ข้อควรทราบเบื้องต้น
- สําหรับ Google Ads ระบบจะเรียกเก็บเงินจากคุณโดยอัตโนมัติในวันที่ 1 ของแต่ละเดือน หรือเมื่อมียอดถึงจํานวนเงินที่เรียกว่าเกณฑ์การชําระเงิน
- เงินที่เรียกเก็บจะครอบคลุมทั้งค่าใช้จ่ายการโฆษณาและยอดค้างชําระจากเดือนก่อนหน้า รวมถึงภาษีและค่าธรรมเนียมที่อาจมีผลกับบางประเทศ
- บางครั้งการเรียกเก็บเงินวันแรกของเดือนอาจเกินเกณฑ์การชำระเงิน
เงินที่เรียกเก็บ
ค่าใช้จ่ายปัจจุบัน + ยอดค้างชําระ = จํานวนเงินที่เรียกเก็บ
เงินที่เรียกเก็บจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายการโฆษณาปัจจุบัน รวมถึงภาษีและค่าธรรมเนียม (หากมี) และค่าใช้จ่ายใดๆ ที่ยังไม่ได้ชําระ ซึ่งรวมถึงภาษีและค่าธรรมเนียมจากรอบการเรียกเก็บเงินก่อนหน้า ลบด้วยการปรับค่าใช้จ่าย/เครดิตโปรโมชันจากรอบการเรียกเก็บเงินปัจจุบันหรือก่อนหน้า
- ค่าใช้จ่ายปัจจุบันมาจากช่วงเวลาที่เรียกเก็บเงินนี้
- (ค่าใช้จ่ายที่ยังไม่ได้ชำระมาจากช่วงเวลาที่เรียกเก็บเงินก่อนหน้า)
หากค่าใช้จ่ายการโฆษณาทั้งหมดเกินเกณฑ์การชำระเงิน (จำนวนเงินที่โดยปกติแล้วทำให้มีการเรียกเก็บเงิน) ระบบจะเพิ่มค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในยอดดุลปัจจุบันของคุณในการเรียกเก็บเงินครั้งต่อไป
ยอดดุลปัจจุบันประกอบด้วยยอดคงเหลือที่ยกมาจากเดือนก่อนหน้าและค่าใช้จ่ายสุทธิ (ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายการโฆษณา ภาษี และค่าธรรมเนียม หากมี ลบด้วยการปรับค่าใช้จ่ายและเครดิตโปรโมชัน) ของเดือนปัจจุบัน
ตัวอย่างที่ 1
ค่าใช้จ่ายรายเดือนน้อยกว่าเกณฑ์การชำระเงิน (ยอดที่ทําให้มีการเรียกเก็บเงิน) เช่นในกรณีต่อไปนี้
- คุณชําระเงินครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม
- เกณฑ์การชําระเงินของคุณคือ 1,500 บาท
- ค่าใช้จ่ายเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 1,470 บาท
- ในตัวอย่างข้างต้น ระบบจะเรียกเก็บเงินจากคุณ 1,470 บาทในวันที่ 1 กันยายน
ตัวอย่างที่ 2
หากค่าใช้จ่ายรายเดือนมากกว่าเกณฑ์การชำระเงิน (ยอดที่ทําให้มีการเรียกเก็บเงิน) เช่นในกรณีต่อไปนี้
- คุณชําระเงินครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม
- เกณฑ์การชําระเงินของคุณคือ 7,500 บาท
- ค่าใช้จ่ายเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 8,250 บาท
- ในตัวอย่างข้างต้น ระบบจะเรียกเก็บเงินจากคุณ 7,500 บาทในเดือนสิงหาคมในวันที่ยอดค่าใช้จ่ายของคุณเกินเกณฑ์การชําระเงิน 7,500 บาท และจะเรียกเก็บเงินที่เหลืออีก 750 บาทในวันที่ 1 กันยายน
คําถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงิน
เปิดลิงก์ด้านล่างเพื่อตอบคําถามเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงิน
มีการเรียกเก็บเงินมากกว่า 1 ครั้งใน 1 เดือน
