เมื่อลิงก์บัญชี Google Analytics กับบัญชี Google Ads แล้ว คุณจะนำเข้าข้อมูล Google Analytics มาไว้ใน Google Ads และดูข้อมูลนี้ในบัญชี Google Ads ได้ ข้อมูลนี้จะให้ข้อมูลเชิงลึกและโอกาสที่เป็นไปได้ในการเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ
บทความนี้จะแสดงให้เห็นภาพรวมว่าข้อมูล Google Analytics มีประโยชน์อะไรบ้างในบัญชี Google Ads เมื่อคุณพร้อมแล้วก็ให้ทำตามวิธีการเพิ่มคอลัมน์ Google Analytics ลงในรายงาน
วิธีการทำงาน
หากต้องการดูข้อมูล Google Analytics ใน Google Ads ก่อนอื่นคุณต้องเปิดใช้การติดแท็กอัตโนมัติในบัญชี Google Ads ลิงก์บัญชี Google Ads กับ Google Analytics เข้าด้วยกัน แล้วเลือกข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics ที่ต้องการนำเข้าข้อมูลเมตริกเกี่ยวกับเว็บไซต์ จากนั้นจึงเพิ่มคอลัมน์ Google Analytics ลงในรายงาน Google Ads
การดูเมตริกการมีส่วนร่วมกับเว็บไซต์ของ Google Analytics ร่วมกับสถิติประสิทธิภาพของ Google Ads จะช่วยให้คุณเห็นว่าผู้คนทำอะไรบ้างหลังจากคลิกโฆษณาและเข้าถึงหน้า Landing Page ประเภทข้อมูลที่คุณดูได้มีดังนี้
- % เซสชันที่มีส่วนร่วม (GA4): เปอร์เซ็นต์ของเซสชันที่ผู้ใช้มีส่วนร่วมหรือใช้งานอยู่เป็นระยะเวลาหนึ่ง ค่าเริ่มต้นคือ 10 วินาที
- เหตุการณ์/เซสชัน (GA4): จํานวนเฉลี่ยของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเว็บไซต์หรือแอปต่อเซสชัน
- ระยะเวลาในการมีส่วนร่วมโดยเฉลี่ยต่อเซสชัน (วินาที) (GA4): ระยะเวลารวมที่ผู้ใช้มีส่วนร่วมในเว็บไซต์หรือแอปในหน่วยวินาที
ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่าแคมเปญและกลุ่มโฆษณามีประสิทธิภาพเพียงใด ยิ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับความสําเร็จของแคมเปญมาก ก็ยิ่งช่วยให้คุณตัดสินใจเกี่ยวกับงบประมาณ ราคาเสนอ หน้า Landing Page และข้อความโฆษณาได้ดีขึ้น
เช่น การดูอัตราตีกลับของกลุ่มโฆษณาร่วมกับอัตราการคลิกผ่าน (CTR) จะช่วยให้คุณเห็นภาพคร่าวๆ ว่าลูกค้าได้ดูเนื้อหาที่ต้องการในเว็บไซต์หลังจากคลิกโฆษณาหรือไม่
หากพร้อมที่จะเพิ่มข้อมูล Google Analytics ในรายงาน Google Ads แล้ว ให้ทําตามวิธีการเพิ่มข้อมูล Google Analytics ในรายงาน Google Ads
ตัวอย่าง
แดนขายดอกไม้ทางร้านออนไลน์ แดนมีแคมเปญเกี่ยวกับการมอบดอกไม้เป็นของขวัญวันเกิด ซึ่งเขากำลังทดลองใช้ธีมคำหลักต่างๆ เพื่อค้นหาธีมที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้เขาได้มากที่สุด แดนมีกลุ่มโฆษณากลุ่มหนึ่งที่เน้นธีม "ช่อดอกไม้วันเกิด" ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งมีคีย์เวิร์ดและโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับธีม "บริการจัดดอกไม้วันเกิด"
