เกี่ยวกับ Conversion จากข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้ง

Conversion จากข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้งเป็นส่วนขยายของเครื่องมือวัด Conversion ในเว็บไซต์หรือแอป เมื่อใช้ Conversion จากข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้ง คุณจะระบุรายละเอียดผลิตภัณฑ์ที่ขายในแต่ละธุรกรรมได้ การให้ข้อมูลเพิ่มเติมนี้ช่วยให้คุณเข้าใจประสิทธิภาพโฆษณาได้ดีขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น คุณสามารถดูยอดขาย รายงานกําไร รวมถึงข้อมูลเชิงลึกขั้นสูงของบัญชีและแคมเปญ Google Ads เช่น จํานวนคําสั่งซื้อ ขนาดรถเข็นโดยเฉลี่ย รายได้ และกําไรขั้นต้น ปัจจุบันการรายงานขั้นสูงที่อิงตาม Conversion จากข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้งรองรับแคมเปญ Performance Max, โฆษณา Shopping และแคมเปญ Search ที่ลิงก์กับบัญชี Google Merchant Center

ประโยชน์สำคัญ

การคลิกโฆษณาอาจนําไปสู่การขายผลิตภัณฑ์ซึ่งแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ที่แสดงในโฆษณา การใช้ Conversion จากข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้งช่วยให้เห็นว่าลูกค้าซื้อสินค้าใดหลังจากคลิกโฆษณา และสินค้าใดขายดีที่สุดเนื่องจากการโฆษณา นอกจากนี้ยังช่วยให้วิเคราะห์รูปแบบการขายครอสเซลและระบุผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนทำให้ลูกค้าเพิ่มสินค้าลงในตะกร้ามากขึ้นหรือมูลค่าการสั่งซื้อสูงขึ้นได้ด้วย ผู้ลงโฆษณาที่รายงาน Conversion จากข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้งจะทราบข้อมูลต่อไปนี้

  • การวัดรายได้และกําไรที่เกิดจากแคมเปญ Google Ads ที่รองรับอย่างชัดเจน
  • การรายงานสินค้าที่ขาย ขนาดรถเข็น และมูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ยอย่างละเอียด
  • การรายงานผลิตภัณฑ์สำหรับการขายครอสเซลอย่างละเอียด (โฆษณา Shopping เท่านั้น)

ข้อกำหนด

หากคุณใช้เครื่องมือวัด Conversion ของ Google Ads (GACT) หรือเครื่องมือวัด Conversion ของ SA360 อยู่แล้ว ก็เพียงเพิ่มข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้งลงในแท็ก Conversion ที่มีอยู่ แต่หากไม่มีเครื่องมือวัด Conversion คุณจะต้องตั้งค่าเครื่องมือวัด Conversion ก่อน หรือในกรณีที่ตั้งค่า Conversion ของ Google Analytics 4 หรือ Firebase ไว้แล้ว คุณสามารถนำเข้าไปยัง Google Ads เพื่อดูเมตริก Conversion จากข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้งได้

การรายงานและข้อมูลเชิงลึกซึ่งอิงตามผลิตภัณฑ์ที่ขายจะมี Conversion ทั้งหมดที่ตรงตามข้อกําหนดต่อไปนี้

  • เป็น Conversion การซื้อที่เสนอราคาได้
  • ใช้แท็ก Google หรือ Google Tag Manager
  • เป็น Conversion ของ SA360, Google Analytics 4 หรือ Firebase ที่นําเข้าไปยังบัญชี Google Ads

หากต้องการดูการรายงานกําไร คุณต้องระบุค่าสำหรับแอตทริบิวต์ cost_of_goods_sold (COGS) ในส่วน "ราคาและความพร้อมจำหน่าย" ในข้อมูลจำเพาะสำหรับฟีดผลิตภัณฑ์ของ Merchant Center ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับต้นทุนสินค้าขาย (COGS) [cost_of_goods_sold]

หมายเหตุ: ระบบจะประมวลผลเฉพาะการขายสินค้าจากรหัส Google Merchant Center ที่ลิงก์กับบัญชี Google Ads เพื่อสร้างรายงานและข้อมูลเชิงลึก

