การนำเข้า Conversion ช่วยให้คุณเห็นว่าโฆษณาออนไลน์ส่งผลต่อยอดขายออฟไลน์และการกระทำอื่นๆ ที่มีคุณค่าอย่างไรบ้าง บทความนี้จะอธิบายวิธีการเตรียมไฟล์เพื่อนำเข้า Conversion ที่ได้รับจากการคลิกโฆษณาไปยัง Google Ads โดยใช้ Google Ads Data Manager เพื่อนำเข้า Conversion โดยอัตโนมัติ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีนําเข้า Conversion การโทร
ก่อนเริ่มต้น
ก่อนนําเข้า Conversion โปรดทําตามวิธีการตั้งค่า Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับโอกาสในการขายให้ครบทั้งหมด
คุณจะนําเข้าข้อมูลไปไว้ใน Google Ads ได้โดยการอัปโหลดหรือลิงก์กับไฟล์ผ่าน Google Ads ด้วย Data Manager หากต้องการส่งข้อมูลผ่าน Google Ads API ให้อ่านวิธีการที่ส่วนการจัดการ Conversion ในคู่มือการใช้ API สำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ สําหรับ Conversion ของแคมเปญโรงแรม ให้ไปที่หัวข้อเตรียมข้อมูลสําหรับการนําเข้า (แคมเปญโรงแรม)
การเตรียมความพร้อมและนําเข้าข้อมูล Conversion มี 3 ขั้นตอนดังนี้
1. เตรียมข้อมูลสำหรับการนำเข้า
- ดาวน์โหลดเทมเพลตโดยอิงตามประเภท Conversion ที่ต้องการอัปโหลด (ดาวน์โหลด Excel, CSV, Google ชีต หรือสเปรดชีต Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับโอกาสในการขาย) นอกจากนี้ยังดาวน์โหลดเทมเพลตจากอินเทอร์เฟซ Google Ads ได้โดยทำดังนี้
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเป้าหมาย
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลง Conversion ในหมวดหมู่เมนู
- คลิกอัปโหลด
- คลิกปุ่มบวก
- คลิกดูเทมเพลต
- เลือกเทมเพลตที่ถูกต้องตามวิธีการที่คุณใช้ ซึ่งก็คือ "Conversion จากการคลิก (Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับโอกาสในการขาย)" หรือ "Conversion จากการคลิก (โดยใช้ Google Click ID)"
- ดูหลักเกณฑ์การอัปโหลดสเปรดชีตต่อไปนี้
หาก Conversion ที่นำเข้าเกิดภายใน 1 วันที่มีการคลิก Google Ads อาจยังบันทึก Conversion ดังกล่าวไม่ได้ วิธีที่ดีที่สุดคืออัปโหลดข้อมูลซึ่งมีปริมาณเกิน 1 วันในการนำเข้าแต่ละครั้ง Google Ads จะไม่นับ Conversion ที่ซ้ำกัน และคุณจะได้รับข้อความแสดงข้อผิดพลาดที่แจ้งว่า Conversion ใดซ้ำ โปรดทราบว่าก่อนหน้านี้ ระบบได้ข้าม Conversion ที่ซ้ำกันและไม่ได้แสดงข้อผิดพลาด หากอัปโหลดรายการซ้ำบ่อยๆ คุณจึงอาจเห็นข้อผิดพลาดมากกว่าที่เคย Google Ads จะใช้ชื่อการกระทําที่ถือเป็น Conversion, เวลาที่เกิด Conversion และตัวระบุที่ไม่ซ้ำกันและเกี่ยวข้องซึ่งเชื่อมโยงอยู่กับ Conversion เพื่อพิจารณาว่า Conversion นั้นเป็น Conversion ที่ซ้ำกันหรือไม่โปรดทราบ: หากคุณใช้การระบุแหล่งที่มาภายนอกกับการนำเข้า Conversion โปรดดูเกี่ยวกับการนำเข้า Conversion ที่มาจากภายนอกด้านล่างเพื่อดูเทมเพลตการอัปโหลดที่เหมาะสมและฟีเจอร์เพิ่มเติม- หากคุณนําเข้า Conversion จากการคลิกโดยใช้ Google Click ID (GCLID) โปรดอย่านําฟิลด์ Google Click ID ออก มิฉะนั้นจะนำเข้าไม่สำเร็จ
