จัดการแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่สำหรับองค์กร

ฟีเจอร์นี้ใช้ได้กับ Cloud Identity รุ่น Free และ Premium เปรียบเทียบรุ่นต่างๆ 

ในฐานะผู้ดูแลระบบ คุณสามารถควบคุมแอปที่จะให้ผู้ใช้อุปกรณ์ Android และ iOS ค้นหาและติดตั้งสำหรับที่ทำงานหรือโรงเรียนได้โดยการเพิ่มแอปนั้นไปยังรายการแอปบนเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่จากคอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google โดยคุณจะเพิ่มแอปสาธารณะ เช่น แอปของบุคคลที่สามด้านความปลอดภัย ธุรกิจ และการจัดการเอกสาร ตลอดจนเพิ่มแอปส่วนตัวได้ แม้ว่าคุณจะเพิ่มแอปสาธารณะแบบเสียค่าใช้จ่ายลงในรายการได้ แต่จะซื้อแอปให้ผู้ใช้แบบจำนวนมากผ่านการจัดการปลายทางของ Google ไม่ได้

ในหน้านี้

ข้อควรปฏิบัติก่อนเริ่มต้น: ดูวิธีใช้รายการแอป

เปิดส่วน  |  ยุบทั้งหมด

ข้อกำหนด

ฟีเจอร์ต้องมีการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูงเว้นแต่จะระบุไว้เป็นอื่น

  • ทำให้แอป Android มีการจัดการ*
  • ทำให้แอป iOS มีการจัดการ
  • บังคับติดตั้งแอป Android‡#
  • บล็อกการติดตั้งแอป Android ที่ไม่มีการจัดการ
  • ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ถอนการติดตั้งแอป Android
  • อนุญาตวิดเจ็ตทางลัดของแอป Android
  • ตั้งแอป Android เป็นบริการ VPN
  • กำหนดการตั้งค่าแอปตามกลุ่มหรือหน่วยขององค์กรย่อย#

*รองรับการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นพื้นฐานด้วย

ผู้ใช้ iPhone และ iPad ทุกคนในองค์กรจะต้องติดตั้งแอป Google Device Policy หากคุณจัดการแอป iOS ใดก็ตาม

นอกจากนี้ยังรองรับการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นพื้นฐานด้วยรุ่น Business Plus, Enterprise, G Suite Business และ Cloud Identity Premium ด้วย หมายเหตุ: คุณจะเผยแพร่แอปไปยังอุปกรณ์ส่วนตัวของผู้ใช้ไม่ได้ถ้าผู้ใช้ลงทะเบียนอุปกรณ์เป็นของตัวเองและไม่ได้สร้างโปรไฟล์งาน โหมดตั้งค่านี้ (โหมดผู้ดูแลระบบของอุปกรณ์) ใช้ได้เฉพาะใน Android 9.0 และรุ่นเก่ากว่า และได้เลิกใช้งานไปแล้ว

#ใช้ไม่ได้กับ Education Fundamentals

วิธีใช้แอป Android ที่มีการจัดการ

การใช้งานของผู้ดูแลระบบ

เมื่อคุณเพิ่มแอปลงในรายการ แอปจะได้รับการจัดการโดยอัตโนมัติ และเมื่อผู้ใช้ติดตั้งแอปที่มีการจัดการ คุณก็จะควบคุมแอปได้มากขึ้นดังนี้

  • คุณสามารถควบคุมการตั้งค่าของแอปที่มีการจัดการได้บางประการ เช่น ควบคุมว่าจะติดตั้งแอปในอุปกรณ์โดยอัตโนมัติ และผู้ใช้สามารถถอนการติดตั้งได้หรือไม่
  • ระบบจะนำแอปที่มีการจัดการออกจากอุปกรณ์โดยอัตโนมัติ เมื่อผู้ใช้นำบัญชีงานหรือโรงเรียนออก
  • หากผู้ใช้ออกจากองค์กรหรืออุปกรณ์สูญหายหรือถูกโจรกรรม คุณก็สามารถนำเฉพาะบัญชีงานของผู้ใช้และแอปที่มีการจัดการออก แทนการล้างข้อมูลทั้งหมดในอุปกรณ์ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
  • หากใช้การจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูง คุณสามารถจำกัดให้ผู้ใช้ต้องใช้เฉพาะแอปที่มีการจัดการกับบัญชีงานหรือโรงเรียนได้

แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของ Google บางแอปจะอยู่ในรายการอยู่แล้ว เช่น Gmail และ Google ไดรฟ์

การใช้งานของผู้ใช้

ผู้ใช้จะดาวน์โหลดแอปได้จาก Managed Google Play Store ในแท็บแอปสำหรับการทำงาน โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อการใช้ Google Play ในองค์กร

ในอุปกรณ์ แอปที่ได้รับการจัดการจะมีเครื่องหมายกระเป๋าเอกสาร กำกับเพื่อให้แยกจากแอปส่วนตัวได้ง่าย

หากอุปกรณ์ของผู้ใช้รองรับและคุณใช้การจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูง โปรดแนะนำให้ผู้ใช้สร้างโปรไฟล์งานเพื่อแยกแอปงานและแอปส่วนตัวออกจากกัน

วิธีใช้แอป iOS ที่มีการจัดการ

การใช้งานของผู้ดูแลระบบ

เมื่อเพิ่มแอป iOS สาธารณะลงในรายการแอปและเลือกกำหนดให้เป็นแอปที่มีการจัดการ หมายความว่าคุณจะบังคับใช้การจัดการแอปและสามารถควบคุมแอปได้มากขึ้น และระบบจะกำหนดให้แอป iOS ส่วนเป็นแอปที่มีการจัดการโดยอัตโนมัติ

สำหรับแอปที่มีการจัดการ:

  • หากผู้ใช้ออกจากองค์กรหรืออุปกรณ์สูญหายหรือถูกโจรกรรม คุณก็สามารถนำเฉพาะบัญชีงานของผู้ใช้และแอปที่มีการจัดการออก แทนการล้างข้อมูลทั้งหมดในอุปกรณ์ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
  • คุณจะจัดการแอปในอุปกรณ์ได้จนกว่าผู้ใช้จะถอนการติดตั้งโปรไฟล์การกำหนดค่าการจัดการสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ของ Google คุณสามารถตั้งให้แอป iOS ที่มีการจัดการถอนการติดตั้งออกจากอุปกรณ์โดยอัตโนมัติได้เมื่อผู้ใช้นำโปรไฟล์การกำหนดค่าออก

หากไม่ได้เลือกกำหนดให้เป็นแอปที่มีการจัดการ เมื่อคุณเพิ่มแอปสาธารณะ ระบบจะไม่บังคับใช้การจัดการแอป ผู้ใช้จะติดตั้งแอปจาก App Store ได้ แต่คุณจะควบคุมแอปไม่ได้ โดยคุณจะจัดการแอปได้เฉพาะในกรณีที่ผู้ใช้ดาวน์โหลดผ่านแอป Google Device Policy