ดูวิธีตั้งค่าและทดสอบการรายงาน Conversion จากข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้ง

ใช้เมตริกการรายงานเพิ่มเติม

เมื่อคุณส่งข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้งสําหรับ Conversion การซื้อ Google Ads จะใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อสร้างเมตริกและรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับยอดขายและผลิตภัณฑ์ที่ขาย นอกจากนี้ Google Ads จะรวมรายได้จากสินค้าที่ขายเข้ากับข้อมูลต้นทุนสินค้าขาย (COGS) ที่เกี่ยวข้องซึ่งคุณได้ระบุไว้ในฟีด Merchant Center และใช้ในการสร้างเมตริกเพิ่มเติมโดยพิจารณาจากกําไรขั้นต้น

รายงาน Conversion จากรถเข็นช่วยให้คุณทราบสิ่งที่ลูกค้าซื้อหลังจากโต้ตอบกับโฆษณา ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณโฆษณารองเท้า รายงานประสิทธิภาพปกติจะแสดงให้เห็นว่า Conversion การซื้อมาจากการโฆษณารองเท้าดังกล่าว แต่ไม่ได้บอกว่าลูกค้าซื้อรองเท้ารุ่นที่โฆษณาหรือไม่ หรือซื้อผลิตภัณฑ์อื่นหรือไม่ รายงาน Conversion จากรถเข็นจะให้ข้อมูลนี้เพื่อให้คุณทราบว่าลูกค้าไปซื้ออะไร

กล่าวโดยสรุปคือการรายงานข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้งช่วยให้คุณได้รับรายงานประสิทธิภาพและข้อมูลเชิงลึกขั้นสูงที่ทำให้เข้าใจประสิทธิภาพการขายจริงได้ดียิ่งขึ้น เช่น

  • มิติข้อมูลการเสนอราคาที่แตกต่างกัน (เช่น อุปกรณ์หรือสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์) ส่งผลต่อขนาดรถเข็นและมูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ยอย่างไร
  • ผู้ใช้ซื้อสินค้าอื่นนอกเหนือจากที่แสดงในโฆษณาที่คลิกหรือไม่
  • ผู้ใช้ซื้อสินค้าในโฆษณาที่คลิกหรือไม่
  • การเสนอราคารายการใด (แคมเปญ กลุ่มโฆษณา กลุ่มผลิตภัณฑ์ หรือกลุ่มรายชื่อ) กระตุ้นยอดขายผลิตภัณฑ์
  • การเสนอราคารายการใดให้ผลกำไรขั้นต้นสูงสุด

เมื่อมีข้อมูลมากขึ้น คุณก็จะเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญได้ดีขึ้นและมีข้อมูลในการตัดสินใจทางธุรกิจมากขึ้น ตัวอย่างเช่น เมื่อทราบข้อมูลเชิงลึกจากการรายงานรถเข็นแล้ว คุณอาจเลือกเสนอราคาให้สูงขึ้นสําหรับผลิตภัณฑ์ที่ทําให้ได้ตะกร้ามูลค่าสูงกว่า

เมตริกหลักที่ใช้ในการรายงานข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้ง

เมตริกการรายงานมีอยู่ในตารางสถิติที่ระดับแคมเปญ กลุ่มโฆษณา และผลิตภัณฑ์ ส่วนเมตริกที่ใช้ข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้งจะอยู่ในกลุ่มคอลัมน์ "Conversion"

เมตริกการขายที่มีการระบุแหล่งที่มา

เมตริกการขายที่มีการระบุแหล่งที่มาจะวัดผลของผลิตภัณฑ์ในฐานะเครื่องมือสร้างผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า โดยระบุว่าโฆษณาที่แสดงผลิตภัณฑ์ทำให้เกิดการขายผลิตภัณฑ์นั้นๆ และ/หรือนําไปสู่การขายผลิตภัณฑ์อื่นๆ หรือไม่ ระบบจะคำนวณเมตริกเหล่านี้สำหรับคำสั่งซื้อทั้งหมดที่เกิดจากการคลิกโฆษณาของผลิตภัณฑ์ที่เฉพาะเจาะจง คุณดูเมตริกเหล่านี้ได้ในหน้าผลิตภัณฑ์ หน้ากลุ่มโฆษณา หน้าแคมเปญ และเครื่องมือแก้ไขรายงาน เมตริกข้างต้นประกอบด้วยข้อมูลต่อไปนี้

