แคมเปญคือการรวมกลุ่มโฆษณา แต่ละแคมเปญมีโฆษณาได้หลายรายการที่มีเป้าหมายการโฆษณาที่ต่างกัน ผู้ลงโฆษณาควรสร้างแคมเปญแยกกันสำหรับวัตถุประสงค์การโฆษณาที่ต่างกัน
โฆษณาคือสิ่งที่ผู้ใช้เห็นในโทรศัพท์ โฆษณาใช้เพื่อโปรโมตแอปและแคมเปญเพื่อจัดระเบียบโฆษณา เช่น คุณสร้างแคมเปญชื่อ "Nexus 7" ที่มีโฆษณาหลายรายการซึ่งกำหนดเป้าหมายเป็นผู้ใช้ Nexus 7 ได้
คุณสามารถสร้างแคมเปญใหม่ได้โดยทําตามขั้นตอนต่อไปนี้
- ขั้นตอนที่ 1 สร้างแคมเปญ
- ขั้นตอนที่ 2 เลือกหน่วยโฆษณา
- ขั้นตอนที่ 3: ปรับแคมเปญและเป้าหมาย
- ขั้นตอนที่ 4: สร้างโฆษณา (ไม่บังคับ)
เริ่มต้นใช้งานแคมเปญใหม่
- ลงชื่อเข้าใช้บัญชี AdMob ที่ https://apps.admob.com
- คลิกแคมเปญในแถบด้านข้าง
- คลิกสร้างแคมเปญ
ขั้นตอนที่ 1 สร้างแคมเปญ
- เลือกประเภทแคมเปญ
- โฆษณาเฮาส์แอ็ด: โปรโมตแอปและเว็บไซต์ของคุณเอง
- ขายตรง: แคมเปญที่คุณสร้างขึ้นสำหรับผู้ลงโฆษณา
- เลือกประเภทเป้าหมายเพื่อเลือกวิธีการวัดผลแคมเปญ
- ต้นทุนสูงสุดต่อการติดตั้งแอปหนึ่งครั้ง (Android เบต้า): กําหนดจํานวนเงินสูงสุดที่คุณต้องการใช้จ่ายเพื่อให้แอปได้ผู้ใช้ใหม่ เป้าหมายประเภทนี้มีไว้สำหรับแคมเปญโฆษณาเฮาส์แอ็ดเท่านั้น
- โฆษณาที่ใช้สื่อกลาง (แนะนำสำหรับโฆษณาทดแทน): โฆษณาแข่งขันในเชนสื่อกลางโดยใช้ eCPM ที่เพิ่มประสิทธิภาพสำหรับโฆษณาทดแทนได้
- จำนวนการแสดงผล: กำหนดจำนวนการแสดงผลสำหรับแคมเปญ
- จำนวนคลิก: กำหนดจำนวนคลิกสำหรับแคมเปญ
- เปอร์เซ็นต์การแสดงผล: กำหนดเปอร์เซ็นต์การแสดงผลรายวันเพื่อกำหนดทิศทางแคมเปญ
- คลิกต่อไป
ขั้นตอนที่ 2 เลือกหน่วยโฆษณา
- คลิกเพิ่มหน่วยโฆษณา
- เลือกช่องทำเครื่องหมายข้างหน่วยโฆษณาที่ต้องการให้แสดงในแคมเปญนี้ การดําเนินการนี้จะเพิ่มกลุ่มที่เลือกลงในรายการหน่วยโฆษณาที่เลือก หากต้องการเพิ่มหน่วยโฆษณาที่ใช้ได้ทั้งหมด ให้คลิกเลือกทั้งหมด
หมายเหตุ: แคมเปญ AdMob จะไม่แสดงในแอปที่กำหนดกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็ก หากรวมหน่วยโฆษณาจากแอปที่มีเด็กเป็นกลุ่มเป้าหมายไว้ในแคมเปญ AdMob คุณจะไม่เห็นการแสดงผลแคมเปญสำหรับแอปนั้น
- คลิกยืนยัน
เลือกการกำหนดเป้าหมายขั้นสูง
คลิกการกําหนดเป้าหมายขั้นสูง แล้วคลิกเกณฑ์แต่ละข้อที่ต้องการแก้ไข จากนั้นคลิกฉันจะเลือกเอง (เลือกอย่างน้อย 1 รายการ)
- สถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่คุณต้องการกําหนดเป้าหมาย หากคุณไม่ต้องการกำหนดเป้าหมายตามภูมิศาสตร์ที่เฉพาะเจาะจง ให้เลือกประเทศและเขตแดนทั้งหมด