การเรียกเก็บเงินมักไม่ได้เกิดขึ้นแค่เดือนละ 1 ครั้งหรือแค่ตอนสิ้นเดือน ในแต่ละเดือนอาจมีการเรียกเก็บเงินได้หลายครั้ง โดยขึ้นอยู่กับเกณฑ์การเรียกเก็บเงินเป็นหลัก ซึ่งก็คือยอดค่าใช้จ่ายที่กําหนดไว้ในบัญชีของคุณ ยอดค่าใช้จ่ายนี้ทำให้เกิดการเรียกเก็บเงิน ซึ่งหมายความว่าระบบอาจเรียกเก็บเงินคุณมากกว่า 1 ครั้งใน 1 เดือน
หากคุณใช้จ่ายไม่เกินเกณฑ์การชําระเงินใน 1 เดือน ระบบจะเรียกเก็บเงินคุณโดยอัตโนมัติในวันเดียวกันทุกเดือน (อาจมีการเปลี่ยนแปลงวันที่ชําระเงินโดยอัตโนมัติสำหรับเดือนที่มีจำนวนวันน้อยกว่านี้หรือปีอธิกสุรทิน)
ตัวอย่างที่ 1
หากเกณฑ์การเรียกเก็บเงินของคุณคือ 15,000 บาท ระบบจะเรียกเก็บเงินทุกครั้งที่ค่าใช้จ่ายของคุณถึง 15,000 บาทภายในเดือนเดียวกัน หากคุณมีค่าใช้จ่ายรวม 45,000 บาทใน 1 เดือน ระบบจะเรียกเก็บเงิน 15,000 บาท 3 ครั้ง (3 x 15,000 = 45,000 บาท)
ตัวอย่างที่ 2
หากการชำระเงินอัตโนมัติครั้งล่าสุดเป็นการเรียกเก็บเงินตามเกณฑ์จํานวน 15,000 บาทในวันที่ 25 สิงหาคม และคุณมีค่าใช้จ่ายไม่ถึงเกณฑ์อีกครั้งก่อนสิ้นเดือนสิงหาคม การชําระเงินอัตโนมัติครั้งถัดไปจะเป็นวันที่ 1 กันยายน
การเรียกเก็บเงินที่เหมือนกัน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่หากคุณเห็นการเรียกเก็บเงิน 2 รายการที่เหมือนกันจาก Google Ads ในใบแจ้งยอดบัตรเครดิตหรือรายการเคลื่อนไหวของบัญชีธนาคาร อาจเกิดจาก 2 สาเหตุ ดังนี้
- การขอสิทธิ์ตัดบัญชี: นี่คือคำขอระหว่างระบบการเรียกเก็บเงินของเรากับธนาคารผู้ออกบัตรเครดิตของคุณ คำขอนี้จะเกิดขึ้นเกือบทุกครั้งที่มีการชำระเงิน โดยจะแสดงเป็นจำนวนเงินที่รอดำเนินการซึ่งเป็นจำนวนเดียวกับที่มีการเรียกเก็บไปแล้ว โดยปกติคำขอเหล่านี้จะหายไปภายใน 2-3 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับธนาคารแต่ละแห่ง
- การเรียกเก็บเงินซ้ำ: อาจมีการเรียกเก็บเงินซ้ำเนื่องจากข้อผิดพลาด ซึ่งหมายความว่าบัญชีของคุณจะถูกเรียกเก็บเงิน 2 ครั้งเป็นจำนวนเงินเดียวกัน โดยที่ในใบแจ้งยอดไม่มีรายการใดเลยที่ระบุว่าอยู่ระหว่างรอดำเนินการ Google ไม่สามารถคืนเงินหรือยกเลิกการชําระเงินได้ แต่เงินที่ชำระเกินจะเก็บเป็นเครดิตค่าโฆษณาในอนาคต บางครั้งอาจมีการชําระเงินอัตโนมัติทั้งๆ ที่ชําระเงินด้วยตนเองไปแล้ว เนื่องจาก Google ยังไม่ได้รับข้อมูลการชําระเงิน
- อีกสาเหตุหนึ่งที่อาจทําให้มีการเรียกเก็บเงินซ้ำคือบัญชีใช้จ่ายสูงเกินไป คุณจึงมีจํานวนเงินถึงเกณฑ์มากกว่า 1 ครั้งในแต่ละวัน ซึ่งจะทําให้มีการเรียกเก็บเงินอัตโนมัติ หากบัญชีใช้จ่ายสูงมาก คุณอาจมีสิทธิ์ปรับเกณฑ์การชำระเงินให้สูงขึ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีเปลี่ยนความถี่ในการเรียกเก็บเงิน
หากรายการเคลื่อนไหวของบัญชีธนาคารแสดงรายการที่เรียกเก็บซ้ำหรือหากยังแสดงคำขอสิทธิ์ตัดบัญชีอยู่ ให้ติดต่อธนาคารเพื่อขอความช่วยเหลือ
ระบบเรียกเก็บเงินมากกว่างบประมาณรายวันเฉลี่ยในบางวัน