- ตรวจสอบว่าข้อมูลของคุณไม่มีคอลัมน์อื่นๆ เพิ่มเติมหรือข้อมูลส่วนบุคคล เช่น หมายเลขโทรศัพท์และอีเมล
- หากต้องการให้ Google Ads นำเข้า Conversion โดยอัตโนมัติตามกำหนดการอย่างสม่ำเสมอ (ดูขั้นตอนที่ 2: นำเข้า Conversion) คุณต้องใช้ Google ชีตหรือลิงก์กับไฟล์ทาง HTTPS หรือ SFTP
- ป้อนเขตเวลาโดยใช้รูปแบบใดรูปแบบหนึ่งต่อไปนี้ (อย่าใส่เขตเวลาในเครื่องหมายคำพูดหรืออักขระพิเศษอื่นๆ)
- ใส่รหัสเขตเวลา เราขอแนะนำให้ใช้วิธีนี้เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดในช่วงที่เปลี่ยนไปใช้เวลาออมแสง เช่น - พารามิเตอร์:TimeZone=America/Chicago
- ป้อนค่าชดเชย GMT โดยการใส่เครื่องหมาย + หรือ - แล้วตามด้วยค่าต่างของเวลา 4 หลัก (เช่น ค่าชดเชยเวลาของนิวยอร์กคือ -0500 และของเบอร์ลินคือ +0100) หากคุณใช้เวลามาตรฐานกรีนิช (Greenwich Mean Time) ป้อนเพียง +0000 เช่น - พารามิเตอร์:TimeZone=-0500
- เพิ่มแถวใหม่สําหรับ Conversion ออฟไลน์แต่ละรายการ และกรอกข้อมูลในคอลัมน์ ดังนี้
- การนำเข้า Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับโอกาสในการขาย
- อีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์ที่รวบรวมจากแบบฟอร์มโอกาสในการขาย: คุณต้องรวมฟิลด์ใดฟิลด์หนึ่งจากโฆษณาแบบกรอกฟอร์มในเว็บไซต์ ซึ่งเคยกําหนดค่าไว้ในแท็กที่ติดทั่วเว็บไซต์หรือ Google Tag Manager เราแนะนําให้ใช้อีเมล ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีตั้งค่า Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับโอกาสในการขายโดยใช้แท็ก Google
- เราขอแนะนําให้นําเข้า Conversion จากการคลิกโดยใช้ Google Click ID ด้วย
- Google Click ID: GCLID ที่นำไปสู่ Conversion ออฟไลน์ หากสามารถบันทึก GCLID ได้ เราขอแนะนําให้ส่ง GCLID พร้อมกับ Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับโอกาสในการขาย หากต้องการดูวิธีรับ GCLID ให้ทําตามวิธีการตั้งค่าการนําเข้า Conversion ออฟไลน์
- ชื่อ Conversion: ชื่อของการกระทำที่ถือเป็น Conversion (เช่น "โอกาสในการขายที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์" หรือ "สัญญาที่ลงนามแล้ว") ซึ่งคุณต้องการใช้สำหรับการนำเข้า Conversion นี้ คุณต้องใช้ตัวสะกดและอักษรตัวพิมพ์ใหญ่เหมือนตอนที่สร้างการกระทำที่ถือเป็น Conversion นี้ในบัญชี Google Ads
- เวลาที่เกิด Conversion: วันที่และเวลาที่เกิด Conversion ตรวจสอบรายการรูปแบบวันที่ที่ยอมรับ (เช่น MM/dd/yyyy HH:mm:ss) ในตารางด้านล่าง คุณเพิ่มเขตเวลาลงในเวลาที่เกิด Conversion ได้โดยใช้ 1 ใน 4 รูปแบบสุดท้ายที่แสดงในรายการ ให้ใส่ค่าชดเชยเวลา GMT ลงไปแทน "+z" ด้วยการใส่เครื่องหมาย + หรือ - ตามด้วยค่าต่างของเวลา 4 หลัก (เช่น ค่าชดเชยของนิวยอร์กคือ -0500 และของเบอร์ลินคือ +0100) หรือแทนที่ "zzzz" ด้วยรหัสเขตเวลาจากรายการรหัสและรูปแบบ