- การโฆษณาในพื้นที่ที่มีลูกค้าที่เหมาะสมกับคุณจะเป็นการช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนได้
- ภาษาที่คุณต้องการกําหนดเป้าหมาย ภาษาจะอิงตามการตั้งค่าภาษาของอุปกรณ์ผู้ใช้ มีค่าเริ่มต้นเป็นภาษาที่ใช้ได้ทั้งหมด
- AdMob จะดูการตั้งค่าภาษาของลูกค้าบนอุปกรณ์เพื่อพิจารณาว่าการตั้งค่าดังกล่าวตรงกับภาษาที่แคมเปญของคุณกำหนดเป้าหมายหรือไม่
- ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตที่คุณต้องการกําหนดเป้าหมาย มีค่าเริ่มต้นเป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตทั้งหมดและ Wi-Fi
- ตัวอย่าง ถ้าคุณเลือกที่จะกำหนดเป้าหมายไปยังการเข้าชมจาก Wi-Fi โฆษณาของคุณจะแสดงเฉพาะเมื่อโทรศัพท์มือถือเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi เท่านั้น
- อุปกรณ์และเวอร์ชันระบบปฏิบัติการที่ต้องการกําหนดเป้าหมาย มีค่าเริ่มต้นเป็นอุปกรณ์และเวอร์ชันระบบปฏิบัติการที่ใช้ได้ทั้งหมด
- ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีแอป iPhone ที่มีชิ้นงานรูปภาพแบบ HD คุณอาจเลือกที่จะกำหนดเป้าหมาย iPhone 12 หรือรุ่นที่สูงกว่า
- หมายเหตุ: คุณสามารถกำหนดเป้าหมายแคมเปญไปยังหน่วยโฆษณาหลายหน่วยในหลายๆ แอปได้ ดังนั้นการจำกัดการตั้งค่าเหล่านี้มากเกินไปจึงอาจส่งผลเสียต่อแคมเปญของคุณได้
- ข้อมูลประชากรหรือกลุ่มลูกค้าที่เจาะจงซึ่งมีแนวโน้มจะสนใจแอปที่โฆษณามากที่สุด เช่น แอปสำหรับคุณแม่มือใหม่ที่กำหนดเป้าหมายเป็นผู้หญิงอายุ 18-44 ปี มีค่าเริ่มต้นเป็นเพศและอายุที่ใช้ได้ทั้งหมด
- หมายเหตุ: การกำหนดเป้าหมายตามข้อมูลประชากรที่เจาะจงมากขึ้นจะทำให้โฆษณาที่อยู่ในแคมเปญที่กำหนดเป้าหมายแสดงต่อลูกค้าจำนวนน้อยลง คุณลักษณะนี้เป็นสิ่งที่น่าใช้สำหรับแอปเฉพาะทาง แต่สำหรับแอปที่มีจุดประสงค์ทั่วไป การกำหนดเป้าหมายตามข้อมูลประชากรที่กว้างขึ้นก็จะเป็นการขยายกลุ่มเป้าหมายด้วย
ยิ่งคุณกรองการเลือกของคุณมากเท่าใด คุณก็จะยิ่งลดจำนวนผู้เข้าชมที่มีสิทธิ์เห็นโฆษณาของคุณมากเท่านั้น ในขณะที่ทดลองการกำหนดเป้าหมาย เราแนะนำให้คุณดูรายงานอย่างใกล้ชิดพร้อมทั้งปรับการเลือกของคุณ
- คลิกต่อไป
ขั้นตอนที่ 3 ปรับแคมเปญและเป้าหมาย
- ป้อนชื่อแคมเปญ ชื่อแคมเปญจะไม่แสดงต่อผู้ใช้