หมายเหตุ: เมื่อคุณนำแอปสาธารณะออกจากรายการแอป ระบบอาจถอนการติดตั้งแอปในอุปกรณ์ของผู้ใช้โดยอัตโนมัติหรือผู้ใช้อาจยังใช้แอปดังกล่าวได้อยู่ โดยขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้ติดตั้งแอปเมื่อใด

  • หากติดตั้งก่อนวันที่ 30 พฤศจิกายน 2020 - แอปจะถอนการติดตั้งเมื่อคุณนำแอปออกจากรายการ
  • หากติดตั้งในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2020 หรือหลังจากนั้น - แอปจะยังคงอยู่ในอุปกรณ์และใช้งานได้

หากต้องการทราบว่าแอปติดตั้งลงในอุปกรณ์เมื่อใด ให้ไปที่เหตุการณ์ในบันทึกของอุปกรณ์ แล้วกรองตามชื่อเหตุการณ์จากนั้นการเปลี่ยนแปลงแอปพลิเคชันของอุปกรณ์จากนั้นติดตั้ง

ประสบการณ์ใช้งานของผู้ใช้

เมื่อคุณตั้งค่าให้แอปมีการจัดการ

  1. หากติดตั้งแอปไว้ในอุปกรณ์ ผู้ใช้ต้องยอมรับการจัดการแอป 
  2. หากแอปนั้นติดตั้งจาก App Store แสดงว่าไม่มีการจัดการแอป เมื่อตรวจพบการละเมิดนโยบายนี้ ผู้ใช้จะเข้าถึง Google Workspace ในแอป iOS ที่มาพร้อมเครื่องจากอุปกรณ์นี้ไม่ได้
    • ภายใน 24 ชั่วโมง - หากผู้ดูแลระบบกำหนดให้แอปมีการจัดการภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และติดตั้งแอปหลังจากลงทะเบียนอุปกรณ์แล้ว
    • ทันที - หากผู้ดูแลระบบกำหนดให้แอปมีการจัดการนานกว่า 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา หรือติดตั้งแอปก่อนการลงทะเบียนอุปกรณ์

    ผู้ใช้จะยังคงเปิดแอปที่ไม่มีการจัดการที่เป็นปัญหาได้

ผู้ใช้จะได้รับแจ้งในแอป Device Policy เพื่ออนุญาตให้องค์กรจัดการแอปได้ ซึ่งหากผู้ใช้ยอมรับ แอปจะได้รับการจัดการและระบบจะคืนค่าสิทธิ์เข้าถึง Google Workspace ของผู้ใช้หลังจากซิงค์สำเร็จแล้ว

หากต้องการหลีกเลี่ยงไม่ให้เวิร์กโฟลว์ของผู้ใช้หยุดชะงัก ผู้ใช้ควรติดตั้งแอปที่มีการจัดการจากแอป Device Policy แทน App Store

ผู้ใช้สามารถตรวจสอบว่าแอปใดมีการจัดการได้ในแอป Google Device Policy ดังนี้

  • เครื่องหมายถูกสีเขียวหมายถึงมีการจัดการ
  • เครื่องหมายถูกสีเทาหมายถึงไม่มีการจัดการ
  • เครื่องหมายตกใจสีแดงหมายถึงสถานะการจัดการแอปต้องได้รับการตรวจสอบ เครื่องหมายตกใจสีแดงจะปรากฏในกรณีต่อไปนี้
    • คุณตั้งให้แอปมีการจัดการ แต่ผู้ใช้ยังไม่อนุญาตให้องค์กรจัดการแอป
    • ผู้ใช้ติดตั้งแอปไว้ก่อนที่คุณจะเพิ่มลงในรายการแอปให้มีการจัดการ
    • ผู้ใช้ยอมรับการจัดการแอปแล้ว แต่คุณเปลี่ยนให้แอปไม่มีการจัดการ ผู้ใช้จะอัปเดตให้แอปไม่มีการจัดการได้ แต่หากไม่อัปเดต ผู้ใช้ก็จะยังคงใช้และเข้าถึงข้อมูลงานและโรงเรียนได้ และระบบก็จะถือว่าแอปยังมีการจัดการดังเดิม
กำหนดผู้ที่มีสิทธิ์ติดตั้งแอปที่มีการจัดการ (เฉพาะการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูงเท่านั้น)

คุณสามารถควบคุมผู้ใช้ในองค์กรที่ต้องการให้ค้นหาและติดตั้งแอปที่มีการจัดการได้โดยการเปิดหรือปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้ หากรุ่นที่ใช้งานรองรับ คุณก็จะเปิดหรือปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้สำหรับหน่วยขององค์กร หรือเปิดสำหรับกลุ่มที่ต้องการได้

เปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้

สำหรับแอปเกือบทุกประเภท คุณจะต้องเปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้ระหว่างการตั้งค่า เมื่อเพิ่มแอป iOS ส่วนตัวลงในรายการแล้ว ระบบจะปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้ทุกคนในองค์กร คุณต้องเปิดสิทธิ์เข้าถึงเพื่อให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดแอปได้

ปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้

หากต้องการให้แอป Android หรือ iOS สาธารณะไม่มีการจัดการ แต่เก็บรักษาการตั้งค่าการจัดการไว้ ให้ปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้สำหรับหน่วยขององค์กร วิธีนี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปจาก Managed Google Play Store หรือแอป Google Device Policy สำหรับ iOS คุณอาจต้องปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้ด้วยเหตุผลต่อไปนี้

  • ทำให้แอปมีการจัดการสำหรับองค์กรส่วนใหญ่หรือกลุ่มจำนวนหนึ่ง แต่จะไม่มีการจัดการสำหรับหน่วยขององค์กรย่อยจำนวนหนึ่ง (หากรุ่นที่ใช้งานรองรับ)
  • ใช้การกำหนดค่าที่มีการจัดการกับแอป Android ก่อนที่จะเปิดให้ใช้งานเป็นแอปที่มีการจัดการ

การปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้จะไม่ส่งผลต่อผู้ใช้ที่ติดตั้งแอปไปแล้ว โดยผู้ใช้กลุ่มนี้จะยังคงใช้แอปได้และระบบก็ยังคงบังคับใช้การตั้งค่าแอปดังเดิม

หมายเหตุ: Groups settings are applied at the top organizational unit level and override organizational unit settings. If a user belongs to multiple groups with conflicting configurations, the settings are applied in order of group precedence, which you can set after you add the app.

