หากต้องการใช้ Google Analytics 4 ซึ่งเป็น Analytics เวอร์ชันปัจจุบัน ให้ไปที่ [GA4] ตั้งค่า Analytics สําหรับเว็บไซต์และ/หรือแอป
สร้างบัญชี Analytics
ขั้นตอนแรกคือการสร้างบัญชี Analytics เว้นแต่ว่าคุณมีบัญชีอยู่แล้ว ข้ามไปที่การสร้างพร็อพเพอร์ตี้ เว้นแต่คุณต้องการสร้างบัญชีแยกต่างหากสําหรับเว็บไซต์นี้ เช่น คุณอาจต้องการสร้างอีกบัญชีหนึ่งหากเว็บไซต์นี้เป็นของธุรกิจแยกต่างหาก
- ในส่วนผู้ดูแลระบบ ในคอลัมน์บัญชี คลิกสร้างบัญชี
- ระบุชื่อบัญชี กำหนดการตั้งค่าการแชร์ข้อมูลเพื่อควบคุมข้อมูลที่คุณแชร์กับ Google
- คลิกถัดไปเพื่อเพิ่มพร็อพเพอร์ตี้แรกในบัญชี
สร้างพร็อพเพอร์ตี้
- หากคุณทำต่อจากขั้นตอนการ "สร้างบัญชี Analytics" ด้านบน ให้ข้ามไปยังขั้นตอนที่ 2 ไม่เช่นนั้น
- ในส่วนผู้ดูแลระบบ ให้ดูที่คอลัมน์บัญชี เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเลือกบัญชีที่ถูกต้อง จากนั้น ในคอลัมน์พร็อพเพอร์ตี้ คลิกสร้างพร็อพเพอร์ตี้
- ป้อนชื่อพร็อพเพอร์ตี้ (เช่น "เว็บไซต์ My Business, Inc") และเลือกเขตเวลาและสกุลเงินในการรายงาน หากผู้เข้าชมเข้ามาที่เว็บไซต์ของคุณในวันอังคารในเขตเวลาของผู้เข้าชม แต่เป็นวันจันทร์ในเขตเวลาของคุณ ระบบจะบันทึกการเข้าชมนั้นว่าเกิดขึ้นในวันจันทร์
- หากคุณเลือกเขตเวลาที่ใช้เวลาออมแสง Analytics จะปรับเปลี่ยนตามการเปลี่ยนแปลงเวลาโดยอัตโนมัติ ใช้เวลามาตรฐานกรีนิช (Greenwich Mean Time) หากคุณไม่ต้องการปรับเวลาออมแสง
- การเปลี่ยนแปลงเขตเวลาจะส่งผลต่อข้อมูลในอนาคตเท่านั้น หากคุณเปลี่ยนเขตเวลาสําหรับพร็อพเพอร์ตี้ที่มีอยู่ คุณอาจเห็นความเคลื่อนไหวของข้อมูลที่มีลักษณะคงที่หรือพุ่งสูงขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากเวลาที่เร็วขึ้นหรือช้าลงตามลำดับ ข้อมูลรายงานอาจยังอ้างอิงถึงเขตเวลาเก่าเป็นระยะเวลาสั้นๆ หลังจากที่คุณอัปเดตการตั้งค่าแล้ว จนกว่าเซิร์ฟเวอร์ของ Analytics จะประมวลผลการเปลี่ยนแปลง
- คลิกแสดงตัวเลือกขั้นสูง (ใต้ช่องตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้)
- เปิดสวิตช์เพื่อสร้างพร็อพเพอร์ตี้ Universal Analytics
- ป้อน URL ของเว็บไซต์ เลือกโปรโตคอล (http หรือ https)
โฮสต์ของโดเมนส่วนใหญ่รองรับเฉพาะอักขระ UTF-8 ใน URL ดังนั้นให้ใช้อักขระ UTF-8 หรือ punycode สำหรับสัญลักษณ์และอักขระอื่นๆ ที่ไม่ใช่ UTF-8 (รวมถึงอักขระซีริลลิค) ในชื่อโดเมน ลองใช้ตัวแปลง punycode ในกรณีนี้ก็ได้ - ถึงขั้นตอนนี้ ให้เลือกสร้าง
- ทั้งพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 และพร็อพเพอร์ตี้ Universal Analytics ตัวเลือกนี้จะมีผลดังต่อไปนี้
- ตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 พร้อมกันที่รวบรวมข้อมูลควบคู่กับพร็อพเพอร์ตี้ Universal Analytics เมื่อเพิ่มแท็กสําหรับพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 ลงในเว็บไซต์แล้ว ระบบจะส่งข้อมูลไปยังพร็อพเพอร์ตี้ทั้ง 2 รายการ คุณสลับไปมาระหว่างพร็อพเพอร์ตี้ได้โดยใช้ตัวเลือกพร็อพเพอร์ตี้ หรือหน้าจอผู้ดูแลระบบ
- สร้างการเชื่อมต่อระหว่างพร็อพเพอร์ตี้ทั้ง 2 รายการที่จะอนุญาตให้คุณย้ายข้อมูลการตั้งค่ากำหนดจากพร็อพเพอร์ตี้ Universal Analytics ไปยังพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 ในภายหลังได้
วิธีระบุพร็อพเพอร์ตี้แต่ละรายการคือ หากคุณตั้งชื่อพร็อพเพอร์ตี้ว่า "Example" ในขั้นตอนที่ 2 พร็อพเพอร์ตี้ Universal Analytics จะมีชื่อว่า "Example (UA-1234567)" และพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 จะมีชื่อว่า "Example - GA4 (98765432)"
- พร็อพเพอร์ตี้ Universal Analytics เท่านั้น เลือกตัวเลือกนี้หากคุณต้องการพร็อพเพอร์ตี้ Universal Analytics เท่านั้น
หากคุณต้องการรหัสติดตาม "UA-" ให้เลือกตัวเลือกนี้
- ทั้งพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 และพร็อพเพอร์ตี้ Universal Analytics ตัวเลือกนี้จะมีผลดังต่อไปนี้
- คลิกถัดไป และให้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ
- คลิกสร้าง
ยอมรับข้อกำหนดในการให้บริการและการแก้ไขการประมวลผลข้อมูลของ Analytics หากได้รับแจ้ง และคลิกเสร็จสิ้น
ตั้งค่าการเก็บรวบรวมข้อมูล (เช่น เพิ่มแท็ก Google ลงในเว็บไซต์)
เพิ่มแท็ก Google ลงในเครื่องมือสร้างเว็บไซต์หรือเว็บไซต์ที่โฮสต์ด้วย CMS (เช่น WordPress, Shopify เป็นต้น)หากคุณเลือกตั้งค่าเฉพาะพร็อพเพอร์ตี้ Universal Analytics (คุณไม่ได้เลือกที่จะตั้งค่าทั้งพร็อพเพอร์ตี้ GA4 และ Universal Analytics) เพียงวางรหัสติดตาม "UA-" ลงในช่องรหัสติดตาม Google Analytics ที่เครื่องมือสร้างเว็บไซต์มีให้
หรือ
หากคุณเลือกตั้งค่าทั้งพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 (GA4) และพร็อพเพอร์ตี้ Universal Analytics คุณควรทําตามวิธีการด้านล่างแล้ววางแท็ก Google ทั้งหมดลงในช่อง HTML ที่กําหนดเองที่เครื่องมือสร้างเว็บไซต์มีให้ การทําเช่นนี้จะช่วยให้คุณเห็นข้อมูลทั้งในพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 (GA4) และพร็อพเพอร์ตี้ Universal Analytics ในทางตรงกันข้าม หากคุณเพียงแค่ระบุรหัส "UA-" ให้กับเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ คุณจะเห็นเฉพาะข้อมูลในพร็อพเพอร์ตี้ Universal Analytics เท่านั้น