- รหัสคำสั่งซื้อ (ฟิลด์ที่ไม่บังคับ): คือตัวระบุที่ไม่ซ้ำกันสําหรับธุรกรรมแต่ละรายการ เช่น หมายเลขยืนยันคําสั่งซื้อ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีใช้รหัสธุรกรรมเพื่อลดจำนวน Conversion ที่ซ้ำกัน
- มูลค่า Conversion (ฟิลด์ที่ไม่บังคับ): จำนวนที่แทนมูลค่าที่คุณกำหนดให้กับ Conversion นี้ ซึ่งอาจแสดงค่าสกุลเงิน หรือจะเลือกใส่ค่าเปรียบเทียบ (เช่น 1-10) ก็ได้ หากปล่อยฟิลด์นี้ว่างไว้ Google Ads จะใช้ "มูลค่า Conversion" ที่กำหนดไว้ในขั้นตอนที่ 2.8 ในขณะสร้างการกระทำที่ถือเป็น Conversion ออฟไลน์ใหม่โดยอัตโนมัติ
- สกุลเงินสำหรับ Conversion (ฟิลด์ที่ไม่บังคับ): สกุลเงินที่ใช้ระบุมูลค่า Conversion ใช้ค่านี้ในกรณีที่คุณรายงานมูลค่า Conversion ในหลายสกุลเงิน หรือมีหลายบัญชีที่เรียกเก็บเงินในหลายสกุลเงิน ใช้รหัสสกุลเงินในรูปแบบ ISO 4217 ที่มี 3 อักขระ เช่น USD สำหรับดอลลาร์สหรัฐอเมริกา และ JPY สำหรับเยนญี่ปุ่น
- ข้อมูลผู้ใช้สำหรับโฆษณา: ตั้งค่าความยินยอมสำหรับการส่งข้อมูลผู้ใช้ไปยัง Google เพื่อวัตถุประสงค์ในการโฆษณา ค่าบูลีนนี้แสดงความยินยอมสำหรับค่ากำหนดของบริการแพลตฟอร์มหลัก (CPS) ในการตั้งค่า ดูคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับนโยบายความยินยอมของผู้ใช้ EU สำหรับพาร์ทเนอร์ผู้อัปโหลดการจับคู่ข้อมูลลูกค้า (CMU) ค่าเริ่มต้นคือ "ไม่ได้ตั้งค่า" และคอลัมน์นี้มีค่าต่อไปนี้ได้
- ให้สิทธิ์แล้ว: สถานะความยินยอมที่ต้องการคือให้สิทธิ์
- ถูกปฏิเสธ: สถานะความยินยอมที่ต้องการคือปฏิเสธ รายการ CPS ว่างเปล่า
- การปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้: ตั้งค่าความยินยอมสำหรับการปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ ดูคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับนโยบายความยินยอมของผู้ใช้ EU สำหรับพาร์ทเนอร์ผู้อัปโหลดการจับคู่ข้อมูลลูกค้า (CMU) ค่าเริ่มต้นคือ "ไม่ได้ตั้งค่า" และคอลัมน์นี้มีค่าต่อไปนี้ได้
- ให้สิทธิ์แล้ว: สถานะความยินยอมที่ต้องการคือให้สิทธิ์
- ถูกปฏิเสธ: สถานะความยินยอมที่ต้องการคือปฏิเสธ รายการ CPS ว่างเปล่า
- การนำเข้า Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับโอกาสในการขาย
- หากใช้ Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสําหรับโอกาสในการขายด้วยการอัปโหลดตามกำหนดเวลา คุณต้องแฮชฟิลด์อีเมลและหมายเลขโทรศัพท์โดยใช้ SHA256 แต่ไม่จําเป็นต้องแฮชหากเป็นการอัปโหลดด้วยตนเองแบบครั้งเดียวด้วย Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสําหรับโอกาสในการขาย
ตัวอย่าง
คุณสามารถใช้วิธีการตัวอย่างด้านล่างเพื่อแฮชข้อมูลสําหรับ Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับโอกาสในการขายโดยใช้ Google ชีต
- ทําสําเนาเทมเพลตสเปรดชีต
- ในแถบเมนู ให้คลิกส่วนขยาย แล้วเลือก Apps Script
- คลิกทริกเกอร์ในแผงด้านซ้าย
- เลือกสร้างทริกเกอร์ใหม่ หรือ + เพิ่มทริกเกอร์
- ให้เลือกฟังก์ชัน “autoHash” แล้วตั้งค่าประเภทเหตุการณ์เป็น “เมื่อแก้ไข” ในเมนู