- กำหนดเป้าหมายที่เจาะจงสําหรับแคมเปญ ช่องนี้จะอิงตามประเภทเป้าหมายที่เลือกเมื่อคุณตั้งค่าแคมเปญ โดยอาจเป็นเปอร์เซ็นต์ของการแสดงผล จํานวนการแสดงผล หรือจํานวนคลิกที่แคมเปญตั้งเป้าไว้ นอกจากนี้คุณยังตั้งเป้าหมายเป็นโฆษณาที่ใช้สื่อกลางได้ด้วย ซึ่งหมายความว่าโฆษณาจะแข่งขันในเชนสื่อกลางโดยใช้ eCPM ที่เพิ่มประสิทธิภาพสําหรับโฆษณาทดแทนได้
ก่อนที่คุณจะกำหนดเป้าหมายให้กับแคมเปญนี้ คุณอาจต้องการตรวจสอบข้อมูลการเข้าชม การแสดงผล และการคลิกที่ผ่านมาของแอป เพื่อระบุแนวโน้มและรับประกันว่าเป้าหมายจะบรรลุผลได้ภายในช่วงเวลาที่กำหนดไว้
- กําหนดวันที่เริ่มต้นและวันที่สิ้นสุดของกําหนดการเป้าหมายของแคมเปญ วันที่เริ่มต้นที่เป็นไปได้ซึ่งเร็วที่สุดที่คุณกําหนดได้สําหรับแคมเปญคือวันถัดไปเวลา 24:00 น. (เช่น หากวันนี้เป็นวันจันทร์ วันที่เริ่มต้นแคมเปญเร็วที่สุดคือวันอังคาร เวลา 24:00 น.) สำหรับแคมเปญโฆษณาที่ใช้สื่อกลางและแคมเปญต้นทุนสูงสุดต่อการติดตั้งแอปหนึ่งครั้ง คุณจะกำหนดวันที่สิ้นสุดหรือไม่ก็ได้ และสามารถปล่อยให้ทำงานไปจนกว่าคุณจะหยุดชั่วคราว
ตั้งค่าตัวเลือกขั้นสูง
หากต้องการตั้งค่าการกำหนดความถี่สูงสุดหรืออัตราการแสดงโฆษณา ให้คลิกตัวเลือกขั้นสูง ดังนี้
- การกำหนดความถี่สูงสุด: เปิดใช้การกำหนดความถี่สูงสุดหากคุณต้องการจำกัดจำนวนครั้งที่โฆษณาแสดงต่อบุคคลเดียวกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดความถี่สูงสุดสําหรับแคมเปญ
- อัตราการแสดงโฆษณา: กำหนดอัตราที่โฆษณาจะแสดงเพื่อควบคุมจำนวนการแสดงผลที่โฆษณาแต่ละรายการจะได้รับ ดังนี้
- สม่ำเสมอ: รับประกันว่าโฆษณาแต่ละรายการจะได้รับการแสดงผลที่เพียงพอเพื่อบรรลุเป้าหมายในแต่ละวัน นี่คืออัตราที่แนะนำ หากคุณกำลังพยายามจัดการแคมเปญหลายรายการอยู่
- เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้: รับประกันว่าแคมเปญนี้จะได้รับการแสดงผลที่อัตราเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อัตรานี้มีแนวโน้มที่จะได้การแสดงผลที่อาจเสียไปให้กับแคมเปญอื่นๆ เพื่อเพิ่มโอกาสให้แคมเปญนี้บรรลุเป้าหมายได้
- คลิกบันทึกและดำเนินการต่อ
ขั้นตอนที่ 4 สร้างโฆษณา (ไม่บังคับ)
คุณเลือกที่จะสร้างโฆษณาหรือกลับไปยังขั้นตอนนี้ได้ภายหลัง โดยคลิกชื่อแคมเปญที่มีอยู่ คลิกแท็บโฆษณา จากนั้นทำตามขั้นตอนด้านล่าง
- คลิกสร้างโฆษณาใหม่
- เลือกสิ่งที่จะโฆษณา ดังนี้
- แอปใน Google Play: คุณค้นหาแอปได้โดยใช้ชื่อแอป ชื่อนักพัฒนาซอฟต์แวร์ หรือรหัสแอป และเราจะใช้ผลลัพธ์เพื่อสร้างโฆษณา
