หากต้องทํางานกับเพื่อนร่วมงานที่ทำงานจากระยะไกลและในสํานักงาน โปรดดูวิธีทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมการทํางานแบบผสมผสาน

สัปดาห์ที่ 3: แชร์และทำงานร่วมกันในไฟล์ต่างๆ

หากต้องการใช้แอป Google ในที่ทำงานหรือโรงเรียนให้ได้ประโยชน์ยิ่งขึ้น โปรดลงชื่อสมัครใช้เพื่อทดลองใช้ Google Workspace ฟรี
" "

ทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานด้วยการแชร์ไฟล์ดําเนินการตามรายการตรวจสอบนี้ให้เสร็จสิ้นเพื่อใช้พื้นที่เก็บข้อมูลระบบคลาวด์และการทํางานร่วมกันได้อย่างเชี่ยวชาญ

" "

ขยายทั้งหมด  |  ยุบทั้งหมด

จัดการไฟล์ในไดรฟ์และไฟล์เครื่องมือแก้ไขเอกสาร

ช่องทำเครื่องหมายอัปโหลดไฟล์ไปยัง Google ไดรฟ์เพื่อให้เข้าถึงไฟล์ได้จากทุกอุปกรณ์

คุณจัดเก็บไฟล์ต่างๆ ในไดรฟ์ได้ เช่น รูปภาพ ภาพวาด วิดีโอ และอื่นๆ คุณต้องเก็บไฟล์ในไดรฟ์ในอุปกรณ์เครื่องหนึ่งเท่านั้น และใช้ได้ในอุปกรณ์เครื่องอื่นๆ ทั้งหมดโดยอัตโนมัติ โดยเลือกเก็บไฟล์ในไดรฟ์ได้ 3 วิธี

อัปโหลดไฟล์ไปยังไดรฟ์บนเว็บ

  1. ไปที่ไดรฟ์
  2. คลิก "" ใหม่จากนั้นอัปโหลดไฟล์ หรืออัปโหลดโฟลเดอร์ แล้วเลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ต้องการอัปโหลด
  3. คลิกเปิด

อัปโหลดไฟล์จากอุปกรณ์เคลื่อนที่

หมายเหตุ: หากคุณตัดสินใจถอนการติดตั้งแอปในภายหลัง ไฟล์ในไดรฟ์จะไม่ได้รับผลกระทบและจะยังเข้าถึงได้จากไดรฟ์บนเว็บ

  1. เลือกตัวเลือกเดียวจากตัวเลือกต่อไปนี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์
    • โทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Android: แตะ Google Play Google Play
    • อุปกรณ์ iOS: แตะ App Store iOS App Store
  2. ค้นหาและติดตั้งแอปไดรฟ์
  3. เปิดแอปที่มีไฟล์ที่ต้องการอัปโหลด แตะแชร์ แล้วแตะไดรฟ์

(ขั้นสูง) อัปโหลดไฟล์จากเดสก์ท็อปไปยังไดรฟ์

หากคุณต้องการอัปโหลดไฟล์จากเดสก์ท็อปของคุณ ให้ติดตั้งและใช้Google ไดรฟ์สำหรับเดสก์ท็อป

หมายเหตุ:ไดรฟ์สำหรับเดสก์ท็อปจะพร้อมใช้งานก็ต่อเมื่อผู้ดูแลระบบเปิดใช้งานให้กับสำหรับองค์กรหรือทีมของคุณ

ดูข้อมูลเพิ่มเติม

ช่องทำเครื่องหมายสร้างไฟล์เอกสารใหม่ด้วย URL ทางลัด

แทนที่จะต้องสร้างไฟล์ใหม่ใน Google เอกสาร, ชีต, สไลด์หรือฟอร์มอยู่เรื่อยๆ คุณใช้ URL ทางลัดแทนได้

ให้ป้อน URL ใดๆ ก็ตามต่อไปนี้ในเบราว์เซอร์ของคุณ

  • docs.new
  • sheets.new
  • slides.new
  • forms.new

ไฟล์เปล่าจะเปิดขึ้นและคุณจะเริ่มแก้ไขได้ทันที

ดูข้อมูลเพิ่มเติม

ช่องทำเครื่องหมายไฮไลต์โฟลเดอร์สำคัญด้วยการติดดาวและกำหนดสีโฟลเดอร์

ติดดาวไฟล์และโฟลเดอร์ที่สำคัญ

ติดดาวให้กับไฟล์หรือโฟลเดอร์สำคัญเพื่อให้ค้นหาได้ง่ายในภายหลัง

  1. คลิกขวาที่ไฟล์หรือโฟลเดอร์
  2. เลือกเพิ่มไปยังรายการที่ติดดาว
  3. (ไม่บังคับ) หากต้องการดูไฟล์และโฟลเดอร์ที่ติดดาวทั้งหมด ให้คลิกติดดาวในแถบด้านข้างทางซ้าย