- คลิกบันทึก
ระบบจะแฮชข้อมูลที่คุณป้อนในช่องอีเมลและหมายเลขโทรศัพท์โดยอัตโนมัติ
รูปแบบ | ตัวอย่าง |
MM/dd/yyyy hh:mm:ss aa | "08/14/2012 5:01:54 PM" |
MMM dd,yyyy hh:mm:ss aa | "Aug 14, 2012 5:01:54 PM" |
MM/dd/yyyy HH:mm:ss | "08/14/2012 17:01:54" |
yyyy-MM-dd HH:mm:ss | "2012-08-14 13:00:00" |
yyyy-MM-ddTHH:mm:ss | "2012-08-14T13:00:00" |
yyyy-MM-dd HH:mm:ss+z | "2012-08-14 13:00:00+0500" |
yyyy-MM-ddTHH:mm:ss+z | "2012-08-14T13:00:00-0100" |
yyyy-MM-dd HH:mm:ss zzzz | "2012-08-14 13:00:00 America/Los_Angeles" |
yyyy-MM-ddTHH:mm:ss zzzz | "2012-08-14T13:00:00 America/Los_Angeles" |
หากใช้ระบบการระบุแหล่งที่มาภายนอกของคุณเองในการระบุแหล่งที่มาของ Conversion ของคลิกหลายรายการ คุณต้องใช้การระบุแหล่งที่มาภายนอกกับการนำเข้า Conversion การกระทำที่ถือเป็น Conversion ที่มาจากภายนอกจะช่วยให้นำเข้าเครดิต Conversion ส่วนย่อยของแต่ละคลิกได้
หากต้องการใช้การระบุแหล่งที่มาภายนอกกับการนำเข้า ให้เลือก "ใช้การระบุแหล่งที่มาภายนอก" เมื่อสร้างการกระทำที่ถือเป็น Conversion ใน Google Ads (ตามที่ระบุไว้ในส่วนที่ 1 ขั้นตอนที่ 14 ของวิธีการเหล่านี้) เมื่อพร้อมอัปโหลด Conversion ที่มีเครดิตบางส่วนแล้ว อย่าลืมดาวน์โหลดเทมเพลตการนำเข้า Conversion สำหรับการระบุแหล่งที่มาภายนอก (ดาวน์โหลด Excel, CSV หรือ Google ชีต) และคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้ด้วย
- อย่านำคอลัมน์ที่ขึ้นต้นด้วย "Google Click ID" ออก มิฉะนั้นจะนำเข้าไม่สำเร็จ
- ตรวจสอบว่าข้อมูลของคุณไม่มีคอลัมน์อื่นหรือข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ
- อย่าลืมตั้งค่าเขตเวลาในแถว "พารามิเตอร์" คอลัมน์ "เวลาที่เกิด Conversion" หรือทั้ง 2 อย่าง ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งค่าภาษา รูปแบบตัวเลข เขตเวลา และสกุลเงิน
- คุณต้องใส่ชื่อรูปแบบการระบุแหล่งที่มาที่คุณใช้เพื่อกําหนดเครดิต Conversion บางส่วน เช่น "เชิงเส้น" หรือ "มาจากข้อมูล"
- หากคุณเลือกที่จะรวมมูลค่า Conversion ค่าดังกล่าวควรเป็นค่าบางส่วนที่สอดคล้องกับเครดิต Conversion ที่มีการระบุแหล่งที่มา (ดูตัวอย่างด้านล่าง)
- จำนวนที่ใส่ในคอลัมน์ "เครดิตที่มีการระบุแหล่งที่มา" ควรมากกว่า 0 และน้อยกว่าหรือเท่ากับ 1
- คอลัมน์ "มูลค่า Conversion" และ "สกุลเงิน Conversion" เป็นคอลัมน์ที่ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้
ตัวอย่างวิธีใช้เทมเพลตการนำเข้า Conversion ที่มีการระบุแหล่งที่มาภายนอกคือ เมื่อคุณติดตามการซื้อและรวบรวม GCLID จากคลิกแต่ละรายการของลูกค้า ลูกค้าอาจคลิก 3 ครั้งก่อนซื้อสินค้าราคา $100 USD ในเว็บไซต์ คลิกหนึ่งอาจมาที่โฆษณา Display ของ Google Ads คลิกหนึ่งมาจากเครือข่ายโฆษณาอื่น และคลิกสุดท้ายเกิดในโฆษณา Search ของ Google Ads หากคุณใช้รูปแบบการระบุแหล่งที่มาเชิงเส้น การอัปโหลดจะมีลักษณะดังนี้
