บทความนี้มีไว้สําหรับผู้ดูแลระบบที่ตั้งค่า GWSMO ให้กับผู้ใช้ หากคุณเป็นผู้ใช้ โปรดไปที่ดาวน์โหลดและติดตั้ง GWSMO
คุณจะตั้งค่าฟีเจอร์บางอย่างของ Google Workspace Sync สำหรับ Microsoft Outlook (GWSMO) ได้โดยแก้ไขรีจิสทรีของ Microsoft Windows และอัปเดตในเครื่องไคลเอ็นต์แต่ละเครื่องหรือหลายเครื่องพร้อมกันได้ หากผู้ใช้คุ้นเคยกับการใช้รีจิสทรี ผู้ใช้ก็กำหนดค่าเองได้ แต่หากไม่คุ้นเคย คุณหรือผู้ดูแลระบบรายอื่นควรเป็นผู้ทำการเปลี่ยนแปลงนั้นเอง
เคล็ดลับ: หากต้องการอัปเดตเครื่องไคลเอ็นต์หลายเครื่องพร้อมกัน ให้ใช้ Group Policy Management Console (GPMC) โปรดดูรายละเอียดการใช้ GPMC ร่วมกับส่วนขยายรีจิสทรีในเอกสารประกอบของ Microsoft
การใช้รีจิสทรี
เปิดส่วน | ยุบทั้งหมดและกลับไปด้านบนสุด
ฉันจะแก้ไขรีจิสทรีได้อย่างไรรีจิสทรีจะมีข้อมูลที่ใช้สำหรับการทำงานของ Windows รวมถึงแอปพลิเคชันและบริการต่างๆ ที่ทำงานใน Windows ด้วย ซึ่งข้อมูลนี้จะมีโครงสร้างในรูปแบบต้นไม้โดยแต่ละโฟลเดอร์ในต้นไม้นี้จะเรียกว่าคีย์ แต่ละคีย์จะมีได้ทั้งโฟลเดอร์ย่อยและรายการข้อมูลที่เรียกว่าค่า โปรดดูรายละเอียดโครงสร้างของรีจิสทรีในเอกสารประกอบของ Microsoft
หากต้องการแก้ไขรีจิสทรี ให้ทำดังนี้
- เปิด Registry Editor (เครื่องมือที่ช่วยให้คุณดูและแก้ไขการตั้งค่ารีจิสทรีได้)
- สร้างหรือแก้ไขคีย์รีจิสทรี
- สร้างหรือแก้ไขค่าสำหรับคีย์รีจิสทรี
- แก้ไขค่าที่มีข้อมูล
ส่วนด้านล่างนี้จะประกอบด้วยวิธีการทั่วไปเกี่ยวกับการใช้งานรีจิสทรี หากต้องการทราบวิธีแก้ไขการตั้งค่ารีจิสทรี GWSMO ที่เจาะจง ให้ทำตามวิธีการที่ระบุไว้สำหรับการตั้งค่าแต่ละส่วนในหัวข้อการตั้งค่ารีจิสทรีเสริมสำหรับ GWSMO
หมายเหตุ: หากคุณใช้ Outlook เวอร์ชัน 32 บิตใน Windows เวอร์ชัน 64 บิต การแก้ไขรีจิสทรีอาจแตกต่างกันเล็กน้อย โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อการใช้ Outlook เวอร์ชัน 32 บิตใน Windows เวอร์ชัน 64 บิต
ข้อสำคัญ: เมื่อเพิ่มค่าประเภทข้อมูลแบบตัวเลขลงในรีจิสทรี คุณต้องเลือก DWORD (32-bit) Value เสมอ ซึ่งจะเหมือนกันทั้งในเครื่องที่ใช้ Windows แบบ 32 บิต และ 64 บิต การเลือก QWORD (64-bit) Value จะทำให้ใช้การตั้งค่ารีจิสทรีไม่ถูกต้อง
เปิด Registry Editor
- ในเมนู Start ให้คลิก Windows SystemRun
หมายเหตุ: หรือกดปุ่ม Windows + R
- กรอก regedit ในช่อง Run
- คลิก OK
สร้างหรือแก้ไขคีย์รีจิสทรี
วิธีสร้างคีย์รีจิสทรีมีดังนี้
- ไปยังโฟลเดอร์ตามที่ระบุในวิธีสร้างคีย์
- คลิก EditNewKey เพื่อสร้างโฟลเดอร์คีย์ใหม่