บล็อกการติดตั้งแอปที่ไม่มีการจัดการ (เฉพาะการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูงเท่านั้น)

คุณสามารถใช้การตั้งค่าการจัดการปลายทางของ Google เพื่อบล็อกสิทธิ์เข้าถึงแอปที่ไม่มีการจัดการทั้งหมดได้ หากเป็นอุปกรณ์เคลื่อนที่ของบริษัท คุณก็ปิดใช้แอประบบได้หลายแอป ทั้งยังบล็อกหรือจำกัดสิทธิ์ของแอปในการเข้าถึงบริการของ Google ได้อีกด้วย

บล็อกแอป Android ที่ไม่มีการจัดการ

คุณสามารถกำหนดการตั้งค่าแอปที่ใช้ได้เพื่ออนุญาตให้ผู้ใช้ติดตั้งเฉพาะแอปที่คุณเพิ่มลงในรายการแอปในเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่เท่านั้น วิธีนี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปที่ไม่ได้รับอนุญาต แต่จะไม่นำแอปที่ติดตั้งอยู่แล้วออกจากอุปกรณ์ ดูข้อมูลเพิ่มเติม

บล็อกแอป iOS ที่ไม่มีการจัดการ

เฉพาะอุปกรณ์ของบริษัทที่มีการควบคุมดูแลเท่านั้น

คุณสามารถกำหนดการตั้งค่าการติดตั้งแอปเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปจาก App Store ได้ วิธีนี้จะอนุญาตให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปผ่านแอป Google Device Policy เท่านั้น โดยระบบจะตั้งแอปที่ดาวน์โหลดผ่านช่องทางนี้เป็นแอปที่มีการจัดการโดยอัตโนมัติ แอปที่ติดตั้งอยู่แล้วจะไม่ถูกนำออกจากอุปกรณ์ ดูข้อมูลเพิ่มเติม

ปิดใช้แอประบบ

เฉพาะอุปกรณ์ของบริษัทเท่านั้น

คุณสามารถเปิดหรือปิดใช้แอประบบได้หลายแอป โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อจัดการแอประบบในอุปกรณ์เคลื่อนที่ของบริษัท

บล็อกหรือจำกัดสิทธิ์ของแอปในการเข้าถึงบริการของ Google

บล็อกหรือจำกัดสิทธิ์เข้าถึงของแอปที่มีการจัดการ

แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่เพิ่มลงในรายการแอปในเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่จะได้รับสิทธิ์เข้าถึงที่เชื่อถือ ทำให้แอปเข้าถึงบริการของ Google ได้ทั้งหมด รวมถึงบริการที่ตั้งเป็นจำกัดด้วยเช่นกัน

หากต้องการจัดการแอปแต่ไม่ต้องการให้สิทธิ์เข้าถึงบริการของ Google ที่จำกัด ให้บล็อกหรือจำกัดสิทธิ์เข้าถึง

บล็อกหรือจำกัดสิทธิ์เข้าถึงของแอปที่ไม่มีการจัดการ

ผู้ใช้สามารถอนุญาตให้แอปที่ไม่อยู่ในรายการแอปเข้าถึงข้อมูลในบริการของ Google ที่ไม่มีการจำกัดได้

คุณจะป้องกันไม่ให้แอปที่ไม่มีการจัดการเข้าถึงบริการของ Google ได้ 2 วิธี ดังนี้

  1. หากต้องการควบคุมแอปเพียงบางแอป ให้บล็อกหรือจำกัดสิทธิ์เข้าถึง
  2. หากต้องการซ่อนบริการของ Google จากแอปทั้งหมดที่ไม่ได้ระบุว่าเชื่อถือ (โดยเพิ่มลงในรายการแอปในเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่) ให้ตั้งสิทธิ์เข้าถึงบริการเป็นจำกัด

หมายเหตุ: หากต้องการให้ผู้ใช้อุปกรณ์ iOS ซิงค์ข้อมูลงานกับแอปของ Apple เช่น Apple Mail หรือ Calendar แล้วบริการของ Google ใดก็ตามที่แอป iOS ต้องใช้นั้นมีสิทธิ์เข้าถึงแบบจำกัด คุณจะต้องดำเนินการเชื่อถือแอป iOS โดยเฉพาะ

ควบคุมการเข้าถึงไปยังแอป Google ของผู้ใช้

รายการแอปในเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่ช่วยให้คุณควบคุมได้ว่าผู้ใช้จะสามารถติดตั้งและใช้งานแอปใดได้บ้างในบัญชีที่ทำงานและบัญชีโรงเรียน หากต้องการบล็อกการเข้าถึงแอป Google สำหรับอุปกรณ์โดยอิงตามเวอร์ชันระบบปฏิบัติการ, สถานะความปลอดภัย, ที่อยู่ IP, สถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ หรือการเป็นเจ้าของอุปกรณ์ คุณสามารถใช้ระดับการเข้าถึงแบบ Context-Aware ดูข้อมูลเพิ่มเติม

ตั้งแอปเป็นบริการ VPN สำหรับการรับส่งข้อมูลของแอปงานทั้งหมดในอุปกรณ์ Android

หากต้องการตั้งแอปเป็นบริการ VPN สำหรับการรับส่งข้อมูลแอปจากโปรไฟล์งานหรืออุปกรณ์ที่มีการจัดการ ให้ตั้งเป็นเปิดใช้งาน VPN เสมอเมื่อเพิ่มแอปลงในรายการ การตั้งค่านี้จะสร้างการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับการรับส่งข้อมูลของโปรไฟล์งาน เนื่องจากการรับส่งทั้งหมดจะต้องผ่านแอปดังกล่าวและจะไม่รั่วไหลไปยังเว็บ

ข้อสำคัญ: โปรดตั้งเปิดใช้งาน VPN เสมอสำหรับแอปเดียวเท่านั้น หากตั้งเปิดให้หลายแอป ระบบจะสุ่มใช้แอปหนึ่งเป็นแอปที่เปิดใช้งาน VPN เสมอ

ต้องใช้ Android 7.0 ขึ้นไป

ขั้นตอนที่ 1: เพิ่มแอปลงในรายการ

เปิดส่วน  |  ยุบทั้งหมดและกลับไปด้านบนสุด

เพิ่มแอปของบุคคลที่สาม
  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (ที่ไม่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ ไปที่เมนู จากนั้น แอปจากนั้นแอปบนเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่

  3. คลิกเพิ่มแอปจากนั้นค้นหาแอป
  4. คลิกป้อนชื่อแอป แล้วป้อนชื่อแอปบางส่วนหรือทั้งหมดที่ต้องการเพิ่ม หากใช้แอป iOS ให้ป้อน URL apps.apple.com เช่น https://apps.apple.com/th/app/gmail-email-by-google/id422689480 เพื่อเพิ่มแอป Gmail สำหรับ iOS ระบบจะเริ่มค้นหาทันทีที่ป้อนชื่อ
    • หากการค้นหาแสดงผลลัพธ์หลายรายการ ให้ป้อนข้อมูลเพิ่มเติมในช่องค้นหา เช่น นักพัฒนาแอปหรือคีย์เวิร์ดในคำอธิบาย
    • หากมีแอปในรายการอยู่แล้ว แอปจะมีป้ายกำกับว่า "ติดตั้งแล้ว" และคุณสามารถคลิกดูรายละเอียดแอปเพื่อตรวจสอบการตั้งค่าของแอปและสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้ได้
    • ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอป Android โดยคลิกดูใน Google Play
    • ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอป iOS โดยคลิกดูใน App Store
  5. เมื่อพบแอปที่ต้องการเพิ่ม ให้ชี้ที่แอปแล้วคลิกเลือก
  6. เลือกผู้ใช้ที่อนุญาตให้ติดตั้งแอปที่มีการจัดการจาก Managed Google Play Store หรือแอป Google Device Policy สำหรับ iOS
    • หากต้องการให้ผู้ใช้ทุกคนในองค์กรติดตั้งแอป ให้เลือกทั้งองค์กร
    • หากต้องอนุญาตเฉพาะผู้ใช้บางราย ให้คลิกเลือกกลุ่มหรือเลือกหน่วยขององค์กร คุณสามารถเพิ่มได้ทั้งกลุ่มและหน่วยขององค์กร ฟีเจอร์นี้ใช้ได้กับ Cloud Identity รุ่น Premium เปรียบเทียบรุ่นต่างๆ 

      Groups settings are applied at the top organizational unit level and override organizational unit settings. If a user belongs to multiple groups with conflicting configurations, the settings are applied in order of group precedence, which you can set after you add the app.

