รีมาร์เก็ตติ้งช่วยให้คุณแสดงโฆษณาต่อลูกค้าที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ของคุณหรือเคยใช้แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของคุณได้ ส่วนรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกนั้นก้าวไปอีกระดับ โดยช่วยให้คุณแสดงโฆษณาต่อผู้ที่เคยเข้าชมซึ่งเป็นโฆษณาที่มีผลิตภัณฑ์และบริการที่บุคคลนั้นเคยดูในเว็บไซต์ของคุณได้ รีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกใช้ข้อความที่ปรับให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายเพื่อช่วยสร้างโอกาสในการขายและยอดขายโดยการนำผู้ที่เคยเข้าชมกลับมาที่เว็บไซต์หรือแอปเพื่อทำสิ่งที่ตนเริ่มไว้ต่อให้เสร็จ ดูวิธีตั้งค่ารีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกสําหรับผู้เข้าชมเว็บไซต์และผู้ใช้แอป
ในหน้านี้
- เหตุผลที่ควรใช้รีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิก
- สิ่งที่จําเป็นในการเริ่มต้นใช้งานรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิก
- วิธีใช้รีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิก
เหตุผลเพิ่มเติมที่ควรใช้รีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิก
- โฆษณาที่ปรับขนาดผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ: จับคู่ฟีดผลิตภัณฑ์หรือบริการกับโฆษณาแบบไดนามิกเพื่อปรับขนาดโฆษณาให้ครอบคลุมพื้นที่โฆษณาของคุณทั้งหมด
- ฟีดที่เรียบง่ายแต่ทรงประสิทธิภาพ: สร้างฟีด .csv, .tsv, .xls หรือ .xlsx พื้นฐาน เครื่องมือแนะนำผลิตภัณฑ์ Google Ads จะดึงผลิตภัณฑ์และบริการจากฟีด และจะพิจารณาการผสมผสานผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับแต่ละโฆษณาตามความนิยมและสิ่งที่ผู้เข้าชมดูบนเว็บไซต์
- รูปแบบประสิทธิภาพสูง: Google Ads จะคาดการณ์ว่าเลย์เอาต์โฆษณาแบบไดนามิกแบบใดมีแนวโน้มจะทำงานได้ดีที่สุดสำหรับบุคคล ตำแหน่ง และแพลตฟอร์มที่โฆษณาจะแสดง
สิ่งที่จําเป็นในการเริ่มต้นใช้งานรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิก
ฟีดผลิตภัณฑ์หรือบริการ: สร้างฟีดที่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการทั้งหมดรวมถึงรายละเอียดของแต่ละรายการ (รหัสที่ไม่ซ้ำกัน ราคา รูปภาพ และอื่นๆ) รายละเอียดเหล่านี้จะดึงมาจากฟีดไปไว้ในโฆษณาแบบไดนามิก คุณจะอัปโหลดฟีดไปยังส่วนข้อมูลธุรกิจของคลังที่ใช้ร่วมกัน เว้นแต่คุณจะเป็นผู้ค้าปลีก ในกรณีที่เป็นผู้ค้าปลีก คุณจะอัปโหลดฟีดผลิตภัณฑ์ไปยัง Google Merchant Center |
แท็กที่มีพารามิเตอร์ที่กำหนดเองสําหรับรีมาร์เก็ตติ้งเว็บไซต์: เพิ่มแท็กรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกที่มีพารามิเตอร์ที่กำหนดเองลงในหน้าทุกหน้าของเว็บไซต์ แท็กจะเพิ่มผู้เข้าชมเว็บไซต์ไว้ในรายการรีมาร์เก็ตติ้งแล้วเชื่อมโยงเข้ากับรหัสที่ไม่ซ้ำของรายการฟีดที่ผู้เข้าชมดู คุณจะพบแท็กของคุณในส่วนผู้ชมของคลังที่ใช้ร่วมกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีติดแท็กเว็บไซต์เพื่อใช้รีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิก |
สร้างโฆษณา Display ที่ปรับเปลี่ยนตามพื้นที่โฆษณา: โฆษณานี้เป็นโฆษณาตามองค์ประกอบและจะปรับขนาด ลักษณะ และรูปแบบให้พอดีกับพื้นที่โฆษณาที่มีอยู่โดยอัตโนมัติ |
การหาลูกค้าใหม่แบบไดนามิกและรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิก
การหาลูกค้าใหม่แบบไดนามิกจะนําข้อมูลผู้ใช้และข้อมูลผลิตภัณฑ์รวมเข้าด้วยกัน เพื่อแสดงผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในเวลาที่เหมาะสมกับผู้ใช้ที่สนใจมากที่สุด ใช้การหาลูกค้าใหม่แบบไดนามิกเพื่อการได้ผู้ใช้ใหม่ ซึ่งแตกต่างจากรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกที่มุ่งเน้นในเรื่องการใช้คุณค่าจากลูกค้าเดิมให้เกิดประโยชน์สูงสุด ความแตกต่างนี้เองทําให้การหาลูกค้าใหม่แบบไดนามิกเป็นวิธีที่ดีกว่า หากคุณเป็นผู้ลงโฆษณารายใหม่หรือกําลังกําหนดกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างจากกลุ่มเป้าหมายตามข้อมูลของคุณเอง (รวมถึงกลุ่มเป้าหมายตามข้อมูลของคุณที่รวมผู้เข้าชมเว็บไซต์และผู้ใช้แอป)
วิธีการทํางานของการหาลูกค้าใหม่แบบไดนามิก
การหาลูกค้าใหม่แบบไดนามิกใช้แมชชีนเลิร์นนิงเพื่อให้ได้แนวคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้มีโอกาสเป็นผู้ซื้อกำลังมองหาอยู่ เมื่อระบบรู้ว่าผู้ใช้ต้องการสิ่งใดแล้ว ก็จะทำการรวมความต้องการนั้นเข้ากับข้อมูลที่อิงตามข้อมูลประชากร เช่น อายุ เพศ และรายได้ครัวเรือน เพื่อจับคู่ผู้ใช้กับผลิตภัณฑ์ในฟีด ผลิตภัณฑ์ในฟีดได้รับการประเมินตามประสิทธิภาพ ความเกี่ยวข้อง และปัจจัยอื่นๆ เพื่อพิจารณาว่าผลิตภัณฑ์ใดที่น่าจะดึงดูดความสนใจของผู้ใช้มากที่สุดและนำไปสู่ Conversion
คุณจะสามารถเพิ่มฟีดลงในแคมเปญได้ก็ต่อเมื่อยังไม่เคยเพิ่มฟีดดังกล่าวมาก่อน คุณจะเปลี่ยนฟีดได้หลังจากสร้างแคมเปญก็ต่อเมื่อฟีดอยู่ในประเภทธุรกิจเดียวกันเท่านั้น
การเพิ่มการหาลูกค้าใหม่แบบไดนามิกในแคมเปญรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิก
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลงแคมเปญในหมวดหมู่เมนู
- คลิกแคมเปญ
- เลือกแคมเปญที่ต้องการปรับปรุง
- คลิกการตั้งค่าเพิ่มเติม
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลงใต้ "โฆษณาแบบไดนามิก"
- เมนูแบบเลื่อนลงนี้จะเลือก "ไม่มีฟีดข้อมูล" โดยค่าเริ่มต้น
- คลิกช่องทำเครื่องหมายข้าง "ใช้ฟีดข้อมูลสำหรับโฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้"
- เลือกฟีดข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากเมนูแบบเลื่อนลง
- คลิกบันทึก