- ระบุชื่อคีย์ตามวิธีการแล้วกด Enter
วิธีแก้ไขคีย์เดิมที่มีอยู่
- ไปยังโฟลเดอร์คีย์โดยเลือกรูปแบบต้นไม้ทางด้านซ้ายของ Registry Editor โดยใช้เส้นทางตามวิธีที่ให้ไว้ โดยเส้นทางจะเริ่มต้นด้วย HKEY_CURRENT_USER หรือ HKEY_LOCAL_MACHINE
สร้างหรือแก้ไขค่าคีย์รีจิสทรี
วิธีสร้างค่าคีย์รีจิสทรีมีดังนี้
- ไปที่โฟลเดอร์คีย์ที่คุณได้รับคำแนะนำให้สร้างค่าคีย์รีจิสทรี
- เลือกโฟลเดอร์ของคีย์
- คลิก EditNewDWORD (32-bit) Value หรือ String Value
- ป้อนชื่อค่าตามวิธีการแล้วกด Enter
วิธีแก้ไขค่าคีย์รีจิสทรีมีดังนี้
- ไปยังคีย์รีจิสทรีโดยเลือกรูปแบบต้นไม้ทางด้านซ้ายของ Registry Editor โดยใช้เส้นทางตามวิธีที่ให้ไว้
แก้ไขข้อมูลค่า
- คลิกขวาที่ค่าแล้วเลือก Modify
- ในส่วน Value data ให้ระบุค่าตามวิธีการในช่อง Edit DWORD (32-bit) Value หรือช่อง Edit String แล้วคลิก OK
หากใช้ Outlook เวอร์ชัน 32 บิตใน Windows เวอร์ชัน 64 บิต คุณจะต้องแก้ไขการตั้งค่ารีจิสทรีในตำแหน่งที่ถูกต้องสำหรับแอปพลิเคชัน 32 บิต ซึ่งมีทั้งหมด 2 วิธีดังนี้
ตัวเลือกที่ 1: เวอร์ชันรีจิสทรี 32 บิต
ป้อน %systemroot%\syswow64\regedit (แทน regedit) ในช่อง Run เพื่อเปิด Registry Editor เวอร์ชัน 32 บิต จากนั้นให้แก้ไขรีจิสทรีตามวิธีการสำหรับการตั้งค่าแต่ละส่วน
ตัวเลือกที่ 2: Wow6432Node
เปิด Registry Editor ตามปกติ โดยกรอก regedit ลงในช่อง Run จากนั้น เมื่อต้องการแก้ไขรีจิสทรีโดยใช้วิธีการสำหรับการตั้งค่าแต่ละส่วน ให้ไปที่แต่ละคีย์รีจิสทรีในตำแหน่ง Wow6432Node สำหรับแอปพลิเคชัน 32 บิต
เช่น แทนที่จะไปที่ HKEY_CURRENT_USER\Software\Google\Google Apps Sync ให้ไปที่ HKEY_CURRENT_USER\Software\Wow6432Node\Google\Google Apps Sync
การตั้งค่ารีจิสทรีเสริมสำหรับ GWSMO
เปิดส่วน | ยุบทั้งหมดและกลับไปด้านบนสุด
ซ่อนสถานะการซิงค์ข้อมูลสำหรับโปรไฟล์ใหม่คุณสามารถป้องกันไม่ให้สถานะการซิงค์ข้อมูลปรากฏขึ้นเมื่อผู้ใช้ใหม่เปิดใช้ GWSMO ได้โดยทำดังนี้
- ไปที่ HKEY_CURRENT_USER\Software\Google\Google Apps Sync\ ในรีจิสทรีของเครื่องไคลเอ็นต์ที่ติดตั้ง GWSMO
- คลิก EditNewKey เพื่อสร้างโฟลเดอร์คีย์ใหม่
- ระบุ Other เป็นชื่อคีย์แล้วกด Enter
- เลือกโฟลเดอร์ Other ที่คุณสร้างไว้
- คลิก EditNewDWORD (32-bit) Value
- ระบุ DefaultSyncStatusVisibility เป็นค่าใหม่แล้วกด Enter
- คลิกขวาที่ค่า DefaultSyncStatusVisibility ที่คุณสร้างไว้แล้วเลือก Modify
- ในส่วน Value Data ให้ระบุ 0 ในช่อง Edit DWORD (32-bit) Value เพื่อซ่อนสถานะการซิงค์เมื่อลงชื่อเข้าใช้ครั้งแรก