พารามิเตอร์:รูปแบบการระบุแหล่งที่มา = เชิงเส้น | |||||
พารามิเตอร์:TimeZone=-0800 | # เครดิตจากการระบุแหล่งที่มาควรอยู่ระหว่าง 0 และ 1 # | # ไม่บังคับ # | # ไม่บังคับ # | ||
Google Click ID | ชื่อ Conversion | เวลาที่เกิด Conversion | เครดิตจากการระบุแหล่งที่มา | มูลค่า Conversion | สกุลเงิน Conversion |
googleclickid1 | ชื่อการกระทำที่ถือเป็น Conversion จากการระบุแหล่งที่มาภายนอก | 01/05/2017 15:42:01 น. | 0.33 | 33.33 | USD |
googleclickid2 | ชื่อการกระทำที่ถือเป็น Conversion จากการระบุแหล่งที่มาภายนอก | 01/05/2017 15:42:01 น. | 0.33 | 33.33 | USD |
หากใช้แคมเปญโรงแรม คุณจะต้องใช้พารามิเตอร์ที่เจาะจงสําหรับ Conversion (เช่น รหัสโรงแรมและวันที่ของแผนเดินทาง) คุณสามารถดาวน์โหลดเทมเพลตของพารามิเตอร์ที่จําเป็น (ดาวน์โหลด Excel CSV) หรือจะเพิ่มพารามิเตอร์ไปยังเทมเพลตที่มีอยู่แล้วก็ได้ โปรดดูตารางด้านล่างเพื่อทําความเข้าใจวิธีการจัดรูปแบบพารามิเตอร์แต่ละรายการ
ชื่อคอลัมน์ | รูปแบบที่ยอมรับ | ตัวอย่าง |
---|---|---|
Google Click ID | สตริงที่มีตัวเลขและตัวอักษร |
EAIaIQobChMIlLfH1KqK9AI |
Conversion Name | สตริงที่มีตัวเลขและตัวอักษร | In-App Hotel Booking |
Conversion Time | yyyy-MM-dd HH:mm:ss | 2022-11-10 5:00:00 |
Conversion Value | ค่าตัวเลขทศนิยมไม่เกิน 2 ตําแหน่ง | 20 |
Conversion Currency | รหัสสกุลเงิน ISO 4217 | USD |
Check-in Date |
yyyy-MM-dd+z ใส่ค่าชดเชยเวลา GMT ลงใน "+z" ด้วยการใส่เครื่องหมาย + หรือ - ตามด้วยค่าต่างของเวลา 4 หลักในรูปแบบ hh:mm (เช่น ค่าชดเชยเวลาของนิวยอร์กคือ -05:00 และของเบอร์ลินคือ +01:00) |
2022-12-01+05:00 |
Check-out Date |
yyyy-MM-dd+z ใส่ค่าชดเชยเวลา GMT ลงใน "+z" ด้วยการใส่เครื่องหมาย + หรือ - ตามด้วยค่าต่างของเวลา 4 หลักในรูปแบบ hh:mm (เช่น ค่าชดเชยเวลาของนิวยอร์กคือ -05:00 และของเบอร์ลินคือ +01:00) |
2022-12-04+05:00 |
Hotel ID | สตริงที่มีตัวเลขและตัวอักษร | Hotel123 |
Order ID | สตริงที่มีตัวเลขและตัวอักษร | OrderABC123 |
2. นำเข้า Conversion
ในการนําเข้า Conversion ออฟไลน์ไปยัง Google Ads คุณจะต้องอัปโหลดไฟล์ Conversion ไปยังบัญชี Google Ads ที่จัดการ Conversion หากตั้งค่าเครื่องมือวัด Conversion ข้ามบัญชีไว้ คุณควรอัปโหลด Conversion ที่ระดับบัญชีดูแลจัดการ โดยจะอัปโหลดไฟล์ครั้งเดียว หรือสร้างกำหนดเวลาเพื่ออัปโหลดไฟล์ที่เก็บไว้ทางออนไลน์อย่างสม่ำเสมอก็ได้ ทำตามวิธีการอัปโหลดแบบครั้งเดียวหรือการอัปโหลดที่ตั้งเวลาไว้ด้านล่าง โดยขึ้นอยู่กับวิธีที่คุณต้องการนำเข้า Conversion โปรดทำตามแนวทางปฏิบัติแนะนำในการอัปโหลด Conversion
คุณสามารถสร้างตัวแปรที่กำหนดเองได้โดยใช้แท็กเครื่องมือวัด Conversion หรืออัปโหลด Conversion ออฟไลน์
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเป้าหมาย