ปริมาณการค้นหาทางอินเทอร์เน็ตในแต่ละวันแตกต่างกัน เพื่อรองรับความผันผวนดังกล่าวและเพื่อให้มั่นใจว่าแคมเปญของคุณจะทำงานได้เต็มศักยภาพ Google จึงอาจอนุญาตให้มีการโต้ตอบใน 1 วันสูงกว่างบประมาณรายวันเฉลี่ยที่คุณกำหนดสูงสุด 2 เท่า เราเรียกกรณีดังกล่าวว่าแสดงผลเกินงบ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาหนึ่งๆ ที่เรียกเก็บเงิน ระบบของเราจะไม่เรียกเก็บเงินคุณเกินกว่าจำนวนวันในช่วงเวลานั้นคูณด้วยงบประมาณรายวันเฉลี่ย
ตัวอย่างเช่น หากคุณกำหนดงบประมาณไว้ที่ 300 บาทต่อวัน และระบบเรียกเก็บเงินจากคุณเป็นรายเดือน จำนวนเงินสูงสุดที่คุณจะจ่ายจะเท่ากับ 9,000 บาท
หาก Google แสดงโฆษณาของคุณเกินงบ ซึ่งส่งผลให้คุณมีค่าใช้จ่ายในช่วงเวลาที่เรียกเก็บเงินมากกว่าที่งบประมาณของคุณกำหนดไว้ คุณจะได้รับเครดิตเข้าบัญชีโดยอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น หากคุณมีค่าใช้จ่าย 1,050 บาทสําหรับการคลิกใน 1 เดือน แต่คุณมีงบประมาณรายวันเฉลี่ย 30 บาทต่อวัน (คือ 900 บาทต่อช่วงเวลาที่เรียกเก็บเงินรายเดือน) คุณจะได้รับเครดิตจากการแสดงผลเกินงบ 150 บาท
หมายเหตุ: แคมเปญจ่ายสำหรับ Conversion จะมีการเรียกเก็บเงินที่ต่างออกไป และจะเรียกเก็บได้มากกว่า 2 เท่าของงบประมาณรายวันเฉลี่ย
วิธีดูว่าคุณได้รับเครดิตจากการแสดงผลเกินงบหรือไม่
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนการเรียกเก็บเงิน
- คลิกสรุป
- เปิดการ์ดเดือนที่เหมาะสม แล้วเลือกการปรับค่าใช้จ่าย
- เลือกกิจกรรมแคมเปญ
- เครดิตของกิจกรรมส่วนเกินจะมีป้ายกํากับเป็น "แสดงผลเกินงบ"
มีการเรียกเก็บเงินหลังจากที่ชำระเงินด้วยตนเองไปแล้ว
หากคุณใช้การตั้งค่าการชำระเงินอัตโนมัติ แล้วทำการชำระเงินด้วยตนเอง คุณอาจถูกเรียกเก็บเงินในรอบการเรียกเก็บเงินอัตโนมัติของคุณ
โดยมีเหตุผลดังต่อไปนี้
- มีการชำระเงินอัตโนมัติที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะที่คุณทำรายการชำระเงิน: รอบการชำระเงินอัตโนมัติจะตรงต่อเวลา ดังนั้นหากคุณทำการชำระเงินเมื่อกระบวนการนี้กำลังดำเนินการอยู่ ระบบอาจยังเรียกเก็บเงิน เหตุการณ์นี้มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นสูงหากคุณชําระเงินเมื่อใกล้ถึงเกณฑ์การเรียกเก็บเงินตอนสิ้นเดือนตามปฏิทิน
- ครบรอบการเรียกเก็บเงินของคุณ: หลังจากชำระเงินด้วยตนเอง บัญชีของคุณจะกลับสู่รอบการเรียกเก็บเงินปกติ คุณจะได้รับการเรียกเก็บเงินอัตโนมัติเมื่อค่าใช้จ่ายของบัญชีถึงเกณฑ์การชําระเงิน หรือวันแรกของเดือนถัดไป ขึ้นอยู่กับว่ากรณีใดจะเกิดขึ้นก่อน
มีการเรียกเก็บเงินหลังจากป้อนรหัสโปรโมชัน
มีการเรียกเก็บเงินนอกรอบการเรียกเก็บเงิน
ระบบอาจเรียกเก็บเงินนอกรอบการเรียกเก็บเงินหากคุณชําระเงินด้วยตนเอง (โดยคลิกปุ่ม "ชําระเงิน" หรือ "เพิ่มเงิน" ในบัญชี) แม้ว่าการชําระเงินอัตโนมัติจะได้รับการประมวลผลภายในรอบการเรียกเก็บเงินที่กําหนด แต่คุณจะชําระเงินด้วยตนเองเมื่อใดก็ได้
