หลักเกณฑ์ในบทความนี้จะช่วยให้คุณทำการส่งและนำส่งอีเมลไปยังบัญชี Gmail ส่วนบุคคลได้สำเร็จ ตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป ผู้ส่งอีเมลจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดที่อธิบายไว้ที่นี่จึงจะส่งอีเมลไปยังบัญชี Gmail ส่วนบุคคลได้ ซึ่งบัญชี Gmail ส่วนบุคคลคือบัญชีที่ลงท้ายด้วย @gmail.com หรือ @googlemail.com
โปรดดูข้อมูลอัปเดตล่าสุดเกี่ยวกับข้อกำหนดของผู้ส่งที่หัวข้อคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับหลักเกณฑ์สำหรับผู้ส่งอีเมล
ผู้ส่งที่ใช้ Google Workspace: หากใช้ Google Workspace เพื่อส่งอีเมลจำนวนมาก โปรดอ่านนโยบายจดหมายขยะและการละเมิดใน Gmail นโยบายนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการใช้งานที่ยอมรับได้ของ Google Workspace
การอัปเดตข้อกำหนดสำหรับผู้ส่ง
ตารางนี้แสดงรายการอัปเดตหลักเกณฑ์และข้อกำหนดสำหรับผู้ส่ง ดังนี้
ข้อกำหนดสำหรับผู้ส่ง | วันที่เพิ่ม |
---|---|
ใช้การเชื่อมต่อ TLS เพื่อส่งอีเมล | ธ.ค. 2023 |
ข้อกำหนดและหลักเกณฑ์เกี่ยวกับผู้ส่ง
ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เหล่านี้เพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อความจะส่งไปยังบัญชี Gmail ตามที่คาดไว้ และเพื่อป้องกันไม่ให้ Gmail จำกัดอัตราการส่ง บล็อกข้อความ หรือทำเครื่องหมายข้อความว่าเป็นจดหมายขยะ
ข้อกำหนดสำหรับผู้ส่งทุกคนตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2024 เป็นต้นไป ผู้ส่งอีเมลทุกคนที่ส่งอีเมลไปยังบัญชี Gmail จะต้องมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดในส่วนนี้
สำคัญ: หากคุณส่งข้อความไปยังบัญชี Gmail วันละ 5,000 ข้อความขึ้นไป โปรดทำตามข้อกำหนดในการส่งข้อความวันละ 5,000 ข้อความขึ้นไป
- ตั้งค่าการตรวจสอบสิทธิ์อีเมล SPF หรือ DKIM สำหรับโดเมนที่ส่ง
- ตรวจสอบว่าโดเมนหรือ IP ที่ส่งมีระเบียน DNS แบบส่งต่อและย้อนกลับที่ถูกต้อง หรือที่เรียกว่าระเบียน PTR ดูข้อมูลเพิ่มเติม
- ใช้การเชื่อมต่อ TLS เพื่อส่งอีเมล โปรดดูขั้นตอนการตั้งค่า TLS ใน Google Workspace ที่หัวข้อต้องใช้การเชื่อมต่อที่ปลอดภัยสำหรับอีเมล
- รักษาอัตราจดหมายขยะที่รายงานในเครื่องมือ Postmaster ให้ต่ำกว่า 0.3% ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราจดหมายขยะ
- จัดรูปแบบข้อความตามมาตรฐานรูปแบบข้อความสำหรับอินเทอร์เน็ต RFC 5322
- อย่าแอบอ้างใช้ส่วนหัว Gmail From: Gmail จะเริ่มใช้นโยบายการบังคับใช้ quarantine ของ DMARC และการแอบอ้างใช้ส่วนหัว Gmail From: อาจส่งผลกระทบต่อการนำส่งอีเมลของคุณ
- หากคุณจัดการบริการส่งต่อ รวมถึงรายชื่ออีเมลหรือเกตเวย์ขาเข้า ให้เพิ่มส่วนหัว ARC ในอีเมลขาออก ซึ่งส่วนหัว ARC จะระบุว่ามีการส่งต่อข้อความ และระบุตัวคุณว่าเป็นผู้ส่งต่อ ผู้ส่งอีเมลตามรายชื่อควรเพิ่มส่วนหัว List-id: ซึ่งระบุรายชื่ออีเมลให้กับข้อความขาออกด้วยเช่นกัน
ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2024 เป็นต้นไป ผู้ส่งอีเมลที่ส่งข้อความไปยังบัญชี Gmail วันละตั้งแต่ 5,000 ข้อความขึ้นไปจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในส่วนนี้
- ตั้งค่าการตรวจสอบสิทธิ์อีเมล SPF และ DKIM สำหรับโดเมนของคุณ
- ตั้งค่าการตรวจสอบสิทธิ์อีเมล DMARC สำหรับโดเมนที่ส่ง คุณสามารถตั้งนโยบายการบังคับใช้ DMARC เป็น none ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
- ตรวจสอบว่าโดเมนหรือ IP ที่ส่งมีระเบียน DNS แบบส่งต่อและย้อนกลับที่ถูกต้อง หรือที่เรียกว่าระเบียน PTR ดูข้อมูลเพิ่มเติม
