การแจ้งเตือน

To get the most out of Google Home, choose your Help Center: U.S. Help Center, U.K. Help Center, Canada Help Center, Australia Help Center.

การแจ้งเตือน Nest ไม่ทำงาน

หากไม่ได้รับการแจ้งเตือนจาก Nest ให้ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ออนไลน์อยู่ และได้ตั้งค่าการแจ้งเตือนในแอป Nest และแอป Home แล้ว รวมถึงดูว่าโทรศัพท์ของคุณไม่ได้ตั้งให้บล็อกการแจ้งเตือนของแอป Nest นอกจากนี้ ให้ตรวจสอบด้วยว่าอีเมล Nest ไม่ได้อยู่ในโฟลเดอร์อีเมลขยะ

ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น

การหยุดทำงานของบริการ Nest หรือผลิตภัณฑ์ออฟไลน์อาจส่งผลต่อการแจ้งเตือนทั้งหมดที่คุณจะได้รับตามปกติ คุณจึงควรตัดสาเหตุของการเกิดปัญหาใดปัญหาหนึ่งเหล่านี้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะเริ่มต้นแก้ปัญหาขั้นสูงเพิ่มเติม

ตรวจสอบการหยุดทำงานของบริการ Nest

ตรวจสอบสถานะบริการ Nest การที่บริการหยุดทำงานนั้นเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่คุณควรตรวจสอบว่าบริการทั้งหมดทำงานได้ตามปกติก่อนที่จะแก้ปัญหาโดยละเอียด

ตรวจสอบสถานะบริการ Nest

หมายเหตุ: การอัปเดตสถานะบริการอาจมีความล่าช้า

ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ Nest ออนไลน์อยู่

อุปกรณ์ Nest จะส่งอีเมลหรือการแจ้งเตือนให้คุณไม่ได้หากออฟไลน์อยู่

  • แอป Home: แตะอุปกรณ์ Nest เพื่อตรวจสอบสถานะ
  • แอป Nest: ในหน้าจอหลัก ให้ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ Nest ออฟไลน์อยู่หรือไม่

การแก้ปัญหาเกี่ยวกับ Wi-Fi และการเชื่อมต่อ

ตรวจสอบการตั้งค่าเริ่มต้น (เฉพาะแอป Home เท่านั้น)

การตั้งค่าแอป Home จะปิดไว้โดยค่าเริ่มต้น คุณสามารถเปิดหรือปิดการแจ้งเตือนได้ทุกเมื่อ

  1. เปิดแอป Google Home แอป Google Home
  2. แตะการตั้งค่า จากนั้น การแจ้งเตือน
    • หากคุณไม่ได้เปิดใช้ข้อความ Push ในการตั้งค่าของโทรศัพท์ จะมีแบนเนอร์ปรากฏขึ้นที่ด้านบนของหน้าจอ หากต้องการเปิดข้อความประเภทนี้ในการตั้งค่าของโทรศัพท์ ให้แตะลิงก์ในแบนเนอร์แล้วทำตามขั้นตอน
  3. เลือกการแจ้งเตือนทั่วไป
  4. เปิดหรือปิดการแจ้งเตือน
    • หากคุณเปิดการแจ้งเตือนที่สำคัญแต่ไม่ได้เปิดใช้ในการตั้งค่าของโทรศัพท์ จะมีแบนเนอร์ปรากฏขึ้นที่ด้านบนของหน้าจอ หากต้องการเปิดการแจ้งเตือนประเภทนี้ในการตั้งค่าของโทรศัพท์ ให้แตะลิงก์ในแบนเนอร์แล้วทำตามขั้นตอน

ตรวจสอบว่าคุณได้ลงชื่อเข้าใช้แอปแล้ว

คุณต้องลงชื่อเข้าใช้แอปเพื่อรับการแจ้งเตือน

แอป Home

  1. เปิดแอป Google Home แอป Google Home
  2. หากบัญชีปรากฏขึ้นที่มุมขวาบนและอุปกรณ์ Nest ของคุณแสดงในหน้าจอหลัก หมายความว่าคุณลงชื่อเข้าใช้แล้ว
  3. หากไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้ คุณจะเห็นหน้ายินดีต้อนรับ แตะเริ่มต้นใช้งานและยืนยันว่าคุณต้องการใช้บัญชีใดหรือลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีอื่น

