การแจ้งเตือน

Duet AI เปลี่ยนเป็น Gemini สำหรับ Google Workspace แล้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติม

การตั้งค่าสำหรับอุปกรณ์ iOS

รุ่นที่รองรับฟีเจอร์เหล่านี้ (ยกเว้นที่ระบุไว้) ได้แก่ Frontline Starter และ Frontline Standard; Business Starter, Business Standard และ Business Plus; Enterprise Standard และ Enterprise Plus; Education Fundamentals, Education Standard, Teaching and Learning Upgrade, Education Plus และ Endpoint Education Upgrade; Essentials, Enterprise Essentials และ Enterprise Essentials Plus; G Suite Basic และ G Suite Business; Cloud Identity Free และ Cloud Identity Premium  เปรียบเทียบรุ่นของคุณ

ในฐานะผู้ดูแลระบบ คุณจะกําหนดวิธีที่บุคคลใช้บัญชีงานใน iPhone และ iPad ที่มีการจัดการได้ ตัวอย่างเช่น ป้องกันการคัดลอกข้อมูลจากแอปที่มีการจัดการไปยังแอปที่ไม่มีการจัดการ (การปกป้องข้อมูล) ปิดแอปที่ต้องการ และควบคุมข้อมูลงานที่จะซิงค์กับแอป iOS ในเครื่อง

ค้นหาการตั้งค่า

ก่อนที่จะเริ่มต้น: หากต้องการใช้การตั้งค่ากับผู้ใช้บางราย ให้ใส่บัญชีในหน่วยขององค์กร
  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (ที่ไม่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. จากคอนโซลผู้ดูแลระบบ ให้ไปที่เมนู จากนั้น อุปกรณ์จากนั้นอุปกรณ์เคลื่อนที่และปลายทางจากนั้นการตั้งค่าจากนั้นiOS
  3. คลิกหมวดหมู่การตั้งค่าและการตั้งค่า ดูข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งค่าในส่วนต่อไปนี้
  4. หากต้องการใช้การตั้งค่ากับทุกคน ให้เลือกหน่วยขององค์กรระดับบนสุด หรือเลือกหน่วยขององค์กรระดับล่าง
  5. เปิดหรือปิดการตั้งค่า
  6. คลิกบันทึก หากกำหนดค่าหน่วยขององค์กรย่อยแล้ว คุณอาจรับค่าหรือลบล้างการตั้งค่าหน่วยขององค์กรระดับบนสุดได้

การเปลี่ยนแปลงอาจใช้เวลาถึง 24 ชั่วโมง แต่โดยปกติจะใช้เวลาเร็วกว่านั้น ดูข้อมูลเพิ่มเติม

ดัชนีการตั้งค่า iOS

การจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นพื้นฐาน

การปกป้องข้อมูลมีผลกับอุปกรณ์ที่อยู่ภายใต้การจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นพื้นฐานและขั้นสูง

การจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูง

รุ่นที่รองรับฟีเจอร์นี้ ได้แก่ Frontline Starter และ Frontline Standard; Business Plus; Enterprise Standard และ Enterprise Plus; Education Standard, Education Plus และ Endpoint Education Upgrade; Enterprise Essentials และ Enterprise Essentials Plus; G Suite Basic และ G Suite Business; Cloud Identity Premium เปรียบเทียบรุ่นของคุณ

หากต้องการใช้การตั้งค่าเหล่านี้ ให้ตั้งค่าการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูงสำหรับอุปกรณ์ iOS

การตั้งค่าบางอย่างจะมีผลเฉพาะกับอุปกรณ์ของบริษัทที่มีการควบคุมดูแลเท่านั้น ซึ่งได้แก่

อุปกรณ์ iOS ทั้งหมดที่อยู่ภายใต้การจัดการขั้นสูง อุปกรณ์ iOS ของบริษัทที่มีการควบคุมดูแลเท่านั้น
  • การตั้งค่าอุปกรณ์ iOS ของบริษัท - ควบคุมวิธีลงทะเบียนอุปกรณ์ iOS ของบริษัทและควบคุมว่าจะแสดงหน้าจอการตั้งค่าใดบ้าง
  • ฟีเจอร์ของอุปกรณ์ - จำกัดวิธีการที่ผู้ใช้จะปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ในแบบของตนและการใช้ฟีเจอร์บางอย่าง เช่น AirDrop, ScreenTime และการรีเซ็ตเป็นค่าเริ่มต้น
  • เครือข่าย - จํากัดการตั้งค่าอินเทอร์เน็ตมือถือ, บลูทูธ, eSIM, ฮอตสปอตส่วนบุคคล, VPN และการตั้งค่า Wi-Fi ที่ผู้ใช้เปลี่ยนได้
  • แอปและบริการ - จำกัดการติดตั้ง การนำออก และการเปลี่ยนการตั้งค่าแอป
  • แอปของ Apple - จำกัดการใช้งานแอป iOS เช่น FaceTime, iMessage, Game Center และ Podcasts และจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมใน iTunes และ Apple Books
  • การตรวจสอบสิทธิ์ - ควบคุมวิธีการตรวจสอบสิทธิ์ที่ผู้ใช้แก้ไขได้และควบคุมการแชร์และการป้อนรหัสผ่านอัตโนมัติ
  • การเชื่อมต่อ - จำกัดการจับคู่อุปกรณ์และการพิมพ์
  • แป้นพิมพ์และพจนานุกรม - จำกัดการใช้งานการตรวจตัวสะกด, การแก้ไขอัตโนมัติ, QuickPath และ Look Up

 

เปิดทั้งหมด | ปิดทั้งหมด

ใบรับรองของ Apple

Apple Push Notification Service

สร้างและจัดการ Apple Push Certificate ให้กับองค์กร เมื่อคุณตั้งค่าการจัดการปลายทางของ Google เป็นครั้งแรก คุณจะต้องตั้งค่าใบรับรองข้อความพุชเอาไว้ เมื่อใบรับรองใกล้ถึงวันที่หมดอายุ คุณสามารถต่ออายุใบรับรองที่มีอยู่ได้

ต่ออายุใบรับรองเพื่อให้ผู้ใช้ iOS ของคุณไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนอุปกรณ์อีกครั้ง โดยคุณจะต่ออายุใบรับรองที่หมดอายุแล้วไม่ได้

การลงทะเบียนอุปกรณ์ Apple

เชื่อมต่อกับบัญชี Apple Business Manager หรือ Apple School Manager ขององค์กรเพื่อจัดการอุปกรณ์ iOS ของบริษัท โปรดดูวิธีตั้งค่าการจัดการอุปกรณ์ iOS ของบริษัท เมื่อโทเค็นเซิร์ฟเวอร์ MDM ใกล้ถึงวันที่หมดอายุ คุณก็ต่ออายุโทเค็นได้

Apple Volume Purchase Program (VPP)(เบต้า)

การตั้งค่า Apple VPP

ซื้อแอปครั้งละหลายรายการและเผยแพร่ไปยังอุปกรณ์ iOS ที่ลงทะเบียนโดยผู้ใช้ในองค์กรของคุณ คุณจะเชื่อมต่อ Apple Business Manager หรือ Apple School Manager กับบัญชี Google Workspace หรือ Cloud Identity โดยสามารถซื้อใบอนุญาตแอปและซิงค์กับบัญชีโดยใช้โทเค็นเนื้อหาได้ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อเผยแพร่แอป iOS ด้วย Apple VPP

การกำหนดค่าบัญชี (เฉพาะ Google Workspace เท่านั้น)

เปิดทั้งหมด | ปิดทั้งหมด | กลับไปที่ดัชนี

บัญชี Google - การกำหนดค่าการพุชอัตโนมัติ

การตั้งค่านี้จะใช้ไม่ได้เมื่อคุณเปิดการกำหนดค่าพุชที่กำหนดเอง

ซิงค์อีเมล ปฏิทิน และรายชื่อติดต่อ Google Workspace ของผู้ใช้กับแอป iOS ในตัวที่ตรงกันในอุปกรณ์โดยอัตโนมัติ โปรดเลือกช่องพุชการกำหนดค่าบัญชี Google เพื่อดำเนินการดังนี้

  • ซิงค์อีเมล Google Workspace กับแอป Apple Mail
  • ซิงค์กิจกรรมในปฏิทิน Google Workspace กับแอป Apple Calendar
  • ซิงค์รายชื่อติดต่อ Google Workspace กับแอป Apple Contacts
  • อนุญาตให้ผู้ใช้ค้นหาไดเรกทอรีขององค์กรในแอป iOS Contacts

ผู้ใช้จะดูอีเมลและกิจกรรมในปฏิทินผ่านแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของ Google (แนะนำ) หรือในแอป iOS ได้ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อลงทะเบียนอุปกรณ์ iOS ของฉัน

