Google แปลเนื้อหาในศูนย์ช่วยเหลือไว้หลายภาษา โดยไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะเปลี่ยนแปลงเนื้อหาของนโยบาย อย่างไรก็ตาม เวอร์ชันทางการที่เราบังคับใช้นโยบายคือเวอร์ชันภาษาอังกฤษ หากต้องการดูบทความนี้ในภาษาอื่น โปรดเลือกภาษาจากเมนูแบบเลื่อนลงท้ายหน้า
ผู้ใช้ Display & Video 360 ต้องปฏิบัติตามนโยบายของ Google Ads โปรดดูข้อจํากัดเพิ่มเติมที่ศูนย์ช่วยเหลือของ Display & Video 360
สําหรับคําบรรยายในภาษาของคุณ ให้เปิดคำบรรยายวิดีโอใน YouTube เลือกไอคอนการตั้งค่า ที่ด้านล่างของวิดีโอเพลเยอร์ จากนั้นเลือก "คําบรรยาย" แล้วเลือกภาษา
เราให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้ใช้ที่มีต่อทุกผลิตภัณฑ์ของ Google ดังนั้นเราจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยซึ่งผู้ใช้สามารถเชื่อถือในเครือข่ายโฆษณาของ Google ได้ เมื่อผู้ใช้คลิกโฆษณาแล้วมีการนำทางไปที่หน้า Landing Page เราจะทำให้แน่ใจว่ามีการมอบประสบการณ์โดยรวมที่ดี เรามีนโยบายข้อกำหนดสำหรับปลายทางที่กำหนดให้หน้า Landing Page เหล่านี้ใช้งานได้ มีประโยชน์ และไปยังส่วนต่างๆ ได้ง่าย ซึ่งยังส่งผลดีต่อผู้ลงโฆษณาอีกด้วย เนื่องจาก Google Ads ช่วยให้คุณมั่นใจว่าแบรนด์จะมอบประสบการณ์ที่ดีในระบบนิเวศของโฆษณา
ในหน้านี้:
- ปลายทางใช้งานไม่ได้
- ปลายทางไม่สอดคล้องกัน
- ระบบไม่สามารถทำการ Crawl ปลายทางได้
- ไม่สามารถเข้าถึงปลายทางได้
- ประสบการณ์การเข้าถึงปลายทาง
- เนื้อหาที่ไม่เป็นแบบฉบับของตัวเองเพียงพอ
- การละเมิดนโยบายของ App Store หรือเว็บสโตร์
- URL ที่ไม่ยอมรับ
- แอปที่ไม่รู้จัก
- หมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่ได้รับการยืนยัน
- หมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่อนุมัติ
- ขั้นตอนการลบล้าง User Agent ด้วยเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาเว็บใน Chrome
Google กำหนดให้ปลายทางและเนื้อหาของโฆษณาทำงานได้ในเบราว์เซอร์และอุปกรณ์ทั่วไปเพื่อให้สามารถนำผู้ใช้ไปยังปลายทางของโฆษณาที่ใช้งานได้
โปรดตรวจสอบให้ปลายทางของโฆษณาทำงานได้สำหรับ Google AdsBot Web Crawler และไม่ได้แสดงผลเป็นข้อผิดพลาดด้านปลายทาง (เช่น โค้ดตอบกลับข้อผิดพลาดของ HTTP) ทั้งหมด URL แบบขยายที่คุณเห็นใน Google Ads UI คือปลายทางของโฆษณาสำหรับโฆษณาของคุณ ซึ่งเป็น URL โฆษณาที่ประกอบแบบเต็มซึ่งรวม URL สุดท้ายเข้ากับเทมเพลตการติดตามใดๆ (หากมี) และพารามิเตอร์ใดๆ (หากมี)
สถานการณ์ต่อไปนี้จะทำให้ระบบไม่อนุมัติเนื่องจากปลายทางใช้งานไม่ได้
ปลายทางที่ทำงานไม่ถูกต้องหรือตั้งค่าไว้ไม่ถูกต้อง
- ตัวอย่าง: "เกิดข้อผิดพลาดที่นำคุณมายังหน้าเว็บนี้" "ขออภัย หน้าเว็บนี้ไม่มีข้อมูลใดๆ" "เว็บไซต์ยังอยู่ระหว่างการปรับปรุง"
ปลายทางที่แสดงผลเป็นรหัสข้อผิดพลาดของ HTTP สำหรับ Google AdsBot Web Crawler ในอุปกรณ์ทั่วไปทั้งหมด
- ตัวอย่าง: เว็บไซต์ที่แสดงผลเป็นโค้ดตอบกลับข้อผิดพลาดของ HTTP เกี่ยวกับเซิร์ฟเวอร์หรือไคลเอ็นต์ ซึ่งได้แก่ 403 Forbidden, 404 Not Found หรือ 500 Internal Server Error ในเบราว์เซอร์และอุปกรณ์ทั่วไปตาม Google AdsBot Web Crawler
สําหรับคําบรรยายในภาษาของคุณ ให้เปิดคำบรรยายวิดีโอใน YouTube เลือกไอคอนการตั้งค่า ที่ด้านล่างของวิดีโอเพลเยอร์ จากนั้นเลือก "คําบรรยาย" แล้วเลือกภาษา
เข้าใจว่าเหตุใดโฆษณาของคุณจึงไม่ได้รับอนุมัติ
ขั้นตอนที่ 1 จาก 3: ระบุข้อผิดพลาดปลายทาง
1.1 ตรวจสอบ URL ที่คุณป้อน ตรวจสอบว่า URL ของหน้า Landing Page, URL คีย์เวิร์ด, URL ติดตามแบบไดนามิก และ URL ของ Deep Link ถูกต้องและไม่มีการสะกดผิด
1.2 ตรวจสอบว่าปลายทางของโฆษณาทำงานอย่างเหมาะสม
- เว็บไซต์และแอป: ตรวจสอบว่าโฆษณาของคุณนำไปสู่แอปหรือเว็บไซต์ที่แสดงผลเป็นโค้ดตอบกลับ HTTP 200 ทั้งหมด
- แม้แอปหรือเว็บไซต์จะโหลดสําเร็จในฝั่งของคุณ แต่แอปหรือเว็บไซต์ต้องไม่แสดงผลข้อผิดพลาดปลายทางใดๆ (เช่น รหัสข้อผิดพลาดของ HTTP) เมื่อเข้าถึงโดย Google AdsBot Web Crawler (User Agent)
- ตรวจสอบปลายทางของโฆษณาในเบราว์เซอร์และอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าโฆษณาลิงก์ไปยังเว็บไซต์หรือแอปที่ใช้งานได้ ทั้งนี้ แอปสามารถโปรโมตได้ในพื้นที่ที่เปิดให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันนี้เท่านั้น
- โฆษณาเพื่อการมีส่วนร่วมในแอป: ตรวจสอบว่าคุณได้สร้าง URL ของ Deep Link อย่างถูกต้อง และไม่ได้ใช้เครื่องมือติดตามของบุคคลที่สาม เนื่องจากในตอนนี้ระบบยังไม่รองรับสำหรับโฆษณาเพื่อการมีส่วนร่วมในแอป
