ดูคําตอบสําหรับคําถามที่พบบ่อยหรือการแก้ปัญหาเกี่ยวกับโปรแกรมการปกป้องขั้นสูง
การปกป้องขั้นสูงต่างจากการยืนยันแบบ 2 ขั้นตอนอย่างไร
หลังจากลงชื่อเข้าใช้ด้วยรหัสผ่าน ทั้งการยืนยันแบบ 2 ขั้นตอนและการปกป้องขั้นสูงจะกำหนดให้คุณทำขั้นตอนที่ 2 เพื่อยืนยันตัวตน
ขั้นตอนที่ 2 ของการยืนยันแบบ 2 ขั้นตอนอาจเป็นสิ่งต่อไปนี้
- ข้อความแจ้งที่ส่งไปยังโทรศัพท์
- รหัสยืนยัน
- คีย์ความปลอดภัย
ส่วนขั้นตอนที่ 2 ของการปกป้องขั้นสูงจะเป็นคีย์ความปลอดภัยเสมอ เนื่องจากเป็นวิธีลงชื่อเข้าใช้ที่ปลอดภัยกว่า
นอกจากนี้ การปกป้องขั้นสูงยังจำกัดการเข้าถึงข้อมูลแอปของบุคคลที่สาม ตรวจสอบการดาวน์โหลดที่น่าสงสัยอย่างเข้มงวดมากขึ้น และยกระดับความปลอดภัยในการกู้คืนบัญชีเพื่อช่วยป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต
คำถามพื้นฐานเกี่ยวกับการปกป้องขั้นสูง
การปกป้องขั้นสูงมีค่าใช้จ่ายเท่าไร
ฉันลงทะเบียนบัญชีมากกว่า 1 บัญชีได้ไหม
ฉันควรทำอย่างไรก่อนที่จะลงทะเบียน
- เพิ่มอีเมลสำรองและหมายเลขโทรศัพท์สำหรับการกู้คืนในบัญชี Google เพื่อช่วยกู้คืนบัญชีในกรณีที่คุณเข้าบัญชีไม่ได้
- หากคุณใช้ iPhone ให้ติดตั้งแอป Google Smart Lock เพราะจำเป็นต้องใช้เมื่อลงทะเบียน
- เปิดการยืนยันแบบ 2 ขั้นตอนในบัญชี Google
- สั่งซื้อคีย์ความปลอดภัยอย่างน้อย 1 อัน หากยังไม่มี
ฉันลงทะเบียนด้วยบัญชี Google Workspace ของฉันได้ไหม
คำถามเกี่ยวกับคีย์ความปลอดภัย
คีย์ความปลอดภัยคืออะไร
คีย์ความปลอดภัยเป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของคุณผ่านพอร์ต USB หรือระบบไร้สายอย่าง NFC หรือบลูทูธ โทรศัพท์ของคุณอาจมีคีย์ความปลอดภัยในตัวอยู่ด้วยก็ได้
คีย์ความปลอดภัยจะช่วยปกป้องบัญชีจากการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต เมื่อเปิดการปกป้องขั้นสูงไว้ คุณจะต้องใช้คีย์ความปลอดภัยที่ลงทะเบียนกับบัญชีเพื่อลงชื่อเข้าใช้
หากยังเข้าถึงบัญชีได้ ให้ทำดังนี้
- ซื้อคีย์ความปลอดภัยสำหรับใช้เปลี่ยนทดแทนอย่างน้อย 1 อัน
- ไปที่บัญชี Google
- ในแผงการนำทางด้านซ้าย ให้คลิกความปลอดภัย
- ในแผง "วิธีลงชื่อเข้าใช้ Google" ให้คลิกพาสคีย์และคีย์ความปลอดภัย
- คลิกเพิ่มคีย์ความปลอดภัย เพิ่มคีย์ความปลอดภัยใหม่
- ข้างคีย์ความปลอดภัยที่หายไป ให้เลือกแก้ไข นำคีย์นี้ออก
หากคุณไม่มีสิทธิ์เข้าถึงบัญชี ให้ทำดังนี้
- ส่งคำขอกู้คืนบัญชี Google ใช้เวลา 2-3 วันเพื่อยืนยันตัวตนของคุณ
- ระหว่างที่รอ ให้สั่งซื้อคีย์ความปลอดภัยสำหรับใช้เปลี่ยนทดแทนอย่างน้อย 1 อัน
