คําถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Demand Gen

แคมเปญ Demand Gen ช่วยให้คุณเข้าถึงผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่รายเดือนได้สูงสุด 3 พันล้านคนขณะที่เลื่อนดู YouTube (ปัจจุบัน YouTube Shorts มียอดดูเฉลี่ยมากกว่า 5 หมื่นล้านครั้งต่อวัน) และฟีด Google รวมถึง Gmail และ Discover ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญ Demand Gen และวิธีสร้างแคมเปญ Demand Gen

บทความนี้จะช่วยตอบคำถามที่พบบ่อยที่สุด

การเปลี่ยนจาก Discovery เป็น Demand Gen

ฉันต้องทำอะไรบ้างไหมเพื่ออัปเกรดแคมเปญ Discovery เป็นแคมเปญ Demand Gen

ไม่ ระบบจะอัปเกรดแคมเปญ Discovery ให้คุณโดยอัตโนมัติ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการอัปเกรดโฆษณา Discovery เป็น Demand Gen

 

ทำไม Google จึงอัปเกรด Discovery เป็น Demand Gen

แคมเปญ Demand Gen ยังมีสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่นเดียวกันกับแคมเปญ Discovery พร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ พื้นที่โฆษณา ข้อมูลเชิงลึก และขั้นตอนการสร้างโฆษณาที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อช่วยกระตุ้นดีมานด์และการพิจารณาซื้อ

แคมเปญ Demand Gen มีคุณสมบัติเหมือนกับแคมเปญ Discovery ทุกประการ (โดยมีข้อยกเว้นบางประการตามที่ระบุด้านล่าง) แต่เมื่อใช้ Demand Gen แคมเปญจะมีฟีเจอร์และความสามารถใหม่ๆ รวมถึงโอกาสในการเข้าถึงมากขึ้นบนแพลตฟอร์มที่ดึงดูดสายตามากที่สุดของ Google (Gmail, YouTube และ Discover) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ลูกค้ามีแนวโน้มจะนึกถึงการซื้อมากกว่า มอบประสบการณ์การใช้งานโฆษณาที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลมากขึ้น ตลอดจนมีเสนอการเสนอราคาและการวัดผลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญ Demand Gen

 

แคมเปญ Demand Gen มีรูปลักษณ์และการทำงานแตกต่างจากแคมเปญ Discovery อย่างไร 

  • ฟีเจอร์ใหม่ของ Demand Gen
    • ใช้ UI ใหม่ของ Google Ads
    • การกำหนดเป้าหมายกลุ่มโฆษณา/การกำหนดเป้าหมายตามสถานที่ (ไม่บังคับ)
    • โฆษณาวิดีโอ
  • ไม่มีชิ้นงานโฆษณาแบบกรอกฟอร์มอีกต่อไป
 

แคมเปญ Discovery ที่มีอยู่จะแข่งขันกับแคมเปญ Demand Gen ไหม

ไม่ แคมเปญเหล่านี้จะไม่แข่งขันกันเอง แต่สามารถทำงานควบคู่กันได้ ท้ายที่สุด คุณจะต้องอัปเกรดแคมเปญ Discovery เป็นแคมเปญ Demand Gen ใหม่ที่ปรับปรุงแล้ว

 

ฉันจะดูข้อมูลย้อนหลังของแคมเปญโฆษณา Discovery หลังจากอัปเกรดเป็น Demand Gen ได้อย่างไร

ระบบจะโอนข้อมูลย้อนหลังทั้งหมดจากแคมเปญ Discovery ไปยังแคมเปญ Demand Gen อย่างราบรื่น และวิธีเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวจะยังคงเหมือนเดิม เช่น เข้าถึงได้ในตาราง "แคมเปญ"

 

แคมเปญ Demand Gen มีช่วงเพิ่มประสิทธิภาพหลังการเรียนรู้ไหม

หลังจากที่คุณเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การเสนอราคาในแคมเปญ Demand Gen ใหม่ ประสิทธิภาพอาจผันผวนเล็กน้อยในขณะที่ Google Ads เพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอ ซึ่งสังเกตได้จากสถานะกลยุทธ์การเสนอราคาของคุณอาจมีป้ายกำกับเป็น "กําลังเรียนรู้" ให้วางเมาส์เหนือสถานะเพื่อดูสาเหตุที่กลยุทธ์การเสนอราคาอยู่ในสถานะดังกล่าว ขอแนะนําให้รอ 2 สัปดาห์เพื่อให้ระยะเวลา "เรียนรู้" ผ่านไปก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงการเสนอราคา

โดยทั่วไปแล้วควรรอให้มี Conversion ถึง 50 รายการก่อนทำการเปลี่ยนแปลงกับแคมเปญ

เผื่อเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมงเพื่อให้โฆษณาผ่านขั้นตอนการตรวจสอบและอนุมัติ

 

ฉันควรเพิ่มชิ้นงานลงในแคมเปญ Demand Gen ใหม่อีกเมื่อแคมเปญ Discovery เปลี่ยนเป็น Demand Gen ไหม

เราขอแนะนำให้คุณลองใช้ชิ้นงานจำนวนมากที่สุดและหลากหลายประเภทที่สุดในโฆษณา Demand Gen ถึงแม้จะไม่ใช่ข้อกำหนดก็ตาม วิธีนี้จะเพิ่มการครอบคลุมแพลตฟอร์ม บอกเล่าเรื่องราวที่ครบถ้วนยิ่งขึ้นให้ลูกค้าทราบ และทําให้คุณตอบสนองดีมานด์ได้ในทุกขั้นตอนของ Funnel ชิ้นงานประเภทต่างๆ ที่มีให้ใช้ ได้แก่ โฆษณาแบบรูปภาพเดียว โฆษณาแบบภาพสไลด์ โฆษณาวิดีโอ และโฆษณาทางทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกําหนดและแนวทางปฏิบัติแนะนำสําหรับชิ้นงานในแคมเปญ Demand Gen

 

ทำไมฉันจึงเห็นโฆษณาเพียงรูปแบบเดียวที่แสดงอยู่ (เช่น ทำไมโฆษณาแบบรูปภาพจึงไม่แสดง แต่มีเฉพาะโฆษณาวิดีโอที่แสดง)

การมีรูปแบบโฆษณาวิดีโอและโฆษณาแบบรูปภาพอยู่ในกลุ่มโฆษณาเดียวทำให้การเสนอราคาอัตโนมัติเพิ่มประสิทธิภาพและแสดงโฆษณาที่มีประสิทธิภาพที่สุดตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในแคมเปญ ดังนั้นหากคุณเห็นเพียงรูปแบบเดียวที่แสดงอยู่ ก็หมายความว่ารูปแบบดังกล่าวเหมาะสมที่สุดในการกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมในลักษณะและปริมาณที่เหมาะสมกับแคมเปญในขณะนี้

การเรียกเก็บเงินและการเสนอราคา

ประเภทการเรียกเก็บเงินของ Demand Gen คืออะไร

Demand Gen จะใช้การเรียกเก็บเงินแบบผสม รวมถึงการเสนอราคา CPM และ CPC รายการด้านล่างระบุประเภทการเสนอราคาตามแพลตฟอร์มของ Google และรูปแบบโฆษณา

  • วิดีโอใน YouTube: CPM
  • รูปภาพใน YouTube: CPC
  • Gmail: การคลิกทีเซอร์ (คลิกแรกเพื่อขยายโฆษณา ไม่มีการเรียกเก็บเงินสำหรับการคลิกรองที่ไปยังเว็บไซต์)
  • รูปภาพในฟีดสำรวจ: CPC
  • วิดีโอในส่วนสำรวจ: EV (เมื่อมีผู้ดูวิดีโอเป็นเวลา 5 วินาทีขึ้นไป แล้วคลิกเพื่อเล่นวิดีโอหรือคลิกลิงก์ จะถือว่าเป็นการดูอย่างมีส่วนร่วม)
 

แคมเปญ Demand Gen รองรับกลยุทธ์การเสนอราคาใดบ้าง

รองรับกลยุทธ์การเสนอราคาทั้งที่มี Conversion และไม่มี Conversion ซึ่งได้แก่ เพิ่มจำนวนคลิกสูงสุด, เพิ่มจำนวน Conversion สูงสุด, tROAS, CPA เป้าหมาย และการเสนอราคาตามมูลค่า

