เมื่อเปิดใช้การติดตามเหตุการณ์สำคัญใน Merchant Center แล้ว การติดตามเหตุการณ์สำคัญจะช่วยให้คุณตรวจสอบยอดขายโดยใช้เมตริกเหตุการณ์สำคัญที่เฉพาะเจาะจงซึ่งเกี่ยวข้องกับการซื้อได้ การติดตามเหตุการณ์สำคัญช่วยให้คุณทราบผลิตภัณฑ์และคีย์เวิร์ดที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ
บทความนี้อธิบายวิธีการทำงานของการติดตามเหตุการณ์สำคัญและวิธีตั้งค่าใน Merchant Center
ในหน้านี้
- ประโยชน์ของการติดตามเหตุการณ์สำคัญ
- วิธีการทำงานของการติดตามเหตุการณ์สำคัญ
- ตั้งค่าการติดตามเหตุการณ์สำคัญ
- นำการติดตามเหตุการณ์สำคัญออก
- คำถามที่พบบ่อย
ประโยชน์ของการติดตามเหตุการณ์สำคัญ
- การวัดประสิทธิภาพ: การติดตามเหตุการณ์สำคัญช่วยให้คุณวัดความสำเร็จของการขายผลิตภัณฑ์ได้ เมื่อใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์เว็บ การติดตามเหตุการณ์จะช่วยให้คุณติดตามได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่แสดงบน Google โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายนั้นมีประสิทธิภาพเพียงใด ทั้งยังช่วยให้คุณได้รับรายงานประสิทธิภาพที่มีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่แสดงฟรี เช่น ข้อมูลนี้นำไปสู่การซื้อหรือไม่และวิธีการเปรียบเทียบกับจำนวนการเข้าชมโดยรวมของ Google
- การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง: การติดตามเหตุการณ์สำคัญจะแสดงการเก็บฟีดแบ็กมาแก้ไขเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง คุณจะปรับแต่งและปรับปรุงข้อเสนอผลิตภัณฑ์และเว็บไซต์ได้อย่างต่อเนื่องตามการเข้าชมผลิตภัณฑ์และข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากข้อมูลต่างๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ
- เมตริกที่ปรับปรุงแล้ว: การติดตามเหตุการณ์มีบทบาทสำคัญในการทำความเข้าใจและปรับปรุงเมตริก เช่น การคลิก การแสดงผล และอัตราการคลิกผ่าน (CTR) เพื่อปรับปรุงการโฆษณาออนไลน์และการตลาดออนไลน์
วิธีการทำงานของการติดตามเหตุการณ์สำคัญ
หลังจากที่ลูกค้าคลิกข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่แสดงฟรี การติดตามเหตุการณ์สำคัญจะใส่ข้อมูลเพิ่มเติมสั้นๆ ซึ่งเป็นพารามิเตอร์ที่เรียกว่ารหัสผลลัพธ์ลงใน URL ที่ลูกค้าคลิกผ่าน
ตัวอย่าง
URL สุดท้ายจะมีลักษณะเป็น www.example.com/?srsltid=123xyz หากมีผู้คลิกข้อมูลที่แสดงฟรีจาก www.example.com
ระบบจะสร้างรหัสผลลัพธ์ขึ้นเมื่อมีการแสดงผล หากลูกค้าคลิกข้อมูลที่แสดงฟรีเดียวกันอีกครั้ง ระบบจะใช้รหัสผลลัพธ์เดิม
ตั้งค่าการติดตามเหตุการณ์สำคัญ
ขั้นตอน 3 ขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการตั้งค่าการติดตามเหตุการณ์สำคัญมีดังนี้
