การแจ้งเตือน

To get the most out of Google Home, choose your Help Center: U.S. Help Center, U.K. Help Center, Canada Help Center, Australia Help Center.

ฟังเพลงบนลำโพงและจอแสดงผล Google Nest

เพลิดเพลินกับเพลงจากบริการเพลงยอดนิยมโดยเลือกเปิดได้ตามศิลปิน เพลง แนวเพลง อัลบั้ม เพลย์ลิสต์ อารมณ์ หรือกิจกรรม

ผู้ใช้แต่ละคนจะลิงก์ได้เพียงบัญชีเดียวต่อบริการสตรีมมิงเท่านั้น ไม่ว่าจะมีผู้ใช้คนเดียวหรือหลายคนกำลังใช้ลำโพงหรือจอแสดงผลของ Google Nest หรือ Home อยู่ก็ตาม ดูวิธีลิงก์บริการเพลงและตั้งค่าบริการเริ่มต้นของคุณ

คุณจะได้ฟังเพลงที่ต่างกันออกไปโดยอิงตามผู้ให้บริการเนื้อหาและการสมัครใช้บริการ

*หมายเหตุ: ผู้ให้บริการบางรายอาจไม่พร้อมให้บริการในภูมิภาคของคุณ โปรดติดต่อผู้ให้บริการเพื่อตรวจสอบความพร้อมให้บริการในภูมิภาคที่คุณอาศัยอยู่ หรือมองหาผู้ให้บริการเพลงที่มีให้บริการโดยใช้ Google Assistant

  • YouTube Music*, Spotify*, Pandora* - คุณจะได้ฟังสถานีเพลงที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลง อัลบั้ม หรือศิลปินที่คุณขอ
  • YouTube Premium*, YouTube Music Premium*, Spotify Premium*, Apple Music* Pandora Premium*, Deezer Premium* - คุณจะได้ฟังเพลง อัลบั้ม หรือศิลปินที่ต้องการ รวมถึงเพลงที่อิงตามแนวเพลง อารมณ์ หรือกิจกรรม ตลอดจนเพลย์ลิสต์ส่วนบุคคล

หมายเหตุ: หากเปิดใช้ไลฟ์สไตล์ดิจิทัล ฟีเจอร์นี้อาจถูกจำกัดหรือบล็อกด้วยฟีเจอร์พักการใช้งาน ตัวกรอง หรือห้ามรบกวน

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ดิจิทัล

คำสั่งเสียงพื้นฐานสำหรับผู้ให้บริการเนื้อหาทั้งหมด

หากต้องการทำสิ่งต่อไปนี้ พูดว่า "Ok Google" แล้วต่อด้วย
ขอเพลง "เปิด [ชื่อเพลง]"
"เปิด [ชื่อเพลง] ของ [ชื่อศิลปิน]"
"เปิด [ชื่อเพลง] จาก [ชื่ออัลบั้ม]"
"เปิด [ชื่อเพลง] ใน [บริการเพลง]"
"เปิดเพลงที่คล้ายกับ [ชื่อเพลง]"
ขอศิลปิน "เปิด [ชื่อศิลปิน]"
"เปิดเพลงของ [ชื่อศิลปิน]"
"เปิด [ชื่อศิลปิน] ใน [บริการเพลง]"
"เปิดเพลงที่คล้ายกับของ [ชื่อศิลปิน]"
ขออัลบั้ม "เปิด [ชื่ออัลบั้ม]"
"เปิด [ชื่ออัลบั้ม] ของ [ชื่อศิลปิน]"
"เปิด [ชื่ออัลบั้ม] ของ [ชื่อศิลปิน] ใน [บริการเพลง]"
เปิดเพลงตามแนวเพลง อารมณ์ หรือกิจกรรม "เปิดเพลงคลาสสิก"
"เปิดเพลงสดใส"
"เปิดเพลงสำหรับตอนทำอาหาร"
"เปิด [แนวเพลง] ใน [บริการเพลง]"
เปิดเนื้อหาที่แนะนำสำหรับคุณโดยเฉพาะจากบริการที่เลือก "เปิดเพลงหน่อย"
"เปิดเพลง [แนวเพลง] ใน [บริการเพลง]"

สุ่มเพลง

"สุ่มเพลง"
"สุ่มเพลงจาก [อัลบั้ม]"
"สุ่มเปิดเพลง"
"เปิด [อัลบั้ม] แล้วสุ่มเพลง"
"สุ่มเพลงใน [อัลบั้ม]"
"เปิด [อัลบั้ม] แบบสุ่มเพลง"

คุณใช้ชื่อศิลปินหรือเพลย์ลิสต์แทนชื่ออัลบั้มได้ด้วย

หยุดชั่วคราว "หยุดชั่วคราว"
"หยุดเพลงชั่วคราว"
ฟังต่อ "เล่นต่อ"
"เล่นต่อไป"
หยุด "หยุด"
"หยุดเพลง"
เปิดเพลงถัดไป "ถัดไป"
"ข้าม"
"เพลงถัดไป"
เพลงอะไร "เปิดเพลงอะไรอยู่"
"เล่นเพลงอะไรอยู่"
"เปิดเพลงของศิลปินคนไหนอยู่"
ควบคุมระดับเสียง "ดังขึ้น"
"ตั้งระดับเสียงเป็น 40%"

เปิดเพลงในลำโพง ทีวี หรืออุปกรณ์วิดีโอ

หมายเหตุ: คุณต้องใช้ Chromecast, ทีวี Chromecast Built-In หรือทีวี Assistant Built-In ที่ลิงก์กับลำโพงหรือจอแสดงผล Google Nest หรือ Home