- คุณจะได้รับอีเมลที่ส่งไปยังอีเมลสำหรับการกู้คืนเพื่อแจ้งให้ทราบว่าเข้าถึงบัญชีได้แล้ว เมื่อได้รับการแจ้งเตือน ให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชีอีกครั้ง
- เปิดการปกป้องขั้นสูงอีกครั้ง
คุณควรพกคีย์ความปลอดภัยติดตัวไว้ทุกเมื่อที่คุณอาจต้องการลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์เครื่องใหม่
หากคุณจะเดินทาง ให้นำคีย์ความปลอดภัยติดตัวไปด้วย และควรชาร์จคีย์ความปลอดภัยแบบบลูทูธก่อนออกเดินทาง
คำถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของ Google
ฉันจะยังใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Google ได้ไหมคุณยังลงชื่อเข้าใช้แอปและบริการต่างๆ ด้วย Google ได้อยู่ แต่หากแอปและบริการเหล่านั้นขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลใน Gmail หรือไดรฟ์ ระบบจะปฏิเสธคําขอ
เคล็ดลับ: คุณอาจใช้รหัสเพิ่มเพื่อให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลใน Gmail หรือไดรฟ์แก่แอปที่รองรับบางแอปใช่ Nest ใช้ได้กับบัญชี Google รวมถึงบัญชีที่ลงทะเบียนในโปรแกรมการปกป้องขั้นสูง คุณย้ายข้อมูลบัญชี Nest ไปยังบัญชี Google ได้เพื่อช่วยให้คุณจัดการอุปกรณ์ Google Nest และ Google Home ทั้งหมดได้
ดูข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของอุปกรณ์และบริการสำหรับบ้านที่เชื่อมต่อของ Google Nest ได้ที่คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว
แชร์กับสมาชิกในบ้านคนอื่นๆ ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น
ทำตามคำแนะนำต่อไปนี้เพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ Google Nest และ Google Home
- เพิ่มสมาชิกในบ้านที่คุณเชื่อถือเท่านั้น โปรดทราบว่า
- สมาชิกในบ้านทุกคนจะเข้าถึงอุปกรณ์ บริการสื่อ ที่อยู่ และกิจกรรมในบ้านได้
- สมาชิกในบ้านจะเพิ่มอุปกรณ์ใหม่ในบ้านได้
- สมาชิกในบ้านจะเพิ่มหรือนำสมาชิกในบ้านคนอื่นออกได้รวมถึงคุณด้วย ทุกครั้งที่มีการเพิ่มสมาชิกใหม่ สมาชิกในบ้านทุกคนจะได้รับการแจ้งเตือนทางอีเมล
- หากบัญชี Google ของคุณลงทะเบียนในการปกป้องขั้นสูง เราขอแนะนำอย่างยิ่งให้สมาชิกในบ้านทุกคนลงทะเบียนในการปกป้องขั้นสูงด้วย เพื่อให้ได้รับการปกป้องอย่างเท่าเทียมกันจากการเข้าถึงบัญชี Google และอุปกรณ์หรือบริการในบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต
คำถามเกี่ยวกับบริการที่ไม่ใช่ของ Google
ฉันจะใช้แอปและบริการที่ไม่ใช่ของ Google หรือ Apps Script กับการปกป้องขั้นสูงได้อย่างไรแอปและบริการที่ไม่ใช่ของ Google โดยส่วนใหญ่จะถูกบล็อก
