพิ่มพื้นที่ให้บริการของแต่ละแบรนด์เพื่อไม่ให้ลูกค้าสับสน
แบรนด์อาหารที่บริการแบบจัดส่งเท่านั้น
- แบรนด์ที่บริการแบบจัดส่งเท่านั้น (เช่น ร้านอาหารที่ไม่มีหน้าร้าน) จะได้รับอนุญาตหากมีบรรจุภัณฑ์ของแบรนด์และเว็บไซต์ที่ชัดเจน
- ระบบอนุญาตให้มีแบรนด์ที่ไม่มีหน้าร้านหลายแบรนด์ดําเนินกิจการจากสถานที่ตั้งเดียวกันได้ แต่ต้องมีขั้นตอนการยืนยันเพิ่มเติม
- แบรนด์ที่บริการแบบจัดส่งเท่านั้นต้องเพิ่มพื้นที่ให้บริการและซ่อนที่อยู่ใน Business Profile เพื่อไม่ให้ลูกค้าสับสน
- หากพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจใดที่แบรนด์อาหารได้อนุญาตให้ร้านอาหารที่ไม่มีหน้าร้านเป็นผู้ให้บริการอาหารที่ได้รับการยืนยัน ร้านอาหารที่ไม่มีหน้าร้านดังกล่าวอาจจัดการ Business Profile ของแต่ละแบรนด์ที่อนุญาตนั้นได้เมื่อมีการยืนยันการให้สิทธิ์แล้ว
- สถานประกอบการซึ่งเป็นที่ตั้งของแบรนด์ที่บริการแบบจัดส่งเท่านั้น เช่น เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery ได้รับอนุญาตให้มี Business Profile แยกต่างหากเป็นของตนเอง เฉพาะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานบริการเท่านั้นที่สามารถอ้างสิทธิ์และยืนยันโปรไฟล์นี้ได้
การรีแบรนด์
Business Profile อาจมีสิทธิ์เปลี่ยนชื่อแบรนด์ (หมายถึงมีสิทธิ์เปลี่ยนชื่อโดยไม่ต้องสร้าง Business Profile ใหม่) หากเป็นการเปลี่ยนชื่อเพียงเล็กน้อย ไม่ได้เปลี่ยนแปลงคำนามเฉพาะและบริการต่างๆ ตามที่อธิบายไว้ในชื่อธุรกิจ และไม่ได้เปลี่ยนแปลงหมวดหมู่ธุรกิจ
นอกจากนั้น คุณยังอาจมีสิทธิ์เปลี่ยนชื่อแบรนด์หากมีสถานที่หลายแห่ง และมีการเปลี่ยนชื่อธุรกิจ
หากธุรกิจเป็นไปตามเกณฑ์การเปลี่ยนชื่อแบรนด์ข้างต้น คุณจะอัปเดตชื่อธุรกิจได้เมื่อแก้ไขข้อมูลทางธุรกิจ
หากคุณเปลี่ยนชื่อธุรกิจแต่ไม่ตรงกับเกณฑ์ด้านบน ระบบจะถือว่าเป็นธุรกิจใหม่ คุณต้องตั้งสถานะ Business Profile ที่มีอยู่เป็นปิดทำการ แล้วสร้าง Business Profile ใหม่พร้อมด้วยชื่อธุรกิจใหม่ ดูวิธีตั้งสถานะโปรไฟล์เป็นปิดทำการ
หากพบปัญหาเกี่ยวกับการเปลี่ยนชื่อแบรนด์ โปรดติดต่อทีมสนับสนุน
เคล็ดลับ: หากต้องการเป็นเจ้าของ Business Profile ของบุคคลอื่น คุณจะต้องให้เจ้าของรายเดิมเพิ่มคุณเป็นเจ้าของ แล้วโอนสิทธิ์การเป็นเจ้าของให้คุณ
หน่วยงานย่อยภายในธุรกิจ มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล และสถานที่ราชการจะแสดงข้อมูลธุรกิจของตัวเองใน Google ได้
ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และผู้ให้บริการสาธารณสุขมีหลักเกณฑ์แบบเฉพาะเจาะจงแยกต่างหาก เริ่มต้นใช้งาน Business Profile สำหรับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และผู้ให้บริการสาธารณสุข
หน่วยงานย่อยที่ดำเนินกิจการในเบื้องหน้าและแยกเป็นอิสระควรจะมีหน้าเว็บเป็นของตัวเอง ชื่อของแต่ละหน่วยงานย่อยต้องแตกต่างจากชื่อของหน่วยงานหลักและหน่วยงานย่อยอื่นๆ โดยทั่วไปหน่วยงานดังกล่าวจะมีช่องทางติดต่อลูกค้าแยกต่างหากและควรจะมีหมวดหมู่เฉพาะของตัวเองด้วย บางครั้งช่วงเวลาทำการอาจแตกต่างจากธุรกิจหลัก
- ยอมรับ (ในฐานะ Business Profile แยก):
- "คาเฟ่อเมซอนของปตท."
