ปัญหาเกี่ยวกับการตั้งค่าแคมเปญ Performance Max

เครื่องมือแก้ปัญหาที่มีคำแนะนำจะช่วยคุณระบุ อธิบาย และแก้ไขสาเหตุที่อาจทำให้เกิดความผันผวนที่ไม่คาดคิดของค่าใช้จ่ายในแคมเปญ Performance Max
 

หากแคมเปญ Performance Max ไม่ทำงานตามที่คาดไว้ อาจเป็นเพราะเกิดปัญหาเฉพาะเจาะจงกับการกำหนดเป้าหมาย เครื่องมือวัด Conversion หรือการตั้งค่าแคมเปญ บทความนี้จะช่วยแก้ปัญหาแคมเปญของคุณในสถานการณ์ต่อไปนี้

ก่อนเริ่มต้น

คุณสามารถสร้างแคมเปญ Performance Max เพื่อลงโฆษณาได้โดยการตั้งค่าหรือใส่ข้อมูลครีเอทีฟโฆษณาเพียงเล็กน้อย แคมเปญตามเป้าหมายเหล่านี้ใช้ AI ของ Google และการทดสอบเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเพิ่มประสิทธิภาพในช่องทางต่างๆ เช่น ฟีด Discover, Display, Gmail, Google Maps, เว็บไซต์พาร์ทเนอร์ของ Google, Google Search และ YouTube ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีสร้างแคมเปญ Performance Max

โปรดคํานึงถึงสิ่งต่อไปนี้เมื่อจะตรวจสอบประสิทธิภาพของแคมเปญ

  • การเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา: หากต้องการได้รับผลลัพธ์ที่แม่นยํา โปรดรอสักพัก (อย่างน้อย 2-3 วัน) หลังจากทําการเปลี่ยนแปลงแคมเปญแล้วก่อนที่จะวิเคราะห์ผลลัพธ์
  • ตรวจสอบเมตริกที่เหมาะสม: เมื่อใช้กลยุทธ์การเสนอราคา Smart Bidding คุณควรยืนยันว่าเมตริกความสําเร็จตรงกับเป้าหมายของแคมเปญ

วิธีการ

ขั้นตอนการแก้ปัญหาข้อผิดพลาดระหว่างการตั้งค่าแคมเปญ

  1. ตรวจสอบการตั้งค่ากลุ่มชิ้นงานและพิจารณาว่าเกินขีดจํากัดหรือไม่
    • ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีสร้างกลุ่มชิ้นงาน
    • ตัวอย่าง: มีการเพิ่มบรรทัดแรก 16 รายการ แต่แคมเปญรองรับบรรทัดแรกได้ไม่เกิน 15 รายการ
  2. สําหรับผู้ลงโฆษณาที่มีฟีด Merchant Center แนบอยู่ ให้ตรวจสอบว่า URL สุดท้ายตรงกับ URL ที่แนบอยู่ใน Merchant Center
    • URL ต้องตรงกันจึงจะสร้างแคมเปญ Performance Max ได้
หมายเหตุ: หากเปิด Final URL Expansion ไว้ Google อาจใช้หน้า Landing Page ที่มีความเกี่ยวข้องมากกว่าโดยอิงจากคำค้นหาของผู้ใช้แทน URL สุดท้าย และสร้างบรรทัดแรก คําอธิบาย และชิ้นงานเพิ่มเติมแบบไดนามิกเพื่อให้สอดคล้องกับเนื้อหาในหน้า Landing Page ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชิ้นงานที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติ

ขั้นตอนการแก้ปัญหาอื่นๆ ในการแสดงแคมเปญ

แคมเปญแสดงในหน้า Landing Page แบบไม่คาดคิดหรือไม่เหมาะสม

หากคุณสังเกตเห็นว่าโฆษณาแสดงหน้า Landing Page ที่คุณไม่ได้ตั้งใจใช้กับแคมเปญ นั่นอาจเป็นเพราะเปิด Final URL Expansion ไว้ เมื่อมีการเปิด Final URL Expansion ไว้ Google จะสร้างบรรทัดแรก คําอธิบาย และชิ้นงานอื่นๆ แบบไดนามิกเพื่อให้ตรงกับจุดประสงค์ในการค้นหาของผู้ใช้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ Final URL Expansion กับ Performance Max