  7. คลิกต่อไป
  8. กำหนดการดำเนินการสำหรับแอปตามแพลตฟอร์ม (ต้องมีการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูง ยกเว้นตามที่ระบุไว้) ดังนี้
    แพลตฟอร์ม การดำเนินการสำหรับแอป
    Android
    • วิธีการเข้าถึง: เลือกวิธีที่ผู้ใช้ติดตั้งแอป หากต้องการใช้การกำหนดค่าที่มีการจัดการก่อนที่คุณจะบังคับติดตั้งแอป ให้เลือกใช้งานได้ ติดตั้งแอปให้เสร็จสิ้น ใช้การกำหนดค่าที่มีการจัดการ จากนั้นจึงแก้ไขการตั้งค่าแอปเพื่อบังคับติดตั้งแอป
      • ใช้งานได้ - ให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปด้วยตนเอง ผู้ใช้ที่ไม่ต้องการแอปก็ไม่จําเป็นต้องดาวน์โหลด
      • บังคับติดตั้ง - ติดตั้งแอปในอุปกรณ์ที่มีการจัดการทั้งหมดโดยอัตโนมัติและไม่อนุญาตให้เลือกไม่ใช้ หรือคุณสามารถป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ถอนการติดตั้งแอปที่บังคับติดตั้งได้
        นอกจากนี้ ตัวเลือกบังคับติดตั้งยังรองรับการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นพื้นฐานด้วยรุ่น Business Plus, Enterprise, G Suite Business และ Cloud Identity Premium ด้วย
    • อนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่มวิดเจ็ตในหน้าจอหลัก - อนุญาตให้ผู้ใช้สร้างทางลัดบนหน้าจอหลักเมื่อมีวิดเจ็ตให้ใช้งาน
    • ใช้เป็นแอปที่ใช้ VPN ตลอดเวลา - เมื่อเปิดใช้แล้ว การเข้าชมแอปจากโปรไฟล์งานหรืออุปกรณ์ที่มีการจัดการจะต้องผ่านแอปนี้ โดยต้องใช้ Android 7.0 ขึ้นไป การตั้งค่านี้จะสร้างการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ปลอดภัยมากขึ้นสำหรับการรับส่งข้อมูลในโปรไฟล์งาน
    • การกำหนดเวลาทำการอัปเดตแอปอัตโนมัติ - เลือกว่าจะติดตั้งการอัปเดตแอปเมื่อใด
      • ค่าเริ่มต้น - อัปเดตแอปโดยอัตโนมัติเมื่ออุปกรณ์เชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi, ชาร์จอยู่, ไม่ได้ใช้งาน และแอปไม่ได้ทํางานอยู่เบื้องหน้า
      • ลําดับความสําคัญสูง - อัปเดตแอปทันทีที่นักพัฒนาแอปเผยแพร่เวอร์ชันใหม่และ Google Play ตรวจสอบแอป หากอุปกรณ์ออฟไลน์ในขณะนั้น แอปจะอัปเดตทันทีที่อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในครั้งถัดไป
      • เลื่อนออกไป - เลื่อนการอัปเดตแอปออกไปเป็นเวลา 90 วันหลังจากที่การอัปเดตเริ่มเปิดให้ใช้งาน หลังจากผ่านไป 90 วัน ให้ติดตั้งแอปเวอร์ชันล่าสุดที่มีอยู่โดยอัตโนมัติ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อการรองรับการอัปเดตแอป
      ฟีเจอร์นี้ใช้ได้กับ Cloud Identity รุ่น Premium เปรียบเทียบรุ่นต่างๆ 
    • แทร็กทดสอบ (ไม่บังคับ) - เลือกแอปเวอร์ชันทดลองก่อนเปิดตัวที่คุณต้องการให้ผู้ใช้ใช้งานได้ การเลือกหลายแทร็กจะทําให้รหัสเวอร์ชันสูงสุดพร้อมใช้งาน หากต้องการดูวิธีทำให้แอปพร้อมใช้งานสำหรับองค์กร โปรดดูการทดสอบแบบปิด: จัดการผู้ทดสอบตามองค์กร 
      ฟีเจอร์นี้ใช้ได้กับ Cloud Identity รุ่น Premium เปรียบเทียบรุ่นต่างๆ 
    iOS
    • กำหนดให้เป็นแอปที่มีการจัดการ - เปิดเมื่อต้องการให้ควบคุมแอปและข้อมูลได้มากขึ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติม
    • นำแอปนี้ออกเมื่อมีการนำโปรไฟล์การกำหนดค่าออก - เปิดเพื่อนำแอปที่มีการจัดการออกโดยอัตโนมัติเมื่อมีการนำโปรไฟล์การจัดการของผู้ใช้ออกจากอุปกรณ์ แนะนำให้คุณเปิด ไม่เช่นนั้นแอปที่มีการจัดการจะยังอยู่ในอุปกรณ์ของผู้ใช้
  9. คลิกเสร็จสิ้น หน้ารายละเอียดของแอปจะเปิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เมื่อกลับไปยังรายการแอปในเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่ ระบบจะเพิ่มแอปทันทีหลังจากที่คุณดำเนินการ

    แอป Android จะมีให้ผู้ใช้ติดตั้งจาก Managed Google Play หรือแท็บแอปสำหรับการทำงานของ Play Store ได้ในครั้งถัดไปที่อุปกรณ์ซิงค์กับการจัดการปลายทางของ Google หากผู้ใช้ติดตั้งแอปนอก Managed Google Play Store หรือแท็บแอปสำหรับการทำงาน แอปนั้นจะไม่ได้รับการจัดการ

    แอป iOS อาจใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมงจึงจะปรากฏในแอป Google Device Policy ในอุปกรณ์ของผู้ใช้ หากคุณตั้งค่าแอปให้มีการจัดการ ผู้ใช้จะต้องติดตั้งแอปจากแอป Google Device Policy หรือหากผู้ใช้ติดตั้งแอปจาก iOS App Store ผู้ใช้จะต้องเปิดแอป Google Device Policy และยอมรับการจัดการแอป

