สารบัญ
รายการโฆษณาเฮาส์แอ็ดและการประมูล
รายการโฆษณาเฮาส์แอ็ด* จะแสดงก็ต่อเมื่อไม่มีรายการโฆษณาส่วนที่เหลือ (เครือข่าย กลุ่ม ลำดับความสำคัญตามราคา) ความต้องการของ Ad Exchange หรือความต้องการของการเสนอราคาแบบเปิดที่พร้อมแสดง กล่าวคือ รายการโฆษณาเฮาส์แอ็ดจะได้รับการพิจารณาเสมือนว่ามีราคาเป็น $0 และจะไม่แข่งขันด้วยราคาผ่านการจัดสรรแบบไดนามิก
CPM ของรายการโฆษณาเฮาส์แอ็ดจะเป็นตัวกำหนดอันดับของโฆษณาเฮาส์แอ็ดที่มีสิทธิ์ แต่ไม่จำเป็นต้องเท่ากับราคาพื้นใดๆ ที่กำหนดในกฎการกำหนดราคาแบบรวมเพื่อให้มีสิทธิ์แสดงโฆษณา ด้วยเหตุนี้จึงแสดงเป็นโฆษณาสำรองได้เป็นอย่างดี ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎการกำหนดราคาแบบรวม**
* โปรดทราบว่ารายการโฆษณาที่มีลำดับความสำคัญตามราคา รายการโฆษณาแบบกลุ่ม และรายการโฆษณาเครือข่ายที่ไม่ได้แข่งขันกันด้วยราคาในการประมูลแบบรวม (เช่น รายการโฆษณาที่มีราคาเป็น 0 และไม่มี CPM มูลค่า) จะถือว่าเป็นรายการโฆษณาเฮาส์แอ็ด
** สำหรับพ็อดที่เพิ่มประสิทธิภาพวิดีโอ รายการโฆษณาเฮาส์แอ็ดจะแข่งขันโดยยึดตามเปอร์เซ็นต์ และไม่ใช้ CPM เมื่อ Ad Exchange ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
บทนำ
เอกสารประกอบฉบับนี้จะอธิบายเครื่องมือและกลไกต่างๆ ของกระบวนการเลือกโฆษณาใน Google Ad Manager รวมถึงวิธีการเลือกครีเอทีฟโฆษณาจากรายการโฆษณาที่เลือกไว้ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อการใช้งานของผู้ดูแลระบบเครือข่าย ผู้ดูแลการแสดงโฆษณา และพนักงานขาย และมีสมมติฐานว่าบุคคลดังกล่าวมีความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับระบบ Ad Manager และแนวคิดในการแสดงโฆษณา
ช่วยฉันแก้ปัญหาเกี่ยวกับการแสดงโฆษณา
หมายเหตุและคำจำกัดความ
- HTTPS หมายถึงโปรโตคอลที่ใช้ในการแสดงโฆษณาในบริบทของบทความนี้ Ad Manager รองรับโมเดล "HTTPS Everywhere" โดยสมบูรณ์เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมในบล็อกโพสต์ Ads Take a Step Towards “HTTPS Everywhere”
- เมื่อใช้สถาปัตยกรรมคำขอรวมครั้งเดียว (SRA) ของ GPT จะมีการใช้คำขอ HTTPS คำขอเดียวในการขอช่องโฆษณาทั้งหมดในหน้าเว็บ
- เมื่อหน้าเว็บมีช่องโฆษณาหลายช่อง ให้ประกาศคำจำกัดความช่องในส่วนหัวเรียงตามลำดับการแสดงผล ลำดับของช่องอาจบอกให้ทราบถึงการเลือกโฆษณาของ Ad Manager และมีผลกระทบต่อลักษณะการแสดงโฆษณา อย่างเช่น การทำ Roadblock และการหมุนเวียนครีเอทีฟโฆษณา ซึ่งจะกล่าวถึงภายหลังในเอกสารนี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำจำกัดความของช่องและการเรียงลำดับ