ปิดการเข้าถึง IMAP หากไม่ต้องการให้ผู้ใช้เข้าถึงอีเมลในแอป Apple Mail แต่กิจกรรมในปฏิทินและรายชื่อติดต่อจะยังคงซิงค์กับแอป iOS โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อเปิดและปิดการเข้าถึง POP และ IMAP หากคุณปิดการเข้าถึง IMAP โปรดแจ้งให้ผู้ใช้ทราบว่าจะไม่สามารถซิงค์อีเมล Google Workspace กับแอป Apple Mail ได้อีกต่อไป เพราะผู้ใช้อาจไม่ได้รับการแจ้งเตือนในอุปกรณ์ และหากผู้ใช้พยายามลงชื่อเข้าใช้แอป Apple Mail ด้วยบัญชี Google ในขณะที่การเข้าถึง IMAP ปิดอยู่ ผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้ไม่ได้โดยไม่มีการแจ้งเตือน

เมื่อคุณเปิดการตั้งค่าบัญชี Google ผู้ใช้ที่มีอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนเพื่อรับการจัดการไว้แล้วจะได้รับการแจ้งเตือนเพื่อขอให้เพิ่มรหัสผ่านสำหรับบัญชี Google Workspace ของตน ซึ่งผู้ใช้จะลงทะเบียนอุปกรณ์ใหม่ได้โดยลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google Workspace ด้วยแอปของ Google บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ เช่น แอป Google Device Policy

อีเมล ปฏิทิน และรายชื่อติดต่อ Google Workspace ทั้งหมดจะได้รับการจัดการในอุปกรณ์ ดังนั้นหากคุณบล็อกอุปกรณ์หรือนำบัญชีออก ระบบจะนำอีเมล กิจกรรมในปฏิทิน และรายชื่อติดต่อ Google Workspace ของผู้ใช้ออกจากอุปกรณ์ และจะไม่ซิงค์ข้อมูลเหล่านี้อีก

การกําหนดค่าพุชที่กําหนดเอง - CalDAV

การตั้งค่านี้จะใช้ไม่ได้เมื่อคุณเลือกการกําหนดค่าพุชอัตโนมัติ

Google ปฏิทินจะซิงค์กับแอป iOS Calendar ในอุปกรณ์ของผู้ใช้โดยอัตโนมัติเมื่อเปิด CalDAV

หากคุณเลือกใช้การตั้งค่านี้ กิจกรรมในปฏิทิน Google Workspace จะไม่ได้รับการจัดการอย่างครบวงจรในอุปกรณ์ หากคุณล้างข้อมูลอุปกรณ์หรือบัญชีจากระยะไกล กิจกรรมในปฏิทิน Google Workspace จะหยุดซิงค์และระบบจะนำกิจกรรมที่มีอยู่ทั้งหมดออกจากอุปกรณ์ แต่หากคุณบล็อกอุปกรณ์หรืออุปกรณ์กำลังรอการอนุมัติ กิจกรรมในปฏิทินจะยังซิงค์กับอุปกรณ์และกิจกรรมที่มีอยู่แล้วก็จะยังคงอยู่ในอุปกรณ์ต่อไปด้วย

เมื่อเปิดการตั้งค่านี้ ผู้ใช้ต้องสร้างและป้อนรหัสผ่านสำหรับแอป แทนการใช้รหัสผ่าน Google Workspace ของตนเอง จากนั้นกิจกรรมใน Google Workspace จะซิงค์กับแอป iOS Calendar โดยผู้ใช้สามารถปิดการซิงค์นี้ได้ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อลงทะเบียนอุปกรณ์ iOS ของฉัน

เมื่อคุณปิด CalDAV ผู้ใช้จะยังคงเพิ่มปฏิทินด้วยตนเองได้

การกำหนดค่าพุชที่กำหนดเอง - CardDAV

การตั้งค่านี้จะใช้ไม่ได้เมื่อเปิดใช้การตั้งค่าบัญชี Google ไว้

Google Contacts จะซิงค์กับแอป iOS Contacts ในอุปกรณ์ของผู้ใช้โดยอัตโนมัติเมื่อเปิด CardDAV การตั้งค่านี้ยังช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาไดเรกทอรีขององค์กรในแอป iOS Contacts ได้อีกด้วย

หากคุณเลือกใช้การตั้งค่านี้ รายชื่อติดต่อ Google Workspace จะไม่ได้รับการจัดการอย่างครบวงจรในอุปกรณ์ หากคุณล้างข้อมูลอุปกรณ์หรือบัญชีจากระยะไกล รายชื่อติดต่อของผู้ใช้จะหยุดซิงค์และระบบจะลบรายชื่อติดต่อที่มีอยู่ออกจากอุปกรณ์ แต่หากคุณบล็อกอุปกรณ์หรืออุปกรณ์กำลังรอการอนุมัติ รายชื่อติดต่อจะยังคงซิงค์กับอุปกรณ์

เมื่อเปิด CardDAV ผู้ใช้ต้องสร้างและป้อนรหัสผ่านสำหรับแอป แทนการใช้รหัสผ่าน Google Workspace ของตนเอง จากนั้นรายชื่อติดต่อใน Google Workspace จะซิงค์กับแอป iOS Contacts โดยผู้ใช้สามารถปิดการซิงค์นี้ได้ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อลงทะเบียนอุปกรณ์ iOS ของฉัน

หากคุณแชร์เฉพาะข้อมูลไดเรกทอรีที่เปิดเผยต่อสาธารณะอยู่แล้วด้วยแอปและ API ผู้ใช้จะค้นหาไดเรกทอรีขององค์กรไม่ได้ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้ออนุญาตให้แอปของบุคคลที่สามเข้าถึงข้อมูลไดเรกทอรี

เมื่อคุณปิด CardDAV ผู้ใช้จะยังคงเพิ่มรายชื่อติดต่อด้วยตนเองได้

การลงทะเบียน (เบต้า)

ประเภทการลงทะเบียน
ควบคุมว่าจะจัดการข้อมูลทั้งหมดในอุปกรณ์ iOS ส่วนตัวของผู้ใช้หรือเฉพาะข้อมูลงาน 
เลือกตัวเลือกต่อไปนี้
  • การลงทะเบียนอุปกรณ์ - (ค่าเริ่มต้น) องค์กรของคุณมีสิทธิ์ควบคุมอุปกรณ์ได้เต็มรูปแบบ ซึ่งรวมถึงความสามารถในการล้างข้อมูลทั้งหมดจากอุปกรณ์ คุณสามารถดูคลังของแอปงานในอุปกรณ์และกำหนดให้ผู้ใช้ต้องมีรหัสผ่านของอุปกรณ์ที่รัดกุมได้ 
  • การลงทะเบียนผู้ใช้ - แยกข้อมูลงานและข้อมูลส่วนตัวในอุปกรณ์ iOS เพื่อให้คุณควบคุมข้อมูลงานในอุปกรณ์ได้อย่างเต็มที่ในขณะที่ผู้ใช้ยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวในเรื่องข้อมูลส่วนตัวของตนเองได้ หากคุณต้องการใช้การตั้งค่านี้เฉพาะกับอุปกรณ์เครื่องใหม่เท่านั้น ให้เลือกช่องอนุญาตการลงทะเบียนอุปกรณ์สำหรับผู้ใช้ที่มีอยู่
  • ตัวเลือกของผู้ใช้ - (การลงทะเบียนอุปกรณ์ใหม่เท่านั้น) อนุญาตให้ผู้ใช้เลือกประเภทการลงทะเบียนเมื่อเพิ่มบัญชีงานลงในอุปกรณ์ 
โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่หัวข้อแยกข้อมูลงานและข้อมูลส่วนตัวในอุปกรณ์ iOS

หน้าจอล็อก

เปิดทั้งหมด | ปิดทั้งหมด | กลับไปที่ดัชนี

ศูนย์ควบคุม

อนุญาตให้ผู้ใช้เข้าถึงและเปลี่ยนการตั้งค่าในศูนย์ควบคุมขณะที่อุปกรณ์ล็อกอยู่ได้ โดยศูนย์ควบคุมจะช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงการตั้งค่าและแอปต่างๆ เช่น Wi-Fi, Apple AirDrop และกล้องได้ด้วยการเลื่อนหน้าจอ

หากต้องการบล็อกการเข้าถึงศูนย์ควบคุมในหน้าจอล็อก ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ใช้ศูนย์ควบคุมในหน้าจอล็อก

มุมมองการแจ้งเตือน

อนุญาตให้ผู้ใช้เปิดศูนย์การแจ้งเตือนในอุปกรณ์ที่ล็อกอยู่ได้ โดยศูนย์การแจ้งเตือนจะช่วยให้ผู้ใช้เห็นการแจ้งเตือนล่าสุด เช่น กิจกรรมในปฏิทินหรือสายที่ไม่ได้รับโดยการเลื่อนหน้าจอลงจากด้านบน