การปกป้องขั้นสูงช่วยป้องกันไม่ให้แอปและบริการที่ไม่ใช่ของ Google โดยส่วนใหญ่เข้าถึงข้อมูลของคุณได้ เช่น ข้อมูลใน Google ไดรฟ์และ Gmail เป็นต้น วิธีนี้ทำให้ข้อมูลดังกล่าวได้รับการป้องกันจากการเข้าถึงที่เป็นอันตรายหรือไม่ปลอดภัยได้แน่นหนายิ่งขึ้น
หลังจากเปิดการปกป้องขั้นสูงแล้ว คุณอนุญาตให้แอปและบริการเหล่านี้เข้าถึงข้อมูล Google ของคุณได้
- แอปและบริการทั้งหมดของ Google
- Apple Mail, ปฏิทิน และแอปรายชื่อติดต่อใน iOS และ macOS
- Mozilla Thunderbird
- โปรแกรมรับส่งอีเมลในเดสก์ท็อปที่เข้าถึง Gmail โดยตรง
อนุญาตให้แอปที่ไม่ใช่ของ Google เข้าถึงข้อมูลของคุณใน Google
แอปของ Apple ใน iOS
คุณใช้รหัสชั่วคราวเพื่ออนุญาตให้แอปของ Apple บางแอปเข้าถึง Gmail และข้อมูลอื่นๆ บางอย่างของบัญชี Google ได้
Mozilla Thunderbird
คุณใช้ Mozilla Thunderbird เพื่อเข้าถึงบัญชี Gmail ได้ โดยต้องใช้ Thunderbird เวอร์ชันล่าสุด (60.0 ขึ้นไป)
Apps Script อาจถูกบล็อก
คุณจะใช้ Apps Script ได้หากลงทะเบียนใช้การปกป้องขั้นสูง หากสคริปต์ขอเข้าถึงข้อมูลบางอย่างในบัญชี เช่น อีเมล เอกสาร หรือรูปภาพ ระบบอาจบล็อกสคริปต์ดังกล่าว
คุณใช้การปกป้องขั้นสูงกับ Mac ที่ใช้ macOS 10.5 ขึ้นไปได้ หากต้องการเพิ่มคีย์ความปลอดภัย ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- ในคอมพิวเตอร์ ให้ไปที่ค่ากำหนดของระบบ
- คลิกบัญชีอินเทอร์เน็ตGoogle
- ทำตามวิธีการเพื่อลงชื่อเข้าใช้
ข้อมูลสำคัญ: ขั้นตอนเหล่านี้ใช้เฉพาะเมื่อบัญชีใช้การปกป้องขั้นสูงเท่านั้น
คุณสร้างรหัสชั่วคราวเพื่อให้แอปอีเมล รายชื่อติดต่อ และปฏิทินของ Apple ใน iOS เข้าถึง Gmail และข้อมูลอื่นๆ บางอย่างของบัญชี Google ได้
- ติดตั้งแอป Google Smart Lock หากยังไม่ได้ติดตั้ง
- เปิด "การตั้งค่า" ใน iPhone หรือ iPad
- แตะรหัสผ่านและบัญชีเพิ่มบัญชีGoogle
- ทำตามวิธีการเพื่อลงชื่อเข้าใช้บัญชี
- เมื่อระบบแจ้ง ให้เปิดแอป Google Smart Lock
- ลงชื่อเข้าใช้หรือเลือกบัญชี
- ทำตามขั้นตอนเพื่อสร้างรหัสชั่วคราว 6 หลัก
- เปิด "การตั้งค่า" อีกครั้ง
- ป้อนรหัส 6 หลักข้างต้น
- แตะถัดไป
หากได้รับข้อผิดพลาดหลังจากลงชื่อเข้าใช้
หากคุณได้รับข้อผิดพลาด เช่น "เกิดปัญหาในการเข้าถึงบัญชี" ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อลงชื่อเข้าใช้
- แตะ "การตั้งค่า" ใน iPhone หรือ iPad
- แตะรหัสผ่านและบัญชีGmailลบบัญชีลบจาก iPhone ของฉัน ขั้นตอนนี้จะนำบัญชีออกจากโทรศัพท์ แต่จะไม่ลบข้อมูลออกจากบัญชี Google
- ในหน้าจอ "รหัสผ่านและบัญชี" แตะเพิ่มบัญชีGoogle
- เริ่มต้นอีกครั้งในขั้นตอนที่ 4 สำหรับการใช้บัญชี Google กับแอป iPhone หรือ iPad บางแอป
