หากต้องการเวลาเพิ่มเติมในการยืนยันบัญชีนักพัฒนาแอป
ตอนนี้คุณขอขยายกำหนดเวลาการยืนยันได้ 90 วัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อเดือนกรกฎาคม 2023 เราได้ประกาศข้อกำหนดเกี่ยวกับการยืนยันสำหรับผู้ที่สร้างบัญชีนักพัฒนาแอป Play Console ใหม่ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสใน Google Play และดูแลให้นักพัฒนาแอปปฏิบัติตามนโยบายข้อกำหนดของ Play Console ฉบับปรับปรุง
ตอนนี้เรากำลังเปิดตัวข้อกำหนดเกี่ยวกับการยืนยันเหล่านี้กับนักพัฒนาแอป Google Play ที่มีอยู่ทั้งหมด ซึ่งสร้างบัญชี Play Console ก่อนที่จะมีการประกาศการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ บทความนี้มีคำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำและกำหนดเวลา
ข้อมูลลำดับเวลา
เราคาดว่าจะใช้ลำดับเวลาต่อไปนี้สำหรับการเปิดตัวใน Play Console แต่โปรดทราบว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลง โดยเราจะอัปเดตบทความนี้ให้ตรงกับข้อมูลล่าสุดหากมีการเปลี่ยนแปลง
วันที่ | อัปเดต |
12 กรกฎาคม 2023 |
เราได้ปรับปรุงนโยบายข้อกำหนดของ Play Console โดยเพิ่มข้อกำหนดใหม่เกี่ยวกับการยืนยันบัญชี บัญชีนักพัฒนาแอปใหม่ทั้งหมดต้องทำการยืนยันเพิ่มเติมดังกล่าวให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนจึงจะเผยแพร่แอปใน Google Play ได้ |
8 พฤศจิกายน 2023 - 29 กุมภาพันธ์ 2024 |
นักพัฒนาแอปที่ต้องทำการยืนยันให้เสร็จสมบูรณ์ (บัญชีส่วนใหญ่ที่สร้างก่อนเดือนกันยายน 2023) สามารถเลือกกำหนดเวลาที่ต้องการเพื่อทำการยืนยันบัญชีใน Play Console ให้เสร็จสมบูรณ์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ส่วนกำหนดเวลาการยืนยันใน Play Console |
พฤษภาคม 2024 - กุมภาพันธ์ 2025 |
นักพัฒนาแอปสามารถทำการยืนยันให้เสร็จสมบูรณ์ใน Play Console 60 วันก่อนกำหนดเวลาของตน นักพัฒนาแอปที่ต้องการเวลาเพิ่มเติมสามารถขยายกำหนดเวลาการยืนยันนี้ได้ 90 วันหากต้องการ โดยต้องยืนยันบัญชีให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนกำหนดเวลาที่เลือกหรือขยายเวลาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้โปรไฟล์นักพัฒนาแอปและแอปของตนถูกนำออกจาก Google Play ไปที่ส่วนวิธียืนยันบัญชีนักพัฒนาแอปใน Play Console เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดที่คุณต้องระบุเมื่อการยืนยันบัญชีพร้อมใช้งานใน Play Console |
กำหนดเวลาการยืนยันใน Play Console
เราทราบดีว่านักพัฒนาแอปแต่ละประเภทและแต่ละขนาดต่างก็มีสิ่งสำคัญที่ต้องดำเนินการตามลำดับเวลาแตกต่างกันไป และเข้าใจดีว่านักพัฒนาแอปแต่ละรายอาจใช้เวลายืนยันเร็วช้าไม่เท่ากัน ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้ทดสอบและปรับปรุงขั้นตอนการยืนยันกับนักพัฒนาแอปโดยมีจุดประสงค์ที่จะทำให้นักพัฒนาแอปเข้าใจและดำเนินการตามขั้นตอนการยืนยันได้ง่ายขึ้น เราพบว่านักพัฒนาแอปต้องการเลือกกำหนดเวลาของตนเองในการยืนยันบัญชีให้เสร็จสมบูรณ์
ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2023 เป็นต้นมา กำหนดเวลาพร้อมใช้งานตามระบบมาก่อนได้ก่อน หากคุณไม่ได้เลือกกำหนดเวลาไว้ก่อนวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2024 เราได้เลือกให้คุณโดยอัตโนมัติแล้ว ซึ่งดูได้ที่หน้ารายละเอียดบัญชีใน Play Console
การยืนยันบัญชีนักพัฒนาแอปให้เสร็จก่อนกำหนดมีข้อดีอะไรบ้าง
ข้อมูลบัญชีที่ยืนยันแล้วจะแสดงใน Google Play สำหรับนักพัฒนาแอปที่ได้ยืนยันบัญชีนักพัฒนาแอปของตนเองแล้ว ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้รู้จักคุณมากขึ้น สร้างความน่าเชื่อถือ ตลอดจนช่วยให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดแอปและเกมของคุณได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดที่แสดงใน Google Play
หลังจากที่คุณจองกำหนดเวลาการยืนยันแล้ว เจ้าของบัญชีและผู้ดูแลบัญชีทั้งหมดจะได้รับอีเมลยืนยัน อีเมลยังมีข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนถัดไป รวมถึงวิธีขอรับหมายเลข D-U-N-S ด้วย (หากจำเป็น) หากไม่แน่ใจว่าได้เลือกกำหนดเวลาการยืนยันสำหรับบัญชีไว้หรือยัง ให้ตรวจสอบบันทึกกิจกรรมใน Play Console
คุณเริ่มการยืนยันบัญชีใน Play Console ได้ 60 วันก่อนกำหนดเวลาที่เลือกไว้ หากไม่สามารถยืนยันให้เสร็จภายในกำหนดเวลาที่เลือกไว้ ระบบจะนำโปรไฟล์นักพัฒนาแอปและแอปของคุณออกจาก Google Play
ฉันจะขยายกำหนดเวลาการยืนยันได้ไหม
หากต้องการเวลาเพิ่มเติมในการดำเนินการยืนยันให้เสร็จสมบูรณ์ คุณสามารถขยายกำหนดเวลาการยืนยันได้ 90 วัน หากไม่ดำเนินการยืนยันให้เสร็จภายในกำหนดเวลาที่ขยายเวลาไว้ ระบบจะนำโปรไฟล์นักพัฒนาแอปและแอปของคุณออกจาก Google Play
ทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อขยายเวลาการยืนยัน
ยืนยันบัญชีนักพัฒนาแอปใน Play Console
เมื่อการยืนยันบัญชีพร้อมใช้งานใน Play Console แล้ว คุณต้องให้ข้อมูลบางอย่างซึ่งช่วยให้เรายืนยันตัวตนของคุณได้ ข้อมูลนี้จะต่างกันระหว่างบัญชีส่วนตัวกับบัญชีขององค์กร
ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการยืนยันบัญชีนักพัฒนาแอปส่วนบุคคล
เมื่อการยืนยันบัญชีพร้อมใช้งานใน Play Console แล้ว คุณจะต้องให้ข้อมูลต่อไปนี้
- ชื่อตามกฎหมาย (แสดงใน Google Play)
- ที่อยู่ตามกฎหมาย (ประเทศที่แสดงใน Google Play)
- อีเมลและหมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัวเพื่อให้ Google ติดต่อคุณ (ยืนยันโดยใช้รหัสผ่านที่สามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียว)
- ภาษาที่ต้องการสำหรับการสื่อสารทางอีเมล
- หมายเลขโทรศัพท์สำหรับติดต่อ (ยืนยันโดยใช้รหัสผ่านที่สามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียว)
- อีเมลที่จะแสดงใน Google Play เป็นส่วนหนึ่งของโปรไฟล์นักพัฒนาแอปสาธารณะ คุณสามารถระบุอีเมลที่แตกต่างกันสำหรับคำถามเรื่องการสนับสนุนแอปของแต่ละแอปได้ในหน้าการตั้งค่า Store (ขยายการมองเห็น > การแสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store > การตั้งค่า Store) ใน Play Console
ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับบัญชีนักพัฒนาแอปส่วนบุคคลมีดังนี้
- เว็บไซต์ของนักพัฒนาแอป (ไม่บังคับ)
ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการยืนยันบัญชีนักพัฒนาแอปขององค์กร
เมื่อการยืนยันบัญชีพร้อมใช้งานใน Play Console แล้ว คุณจะต้องให้ข้อมูลต่อไปนี้
- ชื่อตามกฎหมาย (แสดงใน Google Play)
- ที่อยู่ตามกฎหมาย (แสดงใน Google Play)
- อีเมลและหมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัวเพื่อให้ Google ติดต่อคุณ (ยืนยันโดยใช้รหัสผ่านที่สามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียว)
- ภาษาที่ต้องการสำหรับการสื่อสารทางอีเมล
- อีเมลและหมายเลขโทรศัพท์ที่จะแสดงใน Google Play เป็นส่วนหนึ่งของโปรไฟล์นักพัฒนาแอปสาธารณะ คุณสามารถระบุอีเมลที่แตกต่างกันสำหรับคำถามเรื่องการสนับสนุนแอปของแต่ละแอปได้ในหน้าการตั้งค่า Store (ขยายการมองเห็น > การแสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store > การตั้งค่า Store) ใน Play Console
- เอกสารขององค์กร เอกสารนี้ต้องเป็นหลักฐานการจดทะเบียนธุรกิจที่ยืนยันว่าองค์กรมีอยู่ในปัจจุบัน โดยมีข้อควรทราบดังนี้
- ชื่อที่ระบุในเอกสารการจดทะเบียนธุรกิจต้องตรงกับชื่อที่ระบุในโปรไฟล์ Dun & Bradstreet ของธุรกิจ
- เอกสารทางธุรกิจทั้งหมดต้องออกโดยหน่วยงานที่เชื่อถือได้ เช่น รัฐบาลกลาง/ระดับรัฐ/ระดับเทศบาล สถาบันของรัฐ (หน่วยงานด้านภาษี สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ฯลฯ) หอการค้า สำนักทะเบียนธุรกิจ เป็นต้น
- ในกรณีที่เป็นองค์กรภาครัฐ คุณสามารถส่งเอกสารที่มีหัวจดหมายของรัฐบาลเป็นหลักฐานได้หากไม่มีเอกสารทางธุรกิจข้างต้น
- สำคัญ: การส่งเอกสารที่ไม่รองรับเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ยืนยันบัญชีนักพัฒนาแอปไม่สำเร็จ
ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับองค์กรมีดังนี้
- ประเภทองค์กร
- บริษัท/ธุรกิจ
- องค์กรไม่แสวงผลกำไร
- สถาบันการศึกษา
- รัฐบาล
- ขนาดขององค์กร
- 1-10
- 11-50
- 51-100
- 101-1,000
- พนักงานมากกว่า 1,000 คน
- หมายเลขโทรศัพท์ขององค์กร
- เว็บไซต์ขององค์กร
ข้อกำหนดเพิ่มเติมสำหรับนักพัฒนาแอปที่สร้างรายได้โดยใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play
หากคุณสร้างรายได้ใน Google Play โดยใช้ระบบการเรียกเก็บเงินของ Google Play ก็จะต้องยืนยันรายละเอียดการชำระเงินของผู้ขายด้วย ระบบจะนำการแสดงข้อมูลและแอปของนักพัฒนาแอปที่มีบัญชีธนาคารซึ่งไม่ได้รับการยืนยันออกจาก Google Play การดำเนินการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างต่อเนื่องในการช่วยรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้ Google Play ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลบัญชีผู้ขายและการยืนยันบัญชีธนาคาร
ในบางภูมิภาค นักพัฒนาแอปต้องให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่อาจแสดงใน Google Play เช่น หมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่แบบเต็ม ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บทความในศูนย์ช่วยเหลือนี้
