รุ่นที่รองรับฟีเจอร์เหล่านี้ (ยกเว้นที่ระบุไว้) ได้แก่ Frontline Starter และ Frontline Standard; Business Starter, Business Standard และ Business Plus; Enterprise Standard และ Enterprise Plus; Education Fundamentals, Education Standard, Teaching and Learning Upgrade, Education Plus และ Endpoint Education Upgrade; Essentials, Enterprise Essentials และ Enterprise Essentials Plus; G Suite Basic และ G Suite Business; Cloud Identity Free และ Cloud Identity Premium เปรียบเทียบรุ่นของคุณ
ในฐานะผู้ดูแลระบบ คุณสามารถควบคุมแอปที่จะให้ผู้ใช้อุปกรณ์ Android และ iOS ค้นหาและติดตั้งสำหรับที่ทำงานหรือโรงเรียนได้โดยการเพิ่มแอปนั้นไปยังรายการแอปบนเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่จากคอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google โดยคุณจะเพิ่มแอปสาธารณะ เช่น แอปของบุคคลที่สามด้านความปลอดภัย ธุรกิจ และการจัดการเอกสาร ตลอดจนเพิ่มแอปส่วนตัวได้ แม้ว่าคุณจะเพิ่มแอปสาธารณะแบบเสียค่าใช้จ่ายลงในรายการได้ แต่จะซื้อแอปให้ผู้ใช้แบบจำนวนมากผ่านการจัดการอุปกรณ์ปลายทางของ Google ไม่ได้
- ดูวิธีใช้รายการแอป
- เพิ่มแอปลงในรายการ
- กำหนดการตั้งค่าแอป
- จัดการรายการแอป
- ตรวจสอบแอปในอุปกรณ์ที่มีการจัดการ
- รับมือกับเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยของแอป
ข้อควรปฏิบัติก่อนเริ่มต้น: ดูวิธีใช้รายการแอป
ข้อกำหนดฟีเจอร์ต้องมีการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูงเว้นแต่จะระบุไว้เป็นอื่น
- ทำให้แอป Android มีการจัดการ*
- ทำให้แอป iOS มีการจัดการ†
- บังคับติดตั้งแอป Android‡#
- บล็อกการติดตั้งแอป Android ที่ไม่มีการจัดการ
- ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ถอนการติดตั้งแอป Android
- อนุญาตวิดเจ็ตทางลัดของแอป Android
- ตั้งแอป Android เป็นบริการ VPN
- กำหนดการตั้งค่าแอปตามกลุ่มหรือหน่วยขององค์กรย่อย#
*รองรับการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นพื้นฐานด้วย
†ผู้ใช้ iPhone และ iPad ทุกคนในองค์กรจะต้องติดตั้งแอป Google Device Policy หากคุณจัดการแอป iOS ใดก็ตาม
‡ นอกจากนี้ยังรองรับการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นพื้นฐานด้วยรุ่น Business Plus, Enterprise, G Suite Business และ Cloud Identity Premium ด้วย หมายเหตุ: คุณจะเผยแพร่แอปไปยังอุปกรณ์ส่วนตัวของผู้ใช้ไม่ได้ถ้าผู้ใช้ลงทะเบียนอุปกรณ์เป็นของตัวเองและไม่ได้สร้างโปรไฟล์งาน โหมดตั้งค่านี้ (โหมดผู้ดูแลระบบของอุปกรณ์) ใช้ได้เฉพาะใน Android 9.0 และรุ่นเก่ากว่า และได้เลิกใช้งานไปแล้ว
#ใช้ไม่ได้กับ Education Fundamentals
การใช้งานของผู้ดูแลระบบ
เมื่อคุณเพิ่มแอปลงในรายการ แอปจะได้รับการจัดการโดยอัตโนมัติ และเมื่อผู้ใช้ติดตั้งแอปที่มีการจัดการ คุณก็จะควบคุมแอปได้มากขึ้นดังนี้
- คุณสามารถควบคุมการตั้งค่าของแอปที่มีการจัดการได้บางประการ เช่น ควบคุมว่าจะติดตั้งแอปในอุปกรณ์โดยอัตโนมัติ และผู้ใช้สามารถถอนการติดตั้งได้หรือไม่
- ระบบจะนำแอปที่มีการจัดการออกจากอุปกรณ์โดยอัตโนมัติ เมื่อผู้ใช้นำบัญชีงานหรือโรงเรียนออก
- หากผู้ใช้ออกจากองค์กรหรืออุปกรณ์สูญหายหรือถูกโจรกรรม คุณก็สามารถนำเฉพาะบัญชีงานของผู้ใช้และแอปที่มีการจัดการออก แทนการล้างข้อมูลทั้งหมดในอุปกรณ์ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
- หากใช้การจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูง คุณสามารถจำกัดให้ผู้ใช้ต้องใช้เฉพาะแอปที่มีการจัดการกับบัญชีงานหรือโรงเรียนได้
แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของ Google บางแอปจะอยู่ในรายการอยู่แล้ว เช่น Gmail และ Google ไดรฟ์
ประสบการณ์ของผู้ใช้
ผู้ใช้จะดาวน์โหลดแอปได้จาก Managed Google Play Store ในแท็บแอปสำหรับการทำงาน โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อการใช้ Google Play ในองค์กรเพื่อรับแอปที่มีการจัดการ
ในอุปกรณ์ แอปที่ได้รับการจัดการจะมีเครื่องหมายกระเป๋าเอกสาร กำกับเพื่อให้แยกจากแอปส่วนตัวได้ง่าย
หากอุปกรณ์ของผู้ใช้รองรับและคุณใช้การจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูง โปรดแนะนำให้ผู้ใช้สร้างโปรไฟล์งานเพื่อแยกแอปงานและแอปส่วนตัวออกจากกัน
การใช้งานของผู้ดูแลระบบ
เมื่อเพิ่มแอป iOS สาธารณะลงในรายการแอปและเลือกกำหนดให้เป็นแอปที่มีการจัดการ หมายความว่าคุณจะบังคับใช้การจัดการแอปและสามารถควบคุมแอปได้มากขึ้น และระบบจะกำหนดให้แอป iOS ส่วนเป็นแอปที่มีการจัดการโดยอัตโนมัติ
สำหรับแอปที่มีการจัดการ:
- หากผู้ใช้ออกจากองค์กรหรืออุปกรณ์สูญหายหรือถูกโจรกรรม คุณก็สามารถนำเฉพาะบัญชีงานของผู้ใช้และแอปที่มีการจัดการออก แทนการล้างข้อมูลทั้งหมดในอุปกรณ์ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
- คุณจะจัดการแอปในอุปกรณ์ได้จนกว่าผู้ใช้จะถอนการติดตั้งโปรไฟล์การกำหนดค่าการจัดการสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ของ Google คุณสามารถตั้งให้แอป iOS ที่มีการจัดการถอนการติดตั้งออกจากอุปกรณ์โดยอัตโนมัติได้เมื่อผู้ใช้นำโปรไฟล์การกำหนดค่าออก
หากไม่ได้เลือกกำหนดให้เป็นแอปที่มีการจัดการ เมื่อคุณเพิ่มแอปสาธารณะ ระบบจะไม่บังคับใช้การจัดการแอป ผู้ใช้จะติดตั้งแอปจาก App Store ได้ แต่คุณจะควบคุมแอปไม่ได้ โดยคุณจะจัดการแอปได้เฉพาะในกรณีที่ผู้ใช้ดาวน์โหลดผ่านแอป Google Device Policy
หมายเหตุ: เมื่อคุณนำแอปสาธารณะออกจากรายการแอป ระบบอาจถอนการติดตั้งแอปในอุปกรณ์ของผู้ใช้โดยอัตโนมัติหรือผู้ใช้อาจยังใช้แอปดังกล่าวได้อยู่ โดยขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้ติดตั้งแอปเมื่อใด
- หากติดตั้งก่อนวันที่ 30 พฤศจิกายน 2020 - แอปจะถอนการติดตั้งเมื่อคุณนำแอปออกจากรายการ
- หากติดตั้งในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2020 หรือหลังจากนั้น - แอปจะยังคงอยู่ในอุปกรณ์และใช้งานได้
หากต้องการทราบว่าแอปติดตั้งลงในอุปกรณ์เมื่อใด ให้ไปที่เหตุการณ์ในบันทึกของอุปกรณ์ แล้วกรองตามชื่อเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงแอปพลิเคชันของอุปกรณ์
ติดตั้ง
ประสบการณ์ของผู้ใช้
เมื่อคุณตั้งค่าให้แอปมีการจัดการ
- หากติดตั้งแอปไว้ในอุปกรณ์ ผู้ใช้ต้องยอมรับการจัดการแอป
- หากแอปนั้นติดตั้งจาก App Store แสดงว่าไม่มีการจัดการแอป เมื่อตรวจพบการละเมิดนโยบายนี้ ผู้ใช้จะเข้าถึง Google Workspace ในแอป iOS ที่มาพร้อมเครื่องจากอุปกรณ์นี้ไม่ได้
