หากไม่ได้รับการแจ้งเตือนจาก Nest ให้ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ออนไลน์อยู่ และได้ตั้งค่าการแจ้งเตือนในแอป Nest และแอป Home แล้ว รวมถึงดูว่าโทรศัพท์ของคุณไม่ได้ตั้งให้บล็อกการแจ้งเตือนของแอป Nest นอกจากนี้ ให้ตรวจสอบด้วยว่าอีเมล Nest ไม่ได้อยู่ในโฟลเดอร์อีเมลขยะ
ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น
การหยุดทำงานของบริการ Nest หรือผลิตภัณฑ์ออฟไลน์อาจส่งผลต่อการแจ้งเตือนทั้งหมดที่คุณจะได้รับตามปกติ คุณจึงควรตัดสาเหตุของการเกิดปัญหาใดปัญหาหนึ่งเหล่านี้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะเริ่มต้นแก้ปัญหาขั้นสูงเพิ่มเติม
ตรวจสอบการหยุดทำงานของบริการ Nest
ตรวจสอบสถานะบริการ Nest การที่บริการหยุดทำงานนั้นเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่คุณควรตรวจสอบว่าบริการทั้งหมดทำงานได้ตามปกติก่อนที่จะแก้ปัญหาโดยละเอียด
หมายเหตุ: การอัปเดตสถานะบริการอาจมีความล่าช้า
ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ Nest ออนไลน์อยู่
อุปกรณ์ Nest จะส่งอีเมลหรือการแจ้งเตือนให้คุณไม่ได้หากออฟไลน์อยู่
- แอป Home: แตะอุปกรณ์ Nest เพื่อตรวจสอบสถานะ
- แอป Nest: ในหน้าจอหลัก ให้ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ Nest ออฟไลน์อยู่หรือไม่
ตรวจสอบการตั้งค่าเริ่มต้น (เฉพาะแอป Home เท่านั้น)
การตั้งค่าแอป Home จะปิดไว้โดยค่าเริ่มต้น คุณสามารถเปิดหรือปิดการแจ้งเตือนได้ทุกเมื่อ
- เปิดแอป Google Home
- แตะการตั้งค่า การแจ้งเตือน
- หากคุณไม่ได้เปิดใช้ข้อความ Push ในการตั้งค่าของโทรศัพท์ จะมีแบนเนอร์ปรากฏขึ้นที่ด้านบนของหน้าจอ หากต้องการเปิดข้อความประเภทนี้ในการตั้งค่าของโทรศัพท์ ให้แตะลิงก์ในแบนเนอร์แล้วทำตามขั้นตอน
- เลือกการแจ้งเตือนทั่วไป
- เปิดหรือปิดการแจ้งเตือน
- หากคุณเปิดการแจ้งเตือนที่สำคัญแต่ไม่ได้เปิดใช้ในการตั้งค่าของโทรศัพท์ จะมีแบนเนอร์ปรากฏขึ้นที่ด้านบนของหน้าจอ หากต้องการเปิดการแจ้งเตือนประเภทนี้ในการตั้งค่าของโทรศัพท์ ให้แตะลิงก์ในแบนเนอร์แล้วทำตามขั้นตอน
ตรวจสอบว่าคุณได้ลงชื่อเข้าใช้แอปแล้ว
คุณต้องลงชื่อเข้าใช้แอปเพื่อรับการแจ้งเตือน
แอป Home
- เปิดแอป Google Home
- หากบัญชีปรากฏขึ้นที่มุมขวาบนและอุปกรณ์ Nest ของคุณแสดงในหน้าจอหลัก หมายความว่าคุณลงชื่อเข้าใช้แล้ว
- หากไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้ คุณจะเห็นหน้ายินดีต้อนรับ แตะเริ่มต้นใช้งานและยืนยันว่าคุณต้องการใช้บัญชีใดหรือลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีอื่น
แอป Nest
- เปิดแอป Nest
- หากอุปกรณ์ Nest ปรากฏในหน้าจอหลักของแอป แสดงว่าคุณลงชื่อเข้าใช้แล้ว
- หากแอปขอให้คุณลงชื่อเข้าใช้ ให้ป้อนอีเมลและรหัสผ่านเพื่อรับการแจ้งเตือนอีกครั้ง
ตรวจสอบว่าคุณลงชื่อเข้าใช้บัญชีที่ถูกต้องในแอป