"เปิดเพลงบนทีวีในห้องนั่งเล่น"
"เปิดเพลง [แนวเพลง] บนลำโพงในห้องนอน"

เปิดเพลงที่กลุ่มลำโพง

"เปิดเพลงบน [ชื่อกลุ่มลำโพง]"

หมายเหตุ: ตั้งค่ากลุ่มลำโพงในแอป Google Home เพื่อเปิดใช้ฟีเจอร์นี้

คำสั่งเสียงขั้นสูงสำหรับการสมัครใช้บริการ

*หมายเหตุ: ผู้ให้บริการบางรายอาจไม่พร้อมให้บริการในภูมิภาคของคุณ โปรดติดต่อผู้ให้บริการเพื่อตรวจสอบความพร้อมให้บริการในภูมิภาคที่คุณอาศัยอยู่ หรือมองหาผู้ให้บริการเพลงที่มีให้บริการโดยใช้ Google Assistant

YouTube Music และ YouTube Music Premium*

คุณต้องลิงก์บัญชี YouTube Music จึงจะฟัง YouTube Music จากลำโพงหรือจอแสดงผลได้ การฟังเพลงโดยใช้ YouTube Music มี 2 วิธีดังนี้

ผลการค้นหาเฉพาะบุคคลช่วยให้คุณเปิดเพลย์ลิสต์ส่วนตัว ดูเพลงที่ชอบ และเข้าถึงเนื้อหาในคลังเพลงบนอุปกรณ์ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการค้นหาเฉพาะบุคคลและวิธีเปิด

YouTube Music Premium

หากมีบัญชี YouTube Music Premium คุณจะเล่นเนื้อหาแบบออนดีมานด์ได้ รวมถึงจะฟังเพลงและอัลบั้มตามที่ต้องการได้ ตลอดจนเพลงที่อิงตามแนวเพลง อารมณ์หรือกิจกรรม และเพลย์ลิสต์ที่ดูแลจัดการโดย YouTube Music

YouTube Music

หากไม่มีบัญชี YouTube Music Premium คุณจะได้ฟังสถานีเพลงที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลง อัลบั้ม หรือศิลปินที่คุณขอ คุณฟังเพลงหรืออัลบั้มที่ต้องการแบบออนดีมานด์ไม่ได้ แต่จะขอเพลงที่อิงตามแนวเพลง อารมณ์หรือกิจกรรม หรือขอเพลย์ลิสต์ที่ดูแลจัดการโดย YouTube Music ได้

สิ่งที่คุณจะได้ฟัง

ตารางต่อไปนี้แสดงสิ่งที่คุณจะได้ฟังเมื่อใช้ YouTube Music เทียบกับ YouTube Music Premium

 

สิ่งที่ YouTube Music จะเปิดบนลำโพงหรือจอแสดงผล ลำโพงอัจฉริยะ หรือกลุ่มอุปกรณ์เสียง

สิ่งที่ YouTube Music Premium จะเปิดบนลำโพงหรือจอแสดงผล ลำโพงอัจฉริยะ หรือกลุ่มอุปกรณ์เสียง

ขอเพลง

สถานีเพลงที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลงที่ขอ

เพลงที่ขอ

ขออัลบั้ม

สถานีเพลงที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอัลบั้มที่ขอ

อัลบั้มที่ขอ

ขอเพลย์ลิสต์ที่ YouTube Music สร้างขึ้น

เพลย์ลิสต์ที่ขอและเพลย์ลิสต์ที่เกี่ยวข้องและใกล้เคียงกันแบบสุ่มเพลง

เพลย์ลิสต์ที่ขอ

ขอเพลย์ลิสต์ส่วนตัว สถานีเพลงที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลย์ลิสต์ที่ขอ เพลย์ลิสต์ที่ขอ

เปิดเพลงที่อัปโหลดไว้

ไม่รองรับ

เพลงหรืออัลบั้มจากคลัง

(คุณต้องเปิดผลการค้นหาเฉพาะบุคคล)

เปิดเพลงที่ชอบ

ลําโพง: สถานีที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลงที่คุณชอบ

Smart Display: เพลย์ลิสต์ที่ชอบที่มีโฆษณา

(คุณต้องเปิดผลการค้นหาเฉพาะบุคคล)

เพลย์ลิสต์ที่ชอบ

(คุณต้องเปิดผลการค้นหาเฉพาะบุคคล)

เปิดเพลงก่อนหน้า

ไม่รองรับ

รองรับ

เปิดเพลงซ้ำหรือข้ามภายในเพลง

ไม่รองรับ

รองรับ

หมายเหตุ: หากเปิด Voice Match ไว้ ระบบจะยืนยันตัวตนของคุณก่อนที่จะเปิดเพลย์ลิสต์ส่วนบุคคลหรือเพลงที่ชอบ

ลำโพงหรือจอแสดงผลอาจใช้เวลาหลายชั่วโมงในการจดจำเพลย์ลิสต์ส่วนตัวที่สร้างขึ้นมาใหม่

คำสั่งเสียงขั้นสูง

นอกเหนือจากคำสั่งเสียงพื้นฐาน คุณสามารถใช้คำสั่งขั้นสูงเหล่านี้ได้เมื่อฟัง YouTube Music Premium