  10. หากเพิ่ม Microsoft Outlook สำหรับ Android หรือ iOS (ไม่แนะนำ) โปรดตรวจสอบว่าระบบของแอปทำงานตามการตั้งค่าการจัดการปลายทางของคุณ
    1. จากหน้าแรกของคอนโซลผู้ดูแลระบบ ให้คลิกความปลอดภัยจากนั้นการควบคุม APIจากนั้นการควบคุมการเข้าถึงแอปจากนั้นจัดการบริการของ Google
    2. ค้นหา Gmail และไดรฟ์ในรายการบริการ หากกำหนดการเข้าถึงเป็นไม่จำกัด ให้เปลี่ยนเป็นจำกัด การตั้งค่านี้จะป้องกันแอปที่ไม่น่าเชื่อถือไม่ให้เข้าถึงบริการ เมื่อคุณเพิ่มแอปในขั้นตอนก่อนหน้า ระบบจะเชื่อถือแอปโดยอัตโนมัติและแอปก็จะเข้าถึง Gmail กับไดรฟ์ได้
เพิ่มแอป Android ส่วนตัว

หากต้องการเพิ่มแอป Android สำหรับการใช้งานส่วนตัวขององค์กรเท่านั้น ให้เผยแพร่แอปใน Managed Google Play แล้วระบบจะเพิ่มแอปลงในรายการโดยอัตโนมัติ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อจัดการแอป Android ส่วนตัวใน Google Play

เพิ่มเว็บแอปภายในสำหรับ Android

หากต้องการเพิ่มเว็บแอปสำหรับการใช้งานส่วนตัวขององค์กรเท่านั้น ให้เผยแพร่แอปใน Managed Google Play แล้วระบบจะเพิ่มแอปลงในรายการโดยอัตโนมัติ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อเผยแพร่เว็บแอป Android ส่วนตัว

เพิ่มแอป iOS ส่วนตัว

หากต้องการเพิ่มแอป iOS สำหรับการใช้งานส่วนตัวขององค์กรเท่านั้น ให้อัปโหลดแอปในคอนโซลผู้ดูแลระบบ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อจัดการแอป iOS ส่วนตัว

ขั้นตอนที่ 2: กำหนดการตั้งค่าแอป

เปิดส่วน  |  ยุบทั้งหมดและกลับไปด้านบนสุด

เปลี่ยนผู้ที่มีสิทธิ์ติดตั้งแอปที่มีการจัดการและกำหนดลำดับความสำคัญของกลุ่ม

หลังจากเพิ่มแอปลงในรายการแล้ว คุณสามารถซ่อนแอปจากผู้ใช้ใน Managed Google Play Store (สำหรับแอป Android) หรือแอป Google Device Policy สำหรับ iOS (สำหรับแอป iOS) ได้ด้วยการปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้ แต่เมื่อปิด ผู้ใช้ที่ติดตั้งแอปไปแล้วจะยังคงใช้งานได้โดยที่การตั้งค่าแอปจะยังมีผลดังเดิม

หากต้องการเปิดหรือปิดสิทธิ์เข้าถึงสำหรับผู้ใช้บางราย ให้จัดบัญชีของผู้ใช้นั้นไว้ในหน่วยขององค์กร (เพื่อควบคุมสิทธิ์เข้าถึงตามแผนก) หรือเพิ่มผู้ใช้ในกลุ่มการเข้าถึง (เพื่ออนุญาตการเข้าถึงสำหรับผู้ใช้ทุกแผนกหรือภายในแผนกต่างๆ) ฟีเจอร์นี้ใช้ได้กับ Cloud Identity รุ่น Premium เปรียบเทียบรุ่นต่างๆ 

ต้องมีการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูง

  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (ที่ไม่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ ไปที่เมนู จากนั้น แอปจากนั้นแอปบนเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่

  3. คลิกแอปที่ต้องการเปลี่ยนสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้ หากต้องการตรวจสอบการตั้งค่าสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้ปัจจุบันในหน่วยขององค์กรและกลุ่มทั้งหมด ให้คลิกดูรายละเอียดในส่วนสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้
  4. คลิกสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้
  5. คลิกกลุ่มหรือหน่วยขององค์กรที่ต้องการเปลี่ยนสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้ทางด้านซ้าย โดยค่าเริ่มต้น ระบบจะเลือกหน่วยขององค์กรระดับบนสุดและการเปลี่ยนแปลงจะมีผลกับทั้งองค์กร
  6. ปิดหรือเปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้ตามต้องการ ตัวอย่างเช่น
    • หากต้องการซ่อนแอปที่มีการจัดการสำหรับผู้ใช้ทั้งหมดขณะดำเนินการกำหนดค่าแอป ให้ปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้สำหรับหน่วยขององค์กรระดับบนสุด
    • หากต้องการให้แอปที่มีการจัดการใช้งานได้เฉพาะสำหรับผู้ใช้บางราย ให้ปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้ในหน่วยขององค์กรระดับบนสุด แล้วเปิดสิทธิ์ในหน่วยขององค์กรย่อยหรือกลุ่ม

    หมายเหตุ: เมื่อเปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้ในกลุ่ม การตั้งค่านี้จะลบล้างการตั้งค่าในหน่วยขององค์กร แต่คุณจะปิดสิทธิ์เข้าถึงในกลุ่มโดยเฉพาะไม่ได้ เมื่อยกเลิกการเลือกเปิด ผู้ใช้ในกลุ่มนั้นจะรับการตั้งค่าจากกลุ่มระดับสูงกว่าหรือจากหน่วยขององค์กรที่ผู้ใช้อยู่

  7. หากคุณตั้งสิทธิ์เข้าถึงสำหรับหลายกลุ่ม ให้ตรวจสอบลำดับของกลุ่มและกำหนดลำดับความสำคัญ ดังนี้
    1. คลิกแอปและคลิกสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้
    2. คลิกกลุ่มทางด้านซ้าย
    3. ลากกลุ่มไปยังลำดับที่ต้องการให้การตั้งค่ามีผลกับผู้ใช้ที่อยู่มากกว่า 1 กลุ่ม โดยวางกลุ่มที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดไว้ที่ด้านบน
  8. คลิกบันทึก หากกำหนดค่าหน่วยขององค์กรหรือกลุ่มไว้แล้ว คุณอาจรับค่าหรือลบล้างหน่วยขององค์กรระดับบนสุด หรือยกเลิกการตั้งค่ากลุ่มได้

การเปลี่ยนแปลงอาจใช้เวลาถึง 24 ชั่วโมง แต่โดยปกติจะใช้เวลาเร็วกว่านั้น ดูข้อมูลเพิ่มเติม

ตั้งค่าแอป Android ด้วยการกำหนดค่าที่มีการจัดการ

ฟีเจอร์นี้ใช้ได้กับ Cloud Identity รุ่น Premium เปรียบเทียบรุ่นต่างๆ 

ต้องมีการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูง

แอป Android บางแอปมีการตั้งค่าที่คุณสามารถบันทึกเป็นการกำหนดค่าที่มีการจัดการได้ เช่น แอปอาจอนุญาตให้คุณซิงค์ข้อมูลเมื่ออุปกรณ์เชื่อมต่อกับ Wi-Fi เท่านั้น ผู้พัฒนาแอปจะกำหนดค่าที่มีการจัดการเริ่มต้นให้กับแอป คุณตรวจสอบได้ว่าแอปรองรับการกำหนดค่าที่มีการจัดการใน Managed Google Play หรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม

การกำหนดค่าที่มีการจัดการทำให้คุณกำหนดค่าแอปสำหรับกลุ่มหรือหน่วยขององค์กรโดยอัตโนมัติได้โดยไม่ต้องโต้ตอบกับผู้ใช้ คุณจะสร้างการกำหนดค่าที่มีการจัดการหลายแบบให้กับแอปเดียวกันหรือใช้การกำหนดค่ากับกลุ่มหรือหน่วยขององค์กรให้แตกต่างกันก็ได้

สร้างการกำหนดค่าที่มีการจัดการ

  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (ที่ไม่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ ไปที่เมนู จากนั้น แอปจากนั้นแอปบนเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่

  3. คลิกแอปที่ต้องการจัดการ

    เคล็ดลับ: หากต้องการดูเฉพาะแอปที่ได้รับอนุญาตสำหรับหน่วยขององค์กรหรือกลุ่มที่ระบุ ให้คลิกเพิ่มตัวกรอง และเลือกหน่วยขององค์กรหรือกลุ่ม

  4. คลิกการกำหนดค่าที่มีการจัดการจากนั้นเพิ่มการกำหนดค่าที่มีการจัดการ
    หากแอปไม่รองรับการกำหนดค่าที่มีการจัดการ ตัวเลือกนี้จะไม่ปรากฏ
  5. ป้อนชื่อการกำหนดค่าและตั้งค่าที่ต้องการ
    หมายเหตุ: นักพัฒนาแอปเป็นผู้ตั้งตัวเลือกการกำหนดค่าให้คุณ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการตั้งค่าเหล่านี้ โปรดติดต่อนักพัฒนาแอป
  6. คลิกบันทึก
  7. มอบหมายการกำหนดค่าที่มีการจัดการให้หน่วยขององค์กรหรือกลุ่มดังที่อธิบายไว้ในส่วนถัดไป

มอบหมายการกำหนดค่าที่มีการจัดการให้หน่วยขององค์กรหรือกลุ่ม

  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (ที่ไม่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ ไปที่เมนู จากนั้น แอปจากนั้นแอปบนเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่

  3. คลิกแอปที่ต้องการจัดการ
  4. คลิกการตั้งค่า
  5. คลิกหน่วยขององค์กรหรือกลุ่มที่ต้องการมอบหมายการกำหนดค่าที่มีการจัดการให้ทางด้านซ้าย
  6. ในส่วนการกำหนดค่าที่มีการจัดการ ให้คลิกเมนูและเลือกการกำหนดค่าที่มีการจัดการที่ต้องการใช้
  7. คลิกบันทึก

หากต้องการนำการกำหนดค่าที่มีการจัดการออกจากหน่วยขององค์กรหรือกลุ่ม ให้ทำตามขั้นตอนเดิมข้างต้น แล้วเลือกค่าเริ่มต้น

แก้ไขหรือลบการกำหนดค่าที่มีการจัดการ

ก่อนจะลบการกำหนดค่าที่มีการจัดการได้ คุณจะต้องนำการกำหนดค่าดังกล่าวออกจากหน่วยขององค์กรหรือกลุ่ม เมื่อนำออกแล้ว แอปจะเปลี่ยนกลับไปใช้การกำหนดค่าเริ่มต้นที่นักพัฒนาแอปกำหนดไว้ เว้นแต่ว่าคุณจะมอบหมายการกำหนดค่าที่มีการจัดการแบบอื่น

  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (ที่ไม่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ ไปที่เมนู จากนั้น แอปจากนั้นแอปบนเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่

  3. คลิกแอปที่ต้องการจัดการ
  4. คลิกการกำหนดค่าที่มีการจัดการ
  5. คลิกการกำหนดค่าที่ต้องการแก้ไขหรือลบ
  6. หากต้องการแก้ไข ให้แก้ไขการกำหนดค่าและคลิกบันทึก
  7. หากต้องการลบ ให้คลิกลบ
ตั้งสิทธิ์รันไทม์ของแอป Android

ฟีเจอร์นี้ใช้ได้กับ Cloud Identity รุ่น Premium เปรียบเทียบรุ่นต่างๆ 

ต้องมีการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูง

แอป Android บางแอปจะขอสิทธิ์จากผู้ใช้ในขณะที่แอปกำลังทำงาน ตัวอย่างเช่น แอปอาจขอเข้าถึงปฏิทินหรือตำแหน่งของอุปกรณ์ คุณจะจัดการวิธีดำเนินการกับคำขอสิทธิ์จากแอปแต่ละตัวได้ การตั้งค่าแอปเหล่านี้จะมีผลเหนือกว่าค่ากำหนดสิทธิ์รันไทม์ใดๆ ที่ระบุไว้ให้กับอุปกรณ์

  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (ที่ไม่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ ไปที่เมนู จากนั้น แอปจากนั้นแอปบนเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่

  3. คลิกแอปที่ต้องการจัดการ
  4. คลิกสิทธิ์รันไทม์ หากแอปไม่รองรับสิทธิ์รันไทม์ คุณจะไม่เห็นตัวเลือกนี้
  5. หากต้องการใช้การตั้งค่ากับทุกคน ให้เลือกหน่วยขององค์กรระดับบนสุด หรือเลือกหน่วยขององค์กรย่อยหรือกลุ่มการกำหนดค่า
  6. ดำเนินการดังนี้สำหรับสิทธิ์รันไทม์แต่ละรายการ
    • หากต้องการให้สิทธิ์โดยอัตโนมัติ ให้เลือกอนุญาต
    • หากต้องการปฏิเสธสิทธิ์โดยอัตโนมัติ ให้เลือกปฏิเสธ
    • หากต้องการแจ้งให้ผู้ใช้อนุญาตหรือปฏิเสธสิทธิ์ ให้เลือกแจ้งเตือนผู้ใช้
    หมายเหตุ: การปฏิเสธสิทธิ์รันไทม์อาจส่งผลกระทบกับการทำงานของแอปบางแอป
  7. คลิกบันทึก หากกำหนดค่าหน่วยขององค์กรหรือกลุ่มไว้แล้ว คุณอาจรับค่าหรือลบล้างหน่วยขององค์กรระดับบนสุด หรือยกเลิกการตั้งค่ากลุ่มได้
แก้ไขการตั้งค่าแอป
  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (ที่ไม่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ ไปที่เมนู จากนั้น แอปจากนั้นแอปบนเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่