หมายเหตุ: หากต้องการแสดงสถานะการซิงค์เมื่อลงชื่อเข้าใช้ครั้งแรก ให้ใส่ 1
- คลิก OK
คุณกำหนดได้ว่าจะบันทึกข้อมูลเข้าสู่ระบบหรือไม่โดยทำดังนี้
- ไปที่ HKEY_LOCAL_MACHINE\Software\Google\Google Apps Sync\ ในรีจิสทรีของเครื่องไคลเอ็นต์ที่ติดตั้ง GWSMO
- คลิก EditNewKey เพื่อสร้างโฟลเดอร์คีย์ใหม่
- ระบุ SignIn เป็นชื่อคีย์แล้วกด Enter
- เลือกโฟลเดอร์ SignIn ที่คุณสร้างไว้
- คลิก EditNewDWORD (32-bit) Value
- หากต้องการอนุญาตให้ผู้ใช้บันทึกข้อมูลเข้าสู่ระบบ ให้กำหนดค่าดังนี้
- DWORD (32-bit) Value - SaveCredentialsAllowed
- Value data - 1 (ค่าเริ่มต้น)
หมายเหตุ: หากจะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้บันทึกข้อมูลเข้าสู่ระบบ ให้ระบุ 0
- คลิก OK
สำคัญ: วิธีต่อไปนี้ยังอยู่ในขั้นทดลองและระบบอาจยังไม่รองรับโดยสมบูรณ์
หากประสบปัญหาในการใช้งานผลิตภัณฑ์ ให้ปิดการซิงค์ข้อมูลของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวโดยทำดังนี้
- ไปที่ HKEY_CURRENT_USER\Software\Google\Google Apps Sync\ ในรีจิสทรี
- คลิก EditNewDWORD (32-bit) Value
- ระบุ SyncFlagsEnabled เป็นค่าใหม่แล้วกด Enter
- คลิกขวาที่ค่า SyncFlagsEnabled ที่คุณสร้างไว้แล้วเลือก Modify
- ในส่วน Value Data ให้ระบุ 1 ในช่อง Edit DWORD (32-bit) Value
- คลิก OK
- คลิก EditNewKey เพื่อสร้างโฟลเดอร์คีย์ใหม่
- ระบุค่าใดค่าหนึ่งต่อไปนี้เป็นชื่อคีย์ โดยค่าต่อไปนี้หมายถึงผลิตภัณฑ์ที่คุณต้องการปิด
- ContactsSync - Google Contacts
- CalendarSync - Google ปฏิทิน
- EmailSync - Google Mail
- TasksSync - Google Tasks
- NotesSync - โน้ต
- AddressBookSync - Google Address Book (รายชื่อติดต่อที่ใช้ร่วมกัน)
กด Enter
- เลือกโฟลเดอร์ผลิตภัณฑ์ที่คุณสร้างไว้
- คลิก EditNewDWORD (32-bit) Value
- ระบุ DownloadEnabled เป็นค่าใหม่แล้วกด Enter
- คลิกขวาที่ค่า DownloadEnabled ที่คุณสร้างไว้แล้วเลือก Modify
- ในส่วน Value Data ให้ระบุ 0 ในช่อง Edit DWORD (32-bit) Value เพื่อปิดการซิงค์ข้อมูลดาวน์โหลด
- คลิก OK
- คลิก EditNewDWORD (32-bit) Value
- ระบุ UploadEnabled เป็นค่าใหม่แล้วกด Enter
- คลิกขวาที่ค่า UploadEnabled ที่คุณสร้างไว้แล้วเลือก Modify
- ในส่วน Value Data ให้ระบุ 0 ในช่อง Edit DWORD (32-bit) Value เพื่อปิดการซิงค์ข้อมูลอัปโหลด
- คลิก OK
หากต้องการจำกัดไม่ให้ผู้ใช้เข้าถึงรายการที่อยู่ร่วม (GAL) ขององค์กรใน Google Workspace ให้ปิดฟีเจอร์นี้
เคล็ดลับ: หากต้องการปิด GAL จากทุกคนในองค์กร ให้ไปที่หัวข้อเปิดหรือปิดไดเรกทอรี