หากต้องการทำสิ่งต่อไปนี้ พูดว่า "Ok Google" แล้วต่อด้วย

กดชอบหรือไม่ชอบเพลง

"ฉันชอบเพลงนี้" "ชอบ" หรือ "ฉันไม่ชอบเพลงนี้" "ไม่ชอบ"

กดชอบหรือไม่ชอบสถานีที่ฟังอยู่

"บันทึกสถานีนี้" "ติดตามสถานีนี้" หรือ "ยกเลิกการบันทึกสถานีนี้" "เลิกติดตามสถานีนี้"

เปิดเพลงที่ชอบ

"เปิดเพลงที่ฉันชอบ" "เปิดเพลงที่ชอบของฉัน" หรือ "เปิดเพลงที่ฉันกดชอบ"

เปิดเพลย์ลิสต์สาธารณะ

"เปิดเพลงยอดนิยม 100 อันดับแรก" หรือ "เปิด [ชื่อเพลย์ลิสต์]"

เปิดเพลย์ลิสต์ส่วนตัว

"เปิด [ชื่อเพลย์ลิสต์]"

เปิดเพลงที่อัปโหลดไว้

"เปิด [ชื่อเพลง] จากคลังของฉัน"

เปิดเพลงก่อนหน้า

"กลับ" หรือ "ก่อนหน้า"

ข้ามไปข้างหน้า

"ข้ามไปข้างหน้า [X] วินาที"

สุ่มเพลง

"สุ่มเพลง"

เปิดเพลงซ้ำ

"เปิดอีกครั้ง" หรือ "เปิดเพลงนี้อีกครั้ง"

หมายเหตุ: คุณต้องสมัครใช้บริการ YouTube Premium จึงจะฟังเพลงและอัลบั้มที่ต้องการได้ ต้องสมัครใช้บริการ YouTube Premium จึงจะใช้ฟังก์ชันการทำงานส่วนใหญ่ได้ บัญชี Google ที่คุณใช้ลิงก์กับลำโพงหรือจอแสดงผลคือบัญชี YouTube Music เริ่มต้นที่เชื่อมโยงกับลำโพงหรือจอแสดงผลดังกล่าว หากต้องการเปลี่ยนบัญชี YouTube Music ที่เชื่อมโยงกับลำโพงหรือจอแสดงผล คุณต้องยกเลิกการลิงก์บัญชี Google ที่ใช้ตั้งค่าลำโพงหรือจอแสดงผลนั้น ดูวิธียกเลิกการลิงก์บัญชี Google จากลำโพงหรือจอแสดงผล และลิงก์บัญชี Google บัญชีใหม่

Spotify และ Spotify Premium*

คุณต้องลิงก์บัญชี Spotify จึงจะฟัง Spotify บนลำโพงหรือจอแสดงผลได้ การฟังเพลงโดยใช้ Spotify มีอยู่ 2 วิธีดังนี้

Spotify Premium

หากมีบัญชี Spotify Premium คุณจะเล่นเนื้อหาแบบออนดีมานด์ได้ คุณจะฟังเพลง อัลบั้ม หรือศิลปินตามที่ต้องการได้ รวมถึงเพลงที่อิงตามแนวเพลง อารมณ์หรือกิจกรรม เพลย์ลิสต์ที่ดูแลจัดการโดย Spotify รวมถึงเพลย์ลิสต์ส่วนบุคคล

Spotify

หากไม่มีบัญชี Spotify Premium คุณจะได้ฟังสถานีเพลงที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลง อัลบั้ม ศิลปินหรือเพลย์ลิสต์ส่วนบุคคลที่คุณขอ คุณฟังเพลง อัลบั้ม ศิลปิน หรือเพลย์ลิสต์ส่วนบุคคลที่ต้องการแบบออนดีมานด์ไม่ได้ แต่จะขอเพลงที่อิงตามแนวเพลง อารมณ์หรือกิจกรรม หรือขอเพลย์ลิสต์ที่ดูแลจัดการโดย Spotify ได้

Spotify ยังมอบประสบการณ์การฟังเพลงที่แตกต่างออกไปหากคุณแคสต์ไปยังทีวีหรือลำโพง ซึ่งช่วยให้คุณฟังเพลงได้หลายช่องทางมากขึ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปิดเพลงทางทีวี ลำโพง และกลุ่มอุปกรณ์

สิ่งที่คุณจะได้ฟัง

ตารางต่อไปนี้แสดงสิ่งที่คุณจะได้ฟังเมื่อใช้ Spotify เทียบกับ Spotify Premium ในอุปกรณ์ที่ต้องการ

  สิ่งที่ Spotify จะเปิดบนลำโพงหรือจอแสดงผล หรือกลุ่มอุปกรณ์เสียง สิ่งที่ Spotify จะเปิดบนอุปกรณ์เสียง Chromecast Built-In ระยะไกล (เช่น Chromecast Audio) สิ่งที่ Spotify จะเปิดบนอุปกรณ์วิดีโอ Chromecast Built-In ระยะไกล (เช่น Chromecast)

Spotify Premium บน
อุปกรณ์ทุกประเภท (ลำโพงหรือจอแสดงผล กลุ่มอุปกรณ์เสียง อุปกรณ์เสียง และอุปกรณ์วิดีโอ)