- โฆษณาโปรโมตแอป: ตรวจสอบว่าเครื่องมือติดตามของบุคคลที่สามเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้ไปยังแอปที่ถูกต้องใน App Store ที่เหมาะสม
1.3 วางเมาส์ไว้เหนือโฆษณาที่ไม่ได้รับอนุมัติใน Google Ads UI เพื่อดูรายละเอียดของเหตุผลที่ทำให้ไม่อนุมัติ
เช่น โฆษณานี้ไม่ได้รับอนุมัติเนื่องจาก URL แบบขยายแสดงผลเป็นข้อผิดพลาด HTTP 404 เมื่อ Google AdsBot เข้าถึงเว็บไซต์นี้ในอุปกรณ์เดสก์ท็อป
หมายเหตุ: คุณไม่สามารถโปรโมตแอปในพื้นที่ที่ไม่พร้อมให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันนี้
ขั้นตอนที่ 2 จาก 3: ทำความเข้าใจข้อผิดพลาดปลายทาง
สาเหตุทั่วไปที่ทำให้ไม่ได้รับอนุมัติเนื่องจากปลายทางใช้งานไม่ได้มีดังนี้
การตอบกลับของ HTTP 4xx และการตอบกลับของ HTTP 5xx: เซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์เว็บไซต์แสดงข้อผิดพลาดของ HTTP ทำให้เราเข้าถึงเนื้อหาไม่ได้ เช่น คุณให้ URL ไม่ถูกต้อง (นั่นก็คือมีข้อผิดพลาดใน URL) และปลายทางแสดงผลเป็นข้อผิดพลาด "ไม่พบหน้าเว็บ (404)" เมื่อเข้าถึงโดย Google AdsBot Web Crawler
ข้อผิดพลาด DNS: เราไม่สามารถแปลชื่อโฮสต์ของเซิร์ฟเวอร์ของคุณเป็นที่อยู่ IP จึงไม่สามารถเข้าถึงหน้าเว็บนั้นได้
URL เปลี่ยนเส้นทางยาวเกินไป, URL เปลี่ยนเส้นทางว่างเปล่า หรือมี URL เปลี่ยนเส้นทางที่ไม่ดี: URL เปลี่ยนเส้นทางที่เซิร์ฟเวอร์ของคุณแสดงผลนั้นไม่ถูกต้อง ทำให้เราไม่สามารถเปลี่ยนเส้นทางตาม URL ได้
IP ส่วนตัว: เว็บไซต์ได้รับการปกป้องด้วยไฟร์วอลล์หรือเราเตอร์ ทำให้เราเข้าถึงเว็บไซต์ไม่ได้
การตอบกลับ HTTP มีรูปแบบไม่ถูกต้อง: ระบบไม่สามารถอ่านการตอบกลับจากเซิร์ฟเวอร์ของคุณได้
หมดเวลาในการอ่านหน้าเว็บ: เซิร์ฟเวอร์ใช้เวลาในการแสดงผลหน้าเว็บนานเกินไป และเราได้ยกเลิกทำการ Crawl ของผลิตภัณฑ์นั้น
เซิร์ฟเวอร์เปลี่ยนเส้นทางบ่อยเกินไป: เซิร์ฟเวอร์เปลี่ยนเส้นทางการ Crawl หลายครั้ง ทำให้ต้องยกเลิกการดำเนินการ
หน้าเว็บต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์: URL ที่ระบุได้รับการปกป้องด้วยโปรโตคอลการตรวจสอบสิทธิ์บางประเภทที่ป้องกันไม่ให้ Google เข้าถึงเนื้อหา
(ตัวเลือกเสริม) ขั้นตอนที่ 3 จาก 3: ตรวจสอบว่า URL ใช้งานได้กับ Google AdsBot Web Crawler โดยใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาเว็บใน Chrome
หลังจากระบุเหตุผลที่ทำให้ไม่ได้รับอนุมัติได้แล้ว คุณสามารถตรวจสอบว่า URL ใช้งานได้กับ Google AdsBot Web Crawler วิธีการคือให้เข้าถึงเว็บไซต์นี้โดยใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาเว็บใน Chrome กับชุดสตริง User Agent เป็น Google AdsBot คลิกที่นี่เพื่อดูวิธีลบล้าง User Agent ด้วยเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาเว็บใน Chrome
ตัวเลือกในการแก้ไขปัญหา
ตรวจสอบ URL ที่คุณป้อน
ตรวจสอบให้ปลายทางของโฆษณามีความถูกต้องและไม่มีการสะกดผิด
แก้ไขปลายทางหรือข้อผิดพลาดของ HTTP
ตรวจสอบให้ปลายทางของโฆษณาไม่ได้แสดงผลเป็นข้อผิดพลาดด้านปลายทาง (เช่น รหัสข้อผิดพลาดของ HTTP) เมื่อทำการ Crawl ด้วย Google AdsBot Web Crawler หากไม่สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดปลายทาง โปรดติดต่อขอความช่วยเหลือจากนักพัฒนาเว็บว่าแอปหรือเว็บไซต์ไม่ควรแสดงผลเป็นข้อผิดพลาดด้านปลายทาง (เช่น รหัสข้อผิดพลาดของ HTTP) เมื่อทำการ Crawl ด้วย Google AdsBot หรือลองใช้ปลายทางอื่นที่ไม่แสดงผลเป็นข้อผิดพลาดด้านปลายทาง แก้ไข URL สุดท้ายของโฆษณาให้นำไปที่ส่วนอื่นของเว็บไซต์หรือแอปที่ไม่ได้ละเมิดนโยบาย แล้วบันทึกโฆษณาเพื่อให้เราตรวจสอบอีกครั้ง
อุทธรณ์คำตัดสินเกี่ยวกับนโยบาย
หากคุณคิดว่าเราตรวจสอบผิดพลาดหรือคุณได้แก้ไขปลายทางแล้ว ให้อุทธรณ์คำตัดสินเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าวโดยตรงจากบัญชี Google Ads เพื่อขอให้ตรวจสอบ เราจะอนุมัติโฆษณาของคุณหลังจากยืนยันได้ว่าปลายทางใช้งานได้
หากคุณแก้ไขการละเมิดเหล่านี้ไม่ได้หรือเลือกที่จะไม่แก้ไข โปรดนำโฆษณาออกเพื่อป้องกันไม่ให้บัญชีถูกระงับในอนาคตเนื่องจากมีโฆษณาที่ไม่ได้รับอนุมัติมากเกินไป
Google กำหนดให้โฆษณาต้องแสดงข้อมูลอย่างถูกต้องแม่นยำเกี่ยวกับแอปหรือเว็บไซต์ที่นำทางผู้ใช้ไปเมื่อคลิกโฆษณา
หมายเหตุ: ตรวจสอบว่า URL ที่แสดงมีความสอดคล้องกับหน้าเว็บที่นำทางผู้ใช้ไป และไม่มีการเปลี่ยนเส้นทางจาก URL สุดท้ายที่จะนำผู้ใช้ไปโดเมนอื่น รวมถึงตรวจสอบว่า "URL แบบขยาย" นำไปที่ URL สุดท้าย
สถานการณ์ต่อไปนี้จะทำให้ระบบไม่อนุมัติเนื่องจากปลายทางไม่สอดคล้องกัน