ใส่โค้ดสีให้กับโฟลเดอร์ในไดรฟ์

จัดระเบียบไดรฟ์ให้แสดงด้วยโฟลเดอร์ที่แยกตามสี

  1. คลิกขวาที่โฟลเดอร์ที่ต้องการเปลี่ยน
  2. คลิกเปลี่ยนสี แล้วเลือกสีที่ต้องการ 

ดูข้อมูลเพิ่มเติม

ช่องทำเครื่องหมายจัดการเวอร์ชันต่างๆ ของไฟล์

ก่อนหน้านี้คุณอาจเก็บไฟล์ฉบับร่างไว้หลายฉบับในกรณีที่จำเป็นต้องอ้างอิงหรือเปลี่ยนไปใช้เวอร์ชันก่อนหน้า ไดรฟ์จะเก็บฉบับร่างทั้งหมดไว้ในไฟล์เดียว ซึ่งคุณจะดูหรือคืนค่าเป็นเวอร์ชันก่อนหน้าได้อย่างง่ายดาย

ดูหรือเปลี่ยนกลับเป็นไฟล์ Google เอกสาร ชีต และสไลด์เวอร์ชันก่อนหน้า

  1. เปิดไฟล์ในไดรฟ์
  2. คลิกไฟล์จากนั้นประวัติเวอร์ชันจากนั้นดูประวัติเวอร์ชัน
  3. คลิกการประทับเวลาเพื่อดูเวอร์ชันก่อนหน้าของไฟล์ ที่ด้านล่างของการประทับเวลา คุณจะเห็นข้อมูลต่อไปนี้
    • ชื่อของผู้ที่แก้ไขเอกสาร
    • สีถัดจากชื่อของแต่ละคน โดยการแก้ไขที่ดำเนินการจะปรากฏในสีดังกล่าว
  4. (ไม่บังคับ) หากต้องการเปลี่ยนกลับเป็นเวอร์ชันนี้ ให้คลิกคืนค่าเวอร์ชันนี้

หมายเหตุ: คุณต้องมีเจ้าของหรือสิทธิ์การแก้ไขเพื่อดูประวัติเวอร์ชัน

ดาวน์โหลดหรือเปลี่ยนกลับเป็นไฟล์ที่ไม่ใช่ของ Google เวอร์ชันก่อนหน้าในไดรฟ์

  1. ในไดรฟ์ ให้คลิกไฟล์แล้วคลิกเพิ่มเติม เพิ่มเติมจากนั้นจัดการเวอร์ชัน ที่ด้านขวาบน
  2. คลิกเพิ่มเติม เพิ่มเติมจากนั้นดาวน์โหลด ""เพื่อดาวน์โหลดไฟล์
  3. (ไม่บังคับ) หากต้องการเปลี่ยนกลับเป็นเวอร์ชันก่อนหน้า (เช่นเวอร์ชันที่คุณดาวน์โหลดด้านบน) ให้คลิกอัปโหลดเวอร์ชันใหม่ ค้นหาเวอร์ชันของไฟล์แล้วคลิกเปิด
  4. คลิกปิด

ดูข้อมูลเพิ่มเติม

ช่องทำเครื่องหมายเข้าถึงไฟล์แบบออฟไลน์

หากอินเทอร์เน็ตใช้งานไม่ได้ คุณก็ยังทำงานในไดรฟ์ต่อได้ ตั้งค่าการเข้าถึงแบบออฟไลน์เพื่อให้คุณดูและแก้ไขไฟล์ได้ตลอดเวลา

สำคัญ: เพื่อให้บุคคลอื่นมองไม่เห็นไฟล์ของคุณ โปรดตั้งค่าการเข้าถึงแบบออฟไลน์บนอุปกรณ์ที่เป็นของคุณเท่านั้น

บนเว็บ

เบราว์เซอร์ Chrome เท่านั้น

วิธีตั้งค่าการเข้าถึงแบบออฟไลน์สำหรับเอกสาร ชีต และสไลด์

  1. ติดตั้งส่วนขยาย Google เอกสารออฟไลน์
  2. ในไดรฟ์ ให้คลิกการตั้งค่า ""จากนั้นการตั้งค่า
  3. ในส่วนออฟไลน์ ให้เลือกช่องสร้าง เปิด และแก้ไขไฟล์ Google เอกสาร, ชีต และสไลด์ล่าสุดในอุปกรณ์นี้ขณะออฟไลน์
  4. คลิกเสร็จ
  5. คลิกขวาที่ไฟล์แล้วเปิดใช้งานแบบออฟไลน์ได้