วิธีปิดรายการดังกล่าวให้กับผู้ใช้แต่ละคน
- ไปที่ HKEY_CURRENT_USER\Software\Google\Google Apps Sync\ ในรีจิสทรีของเครื่องไคลเอ็นต์ที่ติดตั้ง GWSMO
- คลิก EditNewKey เพื่อสร้างโฟลเดอร์คีย์ใหม่
- ระบุ AddressBookSync เป็นชื่อคีย์แล้วกด Enter
- เลือกโฟลเดอร์ AddressBookSync ที่คุณสร้างไว้
- คลิก EditNewDWORD (32-bit) Value
- ระบุ DynamicGal เป็นค่าใหม่แล้วกด Enter
- คลิกขวาที่ค่า DynamicGal ที่คุณสร้างไว้แล้วเลือก Modify
- ในส่วน Value Data ให้ระบุ 0 ในช่อง Edit DWORD (32-bit) Value เพื่อปิด GAL
- คลิก OK
โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการรายการที่อยู่ร่วม
คุณจะเปิดหรือปิดตัวเลือกการนำเข้าได้ใน GWSMO โดยก่อนอื่น ให้เปิดการตั้งค่าที่จะอนุญาตให้คีย์รีจิสทรีควบคุมตัวเลือกการนำเข้าได้
ขั้นตอนที่ 1: ตั้งค่าตัวเลือกการนำเข้าโดยใช้คีย์รีจิสทรี
- ไปที่ HKEY_CURRENT_USER\Software\Google\Google Apps Sync\ ในรีจิสทรี
- คลิก EditNewDWORD (32-bit) Value
- ระบุ SyncFlagsEnabled เป็นค่าใหม่แล้วกด Enter
- คลิกขวาที่ค่า SyncFlagsEnabled ที่คุณสร้างไว้แล้วเลือก Modify
- ในส่วน Value Data ให้ระบุ 1 ในช่อง Edit DWORD (32-bit) Value เพื่ออนุญาตให้คีย์รีจิสทรีเปิดหรือปิดตัวเลือกการนำเข้า
หมายเหตุ: หากไม่ต้องการให้คีย์รีจิสทรีเปิดตัวเลือกการนำเข้า ให้ใส่ 0
- คลิก OK
ขั้นตอนที่ 2: เปิดหรือปิดตัวเลือกการนำเข้า
คุณจะเปิดหรือปิดตัวเลือกการนำเข้าทั้งหมด หรือจะเลือกเปิดหรือปิดให้กับปฏิทิน อีเมล รายชื่อติดต่อ งาน และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เป็นบางรายการก็ได้
วิธีที่ 1: เปิดหรือปิดตัวเลือกการนำเข้าทั้งหมด
- ไปที่ HKEY_CURRENT_USER\Software\Google\Google Apps Sync\ ในรีจิสทรี
- คลิก EditNewDWORD (32-bit) Value
- ระบุ ImportEnabled เป็นค่าใหม่แล้วกด Enter
- คลิกขวาที่ค่า ImportEnabled ที่คุณสร้างไว้แล้วเลือก Modify
- ในส่วน Value Data ให้ระบุ 1 ในช่อง Edit DWORD (32-bit) Value เพื่อเปิดตัวเลือกการนำเข้าทั้งหมด
หมายเหตุ: หากต้องการปิดตัวเลือกการนำเข้าทั้งหมด ให้ใส่ 0
- คลิก OK
- คลิก EditNewKey เพื่อสร้างโฟลเดอร์คีย์ใหม่
- ระบุ Migration เป็นชื่อคีย์แล้วกด Enter
- เลือกโฟลเดอร์ Migration ที่คุณสร้างไว้
- คลิก EditNewDWORD (32-bit) Value
- ระบุ ImportEnabled เป็นค่าใหม่แล้วกด Enter
- คลิกขวาที่ค่า ImportEnabled ที่คุณสร้างไว้แล้วเลือก Modify
- ในส่วน Value Data ให้ระบุ 1 ในช่อง Edit DWORD (32-bit) Value เพื่อเปิดตัวเลือกการนำเข้าทั้งหมด