โดเมนหรือนามสกุลของโดเมนใน URL ที่แสดง ไม่ตรงกันกับ URL สุดท้ายและ URL อุปกรณ์เคลื่อนที่ที่นำทางผู้ใช้ไป
- ตัวอย่าง: URL ที่แสดง: google.com และ URL สุดท้าย: example.com; URL ที่แสดงโฆษณา: example.com และ URL สุดท้ายของคีย์เวิร์ด: example.org; การใช้ฟีเจอร์การแทรกคีย์เวิร์ดในโดเมนระดับบนสุดหรือระดับที่ 2 ของ URL ที่แสดง เช่น "www.{keyword}.com"
การไม่ใช้โดเมนย่อยเพื่อแยกความแตกต่างระหว่างเว็บไซต์ที่ต้องการกับเว็บไซต์อื่นๆ ที่โฮสต์บนโดเมนนั้นหรือกับโดเมนหลัก
- ตัวอย่าง: URL ที่แสดง: blogspot.com กับ URL สุดท้าย: mycompany.blogspot.com
หมายเหตุ: ไม่จำเป็นต้องมีโดเมนย่อยถ้าโดเมนนั้นใช้สำหรับบริษัทเพียงบริษัทเดียว
การเปลี่ยนเส้นทางจาก URL สุดท้ายที่นำผู้ใช้ไปยังโดเมนอื่น
- ตัวอย่าง: URL สุดท้าย http://example.com เปลี่ยนเส้นทางไปที่ http://example2.com
เทมเพลตการติดตาม หรือ URL แบบขยายซึ่งไม่นำไปที่เนื้อหาเดียวกับ URL สุดท้าย
- ตัวอย่าง: URL สุดท้ายนำไปที่หน้าหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ แต่เทมเพลตการติดตามหรือ URL แบบขยายนำผู้ใช้ไปที่หน้าผลิตภัณฑ์; URL สุดท้าย: example.com/clothes แต่เทมเพลตการติดตามนำไปที่ example.com/clothes/shirts
เข้าใจว่าเหตุใดโฆษณาของคุณจึงไม่ได้รับอนุมัติ
วางเมาส์ไว้เหนือโฆษณาที่ไม่ได้รับอนุมัติเนื่องจากปลายทางไม่สอดคล้องกัน เพื่อตรวจสอบเหตุผลที่ทำให้ไม่ได้รับอนุมัติเนื่องจากไม่สอดคล้องกัน
สาเหตุทั่วไปที่ทำให้ไม่ได้รับอนุมัติเนื่องจากปลายทางไม่สอดคล้องกันมีดังนี้
- URL สุดท้ายที่ทำการ Crawl ไม่ตรงกับ URL สุดท้ายที่คาดไว้: เมื่อ URL สุดท้ายมีการเปลี่ยนเส้นทางนอกโดเมนนำผู้ใช้ไปที่โดเมนอื่น
- URL ที่แสดงไม่ตรงกับ URL สุดท้าย: เมื่อเว็บไซต์หรือแอปที่แสดงในโฆษณา (URL ที่แสดง) ไม่ตรงกับเว็บไซต์หรือแอปที่ผู้ใช้ถูกนำไปเมื่อคลิกโฆษณา (หน้า URL สุดท้าย)
- เทมเพลตการติดตามไม่เปลี่ยนเส้นทางตาม URL สุดท้าย: เมื่อเทมเพลตการติดตามไม่นำผู้ใช้ไปที่เนื้อหาเดียวกันกับ URL สุดท้าย ความแตกต่างใดๆ ใน URL ที่เกิดจากเทมเพลตการติดตาม รวมถึงพารามิเตอร์และโดเมนย่อย อาจนำผู้ใช้ไปยังเนื้อหาที่ไม่ตรงกับ URL สุดท้าย
ตัวเลือกในการแก้ไขปัญหา
แก้ไขปลายทางไม่สอดคล้องกัน
ตรวจสอบว่า URL ที่แสดงมีความสอดคล้องแม่นยำกับตำแหน่งที่นำทางผู้ใช้ไป และไม่มีการเปลี่ยนเส้นทางจาก URL สุดท้ายที่จะนำผู้ใช้ไปโดเมนอื่น อีเมลแจ้งการไม่อนุมัติและการวางเมาส์ไว้เหนือโฆษณาจะแสดงโดเมนที่โฆษณานำไปเมื่อตรวจสอบ และคุณสามารถใช้ Search Console ในการตรวจสอบหน้า Landing Page สุดท้ายของ URL เพื่อให้แน่ใจว่าโดเมนที่ผู้ใช้จะไปถึงนั้นตรงกับโดเมนของ URL ที่แสดง นโยบายนี้มีผลกับ URL คีย์เวิร์ดที่ไม่ตรงกับ URL ที่แสดง ดูวิธีแก้ไข URL คีย์เวิร์ด หากใช้เทมเพลตการติดตาม ให้ตรวจสอบว่าเทมเพลตการติดตามและ URL แบบขยายนำไปที่เนื้อหาเดียวกันกับ URL สุดท้าย
โปรดทราบว่าการเปลี่ยนแปลงที่ทำต่อเทมเพลตการติดตามที่ระดับโฆษณา คีย์เวิร์ด หรือไซต์ลิงก์จะได้รับการตรวจสอบโดยอัตโนมัติ แต่หากสร้างเทมเพลตการติดตามสำหรับทั้งกลุ่มโฆษณา แคมเปญ หรือบัญชี คุณจะต้องขอรับการตรวจสอบเมื่อแก้ไขเทมเพลตแล้ว
แก้ไข URL เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบาย เมื่อคุณแก้ไขและบันทึกโฆษณาแล้ว ระบบจะส่งโฆษณานั้นไปตรวจสอบ เราจะอนุมัติโฆษณาของคุณหลังจากยืนยันได้ว่าปลายทางของโฆษณาเป็นไปตามข้อกำหนด
อุทธรณ์คำตัดสินเกี่ยวกับนโยบาย
หากคุณคิดว่าเราตรวจสอบผิดพลาดหรือคุณได้แก้ไขปลายทางแล้ว ให้อุทธรณ์คำตัดสินเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าวโดยตรงจากบัญชี Google Ads เพื่อขอให้ตรวจสอบ หลังจากเราตรวจสอบยืนยันแล้วว่าปลายทางเป็นไปตามข้อกำหนด เราจะให้อนุมัติแก่โฆษณาของคุณ
หากคุณแก้ไขการละเมิดเหล่านี้ไม่ได้หรือเลือกที่จะไม่แก้ไข โปรดนำโฆษณาออกเพื่อป้องกันไม่ให้บัญชีถูกระงับในอนาคตเนื่องจากมีโฆษณาที่ไม่ได้รับอนุมัติมากเกินไป
Google กําหนดให้เนื้อหาและปลายทางของโฆษณาใช้งานได้กับ Google Ads Bot Crawler เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะนําผู้ใช้ไปยังปลายทางของโฆษณาที่สอดคล้องกับถึงโฆษณาที่ผู้ใช้คลิก
สถานการณ์ต่อไปนี้จะทำให้ระบบไม่อนุมัติเนื่องจากระบบไม่สามารถทำการ Crawl ปลายทางได้
ปลายทางที่ Google Ads ไม่สามารถทำการ Crawl ได้
- ตัวอย่าง: การใช้ไฟล์การยกเว้น (เช่น "robots.txt") เพื่อจำกัดการเข้าถึงเว็บไซต์ทุกส่วนหรือเนื้อหาส่วนใหญ่ของเว็บไซต์ การจำกัดปริมาณการ Crawl ในสัดส่วนที่ไม่เหมาะสมสำหรับโฆษณาบางรายการที่ส่ง
หมายเหตุ: แม้ว่าคุณจะไม่ได้บล็อก Google Ads จากการ Crawl เนื้อหา แต่คุณก็อาจจำกัดประสิทธิภาพของการ Crawl โดยไม่ตั้งใจ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงหากคุณส่งโฆษณาจำนวนมากไปให้ Google เมื่อเร็วๆ นี้ หากคุณใช้เครื่องมือติดตามคลิกสำหรับโฆษณา โปรดตรวจสอบว่าเครื่องมือนั้นส่งผลต่อปริมาณการ Crawl หรือไม่ หากเว็บไซต์มีปริมาณการ Crawl ไม่เพียงพอ ให้ลองแบ่งการส่งโฆษณาออกเป็นกลุ่มที่เล็กลงโดยกระจายเป็นหลายๆ วัน
ตัวเลือกในการแก้ไขปัญหา
อนุญาตให้ Google AdsBot Web Crawler เข้าถึงปลายทางของโฆษณา
ตรวจสอบการตั้งค่าเว็บไซต์หรือแอปว่าไม่ได้จำกัด Google Ads จากการ Crawl เนื้อหาโดยใช้ไฟล์การยกเว้น (เช่น "robots.txt")
ไฟล์ Robots.txt คืออะไร
ไฟล์ robots.txt จะบอก Crawler ของเครื่องมือค้นหาว่า URL ใดในเว็บไซต์ที่ Crawler เข้าทำการ Crawl ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Google แปลผลข้อกำหนด robots.txt ที่นี่ สาเหตุทั่วไปของปัญหาที่ทำให้ระบบไม่สามารถทำการ Crawl ปลายทางได้เนื่องจาก Robots.txt มีดังนี้
- robots.txt ของเซิร์ฟเวอร์ไม่อนุญาตให้เข้าถึง: คุณได้เพิ่มไฟล์ "robots.txt" ลงในเซิร์ฟเวอร์และห้ามไม่ให้มีการเข้าถึงเพื่อทำการ Crawl เราไม่สามารถทำการ Crawl จากหน้าเว็บที่มีไฟล์และข้อห้ามประเภทนี้ โปรดแก้ปัญหานี้โดยกําหนดค่าไฟล์ "robots.txt" เพื่ออนุญาตให้เราทำการ Crawl
- เข้าถึง robots.txt ของเซิร์ฟเวอร์ไม่ได้และหมดเวลาในการอ่าน robots.txt: เราอ่านไฟล์ robots.txt ไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถทำการ Crawl จากหน้าเว็บ
ดูวิธีอัปเดตไฟล์ robot.txt ที่นี่
ตรวจสอบว่าคุณไม่ได้ใช้ไฟล์การยกเว้น (เช่น "robots.txt") เพื่อจำกัดการเข้าถึงเว็บไซต์ทั้งหมดหรือเนื้อหาส่วนใหญ่ของเว็บไซต์ นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้ Google Search Console เพื่อดูวิธีทำให้ระบบเข้าถึงหน้าเว็บได้ และตรวจสอบข้อผิดพลาดจากการ Crawl หรือหากคุณได้ตั้งค่าอัตราการ Crawl ไว้ต่ำ หากคุณใช้เครื่องมือติดตามคลิกสำหรับโฆษณา โปรดตรวจสอบว่าเครื่องมือนั้นส่งผลต่อปริมาณการ Crawl หรือไม่ หากคุณไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ ให้แจ้งนักพัฒนาเว็บของคุณว่าแอปหรือเว็บไซต์ควรเข้าถึงได้โดย Google AdsBot Web Crawler
หากคุณคิดว่าเราตรวจสอบผิดพลาดหรือคุณได้แก้ไขปลายทางแล้ว ให้อุทธรณ์คำตัดสินเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าวโดยตรงจากบัญชี Google Ads เพื่อขอให้ตรวจสอบ หลังจากเราตรวจสอบยืนยันแล้วว่าปลายทางเป็นไปตามข้อกำหนด เราจะให้อนุมัติแก่โฆษณาของคุณ
เลือกปลายทางอื่น
อีกวิธีหนึ่งคือการลองใช้ปลายทางอื่นที่เป็นไปตามข้อกำหนด แก้ไข URL สุดท้ายของโฆษณาให้นำไปที่ส่วนอื่นของเว็บไซต์หรือแอปที่ไม่ได้ละเมิดนโยบาย แล้วบันทึกโฆษณาเพื่อให้เราตรวจสอบอีกครั้ง
หากคุณแก้ไขการละเมิดเหล่านี้ไม่ได้หรือเลือกที่จะไม่แก้ไข โปรดนำโฆษณาออกเพื่อป้องกันไม่ให้บัญชีถูกระงับในอนาคตเนื่องจากมีโฆษณาที่ไม่ได้รับอนุมัติมากเกินไป
ไม่สามารถเข้าถึงปลายทางได้
Google กำหนดให้โฆษณาต้องเข้าถึงได้ในสถานที่เป้าหมาย
สถานการณ์ต่อไปนี้จะทำให้ระบบไม่อนุมัติเนื่องจากระบบไม่สามารถเข้าถึงปลายทาง
ปลายทางที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ในสถานที่เป้าหมาย
- ตัวอย่าง (โดยสังเขป): เว็บไซต์ที่แสดงข้อความจํากัดการเข้าถึงตามตําแหน่งในสถานที่เป้าหมาย (เช่น "เว็บไซต์นี้ไม่สามารถเข้าถึงได้ในสถานที่ของคุณ") เว็บไซต์ที่แสดงข้อความอื่นๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อจํากัดการเข้าถึงในสถานที่เป้าหมาย (เช่น "คุณไม่มีสิทธิ์เข้าถึงหน้านี้")
ตรวจสอบว่าปลายทางหรือเนื้อหาของโฆษณา (รวมถึงป๊อปอัป) ใช้งานง่าย และไม่มีประสบการณ์การใช้งานที่ไม่เหมาะสมที่ออกแบบเว็บไซต์ให้เข้าใจผิด และตรวจสอบว่าปลายทางของโฆษณาไม่ได้มีการเริ่มการดาวน์โหลดโดยตรงหรือนำไปที่อีเมลหรือไฟล์ (ดูรายการด้านล่าง)
- ป๊อปอัปที่กำหนดเวลา
- ป๊อปอัปที่ปิดตัวเอง
- ป๊อปอัปที่ปรากฏขึ้นเป็นระยะ
- ป๊อปอัปที่สร้างขึ้นจากตัวโฆษณา
- ป๊อปอัปดาวน์โหลด
- ป๊อปอันเดอร์
เราอนุญาตให้ใช้โฆษณาคั่นระหว่างหน้าตราบใดที่ไม่ขัดขวางการออกจากเว็บไซต์ของผู้ใช้ แม้ว่าจะคล้ายกับป๊อปอัป แต่โฆษณาคั่นระหว่างหน้าที่ยอมรับได้คือภาพกราฟิกที่ปรากฏภายในหน้า Landing Page โดยไม่เปิดหน้าต่างเบราว์เซอร์ใหม่ และไม่ขัดขวางผู้ใช้ที่ต้องการออกจากเว็บไซต์หรือแอป
สถานการณ์ต่อไปนี้จะทำให้ระบบไม่อนุมัติเนื่องจากประสบการณ์การเข้าถึงปลายทาง