- คุณได้ชําระเงินด้วยตนเอง (โดยเลือกปุ่มชําระเงินในบัญชี) แม้ว่าการชำระเงินอัตโนมัติจะได้รับการประมวลผลภายในรอบการเรียกเก็บเงินที่กำหนด แต่คุณจะชำระเงินด้วยตนเองเมื่อใดก็ได้
- บัญชีของคุณอาจได้รับการอัปเกรดเป็นอินเทอร์เฟซการเรียกเก็บเงินใหม่เมื่อไม่นานมานี้ เมื่อเกิดกรณีเช่นนี้ ระบบจะเรียกเก็บเงินจากยอดเงินในบัญชีของคุณในขณะที่มีการอัปเกรด แต่จะไม่เรียกเก็บเงินสำหรับการอัปเกรด การเรียกเก็บเงินเพียงครั้งเดียวนี้อยู่นอกเหนือรอบการเรียกเก็บเงินปกติ การเรียกเก็บเงินครั้งต่อๆ ไปทั้งหมดควรอยู่ภายในรอบการเรียกเก็บเงินปกติ
มีการเรียกเก็บเงินหลังจากที่หยุดโฆษณาหรือยกเลิกบัญชี
เมื่อคุณหยุดแสดงโฆษณาโดยการยกเลิกบัญชีหรือการหยุดชั่วคราวหรือนำแคมเปญออก ระบบ Google Ads อาจใช้เวลาหลายชั่วโมงในการหยุดโฆษณาของคุณโดยสิ้นเชิง หลังจากจุดนี้ คุณจะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม ระบบจะเรียกเก็บเงินสำหรับค่าใช้จ่ายการโฆษณาที่ยังไม่ได้ชำระ ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่โฆษณาจะหยุดทำงาน เนื่องจากระบบของเรามีรอบการเรียกเก็บเงินรายเดือน คุณจึงอาจต้องรอ 2-3 สัปดาห์กว่าจะได้รับการเรียกเก็บเงินครั้งสุดท้าย
หากต้องการดูว่าคุณค้างชําระค่าใช้จ่ายการโฆษณาหรือไม่ ให้เลือกไอคอนการเรียกเก็บเงิน คลิกสรุป จากนั้นดูยอดดุลปัจจุบันที่ด้านบนของหน้า
ยอดการเรียกเก็บเงินในรายการเคลื่อนไหวของบัญชีธนาคารไม่ตรงกับในบัญชี Google Ads
บางครั้งยอดการเรียกเก็บเงินในรายการเคลื่อนไหวของบัญชีธนาคารจะแตกต่างจากยอดที่คุณเห็นในบัญชี Google Ads เล็กน้อย สาเหตุบางประการมีดังนี้
การเรียกเก็บเงินคลาดเคลื่อน 1-2 วัน
กรณีเช่นนี้มักจะเกิดขึ้นเนื่องจากการเรียกเก็บเงินจะโพสต์ใน Google Ads และรายการเคลื่อนไหวของบัญชีธนาคารคนละวันกัน เนื่องจาก Google Ads และธนาคารดำเนินการด้วยระบบที่ต่างกัน การชำระเงินจึงไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกันเสมอไปยอดการเรียกเก็บเงินของธนาคารไม่ปรากฏใน Google Ads
หากเกิดกรณีเช่นนี้ คุณจะตรวจสอบทั้ง 2 บัญชีได้ดังนี้
- หากคุณมีบัญชี Google Ads มากกว่า 1 บัญชี ให้ตรวจสอบแต่ละบัญชีเพื่อดูว่ามีการเรียกเก็บเงินหรือไม่ (หลายครั้งที่รหัสลูกค้า 10 หลักของคุณจะปรากฏในรายการเคลื่อนไหวของบัญชีธนาคาร) ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแสดงการเรียกเก็บเงินที่ด้านล่าง หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินที่ไม่ได้รับอนุญาต
- หากคุณยังคงไม่ทราบว่าการเรียกเก็บเงินนั้นมาได้อย่างไร คุณติดต่อทีมสนับสนุนของเราได้ โปรดเตรียมภาพหน้าจอหรือสำเนาเอกสารการเรียกเก็บเงินที่ต้องการสอบถามไว้ให้พร้อม วิธีนี้จะช่วยให้เราตรวจสอบการเรียกเก็บเงินดังกล่าวได้ง่ายขึ้น และโปรดขีดทับยอดการเรียกเก็บเงินทั้งหมดและข้อมูลอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียกเก็บเงินที่ต้องการสอบถาม เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเอง