การระบุแหล่งที่มาคือการดำเนินการในการกำหนดเครดิตสำหรับ Conversion ให้กับโฆษณา การคลิก และปัจจัยต่างๆ ตามเส้นทางของผู้ใช้ในการทำ Conversion จนเสร็จสมบูรณ์ หากคุณมีบทบาทผู้แก้ไขสําหรับพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 คุณสามารถปรับการตั้งค่า 4 รายการที่ส่งผลต่อการระบุแหล่งที่มาของพร็อพเพอร์ตี้ได้ ซึ่งได้แก่ รูปแบบการระบุแหล่งที่มาของการรายงาน แชแนลที่มีสิทธิ์ได้รับเครดิตสําหรับ Conversion ที่เกิดในเว็บที่แชร์กับ Google Ads และกรอบเวลา Conversion สําหรับ (1) เหตุการณ์ Conversion การได้ผู้ใช้ใหม่ และ (2) เหตุการณ์ Conversion อื่นๆ ทั้งหมด
บทความนี้ประกอบด้วยเกี่ยวกับรูปแบบการระบุแหล่งที่มาของการรายงาน
รูปแบบการระบุแหล่งที่มาอาจเป็นกฎ ชุดของกฎ หรืออัลกอริทึมที่อิงตามข้อมูลซึ่งกำหนดวิธีการให้เครดิตสำหรับ Conversion แก่ทัชพอยต์ในเส้นทาง Conversion ในการตั้งค่าการระบุแหล่งที่มา คุณสามารถเลือกการระบุแหล่งที่มาโดยอิงตามข้อมูล รูปแบบที่อิงตามกฎของแชแนลแบบมีค่าใช้จ่ายและแบบทั่วไป เช่น ลดลงตามเวลาบนแชแนลแบบมีค่าใช้จ่ายและแบบทั่วไป หรือรูปแบบคลิกสุดท้ายบนแชแนลแบบมีค่าใช้จ่ายของ Google ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการระบุแหล่งที่มาและรูปแบบการระบุแหล่งที่มา
ใช้ส่วนรูปแบบการระบุแหล่งที่มาของการรายงานเพื่อเลือกรูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่ต้องการใช้คำนวณเครดิต Conversion ในรายงานภายในพร็อพเพอร์ตี้ Analytics รวมถึงในรายงาน Conversion ของโปรเจ็กต์ Firebase ที่ลิงก์ไว้ การเปลี่ยนรูปแบบการระบุแหล่งที่มาจะมีผลกับทั้งข้อมูลประวัติและข้อมูลในอนาคต
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะแสดงในรายงานทั้งหมดที่ใช้มิติข้อมูลการเข้าชมระดับเหตุการณ์ เช่น แหล่งที่มา สื่อ แคมเปญ และ Channel Group เริ่มต้น รายงานที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ รายงานรายละเอียด Conversion และการสํารวจ คุณจะเห็นรายการมิติข้อมูลทั้งหมดที่ใช้กับการระบุแหล่งที่มาได้ในการสํารวจ มิติข้อมูลการเข้าชมระดับผู้ใช้และเซสชัน เช่น แหล่งที่มาของเซสชันหรือสื่อของผู้ใช้ครั้งแรกจะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนรูปแบบการระบุแหล่งที่มาของการรายงาน
หมายเหตุ: เราเริ่มใช้การระบุแหล่งที่มาแต่ละรูปแบบไม่พร้อมกัน (อ่านด้านล่าง) ซึ่งหมายความว่าหากคุณเลือกช่วงวันที่ที่มีกรอบเวลาก่อน "วันที่เริ่มต้น" ของรูปแบบ คุณจะเห็นข้อมูลเพียงบางส่วน
- การระบุแหล่งที่มาโดยอิงตามข้อมูลของแชแนลแบบมีค่าใช้จ่ายและแบบทั่วไป: 1 พฤศจิกายน 2021
- รูปแบบที่อิงตามกฎสำหรับแชแนลแบบชำระเงินและแบบทั่วไป: 14 มิถุนายน 2021
คุณจะเห็นว่าเมตริก Conversion, รายได้ทั้งหมด, รายได้จากการซื้อ และรายได้รวมจากโฆษณามีการเปลี่ยนแปลงเมื่อใช้กับมิติข้อมูลการเข้าชมระดับเหตุการณ์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่เลือก เมื่อเปลี่ยนไปใช้รูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่ไม่ใช่คลิกสุดท้าย คุณอาจเห็นทศนิยมหรือ "เครดิตบางส่วน" เป็นครั้งแรกในคอลัมน์เหล่านี้ เนื่องจากระบบจะกระจายเครดิตของ Conversion ไปยังการโต้ตอบกับโฆษณาหลายรายการที่ทำให้เกิด Conversion ตามรูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่คุณเลือก
เกี่ยวกับแชแนลที่สามารถรับเครดิตสําหรับ Conversion ที่แชร์กับ Google Ads