ขอเพลง สถานีเพลงที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลงที่ขอ สถานีเพลงที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลงที่ขอ เพลงที่ขอ เพลงที่ขอ
ขออัลบั้ม สถานีเพลงที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอัลบั้มที่ขอ สถานีเพลงที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอัลบั้มที่ขอ เพลงที่ขอ เพลงที่ขอ
ขอศิลปิน สถานีเพลงที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปินที่ขอ การสุ่มเพลงของศิลปินที่ขอ เพลงยอดนิยมของศิลปินที่ขอ เพลงยอดนิยมของศิลปินที่ขอ

ขอเพลย์ลิสต์ที่ดูแลจัดการโดย Spotify เช่น Discover Weekly

เพลย์ลิสต์ที่ขอแบบสุ่มเพลง เพลย์ลิสต์ที่ขอแบบสุ่มเพลง เพลย์ลิสต์ที่ขอ เพลย์ลิสต์ที่ขอ

ขอเพลย์ลิสต์ส่วนตัวใน Spotify

สถานีเพลงที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลย์ลิสต์ดังกล่าว เพลย์ลิสต์แบบสุ่มเพลง เพลย์ลิสต์ที่ขอ เพลย์ลิสต์ที่ขอ
เปิดเพลงก่อนหน้า ไม่รองรับ ไม่รองรับ รองรับ รองรับ
เปิดเพลงซ้ำหรือข้ามภายในเพลง ไม่รองรับ ไม่รองรับ รองรับ รองรับ

คำสั่งเสียงขั้นสูง

นอกเหนือจากคำสั่งเสียงพื้นฐาน คุณสามารถใช้คำสั่งขั้นสูงเหล่านี้ได้เมื่อฟัง Spotify หรือ Premium

หากต้องการทำสิ่งต่อไปนี้ พูดว่า "Ok Google" แล้วต่อด้วย
เปิดเพลงที่ถูกใจจากคลัง Spotify "เปิดเพลงของฉัน" หรือ "เปิดเพลงในคลังของฉัน"

เปิดเพลย์ลิสต์

เปิดเพลย์ลิสต์ที่สุ่มเพลงล่วงหน้า

"เปิด Discover Weekly" หรือ "เปิด [ชื่อเพลย์ลิสต์]"

"สุ่มเพลงใน Discover Weekly" หรือ "เปิด [ชื่อเพลย์ลิสต์] แบบสุ่มเพลง"

เปิดเพลย์ลิสต์ส่วนบุคคล

สุ่มเพลงในเพลย์ลิสต์ส่วนบุคคล

"เปิด [ชื่อเพลย์ลิสต์]"

"สุ่มเพลงใน [ชื่อเพลย์ลิสต์]"

กดถูกใจหรือไม่ถูกใจเพลง

"ฉันชอบเพลงนี้" หรือ "ฉันไม่ชอบเพลงนี้"

"ชอบ" หรือ "ไม่ชอบ"

กดถูกใจหรือไม่ถูกใจเพลย์ลิสต์ อัลบั้ม หรือศิลปินที่ฟังอยู่​​

"บันทึกเพลย์ลิสต์นี้" หรือ "ยกเลิกการบันทึกเพลย์ลิสต์นี้"

"ติดตามเพลย์ลิสต์นี้" หรือ "เลิกติดตามเพลย์ลิสต์นี้"

รวมถึงยังพูดว่า "อัลบั้มนี้" หรือ "ศิลปินคนนี้" แทน "เพลย์ลิสต์นี้" ได้ด้วย

เปิดเพลงก่อนหน้า "กลับ" หรือ "ก่อนหน้า"
ข้ามไปข้างหน้า "ข้ามไปข้างหน้า [X] วินาที"
สุ่มเพลง "สุ่มเพลง"
เปิดเพลงซ้ำ "เปิดอีกครั้ง" หรือ "เปิดเพลงนี้อีกครั้ง"
เปิดเพลย์ลิสต์แบบวนซ้ำ "เปิดการเล่นซ้ำ" หรือ "ปิดการเล่นซ้ำ"

ลำโพงหรือจอแสดงผลอาจใช้เวลาหลายชั่วโมงในการจดจำเพลย์ลิสต์ส่วนตัวที่สร้างขึ้นมาใหม่

Apple Music*

คุณต้องลิงก์บัญชี Google กับบัญชี Apple Music จึงจะฟัง Apple Music จากลำโพงหรือจอแสดงผลได้ หมายเหตุ: ต้องสมัครใช้บริการ Apple Music จึงจะเปิดเพลงโดยใช้ลําโพงและจอแสดงผลได้

คุณจะฟังเพลง อัลบั้ม หรือศิลปินที่ต้องการได้ รวมถึงเพลงที่อิงตามแนวเพลง อารมณ์ หรือกิจกรรม เพลย์ลิสต์ที่ดูแลจัดการโดย Apple Music รวมถึงเพลย์ลิสต์ส่วนตัว

คำสั่งเสียงขั้นสูง

นอกเหนือจากคําสั่งเสียงพื้นฐาน คุณสามารถใช้คําสั่งเสียงขั้นสูงเหล่านี้ได้เมื่อฟัง Apple Music

หากต้องการทำสิ่งต่อไปนี้

พูดว่า "Ok Google" แล้วต่อด้วย

เปิดเพลงที่ชอบจากคลัง Apple Music

"เปิดเพลงของฉัน" หรือ “เปิดเพลงในคลังของฉัน”

เปิดเพลย์ลิสต์ 

เปิดเพลย์ลิสต์ที่สุ่มเพลงล่วงหน้า

"เปิดเพลงใหม่วันนี้" หรือ "เปิด [ชื่อเพลย์ลิสต์]"