ปลายทางหรือเนื้อหาที่ผู้ใช้ไปยังส่วนต่างๆ ได้ยากหรือไม่สะดวกโดยไม่จำเป็น
- ตัวอย่าง เว็บไซต์ที่มีป๊อปอัปหรือโฆษณาคั่นระหว่างหน้าที่ขัดขวางการดูเนื้อหาที่ผู้ใช้ต้องการ เว็บไซต์ที่ปิดใช้หรือขัดขวางการทำงานของปุ่มย้อนกลับของเบราว์เซอร์ เว็บไซต์ที่ไม่สามารถโหลดอย่างรวดเร็วในเบราว์เซอร์และอุปกรณ์ยอดนิยมส่วนใหญ่ หรือเว็บไซต์ที่ต้องมีการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นจึงจะสามารถดูหน้า Landing Page ได้ (นอกเหนือจากปลั๊กอินเบราว์เซอร์ทั่วไป)
ลิงก์ที่เริ่มต้นการดาวน์โหลดโดยตรงจากโฆษณาหรือนำไปยังอีเมลหรือไฟล์
- ตัวอย่าง: รูปภาพ วิดีโอ เสียง เอกสาร
หมายเหตุ: ผู้ลงโฆษณายาได้รับอนุญาตให้ใช้หน้า Landing Page แบบ PDF ซึ่งต้องมีการเตือนว่าหน้า Landing Page แบบ PDF ได้รับอนุมัติแล้วสำหรับโฆษณา/บัญชีที่ได้รับอนุญาตให้แสดงเนื้อหาเกี่ยวกับยา
ปลายทางที่มีประสบการณ์การใช้งานที่ไม่เหมาะสม
- ตัวอย่าง: เว็บไซต์ที่เปลี่ยนเส้นทางหน้าเว็บโดยอัตโนมัติโดยที่ผู้ใช้ไม่ได้ดำเนินการ เว็บไซต์ที่มีโฆษณาที่ดูคล้ายกับคำเตือนของระบบหรือของเว็บไซต์ หรือข้อความแสดงข้อผิดพลาด
ปลายทางที่มีประสบการณ์การใช้งานโฆษณาที่ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานโฆษณาที่ดีกว่า โปรดไปที่เว็บไซต์ของกลุ่มความร่วมมือเพื่อโฆษณาที่ดีกว่า เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทของประสบการณ์การใช้งานโฆษณาที่ไม่อนุญาต
- เช่น: โฆษณาคั่นระหว่างเปิดหน้าแรกที่มีการนับถอยหลัง โฆษณา Sticky ขนาดใหญ่ และโฆษณาภาพเคลื่อนไหวที่รบกวนสายตา
ตัวเลือกในการแก้ไขปัญหา
แก้ไขประสบการณ์การเข้าถึงปลายทางของโฆษณา
ทดสอบว่าปลายทางของโฆษณามอบประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้ใช้ ซึ่งต้องใช้งานง่าย ใช้งานได้ และมีประโยชน์ อุทธรณ์การตัดสินของนโยบายได้โดยตรงจากบัญชี Google Ads เมื่อคุณอัปเดตปลายทางให้เป็นไปตามนโยบายของเราหรือหากคุณคิดว่าเราทำผิดพลาด
หากเว็บไซต์ของคุณมีประสบการณ์การใช้งานที่ไม่เหมาะสม โปรดทำตามวิธีการด้านล่างเพื่อแก้ไขการละเมิด
- ตรวจสอบสถานะของเว็บไซต์ใน Google Search Console
- นำประสบการณ์การใช้งานที่ไม่เหมาะสมออกจากเว็บไซต์
- ทำตามหลักเกณฑ์ในการขอพิจารณาเหล่านี้อีกครั้ง
- หากการตรวจสอบแสดงให้เห็นว่าเว็บไซต์ไม่มีประสบการณ์การใช้งานที่ไม่เหมาะสมแล้ว โฆษณาจะได้รับอนุมัติให้แสดง
หากปลายทางมีประสบการณ์การใช้งานโฆษณาที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานโฆษณาที่ดีกว่า โปรดทำตามวิธีการด้านล่างเพื่อแก้ไขปัญหาการละเมิด
- ตรวจสอบสถานะของปลายทางในรายงานประสบการณ์การใช้งานโฆษณา
- แก้ไขปัญหาประสบการณ์การใช้งานโฆษณาทั้งหมดในปลายทาง
- ทำตามหลักเกณฑ์ในการขอพิจารณาอีกครั้ง
- หากการตรวจสอบแสดงให้เห็นว่าปัญหาประสบการณ์การใช้งานโฆษณาทั้งหมดได้รับการแก้ไขแล้ว ระบบจะอนุมัติโฆษณาให้ทำงานได้
เลือกปลายทางอื่น
หากคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงปลายทางของโฆษณาได้ ให้พิจารณาใช้ปลายทางอื่น แก้ไข URL สุดท้ายของโฆษณาให้นำไปที่ส่วนอื่นของแอปหรือเว็บไซต์เป็นไปตามนโยบาย แล้วบันทึกโฆษณาเพื่อให้เราตรวจสอบอีกครั้ง
หากคุณแก้ไขการละเมิดเหล่านี้ไม่ได้หรือเลือกที่จะไม่แก้ไข โปรดนำโฆษณาออกเพื่อป้องกันไม่ให้บัญชีถูกระงับในอนาคตเนื่องจากมีโฆษณาที่ไม่ได้รับอนุมัติมากเกินไป
เราต้องการให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ที่ดีเมื่อคลิกโฆษณา ดังนั้นปลายทางของโฆษณาจะต้องนำเสนอคุณค่าที่ไม่ซ้ำใครให้แก่ผู้ใช้
เราได้สรุปตัวอย่าง (โดยสังเขป) สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในโฆษณาดังต่อไปนี้ สถานการณ์ต่อไปนี้อาจทำให้ระบบไม่อนุมัติเนื่องจากเป็นเนื้อหาที่ไม่เป็นแบบฉบับของตัวเองเพียงพอ:
เนื้อหาปลายทางที่ออกแบบมาโดยมีจุดประสงค์เพื่อการแสดงโฆษณาเป็นหลัก
- ตัวอย่าง: การกระตุ้นการเข้าชม (ผ่านการทำกำไรจากโฆษณาหรือวิธีอื่นๆ) ไปยังปลายทางที่มีโฆษณามากกว่าเนื้อหาต้นฉบับ มีเนื้อหาที่เป็นต้นฉบับน้อยมากหรือไม่มีเลย หรือมีโฆษณามากเกินไป
เนื้อหาปลายทางที่คัดลอกมาจากแหล่งข้อมูลอื่นโดยไม่ได้เพิ่มคุณค่าในรูปแบบเนื้อหาต้นฉบับหรือไม่ได้เพิ่มฟังก์ชันการทำงานอื่นๆ
- ตัวอย่าง: การมิเรอร์ การเฟรม หรือการคัดลอกเนื้อหาจากแหล่งที่มาอื่น เทมเพลตหรือเว็บไซต์ที่สร้างล่วงหน้าซึ่งแสดงเนื้อหาที่ซ้ำกัน
ปลายทางที่ออกแบบมาเพื่อส่งผู้ใช้ไปยังหน้าอื่นเพียงอย่างเดียว
- ตัวอย่าง: หน้าเชื่อมโยง หน้าดอร์เวย์ เกตเวย์ หน้าคั่นกลางอื่นๆ ที่ใช้เพื่อลิงก์ไปยังเว็บไซต์อื่นเท่านั้น
ปลายทางที่แสดงข้อความของปลายทางซึ่งไม่ได้ให้บริการใดๆ