เมตริก คำอธิบาย
คำสั่งซื้อ

คําสั่งซื้อคือจํานวน Conversion การซื้อทั้งหมดที่คุณได้รับ ซึ่งระบุว่ามาจากโฆษณาของคุณ

วิธีการทํางาน: คุณสามารถรายงาน Conversion จากข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้งสําหรับการซื้อที่เสร็จสมบูรณ์บนเว็บไซต์หรือแอปได้ หาก Conversion ที่มาจากการโต้ตอบกับโฆษณาก่อนหน้านี้ (การคลิกโฆษณาแบบข้อความหรือ Shopping การดูโฆษณาวิดีโอ เป็นต้น) ระบบจะนับเป็นคําสั่งซื้อ

ตัวอย่าง: มีผู้คลิกโฆษณา Shopping สําหรับหมวก จากนั้นซื้อหมวกใบนั้นและเสื้ออีก 1 ตัวในคําสั่งซื้อบนเว็บไซต์หรือแอป แม้ว่าจะซื้อผลิตภัณฑ์ 2 รายการ แต่ระบบจะนับเป็น 1 คำสั่งซื้อ

รายได้

รายได้คือจำนวนเงินทั้งหมดที่เกิดจากคําสั่งซื้อที่มาจากโฆษณา

วิธีการทํางาน: คุณสามารถรายงาน Conversion จากข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้งสําหรับการซื้อที่เสร็จสมบูรณ์บนเว็บไซต์หรือแอปได้ รายได้คือมูลค่ารวมของคําสั่งซื้อทั้งหมดที่คุณได้รับจากโฆษณาของคุณ ลบด้วยส่วนลดใดก็ตาม

ตัวอย่าง: มีผู้คลิกโฆษณา Shopping สําหรับหมวก จากนั้นซื้อหมวกใบนั้นและเสื้ออีก 1 ตัวในคําสั่งซื้อจากเว็บไซต์หรือแอป หมวกราคา 300 บาทและเสื้อราคา 600 บาท คําสั่งซื้อทั้งหมดมีส่วนลด 150 บาท รายได้จากคําสั่งซื้อนี้เท่ากับ 750 บาท = (300 บาท + 600 บาท) - 150 บาท

ต้นทุนสินค้าขาย
(COGS)

ต้นทุนสินค้าขาย (COGS) คือยอดรวมของต้นทุนผลิตภัณฑ์ที่คุณขายในคําสั่งซื้อที่มาจากโฆษณา

วิธีการทํางาน: คุณสามารถเพิ่มมูลค่าต้นทุนสินค้าขายไปยังผลิตภัณฑ์ทั้งหมดใน Merchant Center ได้ หากคุณรายงาน Conversion จากข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้ง ระบบจะจับคู่ผลิตภัณฑ์ที่ขายกับมูลค่าต้นทุนสินค้าขาย ซึ่งสามารถใช้เพื่อคํานวณกําไรขั้นต้นจากคําสั่งซื้อแต่ละรายการได้

ตัวอย่าง: มีผู้คลิกโฆษณา Shopping สําหรับหมวก จากนั้นซื้อหมวกใบนั้นและเสื้ออีก 1 ตัว หมวกมีมูลค่าต้นทุนสินค้าขายที่ 90 บาท เสื้อมีมูลค่าต้นทุนสินค้าขายที่ 150 บาท ต้นทุนสินค้าขายสําหรับคําสั่งซื้อนี้คือ 240 บาท = 90 บาท + 150 บาท

กำไรขั้นต้น

กําไรขั้นต้นคือกําไรที่เกิดจากคําสั่งซื้อที่มาจากโฆษณาลบด้วยต้นทุนสินค้าขาย (COGS)