"สุ่มเพลงใหม่วันนี้" หรือ "เปิด [ชื่อเพลย์ลิสต์] แบบสุ่ม"

เปิดเพลย์ลิสต์ส่วนตัว 

สุ่มเพลงในเพลย์ลิสต์ส่วนตัว

"เปิด [ชื่อเพลย์ลิสต์]"

"สุ่มเพลงใน [ชื่อเพลย์ลิสต์]"

ชอบหรือไม่ชอบเพลง

"ฉันชอบเพลงนี้" หรือ "ฉันไม่ชอบเพลงนี้"

"สุดยอด" หรือ "ไม่ชอบ"

ชอบหรือไม่ชอบเพลย์ลิสต์ อัลบั้ม หรือศิลปินที่ฟังอยู่ในขณะนี้​​

"บันทึกเพลย์ลิสต์นี้" หรือ "เลิกบันทึกเพลย์ลิสต์นี้"

"ติดตามเพลย์ลิสต์นี้" หรือ "เลิกติดตามเพลย์ลิสต์นี้"

และคุณยังพูดว่า "อัลบั้มนี้" หรือ "ศิลปินคนนี้" แทน "เพลย์ลิสต์นี้" ได้อีกด้วย

เปิดเพลงก่อนหน้า 

“กลับ” หรือ “ก่อนหน้า”

ข้ามไปข้างหน้า

"ข้ามไปข้างหน้า [X] วินาที"

สุ่มเพลง

“สุ่มเพลง”

เปิดเพลงซ้ำ

"เปิดอีกครั้ง" หรือ "เปิดเพลงนี้อีกครั้ง"

เปิดเพลย์ลิสต์แบบวนซ้ำ

"เปิดการเล่นซ้ำ" หรือ "ปิดการเล่นซ้ำ"

Pandora และ Pandora Premium (สหรัฐอเมริกาเท่านั้น)*

Pandora มีให้บริการในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น

Pandora

คุณจะได้ฟังสถานีเพลงที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหรือคล้ายกับเพลง อัลบั้ม ศิลปิน หรือแนวเพลงที่คุณเลือก แต่จะขอเพลง ศิลปิน หรืออัลบั้มที่ต้องการไม่ได้ จะมีโฆษณาคั่นระหว่างเพลงเป็นระยะๆ

Pandora Premium

คุณจะขอเพลงที่ต้องการได้ รวมถึงยังสามารถใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่หรือคอมพิวเตอร์เพื่อสร้างเพลย์ลิสต์ที่ปรับแต่งได้อย่างเต็มรูปแบบสำหรับเปิดบนลำโพงหรือจอแสดงผล คุณจะฟังเพลงได้ต่อเนื่องโดยไม่มีโฆษณาคั่น และเพลงจะมีคุณภาพสูงกว่า

คุณต้องลิงก์บัญชี Pandora จึงจะฟัง Pandora บนลำโพงหรือจอแสดงผลได้

พูดว่า "Ok Google" แล้วต่อด้วย

Pandora

Pandora Premium

"สุ่มเพลงให้ฉัน" "เปิดวิทยุแบบสุ่มเพลงของฉัน" เปิดวิทยุที่ปรับเปลี่ยนในแบบของคุณจาก Pandora เปิดวิทยุที่ปรับเปลี่ยนในแบบของคุณจาก Pandora

"เปิดวิทยุรวมเพลงใน Thumbprint"

หมายเหตุ: หากต้องการเปิดวิทยุรวมเพลงใน Thumbprint คุณต้องบันทึกวิทยุหลายสถานีและกด Thumbs Up เพลงหลายรายการไว้เพื่อให้ Pandora เข้าใจสิ่งที่คุณชอบ
เปิดวิทยุที่ปรับเปลี่ยนในแบบของคุณโดยอิงตามเพลงที่คุณกด Thumbs Up ใน Pandora เปิดวิทยุที่ปรับเปลี่ยนในแบบของคุณโดยอิงตามเพลงที่คุณกด Thumbs Up ใน Pandora

"เปิดเพลง Radioactive ของ Imagine Dragons"

ระบบจะสร้างสถานีที่เปิดเพลงคล้ายกับเพลงของศิลปินที่เกี่ยวข้อง Pandora จะเปิดเพลงที่คุณขอ ตามด้วยเพลย์ลิสต์ของเพลงที่คล้ายกัน
"เปิดเพลง Hardwired ของ Metallica" ระบบจะสร้างสถานีที่เปิดเพลงคล้ายกับเพลงที่อยู่ในอัลบั้มดังกล่าว Pandora จะเปิดอัลบั้มที่คุณขอ
"เปิดเพลงของ Beyoncé" ระบบจะสร้างสถานีที่เปิดเพลงของศิลปินดังกล่าวและศิลปินที่เกี่ยวข้อง Pandora จะสุ่มเพลงของศิลปินดังกล่าว
"เปิดเพลงคลาสสิกคันทรี" "เปิด [ชื่อสถานีของ Pandora]" ระบบจะเปิดสถานีดังกล่าว ระบบจะเปิดสถานีหรือเพลย์ลิสต์ดังกล่าว
"สุดยอด" "ไม่ชอบ" "ฉันชอบเพลงนี้" กด Like หรือ Dislike เพลงจาก Pandora กด Like หรือ Dislike เพลงจาก Pandora

Deezer (Premium และ Family)

หมายเหตุ: ต้องสมัครใช้บริการ Deezer Premium หรือ Deezer Family จึงจะเปิดเพลงโดยใช้ลำโพงหรือจอแสดงผลได้ ไม่รองรับ Deezer

