เกี่ยวกับแคมเปญวิดีโอ
ลักษณะการรับชมเนื้อหาของผู้คนมีความหลากหลายมากกว่าที่เคย เนื่องจากปัจจุบันมีอุปกรณ์และเนื้อหาประเภทต่างๆ ให้บริการอยู่เป็นจำนวนมาก แต่โชคดีที่การรวมความเชี่ยวชาญและวิสัยทัศน์เชิงสร้างสรรค์ของคุณเข้ากับโซลูชันที่ทำงานด้วยระบบ AI ของ Google ทำให้เกิดวิธีใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นในการสร้าง ปรับปรุง และ เปิดตัวแคมเปญวิดีโอที่ช่วยให้ได้ผลลัพธ์สูง
การทราบวัตถุประสงค์ด้านสื่อจะเป็นแนวทางที่ช่วยให้คุณทราบแคมเปญวิดีโอประเภทที่เหมาะสม และเป็นการให้ข้อมูลที่จำเป็นแก่ AI ของ Google ซึ่งจะช่วยให้คุณบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้
ทำตามแนวทางปฏิบัติแนะนำที่ระบุไว้ด้านล่างนี้เพื่อใช้แคมเปญวิดีโอที่ทำงานด้วยระบบ AI ของ Google ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เพิ่มการรับรู้ด้วยแคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอ
- ไม่ว่าเป้าหมายเฉพาะของคุณจะเป็นการเข้าถึง การดูโฆษณาจนจบ หรือการเข้าถึงที่ความถี่หนึ่งๆ ก็ตาม AI ของ Google ในแคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของชิ้นงานวิดีโอที่คุณให้ไว้เพื่อบรรลุเป้าหมายการเข้าถึงที่ตั้งไว้อย่างคุ้มค่าที่สุด
- จากการวิเคราะห์เมตาเกี่ยวกับการเพิ่มยอดขายของโซลูชัน NC การผสมผสานแคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอที่ทำงานด้วยระบบ AI ทำให้ได้รับผลตอบแทนจากค่าโฆษณาเฉลี่ยสูงกว่าแคมเปญที่ผู้ใช้เพิ่มประสิทธิภาพด้วยตนเองถึง 271% (3.7 เท่า)1
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้แคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอ
เพิ่มการพิจารณาแบรนด์ด้วยแคมเปญยอดดูวิดีโอ
- แคมเปญยอดดูวิดีโอจะช่วยให้คุณเพิ่มยอดดูให้มากที่สุดได้อย่างราบรื่นทั้งในสตรีม ในฟีด และ YouTube Shorts ด้วยวิธีที่คุ้มค่ามากที่สุด
- จากการทดสอบในระยะต้น โดยเฉลี่ยแล้วแคมเปญยอดดูวิดีโอนั้นมียอดดูมากกว่าแคมเปญแบบข้ามได้ในสตรีมที่ใช้กลยุทธ์ต้นทุนต่อการดูถึง 40% และใช้ต้นทุนลดลง 30% 2
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้แคมเปญยอดดูวิดีโอ
สร้างและเปลี่ยนดีมานด์ให้กลายเป็น Conversion ด้วยแคมเปญ Demand Gen
- แคมเปญ Demand Gen ช่วยให้คุณค้นหาผู้บริโภคและทำให้เกิด Conversion ได้ด้วยการใช้ภาพครีเอทีฟโฆษณาที่ดูสมจริงและมีความเกี่ยวข้อง ซึ่งจะดึงดูดความสนใจและกระตุ้นให้เกิดการดำเนินการในเวลาที่เหมาะสมได้ทั้งใน YouTube, ฟีเจอร์สำรวจ และ Gmail
- โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ลงโฆษณาจะได้รับ Conversion เพิ่มขึ้น 33% ที่ต้นทุนต่อหนึ่งการกระทำ (CPA) ใกล้เคียงกับของเดิมด้วยการเพิ่มฟีดผลิตภัณฑ์ลงในแคมเปญ Demand Gen3
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้แคมเปญ Demand Gen
สร้างวิดีโอได้ง่ายขึ้นด้วย AI ของ Google
- การใช้รูปแบบที่หลากหลาย เช่น โฆษณาวิดีโอแนวตั้งสำหรับ YouTube Shorts จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงและผลลัพธ์ให้มากที่สุดได้ ฟีเจอร์ต่อไปนี้พร้อมให้ใช้งานแล้ววันนี้ใน App Campaign, แคมเปญ Performance Max และแคมเปญ Demand Gen ซึ่งจะช่วยให้การสร้างโฆษณาวิดีโอนั้นง่ายขึ้น
- เทคโนโลยีการสร้างวิดีโอที่จัดแพ็กเกจชิ้นงานที่มีอยู่ใหม่ให้กลายเป็นโฆษณาวิดีโอแนวตั้ง แนวนอน หรือสี่เหลี่ยมจัตุรัส: เปลี่ยนภาพนิ่ง ข้อความ ชิ้นงานจาก Google Merchant Center หรือชิ้นงานในข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store ของแอปที่มีอยู่เป็นโฆษณาวิดีโอ ยิ่งมีชิ้นงานวิดีโอในแคมเปญมากเท่าไร ก็จะยิ่งมีวิธีเข้าถึงผู้ใช้ด้วยโฆษณาที่เหมาะสมในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมมากขึ้นเท่านั้น