- ใช้การเชื่อมต่อ TLS เพื่อส่งอีเมล โปรดดูขั้นตอนการตั้งค่า TLS ใน Google Workspace ที่หัวข้อต้องใช้การเชื่อมต่อที่ปลอดภัยสำหรับอีเมล
- รักษาอัตราจดหมายขยะที่รายงานในเครื่องมือ Postmaster ให้ต่ำกว่า 0.30% ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราจดหมายขยะ
- จัดรูปแบบข้อความตามมาตรฐานรูปแบบข้อความสำหรับอินเทอร์เน็ต RFC 5322
- อย่าแอบอ้างใช้ส่วนหัว Gmail From: Gmail จะเริ่มใช้นโยบายการบังคับใช้ quarantine ของ DMARC และการแอบอ้างใช้ส่วนหัว Gmail From: อาจส่งผลกระทบต่อการนำส่งอีเมลของคุณ
- หากคุณจัดการบริการส่งต่อ รวมถึงรายชื่ออีเมลหรือเกตเวย์ขาเข้า ให้เพิ่มส่วนหัว ARC ในอีเมลขาออก ซึ่งส่วนหัว ARC จะระบุว่ามีการส่งต่อข้อความ และระบุตัวคุณว่าเป็นผู้ส่งต่อ ผู้ส่งอีเมลตามรายชื่อควรเพิ่มส่วนหัว List-id: ซึ่งระบุรายชื่ออีเมลให้กับข้อความขาออกด้วยเช่นกัน
- สำหรับการส่งอีเมลโดยตรง โดเมนในส่วนหัว From: ของผู้ส่งต้องสอดคล้องกับโดเมน SPF หรือโดเมน DKIM ซึ่งจำเป็นต่อการผ่านการตรวจสอบความสอดคล้อง DMARC
- ข้อความการตลาดและข้อความที่สมัครรับข้อมูลจะต้องรองรับการยกเลิกการสมัครรับอีเมลในคลิกเดียว และระบุลิงก์ยกเลิกการสมัครรับข้อมูลที่มองเห็นได้ชัดเจนในส่วนเนื้อหาข้อความ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
หากคุณส่งอีเมลวันละ 5,000 ฉบับขึ้นไปก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2024 โปรดปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในบทความนี้โดยเร็วที่สุด การที่มีคุณสมบัติตามข้อกำหนดของผู้ส่งก่อนที่จะถึงกำหนดเวลาอาจช่วยปรับปรุงการนำส่งอีเมลของคุณได้ หากคุณไม่มีคุณสมบัติตามข้อกำหนดที่อธิบายไว้ในบทความนี้ ระบบอาจไม่นำส่งอีเมลของคุณตามที่คาดไว้ หรืออาจถูกทำเครื่องหมายว่าเป็นจดหมายขยะ หากต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับปัญหาในการนำส่งอีเมล ให้ไปที่การแก้ปัญหา
ข้อกำหนดและหลักเกณฑ์การตรวจสอบสิทธิ์อีเมล
เรากำหนดให้คุณตั้งค่าวิธีการตรวจสอบสิทธิ์อีเมลเหล่านี้สำหรับโดเมนของคุณ
- ผู้ส่งทั้งหมด: SPF หรือ DKIM
- ผู้ส่งอีเมลจำนวนมาก: SPF, DKIM และ DMARC
ข้อความที่ได้รับการตรวจสอบสิทธิ์แล้วมีประโยชน์ดังนี้
- ช่วยปกป้องผู้รับจากข้อความที่เป็นอันตราย เช่น การปลอมแปลงและข้อความฟิชชิง
- ช่วยปกป้องคุณและองค์กรจากการถูกแอบอ้าง
- Gmail มักจะไม่ปฏิเสธหรือทำเครื่องหมายว่าเป็นจดหมายขยะ
ตั้งค่าการตรวจสอบสิทธิ์อีเมลสำหรับโดเมนที่ส่งแต่ละโดเมนในระบบของผู้ให้บริการโดเมน โดยคุณสามารถใช้วิธีการที่ Google มีให้และข้อมูลการสนับสนุนด้านการตรวจสอบสิทธิ์อีเมลของผู้ให้บริการโดเมนของเราได้
Google จะตรวจสอบข้อความที่ส่งไปยังบัญชี Gmail เพื่อยืนยันว่าข้อความผ่านการตรวจสอบสิทธิ์ หากต้องการปรับปรุงการนำส่งอีเมล เราขอแนะนำให้คุณตั้งค่า SPF, DKIM และ DMARC ให้โดเมนเสมอ ตรวจสอบว่าคุณมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดขั้นต่ำในการตรวจสอบสิทธิ์ซึ่งอธิบายไว้ในหน้านี้ ระบบอาจทำเครื่องหมายข้อความที่ไม่ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์ด้วยวิธีเหล่านี้ว่าเป็นจดหมายขยะหรือถูกปฏิเสธโดยมีข้อผิดพลาด 5.7.26
หากคุณใช้ผู้ให้บริการอีเมล โปรดยืนยันว่าผู้ให้บริการตรวจสอบสิทธิ์อีเมลของโดเมนด้วย SPF และ DKIM
หากคุณส่งต่ออีเมลหรือจัดการบริการส่งต่อเป็นประจำ คุณสามารถตรวจสอบว่าข้อความที่ส่งต่อจะได้รับการตรวจสอบสิทธิ์ได้โดยทำตามแนวทางปฏิบัติแนะนำสำหรับการส่งต่ออีเมลไปยัง Gmail
เราขอแนะนำให้ตั้งค่าการตรวจสอบสิทธิ์อีเมลสำหรับโดเมนที่โฮสต์เว็บไซต์สาธารณะของคุณเสมอ
SPF