 

ฉันควรเปลี่ยนแคมเปญที่ใช้การเสนอราคาแบบจำนวน Conversion สูงสุดหรือแบบ tCPA เป็นแบบ tROAS อย่างไร ราคาเสนอ tROAS เริ่มต้นควรเป็นเท่าไร

หากคุณเพิ่งเริ่มใช้ Demand Gen หรือไม่มีเป้าหมาย tCPA หรือ tROAS ที่เฉพาะเจาะจงอยู่ในใจ เราขอแนะนําให้เริ่มต้นแคมเปญด้วยการเสนอราคาแบบเพิ่มจำนวน Conversion สูงสุด และเปลี่ยนไปใช้การเสนอราคา tCPA/tROAS หลังจากที่แคมเปญได้รับ Conversion อย่างน้อย 50 รายการ

ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. ดู ROAS ในช่วง 30 วันที่ผ่านมาที่ระดับแคมเปญ
  2. กำหนด ROAS เป้าหมายที่ยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น ต่ำกว่า ROAS ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา 20% การตั้งราคาเสนอที่สูงเพียงพอจะทำให้ระบบเสนอราคาที่แข่งขันได้
    • หมายเหตุ: การกำหนด ROAS ให้ต่ำลง 20% คือการตั้งราคาเสนอให้สูงขึ้น 20%
  3. ตรวจสอบประสิทธิภาพของแคมเปญอย่างใกล้ชิดหลังจากที่เปลี่ยนไปใช้การเสนอราคา tROAS และรอให้พ้นระยะเวลาเรียนรู้ ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณ Conversion
  4. เมื่อแคมเปญเรียนรู้และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ให้ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงราคาเสนอเป็น +/-10% ตามผลลัพธ์ที่ได้
 

แนวทางปฏิบัติแนะนำสำหรับแคมเปญ Demand Gen ที่ใช้การเสนอราคาแบบจำนวนคลิกสูงสุดมีอะไรบ้าง

  • กลุ่มเป้าหมาย: เลือกธีมที่เกี่ยวข้องที่สุดสำหรับผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าและลูกค้าที่มีแนวโน้มจะโต้ตอบกับโฆษณาที่สุด คุณสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกค้าอยากดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการได้โดยใช้หน้า Landing Page ที่น่าสนใจ
  • งบประมาณ: ไม่มีการกำหนดงบประมาณขั้นต่ำสำหรับการเสนอราคาแบบจำนวนคลิกสูงสุด
  • หน้า Landing Page
    • ใส่เนื้อหาที่น่าสนใจไว้ในหน้า Landing Page
    • แคมเปญจำนวนคลิกสูงสุดใช้ได้กับ URL/โดเมนของเว็บไซต์, ลิงก์วิดีโอ YouTube, หน้าผลิตภัณฑ์ของบุคคลที่สาม และ/หรือลิงก์สตรีมแบบสด
  • ครีเอทีฟโฆษณา
    • ใช้ชิ้นงานรูปภาพ วิดีโอ และข้อความที่หลากหลายเพื่อให้ AI ของ Google เรียนรู้และกระตุ้นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดโดยการเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณา
    • ใช้ทั้งชิ้นงานรูปภาพและชิ้นงานวิดีโอในแคมเปญจำนวนคลิกสูงสุด
 

ฉันควรเริ่มต้นแคมเปญ Demand Gen ด้วยจำนวนคลิกสูงสุดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้เร็วขึ้น จากนั้นเปลี่ยนไปใช้การเสนอราคา tCPA หรือ tROAS เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย Conversion ไหม