- รูปแบบคำสั่งของแท็กอยู่นอกเหนือขอบเขตของบทความนี้และอธิบายอยู่ในบทความเรื่องการสร้างแท็กโฆษณา Ad Manager
- รายละเอียดการใช้งานสำหรับแพลตฟอร์มฝั่งดีมานด์ (DSP) อยู่นอกเหนือขอบเขตของบทความนี้
ภาพรวมของกระบวนการเลือกโฆษณา
กระบวนการเลือกโฆษณาของ Ad Manager ออกแบบมาเพื่อการแสดงโฆษณาที่เหมาะสมแก่ลูกค้าเป้าหมายได้ถูกเวลา Ad Manager ใช้กระบวนการด้านล่างนี้ในการเลือกโฆษณาที่จะแสดง สมมติว่าเว็บเบราว์เซอร์หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ของผู้ใช้โหลดแท็กโฆษณา Ad Manager (ในเว็บไซต์) หรือโค้ดโฆษณา Ad Manager (ในแอป) และส่งคำขอโฆษณา ซึ่งส่งผ่านข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์โฆษณา
- เซิร์ฟเวอร์โฆษณาจะสร้างรายชื่อรายการโฆษณาทั้งหมดที่ตรงกับเกณฑ์การกำหนดเป้าหมาย
- Ad Manager ใช้การจัดสรรแบบไดนามิกเพื่อตรวจสอบว่า Ad Exchange, AdSense, การเสนอราคาแบบเปิด หรือรายการโฆษณาส่วนที่เหลือจะแสดงโดยไม่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายการแสดงโฆษณาหรืออัตราการแสดงโฆษณาของรายการโฆษณาที่รับประกันการแสดงผลหรือไม่ วิธีนี้จะเพิ่มผลตอบแทนโดยรวมของเครือข่ายโดยไม่เพิ่มความเสี่ยงในการแสดงผลน้อยไป
- เซิร์ฟเวอร์โฆษณาจะเลือกครีเอทีฟโฆษณาที่ดีที่สุดจากภายในรายการโฆษณาที่เลือกไว้หรืออุปสงค์ RTB
- เซิร์ฟเวอร์โฆษณาแสดงครีเอทีฟโฆษณาแก่ผู้ใช้
กระบวนการเลือกโฆษณา
หัวข้อต่างๆ ที่ตามมาจะให้รายละเอียดแต่ละขั้นตอนในกระบวนการนี้
1. คำขอโฆษณาส่งผ่านข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์โฆษณา
ทรัพยากรต่างๆ (เช่น ไลบรารี JavaScript อย่างเช่น GPT ในหน้าเว็บ หรือโค้ดของแอปพลิเคชันในแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่) ที่เว็บเบราว์เซอร์หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ของผู้ใช้สร้างขึ้นจะส่งคำขอโฆษณา จากนั้นจะเริ่มส่งคำขอ HTTP ไปยังเซิร์ฟเวอร์โฆษณา
ข้อมูลผู้ใช้และอุปกรณ์จะอยู่ในคำขอที่ส่งไปยัง Ad Manager ทำให้ Ad Manager จับคู่โฆษณาที่เหมาะกับผู้ใช้เป้าหมายได้ ข้อมูลสำคัญที่ส่งไปในคำขอโฆษณามี 5 ส่วนดังนี้
- ส่วนหัวของ HTTP
- ที่อยู่ IP
- ตัวระบุผู้ใช้ (ไม่มีข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุตัวบุคคลนั้นได้) ซึ่งอาจเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้
- รหัสโฆษณาบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่รีเซ็ตได้ (สำหรับคำขอโฆษณาในแอป เช่น รหัสโฆษณาสำหรับ Android, IDFA สำหรับ iOS หรือตัวระบุอื่นๆ สำหรับอุปกรณ์อย่างเช่น Roku)
- PPID (สำหรับผู้เผยแพร่โฆษณาที่มีการตั้งค่าไว้ในคำขอโฆษณาของตน)
- คุกกี้ DoubleClick (สำหรับเบราว์เซอร์ในเดสก์ท็อปและอุปกรณ์เคลื่อนที่)
- เกณฑ์การกำหนดเป้าหมายเองที่ผู้เผยแพร่โฆษณากำหนดไว้ในแท็กโฆษณา Ad Manager
- ค่า "สหสัมพันธ์" ที่คำขอโฆษณาต่างๆ ในหน้าเว็บเดียวกันใช้ร่วมกัน
ตารางต่อไปนี้แสดงรายละเอียดวิธีใช้ข้อมูลนี้ในกระบวนการเลือกโฆษณา เซิร์ฟเวอร์โฆษณา Ad Manager จะตรวจสอบตัวระบุผู้ใช้ซึ่งอธิบายไว้ข้างต้นเมื่อได้รับอนุญาตจากผู้ใช้แต่ละรายเท่านั้น กล่าวคือ ผู้ใช้ไม่ได้เลือกไม่ใช้หรือไม่ได้บล็อกเซิร์ฟเวอร์ผ่านการตั้งค่าของเบราว์เซอร์หรือข้อจำกัดในการติดตามบนอุปกรณ์เคลื่อนที่
สรุปประเภทข้อมูล (ตาราง)ข้อมูล | ข้อมูลที่ให้ |
---|---|
ส่วนหัวของ HTTP | ประเภทของเบราว์เซอร์ |
ระบบปฏิบัติการ | |
วันที่และเวลา | |
ที่อยู่ IP | ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ |
ข้อมูลการกำหนดเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต เช่น โดเมนผู้ใช้ | |
ตัวระบุผู้ใช้ | การกำหนดความถี่สูงสุด |
การหมุนเวียนครีเอทีฟโฆษณา | |
การเป็นสมาชิกในรายการกลุ่มเป้าหมาย | |
แท็กโฆษณา Ad Manager | หน่วยโฆษณาและขนาด |
ประเภทโฆษณาที่หน่วยโฆษณารับได้ | |
พารามิเตอร์การกำหนดเป้าหมายเอง (คีย์-ค่า) | |
ค่าสหสัมพันธ์ | คำขอโฆษณาที่เป็นของการดูหน้าเว็บครั้งเดียวกัน (ใช้สำหรับ ฟังก์ชันการแสดงขั้นสูง เช่น การทำ Roadblock |
2. สร้างลิสต์รายการโฆษณาและกลุ่มผลตอบแทนที่ตรงกัน
เมื่อเซิร์ฟเวอร์โฆษณารวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องสำหรับคำขอโฆษณา จะมีการสร้างลิสต์รายการโฆษณาและกลุ่มผลตอบแทนทั้งหมดที่ตรงกับเกณฑ์ชุดย่อยของเกณฑ์การกำหนดเป้าหมายของคำขอ
เช่น ถ้าคำขอมาจากชายคนหนึ่งในเชียงใหม่ที่ใช้ Linux
- รายการโฆษณาหรือกลุ่มผลตอบแทนที่มีเป้าหมายเป็นชายในเชียงใหม่จะอยู่ในรายชื่อ
- รายการโฆษณาหรือกลุ่มผลตอบแทนที่มีเป้าหมายเป็นชายในเชียงใหม่ที่ใช้ Windows จะไม่อยู่ในรายชื่อ
- รายการโฆษณาหรือกลุ่มผลตอบแทนที่มีเป้าหมายเป็นชายในสงขลาจะไม่อยู่ในรายชื่อ
3. เลือกรายการโฆษณาที่ดีที่สุด
เซิร์ฟเวอร์โฆษณาจะนำรายการโฆษณาที่ไม่มีสิทธิ์แสดงออกจากรายชื่อรายการโฆษณาที่ตรงกันด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น