หากไม่ต้องการให้ Google เลือกหน้า Landing Page อื่น คุณสามารถเลือกไม่ใช้ฟีเจอร์ Final URL Expansion ได้โดยทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้

  1. คลิกไอคอนแคมเปญ ไอคอนแคมเปญ ในบัญชี Google Ads
  2. ในหมวดหมู่เมนู คลิกแคมเปญในเมนูแบบเลื่อนลง
  3. คลิกแคมเปญ
  4. คลิกแท็บการตั้งค่า
  5. เลือกแคมเปญ Performance Max ที่ต้องการแก้ไข
  6. ขยายส่วน "Final URL Expansion" ในส่วน "การตั้งค่าเพิ่มเติม"
  7. เลือกเพื่อปิดฟีเจอร์นี้
  8. คลิกบันทึก

แคมเปญแสดงชิ้นงานที่ไม่ได้ตั้งใจ

หากคุณสังเกตเห็นว่าโฆษณาแสดงชิ้นงานที่ไม่ได้ตั้งใจ อาจเป็นเพราะ Final URL Expansion เปิดอยู่ เมื่อมีการเปิด Final URL Expansion ไว้ Google จะสร้างบรรทัดแรก คําอธิบาย และชิ้นงานอื่นๆ แบบไดนามิกเพื่อให้ตรงกับจุดประสงค์ในการค้นหาของผู้ใช้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การใช้ Final URL Expansion กับ Performance Max

หากไม่ต้องการให้ Google เลือกหน้า Landing Page อื่น คุณสามารถเลือกไม่ใช้ฟีเจอร์ Final URL Expansion ได้โดยทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้

  1. คลิกไอคอนแคมเปญ ไอคอนแคมเปญ ในบัญชี Google Ads
  2. ในหมวดหมู่เมนู คลิกแคมเปญในเมนูแบบเลื่อนลง
  3. คลิกแคมเปญ
  4. คลิกแท็บการตั้งค่า
  5. เลือกแคมเปญ Performance Max ที่ต้องการแก้ไข
  6. ขยายส่วน "Final URL Expansion" ในส่วน "การตั้งค่าเพิ่มเติม"
  7. เลือกเพื่อปิดฟีเจอร์นี้
  8. คลิกบันทึก

การแสดงโฆษณาในตําแหน่งที่ไม่เกี่ยวข้องหรือไม่พึงประสงค์

การยกเว้นตําแหน่งช่วยให้คุณยกเว้นโฆษณาไม่ให้แสดงในตําแหน่งของหน้าเว็บ เว็บไซต์ แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ และวิดีโอที่เฉพาะเจาะจงซึ่งคุณไม่ต้องการให้โฆษณาแสดง ฟีเจอร์นี้อาจส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพของแคมเปญเนื่องจากจํากัดการแสดง และควรใช้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านความปลอดภัยของแบรนด์เท่านั้น โดยคุณอาจยกเว้นเว็บไซต์และแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ไม่เหมาะสมกับแบรนด์ แคมเปญ Performance Max จะใช้การยกเว้นตําแหน่งระดับบัญชีและระดับ MCC ทั้งหมด การยกเว้นตําแหน่งระดับแคมเปญยังไม่สามารถใช้งานได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธียกเว้นตําแหน่งในระดับบัญชี

โฆษณาแสดงในสถานที่ที่ไม่ได้ตั้งใจ

การกำหนดเป้าหมายตามสถานที่ในแคมเปญ Performance Max มีอยู่ 2 ประเภท ได้แก่

  • สถานที่ตั้งหรือความสนใจ: ผู้ที่อยู่ในสถานที่เป้าหมายหรือปกติอยู่ในสถานที่เป้าหมาย หรือแสดงความสนใจสถานที่เป้าหมาย (แนะนํา)
  • สถานที่ตั้ง: ผู้ที่อยู่ในสถานที่เป้าหมายหรือปกติอยู่ในสถานที่เป้าหมาย