เมื่อแดนตรวจสอบอัตราการคลิกผ่าน (CTR) ของทั้งสองกลุ่ม ก็พบว่ามีคนคลิกโฆษณาในกลุ่มโฆษณา "ช่อดอกไม้" เป็นจำนวนมากกว่าโฆษณาในกลุ่มโฆษณา "บริการจัดดอกไม้" ตอนแรกแดนเข้าใจว่ากลุ่มโฆษณา "ช่อดอกไม้" ประสบความสำเร็จมากกว่า แต่เมื่อเพิ่มคอลัมน์อัตราตีกลับ (ตามข้อมูล Google Analytics) ลงในรายงานกลุ่มโฆษณา เขาก็ได้พบข้อมูลใหม่ที่สำคัญอย่างหนึ่ง
แดนพบว่าแม้ว่าโฆษณาในกลุ่มโฆษณา "ช่อดอกไม้" มี CTR สูงกว่าโดยอยู่ที่ 8% เทียบกับ CTR ของโฆษณา "บริการจัดดอกไม้" ซึ่งอยู่ที่ 6% แต่กลุ่มโฆษณา "ช่อดอกไม้" ก็มีอัตราตีกลับสูงกว่าเช่นกัน (60%) หมายความว่าผู้ที่เข้ามาในเว็บไซต์ของเขาจากการคลิกกลุ่มโฆษณา "ช่อดอกไม้" ไม่ได้อยู่ดูส่วนอื่นๆ ของเว็บไซต์หรือซื้อดอกไม้ของแดนแต่อย่างใด
กล่าวคือ แม้ว่ากลุ่มโฆษณา "ช่อดอกไม้" จะมีจำนวนการคลิกสูง แต่ก็อาจไม่ใช่การคลิกอย่างที่แดนต้องการ แดนพบว่ากลุ่มโฆษณา "บริการจัดดอกไม้" มีอัตราตีกลับต่ำกว่า (30%) หมายความว่าผู้ที่คลิกผ่านโฆษณาเหล่านั้นเข้ามาในเว็บไซต์ของเขามีแนวโน้มที่จะอยู่ดูส่วนอื่นๆ ในเว็บไซต์มากกว่านั่นเอง
"ธีม" ของกลุ่มโฆษณา | การแสดงผล | CTR | จำนวนคลิกของโฆษณา | อัตราตีกลับ | ผู้ใช้ที่ ไม่ตีกลับ |
ช่อดอกไม้วันเกิด | 1,000 | 8% | 80 | 60% | 32 |
บริการจัดดอกไม้วันเกิด | 1,000 | 6% | 60 | 30% | 42 |
แม้ว่ากลุ่มโฆษณา "บริการจัดดอกไม้" จะมีจำนวนคลิกน้อยกว่า แต่สำหรับแดนแล้ว กลุ่มโฆษณานี้กลับมีมูลค่ามากกว่าเพราะผู้ใช้ที่คลิกเข้ามาอยู่ต่อและดูส่วนอื่นๆ ของเว็บไซต์ด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูล Google Analytics ใน Google Ads
ความคลาดเคลื่อนระหว่างข้อมูล Google Ads และ Google Analyticsบางครั้งข้อมูล Google Ads อาจไม่ตรงกับข้อมูล Google Analytics ที่คุณนำเข้า ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุที่พบบ่อยต่อไปนี้
- Google Ads วัดการคลิก ส่วน Google Analytics วัดเซสชัน เมตริกเหล่านี้แตกต่างกันเนื่องจากสาเหตุหลายประการต่อไปนี้
- ลูกค้าหนึ่งรายอาจคลิกโฆษณาหลายครั้ง เมื่อผู้ใช้รายหนึ่งคลิกโฆษณารายการเดียวหลายครั้งในเซสชันเดียวกัน Google Ads จะบันทึกจำนวนคลิกเหล่านั้น แต่ Google Analytics จะบันทึกการดูหน้าเว็บแต่ละครั้งเป็น 1 เซสชัน