SPF จะป้องกันไม่ให้นักส่งสแปมส่งข้อความที่ไม่ได้รับอนุญาตซึ่งดูเหมือนว่ามาจากโดเมนของคุณ โปรดตั้งค่า SPF โดยเผยแพร่ระเบียน SPF ในโดเมนของคุณ ระเบียน SPF ของโดเมนควรมีผู้ส่งอีเมลในนามโดเมนของคุณครบทุกราย หากผู้ส่งที่เป็นบุคคลที่สามไม่ได้อยู่ในระเบียน SPF ก็จะมีโอกาสสูงขึ้นที่ระบบจะทำเครื่องหมายข้อความจากผู้ส่งดังกล่าวว่าเป็นจดหมายขยะ ดูวิธีระบุระเบียน SPF และเพิ่มระเบียนลงในโดเมน
DKIM
โปรดเปิดใช้ DKIM ให้แก่โดเมนที่ส่งอีเมล เซิร์ฟเวอร์ฝั่งผู้รับจะใช้ DKIM เพื่อยืนยันว่าเจ้าของโดเมนเป็นผู้ส่งข้อความจริงๆ หากคุณใช้ Google Workspace เพื่อส่งอีเมล โปรดดูวิธีเปิดใช้ DKIM สำหรับโดเมนของคุณ แต่หากไม่ได้ใช้ Google Workspace เพื่อส่งอีเมล คุณก็สามารถใช้หนึ่งในเครื่องมืออินเทอร์เน็ตที่มีอยู่เป็นจำนวนมากเพื่อสร้างคีย์ DKIM หรือติดต่อผู้ให้บริการโดเมนเพื่อขอความช่วยเหลือ
สำคัญ: การส่งไปยังบัญชี Gmail ส่วนบุคคลต้องใช้คีย์ DKIM ที่มีขนาดตั้งแต่ 1024 บิตขึ้นไป ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย เราขอแนะนำให้ใช้คีย์ 2048 บิต หากผู้ให้บริการโดเมนของคุณรองรับ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความยาวคีย์ DKIM
DMARC
DMARC จะแจ้งเซิร์ฟเวอร์ในฝั่งผู้รับว่าต้องทำอย่างไรกับข้อความที่ไม่ผ่าน SPF หรือ DKIM โปรดตั้งค่า DMARC โดยเผยแพร่ระเบียน DMARC สำหรับโดเมน ทั้งนี้ข้อความจะต้องผ่านการตรวจสอบสิทธิ์โดย SPF หรือ DKIM หรือทั้งคู่ จึงจะผ่านการตรวจสอบสิทธิ์ DMARC และโดเมนการตรวจสอบสิทธิ์นั้นต้องเป็นโดเมนเดียวกับที่ปรากฏในส่วนหัว From: ของข้อความ ดูวิธีเพิ่มระเบียน DMARC ในโดเมน
เราขอแนะนำให้คุณตั้งค่ารายงาน DMARC เพื่อให้คุณสามารถตรวจสอบอีเมลที่ส่งจากโดเมนของคุณ หรือดูเหมือนว่าจะส่งมาจากโดเมนของคุณ รายงาน DMARC ช่วยให้คุณระบุผู้ส่งที่อาจแอบอ้างโดเมนของคุณได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงาน DMARC
ARC
ARC จะตรวจสอบสถานะการตรวจสอบสิทธิ์ก่อนหน้านี้ของข้อความที่ส่งต่อ หากข้อความที่ส่งต่อผ่านการตรวจสอบสิทธิ์ SPF หรือ DKIM แต่ ARC แสดงผลว่าไม่ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์ก่อนหน้านี้ Gmail จะถือว่าข้อความนั้นไม่ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์
เราขอแนะนำให้ผู้ส่งใช้การตรวจสอบสิทธิ์ ARC โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากส่งต่ออีเมลเป็นประจำ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจสอบสิทธิ์ ARC
ข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการกำหนดค่าโครงสร้างพื้นฐาน
ที่อยู่ IP
สำคัญ: ที่อยู่ IP ที่ใช้ส่งข้อความต้องตรงกับที่อยู่ IP ของชื่อโฮสต์ที่ระบุในระเบียน Pointer (PTR)
ที่อยู่ IP สาธารณะของเซิร์ฟเวอร์ SMTP ที่ใช้ส่งต้องมีระเบียน PTR ที่ตรงกันซึ่งตรงกับชื่อโฮสต์ วิธีนี้เรียกว่าการค้นหา DNS แบบย้อนกลับ โดยชื่อโฮสต์เดียวกันต้องมีระเบียน A (สำหรับ IPv4) หรือ AAAA (สำหรับ IPv6) ที่ตรงกับที่อยู่ IP สาธารณะเดียวกันกับที่เซิร์ฟเวอร์ที่ส่งใช้ ซึ่งเรียกว่าการค้นหา DNS แบบตรง
ตั้งค่าระเบียน DNS แบบย้อนกลับที่ถูกต้องของที่อยู่ IP ของเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ส่งที่ชี้ไปยังโดเมนของคุณ ตรวจหาระเบียน PTR ด้วยเครื่องมือ Dig ในกล่องเครื่องมือของ Google Admin
สำคัญ: ที่อยู่ IP ที่ใช้ส่งข้อความต้องตรงกับที่อยู่ IP ของชื่อโฮสต์ที่ระบุในระเบียน Pointer (PTR)
ที่อยู่ IP ที่ใช้ร่วมกัน
ที่อยู่ IP ที่ใช้ร่วมกันคือที่อยู่ IP ที่มีผู้ส่งอีเมลใช้มากกว่า 1 ราย กิจกรรมของผู้ส่งที่ใช้ที่อยู่ IP ที่ใช้ร่วมกันจะส่งผลต่อชื่อเสียงของผู้ส่งทั้งหมดสำหรับที่อยู่ IP ที่ใช้ร่วมกันดังกล่าว และยังอาจส่งผลต่ออัตราการส่งอีกด้วย