- แอปใน App Store: คุณค้นหาแอปได้โดยใช้ชื่อแอป ชื่อนักพัฒนาซอฟต์แวร์ หรือรหัสแอป และเราจะใช้ผลลัพธ์เพื่อสร้างโฆษณา
- แอปที่โฮสต์ที่อื่น: ป้อน URL ปลายทางสำหรับตำแหน่งที่ AdMob จะนำผู้ใช้ไปเมื่อคลิกที่โฆษณา
- เว็บไซต์: ป้อน URL ปลายทางที่ AdMob จะนำผู้ใช้ไปเมื่อคลิกโฆษณา
- เลือกประเภทโฆษณาและป้อนรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับโฆษณา
หมายเหตุ: ประเภทโฆษณาต้องเข้ากันได้กับรูปแบบหน่วยโฆษณาที่คุณเลือกไว้ก่อนหน้านี้และสิ่งที่โฆษณา ดูประเภทโฆษณาที่เข้ากันได้กับรูปแบบโฆษณา
โฆษณาแบบข้อความคือโฆษณาที่ประกอบไปด้วยข้อความหลายบรรทัด
โปรโมตแอป- แอป: ใช้ช่องค้นหาเพื่อหาแอปที่โฆษณาจะโปรโมต
- ชื่อโฆษณา: ป้อนชื่อของโฆษณาที่มีอักขระไม่เกิน 25 ตัว
- URL ปลายทาง: ป้อน URL ที่ AdMob จะนำผู้ใช้ไปหลังจากคลิกโฆษณา URL นี้จะไม่แสดงในโฆษณา
- บรรทัดแรก: ป้อนข้อความที่ต้องการให้ผู้ใช้ดู โดยมีอักขระไม่เกิน 25 ตัว
- ข้อความโฆษณา: ป้อนคำอธิบายของแอปที่กำลังโปรโมต โดยมีอักขระไม่เกิน 35 ตัว
โฆษณาแบบรูปภาพประกอบด้วยไฟล์ภาพ 1 ไฟล์ที่คุณอัปโหลด
โปรโมตแอป- ชื่อโฆษณา: ป้อนชื่อของโฆษณาที่มีอักขระไม่เกิน 25 ตัว
- แอป/เว็บไซต์: คลิกปุ่มแอป ถ้ายังไม่ได้เลือก
- แอป: ใช้ช่องค้นหาเพื่อหาแอปที่โฆษณาจะโปรโมต
- URL ปลายทาง: ป้อน URL ที่ AdMob จะนำผู้ใช้ไปหลังจากคลิกโฆษณา URL นี้จะไม่แสดงในโฆษณา
- การอัปโหลดรูปภาพ: อัปโหลดไฟล์ภาพจากคอมพิวเตอร์เพื่อใช้เป็นครีเอทีฟโฆษณา
- ชื่อโฆษณา: ป้อนชื่อของโฆษณาที่มีอักขระไม่เกิน 25 ตัว
- แอป/เว็บไซต์: คลิกปุ่มเว็บไซต์ ถ้ายังไม่ได้เลือก
- URL ปลายทาง: ป้อน URL ที่ AdMob จะนำผู้ใช้ไปหลังจากคลิกโฆษณา URL นี้จะไม่แสดงในโฆษณา
- การอัปโหลดรูปภาพ: อัปโหลดไฟล์ภาพจากคอมพิวเตอร์เพื่อใช้เป็นครีเอทีฟโฆษณา
ใช้โฆษณา HTML5 ได้เมื่อคุณโฆษณาเว็บไซต์หรือแอปที่โฮสต์ไว้ที่อื่นเท่านั้นโฆษณา HTML5 ประกอบด้วยไฟล์ ZIP 1 ไฟล์ที่คุณอัปโหลด ซึ่งมีโฆษณา HTML5 ที่ออกแบบใน Google Web Designer
- ชื่อโฆษณา: ป้อนชื่อของโฆษณาที่มีอักขระไม่เกิน 25 ตัว
- URL ปลายทาง: ป้อน URL ที่ AdMob จะนำผู้ใช้ไปหลังจากคลิกโฆษณา URL นี้จะไม่แสดงในโฆษณา
- ครีเอทีฟโฆษณา: อัปโหลดไฟล์ .ZIP 1 รายการที่มีโฆษณา HTML5 ซึ่งสร้างขึ้นใน Google Web Designer จากคอมพิวเตอร์เพื่อใช้เป็นครีเอทีฟโฆษณา
