ดําเนินการตามรายการตรวจสอบนี้ให้เสร็จสิ้นเพื่อใช้พื้นที่เก็บข้อมูลระบบคลาวด์และการทํางานร่วมกันได้อย่างเชี่ยวชาญ
- จัดการไฟล์ในไดรฟ์และไฟล์เครื่องมือแก้ไขเอกสาร
- โปรดดูแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการแชร์
- ทํางานร่วมกันกับทีมในไฟล์ต่างๆ
จัดการไฟล์ในไดรฟ์และไฟล์เครื่องมือแก้ไขเอกสาร
คุณจัดเก็บไฟล์ต่างๆ ในไดรฟ์ได้ เช่น รูปภาพ ภาพวาด วิดีโอ และอื่นๆ คุณต้องเก็บไฟล์ในไดรฟ์ในอุปกรณ์เครื่องหนึ่งเท่านั้น และใช้ได้ในอุปกรณ์เครื่องอื่นๆ ทั้งหมดโดยอัตโนมัติ โดยเลือกเก็บไฟล์ในไดรฟ์ได้ 3 วิธี
อัปโหลดไฟล์ไปยังไดรฟ์บนเว็บ
- ไปที่ไดรฟ์
- คลิก
ใหม่
อัปโหลดไฟล์ หรืออัปโหลดโฟลเดอร์ แล้วเลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ต้องการอัปโหลด
- คลิกเปิด
อัปโหลดไฟล์จากอุปกรณ์เคลื่อนที่
หมายเหตุ: หากคุณตัดสินใจถอนการติดตั้งแอปในภายหลัง ไฟล์ในไดรฟ์จะไม่ได้รับผลกระทบและจะยังเข้าถึงได้จากไดรฟ์บนเว็บ
- เลือกตัวเลือกเดียวจากตัวเลือกต่อไปนี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์
- โทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Android: แตะ Google Play
- อุปกรณ์ iOS: แตะ App Store
- โทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Android: แตะ Google Play
- ค้นหาและติดตั้งแอปไดรฟ์
- เปิดแอปที่มีไฟล์ที่ต้องการอัปโหลด แตะแชร์ แล้วแตะไดรฟ์
(ขั้นสูง) อัปโหลดไฟล์จากเดสก์ท็อปไปยังไดรฟ์
หากคุณต้องการอัปโหลดไฟล์จากเดสก์ท็อปของคุณ ให้ติดตั้งและใช้Google ไดรฟ์สำหรับเดสก์ท็อป
หมายเหตุ:ไดรฟ์สำหรับเดสก์ท็อปจะพร้อมใช้งานก็ต่อเมื่อผู้ดูแลระบบเปิดใช้งานให้กับสำหรับองค์กรหรือทีมของคุณ
แทนที่จะต้องสร้างไฟล์ใหม่ใน Google เอกสาร, ชีต, สไลด์หรือฟอร์มอยู่เรื่อยๆ คุณใช้ URL ทางลัดแทนได้
ให้ป้อน URL ใดๆ ก็ตามต่อไปนี้ในเบราว์เซอร์ของคุณ
- docs.new
- sheets.new
- slides.new
- forms.new
ไฟล์เปล่าจะเปิดขึ้นและคุณจะเริ่มแก้ไขได้ทันที
ติดดาวไฟล์และโฟลเดอร์ที่สำคัญ
ติดดาวให้กับไฟล์หรือโฟลเดอร์สำคัญเพื่อให้ค้นหาได้ง่ายในภายหลัง
- คลิกขวาที่ไฟล์หรือโฟลเดอร์
- เลือกเพิ่มไปยังรายการที่ติดดาว
- (ไม่บังคับ) หากต้องการดูไฟล์และโฟลเดอร์ที่ติดดาวทั้งหมด ให้คลิกติดดาวในแถบด้านข้างทางซ้าย
ใส่โค้ดสีให้กับโฟลเดอร์ในไดรฟ์
จัดระเบียบไดรฟ์ให้แสดงด้วยโฟลเดอร์ที่แยกตามสี
- คลิกขวาที่โฟลเดอร์ที่ต้องการเปลี่ยน
- คลิกเปลี่ยนสี แล้วเลือกสีที่ต้องการ