- การกำหนดความถี่สูงสุด
- ช่วงการแบ่งเวลาของวัน
- การยกเว้น (ข้อจำกัดในการแข่งขันและรายการโฆษณาที่คล้ายกัน)
นอกจากนี้เซิร์ฟเวอร์โฆษณาจะดูค่าสหสัมพันธ์ที่ส่งไปในคำขอเพื่อระบุโฆษณาอื่นๆ ที่ได้รับเลือกให้แสดงในการดูหน้าเว็บครั้งนี้ไปแล้ว โฆษณาที่ได้รับเลือกให้แสดงในหน้านี้ก่อนหน้านี้อาจส่งผลกระทบต่อการมีสิทธิ์ของรายการโฆษณาอื่นๆ ที่จะแสดงในการดูหน้าเว็บครั้งนี้ในกรณีต่างๆ เช่น
- การทำ Roadblock (การแสดงครีเอทีฟโฆษณาตั้งแต่ 2 ชิ้นขึ้นไปพร้อมกัน) หรือมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ (AMAP) (ทำ Roadblock ได้เฉพาะใน Google Ad Manager 360 เท่านั้น)
- การยกเว้นผู้ลงโฆษณา (ป้องกันไม่ให้ผู้ลงโฆษณา 2 รายที่มีธุรกิจที่แข่งขันกันปรากฏในหน้าเดียวกัน)
Ad Manager จะใช้การจัดสรรแบบไดนามิกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายพื้นที่โฆษณาส่วนที่เหลือ (รวมถึง Ad Exchange, การเสนอราคาแบบเปิด, สื่อกลาง และอื่นๆ) จากการแสดงรายการโฆษณาที่อิงตามเป้าหมายโดยไม่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายของการจอง กล่าวอย่างเจาะจงคือ เมื่อใช้การจัดสรรแบบไดนามิก Ad Manager จะพิจารณารายการโฆษณามาตรฐานและรายการโฆษณาส่วนที่เหลือที่จะแสดงให้แก่การแสดงผลที่มีสิทธิ์ได้ จากนั้นจะเลือกรายการโฆษณาส่วนที่เหลือที่มีสิทธิ์โดยเลือกรายการที่มี CPM สูงกว่า หรือเลือกโดยดูจากต้นทุนค่าเสียโอกาสที่คำนวณได้ของรายการโฆษณาที่มีเป้าหมายในการแสดงโฆษณา
Ad Manager จะคำนึงถึงสิ่งต่างๆ ต่อไปนี้เมื่อพิจารณารายการโฆษณาที่รับประกันการแสดงผลและรายการโฆษณาส่วนที่เหลือที่ใช้การจัดสรรแบบไดนามิก
- รายการโฆษณาส่วนที่เหลือคือรายการโฆษณาที่อยู่ในพื้นที่ส่วนที่เหลือ โดยกำหนดเป็นรายการโฆษณาในการประมูลแต่ละครั้งที่มีลำดับความสำคัญเทียบเท่ากับหรือต่ำกว่าค่าสูงสุดของสิ่งต่อไปนี้
- ลำดับความสำคัญ 12
- มีลำดับความสำคัญมากกว่า (ตัวเลขมากกว่า) 1 ลำดับ เมื่อเทียบกับรายการโฆษณา Ad Exchange, AdSense หรือรายการโฆษณาที่มีลำดับความสำคัญตามราคาที่มีลำดับความสำคัญสูงสุด (ตัวเลขน้อยกว่า)
- รายการโฆษณาที่รับประกันการแสดงผลคือรายการโฆษณาที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ส่วนที่เหลือ
4. เลือกครีเอทีฟโฆษณาที่ดีที่สุด
เมื่อเลือกรายการโฆษณาที่ดีที่สุดแล้ว เซิร์ฟเวอร์โฆษณาของ Ad Manager จะเลือกครีเอทีฟโฆษณาที่ดีที่สุดดังนี้
