ใน Universal Analytics คุณใช้ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้เพื่อสร้างคอลเล็กชันข้อมูลแบบแยก เช่น การแยกส่วนทางภูมิศาสตร์ การแยกส่วนสายธุรกิจ ส่วนใน Google Analytics 4 ไม่มีข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้และคุณแยกข้อมูลในลักษณะนี้ได้หลายวิธี รายละเอียดในการแยกข้อมูลและวิธีควบคุมการเข้าถึงข้อมูลนั้นจะแตกต่างกันไปตาม (1) ความต้องการ และ (2) บริการที่ใช้ซึ่งมีทั้ง Google Analytics มาตรฐานและ Google Analytics 360
ตัวอย่างการสร้างบัญชี Google Analytics
ธุรกิจที่มีเว็บไซต์เดียว
ธุรกิจนี้มีเว็บไซต์ 1 แห่ง และมีบัญชี Google Ads 1 บัญชี ธุรกิจไม่จําเป็นต้องแยกข้อมูลตามภูมิภาคหรือสายธุรกิจ
โครงสร้างบัญชี Google Analytics มาตรฐาน
- บัญชี: บัญชีเดียว ข้อมูลเป็นของนิติบุคคลเพียงรายเดียว
- พร็อพเพอร์ตี้: พร็อพเพอร์ตี้ 1 รายการสำหรับเว็บไซต์
- สตรีมข้อมูล: สตรีมข้อมูล 1 รายการ หากธุรกิจมีแอปอยู่ด้วย จะมีสตรีมข้อมูลแยกต่างหากสําหรับแอปนั้น
หลักการที่ใช้
โครงสร้าง | เหตุผล |
---|---|
บัญชี Analytics บัญชีเดียว หากมีบัญชี Analytics อยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องสร้างบัญชีใหม่ |
ข้อมูลเป็นของนิติบุคคลเดียวในที่เดียว |
พร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 รายการเดียวที่มีสตรีมข้อมูล (เว็บ) 1 รายการ |
พร็อพเพอร์ตี้รายการเดียวช่วยให้ข้อมูลเว็บไซต์แต่ละด้านพร้อมใช้งานในที่เดียว ทีมการตลาดสร้างกลุ่มเป้าหมายจากส่วนต่างๆ ของข้อมูลเว็บไซต์ได้ นักวิเคราะห์ทราบพฤติกรรมการใช้งานข้ามอุปกรณ์และเข้าใจว่าจำเป็นต้องมีเว็บไซต์หรือแอปในอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือไม่ |
บัญชี Google Ads 1 บัญชีที่ลิงก์กับพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 |
ทีมการตลาดส่งออกกลุ่มเป้าหมายไปยัง Google Ads เพื่อทำรีมาร์เก็ตติ้งและหาลูกค้าใหม่ได้ |
สถาบัน/ธุรกิจด้านการศึกษา
องค์กรนี้มีเว็บไซต์ 1 แห่งและบัญชี Google Ads 1 บัญชี
ข้อกำหนดด้านธุรกิจ
โครงสร้างบัญชีต้องตอบสนองความต้องการต่อไปนี้
- นักเรียนต้องการดูเนื้อหาของหลักสูตร ลงทะเบียนเรียน รวมถึงทำงานและจัดการงานในหลักสูตรออนไลน์
- ทีมการตลาดต้องการสร้างกลุ่มเป้าหมายสำหรับรีมาร์เก็ตติ้งและสำรวจผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า
- นักวิเคราะห์ต้องการทำความเข้าใจการใช้งานหลายอุปกรณ์และพิจารณาว่าจำเป็นต้องมีเว็บไซต์หรือแอปในอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือไม่
โครงสร้างบัญชี Google Analytics มาตรฐาน
- บัญชี: บัญชีเดียว ข้อมูลเป็นของนิติบุคคลเพียงรายเดียว
- พร็อพเพอร์ตี้: พร็อพเพอร์ตี้ 1 รายการสำหรับฐานผู้ใช้เชิงตรรกะแต่ละฐาน (เว็บไซต์สถาบัน)
- สตรีมข้อมูล: สตรีมข้อมูล 1 รายการสำหรับเว็บไซต์สถาบัน
หลักการที่ใช้
โครงสร้าง | เหตุผล |
---|---|
บัญชี Analytics บัญชีเดียว หากมีบัญชี Analytics อยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องสร้างบัญชีใหม่ |
ข้อมูลเป็นของนิติบุคคลเดียวในที่เดียว |