หากคุณใช้ที่อยู่ IP ที่ใช้ร่วมกันในการส่งอีเมล ให้ทำดังนี้
- ตรวจสอบว่าที่อยู่ IP ที่ใช้ร่วมกันไม่ได้อยู่ในรายการที่บล็อกทางอินเทอร์เน็ต ระบบมักจะทำเครื่องหมายข้อความที่ส่งจากที่อยู่ IP ในรายการที่บล็อกว่าเป็นจดหมายขยะ
- หากคุณใช้ผู้ให้บริการอีเมลกับ IP ที่ใช้ร่วมกัน ให้ใช้เครื่องมือ Postmaster เพื่อตรวจสอบชื่อเสียงของที่อยู่ IP ที่ใช้ร่วมกันดังกล่าว
ข้อกำหนดและหลักเกณฑ์การสมัครใช้บริการ
หากคุณจัดการรายชื่ออีเมลหรือการสมัครรับอีเมลอื่นๆ คุณควรส่งอีเมลถึงผู้ที่ต้องการรับอีเมลดังกล่าวเท่านั้น เนื่องจากมีโอกาสน้อยที่ผู้รับกลุ่มนี้จะรายงานข้อความของคุณว่าเป็นจดหมายขยะ หากระบบรายงานว่าอีเมลจากโดเมนของคุณเป็นจดหมายขยะอยู่บ่อยครั้ง อีเมลที่คุณส่งในครั้งถัดไปก็จะมีแนวโน้มสูงที่ระบบจะทำเครื่องหมายว่าเป็นจดหมายขยะ และเมื่อเวลาผ่านไป รายงานจดหมายขยะของผู้ใช้อาจทำให้ชื่อเสียงของโดเมนแย่ลงได้ ตรวจสอบอัตราจดหมายขยะและชื่อเสียงของโดเมนด้วยเครื่องมือ Postmaster
ทำให้การสมัครรับข้อความเป็นเรื่องง่าย
วิธีตรวจสอบว่าผู้รับมีส่วนร่วม
- ตรวจสอบว่าผู้รับเลือกรับข้อความจากคุณ
- ยืนยันอีเมลของผู้รับแต่ละรายก่อนดำเนินการสมัครรับข้อความให้ผู้ใช้
- ส่งข้อความเป็นระยะๆ เพื่อยืนยันว่าผู้รับต้องการสมัครรับอีเมลต่อไป
- พิจารณาการยกเลิกการสมัครรับอีเมลให้ผู้ใช้ที่ไม่ได้เปิดหรืออ่านข้อความของคุณ
ทำให้การยกเลิกการสมัครรับข้อความเป็นเรื่องง่าย
เปิดโอกาสให้ผู้รับยกเลิกการสมัครรับข้อความของคุณได้อย่างสะดวกอยู่เสมอ การเปิดโอกาสให้ผู้รับสามารถเลือกไม่รับข้อความได้ จะช่วยเพิ่มอัตราการเปิดอ่าน อัตราการคลิกผ่าน และประสิทธิภาพในการส่งข้อความให้มากขึ้น
สำคัญ: หากคุณส่งข้อความวันละตั้งแต่ 5,000 ข้อความขึ้นไป ข้อความการตลาดและข้อความที่สมัครรับข้อมูลจะต้องรองรับการยกเลิกการสมัครรับอีเมลในคลิกเดียว
หากต้องการตั้งค่าการยกเลิกการสมัครรับอีเมลในคลิกเดียวสำหรับข้อความ Gmail ให้ใส่ส่วนหัวทั้ง 2 แบบดังต่อไปนี้ในข้อความขาออก
-
List-Unsubscribe-Post: List-Unsubscribe=One-Click
- List-Unsubscribe: <https://solarmora.com/unsubscribe/example>
เมื่อผู้รับยกเลิกการสมัครรับอีเมลในคลิกเดียว คุณจะได้รับคำขอ POST ดังนี้
"POST /unsubscribe/example HTTP/1.1
Host: solarmora.com
Content-Type: application/x-www-form-urlencoded
Content-Length: 26
List-Unsubscribe=One-Click"
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับส่วนหัวของการยกเลิกการสมัครรับอีเมลตามรายการใน RFC 2369 และ RFC 8058
คุณสามารถใช้ตัวเลือกการยกเลิกการสมัครรับข้อความต่อไปนี้ได้ด้วย แต่ไม่ควรใช้แทนที่การยกเลิกการสมัครรับอีเมลในคลิกเดียว
- อนุญาตให้ผู้รับตรวจสอบรายชื่ออีเมลแต่ละรายการเฉพาะที่ตนสมัครรับข้อความ และให้ผู้ใช้ยกเลิกการสมัครรับข้อความทีละรายการหรือทุกรายการได้ในครั้งเดียว
- ยกเลิกการสมัครรับข้อความโดยอัตโนมัติให้ผู้รับที่มีข้อความตีกลับหลายรายการ
ข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการจัดรูปแบบข้อความ
ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การจัดรูปแบบข้อความเหล่านี้เพื่อให้มั่นใจได้ว่าระบบจะส่งข้อความตามที่คาดไว้
- หากข้อความอยู่ในรูปแบบ HTML ให้จัดรูปแบบตามมาตรฐาน HTML
- ทำตามหลักเกณฑ์ส่วนหัวของข้อความต่อไปนี้
- ส่วนหัว From: ควรมีอีเมลเพียงรายการเดียวเท่านั้น ตามตัวอย่างต่อไปนี้
From: notifications@solarmora.com - หลีกเลี่ยงไม่ใช้ส่วนหัวของข้อความที่ขนาดใหญ่เกินไป โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่หัวข้อขีดจำกัดส่วนหัวของข้อความ Gmail