แนวทางดังกล่าวมุ่งเน้นเป้าหมายลูกค้าเป็นหลัก

  • หากเป้าหมายคือการได้คลิกเพิ่มขึ้น: การเสนอราคาแบบจำนวนคลิกสูงสุดนั้นเป็นตัวเลือกที่ดี แต่โปรดทราบว่าจำนวนคลิกสูงสุดได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อการเข้าชมหน้า Landing Page ที่เกี่ยวข้อง กลยุทธ์นี้จึงใช้ได้ดีกับวัตถุประสงค์เพื่อการพิจารณาหรือการรับรู้ในช่วงแรกของเส้นทางของผู้ใช้
    • คุณใช้การเสนอราคาแบบจำนวนคลิกสูงสุดเพื่อสร้างรายการรีมาร์เก็ตติ้ง และนําลูกค้ารวมถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าเข้าสู่ Funnel ในแคมเปญอื่นที่แยกจากแคมเปญ "เป้าหมาย Conversion" ได้ด้วย
  • หากเป้าหมายคือการได้ Conversion เพิ่มขึ้น ให้เริ่มด้วยการเสนอราคา tCPA หรือเพิ่มจำนวน Conversion สูงสุด เพื่อให้ AI ของ Google เรียนรู้และเพิ่มประสิทธิภาพโดยใช้ "ข้อมูล Conversion" ตั้งแต่ต้น

กลุ่มเป้าหมาย

ฉันควรรวมกลุ่มโฆษณาหลายกลุ่มเข้าด้วยกันไหม

ใช่ การรวมกลุ่มโฆษณาเข้าด้วยกันจะช่วยขยายการกำหนดกลุ่มเป้าหมายโดยไม่ลดความเกี่ยวข้องของโฆษณา การรวมกลุ่มเป้าหมายประเภทที่คล้ายกันไว้ในกลุ่มโฆษณาเพียงไม่กี่กลุ่มจะทำให้ AI ของ Google รวบรวมข้อมูลได้มากขึ้นและมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจเรื่องการเสนอราคามากขึ้น ส่งผลให้ปรับการทำงานตามการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้ใช้ สภาพตลาด และความเคลื่อนไหวในการแข่งขันได้ดีขึ้น แคมเปญจะมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้นเรื่อยๆ และมีประสิทธิภาพดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

 

กลุ่มที่คล้ายกันและการกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพแตกต่างกันอย่างไร

กลุ่มที่คล้ายกันช่วยให้คุณพบลูกค้ากลุ่มใหม่ที่มีความเกี่ยวข้องซึ่งคล้ายกับกลุ่มเป้าหมายตั้งต้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการโฆษณา การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพใช้ AI ของ Google ในการค้นหาที่นอกเหนือจากกลุ่มเป้าหมาย (สัญญาณ) แบบไม่บังคับที่คุณเลือกด้วยตนเอง เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญและได้ลูกค้าที่คุณอาจพลาดไปเมื่อใช้เพียงกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเอง กลุ่มที่คล้ายกันจะช่วยขยายกลุ่มเป้าหมายที่อิงตามความคล้ายคลึงกัน ส่วนการกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโดยการแสดงโฆษณาต่อผู้มีแนวโน้มสูงสุดที่จะทํา Conversion ทั้ง 2 อย่างนี้ทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดีเพื่อช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายการโฆษณา

 

ฉันจะใช้กลุ่มเป้าหมายซ้ำในแคมเปญประเภทอื่นๆ ของ Google ได้ไหม

ได้ แต่สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ หากกลุ่มเป้าหมายสำหรับ Demand Gen มีกลุ่มที่คล้ายกัน กลุ่มเป้าหมายนั้นจะแสดงเป็น "มีสิทธิ์ - จำกัด" สำหรับแคมเปญประเภทอื่นๆ เนื่องจากกลุ่มที่คล้ายกันใช้กับแคมเปญที่ไม่ใช่ Demand Gen ไม่ได้ กลุ่มเป้าหมายส่วนที่เหลือจะยังคงเหมือนเดิมและใช้ในแคมเปญประเภทอื่นๆ ของ Google ได้

 

ฉันจะใช้กลุ่มที่คล้ายกันซ้ำในแคมเปญประเภทอื่นๆ ของ Google ได้ไหม

ไม่ได้ เนื่องจากกลุ่มที่คล้ายกันใช้ได้กับแคมเปญ Demand Gen เท่านั้น

 

ทำไมฉันจึงใช้กลุ่มเป้าหมายที่มีแผนจะซื้อและกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ในแคมเปญ Demand Gen ไม่ได้