หากต้องการทำสิ่งต่อไปนี้ พูดว่า "Ok Google" แล้วต่อด้วย
เปิด Flow ของคุณ "เปิด Flow ของฉัน"
เปิดเพลย์ลิสต์ที่มีการดูแลจัดการจากคลังของคุณ "เปิด [ชื่อเพลย์ลิสต์]"
เปิดอัลบั้ม "เปิด [ชื่ออัลบั้ม]"
เปิดเพลงก่อนหน้า "กลับ" หรือ "ก่อนหน้า"
ข้ามไปข้างหน้า "ข้ามไปข้างหน้า [X] วินาที"
สุ่มเพลง "สุ่มเพลง"
เปิดเพลงซ้ำ "เปิดอีกครั้ง" "เปิดเพลงนี้อีกครั้ง" หรือ "เปิดเพลงนี้ซ้ำ"

ฟังเพลงด้วย Voice Match

หากตั้งค่า Voice Match ไว้ ผู้มาเยือนและคนในบ้านจะเข้าถึงเนื้อหาในคลังของคุณไม่ได้

หากไม่ได้ตั้งค่า Voice Match ไว้ ผู้มาเยือนและคนในบ้านจะเข้าถึงเพลงจากคลังของคุณได้

ดูข้อมูลเกี่ยวกับ Voice Match และสื่อในอุปกรณ์ Google Nest หรือ Home ที่แชร์

วิธีอื่นๆ ในการควบคุมเพลง

เมื่อเปิดเพลง คุณจะควบคุมเพลงได้จากลำโพงหรือจอแสดงผล รวมถึงยังเริ่มและควบคุมเพลงจากแอป Google Home ได้ด้วย

จากอุปกรณ์ Google

ลำโพง Google Home และ Google Nest

สำคัญ: การควบคุมด้วยการสัมผัสของลําโพงจะเปลี่ยนระดับเสียงของสื่อและ Google Assistant เท่านั้น หากต้องการเปลี่ยนระดับเสียงปลุกและตัวจับเวลา ให้ใช้แอป Google Home หรือเมนูการตั้งค่าด่วนในจอแสดงผล Nest

Google Home Google Home

หากต้องการทำสิ่งต่อไปนี้ วิธีแตะ Google Home รูปภาพ
เพิ่มระดับเสียง ปัดตามเข็มนาฬิกาที่ด้านบน
ลดระดับเสียง

ปัดทวนเข็มนาฬิกาที่ด้านบน

หมายเหตุ: เมื่อปรับระดับเสียงเป็น 0 ระบบจะเป็นดังนี้

  • ปิดเสียงสื่อ
  • Google Assistant พูดที่ระดับเสียง 5%
เริ่มต้นคำขอ กดที่ด้านบนค้างไว้

Googel Nest Mini Google Nest Mini (รุ่นที่ 2)

หมายเหตุ: Google Nest Mini (รุ่นที่ 2) มีช่องสำหรับติดตั้งบนผนังอยู่ที่ด้านหลัง หากอุปกรณ์ไม่มีช่องสำหรับติดตั้งบนผนังแสดงว่าเป็น Google Home Mini (รุ่นที่ 1)

หากต้องการกลับด้านตัวควบคุมขวาและซ้าย ให้เปิดแอป Google Home แตะรายการโปรด หรืออุปกรณ์ แตะการ์ดของ Nest Mini ค้างไว้ แตะการตั้งค่า เสียง กลับด้านระบบควบคุมอุปกรณ์

หากต้องการทำสิ่งต่อไปนี้ วิธีแตะ Google Nest Mini รูปภาพ
หยุดชั่วคราว เล่นต่อ หรือหยุดสื่อ

แตะตรงกลางของ Nest Mini

Google Nest Mini center tap

เพิ่มระดับเสียง

แตะที่ด้านขวาของ Nest Mini

ระดับเสียงอยู่ในช่วง 0-100% การแตะแต่ละครั้งจะเปลี่ยนระดับเสียงครั้งละ 10%

Google Nest Mini volume up

ลดระดับเสียง

แตะที่ด้านซ้ายของ Nest Mini

ระดับเสียงอยู่ในช่วง 0-100% การแตะแต่ละครั้งจะเปลี่ยนระดับเสียงครั้งละ 10%

หมายเหตุ: เมื่อปรับระดับเสียงเป็น 0 ระบบจะเป็นดังนี้

  • ปิดเสียงสื่อ
  • Google Assistant พูดที่ระดับเสียง 5%
Google Nest Mini volume down

Google Home Mini Google Home Mini (รุ่นที่ 1)

หากต้องการทำสิ่งต่อไปนี้ วิธีแตะ Google Home Mini รูปภาพ
หยุดชั่วคราว เล่นต่อ หรือหยุดสื่อ กดที่ด้านใดด้านหนึ่งของ Home Mini ค้างไว้