เมื่อแคมเปญทำงานแล้ว คุณจะดูสถานที่ของผู้ใช้ที่โฆษณาแสดงอยู่ได้ทั้งจากในมุมมองแผนที่ของหน้า "ภาพรวม" และจากการคลิกแท็บ "สถานที่" ซึ่งคาดว่าจะได้รับการเข้าชมปานกลางจากภายนอกสถานที่เป้าหมายที่เจาะจง

ตัวอย่าง: หากแคมเปญกําหนดเป้าหมายไปยังผู้ใช้ในลำปางโดยอิงจาก "สถานที่ตั้ง" แคมเปญจะแสดงโฆษณาต่อผู้ใช้ที่อยู่ในลำปางเท่านั้น หากแคมเปญกําหนดเป้าหมายไปยังผู้ใช้ในลำปางโดยอิงจาก "สถานที่ตั้งหรือความสนใจ แคมเปญจะแสดงโฆษณาต่อทั้งผู้ใช้ที่อยู่ในลำปางและผู้ใช้ที่แสดงความสนใจในลำปาง

หากสังเกตเห็นการแสดงโฆษณาที่ไม่ต้องการจากสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมาย คุณเพิ่มสถานที่เหล่านี้เป็นการยกเว้นได้

  1. คลิกไอคอนแคมเปญ ไอคอนแคมเปญ ในบัญชี Google Ads
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลงกลุ่มเป้าหมาย คีย์เวิร์ด และเนื้อหาในหมวดหมู่เมนู
  3. คลิกสถานที่ตั้ง
  4. คลิกแท็บ "การยกเว้น"
  5. คลิกแก้ไขสถานที่ตั้งหรือไอคอนดินสอเพื่อเพิ่มสถานที่ตั้งที่จะยกเว้น
  6. ป้อนสถานที่ตั้งที่จะยกเว้น แล้วคลิกบันทึก

ตรวจสอบรายการการยกเว้นตำแหน่งระดับบัญชีในบัญชีย่อย (ภายใน MCC)

  1. คลิกไอคอนบัญชี Accounts icon. ในบัญชีดูแลจัดการ จากนั้นเลือกเมนูแบบเลื่อนลงการตั้งค่าบัญชีย่อยในหมวดหมู่เมนู
  2. ตรวจสอบว่า "รายการการยกเว้นตำแหน่งที่ใช้" ปรากฏอยู่ในตาราง หากไม่เห็น ให้คลิกไอคอน "คอลัมน์" รูปภาพของไอคอนคอลัมน์ Google Ads เพื่อเพิ่ม
  3. ในคอลัมน์ "รายการการยกเว้นตำแหน่งที่ใช้" ของแคมเปญที่กําลังตรวจสอบ
    • ขีดกลางจะแสดงขึ้นหากไม่มีการใช้รายการการยกเว้น
    • ชื่อรายการจะแสดงขึ้นหากมีการใช้รายการการยกเว้น

ตรวจสอบรายการการยกเว้นตำแหน่งระดับบัญชีในบัญชีย่อย (ภายในบัญชีย่อย)

  1. คลิกไอคอนแคมเปญ ไอคอนแคมเปญ ในบัญชี Google Ads
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลงกลุ่มเป้าหมาย คีย์เวิร์ด และเนื้อหาในหมวดหมู่เมนู
  3. คลิกเนื้อหา
  4. คลิกการยกเว้นตําแหน่งจากเมนูแบบเลื่อนลง
  5. คลิกเพิ่มตัวกรอง จากนั้นเลือกระดับ
  6. เลือกช่องข้างบัญชีที่ต้องการดูแคมเปญ
  7. คลิกใช้