- ใน 24 ชั่วโมง - หากผู้ดูแลระบบตั้งค่าให้แอปมีการจัดการภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาและมีการติดตั้งแอปหลังจากการลงทะเบียนอุปกรณ์
- ทันที - หากผู้ดูแลระบบกำหนดให้แอปมีการจัดการไปแล้วมากกว่า 24 ชั่วโมงหรือมีการติดตั้งแอปก่อนการลงทะเบียนอุปกรณ์
ผู้ใช้จะยังคงเปิดแอปที่ไม่มีการจัดการดังกล่าวนี้ได้
ผู้ใช้จะได้รับข้อความแจ้งในแอป Device Policy เพื่ออนุญาตให้องค์กรจัดการแอปได้ ซึ่งหากผู้ใช้ยอมรับ แอปจะได้รับการจัดการและระบบจะคืนค่าสิทธิ์เข้าถึง Google Workspace ของผู้ใช้หลังจากซิงค์สำเร็จแล้ว
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เวิร์กโฟลว์หยุดชะงัก ผู้ใช้ควรติดตั้งแอปให้มีการจัดการจากแอป Device Policy แทนการติดตั้งจาก App Store
ผู้ใช้สามารถตรวจสอบว่าแอปใดมีการจัดการได้ในแอป Google Device Policy ดังนี้
- เครื่องหมายถูกสีเขียวหมายถึงมีการจัดการ
- เครื่องหมายถูกสีเทาหมายถึงไม่มีการจัดการ
- เครื่องหมายตกใจสีแดงหมายถึงสถานะการจัดการแอปต้องได้รับการตรวจสอบ เครื่องหมายตกใจสีแดงจะปรากฏในกรณีต่อไปนี้
- คุณตั้งให้แอปมีการจัดการ แต่ผู้ใช้ยังไม่อนุญาตให้องค์กรจัดการแอป
- ผู้ใช้ติดตั้งแอปไว้ก่อนที่คุณจะเพิ่มลงในรายการแอปให้มีการจัดการ
- ผู้ใช้ยอมรับการจัดการแอปแล้ว แต่คุณเปลี่ยนให้แอปไม่มีการจัดการ ผู้ใช้จะอัปเดตให้แอปไม่มีการจัดการได้ แต่หากไม่อัปเดต ผู้ใช้ก็จะยังคงใช้และเข้าถึงข้อมูลงานและโรงเรียนได้ และระบบก็จะถือว่าแอปยังมีการจัดการดังเดิม
คุณสามารถควบคุมผู้ใช้ในองค์กรที่ต้องการให้ค้นหาและติดตั้งแอปที่มีการจัดการได้โดยการเปิดหรือปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้ หากรุ่นที่ใช้งานรองรับ คุณก็จะเปิดหรือปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้สำหรับหน่วยขององค์กร หรือเปิดสำหรับกลุ่มที่ต้องการได้
เปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้
สำหรับแอปเกือบทุกประเภท คุณจะต้องเปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้ระหว่างการตั้งค่า เมื่อเพิ่มแอป iOS ส่วนตัวลงในรายการแล้ว ระบบจะปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้ทุกคนในองค์กร คุณต้องเปิดสิทธิ์เข้าถึงเพื่อให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดแอปได้
ปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้
หากต้องการให้แอป Android หรือ iOS สาธารณะไม่มีการจัดการ แต่เก็บรักษาการตั้งค่าการจัดการไว้ ให้ปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้สำหรับหน่วยขององค์กร วิธีนี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปจาก Managed Google Play Store หรือแอป Google Device Policy สำหรับ iOS คุณอาจต้องปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้ด้วยเหตุผลต่อไปนี้
- ทำให้แอปมีการจัดการสำหรับองค์กรส่วนใหญ่หรือกลุ่มจำนวนหนึ่ง แต่จะไม่มีการจัดการสำหรับหน่วยขององค์กรย่อยจำนวนหนึ่ง (หากรุ่นที่ใช้งานรองรับ)
- ใช้การกำหนดค่าที่มีการจัดการกับแอป Android ก่อนที่จะเปิดให้ใช้งานเป็นแอปที่มีการจัดการ
การปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้จะไม่ส่งผลต่อผู้ใช้ที่ติดตั้งแอปไปแล้ว โดยผู้ใช้กลุ่มนี้จะยังคงใช้แอปได้และระบบก็ยังคงบังคับใช้การตั้งค่าแอปดังเดิม
หมายเหตุ: Groups settings are applied at the top organizational unit level and override organizational unit settings. If a user belongs to multiple groups with conflicting configurations, the settings are applied in order of group precedence, which you can set after you add the app.
คุณสามารถใช้การตั้งค่าการจัดการอุปกรณ์ปลายทางของ Google เพื่อบล็อกสิทธิ์เข้าถึงแอปที่ไม่มีการจัดการทั้งหมดได้ หากเป็นอุปกรณ์เคลื่อนที่ของบริษัท คุณก็ปิดใช้แอประบบได้หลายแอป ทั้งยังบล็อกหรือจำกัดสิทธิ์ของแอปในการเข้าถึงบริการของ Google ได้อีกด้วย
บล็อกแอป Android ที่ไม่มีการจัดการ
คุณสามารถกำหนดการตั้งค่าแอปที่ใช้ได้เพื่ออนุญาตให้ผู้ใช้ติดตั้งเฉพาะแอปที่คุณเพิ่มลงในรายการแอปในเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่เท่านั้น วิธีนี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปที่ไม่ได้รับอนุญาต แต่จะไม่นำแอปที่ติดตั้งอยู่แล้วออกจากอุปกรณ์ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
บล็อกแอป iOS ที่ไม่มีการจัดการ
เฉพาะอุปกรณ์ของบริษัทที่มีการควบคุมดูแลเท่านั้น
คุณสามารถกำหนดการตั้งค่าการติดตั้งแอปเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปจาก App Store ได้ วิธีนี้จะอนุญาตให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปผ่านแอป Google Device Policy เท่านั้น โดยระบบจะตั้งแอปที่ดาวน์โหลดผ่านช่องทางนี้เป็นแอปที่มีการจัดการโดยอัตโนมัติ แอปที่ติดตั้งอยู่แล้วจะไม่ถูกนำออกจากอุปกรณ์ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ปิดใช้แอประบบ
เฉพาะอุปกรณ์ของบริษัทเท่านั้น
คุณสามารถเปิดหรือปิดใช้แอประบบได้หลายแอป โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อจัดการแอปของระบบในอุปกรณ์เคลื่อนที่ของบริษัท
บล็อกหรือจำกัดสิทธิ์เข้าถึงของแอปที่มีการจัดการ
แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่เพิ่มลงในรายการแอปในเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่จะได้รับสิทธิ์เข้าถึงที่เชื่อถือ ทำให้แอปเข้าถึงบริการของ Google ได้ทั้งหมด รวมถึงบริการที่ตั้งเป็นจำกัดด้วยเช่นกัน
หากต้องการจัดการแอปแต่ไม่ต้องการให้สิทธิ์เข้าถึงบริการของ Google ที่จำกัด ให้บล็อกหรือจำกัดสิทธิ์เข้าถึง
บล็อกหรือจำกัดสิทธิ์เข้าถึงของแอปที่ไม่มีการจัดการ
ผู้ใช้สามารถอนุญาตให้แอปที่ไม่อยู่ในรายการแอปเข้าถึงข้อมูลในบริการของ Google ที่ไม่มีการจำกัดได้
คุณจะป้องกันไม่ให้แอปที่ไม่มีการจัดการเข้าถึงบริการของ Google ได้ 2 วิธี ดังนี้
- หากต้องการควบคุมแอปเพียงบางแอป ให้บล็อกหรือจำกัดสิทธิ์เข้าถึง
- หากต้องการซ่อนบริการของ Google จากแอปทั้งหมดที่ไม่ได้ระบุว่าเชื่อถือ (โดยเพิ่มลงในรายการแอปในเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่) ให้ตั้งสิทธิ์เข้าถึงบริการเป็นจำกัด
หมายเหตุ: หากต้องการให้ผู้ใช้อุปกรณ์ iOS ซิงค์ข้อมูลงานกับแอปของ Apple เช่น Apple Mail หรือ Calendar แล้วบริการของ Google ใดก็ตามที่แอป iOS ต้องใช้นั้นมีสิทธิ์เข้าถึงแบบจำกัด คุณจะต้องดำเนินการเชื่อถือแอป iOS โดยเฉพาะ
รายการแอปในเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่ช่วยให้คุณควบคุมได้ว่าผู้ใช้จะสามารถติดตั้งและใช้งานแอปใดได้บ้างในบัญชีที่ทำงานและบัญชีโรงเรียน หากต้องการบล็อกการเข้าถึงแอป Google สำหรับอุปกรณ์โดยอิงตามเวอร์ชันระบบปฏิบัติการ, สถานะความปลอดภัย, ที่อยู่ IP, สถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ หรือการเป็นเจ้าของอุปกรณ์ คุณสามารถใช้ระดับการเข้าถึงแบบ Context-Aware ดูข้อมูลเพิ่มเติม
หากต้องการตั้งแอปเป็นบริการ VPN สำหรับการรับส่งข้อมูลแอปจากโปรไฟล์งานหรืออุปกรณ์ที่มีการจัดการ ให้ตั้งเป็นเปิดใช้งาน VPN เสมอเมื่อเพิ่มแอปลงในรายการ การตั้งค่านี้จะสร้างการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับการรับส่งข้อมูลของโปรไฟล์งาน เนื่องจากการรับส่งทั้งหมดจะต้องผ่านแอปดังกล่าวและจะไม่รั่วไหลไปยังเว็บ
ข้อสำคัญ: โปรดตั้งเปิดใช้งาน VPN เสมอสำหรับแอปเดียวเท่านั้น หากตั้งเปิดให้หลายแอป ระบบจะสุ่มใช้แอปหนึ่งเป็นแอปที่เปิดใช้งาน VPN เสมอ
ต้องใช้ Android 7.0 ขึ้นไป
ขั้นตอนที่ 1: เพิ่มแอปลงในรายการ
เปิดส่วน | ยุบทั้งหมดและกลับไปด้านบนสุด
เพิ่มแอปของบุคคลที่สาม-
ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google ด้วยบัญชีผู้ดูแลระบบ
หากไม่ได้ใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ คุณจะเข้าถึงคอนโซลผู้ดูแลระบบไม่ได้
-
ไปที่เมนู
แอป > แอปในเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่
ต้องมีสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบสำหรับการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่
- คลิกเพิ่มแอป
ค้นหาแอป
- คลิกป้อนชื่อแอป แล้วป้อนชื่อแอปบางส่วนหรือทั้งหมดที่ต้องการเพิ่ม หากใช้แอป iOS ให้ป้อน URL apps.apple.com เช่น https://apps.apple.com/us/app/gmail-email-by-google/id422689480 เพื่อเพิ่มแอป Gmail สำหรับ iOS ระบบจะเริ่มค้นหาทันทีที่ป้อนชื่อ
- หากการค้นหาแสดงผลลัพธ์หลายรายการ ให้ป้อนข้อมูลเพิ่มเติมในช่องค้นหา เช่น นักพัฒนาแอปหรือคีย์เวิร์ดในคำอธิบาย
- หากมีแอปในรายการอยู่แล้ว แอปจะมีป้ายกำกับว่า "ติดตั้งแล้ว" และคุณสามารถคลิกดูรายละเอียดแอปเพื่อตรวจสอบการตั้งค่าของแอปและสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้ได้
- ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอป Android โดยคลิกดูใน Google Play
- ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอป iOS โดยคลิกดูใน App Store
- เมื่อพบแอปที่ต้องการเพิ่ม ให้ชี้ที่แอปแล้วคลิกเลือก
- เลือกผู้ใช้ที่อนุญาตให้ติดตั้งแอปที่มีการจัดการจาก Managed Google Play Store หรือแอป Google Device Policy สำหรับ iOS
- หากต้องการให้ผู้ใช้ทุกคนในองค์กรติดตั้งแอป ให้เลือกทั้งองค์กร
- หากต้องอนุญาตเฉพาะผู้ใช้บางราย ให้คลิกเลือกกลุ่มหรือเลือกหน่วยขององค์กร คุณสามารถเพิ่มได้ทั้งกลุ่มและหน่วยขององค์กร รุ่นที่รองรับฟีเจอร์นี้ ได้แก่ Frontline Starter และ Frontline Standard; Business Plus; Enterprise Standard และ Enterprise Plus; Education Standard, Education Plus และ Endpoint Education Upgrade; Enterprise Essentials และ Enterprise Essentials Plus; G Suite Basic และ G Suite Business; Cloud Identity Premium เปรียบเทียบรุ่นของคุณ
Groups settings are applied at the top organizational unit level and override organizational unit settings. If a user belongs to multiple groups with conflicting configurations, the settings are applied in order of group precedence, which you can set after you add the app.
- คลิกต่อไป
- กำหนดการดำเนินการสำหรับแอปตามแพลตฟอร์ม (ต้องมีการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูง ยกเว้นตามที่ระบุไว้) ดังนี้
แพลตฟอร์ม การดำเนินการสำหรับแอป Android - วิธีการเข้าถึง: เลือกวิธีที่ผู้ใช้ติดตั้งแอป หากต้องการใช้การกำหนดค่าที่มีการจัดการก่อนที่คุณจะบังคับติดตั้งแอป ให้เลือกใช้งานได้ ติดตั้งแอปให้เสร็จสิ้น ใช้การกำหนดค่าที่มีการจัดการ จากนั้นจึงแก้ไขการตั้งค่าแอปเพื่อบังคับติดตั้งแอป
- ใช้งานได้ - ให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปด้วยตนเอง ผู้ใช้ที่ไม่ต้องการแอปก็ไม่จําเป็นต้องดาวน์โหลด
- บังคับติดตั้ง - ติดตั้งแอปในอุปกรณ์ที่มีการจัดการทั้งหมดโดยอัตโนมัติและไม่อนุญาตให้เลือกไม่ใช้ หรือคุณสามารถป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ถอนการติดตั้งแอปที่บังคับติดตั้งได้
นอกจากนี้ ตัวเลือกบังคับติดตั้งยังรองรับการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นพื้นฐานด้วยรุ่น Business Plus, Enterprise, G Suite Business และ Cloud Identity Premium ด้วย
- อนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่มวิดเจ็ตในหน้าจอหลัก - อนุญาตให้ผู้ใช้สร้างทางลัดบนหน้าจอหลักเมื่อมีวิดเจ็ตให้ใช้งาน
- ใช้เป็นแอปที่ใช้ VPN ตลอดเวลา - เมื่อเปิดใช้แล้ว การเข้าชมแอปจากโปรไฟล์งานหรืออุปกรณ์ที่มีการจัดการจะต้องผ่านแอปนี้ โดยต้องใช้ Android 7.0 ขึ้นไป การตั้งค่านี้จะสร้างการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ปลอดภัยมากขึ้นสำหรับการรับส่งข้อมูลในโปรไฟล์งาน
- การกำหนดเวลาทำการอัปเดตแอปอัตโนมัติ - เลือกว่าจะติดตั้งการอัปเดตแอปเมื่อใด
- ค่าเริ่มต้น - อัปเดตแอปโดยอัตโนมัติเมื่ออุปกรณ์เชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi, ชาร์จอยู่, ไม่ได้ใช้งาน และแอปไม่ได้ทํางานอยู่เบื้องหน้า
- ลําดับความสําคัญสูง - อัปเดตแอปทันทีที่นักพัฒนาแอปเผยแพร่เวอร์ชันใหม่และ Google Play ตรวจสอบแอป หากอุปกรณ์ออฟไลน์ในขณะนั้น แอปจะอัปเดตทันทีที่อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในครั้งถัดไป
- เลื่อนออกไป - เลื่อนการอัปเดตแอปออกไปเป็นเวลา 90 วันหลังจากที่การอัปเดตเริ่มเปิดให้ใช้งาน หลังจากผ่านไป 90 วัน ให้ติดตั้งแอปเวอร์ชันล่าสุดที่มีอยู่โดยอัตโนมัติ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อการรองรับการอัปเดตแอป
- แทร็กทดสอบ (ไม่บังคับ) - เลือกแอปเวอร์ชันทดลองก่อนเปิดตัวที่คุณต้องการให้ผู้ใช้ใช้งานได้ การเลือกหลายแทร็กจะทําให้รหัสเวอร์ชันสูงสุดพร้อมใช้งาน หากต้องการดูวิธีทำให้แอปพร้อมใช้งานสำหรับองค์กร โปรดดูการทดสอบแบบปิด: จัดการผู้ทดสอบตามองค์กร