วิธีการทํางาน: กําไรขั้นต้นคือรายได้จากการขายที่มาจากโฆษณาลบด้วยต้นทุนสินค้าขาย การคํานวณกําไรขั้นต้นจะรวมเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าต้นทุนสินค้าขายใน Merchant Center เท่านั้น

ตัวอย่าง: มีผู้คลิกโฆษณา Shopping สําหรับหมวก จากนั้นซื้อหมวกใบนั้นและเสื้ออีก 1 ตัวในคําสั่งซื้อจากเว็บไซต์หรือแอป หมวกราคา 300 บาทและเสื้อราคา 600 บาท หมวกมีมูลค่าต้นทุนสินค้าขาย 90 บาท แต่เสื้อไม่มีมูลค่าต้นทุนสินค้าขาย กําไรขั้นต้นสําหรับคําสั่งซื้อนี้จะพิจารณาเฉพาะหมวก ซึ่งคือ 210 บาท = 300 บาท - 90 บาท

ส่วนต่างกำไรขั้นต้น

ส่วนต่างกำไรขั้นต้นคือเปอร์เซ็นต์กําไรขั้นต้นที่เกิดจากคำสั่งซื้อที่ได้จากโฆษณา หลังหักต้นทุนสินค้าขาย (COGS)

วิธีการทํางาน: คุณสามารถรายงาน Conversion จากข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้งสําหรับการซื้อที่เสร็จสมบูรณ์บนเว็บไซต์หรือแอปได้ ส่วนต่างกำไรขั้นต้นมาจากกําไรขั้นต้นที่คุณสร้างขึ้นหารด้วยรายได้ทั้งหมด แล้วคูณด้วย 100% การคํานวณส่วนต่างกำไรขั้นต้นจะรวมเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าต้นทุนสินค้าขายใน Merchant Center เท่านั้น 

ตัวอย่าง: มีผู้ซื้อหมวกและเสื้อในคำสั่งซื้อบนเว็บไซต์หรือแอป หมวกราคา 300 บาทและต้นทุนสินค้าขายอยู่ที่ 90 บาท เสื้อราคา 600 บาท แต่ไม่มีมูลค่าต้นทุนสินค้าขาย ส่วนต่างกําไรขั้นต้นสําหรับคําสั่งซื้อนี้คำนวณเฉพาะหมวกเนื่องจากมีมูลค่าต้นทุนสินค้าขาย จึงเท่ากับ 70% = (300 - 90 บาท)/300 บาท x 100% 

มูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ย

มูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ยคือรายได้เฉลี่ยที่คุณสร้างขึ้นต่อคําสั่งซื้อที่มาจากโฆษณาของคุณ

วิธีการทํางาน: คุณสามารถรายงาน Conversion จากข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้งสําหรับการซื้อที่เสร็จสมบูรณ์บนเว็บไซต์หรือแอปได้ มูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ยคือรายได้ทั้งหมดจากคําสั่งซื้อหารด้วยจํานวนคําสั่งซื้อทั้งหมด

ตัวอย่าง: คุณได้รับคําสั่งซื้อ 3 รายการซึ่งทําให้มีรายได้ 300 บาท 450 บาท และ 600 บาท มูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ยจะเท่ากับ 450 บาท (300 บาท + 450 บาท + 600 บาท)/3

ขนาดรถเข็นโดยเฉลี่ย

ขนาดรถเข็นโดยเฉลี่ยคือจํานวนผลิตภัณฑ์โดยเฉลี่ยในคําสั่งซื้อแต่ละรายการที่เกิดจากโฆษณาของคุณ

วิธีการทํางาน: คุณสามารถรายงาน Conversion จากข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้งสําหรับการซื้อที่เสร็จสมบูรณ์บนเว็บไซต์หรือแอปได้ ขนาดรถเข็นโดยเฉลี่ยคือจํานวนผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่ขายหารด้วยจํานวนคําสั่งซื้อทั้งหมดที่คุณได้รับ