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลง Conversion ในหมวดหมู่เมนู
- คลิกอัปโหลด
- คลิกปุ่มบวก
- ในเมนูแบบเลื่อนลง "แหล่งที่มา" ให้เลือกแหล่งที่มาของไฟล์ คุณจะอัปโหลดไฟล์จากคอมพิวเตอร์หรือ Google ชีต หรือถ่ายโอนผ่าน HTTPS หรือ SFTP ก็ได้
- เลือกตัวเลือกด้านล่างโดยอิงตามแหล่งที่มาที่เลือกไว้
- หากเลือก "อัปโหลดไฟล์" หรือ "Google ชีต" ไว้ ให้คลิกเลือกไฟล์เพื่อค้นหาและเลือกไฟล์ซึ่งมีข้อมูล Conversion ออฟไลน์
- หากเลือก HTTPS หรือ SFTP ให้ป้อน URL ของไฟล์และชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเพื่อเข้าถึงไฟล์
โปรดทราบว่าหากคุณเลือก SFTP และได้รับข้อผิดพลาด "ไม่พบไฟล์" ให้ลองแทรกเครื่องหมายทับคู่ ("//") ไว้ระหว่างเส้นทางและชื่อไฟล์ เช่น SFTP://sftp.mysite.com/conversions//conv.csv
- ระบุว่ามีการแฮชข้อมูลผู้ใช้หรือไม่ (แนะนำให้ไม่แฮช) Google จะแฮชข้อมูลที่ไม่ได้แฮชในคอมพิวเตอร์ของคุณก่อนอัปโหลดข้อมูลผู้ใช้ ส่วนข้อมูลที่แฮชจะระบุว่าคุณได้จัดรูปแบบไฟล์ไว้ล่วงหน้าและแฮชข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้โดยใช้อัลกอริทึม SHA256 ซึ่งเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมสําหรับการแฮชทางเดียว
- หมายเหตุ: หากคุณใช้วิธีการ "แฮช" โปรดตรวจสอบว่าข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่งไม่ได้มีการจัดรูปแบบใหม่ก่อนทําการแฮช ข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่งควรตรงกันทุกประการกับข้อมูลที่ป้อนในโฆษณาแบบกรอกฟอร์มเมื่อเก็บรวบรวมก่อนการแฮช
- หากต้องการนำเข้าเนื้อหาของไฟล์โดยไม่ต้องแสดงพรีวิวผลการอัปโหลด ให้คลิกใช้ แล้วข้ามขั้นตอนที่เหลือ หากต้องการดูตัวอย่างผลการอัปโหลด ให้คลิกแสดงตัวอย่าง พรีวิวของไฟล์จะเน้นที่จำนวน Conversion ที่จะนำเข้ามายังบัญชี และรวมข้อผิดพลาดในไฟล์ไว้ด้วย (หากมี) คุณจะแก้ไขข้อผิดพลาดในไฟล์แล้วอัปโหลดอีกครั้ง หรือข้ามข้อผิดพลาดไปก็ได้
- เมื่อพรีวิวพร้อมแล้ว ให้คลิกรายละเอียดเพื่อดูเนื้อหาบางส่วนจากไฟล์ ทั้งนี้ข้อผิดพลาดจะแสดงขึ้นก่อน (หากมี)
- หากต้องการดูเนื้อหาไฟล์ทั้งหมด ให้คลิกเพิ่มเติม
- คลิกใช้ไฟล์ แถบความคืบหน้าที่ด้านล่างของหน้าจะแจ้งให้ทราบเมื่อ Conversion ในไฟล์นำเข้าเสร็จแล้ว คลิกรายละเอียดในแถบความคืบหน้าเพื่อดู Conversion ทั้งหมดที่นำเข้า
คุณจะดูได้ทั้งไฟล์ที่อัปโหลดแต่ไม่ได้ใช้ และไฟล์ที่อัปโหลดและใช้แล้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีดูไฟล์ที่อัปโหลด
เพิ่ม Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับโอกาสในการขายไปยังการกระทำที่ถือเป็น Conversion ออฟไลน์ที่มีอยู่
- คลิกไอคอนเป้าหมาย ในบัญชี Google Ads
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลง Conversion ในหมวดหมู่เมนู
- คลิกการตั้งค่า
- ในเมนูแบบเลื่อนลงของ Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับโอกาสในการขาย ให้เลือกช่องเพื่อเปิด Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับโอกาสในการขาย แล้วเลือกแท็ก Google หรือ Google Tag Manager เป็นวิธีการ คุณจะได้รับแจ้งให้ยอมรับข้อกําหนดสำหรับข้อมูลลูกค้าหากยังไม่ได้ยอมรับ