- การเปิดใช้การติดแท็กอัตโนมัติ
- การลิงก์แหล่งที่มาของเหตุการณ์สำคัญมี 2 ตัวเลือก ได้แก่
- ลิงก์กับพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics - ตัวเลือกนี้กำหนดให้ลิงก์บัญชี Google Analytics ที่มีอยู่
- ใช้แท็กในเว็บไซต์ - ตัวเลือกนี้กำหนดให้คุณต้องเปลี่ยนโค้ดของเว็บไซต์
- การตั้งค่าแท็กในเว็บไซต์
ผู้ดูแลระบบสามารถเปิดใช้การติดตามเหตุการณ์สำคัญโดยค่าเริ่มต้นสำหรับบัญชี Merchant Center บางบัญชี หรือเปิดใช้ที่ระดับบัญชีก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าบัญชี หากต้องการเปิดใช้การติดตามเหตุการณ์สำคัญ ให้ทำตามขั้นตอนด้านล่าง
ขั้นตอนที่ 1 จาก 3: การเปิดใช้การติดแท็กอัตโนมัติ
- ในบัญชี Merchant Center ให้คลิกการตั้งค่า
ในเมนูการนำทางด้านซ้าย
- เลือกทั่วไป
- เลือกแท็บการตั้งค่าเหตุการณ์สำคัญ
- เปิดการติดแท็กอัตโนมัติ แบนเนอร์จะปรากฏขึ้นเพื่อยืนยันว่าคุณเปิดฟีเจอร์การติดแท็กอัตโนมัติอยู่ ตอนนี้คุณเริ่มเพิ่มแหล่งที่มาของเหตุการณ์สำคัญได้แล้ว
ขั้นตอนที่ 2 จาก 3: การลิงก์แหล่งที่มาของเหตุการณ์สำคัญมี 2 ตัวเลือก
- เลือกเพิ่มแหล่งที่มาของเหตุการณ์สำคัญ คุณจะเลือกใช้ผ่าน Google Analytics หรือผ่านการใช้แท็กกับเว็บไซต์ก็ได้
- ใน "เลือกวิธีติดตามการซื้อผลิตภัณฑ์" คุณจะเลือก "ลิงก์ Google Analytics" หรือ "ลิงก์เว็บไซต์" ก็ได้
- หากมีบัญชี Google Analytics 4 คุณสามารถเลือก "ลิงก์ Google Analytics" และลิงก์บัญชีเพื่อส่งรายละเอียดเหตุการณ์สำคัญเกี่ยวกับการซื้อจาก Google Analytics ไปยัง Merchant Center ได้
- หากไม่มีบัญชี Google Analytics 4 คุณสามารถใช้แท็ก Google ที่ส่งรายละเอียดการซื้อจากเว็บไซต์ไปยัง Merchant Center โดยตรงได้ เลือก "ลิงก์เว็บไซต์" แล้วเลือกถัดไป
ขั้นตอนที่ 3 จาก 3: การตั้งค่าแท็กในเว็บไซต์
- ในหน้า "รับการติดตาม" ในส่วน "กำหนดค่าข้อมูลการติดตามเหตุการณ์สำคัญ"
- เพิ่ม "ชื่อการติดตาม"
- เลือก "รูปแบบการระบุแหล่งที่มา"
- เลือก "กรอบเวลามองย้อนกลับ" เป็น 7, 30, 40 วัน กรอบเวลามองย้อนกลับที่แนะนำคือ 30 วัน
- เลือกถัดไป
- ในหน้า "ส่งการติดตาม" ในส่วน "ลิงก์แท็กเว็บไซต์กับ Merchant Center เพื่อติดตามการซื้อ"
- เลือกปุ่มตั้งค่า
- ในกล่องโต้ตอบ "ตั้งค่าแท็ก Google" ให้ใช้ "ติดตั้งด้วยตนเอง" เพื่อติดตั้งแท็ก Google ด้วย gtag.js ในโค้ดของเว็บไซต์
- หากคุณใช้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์หรือ CMS เช่น WordPress, Shopify หรือ Wix ให้ใช้ตัวเลือก "ติดตั้งด้วย CMS หรือเครื่องมือสร้างเว็บไซต์" ในส่วน "แสดงตัวเลือกเพิ่มเติม"