ในอุปกรณ์เคลื่อนที่

เบราว์เซอร์ Chrome เท่านั้น

วิธีตั้งค่าการเข้าถึงแบบออฟไลน์สำหรับเอกสาร ชีต และสไลด์

  1. ในอุปกรณ์ Android หรืออุปกรณ์ Apple iOS ให้เปิดแอป Google เอกสาร ชีต หรือสไลด์
  2. แตะเมนู ""จากนั้นการตั้งค่า
  3. เปิดทำให้ไฟล์ล่าสุดพร้อมใช้งานแบบออฟไลน์

ในคอมพิวเตอร์

วิธีตั้งค่าการเข้าถึงแบบออฟไลน์สำหรับไฟล์ PDF, Microsoft Office และอื่นๆ ในเดสก์ท็อป

  1. คลิก ไดรฟ์สำหรับเดสก์ท็อป ""จากนั้นเปิด Google ไดรฟ์ ""
  2. คลิกขวาที่ไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ต้องการเข้าถึงแบบออฟไลน์
  3. คลิก Drive File Streamจากนั้นใช้งานแบบออนไลน์ได้

โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อเข้าถึงไฟล์ของคุณ 

ช่องทำเครื่องหมายแนบไฟล์ในไดรฟ์ไปกับอีเมลและกิจกรรมในปฏิทิน

แนบไฟล์ไดรฟ์ใน Gmail

  1. ในคอมพิวเตอร์ ให้เปิด Gmail
  2. คลิกเขียนที่ด้านบนซ้าย
  3. คลิก Google ไดรฟ์ Google ไดรฟ์
  4. เลือกไฟล์ที่คุณต้องการแนบ
  5. เลือกวิธีที่ต้องการส่งไฟล์ที่ด้านล่างของหน้าเว็บดังนี้
    • ลิงก์ไดรฟ์: ใช้สำหรับไฟล์ที่จัดเก็บในไดรฟ์ ซึ่งรวมถึงไฟล์ที่สร้างด้วย Google เอกสาร, ชีต, สไลด์ หรือฟอร์ม
    • ไฟล์แนบ: ใช้สำหรับไฟล์ที่ไม่ได้สร้างด้วย Google เอกสาร, ชีต, สไลด์ หรือฟอร์มเท่านั้น
  6. คลิกแทรก

แนบไฟล์ไดรฟ์ในกิจกรรมในปฏิทิน

  1. คลิกช่องเพิ่มคำอธิบายหรือไฟล์แนบ
  2. คลิกไดรฟ์ของฉันหรืออัปโหลดแล้วเลือกไฟล์
  3. คลิกเลือกหรืออัปโหลด ระบบจะแนบไฟล์กับกิจกรรม

หมายเหตุ: หากผู้ดูแลระบบไม่อนุญาตให้แชร์ไฟล์ Google ไดรฟ์กับภายนอกองค์กร คุณสามารถเลือกส่งไฟล์แนบของ Gmail ให้กับผู้เข้าร่วมภายนอกแทนได้

ดูข้อมูลเพิ่มเติม

โปรดดูแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการแชร์

ช่องทำเครื่องหมายปรับแต่งการตั้งค่าการแชร์สำหรับไฟล์และโฟลเดอร์

แชร์ไฟล์หรือโฟลเดอร์กับบุคคลที่ระบุและตั้งค่าระดับการเข้าถึงได้

  1. เลือกไฟล์ที่ต้องการแชร์
  2. คลิกแชร์หรือไอคอนแชร์ Share
  3. ป้อนอีเมลหรือกลุ่มใน Google Groups ที่ต้องการแชร์ด้วย
  4. หากต้องการกำหนดบทบาทในไฟล์ให้กับบุคคล ให้เลือกผู้มีสิทธิ์อ่าน ผู้แสดงความคิดเห็น หรือผู้มิสิทธิ์แก้ไข
  5. หากบัญชีมีสิทธิ์ คุณจะสามารถเพิ่มวันที่หมดอายุของสิทธิ์เข้าถึงได้
  6. เลือกเพื่อแจ้งบุคคลที่แชร์
    • หากต้องการแจ้งให้บุคคลทราบว่าคุณแชร์ไฟล์ด้วย โปรดเลือกช่องถัดจาก "แจ้งบุคคลอื่น" ซึ่งหากคุณแจ้ง อีเมลของบุคคลที่คุณป้อนจะรวมอยู่ในอีเมลนี้ด้วย
    • หากไม่ต้องการแจ้ง ให้ยกเลิกการเลือกช่องนี้
  7. คลิกส่งหรือแชร์

