การเสนอราคาต้นทุนต่อคลิก (CPC) ด้วยตนเองช่วยให้คุณกำหนดราคาสูงสุดของค่าใช้จ่ายเมื่อผู้ใช้คลิกโฆษณาได้ คุณจะได้รับผลตอบแทนที่ดีจากวิธีการเสนอราคานี้เพราะจะจ่ายเฉพาะเวลาที่ผู้ดูสนใจโฆษณามากพอที่จะคลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม
ลองนึกถึงป้ายโฆษณาที่ผู้ลงโฆษณาจ่ายค่าพื้นที่ป้ายโฆษณาโดยอิงตัวเลขจำนวนคนที่อาจเห็นโฆษณาเมื่อขับรถผ่าน ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะสังเกตเห็นโฆษณาจริงๆ หรือไม่ก็ตาม
แต่โฆษณาทางอินเทอร์เน็ตจะแตกต่างกันออกไป เพราะเมื่อใช้การเสนอราคา CPC ของ Google Ads คุณจะจ่ายค่า "พื้นที่ป้ายโฆษณาของ Google" ก็ต่อเมื่อคุณทราบว่าผู้ใช้ดูโฆษณาและมีแรงจูงใจมากพอที่จะคลิกเท่านั้น หากมีผู้ดูโฆษณาของคุณ 100 คน โดยมีคนคลิกเพียงแค่ 3 คน คุณจะจ่ายเพียง 3 คลิก โดยไม่ต้องจ่ายสำหรับการดูโฆษณาอีก 97 ครั้งนั้น
วิธีการทำงานของการเสนอราคา CPC
สำหรับแคมเปญการเสนอราคา CPC คุณเพียงตั้งการเสนอราคาด้วยต้นทุนสูงสุดต่อคลิกหรือ "CPC สูงสุด" ซึ่งเป็นจำนวนเงินสูงสุดที่คุณยินดีจ่ายสำหรับการคลิกโฆษณา 1 ครั้ง เว้นแต่คุณจะตั้งการปรับราคาเสนอ หรือใช้ CPC ที่ปรับปรุงแล้ว)
ตัวอย่าง
หากคุณคิดว่าการได้รับการเข้าชมเว็บไซต์ 1 ครั้งคุ้มกับการจ่ายเงิน 7.50 บาท ก็สามารถตั้ง CPC สูงสุดเป็น 7.50 บาท คุณจะจ่ายไม่เกิน 7.50 บาทเมื่อมีผู้คลิกโฆษณา และไม่ต้องจ่ายเลยหากไม่มีผู้คลิก
สมมติว่าคุณสร้างโฆษณาแบบข้อความและตั้งค่าการเสนอราคา CPC สูงสุดที่ 7.50 บาท ถ้ามีคนเห็นโฆษณา 500 คน และคลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม 23 คน คุณจะจ่ายเพียงแค่ 23 คลิกนั้น การเสนอราคา CPC สูงสุดของคุณคือ 7.50 บาท ดังนั้น คุณจะจ่ายไม่เกิน 23 คลิก x 7.50 บาท หรือเท่ากับ 172.50 บาท
จำนวนเงินที่คุณต้องจ่ายมักจะน้อยกว่า CPC สูงสุด เนื่องจากในการประมูลของ Google Ads จำนวนเงินสูงสุดที่คุณจะจ่ายคือจำนวนเงินขั้นต่ำที่จำเป็นในการผ่านเกณฑ์ลำดับโฆษณา และเอาชนะลำดับโฆษณาของคู่แข่งที่มีลำดับโฆษณาสูงสุดลำดับถัดไปสำหรับอันดับที่กำหนด (หากมี) อ่านข้อมูลในส่วนด้านล่างเกี่ยวกับ CPC จริง เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับจำนวนเงินสุดท้ายที่อาจมีการเรียกเก็บสำหรับ 1 คลิก
พลังแห่งการเสนอราคาอัตโนมัติของ Google Ads