  3. คลิกแอปที่ต้องการแก้ไข
    เคล็ดลับ: หากต้องการดูเฉพาะแอปที่เปิดให้กับหน่วยขององค์กรหรือกลุ่มเฉพาะ ให้คลิกเพิ่มตัวกรอง
  4. คลิกการตั้งค่า
  5. หากต้องการใช้การตั้งค่ากับทุกคน ให้เลือกหน่วยขององค์กรระดับบนสุด หรือเลือกหน่วยขององค์กรย่อยหรือกลุ่มการกำหนดค่า
  6. แก้ไขการตั้งค่า การตั้งค่าที่ใช้ได้จะขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มและประเภทการจัดการ ดังนี้
    แพลตฟอร์ม การดำเนินการสำหรับแอป
    Android
    • วิธีการเข้าถึง: เลือกวิธีที่ผู้ใช้ติดตั้งแอป หากต้องการใช้การกำหนดค่าที่มีการจัดการก่อนที่คุณจะบังคับติดตั้งแอป ให้เลือกใช้งานได้ ติดตั้งแอปให้เสร็จสิ้น ใช้การกำหนดค่าที่มีการจัดการ จากนั้นจึงแก้ไขการตั้งค่าแอปเพื่อบังคับติดตั้งแอป
      • ใช้งานได้ - ให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปด้วยตนเอง ผู้ใช้ที่ไม่ต้องการแอปก็ไม่จําเป็นต้องดาวน์โหลด
      • บังคับติดตั้ง - ติดตั้งแอปในอุปกรณ์ที่มีการจัดการทั้งหมดโดยอัตโนมัติและไม่อนุญาตให้เลือกไม่ใช้ หรือคุณสามารถป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ถอนการติดตั้งแอปที่บังคับติดตั้งได้
        นอกจากนี้ ตัวเลือกบังคับติดตั้งยังรองรับการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นพื้นฐานด้วยรุ่น Business Plus, Enterprise, G Suite Business และ Cloud Identity Premium ด้วย
    • อนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่มวิดเจ็ตในหน้าจอหลัก - อนุญาตให้ผู้ใช้สร้างทางลัดบนหน้าจอหลักเมื่อมีวิดเจ็ตให้ใช้งาน
    • ใช้เป็นแอปที่ใช้ VPN ตลอดเวลา - เมื่อเปิดใช้แล้ว การเข้าชมแอปจากโปรไฟล์งานหรืออุปกรณ์ที่มีการจัดการจะต้องผ่านแอปนี้ โดยต้องใช้ Android 7.0 ขึ้นไป การตั้งค่านี้จะสร้างการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ปลอดภัยมากขึ้นสำหรับการรับส่งข้อมูลในโปรไฟล์งาน
    • การกำหนดเวลาทำการอัปเดตแอปอัตโนมัติ - เลือกว่าจะติดตั้งการอัปเดตแอปเมื่อใด
      • ค่าเริ่มต้น - อัปเดตแอปโดยอัตโนมัติเมื่ออุปกรณ์เชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi, ชาร์จอยู่, ไม่ได้ใช้งาน และแอปไม่ได้ทํางานอยู่เบื้องหน้า
      • ลําดับความสําคัญสูง - อัปเดตแอปทันทีที่นักพัฒนาแอปเผยแพร่เวอร์ชันใหม่และ Google Play ตรวจสอบแอป หากอุปกรณ์ออฟไลน์ในขณะนั้น แอปจะอัปเดตทันทีที่อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในครั้งถัดไป
      • เลื่อนออกไป - เลื่อนการอัปเดตแอปออกไปเป็นเวลา 90 วันหลังจากที่การอัปเดตเริ่มเปิดให้ใช้งาน หลังจากผ่านไป 90 วัน ให้ติดตั้งแอปเวอร์ชันล่าสุดที่มีอยู่โดยอัตโนมัติ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อการรองรับการอัปเดตแอป
      ฟีเจอร์นี้ใช้ได้กับ Cloud Identity รุ่น Premium เปรียบเทียบรุ่นต่างๆ 
    • แทร็กทดสอบ (ไม่บังคับ) - เลือกแอปเวอร์ชันทดลองก่อนเปิดตัวที่คุณต้องการให้ผู้ใช้ใช้งานได้ การเลือกหลายแทร็กจะทําให้รหัสเวอร์ชันสูงสุดพร้อมใช้งาน หากต้องการดูวิธีทำให้แอปพร้อมใช้งานสำหรับองค์กร โปรดดูการทดสอบแบบปิด: จัดการผู้ทดสอบตามองค์กร 
      ฟีเจอร์นี้ใช้ได้กับ Cloud Identity รุ่น Premium เปรียบเทียบรุ่นต่างๆ 
    iOS
    • กำหนดให้เป็นแอปที่มีการจัดการ - เปิดเมื่อต้องการให้ควบคุมแอปและข้อมูลได้มากขึ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติม
    • นำแอปนี้ออกเมื่อมีการนำโปรไฟล์การกำหนดค่าออก - เปิดเพื่อนำแอปที่มีการจัดการออกโดยอัตโนมัติเมื่อมีการนำโปรไฟล์การจัดการของผู้ใช้ออกจากอุปกรณ์ แนะนำให้คุณเปิด ไม่เช่นนั้นแอปที่มีการจัดการจะยังอยู่ในอุปกรณ์ของผู้ใช้

    หากเป็นแอป iOS เมื่อยกเลิกการเลือกกำหนดให้เป็นแอปที่มีการจัดการ แอปจะยังคงมีการจัดการในอุปกรณ์ที่ติดตั้งแอปอยู่แล้ว แต่ผู้ใช้จะเห็นเครื่องหมายตกใจสีแดงกำกับที่แอปในรายการแอปของ Google Apps Device Policy และสามารถเปลี่ยนเป็นแอปที่ไม่มีการจัดการได้

  7. คลิกบันทึก หากกำหนดค่าหน่วยขององค์กรหรือกลุ่มไว้แล้ว คุณอาจรับค่าหรือลบล้างหน่วยขององค์กรระดับบนสุด หรือยกเลิกการตั้งค่ากลุ่มได้

การเปลี่ยนแปลงอาจใช้เวลาถึง 24 ชั่วโมง แต่โดยปกติจะใช้เวลาเร็วกว่านั้น ดูข้อมูลเพิ่มเติม

อนุญาตให้ผู้ใช้ Android ดูข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลงานพร้อมกันในแอป

ต้องมีการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูง

สําหรับแอปที่รองรับ คุณสามารถอนุญาตให้ผู้ใช้ดูข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลงานในแอปได้ เช่น เมื่อเปิดการตั้งค่านี้สําหรับ Google ปฏิทิน ผู้ใช้จะสามารถเลือกดูปฏิทินส่วนตัวในโปรไฟล์งานของตนเองได้ เนื่องจากการตั้งค่านี้อนุญาตแสดงข้อมูลจากโปรไฟล์ได้ (ระหว่างพื้นที่ส่วนตัวกับพื้นที่งาน) คุณจึงควรเปิดใช้การตั้งค่านี้สําหรับแอปที่เชื่อถือได้เท่านั้น

  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (ที่ไม่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ ไปที่เมนู จากนั้น แอปจากนั้นแอปบนเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่

  3. คลิกแอป Android ที่ต้องการอัปเดต
  4. คลิกการกำหนดค่าแอปที่เชื่อมต่อ
  5. คลิกหน่วยขององค์กรหรือกลุ่มที่ต้องการอนุญาตหรือบล็อก
  6. หากต้องการอนุญาตให้ผู้ใช้ใช้ฟีเจอร์นี้ได้ ให้เลือกช่องดังกล่าว
  7. คลิกบันทึก
การเปลี่ยนแปลงอาจใช้เวลาถึง 24 ชั่วโมง แต่โดยปกติจะใช้เวลาเร็วกว่านั้น ดูข้อมูลเพิ่มเติม