รุ่นที่รองรับฟีเจอร์นี้ ได้แก่ Frontline Starter และ Frontline Standard; Business Plus; Enterprise Standard และ Enterprise Plus; Education Standard, Education Plus และ Endpoint Education Upgrade; Enterprise Essentials และ Enterprise Essentials Plus; Cloud Identity Premium เปรียบเทียบรุ่นของคุณ
iOS - กำหนดให้เป็นแอปที่มีการจัดการ - เปิดการตั้งค่านี้หากต้องการควบคุมแอปและข้อมูลได้มากขึ้น โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อวิธีการทำงานของแอป iOS ที่มีการจัดการ
- นำแอปนี้ออกเมื่อมีการนำโปรไฟล์การกำหนดค่าออก - เปิดการตั้งค่านี้เพื่อนำแอปที่มีการจัดการออกโดยอัตโนมัติเมื่อมีการนำโปรไฟล์การจัดการของผู้ใช้ออกจากอุปกรณ์ หากไม่เปิดการตั้งค่านี้ แอปที่มีการจัดการจะยังคงอยู่ในอุปกรณ์ของผู้ใช้
- อนุญาตให้แอปนี้รับข้อมูลงานจากชีตที่แชร์ของ iOS - เปิดการตั้งค่านี้เพื่ออนุญาตให้แอปรับข้อมูลงานได้ แม้ว่าจะมีการจำกัดการแชร์ข้อมูลงานกับแอปที่ไม่ใช่ของ Google Workspace ก็ตาม โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อการดำเนินการกับข้อมูล
- วิธีการเข้าถึง: เลือกวิธีที่ผู้ใช้ติดตั้งแอป หากต้องการใช้การกำหนดค่าที่มีการจัดการก่อนที่คุณจะบังคับติดตั้งแอป ให้เลือกใช้งานได้ ติดตั้งแอปให้เสร็จสิ้น ใช้การกำหนดค่าที่มีการจัดการ จากนั้นจึงแก้ไขการตั้งค่าแอปเพื่อบังคับติดตั้งแอป
- คลิกเสร็จสิ้น หน้ารายละเอียดของแอปจะเปิดขึ้น เมื่อกลับไปยังรายการแอปในเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่ ระบบจะเพิ่มแอปทันทีหลังจากที่คุณดำเนินการ
แอป Android จะมีให้ผู้ใช้ติดตั้งจาก Managed Google Play หรือแท็บแอปงานของ Play Store ได้ในครั้งถัดไปที่อุปกรณ์ซิงค์กับการจัดการอุปกรณ์ปลายทางของ Google หากผู้ใช้ติดตั้งแอปนอก Managed Google Play Store หรือแท็บแอปสำหรับการทำงาน แอปนั้นจะไม่ได้รับการจัดการ
แอป iOS อาจใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมงจึงจะปรากฏในแอป Google Device Policy ในอุปกรณ์ของผู้ใช้ หากคุณตั้งค่าแอปให้มีการจัดการ ผู้ใช้จะต้องติดตั้งแอปจากแอป Google Device Policy หรือหากผู้ใช้ติดตั้งแอปจาก iOS App Store ผู้ใช้จะต้องเปิดแอป Google Device Policy และยอมรับการจัดการแอป
- หากเพิ่ม Microsoft Outlook สำหรับ Android หรือ iOS (ไม่แนะนำ) โปรดตรวจสอบว่าระบบของแอปทำงานตามการตั้งค่าการจัดการอุปกรณ์ปลายทางของคุณ
- จากหน้าแรกของคอนโซลผู้ดูแลระบบ ให้คลิกความปลอดภัย
การควบคุม API
การควบคุมการเข้าถึงแอป
จัดการบริการของ Google
- ค้นหา Gmail และไดรฟ์ในรายการบริการ หากกำหนดการเข้าถึงเป็นไม่จำกัด ให้เปลี่ยนเป็นจำกัด การตั้งค่านี้จะป้องกันแอปที่ไม่น่าเชื่อถือไม่ให้เข้าถึงบริการ เมื่อคุณเพิ่มแอปในขั้นตอนก่อนหน้า ระบบจะเชื่อถือแอปโดยอัตโนมัติและแอปก็จะเข้าถึง Gmail กับไดรฟ์ได้
- จากหน้าแรกของคอนโซลผู้ดูแลระบบ ให้คลิกความปลอดภัย
หากต้องการเพิ่มแอป Android สำหรับการใช้งานส่วนตัวขององค์กรเท่านั้น ให้เผยแพร่แอปใน Managed Google Play แล้วระบบจะเพิ่มแอปลงในรายการโดยอัตโนมัติ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อจัดการแอป Android ส่วนตัวใน Google Play
หากต้องการเพิ่มเว็บแอปสำหรับการใช้งานส่วนตัวขององค์กรเท่านั้น ให้เผยแพร่แอปใน Managed Google Play แล้วระบบจะเพิ่มแอปลงในรายการ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อเผยแพร่เว็บแอป Android ส่วนตัว
หากต้องการเพิ่มแอป iOS สำหรับการใช้งานส่วนตัวขององค์กรเท่านั้น ให้อัปโหลดแอปในคอนโซลผู้ดูแลระบบ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อจัดการแอป iOS ส่วนตัว
ขั้นตอนที่ 2: กำหนดการตั้งค่าแอป
เปิดส่วน | ยุบทั้งหมดและกลับไปด้านบนสุด
เปลี่ยนผู้ที่มีสิทธิ์ติดตั้งแอปที่มีการจัดการและกำหนดลำดับความสำคัญของกลุ่มหลังจากเพิ่มแอปลงในรายการแล้ว คุณสามารถซ่อนแอปจากผู้ใช้ใน Managed Google Play Store (สำหรับแอป Android) หรือแอป Google Device Policy สำหรับ iOS (สำหรับแอป iOS) ได้ด้วยการปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้ แต่เมื่อปิด ผู้ใช้ที่ติดตั้งแอปไปแล้วจะยังคงใช้งานได้โดยที่การตั้งค่าแอปจะยังมีผลดังเดิม
หากต้องการเปิดหรือปิดสิทธิ์เข้าถึงสำหรับผู้ใช้บางราย ให้จัดบัญชีของผู้ใช้นั้นไว้ในหน่วยขององค์กร (เพื่อควบคุมสิทธิ์เข้าถึงตามแผนก) หรือเพิ่มผู้ใช้ในกลุ่มการเข้าถึง (เพื่ออนุญาตการเข้าถึงสำหรับผู้ใช้ทุกแผนกหรือภายในแผนกต่างๆ) รุ่นที่รองรับฟีเจอร์นี้ ได้แก่ Frontline Starter และ Frontline Standard; Business Plus; Enterprise Standard และ Enterprise Plus; Education Standard, Education Plus และ Endpoint Education Upgrade; Enterprise Essentials และ Enterprise Essentials Plus; G Suite Basic และ G Suite Business; Cloud Identity Premium เปรียบเทียบรุ่นของคุณ
ต้องมีการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูง
-
ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google ด้วยบัญชีผู้ดูแลระบบ
หากไม่ได้ใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ คุณจะเข้าถึงคอนโซลผู้ดูแลระบบไม่ได้
-
ไปที่เมนู
แอป > แอปในเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่
ต้องมีสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบสำหรับการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่
- คลิกแอปที่ต้องการเปลี่ยนสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้ หากต้องการตรวจสอบการตั้งค่าสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้ปัจจุบันในหน่วยขององค์กรและกลุ่มทั้งหมด ให้คลิกดูรายละเอียดในส่วนสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้
- คลิกสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้
- คลิกกลุ่มหรือหน่วยขององค์กรที่ต้องการเปลี่ยนสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้ทางด้านซ้าย โดยค่าเริ่มต้น ระบบจะเลือกหน่วยขององค์กรระดับบนสุดและการเปลี่ยนแปลงจะมีผลกับทั้งองค์กร
- ปิดหรือเปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้ตามต้องการ ตัวอย่างเช่น
- หากต้องการซ่อนแอปที่มีการจัดการสำหรับผู้ใช้ทั้งหมดขณะดำเนินการกำหนดค่าแอป ให้ปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้สำหรับหน่วยขององค์กรระดับบนสุด
- หากต้องการให้แอปที่มีการจัดการใช้งานได้เฉพาะสำหรับผู้ใช้บางราย ให้ปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้ในหน่วยขององค์กรระดับบนสุด แล้วเปิดสิทธิ์ในหน่วยขององค์กรย่อยหรือกลุ่ม