โฆษณาแบบดิสเพลย์ที่ปรับเปลี่ยนตามอุปกรณ์หมายเหตุ: ปัจจุบันรองรับเฉพาะวิดีโอ YouTube โฆษณาวิดีโอจะใช้ได้เมื่อคุณโฆษณาแอปใน Google Play Store หรือ App Store เท่านั้น
- ชื่อโฆษณา: ป้อนชื่อของโฆษณาที่มีอักขระไม่เกิน 25 ตัว
- แอป: ใช้ช่องค้นหาเพื่อหาแอปที่โฆษณาจะโปรโมต
- URL ปลายทาง: ป้อน URL ที่ AdMob จะนำผู้ใช้ไปหลังจากที่แตะโฆษณา URL นี้จะไม่แสดงในโฆษณา
- URL วิดีโอ: ป้อน URL ของวิดีโอที่คุณต้องการแสดงในโฆษณา คุณสามารถดูตัวอย่างวิดีโอที่สร้างโดยอัตโนมัติเพื่อให้แน่ใจว่าลิงก์กับวิดีโอที่ถูกต้องแล้ว สิ่งที่ควรทราบมีดังนี้
- วิดีโอ YouTube ที่ไม่อนุญาตการฝังยังแสดงในโฆษณาวิดีโอได้อยู่
- โฆษณาวิดีโอจะเป็นไปตามการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของวิดีโอ ดังนั้นวิดีโอ YouTube ที่ตั้งค่าไว้เป็นส่วนตัวจะแสดงในโฆษณาวิดีโอไม่ได้ และมีเฉพาะวิดีโอที่เป็นสาธารณะและไม่เป็นสาธารณะเท่านั้นที่จะแสดงได้
- การ์ดสิ้นสุดซึ่งเป็นภาพนิ่งจะแสดงขึ้นถ้าวิดีโอโหลดไม่สำเร็จด้วยสาเหตุใดๆ ก็ตาม เช่น วิดีโอถูกจำกัดในประเทศ
- บรรทัดแรก: ป้อนข้อความที่คุณต้องการแสดงต่อผู้ใช้ โดยมีอักขระไม่เกิน 25 ตัว
- รายละเอียด: ป้อนคำอธิบายของแอปที่โปรโมต โดยมีอักขระไม่เกิน 70 ตัว
- ข้อมูลที่รวม: ระบบจะเติมข้อมูลในช่องนี้โดยอัตโนมัติ ในช่องนี้ประกอบด้วยข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ราคาและคะแนน (ถ้ามี) จากร้านแอปที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเราใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้โฆษณา
- ราคาที่แสดงในตัวอย่างโฆษณาจะเป็นไปตามสกุลเงินเริ่มต้น และจะปรับให้เป็นสกุลเงินตามสถานที่ตั้งของผู้ใช้
- แต่การให้คะแนนจะแสดงก็ต่อเมื่อมีคะแนนสูงกว่า 4 ดาว และได้รับการรีวิวมากกว่า 100 ครั้ง
วิดีโอที่แสดงในหน่วยโฆษณาที่มีการให้รางวัลจะต้องสั้นกว่า 30 วินาทีหมายเหตุ: คุณต้องเลือก "เว็บไซต์" เป็นสิ่งที่กำลังโฆษณาในแคมเปญเพื่อใช้โฆษณา Display ที่ปรับเปลี่ยนตามพื้นที่โฆษณา- URL ปลายทาง: ป้อน URL ที่ AdMob จะนำผู้ใช้ไปหลังจากคลิกโฆษณา URL นี้จะไม่แสดงในโฆษณา
- บรรทัดแรก: ป้อนบรรทัดแรกของโฆษณาโดยให้มีความยาวไม่เกิน 30 อักขระ
- บรรทัดแรกแบบยาว: ป้อนบรรทัดแรกของโฆษณาที่จะแสดงแทนบรรทัดแรกแบบสั้นในโฆษณาขนาดใหญ่ มีความยาวได้สูงสุด 90 อักขระ และอาจแสดงโดยมีคำอธิบายหรือไม่มีก็ได้