หมายเหตุ: หากต้องการปิดตัวเลือกการนำเข้าทั้งหมด ให้ใส่ 0
- คลิก OK
วิธีที่ 2: เปิดหรือปิดตัวเลือกการนำเข้าทีละรายการ
- ไปที่ HKEY_CURRENT_USER\Software\Google\Google Apps Sync\ ในรีจิสทรี
- คลิก EditNewKey เพื่อสร้างโฟลเดอร์คีย์ใหม่
- ระบุค่าใดค่าหนึ่งต่อไปนี้เป็นชื่อคีย์ โดยค่าต่อไปนี้หมายถึงตัวเลือกการนำเข้าที่คุณต้องการเปิดหรือปิด
- ContactsSync - Google Contacts
- CalendarSync - Google ปฏิทิน
- EmailSync - Google Mail
- TasksSync - Google Tasks
- Other - อื่นๆ
กด Enter
- เลือกโฟลเดอร์ตัวเลือกการนำเข้าที่คุณสร้างไว้
- คลิก EditNewDWORD (32-bit) Value
- ระบุ ImportEnabled เป็นค่าใหม่แล้วกด Enter
- คลิกขวาที่ค่า ImportEnabled ที่คุณสร้างไว้แล้วเลือก Modify
- ในส่วน Value data ให้ระบุ 1 ในช่อง Edit DWORD (32-bit) Value เพื่อเปิดตัวเลือกการนำเข้า
หมายเหตุ: หากต้องการปิดตัวเลือกการนำเข้า ให้ใส่ 0
- คลิก OK
คุณสามารถระบุจำนวนเมกะไบต์ที่ต้องการจำกัดให้กับขนาดกล่องจดหมายของบัญชีหลักในเครื่องของผู้ใช้ได้ โดยค่านี้จะส่งผลต่อขนาดของกล่องจดหมายในบัญชีที่ได้รับมอบสิทธิ์ที่ผู้ใช้เข้าถึงได้อีกด้วย
- ไปที่ HKEY_CURRENT_USER\Software\Google\Google Apps Sync\ ในรีจิสทรี
- คลิก EditNewKey เพื่อสร้างโฟลเดอร์คีย์ใหม่
- ระบุ EmailSync เป็นชื่อคีย์แล้วกด Enter
- เลือกโฟลเดอร์ EmailSync ที่คุณสร้างไว้
- คลิก EditNewDWORD (32-bit) Value
- ระบุ MaxStorePstSizeMegaBytes เป็นค่าใหม่แล้วกด Enter
- คลิกขวาที่ค่า MaxStorePstSizeMegaBytes ที่คุณสร้างไว้แล้วเลือก Modify
- ในส่วน Value Data ให้ระบุขนาดสูงสุดของกล่องจดหมายเป็นหน่วยเมกะไบต์ในช่อง Edit DWORD (32-bit) Value
เช่น 4000 MB = 4 GB
- คลิก OK
หมายเหตุ: นอกจากนี้คุณยังตั้งขนาดของกล่องจดหมายในเครื่องได้โดยใช้ GWSMO แต่การตั้งครั้งนี้จะมีผลกับบัญชีกล่องจดหมายหลักของผู้ใช้เท่านั้น โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อตั้งขนาดของกล่องจดหมายในเครื่อง
คุณจะอัปเดตตำแหน่งโฟลเดอร์ของไฟล์ PST และไฟล์บันทึกภายในเครื่องได้ โดยตำแหน่งใหม่จะมีผลกับไฟล์ต่อไปนี้เท่านั้น
- ไฟล์ PST ที่เชื่อมโยงกับโปรไฟล์ Outlook ที่สร้างใหม่
- ไฟล์บันทึกที่สร้างขึ้นหลังจากรีสตาร์ท Outlook
เส้นทางโฟลเดอร์ไปยังไฟล์ PST
- ไปที่ HKEY_CURRENT_USER\Software\Google\Google Apps Sync\ ในรีจิสทรีของเครื่องไคลเอ็นต์ที่ติดตั้ง GWSMO แต่ละเครื่อง
- คลิก EditNewString Value
- ระบุ PstFolder เป็นค่าใหม่แล้วกด Enter