แอป Nest

  1. เปิดแอป Nest Nest app
  2. หากอุปกรณ์ Nest ปรากฏในหน้าจอหลักของแอป แสดงว่าคุณลงชื่อเข้าใช้แล้ว 
  3. หากแอปขอให้คุณลงชื่อเข้าใช้ ให้ป้อนอีเมลและรหัสผ่านเพื่อรับการแจ้งเตือนอีกครั้ง

ตรวจสอบว่าคุณลงชื่อเข้าใช้บัญชีที่ถูกต้องในแอป

คุณลงชื่อเข้าใช้บัญชีในแอป Nest ได้ครั้งละ 1 บัญชีเท่านั้น และจะได้รับเฉพาะข้อความ Push สำหรับบ้านในบัญชีที่คุณลงชื่อเข้าใช้อยู่ หากมีบัญชีมากกว่า 1 บัญชี หรือให้เพื่อนลงชื่อเข้าใช้บัญชีของพวกเขาบนโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตของคุณ อาจเป็นไปได้ว่าคุณลงชื่อเข้าใช้ผิดบัญชี

แอป Home

เปลี่ยนบ้าน

หากมีบ้านหลายหลังในบัญชีเดียว ให้แตะชื่อบ้านที่ด้านบนของหน้าจอแล้วเลือกบ้านที่ต้องการเปลี่ยนไปใช้

เปลี่ยนบัญชี

  1. เปิดแอป Google Home แอป Google Home
  2. แตะบัญชีของคุณ 
  3. เลือกบัญชีที่ต้องการสลับไปใช้ หรือแตะเพิ่มบัญชีอื่นเพื่อลงชื่อเข้าใช้บัญชีใหม่

แอป Nest

  1. เปิดแอป Nest Nest app หากอุปกรณ์ Nest และชื่อบ้านในแอปไม่ตรงกับบ้านของคุณหรือบ้าน Nest หลังอื่นที่คุณได้รับเชิญให้เข้าร่วม คุณอาจต้องออกจากระบบและลงชื่อเข้าใช้อีกครั้ง
  2. ในหน้าจอหลักของแอป Nest ให้แตะการตั้งค่า ไอคอนการตั้งค่า Nest
  3. เลือกบัญชี
  4. ในหน้าจอบัญชี คุณจะเห็นรูปภาพของผู้ที่กำลังลงชื่อเข้าใช้อยู่ หากไม่คุ้นเคยกับบุคคลเหล่านั้น ให้ออกจากระบบ
  5. หากต้องการออกจากระบบ ให้เลือกออกจากระบบที่ด้านล่างของหน้าจอบัญชี จากนั้น คุณจะลงชื่อเข้าใช้ด้วยอีเมลและรหัสผ่านของตัวเองได้

แก้ปัญหาการตั้งค่าในแอป

หากอุปกรณ์ออนไลน์อยู่และบริการ Nest ไม่ได้หยุดทำงาน ขั้นตอนต่อไปคือให้ตรวจสอบว่ามีการเปิดใช้การแจ้งเตือนที่คุณต้องการในการตั้งค่าของแอป Nest หากไม่ได้รับการแจ้งเตือนจากกล้อง ให้ตรวจสอบการตั้งค่าเพิ่มเติม

ตรวจสอบการตั้งค่าการแจ้งเตือนของอุปกรณ์

แอป Home

  1. เปิดแอป Google Home แอป Google Home
  2. แตะการตั้งค่า
  3. เปิดการแจ้งเตือน
  4. แตะประเภทการแจ้งเตือนที่ต้องการอัปเดต จากนั้นแตะสวิตช์เพื่ออัปเดตค่ากำหนด