ขั้นตอนในการยืนยันบัญชี
ก่อนที่จะเริ่มยืนยันบัญชี คุณสามารถเตรียมตัวด้วยการศึกษาข้อมูลเรื่องข้อกำหนดเกี่ยวกับการยืนยันที่เริ่มใช้กับบัญชีนักพัฒนาแอปส่วนบุคคลหรือบัญชีขององค์กร นอกจากนี้ คุณยังสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลที่จำเป็นสำหรับนักพัฒนาแอปรายใหม่ในการสร้างบัญชีนักพัฒนาแอป Play Console
วิธียืนยันบัญชีนักพัฒนาแอป
- เปิดหน้าแรกของ Play Console ภายใน 60 วันนับจากวันที่กำหนดเวลาการยืนยัน
- เคล็ดลับ: หากไม่ทราบหรือจำกำหนดเวลาไม่ได้ คุณสามารถดูได้ในหน้ารายละเอียดบัญชี
- คุณจะเห็นการแจ้งเตือนบริเวณด้านบนของหน้า ซึ่งแจ้งให้คุณยืนยันบัญชี คลิกเริ่มต้นใช้งานที่ด้านล่างของการแจ้งเตือน โปรดทราบว่าหากคุณพยายามยืนยันเกิน 60 วันก่อนกำหนดเวลาการยืนยัน การแจ้งเตือนนี้จะยังไม่ปรากฏให้เห็น
- หน้าจอถัดไปจะแสดงส่วนต่างๆ ที่คุณต้องกรอกเพื่อยืนยันบัญชี
- ยืนยันประเภทบัญชี
- ลิงก์โปรไฟล์การชำระเงิน
- ให้ข้อมูลบัญชี
- ระบุข้อมูลติดต่อ
คลิกเริ่มต้นเพื่อเริ่มกระบวนการยืนยันตัวตน
- ยืนยันประเภทบัญชีโดยเลือกบัญชีขององค์กรหรือบัญชีส่วนตัว คลิกถัดไป การเลือกนี้จะระบุการยืนยันที่คุณต้องทําให้เสร็จสมบูรณ์ และเปลี่ยนแปลงในภายหลังไม่ได้ ดูข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีทั้ง 2 ประเภท
- เลือกโปรไฟล์การชำระเงินแล้วคลิกต่อไป หากยังไม่มี ให้คลิกสร้างโปรไฟล์การชำระเงินใหม่ แล้วทำตามวิธีการบนหน้าจอ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างโปรไฟล์การชำระเงิน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกโปรไฟล์การชำระเงินด้านล่าง
- สำคัญ: หากคุณมีบัญชีขององค์กร คุณจะต้องป้อนหมายเลข D-U-N-S ขององค์กรเพื่อสร้างโปรไฟล์การชำระเงิน โปรดขอรับหมายเลข D-U-N-S โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งนี้การขอรับหมายเลขดังกล่าวอาจใช้เวลา 30 วันขึ้นไป
- หมายเหตุ: องค์กรหรือหน่วยงานรัฐบาลที่ไม่มีหมายเลข D-U-N-S สามารถยืนยันให้เสร็จสมบูรณ์ได้โดยไม่ต้องระบุหมายเลขดังกล่าว ตัวเลือกนี้เปิดใช้แล้วสำหรับองค์กรภาครัฐที่เป็นที่รู้จักบางแห่ง หากคุณเป็นองค์กรภาครัฐและไม่มีตัวเลือกนี้เมื่อสร้างหรือเลือกโปรไฟล์การชำระเงิน โปรดติดต่อทีมสนับสนุน
- ตรวจสอบว่ารายละเอียดโปรไฟล์การชำระเงินที่แสดงถูกต้อง แล้วคลิกถัดไป
- ทำตามวิธีการบนหน้าจอเพื่อระบุข้อมูลบัญชี Google ใช้ข้อมูลนี้เพื่อติดต่อคุณเท่านั้น และจะไม่แสดงใน Google Play ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บทความในศูนย์ช่วยเหลือนี้ คลิกถัดไป
- ทำตามวิธีการบนหน้าจอเพื่อระบุข้อมูลบัญชี ข้อมูลนี้จะแสดงใน Google Play เพื่อให้ผู้ใช้สามารถติดต่อคุณได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บทความในศูนย์ช่วยเหลือนี้ คลิกถัดไป
- ตรวจสอบข้อมูลโปรไฟล์ของคุณ คลิกยืนยันและบันทึกเพื่อดำเนินการให้เสร็จสิ้น
- สำคัญ: ระบบอาจขอให้คุณยืนยันตัวตนและองค์กรโดยใช้บัตรประจำตัวที่ใช้งานได้และเอกสารอย่างเป็นทางการเพื่อยืนยันตัวตนให้เสร็จสมบูรณ์