ก่อนหน้านี้คุณอาจเก็บไฟล์ฉบับร่างไว้หลายฉบับในกรณีที่จำเป็นต้องอ้างอิงหรือเปลี่ยนไปใช้เวอร์ชันก่อนหน้า ไดรฟ์จะเก็บฉบับร่างทั้งหมดไว้ในไฟล์เดียว ซึ่งคุณจะดูหรือคืนค่าเป็นเวอร์ชันก่อนหน้าได้อย่างง่ายดาย
ดูหรือเปลี่ยนกลับเป็นไฟล์ Google เอกสาร ชีต และสไลด์เวอร์ชันก่อนหน้า
- เปิดไฟล์ในไดรฟ์
- คลิกไฟล์
ประวัติเวอร์ชัน
ดูประวัติเวอร์ชัน
- คลิกการประทับเวลาเพื่อดูเวอร์ชันก่อนหน้าของไฟล์ ที่ด้านล่างของการประทับเวลา คุณจะเห็นข้อมูลต่อไปนี้
- ชื่อของผู้ที่แก้ไขเอกสาร
- สีถัดจากชื่อของแต่ละคน โดยการแก้ไขที่ดำเนินการจะปรากฏในสีดังกล่าว
- (ไม่บังคับ) หากต้องการเปลี่ยนกลับเป็นเวอร์ชันนี้ ให้คลิกคืนค่าเวอร์ชันนี้
หมายเหตุ: คุณต้องมีเจ้าของหรือสิทธิ์การแก้ไขเพื่อดูประวัติเวอร์ชัน
ดาวน์โหลดหรือเปลี่ยนกลับเป็นไฟล์ที่ไม่ใช่ของ Google เวอร์ชันก่อนหน้าในไดรฟ์
- ในไดรฟ์ ให้คลิกไฟล์แล้วคลิกเพิ่มเติม
จัดการเวอร์ชัน ที่ด้านขวาบน
- คลิกเพิ่มเติม
ดาวน์โหลด
เพื่อดาวน์โหลดไฟล์
- (ไม่บังคับ) หากต้องการเปลี่ยนกลับเป็นเวอร์ชันก่อนหน้า (เช่นเวอร์ชันที่คุณดาวน์โหลดด้านบน) ให้คลิกอัปโหลดเวอร์ชันใหม่ ค้นหาเวอร์ชันของไฟล์แล้วคลิกเปิด
- คลิกปิด
หากอินเทอร์เน็ตใช้งานไม่ได้ คุณก็ยังทำงานในไดรฟ์ต่อได้ ตั้งค่าการเข้าถึงแบบออฟไลน์เพื่อให้คุณดูและแก้ไขไฟล์ได้ตลอดเวลา
บนเว็บ
เบราว์เซอร์ Chrome เท่านั้น
วิธีตั้งค่าการเข้าถึงแบบออฟไลน์สำหรับเอกสาร ชีต และสไลด์
- ติดตั้งส่วนขยาย Google เอกสารออฟไลน์
- ในไดรฟ์ ให้คลิกการตั้งค่า
การตั้งค่า
- ในส่วนออฟไลน์ ให้เลือกช่องสร้าง เปิด และแก้ไขไฟล์ Google เอกสาร, ชีต และสไลด์ล่าสุดในอุปกรณ์นี้ขณะออฟไลน์
- คลิกเสร็จ
- คลิกขวาที่ไฟล์แล้วเปิดใช้งานแบบออฟไลน์ได้
ในอุปกรณ์เคลื่อนที่
เบราว์เซอร์ Chrome เท่านั้น
วิธีตั้งค่าการเข้าถึงแบบออฟไลน์สำหรับเอกสาร ชีต และสไลด์
- ในอุปกรณ์ Android หรืออุปกรณ์ Apple iOS ให้เปิดแอป Google เอกสาร ชีต หรือสไลด์
- แตะเมนู
การตั้งค่า
- เปิดทำให้ไฟล์ล่าสุดพร้อมใช้งานแบบออฟไลน์
ในคอมพิวเตอร์
วิธีตั้งค่าการเข้าถึงแบบออฟไลน์สำหรับไฟล์ PDF, Microsoft Office และอื่นๆ ในเดสก์ท็อป
- คลิก ไดรฟ์สำหรับเดสก์ท็อป
เปิด Google ไดรฟ์
- คลิกขวาที่ไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ต้องการเข้าถึงแบบออฟไลน์
- คลิก Drive File Stream
ใช้งานแบบออนไลน์ได้
โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อเข้าถึงไฟล์ของคุณ
แนบไฟล์ไดรฟ์ใน Gmail
- ในคอมพิวเตอร์ ให้เปิด Gmail
- คลิกเขียนที่ด้านบนซ้าย
- คลิก Google ไดรฟ์
- เลือกไฟล์ที่คุณต้องการแนบ
- เลือกวิธีที่ต้องการส่งไฟล์ที่ด้านล่างของหน้าเว็บดังนี้
- ลิงก์ไดรฟ์: ใช้สำหรับไฟล์ที่จัดเก็บในไดรฟ์ ซึ่งรวมถึงไฟล์ที่สร้างด้วย Google เอกสาร, ชีต, สไลด์ หรือฟอร์ม
- ไฟล์แนบ: ใช้สำหรับไฟล์ที่ไม่ได้สร้างด้วย Google เอกสาร, ชีต, สไลด์ หรือฟอร์มเท่านั้น
- คลิกแทรก
แนบไฟล์ไดรฟ์ในกิจกรรมในปฏิทิน
- คลิกช่องเพิ่มคำอธิบายหรือไฟล์แนบ
- คลิกไดรฟ์ของฉันหรืออัปโหลดแล้วเลือกไฟล์
- คลิกเลือกหรืออัปโหลด ระบบจะแนบไฟล์กับกิจกรรม
หมายเหตุ: หากผู้ดูแลระบบไม่อนุญาตให้แชร์ไฟล์ Google ไดรฟ์กับภายนอกองค์กร คุณสามารถเลือกส่งไฟล์แนบของ Gmail ให้กับผู้เข้าร่วมภายนอกแทนได้
โปรดดูแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการแชร์
แชร์ไฟล์หรือโฟลเดอร์กับบุคคลที่ระบุและตั้งค่าระดับการเข้าถึงได้
- เลือกไฟล์ที่ต้องการแชร์
- คลิกแชร์หรือไอคอนแชร์
- ป้อนอีเมลหรือกลุ่มใน Google Groups ที่ต้องการแชร์ด้วย
- หากต้องการกำหนดบทบาทในไฟล์ให้กับบุคคล ให้เลือกผู้มีสิทธิ์อ่าน ผู้แสดงความคิดเห็น หรือผู้มิสิทธิ์แก้ไข
- หากบัญชีมีสิทธิ์ คุณจะสามารถเพิ่มวันที่หมดอายุของสิทธิ์เข้าถึงได้
- เลือกเพื่อแจ้งบุคคลที่แชร์
- หากต้องการแจ้งให้บุคคลทราบว่าคุณแชร์ไฟล์ด้วย โปรดเลือกช่องถัดจาก "แจ้งบุคคลอื่น" ซึ่งหากคุณแจ้ง อีเมลของบุคคลที่คุณป้อนจะรวมอยู่ในอีเมลนี้ด้วย
- หากไม่ต้องการแจ้ง ให้ยกเลิกการเลือกช่องนี้
- คลิกส่งหรือแชร์
- เปิดไฟล์ใน Google ไดรฟ์, Google เอกสาร, Google ชีต หรือ Google สไลด์
- คลิกแชร์
ค้นหาผู้ใช้ที่ต้องการให้สิทธิ์ชั่วคราว
- หากยังไม่ได้แชร์ไฟล์กับบุคคลนั้น ให้เพิ่มอีเมลของผู้ใช้ แล้วคลิกส่งหรือแชร์ คลิกแชร์ที่ด้านขวาบนของเอกสาร
- ถัดจากชื่อของบุคคลดังกล่าว ให้คลิกลูกศรลง
ให้สิทธิ์เข้าถึงชั่วคราว
- ข้าง "สิทธิ์เข้าถึงหมดอายุ" ให้คลิกวันที่เพื่อกำหนดวันที่หมดอายุ จากนั้นเลือกวันที่ไม่เกิน 1 ปีนับจากวันที่ปัจจุบัน
- คลิกบันทึก
คุณเลือกได้ว่าจะให้บุคคลทั่วไปเข้าถึงไฟล์ได้ หรือจำกัดให้เฉพาะคนที่มีสิทธิ์เข้าถึงเท่านั้น หากคุณอนุญาตให้ทุกคนที่มีลิงก์เข้าถึงได้ โฟลเดอร์ของคุณก็จะไม่จำกัดสิทธิ์เข้าถึง
- เลือกไฟล์ที่ต้องการแชร์
- คลิกแชร์หรือไอคอนแชร์
- คลิกลูกศรลง
ในส่วน "สิทธิ์เข้าถึงทั่วไป"
- เลือกบุคคลที่เข้าถึงไฟล์ได้
- หากต้องการกำหนดบทบาทในไฟล์ให้กับบุคคล ให้เลือกผู้มีสิทธิ์อ่าน ผู้แสดงความคิดเห็น หรือเอดิเตอร์
- คลิกเสร็จสิ้น
โดยอย่างน้อยต้องมีสิทธิ์การเข้าถึงแบบผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน
เช่นเดียวกับในไดรฟ์ปกติ มีหลายวิธีที่จะแชร์ไฟล์ใน "ไดรฟ์ที่แชร์" กับผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของไดรฟ์ดังกล่าว
หมายเหตุ: โฟลเดอร์ในไดรฟ์ที่แชร์ไม่สามารถแชร์ได้ นอกจากนี้ องค์กรยังอาจจำกัดความสามารถในการแชร์ไฟล์ของคุณ โปรดสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ดูแลระบบ
แชร์ไฟล์กับบุคคลหรือกลุ่ม
- เลือกไฟล์ที่ต้องการแชร์
- คลิกแชร์หรือไอคอนแชร์
- ป้อนอีเมลหรือกลุ่มใน Google Groups ที่ต้องการแชร์ด้วย
- หากต้องการกำหนดบทบาทในไฟล์ให้กับบุคคล ให้เลือกผู้มีสิทธิ์อ่าน ผู้แสดงความคิดเห็น หรือผู้มิสิทธิ์แก้ไข
- หากบัญชีมีสิทธิ์ คุณจะสามารถเพิ่มวันที่หมดอายุของสิทธิ์เข้าถึงได้
- เลือกเพื่อแจ้งบุคคลที่แชร์
- หากต้องการแจ้งให้บุคคลทราบว่าคุณแชร์ไฟล์ด้วย โปรดเลือกช่องถัดจาก "แจ้งบุคคลอื่น" ซึ่งหากคุณแจ้ง อีเมลของบุคคลที่คุณป้อนจะรวมอยู่ในอีเมลนี้ด้วย
- หากไม่ต้องการแจ้ง ให้ยกเลิกการเลือกช่องนี้
- คลิกส่งหรือแชร์
แชร์ลิงก์
หากต้องการทำให้ไฟล์เข้าถึงได้อย่างกว้างขวางและหลีกเลี่ยงการจัดการการเข้าถึงในองค์กร คุณจะแชร์ไฟล์ด้วยลิงก์ได้ โดยทุกคนในองค์กรที่มีลิงก์จะเข้าถึงไฟล์ได้ และคุณยังเลือกที่จะอนุญาตให้ผู้ใช้รายอื่นๆ แชร์ลิงก์กับผู้ที่ไม่ได้อยู่ในองค์กรได้ด้วย
- คลิกไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ต้องการแชร์ในไดรฟ์ที่แชร์
หากต้องการแชร์ลิงก์ไปยังไฟล์หรือโฟลเดอร์มากกว่า 1 รายการ ให้กด Shift บนแป้นพิมพ์ค้างไว้และเลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์ - ที่ด้านบน ให้คลิกแชร์
- (ไม่บังคับ) หากต้องการระบุสิ่งที่ผู้ใช้ดำเนินการกับไฟล์หรือโฟลเดอร์เมื่อคุณแชร์ ให้คลิกเปลี่ยนในส่วนชื่อองค์กร ดังนี้
- หากต้องการเปลี่ยนสิทธิ์ ให้คลิกลูกศรลง
ทางด้านขวา แล้วเลือกผู้มีสิทธิ์ดู ผู้แสดงความคิดเห็น หรือผู้แก้ไข สำหรับไฟล์ และผู้มีสิทธิ์ดู ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน หรือผู้จัดการเนื้อหาสำหรับโฟลเดอร์
- หากต้องการอนุญาตให้แชร์ลิงก์กับภายนอกองค์กรได้ ให้คลิกลูกศรลงข้างชื่อองค์กร
สาธารณะ
หมายเหตุ: หากคุณไม่เห็นตัวเลือกนี้ โปรดติดต่อผู้ดูแลระบบ
- หากต้องการเปลี่ยนสิทธิ์ ให้คลิกลูกศรลง
- คลิกคัดลอกลิงก์
- คลิกเสร็จ
- วางลิงก์ในอีเมล บนเว็บไซต์ หรือที่ใดก็ตามที่ต้องการแชร์