- กําหนดค่าแท็กให้บันทึก PII ของโฆษณาแบบกรอกฟอร์มทั้งหมดในเว็บไซต์ โดยทำตามขั้นตอนในบทความตั้งค่า Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับโอกาสในการขายโดยใช้แท็ก Google หรือตั้งค่า Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับโอกาสในการขายโดยใช้ Google Tag Manager
- คลิกบันทึก
Google Ads นำเข้า Conversion ให้คุณตามกำหนดการอย่างสม่ำเสมอโดยอัตโนมัติได้ คุณจะต้องสร้างไฟล์ที่มี Conversion ใน Google ชีต หรือจัดเก็บไฟล์ทางออนไลน์ด้วย HTTPS หรือ SFTP หากใช้ Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสําหรับโอกาสในการขาย คุณต้องแฮชข้อมูลในไฟล์ก่อนอัปโหลด หากต้องการตั้งเวลาอัปโหลดไฟล์ โปรดทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเป้าหมาย
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลง Conversion ในหมวดหมู่เมนู
- คลิกอัปโหลด
- คลิกกำหนดการที่ด้านบนของหน้า
- คลิกปุ่มบวก
- ในเมนูแบบเลื่อนลง "แหล่งที่มา" ให้เลือกแหล่งที่มาของไฟล์ คุณจะอัปโหลดไฟล์จาก Google ชีต หรือถ่ายโอนไฟล์ผ่าน HTTPS หรือ SFTP ก็ได้
- เลือกตัวเลือกด้านล่างโดยอิงตามแหล่งที่มาที่เลือกไว้
- หากเลือก "Google ชีต" ให้คลิกลิงก์สเปรดชีตใน Google ชีตที่มีอยู่เพื่อค้นหาและเลือกไฟล์ที่มีข้อมูล Conversion ออฟไลน์
- หากเลือก HTTPS หรือ SFTP ให้ป้อน URL ของไฟล์และชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเพื่อเข้าถึงไฟล์
โปรดทราบว่าหากคุณเลือก SFTP และได้รับข้อผิดพลาด "ไม่พบไฟล์" ให้ลองแทรกเครื่องหมายทับคู่ ("//") ไว้ระหว่างเส้นทางและชื่อไฟล์ เช่น SFTP://sftp.mysite.com/conversions//conv.csv
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลงความถี่ และเลือกความถี่ที่ต้องการนำเข้าไฟล์
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลงเวลา แล้วเลือกเวลาที่จะนำเข้าไฟล์
- คลิกบันทึกและแสดงพรีวิว โดยพรีวิวจะแสดงให้เห็นว่ากำหนดการบันทึกสำเร็จหรือไม่ กำหนดการอาจไม่บันทึกหาก Google Ads เข้าถึงแหล่งที่มาของไฟล์ไม่ได้เนื่องจากชื่อผู้ใช้หรือรหัสผ่านไม่ถูกต้อง หรือหากจัดรูปแบบไฟล์ไว้ไม่ถูกต้อง
- คลิกตกลงเพื่อกลับไปที่หน้า "กำหนดการ" ซึ่งแสดงรายการการอัปโหลดที่ตั้งเวลาไว้ทั้งหมด
หมายเหตุ: หากเกิดปัญหาขึ้นกับการอัปโหลดที่ตั้งเวลาไว้ คุณจะเห็นการแจ้งเตือนในบัญชีและได้รับอีเมล โปรดตรวจสอบไฟล์ออนไลน์เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
- หากต้องการเปลี่ยนแปลงการอัปโหลดที่ตั้งเวลาไว้ คลิกตัวเลือกภายในคอลัมน์ "การกระทำ" และเลือกจากตัวเลือกต่อไปนี้
- คลิกแก้ไขเพื่อเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าของการอัปโหลดที่ตั้งเวลาไว้
- คลิกหยุดชั่วคราวเพื่อหยุดการอัปโหลดที่ตั้งเวลาไว้ของไฟล์ใดไฟล์หนึ่ง