หากเห็นข้อความแจ้งให้ป้อนรหัสผ่านทุก 2-3 นาที
ให้ทำตามวิธีการด้านบนเพื่อให้แอปอีเมล รายชื่อติดต่อ และปฏิทินของ Apple เข้าถึง Gmail และข้อมูลอื่นๆ บางอย่างของบัญชี Google ได้
ฉันจะปกป้องบัญชี Google จากความเสี่ยงของข้อมูลสำรอง iCloud ได้อย่างไร
หากต้องการปกป้องบัญชี Google ของผู้ใช้โปรแกรมการปกป้องขั้นสูงไม่ให้ถูกบุกรุกผ่านข้อมูลสำรอง iCloud เราขอแนะนำให้ผู้ใช้ iCloud ตั้งค่าคีย์ความปลอดภัยในบัญชี iCloud
หากคุณเป็นผู้ใช้อุปกรณ์ iOS และใช้ iCloud เพื่อสำรองข้อมูล iCloud จะสำรองข้อมูลและการตั้งค่าที่จัดเก็บไว้ในอุปกรณ์ ข้อมูลนี้ประกอบด้วยคุกกี้จากเบราว์เซอร์ รหัสผ่าน และพาสคีย์ของบริการต่างๆ ที่คุณลงชื่อเข้าใช้ไว้ รวมถึงบัญชี Google ด้วย ผู้ใช้โปรแกรมการปกป้องขั้นสูงที่คืนค่าข้อมูลสำรองไปยังอุปกรณ์ใหม่จะลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google ในอุปกรณ์ใหม่ด้วย ซึ่งหมายความว่าหากบัญชี iCloud ของคุณถูกบุกรุก ผู้โจมตีอาจใช้ข้อมูลสำรองเพื่อเข้าถึงบัญชี Google ของคุณได้ด้วย
โปรแกรมรับส่งอีเมลของบุคคลที่สามจะได้รับการปกป้องโดย Google จากลิงก์ที่เป็นอันตรายไหม
ผู้ใช้ที่มีบัญชี Google ที่ลงทะเบียนในการปกป้องขั้นสูงจะได้รับการป้องกันเพิ่มเติมเวลาคลิกลิงก์ที่เป็นอันตรายในโปรแกรมรับส่งอีเมลบางโปรแกรม
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการป้องกันลิงก์
คําถามเกี่ยวกับการรณรงค์ทางการเมือง
ฉันจะเพิ่มการป้องกันในช่วงเลือกตั้งได้ไหม
หากต้องการยกระดับการปกป้องบัญชีที่มีความเสี่ยงสูงในช่วงการเลือกตั้ง คุณขอรับการรักษาความปลอดภัยบัญชีที่เข้มงวดขึ้นได้ที่นี่
เคล็ดลับ: เพื่อช่วยให้องค์กรทางการเมืองมีความปลอดภัยมากขึ้นด้วยการปกป้องขั้นสูง เราจึงได้ร่วมมือกับทาง Defending Digital Campaigns ในการมอบคีย์ความปลอดภัย Titan ให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โปรดติดต่อ Defending Digital Campaigns เพื่อตรวจสอบว่าทีมของคุณมีสิทธิ์ได้รับคีย์โดยไม่มีค่าใช้จ่ายหรือไม่
แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการปกป้องขั้นสูง
เหตุใดฉันจึงได้รับข้อผิดพลาด 404 เมื่อพยายามลงทะเบียนคุณอาจไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google ที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการปกป้องขั้นสูง
หากคุณลงชื่อเข้าใช้ด้วยหลายบัญชี ให้ออกจากระบบบัญชีอื่นๆ ทั้งหมด หลังจากตั้งค่าการปกป้องขั้นสูงแล้ว คุณจะลงชื่อกลับเข้าใช้บัญชีอื่นของคุณได้