หมายเหตุ: เมื่อเปิดสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้ในกลุ่ม การตั้งค่านี้จะลบล้างการตั้งค่าในหน่วยขององค์กร แต่คุณจะปิดสิทธิ์เข้าถึงในกลุ่มโดยเฉพาะไม่ได้ เมื่อยกเลิกการเลือกเปิด ผู้ใช้ในกลุ่มนั้นจะรับการตั้งค่าจากกลุ่มระดับสูงกว่าหรือจากหน่วยขององค์กรที่ผู้ใช้อยู่
- หากคุณตั้งสิทธิ์เข้าถึงสำหรับหลายกลุ่ม ให้ตรวจสอบลำดับของกลุ่มและกำหนดลำดับความสำคัญ ดังนี้
- คลิกแอปและคลิกสิทธิ์เข้าถึงของผู้ใช้
- คลิกกลุ่มทางด้านซ้าย
- ลากกลุ่มไปยังลำดับที่ต้องการให้การตั้งค่ามีผลกับผู้ใช้ที่อยู่มากกว่า 1 กลุ่ม โดยวางกลุ่มที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดไว้ที่ด้านบน
-
คลิกบันทึก หรือคลิกลบล้างสำหรับ หน่วยขององค์กร
หากต้องการกู้คืนค่าที่รับช่วงมาในภายหลัง ให้คลิกรับค่า (หรือยกเลิกการตั้งค่าสำหรับกลุ่ม)
การเปลี่ยนแปลงอาจใช้เวลาถึง 24 ชั่วโมง แต่โดยปกติจะใช้เวลาเร็วกว่านั้น ดูข้อมูลเพิ่มเติม
รุ่นที่รองรับฟีเจอร์นี้ ได้แก่ Frontline Standard; Business Plus; Enterprise Standard และ Enterprise Plus; Education Standard, Education Plus และ Endpoint Education Upgrade; G Suite Business; Cloud Identity Premium เปรียบเทียบรุ่นของคุณ
ต้องมีการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูง
แอป Android บางแอปมีการตั้งค่าที่คุณสามารถบันทึกเป็นการกำหนดค่าที่มีการจัดการได้ เช่น แอปอาจอนุญาตให้คุณซิงค์ข้อมูลได้เฉพาะเมื่ออุปกรณ์เชื่อมต่อกับ Wi-Fi เท่านั้น ผู้พัฒนาแอปจะกำหนดค่าที่มีการจัดการเริ่มต้นให้กับแอป คุณตรวจสอบได้ว่าแอปรองรับการกำหนดค่าที่มีการจัดการใน Managed Google Play หรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม
การกำหนดค่าที่มีการจัดการทำให้คุณกำหนดค่าแอปสำหรับกลุ่มหรือหน่วยขององค์กรโดยอัตโนมัติได้โดยไม่ต้องโต้ตอบกับผู้ใช้ คุณจะสร้างการกำหนดค่าที่มีการจัดการหลายแบบให้กับแอปเดียวกันหรือใช้การกำหนดค่ากับกลุ่มหรือหน่วยขององค์กรให้แตกต่างกันก็ได้
สร้างการกำหนดค่าที่มีการจัดการ
-
ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google ด้วยบัญชีผู้ดูแลระบบ
หากไม่ได้ใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ คุณจะเข้าถึงคอนโซลผู้ดูแลระบบไม่ได้
-
ไปที่เมนู
แอป > แอปในเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่
ต้องมีสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบสำหรับการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่
- คลิกแอปที่ต้องการจัดการ
เคล็ดลับ: หากต้องการดูเฉพาะแอปที่ได้รับอนุญาตสำหรับหน่วยขององค์กรหรือกลุ่มที่ระบุ ให้คลิกเพิ่มตัวกรอง
และเลือกหน่วยขององค์กรหรือกลุ่ม
- คลิกการกำหนดค่าที่มีการจัดการ
เพิ่มการกำหนดค่าที่มีการจัดการ
หากแอปไม่รองรับการกำหนดค่าที่มีการจัดการ ตัวเลือกนี้จะไม่ปรากฏ - ป้อนชื่อการกำหนดค่าและตั้งค่าที่ต้องการ
หมายเหตุ: นักพัฒนาแอปเป็นผู้ตั้งตัวเลือกการกำหนดค่าให้คุณ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการตั้งค่าเหล่านี้ โปรดติดต่อนักพัฒนาแอป - คลิกบันทึก
- มอบหมายการกำหนดค่าที่มีการจัดการให้หน่วยขององค์กรหรือกลุ่มดังที่อธิบายไว้ในส่วนถัดไป
มอบหมายการกำหนดค่าที่มีการจัดการให้หน่วยขององค์กรหรือกลุ่ม
-
ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google ด้วยบัญชีผู้ดูแลระบบ
หากไม่ได้ใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ คุณจะเข้าถึงคอนโซลผู้ดูแลระบบไม่ได้
-
ไปที่เมนู
แอป > แอปในเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่
ต้องมีสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบสำหรับการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่
- คลิกแอปที่ต้องการจัดการ
- คลิกการตั้งค่า
- คลิกหน่วยขององค์กรหรือกลุ่มที่ต้องการมอบหมายการกำหนดค่าที่มีการจัดการให้ทางด้านซ้าย
- ในส่วนการกำหนดค่าที่มีการจัดการ ให้คลิกเมนูและเลือกการกำหนดค่าที่มีการจัดการที่ต้องการใช้
- คลิกบันทึก
หากต้องการนำการกำหนดค่าที่มีการจัดการออกจากหน่วยขององค์กรหรือกลุ่ม ให้ทำตามขั้นตอนเดิมข้างต้น แล้วเลือกค่าเริ่มต้น
แก้ไขหรือลบการกำหนดค่าที่มีการจัดการ
ก่อนจะลบการกำหนดค่าที่มีการจัดการได้ คุณจะต้องนำการกำหนดค่าดังกล่าวออกจากหน่วยขององค์กรหรือกลุ่ม เมื่อนำออกแล้ว แอปจะเปลี่ยนกลับไปใช้การกำหนดค่าเริ่มต้นที่นักพัฒนาแอปกำหนดไว้ เว้นแต่ว่าคุณจะมอบหมายการกำหนดค่าที่มีการจัดการแบบอื่น
-
ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google ด้วยบัญชีผู้ดูแลระบบ
หากไม่ได้ใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ คุณจะเข้าถึงคอนโซลผู้ดูแลระบบไม่ได้
-
ไปที่เมนู
แอป > แอปในเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่
ต้องมีสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบสำหรับการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่
- คลิกแอปที่ต้องการจัดการ
- คลิกการกำหนดค่าที่มีการจัดการ
- คลิกการกำหนดค่าที่ต้องการแก้ไขหรือลบ
- หากต้องการแก้ไข ให้แก้ไขการกำหนดค่าและคลิกบันทึก
- หากต้องการลบ ให้คลิกลบ
รุ่นที่รองรับฟีเจอร์นี้ ได้แก่ Frontline Starter และ Frontline Standard; Business Plus; Enterprise Standard และ Enterprise Plus; Education Standard, Education Plus และ Endpoint Education Upgrade; Enterprise Essentials และ Enterprise Essentials Plus; G Suite Basic และ G Suite Business; Cloud Identity Premium เปรียบเทียบรุ่นของคุณ
ต้องมีการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูง
นักพัฒนาแอป iOS จำนวนมากใช้การกำหนดค่าแอปที่มีการจัดการ (AppConfig) เพื่อปรับแต่งแอปและอนุญาตให้ผู้ดูแลระบบส่งการตั้งค่าจากระยะไกลไปยังอุปกรณ์ที่มีการจัดการ
คุณสามารถสร้างการกำหนดค่าที่มีการจัดการโดยป้อนพจนานุกรมการกำหนดค่าในรูปแบบข้อมูล XML ซึ่งประกอบด้วยคู่คีย์-ค่าที่เกี่ยวข้องกับแอป คุณจะสร้างการกำหนดค่าที่มีการจัดการหลายแบบให้กับแอปเดียวกันหรือใช้การกำหนดค่ากับกลุ่มหรือหน่วยขององค์กรให้แตกต่างกันก็ได้ โดยจะไม่มีการกำหนดค่าแอปเริ่มต้น ซึ่งต่างจากแอป Android
ก่อนเริ่มต้น: ตรวจสอบตัวอย่างพจนานุกรมการกําหนดค่า
คุณสามารถใช้เครื่องมือ AppConfig Generator เพื่อสร้างพจนานุกรมการกำหนดค่าสำหรับแอป ดังตัวอย่างต่อไปนี้
<dict>
<key>DisplayName</key>
<string>Sample Enterprise LLC</string>
<key>AllowGoogleSSO</key>
<true/>
<key>MaxAllowedAttempts</key>