ขั้นตอนการแก้ปัญหาแคมเปญที่มีฟีด Merchant Center

สําหรับผู้ลงโฆษณาที่อัปเกรดแคมเปญ Shopping เป็น Performance Max

  • ชิ้นงานที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติใช้ร่วมกับโฆษณา Shopping ไม่ได้
  • แคมเปญ Performance Max จะมีลำดับความสำคัญเหนือกว่าแคมเปญ Shopping ที่มีอยู่เดิมซึ่งแสดงผลิตภัณฑ์เดียวกันในบัญชี Google Ads เดียวกัน ดังนั้นเมื่อคุณเริ่มใช้งานแคมเปญ Performance Max การใช้จ่ายในแคมเปญ Shopping อาจลดลง (แม้ว่าแคมเปญ Performance Max จะมีงบประมาณต่ำกว่าแคมเปญ Shopping ดังกล่าว) และแคมเปญ Performance Max จะไต่ระดับขึ้นมาแทน
  • เราขอแนะนำให้ผู้ลงโฆษณากำหนดงบประมาณของแคมเปญ Performance Max ให้ใกล้เคียงกับแคมเปญ Shopping ที่มีอยู่สำหรับผลิตภัณฑ์เดียวกันเพื่อลดผลกระทบด้านประสิทธิภาพ
  • แคมเปญ Performance Max อาจใช้เวลา 2-3 วันเพื่อไต่ระดับ เมื่อแคมเปญ Performance Max ทํางานสมบูรณ์แล้ว คุณควรหยุดแคมเปญ Shopping ชั่วคราว หากแคมเปญ Shopping และแคมเปญ Performance Max ยังคงทำงานต่อไปพร้อมกัน แคมเปญ Shopping อาจยังคงใช้จ่ายในแพลตฟอร์มบางแห่ง และทำให้แคมเปญ Performance Max เพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างไม่เต็มที่

หลักเกณฑ์การใช้แบรนด์

หมายเหตุ: การแสดงและการควบคุมสำหรับแบรนด์ รวมถึงโลโก้ธุรกิจและข้อมูลทางธุรกิจ จะรวมไว้ที่ระดับแคมเปญ ตรวจสอบว่าคุณไม่ได้ลงแคมเปญที่มีโลโก้และข้อมูลทางธุรกิจแยกกันอยู่ในกลุ่มชิ้นงานต่างๆ เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจาก Google Ads ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกำหนดของโลโก้ธุรกิจและข้อมูลทางธุรกิจ

หลักเกณฑ์การใช้แบรนด์ช่วยให้คุณควบคุมวิธีนำเสนอแบรนด์ในชิ้นงานอัตโนมัติหรือรูปแบบแคมเปญ Performance Max ได้ คุณสามารถอัปโหลดการปรับแต่งต่อไปนี้ได้ง่ายๆ ในที่เดียวกัน 1 ครั้งต่อแคมเปญ

  • แบบอักษรของแบรนด์
  • สีของแบรนด์
  • ชื่อธุรกิจ
  • ชิ้นงานโลโก้ธุรกิจ (1-5 รูป)
แคมเปญ Performance Max ใช้ AI ของ Google เพื่อสรุปจุดเด่นของสินค้าที่สำคัญโดยใช้ URL สุดท้าย คุณจะตรวจสอบข้อมูลแบรนด์ที่ Google สร้างขึ้นได้ จากนั้นสามารถปรับหลักเกณฑ์การใช้แบรนด์ตามเป้าหมายของแบรนด์และแคมเปญได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การใช้แบรนด์

การเข้าชมส่วนใหญ่ที่มาจากกลุ่มชิ้นงานเดียว

  • เมื่อตั้งค่ากลุ่มชิ้นงานสำหรับแคมเปญ Performance Max ในธุรกิจค้าปลีก คุณไม่ควรกำหนดเป้าหมายผลิตภัณฑ์ให้ซ้อนทับกันระหว่างกลุ่มชิ้นงาน (เช่น กลุ่มชิ้นงาน 1 และกลุ่มชิ้นงาน 2 ไม่ควรกําหนดเป้าหมายเป็นผลิตภัณฑ์ A ถึง Z ทั้งคู่ กลุ่มชิ้นงาน 1 ควรกําหนดเป้าหมายเฉพาะผลิตภัณฑ์ A ถึง L และกลุ่มชิ้นงาน 2 ควรกําหนดเป้าหมายเฉพาะผลิตภัณฑ์ M ถึง Z)

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
17668580296119231747
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false