หากต้องการป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปิดศูนย์การแจ้งเตือนในอุปกรณ์ที่ล็อกอยู่ ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตมุมมองการแจ้งเตือนในหน้าจอล็อก แต่ผู้ใช้ยังคงเห็นเมื่อมีการแจ้งเตือนใหม่เข้ามา

มุมมองวันนี้

ทำให้ผู้ใช้ดูมุมมองวันนี้ขณะที่อุปกรณ์ล็อกอยู่ได้ โดยมุมมองวันนี้จะแสดงข้อมูลสรุปของวันนั้นๆ เมื่อผู้ใช้เลื่อนหน้าจอจากซ้ายไปขวา ซึ่งข้อมูลนี้อาจประกอบด้วยชื่อกิจกรรมในปฏิทินที่มีความละเอียดอ่อนและบรรทัดหัวเรื่องอีเมล

หากต้องการบล็อกมุมมองวันนี้ในหน้าจอล็อก ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตมุมมองวันนี้ในหน้าจอล็อก

การแชร์ข้อมูล

หากต้องการใช้การตั้งค่าส่วนใหญ่ต่อไปนี้ คุณต้องตั้งค่าการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูงสำหรับอุปกรณ์ iOS แต่การจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูงไม่จำเป็นต้องใช้การตั้งค่าการดำเนินการกับข้อมูล

เปิดทั้งหมด   |   ปิดทั้งหมด   |   กลับไปที่ดัชนี

การดำเนินการกับข้อมูล

รุ่นที่รองรับฟีเจอร์นี้ ได้แก่ Frontline Standard; Enterprise Standard และ Enterprise Plus; Education Standard, Education Plus และ Endpoint Education Upgrade; Cloud Identity Premium เปรียบเทียบรุ่นของคุณ

หากคุณอนุญาตให้ผู้ใช้โอนข้อมูล iOS การตั้งค่าต่อไปนี้จะควบคุมวิธีที่ผู้ใช้โอนข้อมูลงานระหว่างแอป

การป้องกันการขโมยข้อมูลออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลเกิดการรั่วไหลโดยไม่ตั้งใจ และไม่สามารถหยุดการขโมยข้อมูลที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งหมด เช่น การคัดลอกจาก Look Up, การจับภาพหน้าจอ หรือส่วนขยายการแปลภาษา

สําคัญ: ไฟล์บางรายการอาจเปิดในแอปที่ไม่ใช่ของ Google Workspace และไม่ได้อยู่ภายใต้การคุ้มครองข้อมูล

หมายเหตุ: ชีตที่แชร์ของ iOS เรียกอีกอย่างว่ามุมมองกิจกรรม 

อนุญาตให้ผู้ใช้คัดลอกรายการใน Google Workspace ไปยังแอปส่วนตัว

อนุญาตให้ผู้ใช้คัดลอกเนื้อหาจากแอป Google (เช่น Gmail, Google ไดรฟ์, Google เอกสาร, ชีต และสไลด์, Google Chat และ Google Meet) ไปยังแอป Google ในบัญชีส่วนตัวหรือแอปของบุคคลที่สาม และอนุญาตให้ผู้ใช้ลากเนื้อหาไปมาระหว่างแอป Google สำหรับบัญชีใดก็ได้

ยกเลิกการเลือกช่องนี้หากต้องการป้องกันไม่ให้ผู้ใช้คัดลอกหรือลากข้อมูลจากบัญชีงาน หรือใช้ฟีเจอร์กล่องจดหมายทั้งหมด (ซึ่งรวมข้อความจากบัญชี Gmail หลายบัญชีไว้ในกล่องจดหมายเดียว)

หมายเหตุ: เมื่อยกเลิกการเลือกช่องนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาจากแอป Google ที่รองรับการคุ้มครองข้อมูล (Gmail, ไดรฟ์, เอกสาร, ชีต, สไลด์, Chat และ Meet) ไปยังแอป Google ที่ไม่รองรับการคุ้มครองข้อมูล เช่น ปฏิทินหรือ Sites ได้

อนุญาตให้ผู้ใช้แชร์รายการใน Google Workspace ไปยังบัญชีส่วนตัวหรือไปยัง iOS Mail โดยใช้ชีตที่แชร์ของ iOS

อนุญาตให้ผู้ใช้แชร์เนื้อหาในแอป Google (Gmail, ไดรฟ์, เอกสาร, ชีต, สไลด์, Chat และ Meet) จากบัญชีงานไปยังบัญชีส่วนตัวหรือ Apple Mail ได้ ยกเลิกการเลือกช่องนี้หากต้องการป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ใช้ชีตที่แชร์ของ iOS เพื่อแชร์ไฟล์และข้อมูลจากบัญชีงานไปยังบัญชีส่วนตัวหรือ Apple Mail

วิธีเพิ่มเติมในการป้องกันการแชร์ไฟล์กับแอปส่วนตัว

  1. จัดการแอปงาน
  2. ยกเลิกการเลือกช่องสำหรับการตั้งค่าเปิดเอกสารในแอปที่ไม่มีการจัดการ แล้วคลิกบันทึก

อนุญาตให้ผู้ใช้แชร์รายการใน Google Workspace ไปยัง AirDrop โดยใช้ชีตที่แชร์ของ iOS

อนุญาตให้ผู้ใช้แชร์เนื้อหาจากแอป Google (เช่น Gmail, ไดรฟ์, เอกสาร, ชีต, สไลด์, Chat และ Meet) ไปยัง Apple AirDrop โดยใช้ชีตที่แชร์ของ iOS ยกเลิกการเลือกช่องนี้หากต้องการป้องกันไม่ให้ผู้ใช้แชร์รายการใน Google Workspace ไปยัง AirDrop โดยใช้ชีตที่แชร์ของ iOS

อนุญาตให้ผู้ใช้พิมพ์ไฟล์ใน Google Workspace

อนุญาตให้ผู้ใช้พิมพ์เนื้อหาในแอป Google (Gmail, ไดรฟ์, เอกสาร, ชีต, สไลด์, Chat และ Meet) จากบัญชีงาน หากต้องการป้องกันไม่ให้ผู้ใช้พิมพ์ไฟล์ Google Workspace ให้ยกเลิกการเลือกช่องนี้

อนุญาตให้ผู้ใช้บันทึกรายการใน Google Workspace ลงใน Files โดยใช้ชีตที่แชร์ของ iOS

อนุญาตให้ผู้ใช้บันทึกเนื้อหาจากแอป Google (เช่น Gmail, ไดรฟ์, เอกสาร, ชีต, สไลด์, Chat และ Meet) ลงในโฟลเดอร์ Files ของอุปกรณ์โดยใช้ชีตที่แชร์ของ iOS หากไม่ต้องการให้ผู้ใช้บันทึกเนื้อหาจากบัญชีงานด้วยตัวเลือก Save to Files ในชีตที่แชร์ของ iOS ให้ยกเลิกการเลือกช่องนี้

อนุญาตให้ผู้ใช้บันทึกรูปภาพและวิดีโอของ Google Workspace ลงใน Photos บน iOS

อนุญาตให้ผู้ใช้บันทึกรูปภาพและวิดีโอของ Google Workspace ลงใน Photos บน iOS หากต้องการป้องกันไม่ให้ผู้ใช้บันทึกรูปภาพหรือวิดีโอจากบัญชีงานในแอป Google ให้ยกเลิกการเลือกช่องนี้

อนุญาตให้ผู้ใช้มอบหมายรายการไปยัง Contacts โดยใช้ชีตที่แชร์ของ iOS

อนุญาตให้ผู้ใช้มอบหมายรายการจากบัญชีแอปของ Google (เช่น Gmail, ไดรฟ์, เอกสาร, ชีต, สไลด์, Chat และ Meet) ไปยัง Contacts โดยใช้ชีตที่แชร์ของ iOS หากไม่ต้องการให้ผู้ใช้ใช้ตัวเลือก Assign to Contacts ในชีตที่แชร์ของ iOS จากบัญชีงาน ให้ยกเลิกการเลือกช่องนี้

เชื่อถือผู้เขียนแอป

อนุญาตให้ผู้ใช้เชื่อถือแอปสำหรับองค์กรที่ติดตั้งจากภายนอก Apple App Store หรือแอป Google Device Policy

เมื่ออนุญาตให้ผู้ใช้เชื่อถือแอปจากแหล่งที่มาที่ไม่รู้จัก (โดยการเลือกช่อง) และเปิดแอปเป็นครั้งแรกจากแหล่งที่มาที่ไม่รู้จัก ผู้ใช้จะเห็นการแจ้งเตือนว่าอุปกรณ์ไม่เชื่อถือผู้เขียนแอป ซึ่งผู้ใช้จะเลือกเชื่อถือผู้เขียนแอปได้ในการตั้งค่าอุปกรณ์ เมื่อเชื่อถือผู้เขียนแอปแล้ว ผู้ใช้จะติดตั้งแอปอื่นๆ จากผู้เขียนคนเดียวกันและเปิดใช้ได้ทันที