- ในคอลัมน์พร็อพเพอร์ตี้ ให้คลิกสตรีมข้อมูล > เว็บ
- คลิกที่สตรีมข้อมูลสําหรับเว็บไซต์
- ในส่วนแท็ก Google ให้คลิกดูวิธีการติดแท็ก
- ในหน้าวิธีการติดตั้ง ให้เลือกติดตั้งด้วยตัวเอง
- หน้าจอจะแสดงข้อมูลโค้ด JavaScript ของแท็ก Google ในบัญชี แท็ก Google คือทั้งส่วนของโค้ดที่ปรากฏขึ้น ซึ่งขึ้นต้นด้วย
<!-- Global tag (gtag.js) -->
และลงท้ายด้วย
</script>
- หน้าจอจะแสดงข้อมูลโค้ด JavaScript ของแท็ก Google ในบัญชี แท็ก Google คือทั้งส่วนของโค้ดที่ปรากฏขึ้น ซึ่งขึ้นต้นด้วย
คัดลอกและวางแท็ก Google ลงในเว็บไซต์โดยใช้ฟีเจอร์ HTML ที่กําหนดเองของ CMS
ใช้รายงานแบบเรียลไทม์เพื่อยืนยันว่ากําลังรับข้อมูลอยู่
เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ / CMS | ตัวเลือกในการเพิ่ม HTML ที่กําหนดเอง |
---|---|
Blogger | วิธีการ |
Cart.com | โปรดติดต่อฝ่ายสนับสนุนของ Cart.com เกี่ยวกับวิธีการ |
Salesforce (Demandware) | โปรดติดต่อฝ่ายสนับสนุนของ Salesforce เกี่ยวกับวิธีการ |
VTEX | โปรดติดต่อฝ่ายสนับสนุนของ VTEX เกี่ยวกับวิธีการ |
Weebly | วิธีการ |
ระบบอาจใช้เวลาถึง 30 นาทีก่อนเก็บรวบรวมข้อมูล จากนั้นคุณสามารถใช้รายงานแบบเรียลไทม์เพื่อยืนยันว่ากำลังรับข้อมูลอยู่
คุณจะต้องมีสิทธิ์เข้าถึง HTML ของหน้าเว็บ ขอให้นักพัฒนาเว็บดําเนินขั้นตอนเหล่านี้หากคุณดําเนินการเองไม่ได้
- ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Analytics
- คลิกผู้ดูแลระบบ
- เลือกบัญชีจากเมนูในคอลัมน์บัญชี
- เลือกพร็อพเพอร์ตี้จากเมนูในคอลัมน์พร็อพเพอร์ตี้
- ในพร็อพเพอร์ตี้ คลิกข้อมูลการติดตาม > โค้ดติดตาม
รหัสติดตามจะปรากฏที่ด้านบนของหน้า
แท็ก Google จะแสดงที่ด้านล่างของหน้าเว็บในกล่องข้อความใต้การติดตามเว็บไซต์ > แท็ก Google (gtag.js)
แท็ก Google
แท็ก Google คือโค้ดยาว 2-3 บรรทัดที่ต้องนำไปวางในแต่ละหน้าเว็บที่ต้องการวัด:
<!-- Google tag (gtag.js) -->
... (โค้ดหลายบรรทัด) ...
</script>
วิธีเพิ่มแท็ก Google ลงในหน้าเว็บ
- คัดลอกเนื้อหาทั้งหมดในกล่องข้อความ
- วางไว้ต่อจากแท็กเปิด
<head>
ในแต่ละหน้าเว็บที่ต้องการวัด
ระบบอาจใช้เวลาถึง 30 นาทีก่อนเก็บรวบรวมข้อมูล จากนั้นคุณสามารถใช้รายงานแบบเรียลไทม์ เพื่อยืนยันว่ากำลังรับข้อมูลอยู่