ดูข้อมูลเพิ่มเติม

ช่องทำเครื่องหมายเลือกวันที่หมดอายุของการแชร์
  1. เปิดไฟล์ใน Google ไดรฟ์, Google เอกสาร, Google ชีต หรือ Google สไลด์
  2. คลิกแชร์ จากนั้น ค้นหาผู้ใช้ที่ต้องการให้สิทธิ์ชั่วคราว
    • หากยังไม่ได้แชร์ไฟล์กับบุคคลนั้น ให้เพิ่มอีเมลของผู้ใช้ แล้วคลิกส่งหรือแชร์ คลิกแชร์ที่ด้านขวาบนของเอกสาร
  3. ถัดจากชื่อของบุคคลดังกล่าว ให้คลิกลูกศรลง ลูกศรลง จากนั้น ให้สิทธิ์เข้าถึงชั่วคราว
  4. ข้าง "สิทธิ์เข้าถึงหมดอายุ" ให้คลิกวันที่เพื่อกำหนดวันที่หมดอายุ จากนั้นเลือกวันที่ไม่เกิน 1 ปีนับจากวันที่ปัจจุบัน
  5. คลิกบันทึก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม

ช่องทำเครื่องหมายอนุญาตสิทธิ์ทั่วไปในการเข้าถึงไฟล์
 

คุณเลือกได้ว่าจะให้บุคคลทั่วไปเข้าถึงไฟล์ได้ หรือจำกัดให้เฉพาะคนที่มีสิทธิ์เข้าถึงเท่านั้น หากคุณอนุญาตให้ทุกคนที่มีลิงก์เข้าถึงได้ โฟลเดอร์ของคุณก็จะไม่จำกัดสิทธิ์เข้าถึง

  1. เลือกไฟล์ที่ต้องการแชร์
  2. คลิกแชร์หรือไอคอนแชร์ Share
  3. คลิกลูกศรลง ลูกศรลง ในส่วน "สิทธิ์เข้าถึงทั่วไป"
  4. เลือกบุคคลที่เข้าถึงไฟล์ได้

  1. หากต้องการกำหนดบทบาทในไฟล์ให้กับบุคคล ให้เลือกผู้มีสิทธิ์อ่าน ผู้แสดงความคิดเห็น หรือเอดิเตอร์
  2. คลิกเสร็จสิ้น
ช่องทำเครื่องหมายเลือกแชร์ไฟล์จากโฟลเดอร์ในไดรฟ์ที่แชร์

โดยอย่างน้อยต้องมีสิทธิ์การเข้าถึงแบบผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน

เช่นเดียวกับในไดรฟ์ปกติ มีหลายวิธีที่จะแชร์ไฟล์ใน "ไดรฟ์ที่แชร์" กับผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของไดรฟ์ดังกล่าว

หมายเหตุ: โฟลเดอร์ในไดรฟ์ที่แชร์ไม่สามารถแชร์ได้ นอกจากนี้ องค์กรยังอาจจำกัดความสามารถในการแชร์ไฟล์ของคุณ โปรดสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ดูแลระบบ

แชร์ไฟล์กับบุคคลหรือกลุ่ม

  1. เลือกไฟล์ที่ต้องการแชร์
  2. คลิกแชร์หรือไอคอนแชร์ Share
  3. ป้อนอีเมลหรือกลุ่มใน Google Groups ที่ต้องการแชร์ด้วย
  4. หากต้องการกำหนดบทบาทในไฟล์ให้กับบุคคล ให้เลือกผู้มีสิทธิ์อ่าน ผู้แสดงความคิดเห็น หรือผู้มิสิทธิ์แก้ไข
  5. หากบัญชีมีสิทธิ์ คุณจะสามารถเพิ่มวันที่หมดอายุของสิทธิ์เข้าถึงได้
  6. เลือกเพื่อแจ้งบุคคลที่แชร์
    • หากต้องการแจ้งให้บุคคลทราบว่าคุณแชร์ไฟล์ด้วย โปรดเลือกช่องถัดจาก "แจ้งบุคคลอื่น" ซึ่งหากคุณแจ้ง อีเมลของบุคคลที่คุณป้อนจะรวมอยู่ในอีเมลนี้ด้วย
    • หากไม่ต้องการแจ้ง ให้ยกเลิกการเลือกช่องนี้
  7. คลิกส่งหรือแชร์

แชร์ลิงก์

หากต้องการทำให้ไฟล์เข้าถึงได้อย่างกว้างขวางและหลีกเลี่ยงการจัดการการเข้าถึงในองค์กร คุณจะแชร์ไฟล์ด้วยลิงก์ได้ โดยทุกคนในองค์กรที่มีลิงก์จะเข้าถึงไฟล์ได้ และคุณยังเลือกที่จะอนุญาตให้ผู้ใช้รายอื่นๆ แชร์ลิงก์กับผู้ที่ไม่ได้อยู่ในองค์กรได้ด้วย

  1. คลิกไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ต้องการแชร์ในไดรฟ์ที่แชร์
    หากต้องการแชร์ลิงก์ไปยังไฟล์หรือโฟลเดอร์มากกว่า 1 รายการ ให้กด Shift บนแป้นพิมพ์ค้างไว้และเลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์
  2. ที่ด้านบน ให้คลิกแชร์ Share
  3. (ไม่บังคับ) หากต้องการระบุสิ่งที่ผู้ใช้ดำเนินการกับไฟล์หรือโฟลเดอร์เมื่อคุณแชร์ ให้คลิกเปลี่ยนในส่วนชื่อองค์กร ดังนี้
    • หากต้องการเปลี่ยนสิทธิ์ ให้คลิกลูกศรลง "" ทางด้านขวา แล้วเลือกผู้มีสิทธิ์ดู ผู้แสดงความคิดเห็น หรือผู้แก้ไข สำหรับไฟล์ และผู้มีสิทธิ์ดู ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน หรือผู้จัดการเนื้อหาสำหรับโฟลเดอร์
    • หากต้องการอนุญาตให้แชร์ลิงก์กับภายนอกองค์กรได้ ให้คลิกลูกศรลงข้างชื่อองค์กร ""จากนั้นสาธารณะ

      หมายเหตุ: หากคุณไม่เห็นตัวเลือกนี้ โปรดติดต่อผู้ดูแลระบบ

  4. คลิกคัดลอกลิงก์
  5. คลิกเสร็จ
  6. วางลิงก์ในอีเมล บนเว็บไซต์ หรือที่ใดก็ตามที่ต้องการแชร์

สร้างและทำงานร่วมกันในไฟล์กับทีม

ช่องทำเครื่องหมายแก้ไขเอกสารพร้อมกันกับทีม

หลังจากที่คุณแชร์ไฟล์เอกสาร ชีต หรือสไลด์ ผู้ใช้ก็จะทำงานพร้อมกันได้คราวละหลายๆ คน โดยคุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ผู้ใช้กำลังทำอยู่ได้ตลอดเวลา และระบบจะบันทึกการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างโดยอัตโนมัติ

ช่องทำเครื่องหมายเพิ่มความคิดเห็นและมอบหมายรายการการทำงาน
  1. เลือกข้อความที่ต้องการแสดงความคิดเห็นในเอกสาร ชีต หรือสไลด์
  2. คลิกเพิ่มความคิดเห็น ""
  3. ป้อนความคิดเห็นในช่อง
  4. (ไม่บังคับ) หากต้องการส่งงานหรือความคิดเห็นไปยังบุคคลที่ต้องการโดยตรง ให้ป้อนเครื่องหมายบวก (+) ตามด้วยอีเมลของบุคคลดังกล่าว โดยคุณจะเพิ่มผู้คนกี่คนก็ได้ตามต้องการ ซึ่งแต่ละคนจะได้รับอีเมลที่มีความคิดเห็นของคุณและลิงก์ไปยังไฟล์ดังกล่าว
  5. (ไม่บังคับ) หากต้องการให้สิทธิ์แสดงความคิดเห็นกับบุคคลที่ต้องการ ให้เลือกช่องให้สิทธิ์กับ
  6. คลิกแสดงความคิดเห็นหรือให้สิทธิ์

หมายเหตุ: หากไฟล์มีความคิดเห็นถึงจํานวนสูงสุดแล้ว คุณจะทําสําเนาไฟล์ได้โดยไม่ต้องคัดลอกความคิดเห็นใดๆ

ช่องทำเครื่องหมายตั้งค่าการแจ้งเตือนเมื่อมีความคิดเห็นใหม่
  1. เปิดไฟล์ในเอกสาร ชีต หรือสไลด์
  2. คลิกความคิดเห็น ""จากนั้นการแจ้งเตือน
  3. เลือกว่าต้องการรับการแจ้งเตือนเมื่อใด
    • ทั้งหมด: เมื่อใดก็ตามที่มีการแสดงความคิดเห็น
    • คุณเท่านั้น: เมื่อใดก็ตามที่คนอื่นตอบกลับความคิดเห็นของคุณ หรือความคิดเห็นที่มีคุณในนั้น
    • ไม่เลือก: ไม่ต้องการรับอีเมลเกี่ยวกับความคิดเห็นสำหรับไฟล์ดังกล่าว