<integer>5</integer>
<key>EnrolledToken</key>
<string>7DBB314C-7ABA-4BD4-866C-7BD613AFCBC4</string>
</dict>
(ไม่บังคับ) ใช้โทเค็นเป็นตัวยึดตําแหน่ง
คุณใช้โทเค็นในพจนานุกรมการกําหนดค่าได้ โดยโทเค็นทำหน้าที่เป็นตัวยึดตําแหน่งสําหรับข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับผู้ใช้หรืออุปกรณ์แต่ละเครื่องที่ใช้แอป
เช่น หากแอปที่มีการจัดการยอมรับอีเมลเป็นการตั้งค่าที่กำหนดค่าได้ คุณจะใช้โทเค็น ${user_email}
ในพจนานุกรมการกําหนดค่าได้ การจัดการอุปกรณ์ปลายทางของ Google จะแทนที่โทเค็นด้วยอีเมลของผู้ใช้แต่ละรายโดยอัตโนมัติก่อนที่จะส่งการกำหนดค่าไปยังอุปกรณ์ของผู้ใช้
การจัดการอุปกรณ์ปลายทางของ Google รองรับโทเค็นต่อไปนี้ ซึ่งไม่คำนึงถึงตัวพิมพ์เล็กและตัวพิมพ์ใหญ่
โทเค็น | คำอธิบาย |
---|---|
${customer_id} |
รหัสลูกค้าที่ไม่ซ้ำกันซึ่งกำหนดให้กับบัญชี Google ขององค์กร โดยจะดูรหัสนี้ได้ในคอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google ที่บัญชี |
${device_resource_name} |
ชื่อทรัพยากรที่ไม่ซ้ำกันของอุปกรณ์ตามที่พบใน Cloud Identity Device API โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อทรัพยากร REST: อุปกรณ์ |
${device_serial_number} |
โทเค็นนี้ไม่พร้อมใช้งานสำหรับอุปกรณ์ที่ผู้ใช้ลงทะเบียนไว้ และระบบจะแทนที่ด้วยสตริงว่าง หมายเลขซีเรียลที่ไม่ซ้ำกันสำหรับอุปกรณ์ คุณจะดูข้อมูลนี้ได้ในคอนโซลผู้ดูแลระบบในหน้าข้อมูลอุปกรณ์ (หากมี) โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อดูรายละเอียดอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
${device_serial_number_last_4} |
โทเค็นนี้ไม่พร้อมใช้งานสำหรับอุปกรณ์ที่ผู้ใช้ลงทะเบียนไว้ และระบบจะแทนที่ด้วยสตริงว่าง อักขระ 4 ตัวสุดท้ายของหมายเลขซีเรียลของอุปกรณ์ ใช้ตัวเลือกนี้หากไม่ต้องการให้แอปเห็นหมายเลขซีเรียลแบบเต็ม |
${udid} |
โทเค็นนี้ไม่พร้อมใช้งานสำหรับอุปกรณ์ที่ผู้ใช้ลงทะเบียนไว้ และระบบจะแทนที่ด้วยสตริงว่าง ตัวระบุอุปกรณ์ที่ไม่ซ้ำกันในอุปกรณ์ Apple ที่มีการจัดการ |
${user_email} |
อีเมลของผู้ใช้ |
หากใช้โทเค็นที่ไม่รองรับในพจนานุกรมการกําหนดค่า คุณจะได้รับข้อความแสดงข้อผิดพลาด หากต้องการข้ามการแทนที่โทเค็นและใช้สตริงที่เหมือนกับโทเค็นแบบสัญพจน์ ให้เพิ่มเครื่องหมาย $
ไว้หน้าโทเค็น เช่น ระบุ $${user_email}
หรือ $${other}
เพื่อแทนที่โทเค็นด้วยสตริงแบบสัญพจน์ ${user_email}
หรือ ${other}
เมื่อมีการนำไปใช้งานกับอุปกรณ์
สร้างการกำหนดค่าที่มีการจัดการ
-
ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google ด้วยบัญชีผู้ดูแลระบบ
หากไม่ได้ใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ คุณจะเข้าถึงคอนโซลผู้ดูแลระบบไม่ได้
-
ไปที่เมนู
แอป > แอปในเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่
ต้องมีสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบสำหรับการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่
- คลิกแอปที่ต้องการจัดการ
เคล็ดลับ: หากต้องการดูเฉพาะแอปที่ได้รับอนุญาตสำหรับหน่วยขององค์กรหรือกลุ่มที่ระบุ ให้คลิกเพิ่มตัวกรอง
และเลือกหน่วยขององค์กรหรือกลุ่ม
- คลิกการกำหนดค่าที่มีการจัดการ
เพิ่มการกำหนดค่า
- ป้อนชื่อค่ากำหนด
- ป้อนพจนานุกรมการกำหนดค่าสำหรับแอป (ไปที่ตัวอย่าง)
หมายเหตุ: นักพัฒนาแอปเป็นผู้ตั้งค่าตัวเลือกและค่าการกําหนดค่าให้คุณ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวเลือก โปรดติดต่อนักพัฒนาแอป การจัดการอุปกรณ์ปลายทางของ Google จะตรวจสอบรูปแบบ XML ในพจนานุกรมการกำหนดค่า แต่จะไม่ตรวจสอบว่ารูปแบบดังกล่าวใช้งานได้กับแอปหรือไม่ - คลิกบันทึก
- มอบหมายการกำหนดค่าที่มีการจัดการให้หน่วยขององค์กรหรือกลุ่มดังที่อธิบายไว้ในส่วนถัดไป
มอบหมายการกำหนดค่าที่มีการจัดการให้หน่วยขององค์กรหรือกลุ่ม
-
ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google ด้วยบัญชีผู้ดูแลระบบ
หากไม่ได้ใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ คุณจะเข้าถึงคอนโซลผู้ดูแลระบบไม่ได้
-
ไปที่เมนู
แอป > แอปในเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่
ต้องมีสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบสำหรับการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่
- คลิกแอปที่ต้องการจัดการ
- คลิกการกำหนดค่าที่มีการจัดการ
- คลิกการกำหนดค่าที่ต้องการแก้ไขหรือลบ
- หากต้องการแก้ไข ให้ทําการเปลี่ยนแปลง แล้วคลิกบันทึก
- หากต้องการลบ ให้คลิกลบ
หากต้องการนำการกำหนดค่าที่มีการจัดการออกจากหน่วยขององค์กรหรือกลุ่ม ให้ทำตามขั้นตอนเดียวกันและเลือกเลือกการกำหนดค่าจากรายการการกำหนดค่าแอปที่มีการจัดการ
แก้ไขหรือลบการกำหนดค่าที่มีการจัดการ
ก่อนจะลบการกำหนดค่าที่มีการจัดการได้ คุณจะต้องนำการกำหนดค่าดังกล่าวออกจากหน่วยขององค์กรหรือกลุ่ม เมื่อนำออกแล้ว แอปจะเปลี่ยนกลับไปเป็นสถานะเริ่มต้นที่นักพัฒนาแอปกำหนดไว้ เว้นแต่ว่าคุณจะมอบหมายการกำหนดค่าที่มีการจัดการแบบอื่น
-
ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google ด้วยบัญชีผู้ดูแลระบบ
หากไม่ได้ใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ คุณจะเข้าถึงคอนโซลผู้ดูแลระบบไม่ได้
-
ไปที่เมนู
แอป > แอปในเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่
ต้องมีสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบสำหรับการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่
- คลิกแอปที่ต้องการจัดการ
- คลิกการกำหนดค่าที่มีการจัดการ
- หากต้องการลบการกำหนดค่าที่มีการจัดการ ให้คลิกลบข้างชื่อการกำหนดค่า
- หากต้องการแก้ไขการกำหนดค่าที่มีการจัดการ ให้คลิกชื่อการกำหนดค่าแล้วทำการเปลี่ยนแปลง จากนั้นคลิกบันทึก
รุ่นที่รองรับฟีเจอร์นี้ ได้แก่ Frontline Starter และ Frontline Standard; Business Plus; Enterprise Standard และ Enterprise Plus; Education Standard, Education Plus และ Endpoint Education Upgrade; Enterprise Essentials และ Enterprise Essentials Plus; G Suite Basic และ G Suite Business; Cloud Identity Premium เปรียบเทียบรุ่นของคุณ
ต้องมีการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูง
ก่อนเริ่มต้น: หากจำเป็น ให้ดูวิธีใช้การตั้งค่ากับแผนกหรือกลุ่ม
แอป Android บางแอปจะขอสิทธิ์จากผู้ใช้ในขณะที่แอปกำลังทำงาน ตัวอย่างเช่น แอปอาจขอเข้าถึงปฏิทินหรือตำแหน่งของอุปกรณ์ คุณจะจัดการวิธีดำเนินการกับคำขอสิทธิ์จากแอปแต่ละตัวได้ การตั้งค่าแอปเหล่านี้จะมีผลเหนือกว่าค่ากำหนดสิทธิ์รันไทม์ใดๆ ที่ระบุไว้ให้กับอุปกรณ์