หากต้องการป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เชื่อถือผู้เขียนแอป ให้ยกเลิกการเลือกอนุญาตให้ผู้ใช้เชื่อถือผู้เขียนแอปสำหรับองค์กรรายใหม่ เมื่อยกเลิกการเลือกช่องนี้ ผู้เขียนแอปรายใดก็ตามที่ผู้ใช้เชื่อถือก่อนที่จะใช้การตั้งค่านี้กับอุปกรณ์ของตนจะยังคงมีสถานะเป็นเชื่อถือได้ต่อไป และผู้ใช้ติดตั้งแอปอื่นๆ จากผู้เขียนคนเดียวกันและเปิดใช้ได้

เปิดเอกสารในแอปที่ไม่มีการจัดการ

อนุญาตให้ผู้ใช้เปิดไฟล์งานและลิงก์ในแอปที่ไม่มีการจัดการด้วยบัญชีที่ไม่มีการจัดการและแชร์โดยใช้ Apple AirDrop

หากต้องการกำหนดให้ไฟล์งาน ไฟล์แนบ และลิงก์เปิดได้เฉพาะในแอปที่มีการจัดการด้วยบัญชีที่มีการจัดการเท่านั้น ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้เปิดรายการที่สร้างด้วยแอปที่มีการจัดการในแอปที่ไม่มีการจัดการ ตัวอย่างเช่น ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปิดไฟล์แนบในอีเมลลับจากบัญชีงานในแอปส่วนตัว

หากไม่อนุญาตให้เปิดไฟล์งานและลิงก์ในแอปที่ไม่มีการจัดการ คุณก็ยังสามารถเลือกอนุญาตให้แชร์กับ Apple AirDrop ได้ หากต้องการป้องกันไม่ให้ผู้ใช้แชร์ไฟล์โดยใช้ AirDrop ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้แชร์รายการที่สร้างด้วยแอปที่มีการจัดการโดยใช้ AirDrop

พื้นที่เก็บข้อมูล iCloud

อนุญาตให้แอปที่มีการจัดการใช้ Apple iCloud เพื่อเก็บข้อมูล ข้อมูลที่จัดเก็บใน iCloud จะคงอยู่ในระบบจนกว่าผู้ใช้อุปกรณ์จะนำออก

หากต้องการป้องกันไม่ให้ระบบเก็บข้อมูลแอปงานไว้ใน iCloud ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้แอปที่มีการจัดการเก็บข้อมูลใน iCloud แต่ผู้ใช้ยังคงใช้ iCloud เก็บข้อมูลส่วนตัวได้

เปิดเอกสารในแอปที่มีการจัดการ

อนุญาตให้ผู้ใช้เปิดเอกสาร ไฟล์แนบ และลิงก์ส่วนตัวในแอปที่มีการจัดการด้วยบัญชีที่มีการจัดการของตน

หากต้องการป้องกันไม่ให้แอปที่มีการจัดการเปิดเอกสารหรือลิงก์ส่วนตัว ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้เปิดรายการที่สร้างในแอปที่ไม่มีการจัดการภายในแอปที่มีการจัดการได้ ในกรณีนี้ ผู้ใช้จะเปิดเอกสารและลิงก์ส่วนตัวได้เฉพาะในแอปที่ไม่มีการจัดการในบัญชีส่วนตัวเท่านั้น

ซิงค์โดยใช้อินเทอร์เน็ตมือถือ

อนุญาตให้แอปที่มีการจัดการใช้อินเทอร์เน็ตมือถือเชื่อมต่อ หากอนุญาตให้แอปที่มีการจัดการซิงค์โดยใช้อินเทอร์เน็ตมือถือ คุณเลือกว่าจะอนุญาตให้ซิงค์เมื่อใช้โรมมิ่งหรือไม่ได้อีกด้วย หากต้องการปิดการซิงค์ของแอปที่มีการจัดการขณะใช้โรมมิ่ง ให้ยกเลิกการเลือกอนุญาตให้แอปที่มีการจัดการซิงค์ขณะใช้โรมมิ่ง

หากต้องการป้องกันไม่ให้แอปที่มีการจัดการใช้อินเทอร์เน็ตมือถือ ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้แอปที่มีการจัดการซิงค์โดยใช้อินเทอร์เน็ตมือถือ

การสำรองข้อมูลและการซิงค์ iCloud

หมายเหตุ: ผู้ใช้อุปกรณ์ iOS จะต้องให้สิทธิ์ในการสำรองและซิงค์ข้อมูลอัตโนมัติโดยใช้การตั้งค่าเหล่านี้

เปิดทั้งหมด | ปิดทั้งหมด | กลับไปที่ดัชนี

ซิงค์เอกสาร

อนุญาตให้ผู้ใช้เปิดหรือปิดการซิงค์เอกสารและข้อมูลของอุปกรณ์ iOS กับ iCloud ได้ โดยข้อมูลจากแอป iOS ต่างๆ ของผู้ใช้จะถูกเก็บไว้ใน iCloud แล้วจากนั้นจะซิงค์ข้อมูลกันระหว่างอุปกรณ์ iOS ต่างๆ ที่รองรับของผู้ใช้

หากต้องการบล็อกการซิงค์อุปกรณ์กับ iCloud ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ผู้ใช้ซิงค์เอกสารและข้อมูลกับ iCloud

สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ iOS 13 ขึ้นไป การตั้งค่าจะมีผลเฉพาะกับอุปกรณ์ของบริษัทที่มีการควบคุมดูแลเท่านั้น ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ iOS 12 และรุ่นก่อนหน้า การตั้งค่าจะมีผลกับอุปกรณ์ทั้งหมดที่อยู่ภายใต้การจัดการขั้นสูง

ข้อมูลสำรองที่เข้ารหัส

เมื่อเลือกช่องนี้ ระบบจะบังคับให้มีการเข้ารหัสสำหรับการสำรองข้อมูลทั้งหมดไปยัง Apple iTunes และเมื่อสำรองข้อมูลอุปกรณ์ iOS ไปยัง iTunes ผู้ใช้จะเห็นว่าระบบเลือกช่อง Encrypt local backup หรือ Encrypt iPhone backup ไว้ในหน้าจอสรุปอุปกรณ์ของ iTunes (iTunes Device Summary) ซึ่งผู้ใช้จะยกเลิกการเลือกไม่ได้

เมื่อเปิดการเข้ารหัสการสํารองข้อมูลเป็นครั้งแรก iTunes จะขอให้ผู้ใช้ป้อนรหัสผ่าน ข้อมูลสำรองที่เข้ารหัสจะเก็บอยู่ในคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ และผู้ใช้จะต้องป้อนรหัสผ่านนี้เพื่อกู้คืนอุปกรณ์ iOS

หากต้องการอนุญาตให้ผู้ใช้สำรองข้อมูลอุปกรณ์โดยไม่เข้ารหัส ให้ยกเลิกการเลือกช่องต้องเข้ารหัสลับสำหรับการสํารองข้อมูล

การสำรองข้อมูล iCloud

อนุญาตให้ผู้ใช้สำรองข้อมูลของอุปกรณ์ iOS ไปยัง iCloud ผ่าน Wi-Fi โดยอัตโนมัติทุกวัน โดยอุปกรณ์ iOS จะต้องเปิดเครื่อง ล็อกอยู่ และเสียบกับที่ชาร์จในระหว่างการสำรองข้อมูลไปที่ iCloud

หากต้องการบล็อกการสํารองข้อมูลอุปกรณ์ไปยัง iCloud ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ผู้ใช้สํารองข้อมูลอุปกรณ์โดยใช้ iCloud

ซิงค์ Keychain

อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้ iCloud Keychain จากนั้นระบบจะเก็บชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และหมายเลขบัตรเครดิตของผู้ใช้โดยใช้ Advanced Encryption Standard (AES) แบบ 256 บิตใน iCloud ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะซิงค์ระหว่างอุปกรณ์ iOS ต่างๆ ของผู้ใช้หากอุปกรณ์นั้นรองรับ

หากต้องการป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ใช้ iCloud Keychain ให้ยกเลิกการเลือกอนุญาตให้ผู้ใช้ซิงค์คีย์เชนกับ iCloud

รูปภาพ

เปิดทั้งหมด | ปิดทั้งหมด | กลับไปที่ดัชนี

การสตรีมรูปภาพของฉัน

อนุญาตให้ซิงค์รูปภาพจากกล้องของผู้ใช้กับการสตรีมรูปภาพของฉันใน iCloud ได้ ยกเลิกการเลือกช่องนี้เพื่อทำสิ่งต่อไปนี้

  • ลบรูปภาพในการสตรีมรูปภาพของฉันออกจากอุปกรณ์
  • หยุดซิงค์รูปภาพจากกล้องกับการสตรีมรูปภาพของฉัน
  • ป้องกันรูปภาพและวิดีโอในสตรีมที่แชร์ไม่ให้แสดงในอุปกรณ์