คุณลงชื่อเข้าใช้บัญชีในแอป Nest ได้ครั้งละ 1 บัญชีเท่านั้น และจะได้รับเฉพาะข้อความ Push สำหรับบ้านในบัญชีที่คุณลงชื่อเข้าใช้อยู่ หากมีบัญชีมากกว่า 1 บัญชี หรือให้เพื่อนลงชื่อเข้าใช้บัญชีของพวกเขาบนโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตของคุณ อาจเป็นไปได้ว่าคุณลงชื่อเข้าใช้ผิดบัญชี
แอป Home
เปลี่ยนบ้าน
หากมีบ้านหลายหลังในบัญชีเดียว ให้แตะชื่อบ้านที่ด้านบนของหน้าจอแล้วเลือกบ้านที่ต้องการเปลี่ยนไปใช้
เปลี่ยนบัญชี
- เปิดแอป Google Home
- แตะบัญชีของคุณ
- เลือกบัญชีที่ต้องการสลับไปใช้ หรือแตะเพิ่มบัญชีอื่นเพื่อลงชื่อเข้าใช้บัญชีใหม่
แอป Nest
- เปิดแอป Nest หากอุปกรณ์ Nest และชื่อบ้านในแอปไม่ตรงกับบ้านของคุณหรือบ้าน Nest หลังอื่นที่คุณได้รับเชิญให้เข้าร่วม คุณอาจต้องออกจากระบบและลงชื่อเข้าใช้อีกครั้ง
- ในหน้าจอหลักของแอป Nest ให้แตะการตั้งค่า
- เลือกบัญชี
- ในหน้าจอบัญชี คุณจะเห็นรูปภาพของผู้ที่กำลังลงชื่อเข้าใช้อยู่ หากไม่คุ้นเคยกับบุคคลเหล่านั้น ให้ออกจากระบบ
- หากต้องการออกจากระบบ ให้เลือกออกจากระบบที่ด้านล่างของหน้าจอบัญชี จากนั้น คุณจะลงชื่อเข้าใช้ด้วยอีเมลและรหัสผ่านของตัวเองได้
แก้ปัญหาการตั้งค่าในแอป
หากอุปกรณ์ออนไลน์อยู่และบริการ Nest ไม่ได้หยุดทำงาน ขั้นตอนต่อไปคือให้ตรวจสอบว่ามีการเปิดใช้การแจ้งเตือนที่คุณต้องการในการตั้งค่าของแอป Nest หากไม่ได้รับการแจ้งเตือนจากกล้อง ให้ตรวจสอบการตั้งค่าเพิ่มเติม
ตรวจสอบการตั้งค่าการแจ้งเตือนของอุปกรณ์
แอป Home
- เปิดแอป Google Home
- แตะการตั้งค่า
- เปิดการแจ้งเตือน
- แตะประเภทการแจ้งเตือนที่ต้องการอัปเดต จากนั้นแตะสวิตช์เพื่ออัปเดตค่ากำหนด
แอป Nest
ตรวจสอบว่าได้ตั้งค่าการแจ้งเตือนและอีเมลของอุปกรณ์แต่ละเครื่องอย่างถูกต้องแล้ว
- ในหน้าจอหลัก ให้แตะการตั้งค่า การแจ้งเตือน
- เลือกผลิตภัณฑ์ที่คุณต้องการเปลี่ยนการแจ้งเตือน
กรณีที่คุณมีกล้อง Nest
การแจ้งเตือนของกล้อง Nest จะแตกต่างไปเล็กน้อย เนื่องจากเราไม่ต้องการให้คุณได้รับการแจ้งเตือนมากจนเกินไป คุณจึงอาจได้รับการแจ้งเตือนน้อยกว่าที่คาดไว้หากกล้องเล็งไปยังจุดที่มีคนพลุกพล่าน
ทำความเข้าใจวิธีการทำงานของการแจ้งเตือนจากกล้อง
Nest ใช้อัลกอริทึมขั้นสูงเพื่อช่วยให้คุณได้รับการแจ้งเตือนที่สำคัญมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น กล้องสามารถแจ้งเตือนคุณเมื่อตรวจพบการเคลื่อนไหว แต่จะไม่ส่งการแจ้งเตือนแยกต่างหากสำหรับการเคลื่อนไหวซ้ำๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่มีกิจกรรม โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมในบทความต่อไปนี้
วิธีตรวจจับเสียงและการเคลื่อนไหวของกล้อง Nest
เคล็ดลับในการรับประโยชน์สูงสุดจากการแจ้งเตือนกิจกรรมของกล้อง Nest
ตรวจสอบว่ากล้องทำเครื่องหมายกิจกรรมบน Sightline ของแอป Nest ในเวลาที่ควรหรือไม่ หากทำเครื่องหมายแต่ไม่ได้รับการแจ้งเตือนตามที่คาดไว้ ให้ตรวจสอบการตั้งค่าการแจ้งเตือนเฉพาะกล้องด้านล่างนี้
ตรวจสอบการตั้งค่าการแจ้งเตือนเฉพาะกล้อง