- คลิกทำต่อหากคุณหยุดการอัปโหลดที่ตั้งเวลาไว้ของไฟล์ใดไฟล์หนึ่งไว้ชั่วคราว แล้วต้องการให้การอัปโหลดกลับมาทำงานอีกครั้ง
- คลิกนำออกหากไม่ต้องการอัปโหลด Conversion ในไฟล์อีกต่อไป
คุณจะเปลี่ยนแปลงตัวเลือกการอัปโหลดที่ตั้งเวลาไว้ไม่ได้หากบัญชี Google Ads มีสิทธิ์การเข้าถึงระดับอ่านอย่างเดียว
3. ดูผลลัพธ์และแก้ไขปัญหา
ข้อผิดพลาดในการอัปโหลดไฟล์เกิดขึ้นได้เป็นปกติ โดยเฉพาะเมื่อตั้งค่าขั้นตอนการนำเข้า Conversion เป็นครั้งแรก เราขอแนะนำให้ผู้ลงโฆษณาทุกรายตรวจสอบผลลัพธ์ของการอัปโหลด ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีแก้ไขความคลาดเคลื่อนและข้อผิดพลาดในการนําเข้า Conversion ออฟไลน์
ดูไฟล์ที่คุณอัปโหลดเมื่ออัปโหลดไฟล์ Conversion แล้ว คุณจะเห็นรายการใหม่ของไฟล์นั้นในหน้าการอัปโหลด โปรดทราบว่าการอัปโหลดและใช้ไฟล์อาจใช้เวลาหลายนาที
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเป้าหมาย
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลง Conversion ในหมวดหมู่เมนู
- คลิกอัปโหลด
- หากมีไฟล์ที่คุณดูพรีวิวแล้วแต่ไม่ได้ใช้ คุณจะเห็นไฟล์นั้นในตาราง "การกระทำที่รอดำเนินการ" ในคอลัมน์ "การกระทำ" ให้คลิกใช้เพื่อนำเข้า Conversion ในไฟล์ หรือคลิกทิ้งเพื่อนำไฟล์ที่อัปโหลดออก
- ที่ด้านล่างตาราง "การกระทำที่รอดำเนินการ" คุณจะเห็นรายการไฟล์ที่ได้อัปโหลดและใช้แล้ว ดูคอลัมน์ต่อไปนี้เพื่อให้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไฟล์
- คอลัมน์ "สถานะ" จะช่วยให้เห็นอย่างรวดเร็วว่าระบบนำเข้า Conversion ในไฟล์สำเร็จหรือไม่
- คอลัมน์ "ผลลัพธ์" จะแสดงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานะการนำเข้า หากนำเข้าไฟล์ไม่สำเร็จ คอลัมน์นี้จะแสดงสาเหตุไว้ด้วย นอกจากนี้คอลัมน์นี้ยังมีลิงก์เพื่อดู Conversion ที่นำเข้าได้ และ Conversion ที่ไม่ได้นำเข้าเนื่องจากข้อผิดพลาดของไฟล์อีกด้วย
- คอลัมน์ "การกระทำ" มีลิงก์ต่อไปนี้
- ดาวน์โหลดผลลัพธ์: ดาวน์โหลดไฟล์ที่อัปโหลด ลิงก์นี้จะปรากฏขึ้นเมื่อระบบนำเข้า Conversion ทั้งหมดในไฟล์สำเร็จ
- ดาวน์โหลดทั้งหมด: ดาวน์โหลดสำเนาของไฟล์ที่อัปโหลดรวมถึง Conversion ที่นำเข้าไม่สำเร็จ
- ดาวน์โหลดข้อผิดพลาด: ดาวน์โหลดสเปรดชีตที่แสดงรายการ Conversion จากไฟล์ที่นำเข้าไม่สำเร็จพร้อมข้อความแสดงข้อผิดพลาด
- ดูไฟล์ที่อัปโหลดและค้นหาไฟล์ที่มีข้อผิดพลาด
- ในคอลัมน์ "การกระทำ" ให้คลิกดาวน์โหลดข้อผิดพลาดเพื่อดาวน์โหลดสเปรดชีตที่แสดงรายการ Conversion จากไฟล์ที่นำเข้าไม่สำเร็จ
- อ่านข้อความแสดงข้อผิดพลาดในคอลัมน์ "ผลลัพธ์" ของสเปรดชีตเพื่อหาสาเหตุที่ Google Ads นำเข้า Conversion ไม่ได้
- ทำการแก้ไขที่จำเป็นในสเปรดชีต บันทึก แล้วลองอัปโหลดอีกครั้ง
- บางครั้งอาจเกิดปัญหาที่ทำให้ระบบประมวลผลไฟล์ทั้งไฟล์ไม่ได้ หากเป็นเช่นนี้ คุณจะพบข้อความแสดงข้อผิดพลาดในแถวแรก (หากเป็นไฟล์ .csv หรือ .tsv) หรือในเวิร์กชีต “General Errors” ใหม่ (หากเป็นไฟล์ Excel)