- คลิกขวาที่ค่า PstFolder ที่คุณสร้างไว้แล้วเลือก Modify
- ในส่วน Value data ให้ระบุเส้นทางโฟลเดอร์ไปยังไฟล์ PST ในเครื่องไคลเอ็นต์ลงในช่อง Edit String
เช่น C:\Program Files\Google\Google Apps Sync\PST\
- คลิก OK
เส้นทางโฟลเดอร์ไปยังไฟล์บันทึก
- ไปที่ HKEY_CURRENT_USER\Software\Google\Google Apps Sync\ ในรีจิสทรีของเครื่องไคลเอ็นต์ที่ติดตั้ง GWSMO แต่ละเครื่อง
- คลิก EditNewString Value
- ระบุ LogFolder เป็นค่าใหม่แล้วกด Enter
- คลิกขวาที่ค่า LogFolder ที่คุณสร้างไว้แล้วเลือก Modify
- ในส่วน Value data ให้ระบุเส้นทางโฟลเดอร์ไปยังไฟล์บันทึกในเครื่องไคลเอ็นต์ลงในช่อง Edit String
เช่น C:\Program Files\Google\Google Apps Sync\Logs\
โปรดดูรายละเอียดไฟล์บันทึกของ GWSMO ที่หัวข้อฉันจะค้นหาไฟล์บันทึกการติดตามได้จากที่ใด
- คลิก OK
หมายเหตุ: นอกจากนี้คุณยังอัปเดตเส้นทางโฟลเดอร์ไปยังไฟล์ PST และไฟล์บันทึกได้โดยใช้ GWSMO โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อตั้งขนาดของกล่องจดหมายในเครื่อง
หากต้องการเปิดระดับการบันทึกแบบต่างๆ (แบบข้อมูล แบบละเอียด หรือแบบประสิทธิภาพ) ให้กับ GWSMO ให้แก้ไขคีย์รีจิสทรีการติดตามและค่า DWORD ในระดับที่สอดคล้องกัน
หมายเหตุ: การบันทึกแบบละเอียดจะสร้างไฟล์บันทึกขนาดใหญ่ ซึ่งส่งผลกับประสิทธิภาพการทำงานและพื้นที่ว่างในดิสก์
- ไปที่ HKEY_CURRENT_USER\Software\Google\Google Apps Sync\ ในรีจิสทรี
- คลิก EditNewKey เพื่อสร้างโฟลเดอร์คีย์ใหม่
- ระบุ Tracing เป็นชื่อคีย์แล้วกด Enter
- เลือกโฟลเดอร์ Tracing ที่คุณสร้างไว้
- คลิก EditNewDWORD (32-bit) Value
- ระบุ Level เป็นค่าใหม่แล้วกด Enter
- คลิกขวาที่ค่า Level ที่คุณสร้างไว้แล้วเลือก Modify
- ในส่วน Value data ให้ระบุค่าเลขฐานสิบหกค่าใดค่าหนึ่งต่อไปนี้ในช่อง Edit DWORD (32-bit) Value
- f - แบบข้อมูล
- ff - แบบละเอียด
- 4F - แบบประสิทธิภาพ
- คลิก OK
ระดับการบันทึกสำหรับ GWMMO
หากใช้ Google Workspace Migration for Microsoft Outlook (GWMMO) คุณอาจต้องเปิดระดับการบันทึกหลายแบบ โปรดทำตามวิธีการต่อไปนี้เพื่อเปลี่ยนระดับการบันทึกของ GWMMO
- ในรีจิสทรี ให้ไปที่ HKEY_CURRENT_USER\Software\Google\Google Apps Migration\
- เลือกโฟลเดอร์ Tracing
- คลิกขวาที่ค่า Level แล้วเลือก Modify
- ในส่วน Edit DWORD (32-bit) Value ให้เปลี่ยนจาก 7 ซึ่งเป็นค่าเริ่มต้นไปเป็นเลขฐานสิบหกค่าใดค่าหนึ่งต่อไปนี้ในช่อง Value data
- f - แบบข้อมูล
- ff - แบบละเอียด
- 4F - แบบประสิทธิภาพ
- คลิก OK