สร้างและทำงานร่วมกันในไฟล์กับทีม
หลังจากที่คุณแชร์ไฟล์เอกสาร ชีต หรือสไลด์ ผู้ใช้ก็จะทำงานพร้อมกันได้คราวละหลายๆ คน โดยคุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ผู้ใช้กำลังทำอยู่ได้ตลอดเวลา และระบบจะบันทึกการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างโดยอัตโนมัติ
- เลือกข้อความที่ต้องการแสดงความคิดเห็นในเอกสาร ชีต หรือสไลด์
- คลิกเพิ่มความคิดเห็น
- ป้อนความคิดเห็นในช่อง
- (ไม่บังคับ) หากต้องการส่งงานหรือความคิดเห็นไปยังบุคคลที่ต้องการโดยตรง ให้ป้อนเครื่องหมายบวก (+) ตามด้วยอีเมลของบุคคลดังกล่าว โดยคุณจะเพิ่มผู้คนกี่คนก็ได้ตามต้องการ ซึ่งแต่ละคนจะได้รับอีเมลที่มีความคิดเห็นของคุณและลิงก์ไปยังไฟล์ดังกล่าว
- (ไม่บังคับ) หากต้องการให้สิทธิ์แสดงความคิดเห็นกับบุคคลที่ต้องการ ให้เลือกช่องให้สิทธิ์กับ
- คลิกแสดงความคิดเห็นหรือให้สิทธิ์
หมายเหตุ: หากไฟล์มีความคิดเห็นถึงจํานวนสูงสุดแล้ว คุณจะทําสําเนาไฟล์ได้โดยไม่ต้องคัดลอกความคิดเห็นใดๆ
คุณสามารถเสนอการเปลี่ยนแปลงได้โดยตรงในเอกสารโดยไม่ต้องแก้ไขข้อความด้วยการแนะนำการแก้ไข คำแนะนำจะไม่เปลี่ยนข้อความต้นฉบับจนกว่าเจ้าของเอกสารจะอนุมัติ คุณต้องมีสิทธิ์แก้ไขหรือแสดงความคิดเห็นในเอกสารเพื่อแนะนำการเปลี่ยนแปลง
ตรวจสอบว่าคุณอยู่ในโหมดการแนะนำ ซึ่งอาจแสดงเป็น |
|
หากต้องการแนะนำการแก้ไข ให้เริ่มจากพิมพ์ในตำแหน่งที่คิดว่าควรทำการแก้ไขในเอกสาร คำแนะนำของคุณจะปรากฏเป็นสีใหม่และข้อความที่คุณทำเครื่องหมายเพื่อลบหรือแทนที่จะถูกขีดฆ่า (แต่จะไม่ลบจนกว่าเจ้าของเอกสารจะอนุมัติคำแนะนำ) | |
เจ้าของเอกสารจะได้รับอีเมลพร้อมคำแนะนำของคุณ เมื่อคลิกคำแนะนำใดๆ เจ้าของจะยอมรับ |
คุณจะทำงานร่วมกันในเอกสารผ่านการแชทได้ด้วย หากมีคนเปิดเอกสารของคุณมากกว่า 1 คน ให้คลิกแสดงแชท เพื่อเปิดการแชทเป็นกลุ่ม คุณจะเปิดดูความคิดเห็นได้ทันทีโดยไม่ต้องออกจากเอกสาร
วิธีดูการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของไฟล์หรือเปลี่ยนกลับเป็นเวอร์ชันก่อนหน้า
|
ดูผู้ที่แสดงความคิดเห็น แก้ไข ย้าย หรือแชร์ไฟล์
- ในไดรฟ์ คลิกดูรายละเอียด
ที่ด้านบนขวา
- ระบบจะเลือกแท็บกิจกรรมโดยอัตโนมัติและแสดงกิจกรรมทั้งหมดของไดรฟ์ของฉัน รายละเอียดสำหรับแต่ละกิจกรรมประกอบด้วย
- ไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ได้รับผลกระทบ
- ผู้ใช้ที่ทำการเปลี่ยนแปลง
- วันที่และเวลาของกิจกรรม
- ผู้ใช้รายอื่นที่ได้รับผลกระทบจากกิจกรรม