ขั้นตอนที่ 3: จัดการรายการแอป

เปิดส่วน  |  ยุบทั้งหมดและกลับไปด้านบนสุด

นำแอปออก

เมื่อนำแอป Android ออกจากรายการ แอปจะไม่ปรากฏให้ผู้ใช้ติดตั้งจาก Managed Google Play Store หรือแท็บแอปสำหรับการทำงานใน Play Store หากผู้ใช้ติดตั้งแอปไว้แล้ว แอปจะยังคงอยู่ในอุปกรณ์แต่ไม่ได้รับการจัดการอีกต่อไป หากคุณอนุญาตให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปใดก็ได้ใน Google Play ผู้ใช้ก็จะยังติดตั้งแอปได้ แต่คุณจะจัดการแอปนั้นไม่ได้

เมื่อนำแอป iOS ออกจากรายการ แอปจะไม่ปรากฏให้ผู้ใช้ติดตั้งจากแอป Google Device Policy หากผู้ใช้ติดตั้งแอปและมีการจัดการแอปแล้ว แอปจะยังคงอยู่ในอุปกรณ์และได้รับการจัดการจนกว่าผู้ใช้จะนำโปรไฟล์ Device Policy ออกจากอุปกรณ์ ผู้ใช้รายอื่นจะยังคงติดตั้งแอปจาก App Store ได้ แต่คุณจะจัดการแอปดังกล่าวไม่ได้

  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (ที่ไม่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ ไปที่เมนู จากนั้น แอปจากนั้นแอปบนเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่

  3. คุณสามารถลบแอปทีละแอปหรือครั้งละหลายแอปได้ดังนี้
    • หากต้องการลบแอปเดียว ให้ค้นหาแอปในรายการแล้วคลิกเพิ่มเติมจากนั้นลบ
    • หากต้องการลบแอปหลายแอป ให้เลือกช่องถัดจากแต่ละแอป คลิกลบที่ด้านบน
จัดระเบียบแอป Android ใน Managed Google Play ไว้เป็นคอลเล็กชัน
คุณสามารถช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาแอป Android ที่เกี่ยวข้องในแอป Managed Google Play ได้ง่ายขึ้น โปรดดูวิธีจัดระเบียบแอป Android ไว้เป็นคอลเล็กชัน

ขั้นตอนที่ 4: ตรวจสอบแอปในอุปกรณ์ที่มีการจัดการ

เปิดส่วน  |  ยุบทั้งหมดและกลับไปด้านบนสุด

ดูวิธีเผยแพร่แอป
คุณสามารถตรวจสอบแอปทั้งหมดที่มีให้หน่วยขององค์กรหรือกลุ่มใช้ ตลอดจนหน่วยขององค์กรหรือกลุ่มที่มีสิทธิ์เข้าถึงแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ระบุได้ โดยทำดังนี้
  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (ที่ไม่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ ไปที่เมนู จากนั้น แอปจากนั้นแอปบนเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่

  3. วิธีตรวจสอบแอปที่หน่วยขององค์กรหรือกลุ่มที่ระบุเข้าถึงได้
    1. คลิกเพิ่มตัวกรอง
    2. คลิกหน่วยขององค์กรหรือกลุ่ม
    3. เลือกหน่วยขององค์กรหรือกลุ่ม
  4. หากต้องการตรวจสอบการเผยแพร่แอป ให้ชี้ไปที่แถวของแอปที่ต้องการตรวจสอบแล้วคลิกรายละเอียดการเข้าถึง ระบบจะเปิดแผงซึ่งแสดงกลุ่มและหน่วยขององค์กร รวมถึงสถานะสิทธิ์เข้าถึงแอป
ดูแอปที่ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์
อุปกรณ์ iOS จำเป็นต้องมีการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูง
คุณสามารถดูรายการแอปทั้งหมดที่ติดตั้งในอุปกรณ์ของผู้ใช้พร้อมรายละเอียดเวอร์ชันได้โดยทำดังนี้
  1. ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google

    ลงชื่อเข้าใช้โดยใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (ที่ไม่ลงท้ายด้วย @gmail.com)

  2. ไปที่เมนู จากนั้น อุปกรณ์จากนั้นภาพรวม
  3. คลิกการ์ดอุปกรณ์เคลื่อนที่
  4. คลิกแถวของอุปกรณ์ที่ต้องการดูรายละเอียด
    เคล็ดลับ: หากองค์กรมีอุปกรณ์เคลื่อนที่หลายเครื่อง ให้คลิกเพิ่มตัวกรองเพื่อจำกัดการค้นหาให้แคบลง โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อค้นหาอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ต้องการ
  5. คลิกแอปที่ติดตั้ง ตารางจะแสดงรายการแอป เวอร์ชัน และรหัสแอป หากเป็นแอป Android คุณจะดูค่าแฮช SHA-256 ได้ด้วย
ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงแอปและส่งออกข้อมูลบันทึกการตรวจสอบ (เฉพาะการจัดการขั้นสูงเท่านั้น)
ฟีเจอร์นี้ใช้ได้กับ Cloud Identity รุ่น Premium เปรียบเทียบรุ่นต่างๆ 
หมายเหตุ: หากต้องการตรวจสอบแอปในอุปกรณ์ Android ส่วนตัวที่ไม่มีโปรไฟล์งาน ให้เปิดการตรวจสอบแอปพลิเคชัน

ในเหตุการณ์ในบันทึกของอุปกรณ์ ให้กรองบันทึกเพื่อค้นหาชื่อเหตุการณ์จากนั้นการเปลี่ยนแปลงแอปพลิเคชันของอุปกรณ์ คุณสามารถกรองรายการเพิ่มเติมตามประเภทอุปกรณ์ที่ต้องการ เหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงแอปพลิเคชันของอุปกรณ์ ชื่อแพ็กเกจของแอปพลิเคชัน และข้อมูลอื่นๆ ได้

หลังจากสร้างตัวกรองแล้ว ให้ส่งออกข้อมูลบันทึกการตรวจสอบ

ใช้กฎเพื่อการตรวจสอบแอปโดยอัตโนมัติ (เฉพาะการจัดการขั้นสูงเท่านั้น)
ฟีเจอร์นี้ใช้ได้กับ Cloud Identity รุ่น Premium เปรียบเทียบรุ่นต่างๆ 

รับมือกับเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยของแอป

หากบัญชีของผู้ใช้อาจถูกบุกรุกผ่านแอป (เนื่องจากอุปกรณ์สูญหายหรือถูกขโมย) หรือพบแอปที่เป็นอันตรายในอุปกรณ์ของผู้ใช้ คุณก็สามารถแก้ปัญหาได้หลายวิธี

วิธีหยุดการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

วิธีบล็อกไม่ให้แอปเข้าถึงบริการของ Google

หากต้องการบล็อกไม่ให้แอปเข้าถึงบริการของ Google ให้ตั้งค่าแอปเป็นถูกจำกัดหรือถูกบล็อกในการควบคุมการเข้าถึงแอป โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อเพิ่มแอปใหม่


Google, Google Workspace และเครื่องหมายและโลโก้ที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องหมายการค้าของ Google LLC ชื่อบริษัทและชื่อผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งหมดเป็นเครื่องหมายการค้าของ บริษัทที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
14453585831327493980
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
false
false