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ GWMMO
ระบบปิดส่วนหัว UTF-8 สำหรับอีเมลขาเข้าไว้โดยค่าเริ่มต้น เราขอแนะนำให้เปิดการรองรับส่วนหัวนี้ หากส่วนผู้ส่ง ผู้รับ หรือเรื่องของอีเมลที่ได้รับนั้นอ่านได้ยาก
กรณีที่ใช้ Outlook 2016 หรือเวอร์ชันใหม่กว่า…
ขั้นแรก ให้เปิดใช้ความเข้ากันได้กับ RFC 6530 โดยใช้การตั้งสถานะ CCSF_GLOBAL_MESSAGE เพื่อซิงค์อีเมลขาเข้ากับ Outlook จากนั้น หากไม่ได้ระบุในอีเมลไว้อยู่แล้วก็ให้ใช้ GWSMO เพื่อตั้งชุดอักขระ MIME ของอีเมลเป็น UTF-8
- ไปที่ HKEY_CURRENT_USER\Software\Google\Google Apps Sync\ ในรีจิสทรี
- คลิก EditNewDWORD (32-bit) Value
- ระบุ UseGlobalMessageFlag เป็นค่าใหม่แล้วกด Enter
- คลิกขวาที่ค่า UseGlobalMessageFlag ที่คุณสร้างไว้แล้วเลือก Modify
- ในส่วน Value data ให้ระบุ 1 ในช่อง Edit DWORD (32-bit) Value เพื่อเปิดค่าสถานะ CCSF_GLOBAL_MESSAGE
- คลิก OK
- ทำขั้นตอนที่ 2-6 ซ้ำเพื่อตั้งค่าชุดอักขระ MIME เป็น UTF-8 ดังนี้
- DWORD (32-bit) Value - SetMIMECharsetToUTF8
- Value data - 1
กรณีที่ใช้ Outlook 2013 หรือเวอร์ชันเก่ากว่า...
Outlook 2013 และเวอร์ชันก่อนหน้าจะไม่รองรับ RFC 6530 แต่ให้กําหนดค่า GWSMO เพื่อให้ข้อความเข้ากันได้กับ RFC 2047 โดยเข้ารหัสส่วนหัว UTF-8 บางส่วนอีกครั้งด้วยคําที่เข้ารหัสไว้แทน
- ไปที่ HKEY_CURRENT_USER\Software\Google\Google Apps Sync\ ในรีจิสทรี
- คลิก EditNewDWORD (32-bit) Value
- ระบุ FixUTF8HeadersEnabled เป็นค่าใหม่แล้วกด Enter
- คลิกขวาที่ค่า FixUTF8HeadersEnabled ที่คุณสร้างไว้แล้วเลือก Modify
- ในส่วน Value data ให้ระบุ 1 ในช่อง Edit DWORD (32-bit) Value เพื่อเปิดการเข้ารหัสส่วนหัว UTF-8 อีกครั้ง
- คลิก OK
สำคัญ: ไม่ว่าจะใช้วิธีใดเพื่อรองรับส่วนหัว UTF-8 ในข้อความขาเข้า คุณจะต้องรีสตาร์ท Outlook หลังจากเปลี่ยนรีจิสทรีเสมอ จากนั้นให้ซิงค์ข้อมูลทั้งหมดอีกครั้งเพื่อให้การเปลี่ยนแปลงมีผล
หากต้องการซิงค์ข้อมูลอีกครั้ง ให้ทำตามขั้นตอนในหัวข้อซ่อมแซมหรือซิงค์ข้อมูล Outlook อีกครั้ง โดยเลือกลบและซิงค์อีกครั้งด้วย วิธีนี้จะเป็นการนำข้อมูลเฉพาะของ Outlook ออกจากโปรไฟล์ของเครื่อง
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
Google, Google Workspace และเครื่องหมายและโลโก้ที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องหมายการค้าของ Google LLC ชื่อบริษัทและชื่อผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งหมดเป็นเครื่องหมายการค้าของ บริษัทที่เกี่ยวข้อง