เพิ่มระดับเสียง

แตะที่ด้านขวาของ Home Mini

ระดับเสียงอยู่ในช่วง 0-100% การแตะแต่ละครั้งจะเปลี่ยนระดับเสียงครั้งละ 10%

ลดระดับเสียง

กดด้านซ้ายของ Home Mini ค้างไว้

ระดับเสียงอยู่ในช่วง 0-100% การแตะแต่ละครั้งจะเปลี่ยนระดับเสียงครั้งละ 10%

หมายเหตุ: เมื่อปรับระดับเสียงเป็น 0 ระบบจะเป็นดังนี้

  • ปิดเสียงสื่อ
  • Google Assistant พูดที่ระดับเสียง 5%

Google Home Max Google Home Max

หากต้องการทำสิ่งต่อไปนี้ วิธีแตะ Google Home Max รูปภาพ

หยุดชั่วคราว เล่นต่อ หรือหยุดสื่อ

การวางแบบแนวนอน: แตะเส้นที่ด้านบน

การวางแบบแนวตั้ง: แตะที่เส้นด้านขวา


เพิ่มระดับเสียง

การวางแบบแนวนอน: ปัดจากซ้ายไปขวาตามเส้นที่ด้านบน

การวางแบบแนวตั้ง: ปัดขึ้นตามแนวเส้นด้านขวา


ลดระดับเสียง

การวางแบบแนวนอน: ปัดจากขวาไปซ้ายตามแนวเส้นที่ด้านบน

การวางแบบแนวตั้ง: ปัดลงตามแนวเส้นด้านขวา

หมายเหตุ: เมื่อปรับระดับเสียงเป็น 0 ระบบจะเป็นดังนี้

  • ปิดเสียงสื่อ
  • Google Assistant พูดที่ระดับเสียง 5%

Google Nest Audio Google Nest Audio

หากต้องการทำสิ่งต่อไปนี้ วิธีแตะ Google Nest Audio รูปภาพ
หยุดชั่วคราว เล่นต่อ หรือหยุดสื่อ แตะที่ตรงกลางของ Nest Audio

เพิ่มระดับเสียง

แตะที่ด้านขวาของ Nest Audio

ระดับเสียงอยู่ในช่วง 0-100% การแตะแต่ละครั้งจะเปลี่ยนระดับเสียงครั้งละ 5%

ลดระดับเสียง

แตะที่ด้านซ้ายของ Nest Audio

ระดับเสียงอยู่ในช่วง 0-100% การแตะแต่ละครั้งจะเปลี่ยนระดับเสียงครั้งละ 5%

หมายเหตุ: เมื่อปรับระดับเสียงเป็น 0 ระบบจะเป็นดังนี้

  • ปิดเสียงสื่อ
  • Google Assistant พูดที่ระดับเสียง 5%

Nest Wifi point Google Nest Wifi Point

หากต้องการทำสิ่งต่อไปนี้ วิธีแตะ Nest Wifi Point รูปภาพ
หยุดชั่วคราว เล่นต่อ หรือหยุดสื่อ แตะตรงกลางของ Nest Wifi Point Nest Wifi center tap

เพิ่มระดับเสียง

แตะที่ด้านขวาของ Nest Wifi Point

ระดับเสียงอยู่ในช่วง 0-100% การแตะแต่ละครั้งจะเปลี่ยนระดับเสียงครั้งละ 10%

Nest Wifi point volume up

ลดระดับเสียง

แตะที่ด้านซ้ายของ Nest Wifi Point

ระดับเสียงอยู่ในช่วง 0-100% การแตะแต่ละครั้งจะเปลี่ยนระดับเสียงครั้งละ 10%

หมายเหตุ: เมื่อปรับระดับเสียงเป็น 0 ระบบจะเป็นดังนี้

  • ปิดเสียงสื่อ
  • Google Assistant พูดที่ระดับเสียง 5%
Nest Wifi point volume down

จอแสดงผล Google Nest

สําคัญ: หากต้องการควบคุมระดับเสียงนาฬิกาปลุกและตัวจับเวลา ให้ใช้เมนูการตั้งค่าด่วน ปุ่มปรับระดับเสียงและการ์ดสื่อจะปรับระดับเสียงของสื่อและ Google Assistant เท่านั้น

ใช้การ์ดสื่อเพื่อหยุดชั่วคราว เล่นต่อ เล่นเพลงก่อนหน้าหรือถัดไป หรือเปลี่ยนอุปกรณ์ที่กำลังเล่นสื่อ

ปุ่มปรับระดับเสียง

หากต้องการทำสิ่งต่อไปนี้ วิธีแตะ Nest Hub หรือ Nest Hub Max รูปภาพ

เพิ่มระดับเสียง

กดปุ่มปรับระดับเสียงที่ด้านหลังของจอแสดงผล Nest

ระดับเสียงอยู่ในช่วง 0-100% การกดแต่ละครั้งจะเปลี่ยนระดับเสียงครั้งละ 5%

ลดระดับเสียง

กดปุ่มปรับระดับเสียงที่ด้านหลังของจอแสดงผล Nest

ระดับเสียงอยู่ในช่วง 0-100% การกดแต่ละครั้งจะเปลี่ยนระดับเสียงครั้งละ 5%

หมายเหตุ: เมื่อปรับระดับเสียงเป็น 0 ระบบจะเป็นดังนี้

  • ปิดเสียงสื่อ
  • Google Assistant พูดที่ระดับเสียง 5%
เมนูการตั้งค่าด่วน
  1. หากต้องการเปิดเมนูการตั้งค่าด่วน ให้ปัดขึ้นจากด้านล่างของหน้าจอ
  2. แตะระดับเสียง
    • ใช้แถบเลื่อนควบคุมระดับเสียงหลัก สําหรับสื่อและ Google Assistant
    • สามารถแตะขยาย เพื่อเปิดแถบเลื่อนควบคุมระดับเสียงสําหรับตัวจับเวลาและการปลุก ได้หากต้องการ
  3. หากต้องการเปลี่ยนระดับเสียง ให้เลื่อนแถบเลื่อนไปทางซ้ายหรือขวา