- คำอธิบาย: ป้อนคำอธิบายของเว็บไซต์ที่คุณกำลังโปรโมตโดยให้มีความยาวไม่เกิน 90 อักขระ คำอธิบายจะเพิ่มเข้าไปในบรรทัดแรกเพื่อให้บริบทหรือรายละเอียดเพิ่มเติม
- ชื่อธุรกิจ: ป้อนชื่อธุรกิจหรือแบรนด์โดยให้มีความยาวไม่เกิน 25 อักขระ
- URL ของวิดีโอ (ไม่บังคับ): ป้อน URL ของวิดีโอที่คุณต้องการแสดงในโฆษณา สิ่งที่ควรทราบมีดังนี้
- วิดีโอ YouTube ที่ไม่อนุญาตการฝังยังแสดงในโฆษณาวิดีโอได้อยู่
- โฆษณาวิดีโอจะเป็นไปตามการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของวิดีโอ ดังนั้นวิดีโอ YouTube ที่ตั้งค่าไว้เป็นส่วนตัวจะแสดงในโฆษณาวิดีโอไม่ได้ และมีเฉพาะวิดีโอที่เป็นสาธารณะและไม่เป็นสาธารณะเท่านั้นที่จะแสดงได้
- การ์ดสิ้นสุดซึ่งเป็นภาพนิ่งจะแสดงขึ้นถ้าวิดีโอโหลดไม่สำเร็จด้วยสาเหตุใดๆ ก็ตาม เช่น วิดีโอถูกจำกัดในประเทศ
- ข้อจำกัดความรับผิด (ไม่บังคับ): คุณระบุข้อจำกัดความรับผิดที่แจ้งให้ผู้ใช้ทราบเรื่องการแจ้งเตือนเพื่อขอคำยินยอมหรือประกาศทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับโฆษณาได้ ข้อจำกัดความรับผิดต้องมีความยาวไม่เกิน 90 อักขระ หรือมีลิงก์ไปยังเว็บไซต์หรือแหล่งข้อมูลอื่นๆ
- รูปภาพแนวนอน: อัปโหลดรูปภาพแนวนอนที่มีอัตราส่วน 1.91:1 มีขนาดใหญ่กว่า 600 x 314 และไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 5120 KB
- รูปภาพสี่เหลี่ยมจัตุรัส: อัปโหลดรูปภาพสี่เหลี่ยมจัตุรัส (1:1) ที่มีขนาดอย่างน้อย 300 x 300 และไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 5120 KB
- ข้อความ CTA: ข้อความ CTA อาจแสดงได้ในรูปแบบเลย์เอาต์ที่หลากหลายเพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้ดำเนินการ เมื่อเลือก "อัตโนมัติ" Google จะเลือก CTA ให้คุณ โดยบางเลย์เอาต์ก็จะไม่มี CTA
- คลิกดูตัวอย่างเพื่อดูตัวอย่างโฆษณา
- คลิกสร้างโฆษณา
- ทำซ้ำขั้นตอนที่ 1 ถึง 5 สำหรับโฆษณาแต่ละรายการที่ต้องการสร้างสำหรับแคมเปญนี้
- เมื่อสร้างโฆษณาเสร็จแล้ว ให้คลิกเสร็จ
ทําความเข้าใจเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของประเภทโฆษณา
คุณต้องเลือกประเภทโฆษณาเมื่อออกแบบโฆษณา โปรดพิจารณาใช้รูปแบบโฆษณาที่รองรับประเภทโฆษณาที่เลือก คุณใช้ตารางด้านล่างเพื่อช่วยในการตัดสินใจได้
โปรดทราบว่าคุณจะต้องเลือกหน่วยโฆษณาที่มีรูปแบบเดียวกับโฆษณาที่คุณต้องการสร้าง มิฉะนั้นโฆษณาอาจไม่ปรากฏขึ้น