- นอกจากนี้ คุณยังใช้แท็ก Google ที่มีอยู่ซ้ำได้โดยเลือกตัวเลือก "ใช้แท็ก Google ที่คุณมีอยู่แล้ว" ในส่วน "แสดงตัวเลือกเพิ่มเติม"
- ข้างข้อมูลโค้ด ให้เลือก
เพื่อคัดลอกโค้ดไปยังคลิปบอร์ด
- วางข้อมูลโค้ดแท็กทั้งหมดในโค้ดของทุกหน้าในเว็บไซต์หลังองค์ประกอบ
<head> - คุณทดสอบได้ว่าติดตั้งแท็กอย่างถูกต้องหรือไม่โดยคลิกทดสอบการติดตั้ง
- ปิดกล่องโต้ตอบแล้วเลือกถัดไป
- ในหน้า "กำหนดเหตุการณ์การซื้อ" ในส่วน "กำหนดวิธีติดตามเหตุการณ์การซื้อ" ให้เลือก 1 ใน 3 ตัวเลือกต่อไปนี้
- ตัวเลือกที่ 1: เพิ่ม URL ของเหตุการณ์สำคัญ นี่คือ URL ของหน้าที่ลูกค้าเข้าถึงหลังจากทำการซื้อเสร็จสมบูรณ์
- ตัวเลือกที่ 2 และ 3: เลือกการตั้งค่าขั้นสูงเพื่อดูวิธีการเพิ่มเหตุการณ์การซื้อลงในเว็บไซต์โดยตรงเมื่อเปิดหน้าเว็บ (ตัวเลือกที่ 2) หรือเมื่อคลิกปุ่ม (ตัวเลือกที่ 3)
- เลือกเสร็จสิ้น
หลังจากที่กำหนดค่าการเชื่อมต่อกับแหล่งที่มาของเหตุการณ์สำคัญแล้ว คุณจะต้องรีเฟรชหน้าเว็บเพื่อดูแหล่งที่มาของเหตุการณ์สำคัญที่เพิ่มลงในตารางใน Merchant Center
หลังจากที่ตั้งค่าเสร็จแล้ว คุณจะเริ่มเห็นเมตริกเหตุการณ์สำคัญในแดชบอร์ดประสิทธิภาพ
โปรดอย่าลืมว่าคุณต้องแจ้งให้ผู้ใช้ทราบข้อมูลที่ชัดเจนและครบถ้วนเกี่ยวกับข้อมูลที่คุณรวบรวมไว้ในแอป พร้อมทั้งต้องได้รับความยินยอมในการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในกรณีที่กฎหมายกำหนด
นำการติดตามเหตุการณ์สำคัญออก
หากต้องการนำการติดตามเหตุการณ์สำคัญออก ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- ในบัญชี Merchant Center ให้คลิกการตั้งค่า
ในเมนูการนำทางด้านซ้าย แล้วเลือกทั่วไป
- เลือกแท็บการตั้งค่าเหตุการณ์สำคัญ
- สำหรับแหล่งที่มาของเหตุการณ์สำคัญของ Google Analytics ให้เลือกนำสิทธิ์เข้าถึงออกในคอลัมน์ "การกระทำ" ของตารางข้างแหล่งที่มาของเหตุการณ์สำคัญที่ต้องการลบ เลือกนำสิทธิ์เข้าถึงออกในหน้าต่างป๊อปอัป
- สำหรับแหล่งที่มาของเหตุการณ์สำคัญของร้านค้าออนไลน์ ให้เลือกลบข้างแหล่งที่มาของเหตุการณ์สำคัญที่ต้องการลบ ในกล่องโต้ตอบการยืนยัน ให้คลิกลบ
คำถามที่พบบ่อย
ฉันจะดูการเข้าชมจากข้อมูลที่แสดงฟรีใน Google Analytics ได้อย่างไร
สำหรับพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 แหล่งที่มาของการเข้าชมคือ "ข้อมูลที่แสดงฟรีของ Shopping" สำหรับพร็อพเพอร์ตี้ Universal Analytics (เวอร์ชันก่อนหน้าของ Google Analytics) ระบบจะรายงานการเข้าชมข้อมูลที่แสดงฟรีพร้อมกับแหล่งที่มาของการเข้าชมจากข้อมูลที่แสดงฟรีอื่นๆ ทั้งหมดจาก Google (โดยมี "google" เป็นแหล่งที่มาของการเข้าชม และ "ข้อมูลที่แสดงฟรี" เป็นสื่อ)
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแหล่งที่มาของการเข้าชมใน Google Analytics