- ครีเอทีฟโฆษณาที่ไม่ตรงกับขนาดของคำขอโฆษณาจะถูกกรองออก
- ระบบจะพิจารณาเฉพาะครีเอทีฟโฆษณาที่มีประเภทที่ถูกต้องสำหรับช่องนั้นๆ โดยอิงตามรูปแบบ (รูปภาพ วิดีโอ ฯลฯ)
- ถ้าครีเอทีฟโฆษณาจากรายการโฆษณาหนึ่งได้แสดงในการดูหน้าเว็บครั้งนี้แล้ว ครีเอทีฟโฆษณาดังกล่าวจะแยกออกจากการแสดงในช่องอื่นๆ บนหน้าเว็บนั้น ซึ่งจะป้องกัน "การเกิดแจ็กพอต" ที่ครีเอทีฟโฆษณาเดียวกันแสดงในทุกช่องบนหน้าเว็บ
- เมื่อกรองเสร็จแล้ว
- หากรายการโฆษณามีครีเอทีฟโฆษณาที่ตรงกันเพียง 1 รายการ ระบบก็จะแสดงครีเอทีฟโฆษณาชิ้นนั้น
- หากรายการโฆษณาไม่มีครีเอทีฟโฆษณาที่ตรงกัน เซิร์ฟเวอร์โฆษณาจะตรวจสอบรายการโฆษณาที่ดีที่สุดรายการถัดไป และทำตามขั้นตอนนี้ซ้ำ
- หากรายการโฆษณามีครีเอทีฟโฆษณาที่ตรงกันมากกว่า 1 ชิ้น ระบบจะใช้กฎการหมุนเวียนโฆษณาดังนี้
- สม่ำเสมอ: หมุนเวียนครีเอทีฟโฆษณาอย่างสม่ำเสมอ
- เพิ่มประสิทธิภาพ: เลือกครีเอทีฟโฆษณาที่มีอัตราการคลิกผ่านสูงสุดในอดีต
- ระบุน้ำหนัก: เลือกครีเอทีฟโฆษณาแบบสุ่มตามน้ำหนักที่สัมพันธ์กันที่มีการระบุไว้สำหรับแต่ละชิ้น (เช่น 70/30)
- ตามลำดับ: หมุนเวียนครีเอทีฟโฆษณาตามลำดับที่ระบุ โดยให้หมายเลขครีเอทีฟโฆษณาแต่ละชิ้นตั้งแต่ 1 ถึง 80 เมื่อครีเอทีฟโฆษณาหมุนเวียนตามลำดับ ผู้ใช้แต่ละรายจะเห็นครีเอทีฟโฆษณาตามลำดับที่ระบุไว้ทุกครั้งที่มีการแสดงรายการโฆษณา แม้ว่าจะมีการดูหน้าเว็บหลายครั้งก็ตาม โดยลำดับการแสดงโฆษณาจะขยายออกให้ครอบคลุมตั้งแต่ครีเอทีฟโฆษณาสุดท้ายไปจนถึงครีเอทีฟโฆษณาแรก
5. แสดงครีเอทีฟโฆษณา
นี่เป็นขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการเลือกโฆษณา ณ จุดนี้ Ad Manager ได้เลือกครีเอทีฟโฆษณาที่จะแสดงในช่องโฆษณาทั้งหมดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำขอ HTTP แล้ว โดย Ad Manager จะบันทึกข้อมูลโฆษณาที่ชนะเพื่อวัตถุประสงค์ในการรายงานการแสดงโฆษณา จากนั้นจะสร้างการตอบสนอง HTTP ที่มีโค้ดครีเอทีฟโฆษณาและตอบกลับคำขอ HTTP เดิม
ไลบรารีการติดแท็ก GPT (บนเว็บและเว็บบนอุปกรณ์เคลื่อนที่) หรือ SDK ของโฆษณา (ในแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่) จะรับการตอบสนองแล้วประมวลผล ในกรณีที่เป็นคำขอ GPT SRA ระบบจะจับคู่ครีเอทีฟโฆษณาที่เฉพาะเจาะจงกับช่องโฆษณาที่เหมาะสมบนหน้าเว็บ เมื่อมีการเพิ่มครีเอทีฟโฆษณาลงในช่องโฆษณาแล้ว ทรัพยากรเพิ่มเติมใดๆ ก็ตาม (เช่น ภาพจากภายนอกหรือสคริปต์) จะได้รับการดาวน์โหลดและแสดงผลด้วย การแสดงโฆษณาจึงเป็นอันเสร็จสมบูรณ์