- ตัวอย่าง: โดเมนที่พัก ซึ่งคือเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นเพียงเพื่อจองที่อยู่เว็บโดยแสดง "อยู่ระหว่างการปรับปรุง" "จะเปิดให้ใช้งานเร็วๆ นี้" หรือข้อความที่คล้ายกัน
ปลายทางที่ไม่มีความหมายหรือไม่เป็นเหตุเป็นผล
- ตัวอย่าง: หน้าว่างเปล่า เนื้อหาที่ไม่มีความหมายในหน้า Landing Page
ตัวเลือกในการแก้ไขปัญหา
แก้ไขเนื้อหาของโฆษณาปลายทาง
มุ่งเน้นการนำเสนอเนื้อหาต้นฉบับที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้และไม่ซ้ำใคร และอย่าใส่โฆษณาในปลายทางมากเกินไป ไม่ว่าโฆษณาจะมีความเกี่ยวข้องกับข้อความโฆษณามากน้อยเพียงใดก็ตาม ติดต่อนักพัฒนาเว็บให้ลบเฟรมเซ็ต HTML ทั้งหมดที่คัดลอกเนื้อหาจากโดเมนอื่นนอกเหนือจากโดเมนหน้า Landing Page ของโฆษณา หากเว็บไซต์หรือแอปของคุณมีฟังก์ชันการค้นหา ผลการค้นหาต้องไม่คัดลอกมาจากเว็บไซต์หรือแอปอื่น ตรวจสอบว่าการจดทะเบียนเว็บไซต์ของคุณยังไม่หมดอายุ
หากคุณคิดว่าเราตรวจสอบผิดพลาดหรือคุณได้แก้ไขปลายทางแล้ว ให้อุทธรณ์คำตัดสินเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าวโดยตรงจากบัญชี Google Ads เพื่อขอให้ตรวจสอบ เมื่อยืนยันได้แล้วว่าปลายทางได้เป็นไปตามนโยบาย เราจะอนุมัติโฆษณาได้
เลือกปลายทางอื่น
หากคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงปลายทางของโฆษณาได้ ให้พิจารณาใช้ปลายทางอื่น แก้ไข URL สุดท้ายของโฆษณาให้นำไปที่ส่วนอื่นของแอปหรือเว็บไซต์เป็นไปตามนโยบาย แล้วบันทึกโฆษณาเพื่อให้เราตรวจสอบอีกครั้ง
หากคุณแก้ไขการละเมิดเหล่านี้ไม่ได้ โปรดนำโฆษณาออกเพื่อป้องกันไม่ให้บัญชีถูกระงับในอนาคตเนื่องจากมีโฆษณาที่ไม่อนุมัติมากเกินไป
Google กำหนดให้ปลายทางแอปหรือเว็บสโตร์ของคุณเป็นไปตามนโยบายของ Google App Store หรือเว็บสโตร์
สถานการณ์ต่อไปนี้อาจทำให้ระบบไม่อนุมัติเนื่องจากละเมิดนโยบายของ App Store หรือเว็บสโตร์
ปลายทางที่ละเมิดนโยบายของ App Store หรือเว็บสโตร์
- ตัวอย่าง: ชิ้นงานที่ละเมิดนโยบายโปรแกรมสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของ Chrome หรือแอปที่ละเมิดนโยบายของ Google Play
เข้าใจว่าเหตุใดโฆษณาของคุณจึงไม่ได้รับอนุมัติ
โปรดอ่านการแจ้งเตือนที่ App Store หรือเว็บสโตร์ (เช่น Chrome เว็บสโตร์หรือ Google Play Store) ส่งไปถึงคุณ เพื่อให้ทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการละเมิด เมื่อได้แก้ปัญหากับ App Store หรือเว็บสโตร์แล้ว โฆษณาจะเริ่มต้นแสดงได้อีกครั้ง
สถานการณ์ต่อไปนี้อาจทำให้ระบบไม่อนุมัติเนื่องจากเป็น URL ที่ไม่ยอมรับ:
URL ที่ไม่สอดคล้องตามโครงสร้างทางไวยากรณ์มาตรฐาน
การใช้ที่อยู่ IP เป็น URL ที่แสดง
- เช่น: 123.45.678.90
URL ที่แสดงซึ่งใช้อักขระที่ไม่อนุมัติ
- เช่น อักขระอย่าง !, *, #, _, @
สถานการณ์ต่อไปนี้อาจทำให้ระบบไม่อนุมัติเนื่องจากเป็นแอปที่ไม่รู้จัก:
แอปที่ Google ไม่รู้จัก
- ตัวอย่าง: รหัสแอปหรือ App Store ที่ผิดรูปแบบ แอปที่ถูกลบหรือถูกระงับใน App Store
Google กำหนดว่าหมายเลขโทรศัพท์ของโฆษณาแบบโทรออกเท่านั้น ชิ้นงานการโทร และชิ้นงานสถานที่ตั้งต้องให้บริการในประเทศที่คุณกำหนดกลุ่มเป้าหมายและเกี่ยวข้องกับบริษัทที่โฆษณา
สถานการณ์ต่อไปนี้อาจทำให้ระบบไม่อนุมัติเนื่องจากเป็นหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่ได้รับการยืนยันในโฆษณาแบบโทรออกเท่านั้น ชิ้นงานการโทร และชิ้นงานสถานที่ตั้ง
หมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่ได้รับการยืนยันโดย Googleตัวเลือกในการแก้ปัญหา
ขั้นตอนที่ 1 จาก 2: ยืนยันหมายเลขโทรศัพท์
ซึ่งทำได้ 2 วิธีดังนี้
- แสดงหมายเลขในเว็บไซต์ของคุณ
- หมายเลขโทรศัพท์ในโฆษณาจะต้องปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ที่แสดงในโฆษณาของคุณ หากหมายเลขโทรศัพท์นั้นปรากฏในโฆษณาของเว็บไซต์อื่น หมายเลขดังกล่าวก็ต้องปรากฏในเว็บไซต์นั้นๆ อย่างน้อย 1 หน้า
- อย่าลืมว่า URL การยืนยันต้องมีโดเมนเดียวกันกับ URL ที่แสดงของโฆษณา หมายเลขต้องอยู่ในรูปแบบข้อความ หากปรากฏเป็นรูปภาพจะถือว่าขัดต่อนโยบาย
- หมายเหตุ: ระบบจะตรวจหาและยืนยันหมายเลขโทรศัพท์ของคุณได้ง่ายขึ้น หากหมายเลขแสดงในหน้า Landing Page ที่มีการเข้าชมบ่อยครั้ง หมายเลขโทรศัพท์ในซอร์สโค้ดของเว็บไซต์ต้องอยู่ในรูปแบบ E.164 เพื่อเพิ่มโอกาสที่ Crawler จะตรวจพบหมายเลขดังกล่าว ตัวอย่างรูปแบบ E.164 คือ [+] [รหัสประเทศ] [หมายเลขโทรศัพท์พร้อมรหัสพื้นที่] หากคุณใช้สคริปต์การแทรกตัวเลขแบบไดนามิกเพื่อเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์บนเว็บไซต์ตามแหล่งที่มาของการเข้าชม เราแนะนำให้ใช้วิธีการยืนยันความเป็นเจ้าของโดเมนตามรายละเอียดด้านล่าง
- ยืนยันความเป็นเจ้าของโดเมน
- คุณสามารถยืนยันหมายเลขโทรศัพท์โดยการพิสูจน์ความเป็นเจ้าของโดเมนสำหรับ URL ที่แสดงของโฆษณาได้ 2 วิธีดังนี้
- ลิงก์บัญชี Google Search Console กับบัญชี Google Ads
- เพิ่มแท็กเครื่องมือวัด Conversion หรือแท็กรีมาร์เก็ตติ้งของ Google Ads ที่ไม่ซ้ำกันลงในเว็บไซต์
ขั้นตอนที่ 2 จาก 2: แก้ไขโฆษณาหรือชิ้นงาน
หากคุณกำลังใช้ชิ้นงานสถานที่ตั้ง หมายเลขโทรศัพท์ที่แสดงในโฆษณาจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดด้านบน วิธีแก้ไขชิ้นงานโดยอิงตามที่อยู่ที่ต้องการใช้มี 2 วิธีดังนี้
- ที่อยู่จาก Business Profile
หากสถานที่ตั้งที่ไม่ได้รับอนุมัติเป็นที่อยู่จาก Business Profile คุณจะต้องลงชื่อเข้าใช้บัญชี Business Profile แล้วอัปเดตข้อมูลสถานที่ตั้งจากในบัญชี ซึ่งจะถ่ายโอนมาที่ Google Ads โดยอัตโนมัติ ดูวิธีแก้ไขข้อมูล Business Profile
- ที่อยู่ที่ป้อนด้วยตนเอง
หากคุณป้อนที่อยู่ด้วยตนเอง ให้วางเมาส์เหนือที่อยู่แล้วคลิกไอคอนดินสอเพื่อแก้ไขข้อมูลสถานที่ตั้ง ตรวจสอบชื่อบริษัทและตรวจสอบว่าคุณไม่ได้ใช้เครื่องหมายการค้าที่ไม่อนุญาตให้ใช้งาน
หากคุณใช้โฆษณาแบบโทรออกเท่านั้นหรือชิ้นงานการโทร ให้เปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ในโฆษณาหรือชิ้นงานเพื่อให้โฆษณาได้รับอนุมัติ
เมื่อแก้ไขและบันทึกโฆษณาหรือชิ้นงานแล้ว ระบบจะส่งมาให้เราตรวจสอบ หากเราพบว่าคุณได้ลบเนื้อหาที่ไม่เป็นไปตามนโยบายออกจากโฆษณาและหน้า Landing Page แล้ว เราจะอนุมัติโฆษณาเพื่อให้เริ่มแสดงได้
Google กำหนดว่าหมายเลขโทรศัพท์ของโฆษณาแบบโทรออกเท่านั้น ชิ้นงานการโทร และชิ้นงานสถานที่ตั้งต้องให้บริการในประเทศที่คุณกำหนดกลุ่มเป้าหมายและเกี่ยวข้องกับบริษัทที่โฆษณา
สถานการณ์ต่อไปนี้อาจทำให้ระบบไม่อนุมัติเนื่องจากเป็นหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่อนุมัติในโฆษณาแบบโทรออกเท่านั้น ชิ้นงานการโทร และชิ้นงานสถานที่ตั้ง
หมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีการใช้งาน ไม่เกี่ยวข้อง หรือไม่ใช่หมายเลขติดต่อบริษัทที่โฆษณา
หมายเหตุ: Google อาจทำการโทรทดสอบไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่ระบุไว้เป็นครั้งคราวเพื่อตรวจสอบว่าหมายเลขนั้นใช้งานได้ ถูกต้อง และมีความเกี่ยวข้อง และอาจบันทึกการโทรทดสอบดังกล่าวด้วย
หมายเลขโทรสาร หมายเลขโทรศัพท์อัตราพิเศษ และหมายเลขโทรศัพท์ตามตัวอักษร
- ตัวอย่างของหมายเลขพิเศษ: หมายเลขโทรศัพท์ที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการเพิ่มเติมในการโทรติดต่อ เช่น หมายเลข 1-900 ในสหรัฐอเมริกา หรือหมายเลข 871 ในสหราชอาณาจักร
- ตัวอย่างของหมายเลขโทรศัพท์ตามตัวอักษร: หมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ตัวอักษรแทนตัวเลข เช่น "1-800-GOOG-411" แทนที่จะเป็น "1-800-466-4411"
หมายเหตุ: คุณสามารถใช้หมายเลขโทรศัพท์ที่มีค่าใช้จ่ายร่วมกันได้ แต่หมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวจะแสดงพร้อมข้อจำกัดความรับผิดชอบที่ระบุค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้น
หมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่ใช่หมายเลขในท้องถิ่นหรือภายในประเทศที่คุณกำหนดเป้าหมาย
- ตัวอย่าง: การใช้หมายเลขในท้องถิ่นของเยอรมันในโฆษณาที่กำหนดเป้าหมายไปยังแคนาดา
บริการหมายเลขโทรศัพท์เสมือนจริง หรือหมายเลขส่วนตัว
หมายเหตุ: บริการนี้ใช้ได้เฉพาะในบางประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร และสเปน
หมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่มีบริการฝากข้อความเสียง
ข้อจำกัดเฉพาะประเทศ: บราซิลสำหรับหมายเลขโทรศัพท์ในบราซิล อย่าลืมใส่รหัสผู้ให้บริการที่คุณเลือก ตัวอย่างเช่น แทนที่จะป้อน "11 5555-1234" ให้ป้อน "0XX11 5555 1234" แทน (ซึ่ง "XX" คือรหัสผู้ให้บริการ) หากใช้หมายเลขโทรฟรีหรือหมายเลขโทรศัพท์แบบเสียค่าบริการร่วมกัน เช่น 4004 หรือ 0800 ก็ไม่จำเป็นต้องมีรหัสผู้ให้บริการ
ตัวเลือกในการแก้ไขปัญหา
ขั้นตอนที่ 1 จาก 2: แก้ไขปัญหาหมายเลขโทรศัพท์
ระบุหมายเลขโทรศัพท์ที่เกี่ยวข้องและใช้การได้ ซึ่งเชื่อมต่อไปยังบริษัทที่ลงโฆษณา และเป็นหมายเลขโทรศัพท์ภายในประเทศที่คุณต้องการกำหนดเป้าหมาย
ขั้นตอนที่ 2 จาก 2: แก้ไขโฆษณาหรือชิ้นงาน
หากคุณกำลังใช้ชิ้นงานสถานที่ตั้ง หมายเลขโทรศัพท์ที่แสดงในโฆษณาจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดด้านบน วิธีแก้ไขชิ้นงานโดยอิงตามที่อยู่ที่ต้องการใช้มี 2 วิธีดังนี้