การ์ดสื่อ

  1. หากต้องการค้นหาการ์ดสื่อ ให้ปัดลงจากด้านบน จากนั้น แตะสื่อ
    • หมายเหตุ: หากหน้าจอแสดงสื่อที่เล่นอยู่ ให้แตะหน้าจอแทน
  2. ใช้ตัวควบคุมบนการ์ดเพื่อหยุดชั่วคราว เล่นต่อ หรือเล่นเพลงก่อนหน้าหรือเพลงถัดไป
  3. หากต้องการเปิดการควบคุมเพิ่มเติม ให้แตะ [ชื่อที่แสดง] คุณจะเห็นรายการอุปกรณ์ที่พร้อมใช้งานและแถบเลื่อนควบคุมระดับเสียงสำหรับอุปกรณ์แต่ละเครื่องที่เล่นอยู่
    • หากต้องการเริ่มหรือหยุดเล่นสื่อในอุปกรณ์ ให้แตะปุ่มตัวเลือกข้างชื่ออุปกรณ์นั้น
    • หากต้องการเปลี่ยนระดับเสียงในอุปกรณ์ที่กำลังใช้งาน ให้ปัดแถบเลื่อนของอุปกรณ์นั้นไปทางซ้ายหรือขวา

Google Pixel Tablet (โหมดฮับ)*

เมื่อคุณเปลี่ยนระดับเสียงใน Pixel Tablet ขณะวางอยู่บนแท่นชาร์จ ระดับเสียงในลำโพงก็จะเปลี่ยนไปด้วย

ปุ่มปรับระดับเสียง

หากต้องการทำสิ่งต่อไปนี้ วิธีแตะ Google Pixel Tablet
เพิ่มระดับเสียง

กดปุ่มด้านข้างที่อยู่ใกล้กับปุ่มเปิด/ปิดมากที่สุด

เพิ่มระดับเสียง

ลดระดับเสียง

กดปุ่มด้านข้างที่อยู่ไกลที่สุดจากปุ่มเปิด/ปิด

ลดระดับเสียง

วิดเจ็ตสื่อ

ขณะที่เล่นสื่อในโหมดฮับ คุณสามารถควบคุมการเล่นบนหน้าจอล็อกและหน้าจอหลักได้โดยการแตะ วิดเจ็ตสื่อจะปรากฏขึ้นโดยอัตโนมัติพร้อมปุ่มสำหรับควบคุมสิ่งที่กำลังเล่น

แอปสื่อบางแอปจะมีวิดเจ็ตที่คุณเพิ่มลงในหน้าจอหลักเพื่อให้ควบคุมการแตะได้ง่าย วางวิดเจ็ตบนหน้าจอหลัก จากนั้นแตะวิดเจ็ตเพื่อควบคุมระดับเสียง หยุดเล่นชั่วคราว ข้ามหรือเปลี่ยนเพลงหรือพอดแคสต์ เปลี่ยนสถานีวิทยุ และอื่นๆ

จากแอป Google Home

  1. ตรวจสอบว่าโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตลิงก์กับบัญชีเดียวกันกับลำโพงหรือจอแสดงผล
  2. เปิดแอป Google Home แอป Google Home
  3. แตะรายการโปรด
  4. แตะเซสชันสื่อในปัจจุบันสำหรับรายการต่อไปนี้
    • ตัวควบคุมการเล่น
    • การควบคุมระดับเสียง (สื่อและ Google Assistant)
    • การเลือกอุปกรณ์การเล่น

การแก้ปัญหา

  1. ตรวจสอบว่าคุณลิงก์บัญชีผู้ให้บริการเพลงกับลำโพงหรือจอแสดงผลแล้ว
  2. หากเพลงที่เปิดไม่ตรงกับเพลงที่ต้องการ โปรดระบุคำขอให้เจาะจงยิ่งขึ้น
    • เพิ่มคำว่า "... ของ [ศิลปิน]" ในคำขอ (เช่น "Ok Google เปิดเพลงของ Sia")
    • เพิ่ม "... [อัลบั้ม เพลย์ลิสต์ หรือชื่อเพลง]" ในคำขอ (เช่น "Ok Google เปิดเพลย์ลิสต์เพลงร็อกยามเช้าของฉัน")
  3. หากต้องการฟังเพลงที่ไม่ได้มาจากบริการเริ่มต้น ให้เพิ่มคำว่า "...ใน [บริการเพลง]" ในคำขอ

บทความที่เกี่ยวข้อง

เปิดเสียงในลำโพงและทีวีที่พร้อมใช้งาน Chromecast ด้วยลำโพงหรือจอแสดงผลของ Google
เปิดวิดีโอ YouTube ในทีวีที่พร้อมใช้งาน Chromecast ด้วยลำโพงหรือจอแสดงผล
เปิดเสียงจาก Android ในอุปกรณ์ Google Nest หรือ Home
เปิดสื่อจากแอปที่พร้อมใช้งาน Chromecast
ฟังวิทยุบนลำโพงหรือจอแสดงผล Google Nest
ฟังพอดแคสต์บนลำโพงหรือจอแสดงผล Google Nest
ควบคุมเนื้อหาที่ถูกจำกัดในอุปกรณ์ Google Nest หรือ Home
ตั้งค่าและจัดการตัวตั้งเวลาปิดบนลำโพงหรือจอแสดงผล Google Nest

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
true
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
14064257013261397059
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
1633396
false
false