ดูข้อมูลเพิ่มเติม

ช่องทำเครื่องหมายเพิ่มและตรวจสอบการแก้ไขที่แนะนำ

คุณสามารถเสนอการเปลี่ยนแปลงได้โดยตรงในเอกสารโดยไม่ต้องแก้ไขข้อความด้วยการแนะนำการแก้ไข คำแนะนำจะไม่เปลี่ยนข้อความต้นฉบับจนกว่าเจ้าของเอกสารจะอนุมัติ คุณต้องมีสิทธิ์แก้ไขหรือแสดงความคิดเห็นในเอกสารเพื่อแนะนำการเปลี่ยนแปลง

1. ตรวจสอบว่าคุณอยู่ในโหมดการแนะนำ ซึ่งอาจแสดงเป็น ""
2. หากต้องการแนะนำการแก้ไข ให้เริ่มจากพิมพ์ในตำแหน่งที่คิดว่าควรทำการแก้ไขในเอกสาร คำแนะนำของคุณจะปรากฏเป็นสีใหม่และข้อความที่คุณทำเครื่องหมายเพื่อลบหรือแทนที่จะถูกขีดฆ่า (แต่จะไม่ลบจนกว่าเจ้าของเอกสารจะอนุมัติคำแนะนำ)
3.

เจ้าของเอกสารจะได้รับอีเมลพร้อมคำแนะนำของคุณ เมื่อคลิกคำแนะนำใดๆ เจ้าของจะยอมรับ Checkmark หรือปฏิเสธ ปิด ได้

แนะนำการแก้ไข

ดูข้อมูลเพิ่มเติม

ช่องทำเครื่องหมายแชทภายในไฟล์เอกสาร

คุณจะทำงานร่วมกันในเอกสารผ่านการแชทได้ด้วย หากมีคนเปิดเอกสารของคุณมากกว่า 1 คน ให้คลิกแสดงแชท แสดงแชท เพื่อเปิดการแชทเป็นกลุ่ม คุณจะเปิดดูความคิดเห็นได้ทันทีโดยไม่ต้องออกจากเอกสาร

ดูข้อมูลเพิ่มเติม

ช่องทำเครื่องหมายตรวจสอบว่าใครเปลี่ยนแปลงไฟล์ของคุณ

วิธีดูการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของไฟล์หรือเปลี่ยนกลับเป็นเวอร์ชันก่อนหน้า

  1. ให้เปิดไฟล์ใน Google ไดรฟ์
  2. จากเอกสาร ชีต หรือสไลด์ ให้เลือกไฟล์จากนั้นประวัติเวอร์ชันจากนั้นดูประวัติเวอร์ชัน

    หมายเหตุ: คุณต้องมีสิทธิ์การเข้าถึงแบบเจ้าของหรือเอดิเตอร์เพื่อเข้าถึงไฟล์

  3. คลิกการประทับเวลาเพื่อดูไฟล์เวอร์ชันก่อนหน้า ใต้การประทับเวลา คุณจะเห็นข้อมูลต่อไปนี้
    • ชื่อของผู้ที่แก้ไขเอกสาร
    • สีถัดจากชื่อของแต่ละคน โดยการแก้ไขจะมีสีตามชื่อของผู้ที่แก้ไข
  4. (ไม่บังคับ) หากต้องการเปลี่ยนกลับ ตั้งชื่อ หรือคัดลอกเวอร์ชันก่อนหน้า ให้คลิกดังนี้
    • คืนค่าเวอร์ชันนี้เพื่อทำให้เป็นเวอร์ชันที่ใช้งานอยู่
    • เพิ่มเติม ""จากนั้นตั้งชื่อเวอร์ชันนี้เพื่อตั้งชื่อเวอร์ชันก่อนหน้า 
    • เพิ่มเติม ""จากนั้นทำสำเนาเพื่อสร้างสำเนาของเวอร์ชันก่อนหน้า

ดูผู้ที่แสดงความคิดเห็น แก้ไข ย้าย หรือแชร์ไฟล์

  1. ในไดรฟ์ คลิกดูรายละเอียด "" ที่ด้านบนขวา
  2. ระบบจะเลือกแท็บกิจกรรมโดยอัตโนมัติและแสดงกิจกรรมทั้งหมดของไดรฟ์ของฉัน รายละเอียดสำหรับแต่ละกิจกรรมประกอบด้วย
    • ไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ได้รับผลกระทบ
    • ผู้ใช้ที่ทำการเปลี่ยนแปลง
    • วันที่และเวลาของกิจกรรม
    • ผู้ใช้รายอื่นที่ได้รับผลกระทบจากกิจกรรม
  3. ในไดรฟ์ของฉัน เลือกรายการใดก็ได้เพื่อดูรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจง

ดูข้อมูลเพิ่มเติม

ช่องทำเครื่องหมายวิธีใช้เครื่องมือสำรวจจากตัวแก้ไขเอกสาร

ใช้เครื่องมือสำรวจกับเอกสาร

ค้นหาและเพิ่มเนื้อหาที่แนะนำลงในเอกสารใน Google เอกสาร เนื้อหาที่แนะนำจะเกี่ยวข้องกับเนื้อหาในเอกสารของคุณ นอกจากนี้คุณยังค้นหาข้อมูลใน Google เอกสารและบนเว็บจากภายในเอกสารได้อีกด้วย

ใช้หัวข้อที่แนะนำ

  1. ที่ด้านล่างของเอกสาร ให้คลิกสำรวจ สำรวจ

    คุณจะเห็นคำแนะนำตามเนื้อหาทางด้านขวา

  2. คลิกหัวข้อ
  3. คลิกลิงก์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อของคุณ
  4. คัดลอกและวางข้อความจากเนื้อหาที่แนะนำลงในเอกสารของคุณ

    เคล็ดลับ: หากต้องการล้างการจัดรูปแบบข้อความ ให้เลือกข้อความแล้วคลิกรุปแบบจากนั้นล้างการจัดรูปแบบ

  5. ให้เลือกตำแหน่งที่คุณต้องการเชิงอรรถในเอกสาร จากนั้นในผลลัพธ์สำรวจให้เลื่อนเมาส์ไปเหนือแหล่งที่คุณอ้างและคลิกอ้างอิง อ้างอิงเป็นเชิงอรรถ เพื่อเพิ่มเชิงอรรถ

ใช้งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

  1. ที่ด้านล่างของเอกสาร ให้คลิกสำรวจ สำรวจ

    คุณจะเห็นคำแนะนำตามเนื้อหาทางด้านขวา

  2. (ไม่บังคับ) คลิกรายการวิจัยเพื่อดูเนื้อหาทั้งหมดออนไลน์
  3. วางเมาส์เหนือรายการงานวิจัยแล้วคลิกเพิ่ม "" เพื่อเพิ่มข้อความและเชิงอรรถ

ค้นหาหัวข้อ

  1. ที่ด้านล่างของเอกสาร ให้คลิกสำรวจ สำรวจ
  2. ให้ป้อนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการอ้างอิงของคุณในช่องค้นหา (หนังสือ ผู้แต่ง ชื่อบทความ และอื่นๆ)
  3. คลิกลิงก์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อของคุณ
  4. คัดลอกและวางข้อความจากเนื้อหาที่แนะนำลงในเอกสารของคุณ

    เคล็ดลับ: หากต้องการล้างการจัดรูปแบบข้อความ ให้เลือกข้อความแล้วคลิก รูปแบบจากนั้นล้างการจัดรูปแบบ

  5. ให้เลือกตำแหน่งที่คุณต้องการเชิงอรรถในเอกสาร จากนั้นในผลลัพธ์สำรวจให้เลื่อนเมาส์ไปเหนือแหล่งที่คุณอ้างและคลิกอ้างอิง อ้างอิงเป็นเชิงอรรถ เพื่อเพิ่มเชิงอรรถ

ดูข้อมูลเพิ่มเติม

ใช้เครื่องมือสำรวจกับชีต

สเปรดชีตที่มีข้อมูลจำนวนมากอาจสร้างความยุ่งยากในขณะใช้งาน ดูข้อมูลเกี่ยวการสรุปและแผนภูมิด้วยการคลิกปุ่มใน Google ชีต

เริ่มสำรวจข้อมูล

  1. เปิดสเปรดชีตที่มีข้อมูลในชีต
  2. เลือกช่วงของเซลล์ คอลัมน์ หรือแถว มิฉะนั้น ระบบจะแสดงข้อมูลเชิงลึกตามตำแหน่งเคอร์เซอร์ของคุณ
  3. คลิกสำรวจ "" ที่ด้านล่าง
  4. ตามข้อมูลในแผ่นงาน คุณจะดำเนินการต่อไปนี้ได้
    1. ดูข้อมูลอ้างอิงของแผนภูมิได้ - วางเมาส์เหนือแผนภูมิเพื่อไฮไลต์ข้อมูลในสเปรดชีต
    2. ถามคำถามเกี่ยวกับข้อมูลของคุณ - ป้อนข้อมูลการค้นหาหรือเลือกคำถามที่แนะนำ หากคำตอบมีสูตร ให้ลากสูตรลงในเซลล์เพื่อเพิ่มสูตร
    3. เพิ่มแผนภูมิ - วางเมาส์เหนือแผนภูมิแล้วคลิกแทรกแผนภูมิ ""
    4. เพิ่มตาราง Pivot - วางเมาส์เหนือตาราง Pivot แล้วคลิกแทรกตาราง Pivot ""