หากต้องการตั้งค่าคีย์ความปลอดภัยในคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Linux คุณอาจต้องเพิ่มกฎ udev ใหม่
- ไปที่ไดเรกทอรี
/etc/udev/rules.d
- สร้างไฟล์ใหม่สำหรับคีย์ความปลอดภัย
- ตั้งชื่อไฟล์ (เช่น
70-key.rules
) - วางวิธีการสำหรับเวอร์ชัน udev ของคุณในไฟล์ที่สร้างขึ้นใหม่นั้น หากไม่ทราบเวอร์ชัน udev ให้เรียกใช้คำสั่ง
sudo udevadm --version
- Udev เวอร์ชัน 188 ขึ้นไป
KERNEL=="hidraw*", SUBSYSTEM=="hidraw", ATTRS{idVendor}=="18d1|096e", ATTRS{idProduct}=="5026|0858|085b", TAG+="uaccess"
- Udev เวอร์ชัน 187 หรือเก่ากว่า
KERNEL=="hidraw*", SUBSYSTEM=="hidraw", ATTRS{idVendor}=="18d1", ATTRS{idProduct}=="5026", GROUP="plugdev", MODE="0660"
- Udev เวอร์ชัน 188 ขึ้นไป
- บันทึกไฟล์และเรียกใช้คำสั่ง
sudo udevadm control --reload-rules
รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์และเพิ่มคีย์ความปลอดภัยลงในบัญชี Google
หากต้องการส่งไฟล์ที่น่าสงสัยไปสแกน ให้เลือกตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่งต่อไปนี้
- ข้างชื่อไฟล์ ให้คลิกส่ง
- ข้างปุ่มส่ง ให้คลิกขยายเพิ่มเติม สแกนไฟล์
- คลิกชื่อไฟล์ ในหน้าต่างป๊อปอัปใหม่ ให้คลิกส่ง
- หากไฟล์เป็นอันตราย คุณจะได้รับข้อความแจ้งว่า Chrome ได้บล็อกไฟล์นั้น หากต้องการลบไฟล์ที่ดาวน์โหลด ให้คลิกทิ้ง
หากระบบพิจารณาว่าไฟล์ปลอดภัย คุณจะดาวน์โหลดไฟล์นั้นได้ หากต้องการดาวน์โหลดไฟล์ ให้คลิกเปิดเลย
ดาวน์โหลดไฟล์ที่ Chrome เตือนคุณต่อไป
- คลิกชื่อไฟล์
- ในหน้าต่างป๊อปอัปใหม่ ให้คลิกเปิดเลย
เมื่อพยายามลงชื่อเข้าใช้ด้วยคีย์ความปลอดภัยในตัวของโทรศัพท์ คุณอาจได้รับข้อความแจ้งว่า "เปิดบลูทูธเพื่ออนุญาตให้จับคู่" การแจ้งเตือนนี้อาจแสดงขึ้นแม้ว่าคุณจะเปิดบลูทูธทั้งในโทรศัพท์และอุปกรณ์ Windows 10 แล้วก็ตาม
หากต้องการอนุญาตให้คีย์ความปลอดภัยในตัวของโทรศัพท์เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Windows 10 ให้ทำดังนี้
- เปิด Windows 10: การตั้งค่า ความเป็นส่วนตัว วิทยุ
- เปิดใช้ "อนุญาตให้แอปควบคุมวิทยุของอุปกรณ์"
คุณปิดการปกป้องขั้นสูงได้ในบัญชี Google
- ไปที่ส่วน "ความปลอดภัย" ของบัญชี Google โดยใช้อุปกรณ์ที่ลงชื่อเข้าใช้แล้ว
- ในส่วน "โปรแกรมการปกป้องขั้นสูง" ให้เลือกยกเลิกการลงทะเบียน
- ทำตามวิธีการบนหน้าจอเพื่อยกเลิกการลงทะเบียน
วิธีลงชื่อเข้าใช้ Android TV หลังจากเปิดการปกป้องขั้นสูง
- นำบัญชี Google ออกจาก Android TV
- เพิ่มบัญชี Google ใน Android TV อีกครั้ง แล้วเลือกตัวเลือกเพื่อตั้งค่าด้วยโทรศัพท์ที่ใช้เครือข่าย Wi-Fi เดียวกัน