นําเข้า Conversion ของ Google Analytics ไปยังบัญชี Google Ads ที่ลิงก์อยู่ได้ การตั้งค่านี้ช่วยให้คุณเลือกแชแนลที่มีสิทธิ์ได้รับเครดิต Conversion สําหรับ Conversion ที่เกิดในเว็บที่แชร์กับ Google Ads ได้
- แชแนลแบบมีค่าใช้จ่ายของ Google: เฉพาะแชแนลแบบมีค่าใช้จ่ายของ Google Ads เท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้รับเครดิต Conversion
- แชแนลแบบมีค่าใช้จ่ายและแบบทั่วไป: แชแนลแบบมีค่าใช้จ่ายและแบบทั่วไปมีสิทธิ์ได้รับเครดิต Conversion แต่เฉพาะเครดิตที่กําหนดให้กับแชแนล Google Ads เท่านั้นที่จะปรากฏในบัญชี Google Ads ของคุณ
การเปลี่ยนการตั้งค่านี้จะมีผลตั้งแต่นี้ไป และจะมีผลกับบัญชี Google Ads ที่ลิงก์อยู่ทั้งหมด แต่อาจส่งผลกระทบต่อ Conversion ที่นําเข้ามายัง Google Ads เพื่อการเสนอราคาและการรายงาน การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจใช้เวลา 2-3 วันก่อนที่จะแสดงในรายงานและแคมเปญ Google Ads การตั้งค่านี้ไม่ส่งผลต่อการรายงานใน Google Analytics 4
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนําเข้า Conversion ไปยัง Google Ads
เกี่ยวกับกรอบเวลา Conversion
กรอบเวลา Conversion จะเป็นสิ่งกำหนดระยะเวลาย้อนกลับที่ทัชพอยต์มีสิทธิ์ได้รับเครดิตการระบุแหล่งที่มา เช่น กรอบเวลา Conversion 30 วันจะส่งผลให้การจัดสรรเครดิตสำหรับ Conversion ในวันที่ 30 มกราคมจะมีการระบุแหล่งที่มาจนถึงทัชพอยต์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1-30 มกราคมเท่านั้น
กรอบเวลา Conversion จะใช้กับรูปแบบการระบุแหล่งที่มาทั้งหมดและ Conversion ทุกประเภท การเปลี่ยนแปลงกรอบเวลา Conversion จะมีผลตั้งแต่นี้ไป และจะแสดงในรายงานทั้งหมดภายในพร็อพเพอร์ตี้ Analytics
สำหรับเหตุการณ์ Conversion การได้ผู้ใช้ใหม่ (first_open
และ first_visit
) กรอบเวลา Conversion เริ่มต้นคือ 30 วัน คุณสามารถเปลี่ยนเป็น 7 วันได้หากต้องการเปลี่ยนไปใช้การระบุแหล่งที่มาอื่น
สำหรับเหตุการณ์ Conversion อื่นๆ ทั้งหมด กรอบเวลา Conversion เริ่มต้นคือ 90 วัน และคุณยังสามารถเลือก 30 วันหรือ 60 วันได้ด้วย
เลือกการตั้งค่าการระบุแหล่งที่มา
หากต้องการเลือกรูปแบบการระบุแหล่งที่มาและกรอบเวลา Conversion สําหรับพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 คุณต้องมีบทบาทผู้แก้ไขหรือผู้ดูแลระบบในพร็อพเพอร์ตี้นั้น
- ในส่วนผู้ดูแลระบบ ภายในการแสดงข้อมูล ให้คลิกการตั้งค่าการระบุแหล่งที่มา
- ในส่วนรูปแบบการระบุแหล่งที่มาของการรายงาน ให้เลือกรูปแบบการระบุแหล่งที่มาจากเมนูแบบเลื่อนลง ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปแบบการระบุแหล่งที่มาของรายงาน
- ในส่วนกรอบเวลา Conversion ให้เลือกกรอบเวลา Conversion สำหรับเหตุการณ์ Conversion การได้ผู้ใช้ใหม่ และเหตุการณ์ Conversion อื่นๆ ทั้งหมด ตัวเลือกเหตุการณ์ Conversion อื่นๆ ทั้งหมดจะควบคุมการตั้งค่าการระบุแหล่งที่มาของเซสชันด้วย
- คลิกบันทึก
การตั้งค่าการระบุแหล่งที่มาเหล่านี้ไม่ส่งผลต่อรูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่เลือกในรายงานในส่วนการโฆษณา ทุกคนสามารถเลือกรูปแบบการระบุแหล่งที่มาสําหรับการใช้งานส่วนบุคคลได้ภายในรายงานที่อยู่ในส่วนการโฆษณา การเลือกรูปแบบการระบุแหล่งที่มาในส่วนการโฆษณาจะไม่ส่งผลต่อลักษณะข้อมูลที่ผู้ใช้คนอื่นเห็น หรือวิธีคํานวณข้อมูลในรายงานที่อยู่นอกส่วนการโฆษณา