ไปที่การตั้งค่าของกล้อง การแจ้งเตือน แล้วลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- ในส่วน "เวลาส่ง" ให้ตรวจสอบว่าคุณเปิดใช้ตัวเลือกเพื่อรับการแจ้งเตือนตลอดเวลา หรือเฉพาะเมื่อเวลาไม่มีคนอยู่บ้าน หากเลือกไม่มีคนอยู่บ้าน คุณจะไม่ได้รับการแจ้งเตือนจากกล้องกรณีที่ตัวช่วยเปลี่ยนโหมดอยู่บ้าน/ไม่อยู่บ้านคิดว่ามีคนอยู่บ้าน
- ในส่วน "กิจกรรม" คุณเปิดและปิดการแจ้งเตือนประเภทต่างๆ ได้ ตัวเลือกที่ปรากฏจะขึ้นอยู่กับกล้องที่คุณมีและคุณได้เพิ่มการสมัครใช้บริการ Nest Aware หรือไม่ คุณเปิดใช้ตัวเลือกทั้งหมดในส่วนนี้หรือปิดตัวเลือกใดๆ ที่ไม่ต้องการได้
- หากมีกล้อง Nest หลายตัวในบ้าน คุณจะเลือกการตั้งค่าที่ต่างกันสำหรับกล้องแต่ละตัวได้ ดังนั้น อย่าลืมตรวจสอบการตั้งค่าของกล้องแต่ละตัวในแอป
- หากคุณแชร์สิทธิ์เข้าถึงบ้าน Nest กับบัญชีสำหรับครอบครัว สมาชิกแต่ละคนจะเลือกการตั้งค่าการแจ้งเตือนของตนเองได้ ดังนั้น เมื่อคุณเปลี่ยนการตั้งค่าของตัวเอง ระบบจะไม่เปลี่ยนแปลงการตั้งค่าสำหรับคนอื่นๆ
- คุณปรับเปลี่ยนประเภทการแจ้งเตือนที่ได้รับในแอป Home ในแบบของตัวเองได้ ดูข้อมูลเกี่ยวกับฟีดในแอป Home
โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งค่าแต่ละรายการที่กล่าวถึงข้างต้นในบทความต่อไปนี้
ดูข้อมูลเกี่ยวกับการแจ้งเตือนจากกล้องและวิธีเปลี่ยนการตั้งค่า
แก้ปัญหาการเชื่อมต่อและการตั้งค่าของโทรศัพท์
หากการตั้งค่าในแอป Nest ถูกต้องแสดงว่าปัญหาอาจเกิดจากสาเหตุอื่น
ตรวจสอบการเชื่อมต่อ Wi-Fi และเครือข่ายมือถือของโทรศัพท์
ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ไม่ได้อยู่ในโหมดบนเครื่องบิน รวมถึงมีสัญญาณการเชื่อมต่อ Wi-Fi และเครือข่ายมือถือที่แรง สัญญาณที่อ่อน โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล อาจทำให้ได้รับการแจ้งเตือนและอีเมลล่าช้า ดังนั้น หากโทรศัพท์มีสัญญาณเพียงขีดเดียว คุณอาจไม่ได้รับการแจ้งเตือนในทันที ทั้งนี้ คุณลองรีสตาร์ทอุปกรณ์ได้ เมื่อดำเนินการแล้ว ระบบจะรีเซ็ตการเชื่อมต่อ Wi-Fi และเครือข่ายมือถือของอุปกรณ์ ซึ่งอาจช่วยแก้ปัญหาได้
ตรวจสอบว่าไม่มีการบล็อกการแจ้งเตือนในการตั้งค่าของโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต
ตรวจสอบว่าการตั้งค่าของโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตไม่ได้บล็อกการแจ้งเตือนจากแอป Nest โดยลิงก์ด้านล่างนี้จะนำคุณไปยังเว็บไซต์สนับสนุนของ Apple และ Google
การตั้งค่าการแจ้งเตือนของ Android
การตั้งค่าการแจ้งเตือนของ iOS
หมายเหตุ: อุปกรณ์ Android ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันเก่าหรือเวอร์ชันที่กำหนดเองอาจมีขั้นตอนแตกต่างออกไป
ลองใช้โทรศัพท์หรือแท็บเล็ตเครื่องอื่น
หากยังพบปัญหาในการรับการแจ้งเตือน ให้ตรวจสอบว่าคุณรับการแจ้งเตือนในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตของเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวได้หรือไม่ เมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าของอุปกรณ์แล้ว ให้ติดตั้งแอป Nest และลงชื่อเข้าใช้บัญชีของคุณเพื่อดูว่ารับการแจ้งเตือนในอุปกรณ์นั้นได้ไหม อย่าลืมออกจากระบบบัญชีในแอป Nest บนอุปกรณ์ดังกล่าวเมื่อดำเนินการเสร็จสิ้น