- "Puff & Pie การบินไทย"
- "ศูนย์หนังสือจุฬา"
- ไม่ยอมรับ (ในฐานะ Business Profile แยก):
- ส่วนผลิตภัณฑ์ Apple ของร้าน Power Buy
- ฟู้ดคอร์ตภายในท็อปส์มาร์เก็ต
สำหรับแต่ละหน่วยงานย่อย หมวดหมู่ที่สื่อถึงหน่วยงานย่อยนั้นมากที่สุดต้องแตกต่างจากหมวดหมู่ของธุรกิจหลักและของหน่วยงานย่อยอื่นๆ
- ธุรกิจหลัก "ไทยพาณิชย์" มีหมวดหมู่เป็น "ธนาคาร" ขณะที่หน่วยงานย่อยอย่าง "สินเชื่อไทยพาณิชย์" มีหมวดหมู่เป็น "ที่ปรึกษาด้านการเงิน"
- ธุรกิจหลักอย่าง "โตโยต้าราชพฤกษ์" มีหมวดหมู่เป็น "ตัวแทนจำหน่ายโตโยต้า" ขณะที่ "ศูนย์บริการและอะไหล่โตโยต้าราชพฤกษ์" มีหมวดหมู่เป็น "ร้านซ่อมรถยนต์" (รวมถึงหมวดหมู่ "ร้านอะไหล่รถยนต์")
- ธุรกิจหลัก "โออิชิ" มีหมวดหมู่เป็น "ร้านอาหาร" ขณะที่หน่วยงานย่อย "โออิชิเบเวอเรจ" มีหมวดหมู่เป็น "เครื่องดื่ม" และหน่วยงานย่อย "โออิชิเบรคแอนด์ฟาสต์ แซนด์วิช" มีหมวดหมู่เป็น "ของทานเล่น"
ผู้ประกอบวิชาชีพรายบุคคลคือผู้เชี่ยวชาญที่ดำเนินกิจการในลักษณะที่ต้องพบปะผู้คน และมักจะมีฐานลูกค้าเป็นของตนเอง แพทย์ ทันตแพทย์ ทนายความ นักวางแผนการเงิน และเจ้าหน้าที่ประกันหรืออสังหาริมทรัพย์ ล้วนแต่จัดเป็นผู้ประกอบวิชาชีพรายบุคคล Business Profile ของผู้ประกอบวิชาชีพรายบุคคลนี้อาจใส่ตำแหน่งหรือชื่อปริญญา (เช่น ดร., ศษ.ด., น.บ., บช.บ. เป็นต้น) ไว้ด้วยก็ได้
ผู้ประกอบวิชาชีพรายบุคคลควรสร้าง Business Profile เฉพาะของตนเองในกรณีต่อไปนี้
- ดำเนินกิจการแบบต้องพบปะผู้คน พนักงานที่ทํางานสนับสนุนไม่ควรสร้าง Business Profile ของตนเอง
- ติดต่อได้โดยตรงในสถานที่ที่ได้รับการยืนยันในช่วงเวลาทำการที่ระบุ
ผู้ประกอบวิชาชีพรายบุคคลไม่ควรมีข้อมูลธุรกิจหลายรายการเพื่อให้ครอบคลุมงานที่เชี่ยวชาญทั้งหมด พนักงานขายหรือตัวแทนการสร้างลูกค้าเป้าหมายขององค์กรไม่ใช่ผู้ประกอบวิชาชีพรายบุคคลและไม่ได้รับสิทธิ์ให้สร้าง Business Profile
ผู้ประกอบวิชาชีพหลายคนในสถานที่ตั้งเดียว
หากผู้ประกอบวิชาชีพเป็นหนึ่งในผู้ประกอบวิชาชีพที่ดำเนินกิจการในลักษณะที่ต้องพบปะผู้คนหลายรายในสถานที่เดียวกัน
- หน่วยงานควรสร้างข้อมูลธุรกิจสำหรับสถานที่นี้แยกจากข้อมูลของผู้ประกอบวิชาชีพ
- ชื่อของข้อมูลธุรกิจสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพควรมีเฉพาะชื่อของผู้ประกอบวิชาชีพเท่านั้น และไม่ควรมีชื่อของหน่วยงานรวมอยู่
ผู้ประกอบวิชาชีพรายเดียวซึ่งอยู่ภายใต้หน่วยงานที่มีแบรนด์
หากผู้ประกอบวิชาชีพเป็นผู้ประกอบวิชาชีพที่ดำเนินกิจการในลักษณะที่ต้องพบปะผู้คนเพียงรายเดียวในสถานที่ตั้งหนึ่งและเป็นตัวแทนของหน่วยงานที่มีแบรนด์ ผู้ประกอบวิชาชีพควรใช้ Business Profile ร่วมกับหน่วยงานดังกล่าว สร้าง Business Profile รายการเดียว โดยตั้งชื่อในรูปแบบ [แบรนด์/บริษัท]: [ชื่อผู้ประกอบวิชาชีพ]
ยอมรับ: "สำนักงานกฎหมายรุ่งเรือง: อเนก อเนกอนันต์" (หากในสถานที่ตั้งของแบรนด์สำนักงานกฎหมายรุ่งเรืองมีเพียงอเนกที่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพที่ดำเนินกิจการในลักษณะที่ต้องพบปะผู้คน)
การตลาด โปรโมชัน หรือการแข่งขันอื่นๆ
โปรโมชัน การตลาด การแข่งขัน หรือการให้เปล่าอื่นๆ ควรลิงก์ไปยังข้อกำหนดของกิจกรรมดังกล่าวอย่างชัดเจน รวมถึงแจ้งหลักเกณฑ์และคุณสมบัติไว้อย่างชัดเจนด้วย คุณจะต้องปฏิบัติตามคำสัญญาดังกล่าวทั้งหมดที่ให้ไว้หรือสื่อเป็นนัย
ข้อสำคัญ: Google ขอสงวนสิทธิ์ในการระงับสิทธิ์ของบุคคลหรือธุรกิจที่ละเมิดหลักเกณฑ์เหล่านี้ไม่ให้เข้าถึง Business Profile ใน Google หรือบริการอื่นๆ ของ Google และอาจประสานงานกับเจ้าหน้าที่กฎหมายในกรณีที่การละเมิดนั้นผิดกฎหมาย