การเสนอราคาอัตโนมัติของ Google Ads ช่วยให้คุณไม่ต้องทำงานหนักหรือคาดเดาเมื่อกำหนดราคาเสนอเพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านประสิทธิภาพ การเสนอราคาที่มุ่งเน้น Conversion ใช้เทคโนโลยีที่อ้างอิงเวลาจริงในการประมูลในการเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอได้อย่างแม่นยำจากการสืบค้นจริงที่เกิดขึ้นในการประมูลแต่ละครั้ง นอกจากนี้ยังพิจารณาสัญญาณต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามเวลาจริงในการประมูล เช่น อุปกรณ์ สถานที่ตั้ง ช่วงเวลาของวัน ภาษา และระบบปฏิบัติการ เพื่อให้ทราบถึงบริบทเฉพาะของการค้นหาแต่ละครั้ง ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเสนอราคาอัตโนมัติของ Google Ads
วิธีตั้งราคาเสนอ CPC อย่างเหมาะสม
คุณจะทราบได้อย่างไรว่า จะตั้ง CPC เท่าใดดี คุณสามารถตัดสินได้จากข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของคุณเองและมูลค่าของการขายแต่ละครั้ง ตัวอย่างเช่น หากคุณขายแหวนเพชรราคา 150,000 บาท ลูกค้าใหม่คนเดียวน่าจะมีค่ามากกว่ากรณีที่คุณขายหมากฝรั่งห่อละ 30 บาทได้หลายห่อ
ระบบจะตั้งราคาเสนอ CPC สูงสุดเริ่มต้นให้กับคุณเมื่อคุณเลือก CPC ที่กําหนดเอง คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่านี้เป็นจำนวน CPC สูงสุดที่คุณยินดีจ่ายได้ ให้ตรวจสอบจำนวนคลิกที่คุณได้รับจากโฆษณา และตรวจสอบว่าการคลิกเหล่านั้นทำให้เกิดผลทางธุรกิจบนเว็บไซต์ของคุณหรือไม่ โปรดทราบว่าการเข้าชมอินเทอร์เน็ตมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราจึงขอแนะนําให้คุณประเมินราคาเสนอ CPC ใหม่อยู่เรื่อยๆ
การใช้เครื่องมือ Google เพื่อช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับราคาเสนอ CPC
- เครื่องจำลองการเสนอราคาจะจำลองสถานการณ์สมมติ "แบบเงื่อนไข" เช่น "ถ้าสัปดาห์ที่แล้วราคาเสนอของฉันสูงกว่าเดิม 3 บาท ฉันจะได้รับการแสดงผลมากขึ้นเท่าใด"
- เครื่องมือวางแผนคีย์เวิร์ดจะแสดงความถี่ในการค้นหาคีย์เวิร์ดบางรายการ รวมทั้งประมาณค่าใช้จ่ายอย่างคร่าวๆ
- ค่าประมาณการเสนอราคาสำหรับหน้าแรกแสดงให้คุณเห็นราคาที่คุณอาจต้องเสนอเพื่อให้โฆษณาของคุณปรากฏในหน้าแรกของผลการค้นหา Google
การใช้การปรับราคาเสนอในการเข้าถึงลูกค้าที่เหมาะสม
คุณตั้งค่าการปรับราคาเสนอที่จะเพิ่มหรือลดราคาเสนอ CPC สูงสุดได้สําหรับการค้นหาบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ หรือในสถานที่ตั้งเฉพาะ หากแคมเปญกำหนดเป้าหมายไปยังเครือข่าย Display คุณยังสามารถตั้งค่าการปรับราคาเสนอสำหรับวิธีการกำหนดเป้าหมายในกลุ่มโฆษณาของคุณ เช่น หัวข้อหรือตำแหน่ง เพื่อช่วยให้โฆษณาแสดงต่อผู้ชมที่เกี่ยวข้องมากที่สุด การปรับราคาเสนอทำให้คุณสามารถควบคุมตำแหน่งและเวลาในการแสดงโฆษณาได้มากขึ้น และจะนำไปใช้กับราคาเสนอที่มีอยู่จำนวนเงินสุดท้ายที่ระบบจะเรียกเก็บจากคุณ