ประเภทโฆษณาสำหรับการโฆษณาแอป (Google Play หรือ App Store) |
||||
---|---|---|---|---|
ข้อความ | รูปภาพ | HTML5 | วิดีโอ | |
โฆษณาแบนเนอร์ | ใช้ได้ | ใช้ได้ | ไม่ได้ | ไม่ได้ |
โฆษณาคั่นระหว่างหน้า | ใช้ได้ | ใช้ได้ | ไม่ได้ | ใช้ได้ |
โฆษณาที่มีการให้รางวัล | ใช้ได้ | ใช้ได้ | ไม่ได้ | ใช้ได้ |
โฆษณาเนทีฟ | ใช้ได้ | ใช้ได้ | ไม่ได้ | ใช้ได้ |
โฆษณาเปิดแอป | ใช้ได้ | ใช้ได้ | ไม่ได้ | ใช้ได้ |
ประเภทโฆษณาสำหรับการโฆษณาแอปซึ่งโฮสต์ที่อื่น |
||||
---|---|---|---|---|
ข้อความ | รูปภาพ | HTML5 | วิดีโอ | |
โฆษณาแบนเนอร์ | ไม่ได้ | ใช้ได้ | ใช้ได้ | ไม่ได้ |
โฆษณาคั่นระหว่างหน้า | ไม่ได้ | ใช้ได้ | ใช้ได้ | ไม่ได้ |
โฆษณาที่มีการให้รางวัล | ไม่ได้ | ใช้ได้ | ใช้ได้ | ไม่ได้ |
โฆษณาเนทีฟ | ไม่ได้ | ใช้ได้ | ใช้ได้ | ไม่ได้ |
โฆษณาเปิดแอป | ไม่ได้ | ใช้ได้ | ไม่ได้ | ไม่ได้ |
ประเภทโฆษณาสําหรับการโฆษณาเว็บไซต์ |
|||||
---|---|---|---|---|---|
ข้อความ | รูปภาพ | HTML5 | วิดีโอ | RDA | |
โฆษณาแบนเนอร์ | ไม่ได้ | ใช้ได้ | ใช้ได้ | ไม่ได้ | ใช้ได้ |
โฆษณาคั่นระหว่างหน้า | ไม่ได้ | ใช้ได้ | ใช้ได้ | ไม่ได้ | ใช้ได้ |
โฆษณาที่มีการให้รางวัล | ไม่ได้ | ไม่ได้ | ไม่ได้ | ไม่ได้ | ใช้ได้ |
โฆษณาเนทีฟ | ไม่ได้ | ใช้ได้ | ไม่ได้ | ไม่ได้ | ใช้ได้ |
โฆษณาเปิดแอป | ไม่ได้ | ใช้ได้ | ไม่ได้ | ไม่ได้ | ใช้ได้ |
ประเภทเป้าหมายแคมเปญของคุณจะส่งผลต่อความเข้ากันได้ของประเภทโฆษณาด้วย ใช้ตารางด้านล่างเพื่อช่วยคุณเลือกประเภทเป้าหมายแคมเปญ
หมายเหตุ: เมื่อใช้ต้นทุนต่อการติดตั้งแอปหนึ่งครั้งเป็นประเภทเป้าหมาย คุณจะใช้ได้เฉพาะประเภทโฆษณาแบบข้อความ วิดีโอ และรูปภาพเท่านั้นในแคมเปญที่โฆษณาแอปใน Google Play โดยยังไม่มีการรองรับใน App Store หรือเว็บไซต์อื่นๆ ในปัจจุบัน
ประเภทเป้าหมายแคมเปญ |
||||||
---|---|---|---|---|---|---|
การโฆษณา |
ประเภทโฆษณา |
CPI สูงสุด | โฆษณาที่ใช้สื่อกลาง | จำนวนการแสดงผล | เปอร์เซ็นต์การแสดงผล | จำนวนการคลิก |
แอปใน Google Play | ข้อความ | |||||
วิดีโอ | ||||||
รูปภาพ | ||||||
แอปใน App Store | ข้อความ | เบต้า | ||||
วิดีโอ | เบต้า | |||||
รูปภาพ | เบต้า | |||||
แอปที่โฮสต์ที่อื่น | รูปภาพ | |||||
HTML 5 | ||||||
เว็บไซต์ | รูปภาพ | |||||
HTML 5 | ||||||
รูปแบบที่ปรับเปลี่ยนตามอุปกรณ์ | ||||||
ข้อความ |