- ส่วนหัว From: ควรมีอีเมลเพียงรายการเดียวเท่านั้น ตามตัวอย่างต่อไปนี้
- จัดรูปแบบข้อความตามมาตรฐานรูปแบบสำหรับอินเทอร์เน็ต (RFC 5322)
- ตรวจสอบว่าทุกข้อความมีรหัสข้อความที่ถูกต้อง
- ตรวจสอบว่าใส่ข้อมูลส่วนหัวของข้อความแบบอินสแตนซ์เดียวเพียงครั้งเดียวในข้อความ ตัวอย่างของส่วนหัวแบบอินสแตนซ์เดียว ได้แก่ From:, To:, Subject: และ Date:
- ส่วนหัวของข้อความและเนื้อหาข้อความควรถูกต้องและไม่ชวนให้เข้าใจผิดหรือเป็นการหลอกลวง
- เรื่อง ส่วนหัว ชื่อที่แสดง และองค์ประกอบอื่นๆ ของข้อความอีเมลควรแสดงถึงข้อมูลประจำตัวของผู้ส่งและเนื้อหาข้อความอย่างถูกต้อง รวมถึงไม่ชวนให้เกิดความเข้าใจผิด เช่น อย่าส่งข้อความที่มีบรรทัดเรื่องที่ขึ้นต้นด้วย Re: หรือ Fwd: เว้นแต่ข้อความจะเป็นการตอบกลับหรือส่งต่อจริง และให้รวมเฉพาะผู้ส่งและผู้รับจริงในส่วนหัว From: และ To:
- อย่าใช้อีโมจิหรืออักขระอื่นๆ ที่ไม่ใช่อักขระมาตรฐานเพื่อเลียนแบบองค์ประกอบกราฟิกในข้อความ โดยมีเจตนาที่จะหลอกลวงหรือชี้นำผู้รับ เช่น อย่าใช้อีโมจิหรือรูปภาพข้างชื่อที่แสดงหรือชื่อแบรนด์เพื่อบอกเป็นนัยว่าชื่อได้รับการยืนยันแล้วในทางใดทางหนึ่ง
- อย่าใช้ HTML และ CSS เพื่อซ่อนเนื้อหาในข้อความ การซ่อนเนื้อหาอาจทำให้ระบบทำเครื่องหมายข้อความว่าเป็นจดหมายขยะ
- เว็บลิงก์ในส่วนเนื้อหาข้อความควรมองเห็นได้อย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย ผู้รับควรทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคลิกลิงก์
- ข้อมูลของผู้ส่งควรเข้าใจง่ายและมองเห็นได้อย่างชัดเจน
-
- จัดรูปแบบโดเมนระหว่างประเทศต่อไปนี้ตามส่วน 5.2 ของมาตรฐานทางเทคนิคสำหรับ Unicode #39 โดเมนระหว่างประเทศเรียกอีกอย่างว่าชื่อโดเมนระหว่างประเทศ (IDN) และเป็น URL ที่เจาะจงสำหรับภูมิภาคหรือประเทศ
- โดเมนการตรวจสอบสิทธิ์
- โดเมน Envelope From
- โดเมน Payload
- โดเมนตอบกลับ
- โดเมนผู้ส่ง
ข้อกำหนดและหลักเกณฑ์แนวทางปฏิบัติในการส่ง
ทำตามแนวทางปฏิบัติแนะนำในส่วนนี้เพื่อลดโอกาสที่ Gmail จะบล็อกหรือส่งข้อความจากโดเมนของคุณไปยังกล่องจดหมายขยะ
- ตรวจสอบสิทธิ์อีเมลด้วย SPF และ DKIM ที่มีความสอดคล้องกันในระดับองค์กร หากคุณใช้ผู้ให้บริการอีเมล โปรดยืนยันว่าผู้ให้บริการรองรับการตรวจสอบสิทธิ์ดังกล่าว
- ตามหลักแล้ว คุณควรส่งข้อความทั้งหมดจากที่อยู่ IP เดียวกัน หากต้องส่งจากที่อยู่ IP หลายรายการ ให้ใช้ที่อยู่ IP ที่ต่างกันสำหรับข้อความแต่ละประเภท เช่น ใช้ที่อยู่ IP หนึ่งสำหรับส่งการแจ้งเตือนบัญชี และใช้ที่อยู่ IP อื่นสำหรับส่งข้อความโปรโมชัน
- ข้อความในหมวดหมู่เดียวกันควรมีอีเมลในช่อง "จาก" เหมือนกัน เช่น ข้อความจากโดเมน
solarmora.com
อาจมีอีเมลในช่อง "จาก" ดังนี้- ข้อความแจ้งใบเสร็จการขาย:
sales@solarmora.com
- ข้อความโปรโมชัน:
deals@solarmora.com
- ข้อความแจ้งเตือนบัญชี:
alert@solarmora.com
- ข้อความแจ้งใบเสร็จการขาย:
- สำหรับข้อความที่ส่งจากที่อยู่ในข้อมูลรายชื่อติดต่อของผู้รับ ระบบมักจะไม่ทำเครื่องหมายว่าเป็นจดหมายขยะ
การปฏิบัติที่ต้องหลีกเลี่ยง
- อย่ารวมเนื้อหาหลายประเภทไว้ในข้อความเดียวกัน เช่น อย่าใส่โปรโมชันในข้อความใบเสร็จการขาย
- อย่าแอบอ้างเป็นโดเมนหรือผู้ส่งรายอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต การกระทำเช่นนี้เรียกว่าการปลอมแปลงและ Gmail อาจทำเครื่องหมายข้อความดังกล่าวว่าเป็นจดหมายขยะได้
- อย่าทำเครื่องหมายอีเมลภายในว่าเป็นจดหมายขยะ เพราะอาจส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของโดเมน ซึ่งเป็นเหตุให้ระบบทำเครื่องหมายข้อความต่อๆ ไปว่าเป็นจดหมายขยะ