หมายเหตุ: รูปภาพและวิดีโอเหล่านี้อาจจะลบโดยถาวรหากไม่ได้ทำสำเนาไว้ในที่อื่นๆ

iCloud Photo Library

อนุญาตให้ผู้ใช้เก็บรูปภาพและวิดีโอใน iCloud เพื่อให้เข้าถึงได้จากทุกอุปกรณ์

หากต้องการบล็อกการเข้าถึง iCloud Photo Library ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ใช้ iCloud Photo Library ซึ่งระบบจะลบรูปภาพที่ยังดาวน์โหลดมาจาก iCloud Photo Library ไม่เรียบร้อยออกจากอุปกรณ์

การแชร์รูปภาพ iCloud

อนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่มรูปภาพและวิดีโอลงในอัลบั้มที่แชร์ใน iCloud และยังอนุญาตให้ผู้ใช้เชิญให้คนอื่นเพิ่มรูปภาพ วิดีโอ และความคิดเห็นของตนเองลงในอัลบั้มได้ด้วย

หากต้องการป้องกันไม่ให้ผู้ใช้สมัครรับข้อมูลหรือเผยแพร่อัลบั้มที่แชร์ ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตการแชร์รูปภาพของ iCloud

ความปลอดภัยขั้นสูง

เปิดทั้งหมด | ปิดทั้งหมด | กลับไปที่ดัชนี

การจับภาพหน้าจอ

อนุญาตให้ผู้ใช้บันทึกภาพหน้าจอหรืออัดวิดีโอหน้าจอ

หากต้องการบล็อกการจับภาพหน้าจอ ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้บันทึกภาพหน้าจอและอัดวิดีโอหน้าจอ

Siri

อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้ Siri หากต้องการบล็อก Siri ให้ยกเลิกการเลือกอนุญาต Siri

ถ้าอนุญาตให้ผู้ใช้ใช้ Siri คุณก็เลือกว่าจะให้ Siri ตอบสนองต่อผู้ใช้ขณะที่อุปกรณ์ล็อกอยู่หรือไม่ได้อีกด้วย หากต้องการบล็อก Siri ในอุปกรณ์ที่ล็อกอยู่ ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาต Siri ในหน้าจอล็อก

Apple Watch

อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้อุปกรณ์ Apple Watch หลังจากที่ถอดออกจากข้อมือโดยไม่ต้องปลดล็อก

หากต้องการล็อกนาฬิกาโดยอัตโนมัติเมื่อถอดออกจากข้อมือของผู้ใช้ ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ใช้ Apple Watch โดยไม่มีการตรวจจับข้อมือ โดยผู้ใช้จะยังคงปลดล็อก Apple Watch ที่ไม่ได้สวมใส่โดยใช้รหัสผ่านหรือใช้ iPhone ที่จับคู่กันไว้ได้อยู่

Handoff

อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้ Apple Handoff เพื่อส่งข้อมูลของแอปไปมาระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อที่ผู้ใช้จะเริ่มทำงานในอุปกรณ์เครื่องหนึ่งแล้วไปทำต่อในอีกเครื่องหนึ่งได้ เช่น เริ่มอ่านเอกสารโดยใช้ Safari ใน iPad แล้วอ่านต่อโดยใช้ Safari ใน iPhone

หากต้องการบล็อก Handoff ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาต Handoff

Safari

เปิดทั้งหมด | ปิดทั้งหมด | กลับไปที่ดัชนี

อนุญาต Safari (เฉพาะอุปกรณ์ของบริษัทที่มีการควบคุมดูแลเท่านั้น)
อนุญาตให้ผู้ใช้เข้าถึง Safari ในอุปกรณ์
หากต้องการบล็อก Safari ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาต Safari สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ iOS 13 ขึ้นไป การตั้งค่าจะมีผลเฉพาะกับอุปกรณ์ของบริษัทที่มีการควบคุมดูแลเท่านั้น
การป้อนข้อความอัตโนมัติ

อนุญาตให้ผู้ใช้กรอกฟอร์มออนไลน์ใน Safari โดยใช้การป้อนข้อความอัตโนมัติ เมื่อเลือกช่องนี้ Apple Safari จะจำข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อนในฟอร์มต่างๆ เช่น ชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หรืออีเมล และระบบจะนำข้อมูลนั้นไปป้อนในฟอร์มออนไลน์โดยอัตโนมัติในภายหลัง

หากต้องการบล็อกการป้อนข้อความอัตโนมัติใน Safari ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตการป้อนข้อความอัตโนมัติใน Safari

สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ iOS 13 ขึ้นไป การตั้งค่าจะมีผลเฉพาะกับอุปกรณ์ของบริษัทที่มีการควบคุมดูแลเท่านั้น ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ iOS 12 และรุ่นก่อนหน้า การตั้งค่าจะมีผลกับอุปกรณ์ทั้งหมดที่อยู่ภายใต้การจัดการขั้นสูง

การท่องเว็บอย่างปลอดภัย

เตือนผู้ใช้เมื่อใช้ Safari เปิดเว็บไซต์ที่สงสัยว่าเป็นการฉ้อโกง

หากต้องการปิดคำเตือนการฉ้อโกงในเว็บไซต์ ให้ยกเลิกการเลือกช่องบังคับให้แสดงคำเตือนการฉ้อโกงในเว็บไซต์บน Safari

JavaScript

อนุญาตให้ใช้ JavaScript ใน Safari ซึ่งเว็บไซต์ต่างๆ มักใช้กับปุ่ม ฟอร์ม และเนื้อหาอื่นๆ

หากต้องการบล็อก JavaScript ใน Safari ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาต JavaScript ใน Safari บางเว็บไซต์อาจทำงานไม่ถูกต้องหากคุณปิด JavaScript

ป๊อปอัป

อนุญาตให้หน้าต่างป๊อปอัปเปิดขึ้นได้ เมื่อผู้ใช้เปิดหรือปิดหน้าเว็บใน Safari ซึ่งโดยปกติเว็บไซต์จะใช้ป๊อปอัปเพื่อแสดงโฆษณา แต่เว็บไซต์บางแห่งอาจใช้หน้าต่างป๊อปอัปเพื่อแสดงเนื้อหาสำคัญได้

หากต้องการบล็อกป๊อปอัป ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตป๊อปอัปใน Safari

คุกกี้

อนุญาตให้เว็บไซต์ บุคคลที่สาม และผู้โฆษณาทั้งหมดที่เข้าถึงโดย Safari เก็บคุกกี้และข้อมูลอื่นไว้ในอุปกรณ์ได้

หากต้องการบล็อกไม่ให้มีการเก็บคุกกี้และข้อมูลอื่นไว้ในอุปกรณ์ ให้ยกเลิกการเลือกช่องยอมรับคุกกี้ใน Safari หากคุณปิดคุกกี้ บางเว็บไซต์อาจทำงานไม่ถูกต้อง

ตั้งค่าอุปกรณ์ iOS ของบริษัท

เฉพาะอุปกรณ์ของบริษัทเท่านั้น

เปิดทั้งหมด | ปิดทั้งหมด | กลับไปที่ดัชนี

การตั้งค่าการลงทะเบียนอุปกรณ์ - อนุญาตการจับคู่
อนุญาตให้อุปกรณ์จับคู่กับอุปกรณ์ Apple อื่นๆ ในระหว่างการตั้งค่า หากต้องการบล็อกการจับคู่ระหว่างการตั้งค่า ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตการจับคู่อุปกรณ์ โดยจะเลิกใช้งานใน iOS 13
หากต้องการจํากัดการจับคู่หลังจากตั้งค่า โปรดดูหัวข้อการตั้งค่าการเชื่อมต่อ
การตั้งค่าการลงทะเบียนอุปกรณ์ - ต้องมีโปรไฟล์ MDM

ผู้ใช้ที่มีอุปกรณ์ที่ใช้ iOS 12 และรุ่นก่อนหน้าจะต้องติดตั้งโปรไฟล์ MDM ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ iOS 13 ขึ้นไปจะต้องใช้โปรไฟล์ MDM เสมอ

หากต้องการอนุญาตให้ผู้ใช้ที่มีอุปกรณ์ที่ใช้ iOS 12 และรุ่นก่อนหน้าข้ามการติดตั้งโปรไฟล์ได้ ให้ยกเลิกการเลือกช่องต้องมีโปรไฟล์ MDM ในกรณีนี้ อุปกรณ์จะไม่ถูกกำหนดตามการตั้งค่าที่ใช้กับอุปกรณ์ของบริษัทที่มีการควบคุมดูแล แต่จะกำหนดตามการตั้งค่าการจัดการขั้นสูงอื่นๆ เท่านั้น

