แท็กผู้เผยแพร่โฆษณาผ่าน Google (GPT) เป็นไลบรารีแท็กโฆษณาที่ช่วยให้ผู้เผยแพร่กำหนดพื้นที่โฆษณา เริ่มต้นคำขอโฆษณาและรวมเป็นกลุ่ม ตลอดจนสร้างอุปสงค์ในการลงโฆษณาที่ตรงตามเงื่อนไข GPT จะใช้รายละเอียดที่สำคัญจากคุณ (เช่น โค้ดหน่วยโฆษณา ขนาดโฆษณา และคีย์-ค่า) สร้างคําขอ และแสดงโฆษณาในหน้าเว็บ
เมื่อใช้ GPT คุณจะกำหนดการตั้งค่าที่ใช้ร่วมกันได้ เช่น การกำหนดเป้าหมายที่ระดับหน้า แทนที่จะเป็นการกำหนดเป้าหมายแบบเดียวกันสำหรับโฆษณาแต่ละชิ้นในหน้านั้น นอกจากนี้คุณยังควบคุมวิธีการและเวลาที่จะสร้างคำขอโฆษณาได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น คุณใช้สถาปัตยกรรมคําขอรวมครั้งเดียวเพื่อเรียกโฆษณาทั้งหมดมาในครั้งเดียวที่ส่วนหัวของหน้าได้
Google จะแสดงไฟล์ JavaScript ที่ใช้ GPT คุณไม่ควรแสดงไลบรารีเหล่านี้จากเซิร์ฟเวอร์ของคุณเองหรือโหลดไลบรารีจากแหล่งที่มาที่ไม่เป็นทางการ
เริ่มต้นโดยอ่านเอกสารประกอบสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์
วิธีการทำงานของ GPT
แท็กผู้เผยแพร่โฆษณาผ่าน Google ใช้เพื่อกําหนดช่องโฆษณาที่พร้อมใช้งานในเครือข่ายของคุณ การวาง GPT ในหน้าเว็บจะสร้างเส้นทางการสื่อสารระหว่างเซิร์ฟเวอร์โฆษณากับเบราว์เซอร์ของผู้ใช้ เมื่อมีการขอหน้าเว็บที่มี GPT เหตุการณ์ต่อไปนี้จะเกิดขึ้นตามลำดับ
-
คำขอจะสร้างขึ้นจากเบราว์เซอร์ของผู้ใช้และส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์โฆษณาเพื่อให้ได้
gpt.js
ซึ่งเป็น JavaScript ที่อยู่ในตัวโค้ดแท็ก -
JavaScript ดังกล่าวจะสร้างและส่งคําขออย่างน้อย 1 คำขอไปยังเซิร์ฟเวอร์โฆษณาเพื่อขอโฆษณาที่ติดแท็กในหน้าเว็บนั้น
-
เซิร์ฟเวอร์โฆษณาจับคู่หน่วยโฆษณากับคีย์-ค่าทั้งหมดที่อยู่ในคําขอนั้น
-
เซิร์ฟเวอร์โฆษณาทำการประมูลเพื่อเลือกครีเอทีฟโฆษณาที่ตรงตามเงื่อนไขมากที่สุดสำหรับหน่วยโฆษณานั้น
-
เซิร์ฟเวอร์โฆษณาส่งโฆษณาที่ตรงตามเงื่อนไขไปยัง GPT JavaScript
-
GPT JavaScript แสดงโฆษณาในหน้า
ประโยชน์ของ GPT
GPT มีประโยชน์หลายประการ ดังนี้
- ลําดับชั้นของพื้นที่โฆษณาที่มีหลายระดับ: แท็กผู้เผยแพร่โฆษณาผ่าน Google ให้คุณใช้ระดับที่ย่อยยิ่งขึ้นของพื้นที่โฆษณาในส่วนหน้าของ Ad Manager ได้ ลำดับชั้นที่มีหลายระดับช่วยให้คุณสร้างการกำหนดเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงขึ้นได้อย่างมากโดยอิงตามเนื้อหาเว็บไซต์
- ลดผลกระทบจากเวลาในการโหลดหน้าเว็บให้เหลือน้อยที่สุด: การดึงข้อมูล JavaScript แบบไม่พร้อมกันหมายถึงหน้าเว็บจะแสดงผลโดยไม่ต้องรอให้เซิร์ฟเวอร์ Ad Manager ส่ง JavaScript กลับมา โฆษณาจะโหลดใน iframe ทันทีที่มีการส่งครีเอทีฟโฆษณากลับมาจากเซิร์ฟเวอร์