-
ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google ด้วยบัญชีผู้ดูแลระบบ
หากไม่ได้ใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ คุณจะเข้าถึงคอนโซลผู้ดูแลระบบไม่ได้
-
ไปที่เมนู
แอป > แอปในเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่
ต้องมีสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบสำหรับการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่
- คลิกแอปที่ต้องการจัดการ
- คลิกสิทธิ์รันไทม์ หากแอปไม่รองรับสิทธิ์รันไทม์ คุณจะไม่เห็นตัวเลือกนี้
-
(ไม่บังคับ) หากต้องการใช้การตั้งค่าเฉพาะกับผู้ใช้บางราย ให้เลือกหน่วยขององค์กร (มักใช้กับแผนกต่างๆ) หรือกลุ่มการกำหนดค่า (ขั้นสูง) ที่ด้านข้าง แสดงวิธีการ
การตั้งค่ากลุ่มจะลบล้างหน่วยขององค์กร ดูข้อมูลเพิ่มเติม
- ดำเนินการดังนี้สำหรับสิทธิ์รันไทม์แต่ละรายการ
- หากต้องการให้สิทธิ์โดยอัตโนมัติ ให้เลือกอนุญาต
- หากต้องการปฏิเสธสิทธิ์โดยอัตโนมัติ ให้เลือกปฏิเสธ
- หากต้องการแจ้งให้ผู้ใช้อนุญาตหรือปฏิเสธสิทธิ์ ให้เลือกแจ้งเตือนผู้ใช้
-
คลิกบันทึก หรือคลิกลบล้างสำหรับ หน่วยขององค์กร
หากต้องการกู้คืนค่าที่รับช่วงมาในภายหลัง ให้คลิกรับค่า (หรือยกเลิกการตั้งค่าสำหรับกลุ่ม)
ก่อนเริ่มต้น: หากจำเป็น ให้ดูวิธีใช้การตั้งค่ากับแผนกหรือกลุ่ม
-
ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google ด้วยบัญชีผู้ดูแลระบบ
หากไม่ได้ใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ คุณจะเข้าถึงคอนโซลผู้ดูแลระบบไม่ได้
-
ไปที่เมนู
แอป > แอปในเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่
ต้องมีสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบสำหรับการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่
- คลิกแอปที่ต้องการแก้ไข
เคล็ดลับ: หากต้องการดูเฉพาะแอปที่เปิดให้กับหน่วยขององค์กรหรือกลุ่มเฉพาะ ให้คลิกเพิ่มตัวกรอง - คลิกการตั้งค่า
-
(ไม่บังคับ) หากต้องการใช้การตั้งค่าเฉพาะกับผู้ใช้บางราย ให้เลือกหน่วยขององค์กร (มักใช้กับแผนกต่างๆ) หรือกลุ่มการกำหนดค่า (ขั้นสูง) ที่ด้านข้าง แสดงวิธีการ
การตั้งค่ากลุ่มจะลบล้างหน่วยขององค์กร ดูข้อมูลเพิ่มเติม
- แก้ไขการตั้งค่า การตั้งค่าที่ใช้ได้จะขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มและประเภทการจัดการ ดังนี้
แพลตฟอร์ม การดำเนินการสำหรับแอป Android - วิธีการเข้าถึง: เลือกวิธีที่ผู้ใช้ติดตั้งแอป หากต้องการใช้การกำหนดค่าที่มีการจัดการก่อนที่คุณจะบังคับติดตั้งแอป ให้เลือกใช้งานได้ ติดตั้งแอปให้เสร็จสิ้น ใช้การกำหนดค่าที่มีการจัดการ จากนั้นจึงแก้ไขการตั้งค่าแอปเพื่อบังคับติดตั้งแอป
- ใช้งานได้ - ให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปด้วยตนเอง ผู้ใช้ที่ไม่ต้องการแอปก็ไม่จําเป็นต้องดาวน์โหลด
- บังคับติดตั้ง - ติดตั้งแอปในอุปกรณ์ที่มีการจัดการทั้งหมดโดยอัตโนมัติและไม่อนุญาตให้เลือกไม่ใช้ หรือคุณสามารถป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ถอนการติดตั้งแอปที่บังคับติดตั้งได้
นอกจากนี้ ตัวเลือกบังคับติดตั้งยังรองรับการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นพื้นฐานด้วยรุ่น Business Plus, Enterprise, G Suite Business และ Cloud Identity Premium ด้วย
- อนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่มวิดเจ็ตในหน้าจอหลัก - อนุญาตให้ผู้ใช้สร้างทางลัดบนหน้าจอหลักเมื่อมีวิดเจ็ตให้ใช้งาน
- ใช้เป็นแอปที่ใช้ VPN ตลอดเวลา - เมื่อเปิดใช้แล้ว การเข้าชมแอปจากโปรไฟล์งานหรืออุปกรณ์ที่มีการจัดการจะต้องผ่านแอปนี้ โดยต้องใช้ Android 7.0 ขึ้นไป การตั้งค่านี้จะสร้างการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ปลอดภัยมากขึ้นสำหรับการรับส่งข้อมูลในโปรไฟล์งาน
- การกำหนดเวลาทำการอัปเดตแอปอัตโนมัติ - เลือกว่าจะติดตั้งการอัปเดตแอปเมื่อใด
- ค่าเริ่มต้น - อัปเดตแอปโดยอัตโนมัติเมื่ออุปกรณ์เชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi, ชาร์จอยู่, ไม่ได้ใช้งาน และแอปไม่ได้ทํางานอยู่เบื้องหน้า
- ลําดับความสําคัญสูง - อัปเดตแอปทันทีที่นักพัฒนาแอปเผยแพร่เวอร์ชันใหม่และ Google Play ตรวจสอบแอป หากอุปกรณ์ออฟไลน์ในขณะนั้น แอปจะอัปเดตทันทีที่อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในครั้งถัดไป
- เลื่อนออกไป - เลื่อนการอัปเดตแอปออกไปเป็นเวลา 90 วันหลังจากที่การอัปเดตเริ่มเปิดให้ใช้งาน หลังจากผ่านไป 90 วัน ให้ติดตั้งแอปเวอร์ชันล่าสุดที่มีอยู่โดยอัตโนมัติ โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อการรองรับการอัปเดตแอป
- แทร็กทดสอบ (ไม่บังคับ) - เลือกแอปเวอร์ชันทดลองก่อนเปิดตัวที่คุณต้องการให้ผู้ใช้ใช้งานได้ การเลือกหลายแทร็กจะทําให้รหัสเวอร์ชันสูงสุดพร้อมใช้งาน หากต้องการดูวิธีทำให้แอปพร้อมใช้งานสำหรับองค์กร โปรดดูการทดสอบแบบปิด: จัดการผู้ทดสอบตามองค์กร
รุ่นที่รองรับฟีเจอร์นี้ ได้แก่ Frontline Starter และ Frontline Standard; Business Plus; Enterprise Standard และ Enterprise Plus; Education Standard, Education Plus และ Endpoint Education Upgrade; Enterprise Essentials และ Enterprise Essentials Plus; Cloud Identity Premium เปรียบเทียบรุ่นของคุณ
iOS - กำหนดให้เป็นแอปที่มีการจัดการ - เปิดการตั้งค่านี้หากต้องการควบคุมแอปและข้อมูลได้มากขึ้น โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อวิธีการทำงานของแอป iOS ที่มีการจัดการ
- นำแอปนี้ออกเมื่อมีการนำโปรไฟล์การกำหนดค่าออก - เปิดการตั้งค่านี้เพื่อนำแอปที่มีการจัดการออกโดยอัตโนมัติเมื่อมีการนำโปรไฟล์การจัดการของผู้ใช้ออกจากอุปกรณ์ หากไม่เปิดการตั้งค่านี้ แอปที่มีการจัดการจะยังคงอยู่ในอุปกรณ์ของผู้ใช้
- อนุญาตให้แอปนี้รับข้อมูลงานจากชีตที่แชร์ของ iOS - เปิดการตั้งค่านี้เพื่ออนุญาตให้แอปรับข้อมูลงานได้ แม้ว่าจะมีการจำกัดการแชร์ข้อมูลงานกับแอปที่ไม่ใช่ของ Google Workspace ก็ตาม โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อการดำเนินการกับข้อมูล
หากเป็นแอป iOS เมื่อยกเลิกการเลือกกำหนดให้เป็นแอปที่มีการจัดการ แอปจะยังคงมีการจัดการในอุปกรณ์ที่ติดตั้งแอปอยู่แล้ว แต่ผู้ใช้จะเห็นเครื่องหมายตกใจสีแดงกำกับที่แอปในรายการแอปของ Google Apps Device Policy และสามารถเปลี่ยนเป็นแอปที่ไม่มีการจัดการได้