แอป Nest

ตรวจสอบว่าได้ตั้งค่าการแจ้งเตือนและอีเมลของอุปกรณ์แต่ละเครื่องอย่างถูกต้องแล้ว

  1. ในหน้าจอหลัก ให้แตะการตั้งค่า ไอคอนการตั้งค่า Nest จากนั้น การแจ้งเตือน 
  2. เลือกผลิตภัณฑ์ที่คุณต้องการเปลี่ยนการแจ้งเตือน

ดูข้อมูลเกี่ยวกับการแจ้งเตือนและวิธีเปลี่ยนการตั้งค่า

กรณีที่คุณมีกล้อง Nest

การแจ้งเตือนของกล้อง Nest จะแตกต่างไปเล็กน้อย เนื่องจากเราไม่ต้องการให้คุณได้รับการแจ้งเตือนมากจนเกินไป คุณจึงอาจได้รับการแจ้งเตือนน้อยกว่าที่คาดไว้หากกล้องเล็งไปยังจุดที่มีคนพลุกพล่าน

ทำความเข้าใจวิธีการทำงานของการแจ้งเตือนจากกล้อง

Nest ใช้อัลกอริทึมขั้นสูงเพื่อช่วยให้คุณได้รับการแจ้งเตือนที่สำคัญมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น กล้องสามารถแจ้งเตือนคุณเมื่อตรวจพบการเคลื่อนไหว แต่จะไม่ส่งการแจ้งเตือนแยกต่างหากสำหรับการเคลื่อนไหวซ้ำๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่มีกิจกรรม โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมในบทความต่อไปนี้

วิธีตรวจจับเสียงและการเคลื่อนไหวของกล้อง Nest
เคล็ดลับในการรับประโยชน์สูงสุดจากการแจ้งเตือนกิจกรรมของกล้อง Nest

ตรวจสอบว่ากล้องทำเครื่องหมายกิจกรรมบน Sightline ของแอป Nest ในเวลาที่ควรหรือไม่ หากทำเครื่องหมายแต่ไม่ได้รับการแจ้งเตือนตามที่คาดไว้ ให้ตรวจสอบการตั้งค่าการแจ้งเตือนเฉพาะกล้องด้านล่างนี้

ตรวจสอบการตั้งค่าการแจ้งเตือนเฉพาะกล้อง

ไปที่การตั้งค่าของกล้อง ไอคอนการตั้งค่า Nest จากนั้น การแจ้งเตือน แล้วลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

  • ในส่วน "เวลาส่ง" ให้ตรวจสอบว่าคุณเปิดใช้ตัวเลือกเพื่อรับการแจ้งเตือนตลอดเวลา หรือเฉพาะเมื่อเวลาไม่มีคนอยู่บ้าน หากเลือกไม่มีคนอยู่บ้าน คุณจะไม่ได้รับการแจ้งเตือนจากกล้องกรณีที่ตัวช่วยเปลี่ยนโหมดอยู่บ้าน/ไม่อยู่บ้านคิดว่ามีคนอยู่บ้าน
  • ในส่วน "กิจกรรม" คุณเปิดและปิดการแจ้งเตือนประเภทต่างๆ ได้ ตัวเลือกที่ปรากฏจะขึ้นอยู่กับกล้องที่คุณมีและคุณได้เพิ่มการสมัครใช้บริการ Nest Aware หรือไม่ คุณเปิดใช้ตัวเลือกทั้งหมดในส่วนนี้หรือปิดตัวเลือกใดๆ ที่ไม่ต้องการได้
  • หากมีกล้อง Nest หลายตัวในบ้าน คุณจะเลือกการตั้งค่าที่ต่างกันสำหรับกล้องแต่ละตัวได้ ดังนั้น อย่าลืมตรวจสอบการตั้งค่าของกล้องแต่ละตัวในแอป
  • หากคุณแชร์สิทธิ์เข้าถึงบ้าน Nest กับบัญชีสำหรับครอบครัว สมาชิกแต่ละคนจะเลือกการตั้งค่าการแจ้งเตือนของตนเองได้ ดังนั้น เมื่อคุณเปลี่ยนการตั้งค่าของตัวเอง ระบบจะไม่เปลี่ยนแปลงการตั้งค่าสำหรับคนอื่นๆ
  • คุณปรับเปลี่ยนประเภทการแจ้งเตือนที่ได้รับในแอป Home ในแบบของตัวเองได้ ดูข้อมูลเกี่ยวกับฟีดในแอป Home

โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งค่าแต่ละรายการที่กล่าวถึงข้างต้นในบทความต่อไปนี้

ดูข้อมูลเกี่ยวกับการแจ้งเตือนจากกล้องและวิธีเปลี่ยนการตั้งค่า 

แก้ปัญหาการเชื่อมต่อและการตั้งค่าของโทรศัพท์

หากการตั้งค่าในแอป Nest ถูกต้องแสดงว่าปัญหาอาจเกิดจากสาเหตุอื่น

ตรวจสอบการเชื่อมต่อ Wi-Fi และเครือข่ายมือถือของโทรศัพท์

ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ไม่ได้อยู่ในโหมดบนเครื่องบิน รวมถึงมีสัญญาณการเชื่อมต่อ Wi-Fi และเครือข่ายมือถือที่แรง สัญญาณที่อ่อน โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล อาจทำให้ได้รับการแจ้งเตือนและอีเมลล่าช้า ดังนั้น หากโทรศัพท์มีสัญญาณเพียงขีดเดียว คุณอาจไม่ได้รับการแจ้งเตือนในทันที ทั้งนี้ คุณลองรีสตาร์ทอุปกรณ์ได้ เมื่อดำเนินการแล้ว ระบบจะรีเซ็ตการเชื่อมต่อ Wi-Fi และเครือข่ายมือถือของอุปกรณ์ ซึ่งอาจช่วยแก้ปัญหาได้

ตรวจสอบว่าไม่มีการบล็อกการแจ้งเตือนในการตั้งค่าของโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต

ตรวจสอบว่าการตั้งค่าของโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตไม่ได้บล็อกการแจ้งเตือนจากแอป Nest โดยลิงก์ด้านล่างนี้จะนำคุณไปยังเว็บไซต์สนับสนุนของ Apple และ Google

การตั้งค่าการแจ้งเตือนของ Android
การตั้งค่าการแจ้งเตือนของ iOS

หมายเหตุ: อุปกรณ์ Android ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันเก่าหรือเวอร์ชันที่กำหนดเองอาจมีขั้นตอนแตกต่างออกไป

ลองใช้โทรศัพท์หรือแท็บเล็ตเครื่องอื่น

หากยังพบปัญหาในการรับการแจ้งเตือน ให้ตรวจสอบว่าคุณรับการแจ้งเตือนในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตของเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวได้หรือไม่ เมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าของอุปกรณ์แล้ว ให้ติดตั้งแอป Nest และลงชื่อเข้าใช้บัญชีของคุณเพื่อดูว่ารับการแจ้งเตือนในอุปกรณ์นั้นได้ไหม อย่าลืมออกจากระบบบัญชีในแอป Nest บนอุปกรณ์ดังกล่าวเมื่อดำเนินการเสร็จสิ้น

แก้ปัญหาการแจ้งเตือนทางอีเมล

การแจ้งเตือนทางอีเมลทำงานแตกต่างจากข้อความ Push ตราบใดที่ตั้งค่าตัวเลือกเพื่อรับการแจ้งเตือนทางอีเมลสำหรับอุปกรณ์ คุณจะได้รับการแจ้งเตือนเหล่านั้นแม้ว่าจะไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้แอป Nest ก็ตาม

ตรวจสอบว่าการแจ้งเตือนทางอีเมลเปิดอยู่ในการตั้งค่าของอุปกรณ์

แอป Home

  1. เปิดแอป Google Home แอป Google Home
  2. แตะการตั้งค่า จากนั้น การแจ้งเตือน 
  3. เปิดการแจ้งเตือนทางอีเมล แล้วแตะสวิตช์เพื่อเปิดการแจ้งเตือน