ตัวอย่าง: คุณได้รับคําสั่งซื้อ 2 รายการ คำสั่งซื้อแรกมีผลิตภัณฑ์ 3 รายการ และคำสั่งซื้อที่สองมี 2 รายการ ขนาดรถเข็นโดยเฉลี่ยคือ 2.5 รายการ = (3+2)/2 

นอกจากนี้ เมตริกบางรายการยังใช้ได้ในตัวแปรทั้ง 2 รูปแบบคือ โอกาสในการขาย (การขายผลิตภัณฑ์ที่โฆษณา) และการขายครอสเซล (การขายจากการโฆษณาผลิตภัณฑ์อื่น)

เมตริก คำอธิบาย
รายได้จากผลิตภัณฑ์ที่โฆษณา

รายได้จากผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาคือจํานวนเงินทั้งหมดที่ได้มาจากผลิตภัณฑ์ที่ขายได้เนื่องจากการโฆษณาผลิตภัณฑ์นั้นๆ


วิธีการทํางาน: คุณสามารถรายงาน Conversion จากข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้งสําหรับการซื้อที่เสร็จสมบูรณ์บนเว็บไซต์หรือแอปได้ หากโฆษณาที่มีการโต้ตอบก่อนการซื้อมีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง (โฆษณา Shopping) ระบบจะถือว่าผลิตภัณฑ์นี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่โฆษณา ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในคําสั่งซื้อของลูกค้าจะถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายได้ หากผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาและผลิตภัณฑ์ที่ขายได้ตรงกัน มูลค่ารวมจากการขายผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะปรากฏใต้รายได้จากผลิตภัณฑ์ที่โฆษณา


ตัวอย่าง: มีผู้คลิกโฆษณา Shopping สําหรับหมวก จากนั้นซื้อหมวกใบนั้นและเสื้ออีก 1 ตัว หมวกราคา 300 บาทและเสื้อราคา 600 บาท รายได้จากผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาของคำสั่งซื้อนี้คือ 300 บาท 

รายได้จากการขายครอสเซล

รายได้จากการขายครอสเซลคือจํานวนเงินทั้งหมดที่คุณได้มาจากผลิตภัณฑ์ที่ขายได้จากการโฆษณาผลิตภัณฑ์อื่น


วิธีการทํางาน: คุณสามารถรายงาน Conversion จากข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้งสําหรับการซื้อที่เสร็จสมบูรณ์บนเว็บไซต์หรือแอปได้ หากโฆษณาที่มีการโต้ตอบก่อนการซื้อมีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง (โฆษณา Shopping) ระบบจะถือว่าผลิตภัณฑ์นี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่โฆษณา ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในคําสั่งซื้อของลูกค้าจะถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายได้ หากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ตรงกันก็จะถือว่าเป็นการขายครอสเซล รายได้จากการขายครอสเซลคือมูลค่าทั้งหมดที่คุณได้มาจากการขายครอสเซลที่มาจากโฆษณาของคุณ


ตัวอย่าง: มีผู้คลิกโฆษณา Shopping สําหรับหมวก จากนั้นซื้อหมวกใบนั้นและเสื้ออีก 1 ตัว หมวกราคา 300 บาทและเสื้อราคา 600 บาท รายได้จากการขายครอสเซลสําหรับคําสั่งซื้อนี้เท่ากับ 600 บาท

กำไรขั้นต้นจากผลิตภัณฑ์ที่โฆษณา

กําไรขั้นต้นจากผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาคือกําไรที่คุณได้จากผลิตภัณฑ์ที่ขายได้จากการโฆษณาผลิตภัณฑ์เดียวกันลบด้วยต้นทุนสินค้าขาย (COGS)


วิธีการทํางาน: คุณสามารถรายงาน Conversion จากข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้งสําหรับการซื้อที่เสร็จสมบูรณ์บนเว็บไซต์หรือแอปได้ หากโฆษณาที่มีการโต้ตอบก่อนการซื้อมีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง (โฆษณา Shopping) ระบบจะถือว่าผลิตภัณฑ์นี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่โฆษณา ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในคําสั่งซื้อของลูกค้าจะถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายได้ หากผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาและผลิตภัณฑ์ที่ขายได้ตรงกัน กําไรขั้นต้นจากผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาจะมาจากรายได้จากการขายเหล่านี้ลบด้วยต้นทุนสินค้าขาย


ตัวอย่าง: มีผู้คลิกโฆษณา Shopping สําหรับหมวก จากนั้นซื้อหมวกใบนั้นและเสื้ออีก 1 ตัว หมวกราคา 300 บาทและต้นทุนสินค้าขายอยู่ที่ 90 บาท กำไรขั้นต้นจากผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาของคำสั่งซื้อนี้เท่ากับ 210 บาท = 300 บาท - 90 บาท

กำไรขั้นต้นจากการขายครอสเซล

กําไรขั้นต้นจากการขายครอสเซลคือกําไรที่คุณได้จากผลิตภัณฑ์ที่ขายได้จากการโฆษณาผลิตภัณฑ์อื่นลบด้วยต้นทุนสินค้าขาย (COGS)


วิธีการทํางาน: คุณสามารถรายงาน Conversion จากข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้งสําหรับการซื้อที่เสร็จสมบูรณ์บนเว็บไซต์หรือแอปได้ หากโฆษณาที่มีการโต้ตอบก่อนการซื้อมีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง (โฆษณา Shopping) ระบบจะถือว่าผลิตภัณฑ์นี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่โฆษณา ผลิตภัณฑ์ใดๆ ที่อยู่ในการขายจะถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายได้ หากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ตรงกันก็จะถือว่าเป็นการขายครอสเซล กําไรขั้นต้นจากการขายครอสเซลคือรายได้จากการขายครอสเซลที่มาจากโฆษณาลบด้วยต้นทุนสินค้าขาย


ตัวอย่าง: มีผู้คลิกโฆษณา Shopping สําหรับหมวก จากนั้นซื้อหมวกใบนั้นและเสื้ออีก 1 ตัว เสื้อราคา 600 บาทและมีมูลค่าต้นทุนสินค้าขาย 150 บาท กําไรขั้นต้นจากการขายครอสเซลสําหรับคําสั่งซื้อนี้คือ 450 บาท = 600 บาท - 150 บาท

จำนวนผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาซึ่งขายได้

จํานวนผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาซึ่งขายได้คือจํานวนรวมของผลิตภัณฑ์ที่ขายได้จากการโฆษณาผลิตภัณฑ์นั้นๆ

วิธีการทํางาน: คุณสามารถรายงาน Conversion จากข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้งสําหรับการซื้อที่เสร็จสมบูรณ์บนเว็บไซต์หรือแอปได้ หากโฆษณาที่มีการโต้ตอบก่อนการซื้อมีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง (โฆษณา Shopping) ระบบจะถือว่าผลิตภัณฑ์นี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่โฆษณา ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในคําสั่งซื้อของลูกค้าจะถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายได้ หากผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาและผลิตภัณฑ์ที่ขายได้ตรงกัน จํานวนผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่ขายได้จะปรากฏในจํานวนผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาซึ่งขายได้


ตัวอย่าง: มีผู้คลิกโฆษณา Shopping สําหรับหมวก จากนั้นซื้อหมวกใบนั้น พร้อมกับเสื้อและแจ็คเก็ตอย่างละหนึ่งตัว จํานวนผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาซึ่งขายได้ในคําสั่งซื้อนี้คือ 1 ชิ้น

จำนวนที่ขายได้จากการขายครอสเซล

จำนวนที่ขายได้จากการขายครอสเซลคือจํานวนรวมของผลิตภัณฑ์ที่ขายได้จากการโฆษณาผลิตภัณฑ์อื่น

วิธีการทํางาน: คุณสามารถรายงาน Conversion จากข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้งสําหรับการซื้อที่เสร็จสมบูรณ์บนเว็บไซต์หรือแอปได้ หากโฆษณาที่มีการโต้ตอบก่อนการซื้อมีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง (โฆษณา Shopping) ระบบจะถือว่าผลิตภัณฑ์นี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่โฆษณา ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในคําสั่งซื้อของลูกค้าจะถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายได้ หากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ตรงกันก็จะถือว่าเป็นการขายครอสเซล จำนวนที่ขายได้จากการขายครอสเซลคือจํานวนรวมของผลิตภัณฑ์ที่ทําให้เกิดการขายแบบครอสเซลจากคําสั่งซื้อทั้งหมดที่มาจากโฆษณาของคุณ


ตัวอย่าง: มีผู้คลิกโฆษณา Shopping สําหรับหมวก จากนั้นซื้อหมวกใบนั้น พร้อมกับเสื้อและแจ็คเก็ตอย่างละหนึ่งตัว จำนวนที่ขายได้จากการขายครอสเซลในคําสั่งซื้อนี้คือ 2

ต้นทุนสินค้าขายจากผลิตภัณฑ์ที่โฆษณา

ต้นทุนสินค้าขายจากผลิตภัณฑ์ที่โฆษณา (COGS) คือต้นทุนรวมของผลิตภัณฑ์ที่ขายได้จากการโฆษณาผลิตภัณฑ์เดียวกัน


วิธีการทํางาน: คุณสามารถรายงาน Conversion จากข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้งสําหรับการซื้อที่เสร็จสมบูรณ์บนเว็บไซต์หรือแอปได้ หากโฆษณาที่มีการโต้ตอบมีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง (โฆษณา Shopping) ระบบจะถือว่าผลิตภัณฑ์นี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่โฆษณา ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในคําสั่งซื้อของลูกค้าจะถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายได้ หากผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาและผลิตภัณฑ์ที่ขายได้ตรงกัน ต้นทุนของสินค้าเหล่านี้จะนับภายใต้ต้นทุนสินค้าขายจากผลิตภัณฑ์ที่โฆษณา


ตัวอย่าง: มีผู้คลิกโฆษณา Shopping สําหรับหมวก จากนั้นซื้อหมวกใบนั้นและเสื้ออีก 1 ตัว หมวกมีมูลค่าต้นทุนสินค้าขายที่ 90 บาท เสื้อมีมูลค่าต้นทุนสินค้าขายที่ 150 บาท ต้นทุนสินค้าขายจากผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาสําหรับคําสั่งซื้อนี้เท่ากับ 90 บาท

ต้นทุนสินค้าขายจากการขายครอสเซล

ต้นทุนสินค้าขายจากการขายครอสเซล (COGS) คือต้นทุนรวมของผลิตภัณฑ์ที่ขายได้จากการโฆษณาผลิตภัณฑ์อื่น


วิธีการทํางาน: คุณสามารถรายงาน Conversion จากข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้งสําหรับการซื้อที่เสร็จสมบูรณ์บนเว็บไซต์ได้ หากโฆษณาที่มีการโต้ตอบก่อนการซื้อมีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง (โฆษณา Shopping) ระบบจะถือว่าผลิตภัณฑ์นี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่โฆษณา ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในคําสั่งซื้อของลูกค้าจะถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายได้ หากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ตรงกันก็จะถือว่าเป็นการขายครอสเซล ต้นทุนสินค้าขายจากการขายครอสเซลคือต้นทุนรวมของผลิตภัณฑ์ที่ขายโดยไม่ได้โฆษณา


ตัวอย่าง: มีผู้คลิกโฆษณา Shopping สําหรับหมวก จากนั้นซื้อหมวกใบนั้นและเสื้ออีก 1 ตัว หมวกมีมูลค่าต้นทุนสินค้าขายที่ 90 บาท เสื้อมีมูลค่าต้นทุนสินค้าขายที่ 150 บาท ต้นทุนสินค้าขายจากการขายครอสเซลสําหรับคําสั่งซื้อนี้คือ 150 บาท 

เมตริกการขายจริง

เมตริกการขายจริงจะวัดผลผลิตภัณฑ์ในคำสั่งซื้อที่ขายได้จริง เมตริกเหล่านี้จะช่วยให้คุณทราบว่าผู้ใช้ซื้ออะไรเมื่อคลิกโฆษณา ดูเมตริกเหล่านี้ได้ในเครื่องมือแก้ไขรายงาน นอกจากเมตริกทั้งหมดข้างต้นแล้วยังมีเมตริกต่อไปนี้ด้วย