ที่อยู่จาก Business Profile
หากสถานที่ตั้งที่ไม่ได้รับอนุมัติเป็นที่อยู่จาก Business Profile คุณจะต้องลงชื่อเข้าใช้บัญชี Business Profile แล้วอัปเดตข้อมูลสถานที่ตั้งจากในบัญชี ซึ่งจะถ่ายโอนมาที่ Google Ads โดยอัตโนมัติ ดูวิธีแก้ไขข้อมูล Business Profile
ที่อยู่ที่ป้อนด้วยตนเอง
หากคุณป้อนที่อยู่ด้วยตนเอง ให้วางเมาส์เหนือที่อยู่แล้วคลิกไอคอนดินสอเพื่อแก้ไขข้อมูลสถานที่ตั้ง ตรวจสอบชื่อบริษัทและตรวจสอบว่าคุณไม่ได้ใช้เครื่องหมายการค้าที่ไม่อนุญาตให้ใช้งาน
หากคุณใช้โฆษณาแบบโทรออกเท่านั้นหรือชิ้นงานการโทร โปรดแก้ไขและป้อนหมายเลขโทรศัพท์ที่ปฏิบัติตามนโยบาย
เมื่อแก้ไขและบันทึกโฆษณาหรือชิ้นงานแล้ว ระบบจะส่งมาให้เราตรวจสอบอีกที หากเราพบว่าคุณได้ลบเนื้อหาที่ไม่เป็นไปตามนโยบายออกจากโฆษณาและหน้า Landing Page แล้ว เราจะอนุมัติโฆษณาเพื่อให้เริ่มแสดงได้
ลบล้างโดยใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาเว็บใน Chrome
ขั้นตอนการลบล้าง User Agent ด้วยเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาเว็บใน Chrome
คุณใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาเว็บใน Chrome เพื่อลบล้าง User Agent ของเว็บเบราว์เซอร์ได้ ซึ่งจะช่วยให้สามารถจำลอง Web Crawler ของ Google AdsBot ที่ใช้ตรวจสอบ URL ปลายทาง
- เปิดเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาเว็บใน Chrome โดยใช้หนึ่งในวิธีต่อไปนี้
- ใช้แป้นพิมพ์ลัด: Command+Option+I (สำหรับผู้ใช้ Mac) หรือ Control+Shift+I (สำหรับผู้ใช้ Windows, Linux, หรือ ChromeOS)
- จากหน้าเว็บ: คลิกขวาบริเวณใดก็ได้ในหน้าเว็บ จากนั้นเลือกตรวจสอบเพื่อเปิดเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาเว็บใน Chrome
- จาก UI ของ Chrome:
- ที่ด้านขวาบนของหน้าต่าง Chrome ให้คลิกไอคอน 3 จุด
- คลิกเครื่องมือเพิ่มเติม
- คลิกเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์
- เปิดแท็บเงื่อนไขของเครือข่าย:
- ที่ด้านขวาบนของแผงเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาเว็บใน Chrome ให้คลิกไอคอน 3 จุด
- คลิกเครื่องมือเพิ่มเติม
- คลิกเงื่อนไขของเครือข่าย
- ทำเครื่องหมายที่ "ปิดใช้แคช" ในส่วน "แคช"
- ในส่วน "User Agent" ให้ยกเลิกการเลือก "ใช้ค่าเริ่มต้นของเบราว์เซอร์" จากนั้นเลือกกำหนดเอง... แล้วป้อนสตริง User Agent
- เช่น หากต้องการเข้าถึงเว็บปลายทางในฐานะ Web Crawler ของ Google AdsBot ให้ป้อน "สตริง User Agent แบบเต็ม" ของ Web Crawler ของ Google AdsBot ลงในช่อง "ป้อน User Agent ที่กำหนดเอง"
- ป้อน URL ปลายทางในเบราว์เซอร์เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ด้วย User Agent ที่เลือกไว้ และตรวจสอบให้หน้าเว็บโหลดตามปกติเหมือนกับที่จะโหลดเมื่อใช้ User Agent ตามค่าเริ่มต้นของเบราว์เซอร์
Web Crawler ของ Google AdsBot (User Agent)
"Crawler" เป็นคำศัพท์ทั่วไป หมายถึงโปรแกรมที่ใช้เพื่อค้นหาและสแกนเว็บไซต์โดยอัตโนมัติด้วยการติดตามลิงก์จากหน้าเว็บหนึ่งไปยังอีกหน้าเว็บหนึ่ง บางครั้งเรียกว่า "โรบ็อต" หรือ "สไปเดอร์"
User Agent คือสตริงที่เบราว์เซอร์หรือ Crawler มีให้เพื่อร้องขอข้อมูลจากเว็บเซิร์ฟเวอร์ User Agent ประเภทหลักของ Google เพื่อใช้ตรวจสอบคุณภาพโฆษณาหน้าเว็บจะเรียกว่า AdsBot ดูคำอธิบายของ Web Crawler ของ Google และรายการสตริง User Agent ได้ที่นี่
สตริง User Agent แบบเต็มคือคำอธิบายแบบเต็มของ Crawler ซึ่งปรากฎในคำขอและในบันทึกเว็บ สตริงนี้ทำหน้าที่ระบุวัตถุประสงค์ของคำขอและความสามารถของอุปกรณ์ เช่น นักพัฒนาเว็บหรือโฮสต์เว็บเซิร์ฟเวอร์ใช้ User Agent เพื่อกำหนดค่ากฎการ Crawl สำหรับเว็บไซต์ของตนเองได้
ระบบจะไม่อนุมัติโฆษณาเนื่องจากปลายทางใช้งานไม่ได้หากปลายทางของโฆษณาแสดงข้อผิดพลาดปลายทาง (เช่น รหัสข้อผิดพลาดของ HTTP) เมื่อทำการ Crawl โดยสตริง User Agent ของ Google AdsBot ตามที่ระบุดังต่อไปนี้
AdsBot Mobile Web - ดูคุณภาพโฆษณาหน้าเว็บบนอุปกรณ์เคลื่อนที่
- โทเค็น User Agent: AdsBot-Google-Mobile
- สตริง User Agent แบบเต็ม: Mozilla/5.0 (Linux; Android 6.0.1; Nexus 5X Build/MMB29P) AppleWebKit/537.36 (KHTML เช่น Gecko) Chrome/W.X.Y.Z Mobile Safari/537.36 (compatible; AdsBot-Google-Mobile; +http://www.google.com/mobile/adsbot.html)
AdsBot - ดูคุณภาพโฆษณาหน้าเว็บบนเดสก์ท็อป
- โทเค็น User Agent: AdsBot-Google
- สตริง User Agent แบบเต็ม: AdsBot-Google (+http://www.google.com/adsbot.html)