รายชื่อติดต่อของทีมสนับสนุน
ป้อนอีเมลและหมายเลขโทรศัพท์ที่ผู้ใช้ของคุณจะติดต่อได้หากเกิดปัญหาเกี่ยวกับอุปกรณ์ของบริษัท ข้อมูลติดต่อจะระบุไว้ในหน้าจอการตั้งค่าเมื่อผู้ใช้ยอมรับการจัดการขององค์กร
ตั้งค่า Assistant
คุณควบคุมได้ว่าผู้ใช้จะเห็นหน้าจอการตั้งค่าใดในการตั้งค่า Assistant เมื่อผู้ใช้ตั้งค่าอุปกรณ์เป็นครั้งแรก ยกเลิกการเลือกหน้าจอใดก็ตามที่ต้องการให้ผู้ใช้ข้ามไป เช่น หากไม่อนุญาตให้ผู้ใช้เข้าถึง Siri คุณก็ข้ามหน้าจอตั้งค่า Siri ได้
หมายเหตุ: เราไม่แนะนำให้คุณข้ามหน้าจอการตั้งค่า Apple ID เนื่องจากผู้ใช้อุปกรณ์ต้องใช้ Apple ID เพื่อดาวน์โหลดแอป Google Device Policy และตั้งค่าอุปกรณ์ให้เสร็จสมบูรณ์

ฟีเจอร์ของอุปกรณ์

เฉพาะอุปกรณ์ของบริษัทที่มีการควบคุมดูแลเท่านั้น แต่ยกเว้นสำหรับการวินิจฉัย

เปิดทั้งหมด | ปิดทั้งหมด | กลับไปที่ดัชนี

AirDrop
อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้ Apple AirDrop เพื่อแชร์เนื้อหาและรหัสผ่าน หากต้องการปิด AirDrop ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาต AirDrop
หากไม่ต้องการปิด AirDrop อย่างสิ้นเชิง คุณอาจใช้การตั้งค่าอื่นๆ เพื่อจํากัดการใช้งานบางอย่างได้ โดยทำดังนี้
  • หากต้องการปิดการแชร์รหัสผ่านด้วย AirDrop ให้ไปที่การตรวจสอบสิทธิ์จากนั้นการแชร์รหัสผ่าน แล้วยกเลิกการเลือก
  • หากต้องการป้องกันไม่ให้ผู้ใช้แชร์ไฟล์ที่สร้างในแอปที่มีการจัดการด้วย AirDrop ให้ไปที่การแชร์ข้อมูลจากนั้นเปิดเอกสารในแอปที่ไม่มีการจัดการแล้วยกเลิกการเลือกอนุญาตให้แชร์รายการที่สร้างด้วยแอปที่มีการจัดการโดยใช้ AirDrop
การตั้งค่าบัญชี
อนุญาตให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าบัญชี หากต้องการบล็อกไม่ให้เปลี่ยนข้อมูลในบัญชี ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าบัญชี
โปรไฟล์การกำหนดค่า
อนุญาตให้ผู้ใช้ติดตั้งโปรไฟล์การกำหนดค่าและใบรับรองแบบมีการโต้ตอบ
หากต้องการติดตั้งโปรไฟล์การกำหนดค่าและใบรับรองแบบไม่มีการโต้ตอบของผู้ใช้ ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ผู้ใช้ติดตั้งการกำหนดค่าได้แบบอินเทอร์แอกทีฟ
วันที่และเวลา
ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ปิดฟีเจอร์การตั้งค่าอัตโนมัติในค่ากําหนดของระบบส่วนวันที่และเวลา หากต้องการเปิดการตั้งค่าอัตโนมัติตลอดเวลา ให้เลือกช่องบังคับใช้วันที่และเวลาอัตโนมัติ
ชื่ออุปกรณ์
อนุญาตให้ผู้ใช้เปลี่ยนชื่ออุปกรณ์ได้ หากต้องการบล็อกไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนชื่ออุปกรณ์ ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ผู้ใช้เปลี่ยนชื่ออุปกรณ์
การวินิจฉัย
อนุญาตให้อุปกรณ์ส่งข้อมูลการวินิจฉัยไปยัง Apple ได้ หากต้องการบล็อกไม่ให้อุปกรณ์ส่งรายงานการวินิจฉัย ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ส่งข้อมูลการวินิจฉัยและข้อมูลการใช้งานถึง Apple
หากอนุญาตให้อุปกรณ์ส่งข้อมูลการวินิจฉัย คุณจะบล็อกไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าการวินิจฉัยได้ โดยยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าการวินิจฉัย
ล้างเนื้อหาและการตั้งค่าทั้งหมด
อนุญาตให้ผู้ใช้รีเซ็ตอุปกรณ์เป็นการตั้งค่าเริ่มต้นได้ หากต้องการบล็อกไม่ให้ผู้ใช้รีเซ็ตอุปกรณ์ ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ผู้ใช้รีเซ็ตด้วยตัวเลือกล้างเนื้อหาและการตั้งค่าทั้งหมด
เวลาหน้าจอ
อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้ฟีเจอร์เวลาหน้าจอได้ 
หากต้องการบล็อกไม่ให้ผู้ใช้ใช้ฟีเจอร์เวลาหน้าจอ ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ใช้เวลาหน้าจอ
การอัปเดตซอฟต์แวร์
ซ่อนไม่ให้ผู้ใช้เห็นการอัปเดตซอฟต์แวร์ตามจำนวนวันที่กำหนด หากต้องการอนุญาตให้ผู้ใช้เห็นการอัปเดตซอฟต์แวร์ได้ทันที ให้ยกเลิกการเลือกช่องเลื่อนการอัปเดตซอฟต์แวร์ไปอีก
วอลเปเปอร์
อนุญาตให้ผู้ใช้เปลี่ยนภาพพื้นหลังในอุปกรณ์ได้ หากต้องการบล็อกไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนภาพพื้นหลัง ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ผู้ใช้เปลี่ยนวอลเปเปอร์

เครือข่าย

เฉพาะอุปกรณ์ของบริษัทที่มีการควบคุมดูแลเท่านั้น

หากคุณจำกัดการใช้เครือข่าย Wi-Fi และอินเทอร์เน็ตมือถือไว้ โปรดตรวจสอบว่ามีเครือข่าย Wi-Fi อย่างน้อยหนึ่งเครือข่ายที่ได้รับอนุญาตในการตั้งค่าเครือข่ายขององค์กร ไม่เช่นนั้นอุปกรณ์อาจซิงค์นโยบายไม่ได้ และอาจไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ทั้งหมดเข้าใช้งานได้ในที่สุด

เปิดทั้งหมด | ปิดทั้งหมด | กลับไปที่ดัชนี

ใช้อินเทอร์เน็ตมือถือกับแอป
อนุญาตให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าอินเทอร์เน็ตมือถือสำหรับแอป หากต้องการบล็อกไม่ให้เปลี่ยนการตั้งค่าอินเทอร์เน็ตมือถือ ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าอินเทอร์เน็ตมือถือสําหรับแอป
บลูทูธ
อนุญาตให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าบลูทูธ หากต้องการบล็อกไม่ให้เปลี่ยนการตั้งค่าบลูทูธ ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าบลูทูธ
แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตมือถือ
อนุญาตให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าเกี่ยวกับแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตของอุปกรณ์ หากต้องการบล็อกไม่ให้เปลี่ยนแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตมือถือ ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตมือถือ
eSIM
อนุญาตให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่า eSIM หากต้องการบล็อกไม่ให้เปลี่ยนการตั้งค่า eSIM ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่า eSIM โดยจะมีผลเฉพาะกับ iOS 12.1 ขึ้นไปเท่านั้น
ฮอตสปอตส่วนบุคคล
อนุญาตให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าฮอตสปอตส่วนบุคคลได้ หากต้องการบล็อกไม่ให้เปลี่ยนการตั้งค่าฮอตสปอตส่วนบุคคล ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าฮอตสปอตส่วนบุคคล โดยจะมีผลเฉพาะกับ iOS 12.2 ขึ้นไปเท่านั้น
VPN
อนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่มการกําหนดค่า VPN หากต้องการบล็อกการกำหนดค่า VPN ใหม่ ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่มการกำหนดค่า VPN 
Wi-Fi - บังคับเปิด Wi-Fi
อนุญาตให้ผู้ใช้ปิด Wi-Fi หากต้องการบังคับเปิด Wi-Fi แม้กระทั่งในโหมดบนเครื่องบิน ให้เลือกช่องบังคับเปิด Wi-Fi โดยจะมีผลเฉพาะกับ iOS 13 ขึ้นไปเท่านั้น
Wi-Fi - เข้าร่วมเฉพาะเครือข่าย Wi-Fi ที่ติดตั้งโดยเพย์โหลด Wi-Fi
อนุญาตให้ผู้ใช้เข้าร่วมเครือข่าย Wi-Fi ใดก็ได้ หากต้องการจำกัดให้เข้าถึงได้เฉพาะเครือข่าย Wi-Fi ที่ตั้งค่าโดยโปรไฟล์การกำหนดค่าเท่านั้น ให้เลือกช่องเข้าร่วมเฉพาะเครือข่าย Wi-Fi ที่ติดตั้งโดยเพย์โหลด Wi-Fi
โปรดดูข้อมูลเกี่ยวกับวิธีตั้งค่าเครือข่ายที่ใช้กับอุปกรณ์ได้ผ่านโปรไฟล์การกำหนดค่าที่หัวข้อตั้งค่าเครือข่ายสำหรับอุปกรณ์ที่มีการจัดการ (Wi-Fi, อีเทอร์เน็ต, VPN, อินเทอร์เน็ตมือถือ)