- อย่าซื้ออีเมลจากบริษัทอื่น
- อย่าส่งอีเมลหาผู้ที่ไม่ได้สมัครรับข้อความจากคุณ เพราะผู้รับเช่นว่าอาจทำเครื่องหมายข้อความของคุณว่าเป็นจดหมายขยะ และระบบจะทำเครื่องหมายข้อความต่อๆ ไปที่ส่งถึงผู้รับดังกล่าวว่าเป็นจดหมายขยะ
- หลีกเลี่ยงการใช้แบบฟอร์มที่ทำเครื่องหมายเลือกสมัครรับข้อความไว้แล้วโดยค่าเริ่มต้น รวมทั้งที่สมัครรับข้อความให้ผู้ใช้โดยอัตโนมัติ เพราะบางประเทศและภูมิภาคอาจจำกัดการเลือกรับอัตโนมัติ โปรดตรวจสอบกฎระเบียบในภูมิภาคของคุณก่อนเลือกให้ผู้ใช้สมัครรับอีเมลโดยอัตโนมัติ
ระบบอาจทำเครื่องหมายข้อความที่ถูกต้องบางรายการว่าเป็นจดหมายขยะ ผู้รับสามารถทำเครื่องหมายข้อความที่ถูกต้องว่าไม่ใช่จดหมายขยะ เพื่อให้ระบบส่งข้อความไปยังกล่องจดหมายในครั้งต่อไปที่มีข้อความมาจากผู้ส่งคนดังกล่าว
เพิ่มปริมาณการส่งทีละน้อย
ข้อควรทราบเมื่อเพิ่มปริมาณการส่งมีดังนี้
- การเพิ่มปริมาณการส่งเร็วเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาในการส่ง ดังนั้นขณะเพิ่มปริมาณการส่งอีเมลทีละน้อย ให้ใช้เครื่องมือ Postmaster เพื่อตรวจสอบการส่งอีเมล
- บัญชีงานและบัญชีโรงเรียนของ Google Workspace จะมีขีดจำกัดการส่ง แม้ว่าผู้รับจะอยู่ในโดเมน Google Workspace อื่นก็ตาม เช่น คุณอาจส่งอีเมลถึงผู้ใช้ที่มีโดเมนของอีเมลเป็น
your-company.net
และsolarmora.com
แม้ว่าโดเมนทั้งสองจะต่างกัน แต่หากทั้งคู่มีgoogle.com
เป็นระเบียน MX ข้อความที่ส่งไปยังโดเมนดังกล่าวก็จะนับรวมในขีดจำกัดของคุณด้วย - หากใช้ Google Workspace หรือ Gmail ในการส่ง: เมื่อถึงขีดจำกัดการส่งแล้ว ระบบจะจำกัดอัตราการส่งสำหรับที่อยู่ IP ที่ใช้ส่งข้อความ
หากคุณส่งอีเมลจำนวนมาก เราขอแนะนำให้ทำดังนี้
- ส่งอีเมลในอัตราที่สม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการส่งอีเมลจำนวนมากในครั้งเดียว
- เริ่มต้นส่งอีเมลในปริมาณน้อยถึงผู้ใช้ที่มีส่วนร่วม จากนั้นค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้น
- เมื่อเพิ่มปริมาณการส่ง ให้ตรวจสอบการตอบกลับของเซิร์ฟเวอร์ อัตราจดหมายขยะ และชื่อเสียงของโดเมนที่ส่งอยู่เสมอ การตรวจสอบเป็นประจำจะช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่อัตราการส่งถูกจำกัด อัตราจดหมายขยะเพิ่มขึ้น หรือชื่อเสียงของโดเมนที่ส่งลดลง
- หลีกเลี่ยงการเพิ่มปริมาณอย่างฉับพลันหากคุณไม่มีประวัติการส่งอีเมลจำนวนมาก เช่น การเพิ่มปริมาณการส่งเป็น 2 เท่าจากที่ส่งก่อนหน้านี้ในทันทีอาจส่งผลให้มีการจำกัดอัตราการส่งหรือทำให้ชื่อเสียงลดลง
- หากคุณเปลี่ยนรูปแบบของอีเมลจำนวนมาก ให้ค่อยๆ เพิ่มปริมาณการส่งข้อความในรูปแบบใหม่
- หลังจากทำการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในโครงสร้างพื้นฐานของการส่งหรือโครงสร้างส่วนหัวของอีเมล ให้เพิ่มปริมาณกลุ่มการเข้าชมที่ปรับเปลี่ยนแยกต่างหาก
- หากข้อความเริ่มตีกลับหรือถูกเลื่อนเวลาส่งออกไป ให้ลดปริมาณการส่งจนกว่าอัตราข้อผิดพลาด SMTP จะลดลง จากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มปริมาณอีกครั้ง หากการตีกลับและการเลื่อนเวลาการแจ้งเตือนยังคงอยู่ในระดับต่ำ ให้ตรวจสอบข้อความแต่ละรายการเพื่อระบุปัญหา เช่น คุณอาจลองส่งข้อความเปล่าสำหรับการทดสอบแล้วดูว่าเกิดปัญหาหรือไม่
- ดำเนินการไม่ให้เกินขีดจำกัดการส่งของ IP
- โปรดระวังขีดจำกัดการส่งอีเมลเมื่อส่งจากโดเมนที่มีโฮสต์ MX ของ Google.com
- จำกัดการส่งอีเมลจากที่อยู่ IP เดียวตามโดเมนระเบียน MX แต่ไม่ใช่โดเมนในอีเมลของผู้รับ
- ตรวจสอบการตอบกลับเพื่อเปลี่ยนอัตราการส่งตามต้องการเพื่อให้ไม่เกินขีดจำกัดดังกล่าว