- ผู้ใช้รายหนึ่งอาจคลิกที่โฆษณา แล้วต่อมาภายหลังในระหว่างที่อยู่ในเซสชันอื่นได้กลับไปที่เว็บไซต์โดยตรงผ่านบุ๊กมาร์กหรือลิงก์ที่บันทึกไว้ Google Ads จะถือว่าเหตุการณ์นี้เป็น 1 คลิก ส่วน Analytics จะถือว่าเป็นหลายเซสชัน
- ผู้ใช้อาจคลิกโฆษณา แต่ต่อมาได้เปลี่ยนใจและหยุดหน้าเว็บไม่ให้โหลดจนสมบูรณ์ด้วยการคลิกไปที่หน้าอื่นหรือกดปุ่ม "หยุด" หรือปุ่ม "ย้อนกลับ" ของเบราว์เซอร์ ในกรณีเช่นนี้ Analytics จะไม่บันทึกเป็นเซสชัน แต่ Google Ads จะยังคงนับการคลิกดังกล่าวว่าเป็นการคลิกอยู่
- Google Ads กรองคลิกที่ไม่ถูกต้องออกจากรายงานโดยอัตโนมัติเพื่อให้การเรียกเก็บเงินถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น
- การเปรียบเทียบช่วงวันที่ที่ยาวนานอาจรวมระยะเวลาในระหว่างที่บัญชีไม่ได้ลิงก์กันเอาไว้ด้วย
เมื่อนำเข้าเมตริกเว็บไซต์สำหรับข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ของ Google Analytics ที่คุณต้องการดูใน Google Ads แล้ว ระบบอาจใช้เวลาในการนำเข้าข้อมูลสักครู่ก่อนที่ข้อมูลจะแสดงใน Google Ads คุณตรวจสอบข้อความสถานะในคอลัมน์ "การกระทำ" ของตารางการรายงานได้ในส่วน "บัญชีที่ลิงก์" > "Google Analytics" ใน Google Ads ส่วนใหญ่แล้วข้อมูลและคอลัมน์จะปรากฏใน Google Ads โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง แต่ก็อาจใช้เวลานานกว่านี้หากบัญชีมีขนาดใหญ่ คุณจะเพิ่มข้อมูล Google Analytics ลงในรายงาน Google Ads ได้เมื่อระบบนำเข้าข้อมูลแล้ว
Google Analytics จะเริ่มต้นรวบรวมและจัดเก็บข้อมูล Google Ads ทันทีที่คุณสร้างการลิงก์บัญชีระหว่าง Google Analytics กับ Google Ads คุณจึงนำเข้าข้อมูล Google Analytics มายัง Google Ads ได้ตราบใดที่คุณลิงก์บัญชี Google Ads กับ Analytics
ตัวอย่าง
หากคุณสร้างการลิงก์ค่าใช้จ่ายกับแหล่งที่มาในวันที่ 1 พฤษภาคม และเริ่มนำเข้าข้อมูล Google Analytics มายังบัญชี Google Ads ในวันที่ 15 พฤษภาคม รายงาน Google Ads ก็จะมีข้อมูล Google Analytics ย้อนกลับไปจนถึงวันที่ 1 พฤษภาคม
Google Ads จะแสดงเฉพาะข้อมูล Google Analytics ที่รวบรวมและประมวลผลตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2016 เป็นต้นมาเท่านั้น โดยทั่วไป Google Analytics จะประมวลผลข้อมูลต่อเนื่องตลอดวัน แต่อาจใช้เวลาถึง 24 ชั่วโมงในการอัปเดตข้อมูลทั้งหมด เช่น หากคุณเรียกใช้รายงานของ "เมื่อวานนี้" ในวันนี้เวลา 15.00 น. อาจเป็นไปได้ว่าข้อมูลของเมื่อวานนี้บางส่วน (โดยเฉพาะตั้งแต่เวลา 15.00 น. ถึงเที่ยงคืน) อาจยังไม่รวมอยู่ในรายงานอย่างสมบูรณ์