แอปและบริการ

เฉพาะอุปกรณ์ของบริษัทที่มีการควบคุมดูแลเท่านั้น

เปิดทั้งหมด | ปิดทั้งหมด | กลับไปที่ดัชนี

การติดตั้งแอป
อนุญาตให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปจาก App Store
หากต้องการบล็อกไม่ให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปหรือเข้าถึง App Store ในอุปกรณ์ที่ใช้ iOS 13 ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ผู้ใช้ติดตั้งแอป โดยสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อไม่ได้เลือกช่องนี้มีดังนี้
  • ผู้ใช้ไม่สามารถเข้าถึง App Store
  • แอปที่ซื้อในอุปกรณ์เครื่องอื่นจะดาวน์โหลดโดยอัตโนมัติไม่ได้
  • แอป Google Device Policy และแอปที่ติดตั้งผ่านแอป Device Policy (ไม่รวมแอป iOS ส่วนตัว) จะไม่ได้รับการอัปเดตอัตโนมัติ
  • ผู้ใช้จะยังดาวน์โหลดแอปที่อนุญาตผ่านแอป Google Device Policy ได้อยู่
หากอนุญาตให้ผู้ใช้ติดตั้งแอป คุณยังคงกำหนดได้ว่าผู้ใช้จะรับแอปได้จากที่ใดบ้าง ดังนี้
  • หากต้องการบล็อกไม่ให้เข้าถึง App Store ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปจาก App Store แต่ผู้ใช้จะยังดาวน์โหลดแอปที่อนุญาตผ่านแอป Google Device Policy ได้อยู่
  • หากต้องการป้องกันไม่ให้แอปที่ซื้อในอุปกรณ์เครื่องอื่นดาวน์โหลดโดยอัตโนมัติ ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ดาวน์โหลดแอปที่ซื้อในอุปกรณ์เครื่องอื่นโดยอัตโนมัติ
การนำแอปออก
อนุญาตให้ผู้ใช้นําแอปออกจากอุปกรณ์ของตน หากต้องการป้องกันไม่ให้ผู้ใช้นําแอปออก ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ผู้ใช้นําแอปออก ระบบจะนำแอปงานออกด้วยเมื่อนําโปรไฟล์ของผู้ใช้ออกจากอุปกรณ์
แอป Files
อนุญาตให้ผู้ใช้เชื่อมต่อกับไดรฟ์ USB และไดรฟ์เครือข่ายใดก็ได้ในแอป Apple Files หากต้องการบล็อกไม่ให้ผู้ใช้เข้าถึงไดรฟ์ USB หรือไดรฟ์เครือข่ายใน Files บนอุปกรณ์ที่ใช้ iOS 13.1 ขึ้นไป ให้ยกเลิกการเลือกช่องที่ต้องการ
การตั้งค่านี้ไม่มีผลกับอุปกรณ์ที่ใช้ iOS 13.0 และรุ่นก่อนหน้า ผู้ใช้ที่มีอุปกรณ์เหล่านี้จะได้รับอนุญาตให้เข้าถึงไดรฟ์ USB และไดรฟ์เครือข่ายใน Files เสมอ
Find My Device
อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้ Find My Device ในแอป Find My หากต้องการบล็อกไม่ให้ผู้ใช้ใช้ฟีเจอร์นี้ในอุปกรณ์ที่ใช้ iOS 13 ขึ้นไป ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ใช้ Find My Device
การตั้งค่านี้ไม่มีผลกับอุปกรณ์ที่ใช้ iOS 12 และรุ่นก่อนหน้า ผู้ใช้ที่มีอุปกรณ์เหล่านี้จะได้รับอนุญาตให้ใช้ Find My Device เสมอ
Find My Friends
อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้ Find My Friends ในแอป Find My หากต้องการบล็อกไม่ให้ผู้ใช้ใช้ฟีเจอร์นี้ในอุปกรณ์ที่ใช้ iOS 13 ขึ้นไป ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ใช้ Find My Friends
การตั้งค่านี้ไม่มีผลกับอุปกรณ์ที่ใช้ iOS 12 และรุ่นก่อนหน้า ผู้ใช้ที่มีอุปกรณ์เหล่านี้จะได้รับอนุญาตให้ใช้ Find My Friends ได้เสมอ
แก้ไข Find My Friends
อนุญาตให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่า Find My Friends ในแอป Find My หากต้องการบล็อกไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่า ให้ยกเลิกการเลือกช่องแก้ไข Find My Friends
การแจ้งเตือน
อนุญาตให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าการแจ้งเตือน หากต้องการบล็อกไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่า ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าการแจ้งเตือน
การนำแอปของระบบออก
อนุญาตให้ผู้ใช้นำแอปของระบบออกจากอุปกรณ์ หากต้องการบล็อกไม่ให้ผู้ใช้นำแอปออก ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ผู้ใช้นำแอปของระบบออก

แอปของ Apple

เฉพาะอุปกรณ์ของบริษัทที่มีการควบคุมดูแลเท่านั้น

เปิดทั้งหมด | ปิดทั้งหมด | กลับไปที่ดัชนี

FaceTime
อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้แอป Apple FaceTime หากต้องการบล็อกไม่ให้เข้าถึง FaceTime ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ใช้ FaceTime
Apple Books - อนุญาตให้ใช้ Apple Books ที่มีแท็ก Erotica
อนุญาตให้ผู้ใช้เข้าถึงหนังสือใน Apple Books ที่มีแท็ก Erotica หากต้องการบล็อกไม่ให้เข้าถึงหนังสือเหล่านี้ ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ใช้ Apple Books ที่มีแท็ก Erotica
Apple Books - อนุญาตให้ใช้ Apple Books
อนุญาตให้ผู้ใช้เข้าถึง Book Store ในแอป Apple Books หากต้องการบล็อกไม่ให้เข้าถึง Book Store ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ผู้ใช้เข้าถึง Book Store ใน Apple Books
เนื้อหาที่ไม่เหมาะสม
อนุญาตให้ผู้ใช้เข้าถึงเพลงหรือวิดีโอที่ไม่เหมาะสมใน iTunes Store หากต้องการบล็อกไม่ให้เข้าถึงเนื้อหาดังกล่าวใน iTunes Store ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้แสดงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม (เพลงหรือวิดีโอ) จาก iTunes Store
Game Center
อนุญาตให้ผู้ใช้เข้าถึงแอป Apple Game Center หากต้องการบล็อกไม่ให้เข้าถึงแอปดังกล่าว ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ใช้ Game Center
iMessage
อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้ iMessage หากต้องการบล็อกไม่ให้เข้าถึงแอปดังกล่าว ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ใช้ iMessage
iTunes Store
อนุญาตให้ผู้ใช้เข้าถึง iTunes Store หากต้องการบล็อกไม่ให้เข้าถึงแอปดังกล่าว ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ใช้ iTunes Store
โดยจะมีผลเฉพาะกับ iOS 13 ขึ้นไปเท่านั้น
Apple Music Radio
อนุญาตให้ผู้ใช้เข้าถึงแอป Apple Music Radio หากต้องการบล็อกไม่ให้เข้าถึงแอปดังกล่าว ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ใช้ Apple Music Radio
บริการ Music
อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้บริการ Music ในแอป Apple Music หากต้องการบล็อกไม่ให้เข้าถึงบริการและเปลี่ยนจากแอป Music กลับเป็นโหมดคลาสสิก ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ใช้บริการ Music
News
อนุญาตให้ผู้ใช้เข้าถึงแอป Apple News หากต้องการบล็อกไม่ให้เข้าถึงแอปดังกล่าว ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ใช้ News
Podcasts
อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้แอป Apple Podcasts หากต้องการบล็อกการเข้าถึงแอปดังกล่าว ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ใช้ Podcasts