ปัจจัยดังต่อไปนี้อาจส่งผลต่อความเร็วที่คุณจะเพิ่มปริมาณการส่ง
- จำนวนอีเมลที่ส่ง: ยิ่งส่งอีเมลมาก คุณก็ยิ่งเพิ่มปริมาณการส่งได้ช้าลง
- ความถี่ของอีเมลที่ส่ง: คุณจะเพิ่มปริมาณการส่งได้เร็วขึ้นหากส่งเป็นรายวันแทนที่จะส่งเป็นรายสัปดาห์
- ความคิดเห็นของผู้รับเกี่ยวกับข้อความ: ตรวจสอบว่าคุณส่งอีเมลถึงผู้รับที่สมัครรับอีเมลของคุณเท่านั้น และอนุญาตให้ผู้รับเลือกยกเลิกการสมัครได้
ในกรณีที่กิจกรรมอีเมลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เราขอแนะนำให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในหน้านี้เพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการนำส่งโดยอัตโนมัติในระหว่างการส่งครั้งถัดไป
หลักเกณฑ์เพิ่มเติม
หลักเกณฑ์สำหรับการใช้ผู้ให้บริการอีเมล
Google และ Gmail จะไม่ยอมรับคำขอรายการที่อนุญาตจากผู้ให้บริการอีเมล เราจึงไม่สามารถรับประกันได้ว่าข้อความที่ส่งจากผู้ให้บริการอีเมลจะผ่านตัวกรองจดหมายขยะของ Gmail
หากคุณใช้ผู้ให้บริการอีเมลบุคคลที่สามเพื่อส่งอีเมลในนามของโดเมน ให้ทำดังนี้
- ยืนยันว่าผู้ให้บริการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในหน้านี้ ทั้งนี้ ผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น Google, AOL และ Yahoo มักจะปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวอยู่แล้ว
- ตรวจสอบว่าระเบียน SPF ของโดเมนมีผู้ส่งอีเมลในนามโดเมนของคุณครบทุกราย หากผู้ส่งบุคคลที่สามไม่ได้อยู่ในระเบียน SPF ก็จะมีโอกาสสูงขึ้นที่ระบบจะทำเครื่องหมายอีเมลที่ส่งมาจากผู้ให้บริการดังกล่าวว่าเป็นจดหมายขยะ ดูวิธีตั้งค่าระเบียน SPF
หากคุณใช้ผู้ให้บริการโดเมนแต่จัดการอีเมลด้วยตัวเอง เราขอแนะนำให้ทำดังนี้
- อ่านและปฏิบัติตามข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในหน้านี้
- ใช้เครื่องมือ Postmaster เพื่อตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับข้อความที่ส่งจากโดเมนของคุณไปยังบัญชี Gmail
หลักเกณฑ์สำหรับผู้ให้บริการอีเมล
เมื่อลูกค้าใช้บริการของคุณส่งอีเมล จะถือว่าคุณเป็นผู้รับผิดชอบต่อการส่งอีเมลของลูกค้า เราขอแนะนำให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อช่วยจัดการกิจกรรมการส่งของลูกค้า
- เสนอให้มีอีเมลที่ใช้รายงานการละเมิดทางอีเมล เช่น
abuse@mail-provider.com
- ตรวจสอบว่าข้อมูลติดต่อในระเบียน WHOIS และ abuse.net เป็นข้อมูลปัจจุบัน
- นำลูกค้าที่ใช้บริการของคุณเพื่อส่งจดหมายขยะออกทันที
การตลาดแบบแอฟฟิลิเอต
โปรแกรมการตลาดแบบแอฟฟิลิเอตจะให้รางวัลแก่บริษัทหรือบุคคลที่ส่งผู้เข้าชมมายังเว็บไซต์ของคุณ อย่างไรก็ตาม นักส่งสแปมอาจใช้โปรแกรมเหล่านี้ในทางที่ผิดได้ หากแบรนด์ของคุณเชื่อมโยงกับจดหมายขยะทางการตลาด ระบบอาจทำเครื่องหมายข้อความอื่นๆ ที่คุณส่งว่าเป็นจดหมายขยะด้วย
เราขอแนะนำให้คุณตรวจสอบแอฟฟิลิเอตและนำแอฟฟิลิเอตที่ส่งจดหมายขยะออกเป็นประจำ
การดำเนินการเกี่ยวกับฟิชชิง
อย่าส่งข้อความฟิชชิงเพื่อทดสอบหรือแคมเปญทดสอบจากโดเมนของคุณ เพราะชื่อเสียงของโดเมนอาจได้รับผลกระทบในทางลบและระบบอาจเพิ่มโดเมนของคุณไว้ในรายการที่บล็อกทางอินเทอร์เน็ต
การตรวจสอบและการแก้ปัญหา
เครื่องมือ Postmaster
ใช้เครื่องมือ Postmaster เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับอีเมลที่ส่งถึงผู้ใช้ Gmail เช่น
- เมื่อผู้รับทำเครื่องหมายข้อความว่าเป็นจดหมายขยะ
- สาเหตุที่ระบบอาจไม่ส่งข้อความตามที่คาดไว้
- ข้อความผ่านการตรวจสอบสิทธิ์หรือไม่
- ชื่อเสียงของโดเมนหรือ IP และผลกระทบต่ออัตราการส่งข้อความ
อัตราจดหมายขยะ
-
ตรวจสอบอัตราจดหมายขยะของโดเมนในเครื่องมือ Postmaster เป็นประจำ