ดูข้อมูลเพิ่มเติม

ใช้เครื่องมือสำรวจกับสไลด์

คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้แอปพลิเคชันหรือซื้อซอฟต์แวร์อื่นเพื่อเพิ่มและแก้ไขรูปภาพให้มีความสวยงามสำหรับการนำไปใช้ในเอกสารและงานนำเสนอ

เพิ่มและแก้ไขรูปภาพ

  1. ให้เปิดเอกสารหรืองานนำเสนอใน Google ไดรฟ์
  2. ลากรูปภาพจากคอมพิวเตอร์ของคุณหรือทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
    1. คลิกแทรกจากนั้นรูปภาพ และเลือกตำแหน่งที่จะรับรูปภาพของคุณจาก (ไดรฟ์ รูปภาพ เว็บ และอื่นๆ)
    2. ดับเบิลคลิกที่ภาพที่คุณต้องการเพิ่ม
  3. (ไม่บังคับ) หากต้องการแก้ไขรูปภาพ ให้คลิกรูปภาพนั้นๆ จากนั้น ตัวเลือกรูปภาพหรือตัวเลือกรูปแบบ
  4. แก้ไขตามต้องการดังนี้
    • เลือกตัวเลือกสีอื่น
    • ปรับความโปร่งใส ความสว่าง หรือความคมชัด
    • เพิ่มเงาตกกระทบในสไลด์
    • เพิ่มการสะท้อนในสไลด์

    หากต้องการเลิกทำการเปลี่ยนแปลงนี้ ให้คลิกรีเซ็ตรูปภาพ รีเซ็ตรูปภาพ

ครอบตัดรูปภาพ

  1. คลิกเลือกรูปภาพของคุณ
  2. เลือกตัวเลือกดังต่อไปนี้
    • คลิกครอบตัด "" แล้วลากกรอบที่ต้องการ
    • ในสไลด์ หากต้องการครอบตัดรูปภาพให้เป็นรูปร่าง ให้คลิกลูกศรลง "" ถัดจากครอบตัด "" และเลือกรูปร่าง

    หากต้องการเปลี่ยนกลับเป็นรูปภาพต้นฉบับ ให้เลือกรูปภาพแล้วคลิกรีเซ็ตรูปภาพ รีเซ็ตรูปภาพ

รับคำแนะนำสำหรับรูปภาพ

  1. ให้คลิกสำรวจ สำรวจ ที่ด้านล่างของงานนำเสนอหรือเอกสารของคุณ
  2. ในหน้าต่างสำรวจ ให้คลิกค้นหา "" และค้นหาข้อความที่เกี่ยวข้องกับรูปภาพที่คุณต้องการ
  3. คลิกรูปภาพ จากนั้นวางเมาส์เหนือรูปภาพแล้วคลิกเพิ่ม ""

รับเนื้อหาที่แนะนำสำหรับงานนำเสนอ

  1. เปิดงานนำเสนอและคลิกสำรวจ "" ในสไลด์
  2. ป้อนคำค้นหาและกด Enter ในหน้าต่างสำรวจถัดจากค้นหา ""
  3. เลือกตัวเลือกดังนี้
    • หากต้องการเปิดผลการค้นหาเว็บ ให้คลิกลิงก์ในหัวข้อเว็บ
    • หากต้องการเพิ่มรูปภาพ ให้คลิกรูปภาพ วางเมาส์เหนือรูปภาพแล้วคลิกเพิ่ม ""
    • หากต้องการเปิดไฟล์ในไดรฟ์ ให้คลิกไดรฟ์แล้วคลิกไฟล์

ดูข้อมูลเพิ่มเติม

ช่องทำเครื่องหมายสร้างแบบสำรวจและแบบทดสอบ

ฟอร์มจะช่วยให้คุณจัดการการลงทะเบียนกิจกรรม สร้างแบบทดสอบ วิเคราะห์คำตอบ และอีกมากมายได้

ขั้นตอนถัดไป

 


Google, Google Workspace และเครื่องหมายและโลโก้ที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องหมายการค้าของ Google LLC ชื่อบริษัทและชื่อผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งหมดเป็นเครื่องหมายการค้าของ บริษัทที่เกี่ยวข้อง

 

 
ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม
เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
แอป Google
เมนูหลัก
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
false