- คอนโซลผู้เผยแพร่โฆษณาของ Google: แท็กจะมาพร้อมกับเครื่องมือสนับสนุนและแก้ไขข้อบกพร่องในตัวที่มีชื่อว่าคอนโซลผู้เผยแพร่โฆษณาของ Google ซึ่งพร้อมให้ใช้งานในหน้าเว็บทุกหน้าที่มีแท็กผู้เผยแพร่โฆษณาผ่าน Google
- สถาปัตยกรรมคําขอรวมครั้งเดียว (SRA): แทนที่จะส่งคำขอโฆษณาแต่ละรายการไปยังเซิร์ฟเวอร์ Ad Manager เบราว์เซอร์จะส่งได้เพียง 1 คำขอเพื่อแจ้งเซิร์ฟเวอร์เกี่ยวกับหน่วยโฆษณาทั้งหมดในหน้าเว็บ นี่คือโหมดคำขอที่แนะนำ เพราะช่วยให้ทำ Roadblock ขั้นสูงและปรับปรุงเวลาในการโหลดหน้าเว็บได้
- ความสามารถในการใช้ SafeFrame: เทคโนโลยี SafeFrame ช่วยให้เกิดการโต้ตอบที่โปร่งใสระหว่างเนื้อหาของหน้ากับโฆษณา และในขณะเดียวกันก็มอบการควบคุมแก่ผู้เผยแพร่โฆษณาและปกป้องคุณจากครีเอทีฟโฆษณาที่อาจไม่น่าเชื่อถือและการเปลี่ยนเส้นทางอัตโนมัติ
- การออกแบบที่ปรับเปลี่ยนตามอุปกรณ์: คุณใช้ GPT เพื่อสร้างโฆษณาที่เหมาะกับเบราว์เซอร์ที่ผู้เข้าชมใช้ดูเว็บไซต์ของคุณได้ ซึ่งหมายความว่าโฆษณาจะดูดีในทุกอุปกรณ์
- การเลือกโฆษณาระดับหน้าเว็บ: GPT และเซิร์ฟเวอร์โฆษณาทํางานร่วมกันเพื่อติดตามว่าโฆษณาใดบ้างปรากฏในหน้าเว็บ คุณจึงกําหนด Roadblock, โฆษณา Takeover และการยกเว้นโฆษณาของคู่แข่งได้
- รองรับโฆษณาเชิงโต้ตอบ: คุณใช้ GPT เพื่อสร้างและแสดงรูปแบบโฆษณาคั่นระหว่างหน้าในเว็บ, โฆษณา Anchor และโฆษณาที่มีการให้รางวัลได้
- จัดการการผสานรวมกรอบความยินยอมเพื่อการปฏิบัติตามข้อกําหนด: GPT สามารถสื่อสารกับ CMP ของ IAB เพื่อจัดการและเคารพในความยินยอมของผู้ใช้เกี่ยวกับการใช้พื้นที่เก็บข้อมูลและการปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ GPT ยังมี API ให้ผู้เผยแพร่โฆษณากําหนดการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวและโฆษณาแบบจำกัดได้ด้วย
GPT และหน้าที่ปลอดภัย (https://
)
GPT ทำงานกับหน้าเว็บที่ปลอดภัยซึ่งมี URL ขึ้นต้นด้วย https://
โดยอัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแท็กเพื่อให้แสดงผลในหน้าเว็บที่ปลอดภัย
HTTPS ย่อมาจาก Hypertext Transfer Protocol Secure ซึ่งเป็นโปรโตคอลการสื่อสารที่สร้างต่อยอดโปรโตคอล Transport Layer Security (TLS) และ Secure Sockets Layer (SSL) โปรโตคอลดังกล่าวทำการเข้ารหัสองค์ประกอบบางอย่างของการสื่อสารระหว่างเซิร์ฟเวอร์และไคลเอ็นต์เพื่อป้องกันการเจาะระบบและการดักฟังข้อมูลโดยบุคคลที่สาม