- ในไดรฟ์ของฉัน เลือกรายการใดก็ได้เพื่อดูรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจง
ใช้เครื่องมือสำรวจกับเอกสาร
ค้นหาและเพิ่มเนื้อหาที่แนะนำลงในเอกสารใน Google เอกสาร เนื้อหาที่แนะนำจะเกี่ยวข้องกับเนื้อหาในเอกสารของคุณ นอกจากนี้คุณยังค้นหาข้อมูลใน Google เอกสารและบนเว็บจากภายในเอกสารได้อีกด้วย
ใช้หัวข้อที่แนะนำ
- ที่ด้านล่างของเอกสาร ให้คลิกสำรวจ
คุณจะเห็นคำแนะนำตามเนื้อหาทางด้านขวา
- คลิกหัวข้อ
- คลิกลิงก์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อของคุณ
- คัดลอกและวางข้อความจากเนื้อหาที่แนะนำลงในเอกสารของคุณ
เคล็ดลับ: หากต้องการล้างการจัดรูปแบบข้อความ ให้เลือกข้อความแล้วคลิกรุปแบบ
ล้างการจัดรูปแบบ
- ให้เลือกตำแหน่งที่คุณต้องการเชิงอรรถในเอกสาร จากนั้นในผลลัพธ์สำรวจให้เลื่อนเมาส์ไปเหนือแหล่งที่คุณอ้างและคลิกอ้างอิง
เพื่อเพิ่มเชิงอรรถ
ใช้งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
- ที่ด้านล่างของเอกสาร ให้คลิกสำรวจ
คุณจะเห็นคำแนะนำตามเนื้อหาทางด้านขวา
- (ไม่บังคับ) คลิกรายการวิจัยเพื่อดูเนื้อหาทั้งหมดออนไลน์
- วางเมาส์เหนือรายการงานวิจัยแล้วคลิกเพิ่ม
เพื่อเพิ่มข้อความและเชิงอรรถ
ค้นหาหัวข้อ
- ที่ด้านล่างของเอกสาร ให้คลิกสำรวจ
- ให้ป้อนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการอ้างอิงของคุณในช่องค้นหา (หนังสือ ผู้แต่ง ชื่อบทความ และอื่นๆ)
- คลิกลิงก์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อของคุณ
- คัดลอกและวางข้อความจากเนื้อหาที่แนะนำลงในเอกสารของคุณ
เคล็ดลับ: หากต้องการล้างการจัดรูปแบบข้อความ ให้เลือกข้อความแล้วคลิก รูปแบบ
ล้างการจัดรูปแบบ
- ให้เลือกตำแหน่งที่คุณต้องการเชิงอรรถในเอกสาร จากนั้นในผลลัพธ์สำรวจให้เลื่อนเมาส์ไปเหนือแหล่งที่คุณอ้างและคลิกอ้างอิง
เพื่อเพิ่มเชิงอรรถ
ใช้เครื่องมือสำรวจกับชีต
สเปรดชีตที่มีข้อมูลจำนวนมากอาจสร้างความยุ่งยากในขณะใช้งาน ดูข้อมูลเกี่ยวการสรุปและแผนภูมิด้วยการคลิกปุ่มใน Google ชีต
เริ่มสำรวจข้อมูล
- เปิดสเปรดชีตที่มีข้อมูลในชีต
- เลือกช่วงของเซลล์ คอลัมน์ หรือแถว มิฉะนั้น ระบบจะแสดงข้อมูลเชิงลึกตามตำแหน่งเคอร์เซอร์ของคุณ
- คลิกสำรวจ
ที่ด้านล่าง
- ตามข้อมูลในแผ่นงาน คุณจะดำเนินการต่อไปนี้ได้
- ดูข้อมูลอ้างอิงของแผนภูมิได้ - วางเมาส์เหนือแผนภูมิเพื่อไฮไลต์ข้อมูลในสเปรดชีต
- ถามคำถามเกี่ยวกับข้อมูลของคุณ - ป้อนข้อมูลการค้นหาหรือเลือกคำถามที่แนะนำ หากคำตอบมีสูตร ให้ลากสูตรลงในเซลล์เพื่อเพิ่มสูตร
- เพิ่มแผนภูมิ - วางเมาส์เหนือแผนภูมิแล้วคลิกแทรกแผนภูมิ
- เพิ่มตาราง Pivot - วางเมาส์เหนือตาราง Pivot แล้วคลิกแทรกตาราง Pivot
ใช้เครื่องมือสำรวจกับสไลด์
คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้แอปพลิเคชันหรือซื้อซอฟต์แวร์อื่นเพื่อเพิ่มและแก้ไขรูปภาพให้มีความสวยงามสำหรับการนำไปใช้ในเอกสารและงานนำเสนอ
เพิ่มและแก้ไขรูปภาพ
- ให้เปิดเอกสารหรืองานนำเสนอใน Google ไดรฟ์
- ลากรูปภาพจากคอมพิวเตอร์ของคุณหรือทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- คลิกแทรก
รูปภาพ และเลือกตำแหน่งที่จะรับรูปภาพของคุณจาก (ไดรฟ์ รูปภาพ เว็บ และอื่นๆ)
- ดับเบิลคลิกที่ภาพที่คุณต้องการเพิ่ม
- คลิกแทรก
- (ไม่บังคับ) หากต้องการแก้ไขรูปภาพ ให้คลิกรูปภาพนั้นๆ
ตัวเลือกรูปภาพหรือตัวเลือกรูปแบบ
- แก้ไขตามต้องการดังนี้
- เลือกตัวเลือกสีอื่น
- ปรับความโปร่งใส ความสว่าง หรือความคมชัด
- เพิ่มเงาตกกระทบในสไลด์
- เพิ่มการสะท้อนในสไลด์
หากต้องการเลิกทำการเปลี่ยนแปลงนี้ ให้คลิกรีเซ็ตรูปภาพ
ครอบตัดรูปภาพ
- คลิกเลือกรูปภาพของคุณ
- เลือกตัวเลือกดังต่อไปนี้
- คลิกครอบตัด
แล้วลากกรอบที่ต้องการ
- ในสไลด์ หากต้องการครอบตัดรูปภาพให้เป็นรูปร่าง ให้คลิกลูกศรลง
ถัดจากครอบตัด
และเลือกรูปร่าง
หากต้องการเปลี่ยนกลับเป็นรูปภาพต้นฉบับ ให้เลือกรูปภาพแล้วคลิกรีเซ็ตรูปภาพ
- คลิกครอบตัด
รับคำแนะนำสำหรับรูปภาพ
- ให้คลิกสำรวจ
ที่ด้านล่างของงานนำเสนอหรือเอกสารของคุณ
- ในหน้าต่างสำรวจ ให้คลิกค้นหา
และค้นหาข้อความที่เกี่ยวข้องกับรูปภาพที่คุณต้องการ
- คลิกรูปภาพ จากนั้นวางเมาส์เหนือรูปภาพแล้วคลิกเพิ่ม
รับเนื้อหาที่แนะนำสำหรับงานนำเสนอ
- เปิดงานนำเสนอและคลิกสำรวจ
ในสไลด์
- ป้อนคำค้นหาและกด Enter ในหน้าต่างสำรวจถัดจากค้นหา
- เลือกตัวเลือกดังนี้
- หากต้องการเปิดผลการค้นหาเว็บ ให้คลิกลิงก์ในหัวข้อเว็บ
- หากต้องการเพิ่มรูปภาพ ให้คลิกรูปภาพ วางเมาส์เหนือรูปภาพแล้วคลิกเพิ่ม
- หากต้องการเปิดไฟล์ในไดรฟ์ ให้คลิกไดรฟ์แล้วคลิกไฟล์
ฟอร์มจะช่วยให้คุณจัดการการลงทะเบียนกิจกรรม สร้างแบบทดสอบ วิเคราะห์คำตอบ และอีกมากมายได้
ขั้นตอนถัดไป
Google, Google Workspace และเครื่องหมายและโลโก้ที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องหมายการค้าของ Google LLC ชื่อบริษัทและชื่อผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งหมดเป็นเครื่องหมายการค้าของ บริษัทที่เกี่ยวข้อง