ราคาเสนอ CPC สูงสุดคือจํานวนเงินสูงสุดที่เราจะเรียกเก็บจากคุณสําหรับการคลิก 1 ครั้ง แต่บ่อยครั้งจำนวนเงินที่เรียกเก็บจริงจะน้อยกว่านั้น บางครั้งก็น้อยกว่านั้นมาก จำนวนเงินสุดท้ายที่เราจะเรียกเก็บจากคุณสำหรับการคลิก เรียกว่า CPC จริง
CPC จริงมักจะน้อยกว่า CPC สูงสุด เนื่องจากในการประมูลของ Google Ads จำนวนเงินสูงสุดที่คุณจะจ่ายคือจำนวนเงินขั้นต่ำที่จำเป็นในการผ่านเกณฑ์ลำดับโฆษณา และเอาชนะลำดับโฆษณาของคู่แข่งที่มีลำดับโฆษณาสูงสุดลำดับถัดไปสำหรับอันดับที่กำหนด (หากมี)
การเสนอราคา CPC สูงสุดส่งผลกับลำดับโฆษณาอย่างไร
ในเครือข่าย Search ลำดับโฆษณาจะช่วยกำหนดการมีสิทธิ์ของคุณ และหากมีสิทธิ์ โฆษณาจะแสดงที่ตำแหน่งใดในหน้าผลการค้นหา (หรือไม่แสดงเลย) เมื่อเทียบกับโฆษณาของผู้ลงโฆษณารายอื่นๆ หากคุณแสดงโฆษณาในเครือข่าย Display ลำดับโฆษณาก็มีบทบาทสำคัญในลักษณะเดียวกัน เนื่องจากลำดับโฆษณาคือคะแนนที่คำนวณจากการเสนอราคา CPC สูงสุดและคุณภาพของโฆษณาเปรียบเทียบกับโฆษณาของผู้ลงโฆษณารายอื่นๆ การเพิ่ม CPC สูงสุดอาจช่วยเพิ่มโอกาสในการแสดงโฆษณาของคุณได้
รูปแบบการเสนอราคา CPC สูงสุด
คุณสามารถใช้การเสนอราคา CPC สูงสุดได้หลายวิธี สมมติว่าคุณมีร้านเบเกอรี่และได้ตั้งกลุ่มโฆษณาสำหรับอาหารเช้าโดยมีคีย์เวิร์ด เช่น โดนัท พายไก่ และขนมปังปิ้ง ต่อไปนี้เป็นวิธีที่คุณอาจใช้ตั้งราคาเสนอ
- หากคุณต้องการให้คีย์เวิร์ดทั้งหมดในกลุ่มโฆษณามีราคาเสนอเดียวกัน: ตั้งค่าราคาเสนอเริ่มต้นของกลุ่มโฆษณา หากคุณเลือก CPC เท่ากับ 30 บาท จํานวนเงินนั้นจะเป็น CPC สูงสุดเมื่อมีผู้ค้นหาคีย์เวิร์ดใดๆ ของคุณ เช่น โดนัท พายไก่ หรือขนมปังปิ้ง ราคาเสนอเดียวกันนี้จะถูกนำไปใช้กับตำแหน่ง หากคุณลงโฆษณาในเครือข่าย Display นี่เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการจัดการ CPC ของคุณ
- หากคุณต้องการให้คีย์เวิร์ดในกลุ่มโฆษณามีราคาเสนอต่างกัน: ตั้งราคาเสนอระดับคีย์เวิร์ด ตัวอย่างเช่น หากคุณทราบว่าผู้ที่ค้นหาคำว่าขนมปังปิ้งมีแนวโน้มที่จะซื้อมากกว่าผู้ที่ค้นหาคำว่าโดนัท คุณอาจตั้งราคาเสนอ 37 บาทสำหรับการคลิกขนมปังปิ้งแต่ละครั้ง และ 30 บาทสำหรับการคลิกโดนัทแต่ละครั้ง
- หากคุณต้องการให้วิธีการกําหนดเป้าหมายบนเครือข่าย Display มีราคาเสนอที่แตกต่างกัน: คุณสามารถตั้งค่า CPC สูงสุดสําหรับตําแหน่ง หัวข้อ หรือวิธีการกําหนดเป้าหมายอื่นๆ ได้ ตัวอย่างเช่น คุณอาจพยายามช่วยให้โฆษณาแสดงในเว็บไซต์สูตรโดนัทโดยการตั้งค่าราคาเสนอที่กำหนดเองสำหรับตำแหน่งที่ต้องการนั้นในเครือข่าย Display