แก้ปัญหาการแจ้งเตือนทางอีเมล
การแจ้งเตือนทางอีเมลทำงานแตกต่างจากข้อความ Push ตราบใดที่ตั้งค่าตัวเลือกเพื่อรับการแจ้งเตือนทางอีเมลสำหรับอุปกรณ์ คุณจะได้รับการแจ้งเตือนเหล่านั้นแม้ว่าจะไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้แอป Nest ก็ตาม
ตรวจสอบว่าการแจ้งเตือนทางอีเมลเปิดอยู่ในการตั้งค่าของอุปกรณ์
แอป Home
- เปิดแอป Google Home
- แตะการตั้งค่า การแจ้งเตือน
- เปิดการแจ้งเตือนทางอีเมล แล้วแตะสวิตช์เพื่อเปิดการแจ้งเตือน
แอป Nest
- ในหน้าจอหลัก ให้แตะการตั้งค่า การแจ้งเตือน
- เลือกอุปกรณ์หรือโปรแกรมที่ต้องการเปลี่ยนการแจ้งเตือน
- หากเห็นตัวเลือกการแจ้งเตือนทางอีเมล ให้ตรวจสอบว่าตัวเลือกนั้นเปิดอยู่ หมายเหตุ: อุปกรณ์ Nest บางรุ่นอาจไม่ส่งการแจ้งเตือนทางอีเมลหรือไม่อนุญาตให้คุณเปลี่ยนการตั้งค่า
วิธีตั้งค่าการแจ้งเตือนสำหรับอุปกรณ์ Nest
สำคัญ: มีเหตุการณ์สำคัญบางอย่างที่อุปกรณ์ Nest จะส่งการแจ้งเตือนเสมอ เช่น ทุกครั้งที่ตัวควบคุมอุณหภูมิ Nest เปิดระบบเนื่องจากอุณหภูมิในบ้านของคุณบรรลุเกณฑ์อุณหภูมิเพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ แอป Nest จะไม่มีตัวเลือกให้เปิดหรือปิดการแจ้งเตือนที่สำคัญเหล่านี้
ตรวจสอบว่าไม่มีการทำเครื่องหมายอีเมลจาก Nest ว่าเป็นสแปมหรือจดหมายขยะ
ลองดูที่โฟลเดอร์สแปมหรืออีเมลขยะ หากตั้งค่าบริการอีเมลให้ทำเครื่องหมายข้อความทั้งหมดที่มาจากอีเมลที่ไม่รู้จักว่าเป็นอีเมลขยะ คุณอาจต้องเพิ่มอีเมล notifications@nest.com ลงในรายชื่อติดต่อหรือสมุดที่อยู่ โปรดอ่านข้อมูลที่เจาะจงเกี่ยวกับวิธีกรองอีเมลและวิธีเพิ่มผู้ติดต่อใหม่ได้ที่เอกสารของบริการอีเมล
บริการอีเมลบางอย่างอาจบล็อกอีเมลที่มาจากโดเมนซึ่งไม่ได้อยู่ในรายการที่อนุญาตพิเศษโดยอัตโนมัติ ดังนั้นอีเมลเหล่านี้จะไม่ส่งไปที่โฟลเดอร์จดหมายขยะของคุณ ในกรณีเช่นนี้ การเพิ่มอีเมล notifications@nest.com ไปยังสมุดที่อยู่ก็อาจช่วยแก้ปัญหาไม่ได้ คุณอาจต้องเพิ่มอีเมลของเราลงในรายการที่อนุญาตพิเศษหรือรายชื่อผู้ส่งที่ได้รับอนุญาตแยกต่างหาก หากไม่แน่ใจว่าจะดำเนินการอย่างไร โปรดติดต่อฝ่ายสนับสนุนหรือผู้ดูแลระบบอีเมลเพื่อขอความช่วยเหลือ
หากยังพบปัญหาในการรับการแจ้งเตือนทางอีเมลจาก Nest อยู่ ให้ลองใช้อีเมลจากบริการอีเมลอื่น หากต้องการเปลี่ยนอีเมล ให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชีในแอป Nest แล้วทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- ในหน้าจอหลักของแอป Nest ให้แตะการตั้งค่า
- เลือกบัญชี จัดการบัญชี
- แตะความปลอดภัยของบัญชี
- เลือกอีเมล
- ป้อนอีเมลใหม่และรหัสผ่านปัจจุบันของคุณ
สำคัญ: การเปลี่ยนอีเมลจะเป็นการเปลี่ยนอีเมลที่คุณใช้ลงชื่อเข้าใช้แอป Nest ด้วย
หากอีเมลใหม่ใช้ไม่ได้ ให้เปลี่ยนกลับไปเป็นอีเมลเดิม การป้อนอีเมลเดิมอีกครั้งอาจแก้ปัญหาได้กรณีที่มีการพิมพ์ผิด