- รักษาอัตราจดหมายขยะที่รายงานในเครื่องมือ Postmaster ให้ต่ำกว่า 0.10% และหลีกเลี่ยงไม่ให้อัตราจดหมายขยะมากกว่า 0.30% ดูข้อมูลเพิ่มเติม
- การมีอัตราจดหมายขยะต่ำจะช่วยให้ผู้ส่งมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการตอบสนองต่อความคิดเห็นของผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในบางครั้ง
- การมีอัตราจดหมายขยะสูงจะส่งผลให้มีการจัดประเภทจดหมายขยะเพิ่มขึ้น ระบบอาจใช้เวลาสักพักในการปรับปรุงให้อัตราจดหมายขยะดีขึ้นในการจัดประเภทจดหมายขยะ
อัตราการเปิด
- Google ไม่ได้ติดตามอัตราการเปิด
- Google ไม่สามารถยืนยันความแม่นยำของอัตราการเปิดที่บุคคลที่สามรายงานได้
- อัตราการเปิดต่ำอาจไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่ถูกต้องสำหรับปัญหาด้านความสามารถในการนำส่งหรือการจัดประเภทจดหมายขยะ
การแก้ปัญหาการส่งอีเมล
หากไม่มีการส่งข้อความตามที่คาดไว้ ให้ทำดังนี้
- ตรวจสอบเป็นประจำว่าโดเมนของคุณไม่ได้อยู่ในรายการที่ไม่ปลอดภัยของ Google Safe Browsing
- ตรวจสอบสถานะโดเมนได้โดยป้อนโดเมนของคุณในหน้าสถานะเว็บไซต์ของ Google Safe Browsing
- ตรวจสอบสถานะของโดเมนที่ลิงก์กับโดเมนของคุณเป็นประจำ
การส่งผ่านผู้ให้บริการอีเมล
หากคุณพบปัญหาในการส่งด้วยอีเมลที่ส่งโดยผู้ให้บริการ ให้ยืนยันว่าผู้ให้บริการปฏิบัติตามข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในหน้านี้
ใช้กล่องเครื่องมือของ Google Admin เพื่อตรวจสอบการตั้งค่าโดเมน
ใช้กล่องเครื่องมือของ Google Admin เพื่อตรวจสอบและแก้ไขการตั้งค่าสําหรับโดเมนของคุณ
แก้ไขต้นทางของอีเมลที่ถูกปฏิเสธ
หากข้อความถูกปฏิเสธ คุณอาจได้รับข้อความแสดงข้อผิดพลาด โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อผิดพลาดเพื่อแก้ไขปัญหา โดยข้อความแสดงข้อผิดพลาดที่พบบ่อยมีดังนี้
- 421, "4.7.0": ข้อความถูกปฏิเสธเนื่องจากที่อยู่ IP ของเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ส่งไม่อยู่ในรายการที่ได้รับอนุญาตในโดเมนของผู้รับ
- 550, "5.7.1": ข้อความถูกปฏิเสธเนื่องจากที่อยู่ IP ของเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ส่งอยู่ในรายการ IP ที่ถูกระงับ คุณอาจได้รับข้อความแสดงข้อผิดพลาดนี้หากส่งอีเมลโดยใช้ IP ที่ใช้ร่วมกันซึ่งมีชื่อเสียงไม่ดี
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อความแสดงข้อผิดพลาดของอีเมลและ SMTP ในบทความต่อไปนี้
แก้ไขข้อผิดพลาดในการให้สิทธิ์ IPv6
ข้อผิดพลาดในการให้สิทธิ์ IPv6 อาจหมายความว่าระเบียน PTR สำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ส่งไม่ได้ใช้ IPv6 ดังนั้นหากคุณใช้ผู้ให้บริการอีเมล โปรดยืนยันว่าผู้ให้บริการใช้ระเบียน PTR แบบ IPv6
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของข้อผิดพลาดในการให้สิทธิ์ IPv6
550-5.7.1: ข้อความไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การส่งแบบ IPv6 ที่เกี่ยวกับระเบียน PTR และการตรวจสอบสิทธิ์
ใช้เครื่องมือแก้ปัญหา
หากยังคงพบปัญหาการส่งอีเมลหลังจากปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในบทความนี้แล้ว ให้ลองแก้ปัญหาสำหรับผู้ส่งที่มีปัญหาเกี่ยวกับการส่งอีเมล
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับหลักเกณฑ์สำหรับผู้ส่งอีเมล
- แก้ไขอีเมลที่ถูกตีกลับ
- แก้ไขข้อความที่ Google Groups ปฏิเสธ
การแปลนโยบายของเราจัดทำขึ้นเพื่อความสะดวกของคุณ หากมีข้อขัดแย้งระหว่างข้อความของนโยบายฉบับนี้ในภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษกับข้อความของนโยบายฉบับภาษาอังกฤษ ให้ถือว่านโยบายในเวอร์ชันภาษาอังกฤษมีความสำคัญเหนือกว่า