แอป Nest

  1. ในหน้าจอหลัก ให้แตะการตั้งค่า  ไอคอนการตั้งค่า Nest จากนั้น การแจ้งเตือน 
  2. เลือกอุปกรณ์หรือโปรแกรมที่ต้องการเปลี่ยนการแจ้งเตือน
  3. หากเห็นตัวเลือกการแจ้งเตือนทางอีเมล ให้ตรวจสอบว่าตัวเลือกนั้นเปิดอยู่ หมายเหตุ: อุปกรณ์ Nest บางรุ่นอาจไม่ส่งการแจ้งเตือนทางอีเมลหรือไม่อนุญาตให้คุณเปลี่ยนการตั้งค่า

วิธีตั้งค่าการแจ้งเตือนสำหรับอุปกรณ์ Nest

สำคัญ: มีเหตุการณ์สำคัญบางอย่างที่อุปกรณ์ Nest จะส่งการแจ้งเตือนเสมอ เช่น ทุกครั้งที่ตัวควบคุมอุณหภูมิ Nest เปิดระบบเนื่องจากอุณหภูมิในบ้านของคุณบรรลุเกณฑ์อุณหภูมิเพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ แอป Nest จะไม่มีตัวเลือกให้เปิดหรือปิดการแจ้งเตือนที่สำคัญเหล่านี้

ตรวจสอบว่าไม่มีการทำเครื่องหมายอีเมลจาก Nest ว่าเป็นสแปมหรือจดหมายขยะ

ลองดูที่โฟลเดอร์สแปมหรืออีเมลขยะ หากตั้งค่าบริการอีเมลให้ทำเครื่องหมายข้อความทั้งหมดที่มาจากอีเมลที่ไม่รู้จักว่าเป็นอีเมลขยะ คุณอาจต้องเพิ่มอีเมล notifications@nest.com ลงในรายชื่อติดต่อหรือสมุดที่อยู่ โปรดอ่านข้อมูลที่เจาะจงเกี่ยวกับวิธีกรองอีเมลและวิธีเพิ่มผู้ติดต่อใหม่ได้ที่เอกสารของบริการอีเมล

บริการอีเมลบางอย่างอาจบล็อกอีเมลที่มาจากโดเมนซึ่งไม่ได้อยู่ในรายการที่อนุญาตพิเศษโดยอัตโนมัติ ดังนั้นอีเมลเหล่านี้จะไม่ส่งไปที่โฟลเดอร์จดหมายขยะของคุณ ในกรณีเช่นนี้ การเพิ่มอีเมล notifications@nest.com ไปยังสมุดที่อยู่ก็อาจช่วยแก้ปัญหาไม่ได้ คุณอาจต้องเพิ่มอีเมลของเราลงในรายการที่อนุญาตพิเศษหรือรายชื่อผู้ส่งที่ได้รับอนุญาตแยกต่างหาก หากไม่แน่ใจว่าจะดำเนินการอย่างไร โปรดติดต่อฝ่ายสนับสนุนหรือผู้ดูแลระบบอีเมลเพื่อขอความช่วยเหลือ

หากยังพบปัญหาในการรับการแจ้งเตือนทางอีเมลจาก Nest อยู่ ให้ลองใช้อีเมลจากบริการอีเมลอื่น หากต้องการเปลี่ยนอีเมล ให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชีในแอป Nest แล้วทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. ในหน้าจอหลักของแอป Nest ให้แตะการตั้งค่า ไอคอนการตั้งค่า Nest
  2. เลือกบัญชี จากนั้น จัดการบัญชี
  3. แตะความปลอดภัยของบัญชี
  4. เลือกอีเมล
  5. ป้อนอีเมลใหม่และรหัสผ่านปัจจุบันของคุณ

สำคัญ: การเปลี่ยนอีเมลจะเป็นการเปลี่ยนอีเมลที่คุณใช้ลงชื่อเข้าใช้แอป Nest ด้วย

หากอีเมลใหม่ใช้ไม่ได้ ให้เปลี่ยนกลับไปเป็นอีเมลเดิม การป้อนอีเมลเดิมอีกครั้งอาจแก้ปัญหาได้กรณีที่มีการพิมพ์ผิด

วิธีเปลี่ยนอีเมลที่เชื่อมโยงกับบัญชีในแอป Nest

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
2513739674343506992
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
1633396
false
false