Infinite Taxonomy Segment สร้างขึ้นสำหรับแคมเปญแต่ละประเภทโดยอิงตามกลุ่มเป้าหมายที่ไม่ซ้ำกันที่มีอยู่ บางกลุ่มเป้าหมายอาจใช้ไม่ได้กับแคมเปญบางประเภท ตัวจัดการกลุ่มเป้าหมายไม่ได้กรองกลุ่มเป้าหมายออกตามความพร้อมใช้งานของประเภทแคมเปญ ดังนั้นคุณอาจเห็นกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ได้เฉพาะกับ Display ปรากฏขึ้นขณะสร้างแคมเปญ Demand Gen

ทั่วไป

ฉันจำเป็นต้องใช้ทั้งชิ้นงานวิดีโอและชิ้นงานแบบคงที่กับแคมเปญ Demand Gen ไหม

ไม่ คุณไม่จำเป็นต้องใช้ทั้ง 2 อย่าง โดยสามารถเลือกที่จะเพิ่มรูปภาพ วิดีโอ หรือชิ้นงานทั้ง 2 ประเภทลงในแคมเปญ Demand Gen และแคมเปญที่ใช้รูปแบบเดียวจะยังคงแสดงได้ แคมเปญที่ใช้ครีเอทีฟโฆษณาเพียงรูปแบบเดียวจะแสดงโดยอัตโนมัติเฉพาะในพื้นที่โฆษณาที่มีสิทธิ์แสดงรูปแบบนั้น สำหรับแคมเปญที่มีทั้งครีเอทีฟโฆษณาแบบรูปภาพและวิดีโอ ระบบจะเพิ่มประสิทธิภาพให้การผสมผสานชิ้นงานที่เหมาะกับเป้าหมายแคมเปญมากที่สุด

 

ฉันจะควบคุมความถี่ในการแสดงผลของแคมเปญ Demand Gen ได้ไหม

ไม่ได้ ระบบของเราควบคุมความถี่ในการแสดงผลโดยอัตโนมัติเพื่อแสดงโฆษณาต่อผู้ใช้ที่ถูกกลุ่ม ในเวลาที่เหมาะสม และจำนวนครั้งที่เหมาะสม หากต้องการดูรายงานความถี่ในการแสดงผล ให้ใช้ข้อมูล Unique Reach (ซึ่งรายงานที่ระดับแคมเปญ) และข้อมูลการแสดงผล

 

ทำไมฉันจึงเปลี่ยนสถานที่ตั้งหรือภาษาในแคมเปญ Demand Gen ไม่ได้

ใน Demand Gen คุณสามารถตั้งค่าสถานที่ตั้งหรือภาษาได้ที่ระดับแคมเปญหรือกลุ่มโฆษณาเท่านั้น (ไม่ใช่ทั้ง 2 ระดับ) และการแก้ไขสถานที่ตั้งหรือภาษาจะทำได้เฉพาะในระดับที่ตั้งค่าไว้ นั่นคือ เมื่อกำหนดไว้ที่ระดับใด การแก้ไขจะทำได้ในระดับดังกล่าวเท่านั้น

  • หมายเหตุ: คุณสามารถกําหนดรัศมีของสถานที่ตั้งได้ที่ระดับแคมเปญเท่านั้น
 

แคมเปญ Demand Gen รองรับชิ้นงานใดบ้าง

ชิ้นงานไซต์ลิงก์ใช้ได้กับแคมเปญ Demand Gen

 

การจัดการความปลอดภัยของแบรนด์ใน Demand Gen เป็นอย่างไร

คุณจัดการการยกเว้นเนื้อหาได้โดยใช้หน้า "ความเหมาะสมของเนื้อหา" ที่ระดับบัญชี การตั้งค่าความเหมาะสมหลัก (ประเภทพื้นที่โฆษณา ประเภทเนื้อหา และป้ายกำกับ) จะใช้ไม่ได้ที่ระดับแคมเปญ สำหรับผู้ใช้ทั่วไป หัวข้อและการยกเว้นตำแหน่งจะใช้ไม่ได้ที่ระดับแคมเปญหรือกลุ่มโฆษณา การยกเว้นคีย์เวิร์ดใช้ได้ที่ระดับบัญชีในส่วน "ความเหมาะสมของเนื้อหา" ใน "คีย์เวิร์ดของเนื้อหาที่ยกเว้น"


ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
13274600061217487616
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false