- เทคโนโลยีที่เปลี่ยนวิดีโอแนวนอนให้กลายเป็นวิดีโอแนวตั้งหรือสี่เหลี่ยมจัตุรัส: องค์ประกอบภาพที่สำคัญทั้งหมดซึ่งช่วยบอกเล่าเรื่องราวจะยังอยู่ ไม่ว่าคุณจะสร้างชิ้นงานของตัวเองหรือใช้ AI ของ Google ช่วย การมีโฆษณาที่มีการวางแนวหลายแบบถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแคมเปญทุกประเภท
- ผู้ลงโฆษณาที่ใส่วิดีโอที่มีการวางแนวแต่ละแบบ (แนวนอน แนวตั้ง และสี่เหลี่ยมจัตุรัส) อย่างน้อยแบบละ 1 รายการในไว้ในแคมเปญ Performance Max ได้รับ Conversion ใน YouTube เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับแคมเปญที่ใช้วิดีโอแนวนอนเพียงอย่างเดียว4
ปรับปรุงชิ้นงานครีเอทีฟโฆษณาให้เป็นไปตามแนวทางปฏิบัติแนะนำ
- โฆษณาบัมเปอร์ยาว 6 วินาทีของ YouTube เป็นสิ่งจำเป็นต่อการเพิ่มการเข้าถึงและความถี่
- ใช้เครื่องมือตัดวิดีโอ (เดิมเรียกว่า Bumper Machine) - เครื่องมือตัดวิดีโอจะใช้โมเดลแมชชีนเลิร์นนิงเปลี่ยนวิดีโอยาวๆ ให้สั้นลง ซึ่งจะช่วยสร้างโฆษณาบัมเปอร์ยาว 6 วินาทีได้ 3-4 รายการได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที โมเดลดังกล่าวได้รับการฝึกตามหลักการ ABCD สำหรับการสร้างโฆษณา YouTube ที่มีประสิทธิภาพ คุณจึงมั่นใจได้ว่าบัมเปอร์ที่โมเดลดังกล่าวสร้างขึ้นได้รับการปรับให้เหมาะกับ YouTube เพื่อให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- ใช้เสียง โดยเฉพาะเสียงบรรยายเพื่อเน้นย้ำแบรนด์และข้อความ คุณสามารถใส่เสียงบรรยายลงในโฆษณาได้ง่ายๆ เพื่อให้โฆษณาทุกรายการได้รับประโยชน์จากการเล่นเสียงใน YouTube เพียงพิมพ์สคริปต์ เลือกเสียง แล้วให้ AI ของ Google จัดการส่วนที่เหลือให้คุณ
เรื่องราวความสำเร็จของลูกค้า
Maybelline ต้องเผชิญกับความท้าทายในการเข้าถึงผู้บริโภคในแวดวงสื่อที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และทีมงานก็สนใจที่จะทดลองใช้รูปแบบและวิธีใหม่ๆ ในการมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมาย ทางแบรนด์ได้ทดสอบแคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอที่มีโฆษณาในสตรีม โฆษณาในฟีด และโฆษณา Shorts เพื่อเพิ่มการเข้าถึงให้ได้มากให้สุด และใช้การทดสอบวิดีโอเพื่อทดสอบว่าการเพิ่ม Shorts และวิดีโอในฟีดสําหรับรูปแบบการเข้าถึงจะช่วยเพิ่มการรับรู้และเพิ่มการเข้าถึงได้หรือไม่ เมื่อเปรียบเทียบกับแคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอที่ทางแบรนด์เคยใช้
เมื่อดูจากการทดสอบแบบเทียบโดยตรง แคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอมีการแสดงผลมากกว่าถึง 64% โดยมี CPM ต่ำกว่า 39% เมื่อเทียบกับแคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอที่ใช้โฆษณาในสตรีมเพียงอย่างเดียว
แหล่งข้อมูลสำหรับวิดีโอ:
เคล็ดลับ
ดูข้อควรทราบเกี่ยวกับ AI ทั้งหมดของเรา
1. การวิเคราะห์เมตาเกี่ยวกับการเพิ่มยอดขายของ NCS (แคมเปญปี 2022) n= แคมเปญของ Google จำนวน 280 รายการ, n= แคมเปญ YouTube โดยรวมจำนวน 13 รายการที่มีส่วนประกอบจากการผสมผสานแคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอที่ทำงานด้วยระบบ AI, n= ช่อง YouTube ที่เป็นค่ามาตรฐานจำนวน 267 ช่อง
2. ข้อมูลใน Google, ทั่วโลก, ประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์, การทดสอบ VVC เทียบกับ TrueView ในสตรีมโดยตรง ซึ่งจัดทำในเดือนม.ค. - ก.พ. 2023
3. ข้อมูลภายในของ Google, ทั่วโลก, 1 พ.ย. - 31 ธ.ค. 2023
4. ข้อมูลภายในของ Google, ทั่วโลก, พฤศจิกายน 2022