หลังจากคุณให้ข้อมูลที่จำเป็นในการยืนยันบัญชีแล้ว เราจะตรวจสอบและประมวลผลข้อมูลที่คุณส่งมา เจ้าของบัญชีจะได้รับอีเมลเมื่อการยืนยันเสร็จสมบูรณ์ โดยอาจใช้เวลา 2-3 วัน
ขั้นตอนในการขยายกำหนดเวลาการยืนยัน
หากต้องการเวลาเพิ่มเติมในการดำเนินการยืนยันให้เสร็จสมบูรณ์ คุณสามารถขยายกำหนดเวลาการยืนยันได้ 90 วันโดยทำดังนี้
- เปิดหน้าแรกของ Play Console ภายใน 60 วันนับจากวันที่กำหนดเวลาการยืนยัน
- เคล็ดลับ: หากไม่ทราบหรือจำกำหนดเวลาไม่ได้ คุณสามารถดูได้ในหน้ารายละเอียดบัญชี
- ในการแจ้งเตือนที่ด้านบนของหน้าแรกของ Play Console ให้คลิกขอการขยายเวลา 90 วัน
เราจะขยายเวลาให้คุณอีก 90 วัน หากไม่ดำเนินการยืนยันให้เสร็จภายในกำหนดเวลาที่ขยายเวลาไว้ ระบบจะนำโปรไฟล์นักพัฒนาแอปและแอปของคุณออกจาก Google Play
การเลือกโปรไฟล์การชำระเงินเมื่อสร้างหรือยืนยันบัญชีนักพัฒนาแอป Play Console
หากต้องการสร้างบัญชีนักพัฒนาแอป Play Console ใหม่หรือยืนยันบัญชีที่มีอยู่ คุณต้องสร้างหรือเลือกโปรไฟล์การชำระเงิน ซึ่งจะใช้ยืนยันตัวตนของคุณ โปรไฟล์การชำระเงินอาจเป็นโปรไฟล์สำหรับบุคคลธรรมดาหรือองค์กรก็ได้ แต่มีเพียงโปรไฟล์การชำระเงินขององค์กรเท่านั้นที่แชร์กับบุคคลหลายคนได้
หากองค์กรของคุณมีบัญชีนักพัฒนาแอปหลายบัญชีที่ใช้รายละเอียดตัวตนเดียวกัน คุณอาจต้องใช้โปรไฟล์การชำระเงินเดียวกันกับบัญชีเหล่านี้เพื่อให้กระบวนการยืนยันตัวตนง่ายขึ้น
สำคัญ: โปรดทำความเข้าใจผลของการแชร์โปรไฟล์การชำระเงินกับผู้อื่นให้ถี่ถ้วนก่อนที่จะเพิ่มบุคคลนั้นเป็นผู้ดูแลระบบ เนื่องจากการให้สิทธิ์เข้าถึงระดับผู้ดูแลระบบทำให้ผู้ดูแลระบบสามารถใช้รายละเอียดการชำระเงินของโปรไฟล์การชำระเงินดังกล่าวได้
การแชร์โปรไฟล์การชำระเงิน
หากต้องการแชร์โปรไฟล์การชำระเงินกับบัญชีนักพัฒนาแอปหลายบัญชี ให้ทำตามขั้นตอนด้านล่าง
ขั้นตอนที่ 1: ให้สิทธิ์เข้าถึงโปรไฟล์การชำระเงิน
เจ้าของบัญชี Play Console แต่ละคนต้องเป็นผู้ดูแลระบบของโปรไฟล์การชำระเงิน ผู้ดูแลระบบโปรไฟล์คนปัจจุบันต้องเพิ่มเจ้าของบัญชีลงในโปรไฟล์การชำระเงินในหน้าการตั้งค่าของศูนย์การชำระเงินของ Google โดยมีวิธีการดังนี้
- เปิดหน้าการตั้งค่าของศูนย์การชำระเงินของ Google
- สำคัญ: หากมีโปรไฟล์การชำระเงินหลายโปรไฟล์ ให้ตรวจสอบว่าคุณเลือกโปรไฟล์ที่ถูกต้องจากเมนูแบบเลื่อนลงที่มุมขวาบน
- คลิกจัดการผู้ใช้สำหรับการชำระเงินใต้ "ผู้ใช้สำหรับการชำระเงิน"
- คลิกเพิ่มผู้ใช้ใหม่
- ป้อนชื่อและอีเมลของผู้ใช้ แล้วเลือก "ผู้ดูแลระบบที่มีสิทธิ์ทั้งหมด"
- เลือกตัวเลือกค่ากำหนดของอีเมลแล้วคลิกเชิญ
- (ไม่บังคับ) ทำซ้ำกับเจ้าของบัญชีเสริมแต่ละราย
ขั้นตอนที่ 2: ยอมรับคำเชิญ
เจ้าของบัญชีแต่ละรายจะได้รับอีเมลจาก payments-noreply@google.com จากนั้นต้องยอมรับคำเชิญให้เพิ่มลงในโปรไฟล์การชำระเงิน
ขั้นตอนที่ 3: เลือกโปรไฟล์ใน Play Console
เมื่อเพิ่มลงในโปรไฟล์การชำระเงินแล้ว เจ้าของบัญชีจะเลือกโปรไฟล์ดังกล่าวได้เมื่อยืนยันบัญชีนักพัฒนาแอปใน Play Console