การตรวจสอบสิทธิ์

เฉพาะอุปกรณ์ของบริษัทที่มีการควบคุมดูแลเท่านั้น

เปิดทั้งหมด | ปิดทั้งหมด | กลับไปที่ดัชนี

ตรวจสอบสิทธิ์สำหรับการป้อนรหัสผ่านอัตโนมัติ
หากต้องการกำหนดให้ใช้การตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน Touch ID หรือ Face ID เพื่อป้อนรหัสผ่านและข้อมูลบัตรเครดิตใน Safari และแอปอื่นๆ ของ Apple โดยอัตโนมัติ ให้เลือกช่องต้องตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน Touch ID หรือ Face ID จึงจะใช้การป้อนรหัสผ่านอัตโนมัติได้
โดยจะมีผลเฉพาะกับอุปกรณ์ที่รองรับ Touch ID หรือ Face ID เท่านั้น
การป้อนรหัสผ่านอัตโนมัติ
อนุญาตให้ใช้การป้อนรหัสผ่านอัตโนมัติจาก Keychain หรือเครื่องมือจัดการรหัสผ่านของบุคคลที่สาม และผู้ใช้จะได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับรหัสผ่านที่รัดกุมและได้รับแจ้งให้ใช้รหัสผ่านที่บันทึกไว้ใน Safari และแอปอื่นๆ
หากต้องการบล็อกไม่ให้ป้อนรหัสผ่านอัตโนมัติและบล็อกคำแนะนำเกี่ยวกับรหัสผ่านที่รัดกุม ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ใช้การป้อนรหัสผ่านอัตโนมัติ
คำขอรหัสผ่านจากอุปกรณ์ใกล้เคียง
อนุญาตให้อุปกรณ์ในบริเวณใกล้เคียงส่งคำขอรหัสผ่าน เมื่ออนุญาตให้แชร์รหัสผ่าน อุปกรณ์จะตอบรับคำขอด้วยการแชร์รหัสผ่านตามที่ขอ
หากต้องการบล็อกคำขอรหัสผ่านในอุปกรณ์ที่ใช้ iOS 12 ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้อุปกรณ์ที่อยู่ใกล้เคียงส่งคำขอรหัสผ่าน
การแชร์รหัสผ่าน
อนุญาตให้ใช้ฟีเจอร์ AirDrop รหัสผ่านเพื่อแชร์รหัสผ่านกับอุปกรณ์อื่นๆ
หากต้องการบล็อกไม่ให้แชร์รหัสผ่าน ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้แชร์รหัสผ่านด้วย AirDrop รหัสผ่าน
Touch ID/Face ID
อนุญาตให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่า Touch ID และ Face ID เมื่อช่องนี้เลือกแล้ว ผู้ใช้จะเพิ่มลายนิ้วมือหรือลักษณะที่ใช้ระบุตัวตนอย่างอื่นได้
หากต้องการบล็อกไม่ให้เปลี่ยนข้อมูลใน Touch ID และ Face ID ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ผู้ใช้เปลี่ยน Touch ID หรือ Face ID

การเชื่อมต่อ

เฉพาะอุปกรณ์ของบริษัทที่มีการควบคุมดูแลเท่านั้น

เปิดทั้งหมด | ปิดทั้งหมด | กลับไปที่ดัชนี

การจับคู่โฮสต์
อนุญาตให้อุปกรณ์จับคู่กับคอมพิวเตอร์โฮสต์โดยไม่ต้องมีใบรับรองโฮสต์การควบคุมดูแล
หากต้องการบล็อกไม่ให้จับคู่กับอุปกรณ์ทั้งหมดยกเว้นโฮสต์การควบคุมดูแล ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้อุปกรณ์จับคู่กับคอมพิวเตอร์โฮสต์โดยไม่ต้องมีใบรับรองโฮสต์การควบคุมดูแล หากไม่มีการกําหนดค่าใบรับรองโฮสต์การควบคุมดูแลไว้ ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้การจับคู่
ตั้งค่าอุปกรณ์ในบริเวณใกล้เคียง
อนุญาตให้อุปกรณ์แจ้งเตือนให้ตั้งค่าอุปกรณ์ในบริเวณใกล้เคียงใหม่
หากต้องการบล็อกการแจ้งเตือน ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้อุปกรณ์ตั้งค่าอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้เคียง
การจับคู่กับ Apple Watch
อนุญาตให้อุปกรณ์จับคู่กับ Apple Watch
หากต้องการบล็อกไม่ให้จับคู่ ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้อุปกรณ์จับคู่กับ Apple Watch หากอุปกรณ์เคยจับคู่กับ Apple Watch ระบบจะยกเลิกการจับคู่กับ Apple Watch และลบเนื้อหาออกจากนาฬิกา
การตั้งค่าการพิมพ์
อนุญาตให้อุปกรณ์พิมพ์ด้วย AirPrint เมื่ออนุญาตให้ใช้ AirPrint คุณจะควบคุมฟีเจอร์และการเชื่อมต่อของ AirPrint ได้ดังนี้
  • อนุญาตให้ iBeacons ค้นหาเครื่องพิมพ์ AirPrint - ยกเลิกการเลือกเพื่อป้องกันการโจมตีด้วยฟิชชิงผ่านบีคอนบลูทูธของ AirPrint อุปกรณ์จะยังตรวจหาเครื่องพิมพ์ AirPrint ในเครือข่าย Wi-Fi เดียวกันได้แม้ว่า iBeacons จะถูกบล็อก
  • อนุญาตให้ Keychain จัดเก็บข้อมูลเข้าสู่ระบบ AirPrint - ยกเลิกการเลือกเพื่อป้องกันไม่ให้ Keychain จัดเก็บชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านสำหรับ AirPrint
  • อนุญาตให้เชื่อมต่อ AirPrint กับใบรับรองที่ไม่น่าเชื่อถือ - ยกเลิกการเลือกเพื่อเชื่อมต่อเฉพาะกับใบรับรองที่เชื่อถือได้สําหรับการพิมพ์ TLS เท่านั้น
หากต้องการบล็อกผู้ใช้ไม่ให้เข้าถึง AirPrint ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ใช้ AirPrint
USB
อนุญาตให้อุปกรณ์ที่ล็อกอยู่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม USB
หากต้องการบล็อกไม่ให้เชื่อมต่อ USB เมื่ออุปกรณ์ล็อกอยู่ ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้อุปกรณ์ที่ล็อกอยู่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม USB

แป้นพิมพ์และพจนานุกรม

เฉพาะอุปกรณ์ของบริษัทที่มีการควบคุมดูแลเท่านั้น

เปิดทั้งหมด | ปิดทั้งหมด | กลับไปที่ดัชนี

การแก้ไขอัตโนมัติสำหรับแป้นพิมพ์
อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้ฟีเจอร์การแก้ไขตัวสะกดอัตโนมัติเมื่อพิมพ์แป้นพิมพ์ หากต้องการปิดการแก้ไขอัตโนมัติ ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ใช้การแก้ไขอัตโนมัติสำหรับแป้นพิมพ์
แป้นพิมพ์แบบลากเส้นต่อเนื่อง
อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้ QuickPath เมื่อพิมพ์แป้นพิมพ์ หากต้องการปิด QuickPath ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ใช้แป้นพิมพ์ QuickPath โดยจะมีให้ใช้ใน iOS 13 ขึ้นไปเท่านั้น
การค้นหาคำนิยามด้วย Look Up
อนุญาตให้ผู้ใช้เลือกคำและแตะ Look Up เพื่อดูคำนิยามได้ หากต้องการปิด Look Up ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตการค้นหาคำนิยาม
การพิมพ์ตามคำบอก
อนุญาตให้อุปกรณ์ป้อนข้อมูลด้วยการพิมพ์ตามคำบอก หากต้องการบล็อกไม่ให้พิมพ์ตามคำบอก ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตการพิมพ์ตามคำบอก
แป้นพิมพ์ลัด
อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้แป้นพิมพ์ลัด หากต้องการปิดแป้นพิมพ์ลัด ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ใช้แป้นพิมพ์ลัด
การตรวจตัวสะกดสำหรับแป้นพิมพ์
อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้โปรแกรมตรวจตัวสะกดโดยอัตโนมัติเมื่อพิมพ์แป้นพิมพ์ หากต้องการปิดการตรวจตัวสะกด ให้ยกเลิกการเลือกช่องอนุญาตให้ใช้การตรวจตัวสะกดสําหรับแป้นพิมพ์
แป้นพิมพ์แบบคาดคะเน
อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้ข้อความแบบคาดคะเนเมื่อพิมพ์แป้นพิมพ์ หากต้องการปิดข้อความดังกล่าว ให้ยกเลิกการเลือกช่องแป้นพิมพ์แบบคาดคะเน

หากต้องการตั้งค่าอุปกรณ์เคลื่อนที่เพิ่มเติม


Google, Google Workspace และเครื่องหมายและโลโก้ที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องหมายการค้าของ Google LLC ชื่อบริษัทและชื่อผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งหมดเป็นเครื่องหมายการค้าของ บริษัทที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
true
เริ่มต้นการทดลองใช้งานฟรี 14 วันได้เลย

อีเมลระดับมืออาชีพ พื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ การแชร์ปฏิทิน การประชุมวิดีโอ และอื่นๆ เริ่มต้นการทดลองใช้งาน G Suite ฟรีวันนี้

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
16795327567800954554
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73010
false
false