  • กำไรขั้นต้น: กำไรทั้งหมดจากผลิตภัณฑ์หนึ่งๆ เมตริกนี้จะใช้ได้เฉพาะเมื่อคุณระบุ cost_of_goods_sold (COGS) ไว้เท่านั้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับต้นทุนสินค้าขาย (COGS) [cost_of_goods_sold]
  • รายได้: รายได้ทั้งหมดจากผลิตภัณฑ์หนึ่งๆ
  • จํานวนที่ขาย: ยอดขายรวมของผลิตภัณฑ์หนึ่งๆ ซึ่งได้จากการโฆษณา

เพื่อช่วยคุณประหยัดเวลา CwCD มีรายงานที่กำหนดไว้ล่วงหน้าหลายรายการซึ่งตอบคําถามที่เจาะจงเกี่ยวกับข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้งได้

หมายเหตุ
หากนําเข้า Conversion ของ Google Analytics 4 หรือ Firebase แล้ว คุณอาจสังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างค่าของเมตริกเหล่านี้ในบัญชี Analytics กับเมตริก Conversion จากข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้งในบัญชี Google Ads ซึ่งไม่ได้หมายความว่าคุณใช้การติดตามผิดเสมอไป แต่อาจเป็นผลจากวิธีการติดตามที่แตกต่างกัน
 
เมื่อคุณส่งออกข้อมูลเป้าหมายที่สำเร็จและธุรกรรมอีคอมเมิร์ซของ Analytics ไปยัง Google Ads แล้ว Google Ads จะทำการคำนวณข้อมูลดังกล่าวแตกต่างจากวิธีคำนวณของ Analytics คุณจึงอาจเห็นความแตกต่างบางอย่างในมูลค่าที่คำนวณระหว่างผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 รายการด้วยเช่นกัน แม้ว่าข้อมูลสำคัญจะเหมือนกันก็ตาม ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปรียบเทียบเมตริก Conversion ของ Analytics และ Google Ads
 

Conversion จากข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้งสําหรับโฆษณา Search

โฆษณา Search ไม่ได้เชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์ที่เฉพาะเจาะจง ดังนั้นคุณจะไม่เห็นเมตริกการขายที่มีการระบุแหล่งที่มา อย่างไรก็ตาม เมตริกการขายจริงจะใช้ได้กับผลิตภัณฑ์ที่ขายซึ่งเป็นผลมาจากการคลิกโฆษณา Search ระบบจะระบุผลิตภัณฑ์ที่ขายโดยใช้ฟีด Merchant Center ซึ่งลิงก์กับบัญชี Google Ads ที่แสดงโฆษณา Search ดังกล่าว คุณลิงก์ฟีด Merchant Center กับบัญชี Google Ads ได้แม้ว่าจะไม่ได้แสดงโฆษณา Shopping หรือ Performance Max

การรองรับ Conversion จากหลายอุปกรณ์

Google จะพิจารณา Conversion จากหลายอุปกรณ์เพื่อให้การรายงานเมตริกที่ใช้ข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้งสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เราใช้โมเดลที่อิงตามข้อมูลที่รวบรวมแบบไม่ระบุตัวบุคคลจากผู้ใช้ที่เคยลงชื่อเข้าใช้บริการของ Google โมเดลเหล่านี้จะกําหนด Conversion จากหลายอุปกรณ์ที่ Google ไม่สามารถสังเกตการณ์โดยตรงให้กับเมตริกที่ใช้ข้อมูลรถเข็นช็อปปิ้ง วิธีนี้ช่วยให้เราสร้างรายงานพฤติกรรมการใช้หลายอุปกรณ์ซึ่งรวม Conversion ที่สังเกตได้และ Conversion โดยประมาณเข้าด้วยกันโดยไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
true
Achieve your advertising goals today!

Attend our Performance Max Masterclass, a livestream workshop session bringing together industry and Google ads PMax experts.

Register now

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
14208963007228146990
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false