- วิธีการเข้าถึง: เลือกวิธีที่ผู้ใช้ติดตั้งแอป หากต้องการใช้การกำหนดค่าที่มีการจัดการก่อนที่คุณจะบังคับติดตั้งแอป ให้เลือกใช้งานได้ ติดตั้งแอปให้เสร็จสิ้น ใช้การกำหนดค่าที่มีการจัดการ จากนั้นจึงแก้ไขการตั้งค่าแอปเพื่อบังคับติดตั้งแอป
-
คลิกบันทึก หรือคลิกลบล้างสำหรับ หน่วยขององค์กร
หากต้องการกู้คืนค่าที่รับช่วงมาในภายหลัง ให้คลิกรับค่า (หรือยกเลิกการตั้งค่าสำหรับกลุ่ม)
การเปลี่ยนแปลงอาจใช้เวลาถึง 24 ชั่วโมง แต่โดยปกติจะใช้เวลาเร็วกว่านั้น ดูข้อมูลเพิ่มเติม
ต้องมีการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูง
สําหรับแอปที่รองรับ คุณสามารถอนุญาตให้ผู้ใช้ดูข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลงานในแอปได้ เช่น เมื่อเปิดการตั้งค่านี้สําหรับ Google ปฏิทิน ผู้ใช้จะสามารถเลือกดูปฏิทินส่วนตัวในโปรไฟล์งานของตนเองได้ เนื่องจากการตั้งค่านี้อนุญาตแสดงข้อมูลจากโปรไฟล์ได้ (ระหว่างพื้นที่ส่วนตัวกับพื้นที่งาน) คุณจึงควรเปิดใช้การตั้งค่านี้สําหรับแอปที่เชื่อถือได้เท่านั้น
-
ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google ด้วยบัญชีผู้ดูแลระบบ
หากไม่ได้ใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ คุณจะเข้าถึงคอนโซลผู้ดูแลระบบไม่ได้
-
ไปที่เมนู
แอป > แอปในเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่
ต้องมีสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบสำหรับการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่
- คลิกแอป Android ที่ต้องการอัปเดต
- คลิกการกำหนดค่าแอปที่เชื่อมต่อ
- คลิกหน่วยขององค์กรหรือกลุ่มที่ต้องการอนุญาตหรือบล็อก
- หากต้องการอนุญาตให้ผู้ใช้ใช้ฟีเจอร์นี้ได้ ให้เลือกช่องดังกล่าว
- คลิกบันทึก
ขั้นตอนที่ 3: จัดการรายการแอป
เปิดส่วน | ยุบทั้งหมดและกลับไปด้านบนสุด
นำแอปออกเมื่อนำแอป Android ออกจากรายการ แอปจะไม่ปรากฏให้ผู้ใช้ติดตั้งจาก Managed Google Play Store หรือแท็บแอปสำหรับการทำงานใน Play Store หากผู้ใช้ติดตั้งแอปไว้แล้ว แอปจะยังคงอยู่ในอุปกรณ์แต่ไม่ได้รับการจัดการอีกต่อไป หากคุณอนุญาตให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปใดก็ได้ใน Google Play ผู้ใช้ก็จะยังติดตั้งแอปได้ แต่คุณจะจัดการแอปนั้นไม่ได้
เมื่อนำแอป iOS ออกจากรายการ แอปจะไม่ปรากฏให้ผู้ใช้ติดตั้งจากแอป Google Device Policy หากผู้ใช้ติดตั้งแอปและมีการจัดการแอปแล้ว แอปจะยังคงอยู่ในอุปกรณ์และได้รับการจัดการจนกว่าผู้ใช้จะนำโปรไฟล์ Device Policy ออกจากอุปกรณ์ ผู้ใช้รายอื่นจะยังคงติดตั้งแอปจาก App Store ได้ แต่คุณจะจัดการแอปดังกล่าวไม่ได้
-
ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google ด้วยบัญชีผู้ดูแลระบบ
หากไม่ได้ใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ คุณจะเข้าถึงคอนโซลผู้ดูแลระบบไม่ได้
-
ไปที่เมนู
แอป > แอปในเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่
ต้องมีสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบสำหรับการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่
- คุณสามารถลบแอปทีละแอปหรือครั้งละหลายแอปได้ดังนี้
- หากต้องการลบแอปเดียว ให้ค้นหาแอปในรายการแล้วคลิกเพิ่มเติม
ลบ
- หากต้องการลบแอปหลายแอป ให้เลือกช่องถัดจากแต่ละแอป คลิกลบที่ด้านบน
- หากต้องการลบแอปเดียว ให้ค้นหาแอปในรายการแล้วคลิกเพิ่มเติม
ขั้นตอนที่ 4: ตรวจสอบแอปในอุปกรณ์ที่มีการจัดการ
เปิดส่วน | ยุบทั้งหมดและกลับไปด้านบนสุด
ดูวิธีเผยแพร่แอป-
ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google ด้วยบัญชีผู้ดูแลระบบ
หากไม่ได้ใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ คุณจะเข้าถึงคอนโซลผู้ดูแลระบบไม่ได้
-
ไปที่เมนู
แอป > แอปในเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่
ต้องมีสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบสำหรับการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่
-
วิธีตรวจสอบแอปที่หน่วยขององค์กรหรือกลุ่มที่ระบุเข้าถึงได้
-
คลิกเพิ่มตัวกรอง
-
คลิกหน่วยขององค์กรหรือกลุ่ม
-
เลือกหน่วยขององค์กรหรือกลุ่ม
-
-
หากต้องการตรวจสอบการเผยแพร่แอป ให้ชี้ไปที่แถวของแอปที่ต้องการตรวจสอบแล้วคลิกรายละเอียดการเข้าถึง ระบบจะเปิดแผงซึ่งแสดงกลุ่มและหน่วยขององค์กร รวมถึงสถานะสิทธิ์เข้าถึงแอป
-
ลงชื่อเข้าใช้ คอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google ด้วยบัญชีผู้ดูแลระบบ
หากไม่ได้ใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ คุณจะเข้าถึงคอนโซลผู้ดูแลระบบไม่ได้
-
- คลิกการ์ดอุปกรณ์เคลื่อนที่
- คลิกแถวของอุปกรณ์ที่ต้องการดูรายละเอียด
เคล็ดลับ: หากองค์กรมีอุปกรณ์เคลื่อนที่หลายเครื่อง ให้คลิกเพิ่มตัวกรองเพื่อจำกัดการค้นหาให้แคบลง โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อค้นหาอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ต้องการ - คลิกแอปที่ติดตั้ง ตารางจะแสดงรายการแอป เวอร์ชัน และรหัสแอป หากเป็นแอป Android คุณจะดูค่าแฮช SHA-256 ได้ด้วย
ในเหตุการณ์ในบันทึกของอุปกรณ์ ให้กรองบันทึกเพื่อค้นหาชื่อเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงแอปพลิเคชันของอุปกรณ์ คุณสามารถกรองรายการเพิ่มเติมตามประเภทอุปกรณ์ที่ต้องการ เหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงแอปพลิเคชันของอุปกรณ์ ชื่อแพ็กเกจของแอปพลิเคชัน และข้อมูลอื่นๆ ได้
หลังจากสร้างตัวกรองแล้ว คุณจะส่งออกข้อมูลเหตุการณ์ในบันทึกได้
รับมือกับเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยของแอป
หากบัญชีของผู้ใช้อาจถูกบุกรุกผ่านแอป (เนื่องจากอุปกรณ์สูญหายหรือถูกขโมย) หรือพบแอปที่เป็นอันตรายในอุปกรณ์ของผู้ใช้ คุณก็สามารถแก้ปัญหาได้หลายวิธี
วิธีหยุดการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
- นำผู้ใช้ออกจากระบบบัญชี Google ที่มีการจัดการ
- บล็อกอุปกรณ์ (ต้องมีการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขั้นสูง)
- ล็อกอุปกรณ์ Android ของบริษัทและรีเซ็ตรหัสผ่าน
หากต้องการบล็อกไม่ให้แอปเข้าถึงบริการของ Google ให้ตั้งค่าแอปเป็นถูกจำกัดหรือถูกบล็อกในการควบคุมการเข้าถึงแอป โปรดดูรายละเอียดที่หัวข้อเพิ่มแอปใหม่
Google, Google Workspace และเครื่องหมายและโลโก้ที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องหมายการค้าของ Google LLC ชื่อบริษัทและชื่อผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งหมดเป็นเครื่องหมายการค้าของ บริษัทที่เกี่ยวข้อง