พร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 รายการเดียวที่มีสตรีมข้อมูล (เว็บ) 1 รายการ |
พร็อพเพอร์ตี้รายการเดียวช่วยให้ข้อมูลเว็บไซต์แต่ละด้านพร้อมใช้งานในที่เดียว ทีมการตลาดสร้างกลุ่มเป้าหมายจากส่วนต่างๆ ของข้อมูลเว็บไซต์ได้ นักวิเคราะห์ทราบพฤติกรรมการใช้งานข้ามอุปกรณ์และเข้าใจว่าจำเป็นต้องมีเว็บไซต์หรือแอปในอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือไม่ |
บัญชี Google Ads 1 บัญชีที่ลิงก์กับพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 |
ทีมการตลาดส่งออกกลุ่มเป้าหมายไปยัง Google Ads เพื่อทำรีมาร์เก็ตติ้งและหาลูกค้าใหม่ได้ |
ผู้ค้าปลีกอีคอมเมิร์ซที่จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตามที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ผ่านเว็บและแอป
บริษัทแม่บริษัทนี้มีสาขาอยู่ในหลายภูมิภาคและแต่ละภูมิภาคก็มีองค์กรธุรกิจของตนเอง รวมไปถึงเว็บไซต์ ทีมการตลาด และบัญชี Google Ads บริษัทแม่ยังให้บริการแอปอีกด้วย (สำหรับ iOS และ Android)
ข้อกำหนดด้านธุรกิจ
โครงสร้างบัญชีต้องตอบสนองความต้องการต่อไปนี้
- บริษัทแม่ต้องเห็นข้อมูลแบบรวมจากองค์กรธุรกิจทั้งหมด
- องค์กรธุรกิจแต่ละแห่งไม่จำเป็นต้องมีสิทธิ์เป็นเจ้าของข้อมูลตามกฎหมาย
- องค์กรธุรกิจแต่ละแห่งต้องการศึกษาเส้นทางการใช้งานในเว็บไซต์และแอป
- องค์กรธุรกิจแต่ละแห่งต้องจัดแบ่งประเภทข้อมูล
- ทีมการตลาดขององค์กรธุรกิจแต่ละแห่งลิงก์ Google Ads กับ Analytics เพื่อสร้างและแชร์กลุ่มเป้าหมาย รวมถึงใช้กลุ่มเป้าหมายนั้นสำหรับเสนอราคาใน Google Ads
โครงสร้างบัญชี Google Analytics มาตรฐาน
- บัญชี: บัญชีเดียว ข้อมูลเป็นของนิติบุคคลเพียงรายเดียว
- พร็อพเพอร์ตี้: พร็อพเพอร์ตี้ 1 รายการสำหรับฐานผู้ใช้เชิงตรรกะรายการเดียว
- สตรีมข้อมูล: สตรีมข้อมูล 1 รายการสำหรับเว็บไซต์ สตรีมข้อมูล 1 รายการสำหรับแอปแต่ละเวอร์ชัน
โครงสร้างบัญชี Google Analytics 360
- บัญชี: บัญชีเดียว ข้อมูลเป็นของนิติบุคคลเพียงรายเดียว
- พร็อพเพอร์ตี้: พร็อพเพอร์ตี้ 1 รายการสำหรับฐานผู้ใช้เชิงตรรกะรายการเดียว
- พร็อพเพอร์ตี้ย่อย: พร็อพเพอร์ตี้ย่อย 1 รายการสําหรับแต่ละองค์กรธุรกิจที่ต้องจัดแบ่งข้อมูล
- สตรีมข้อมูล: สตรีมข้อมูล 1 รายการสำหรับเว็บไซต์ สตรีมข้อมูล 1 รายการสำหรับแอปแต่ละเวอร์ชัน
หลักการที่ใช้
โครงสร้าง | เหตุผล |
---|---|
บัญชี Analytics บัญชีเดียว หากมีบัญชี Analytics อยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องสร้างบัญชีใหม่ |
บริษัทแม่บริษัทนี้เป็นเจ้าของข้อมูลตามกฎหมายสำหรับองค์กรธุรกิจทั้งหมด |
พร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 รายการเดียว |
พร็อพเพอร์ตี้เดียวที่มีสตรีมข้อมูลสําหรับเว็บและแอปที่จะทำให้ข้อมูลทั้งหมดรวมอยู่ในรายงานเดียวกัน คุณจะรวมข้อมูลของเว็บไซต์และแอปเท่าที่จำเป็นเพื่อให้ทราบเส้นทางของผู้ใช้ที่สับเปลี่ยนระหว่างเว็บไซต์กับแอปได้ บริษัทแม่มีมุมมองแบบรวมที่แสดงข้อมูลทั้งหมด และเปรียบเทียบข้อมูลระหว่างองค์กรธุรกิจต่างๆ ได้ |
พร็อพเพอร์ตี้ย่อยสําหรับทีมระดับภูมิภาคแต่ละทีม (360) |
เอนทิตีระดับภูมิภาคแต่ละรายการมีพร็อพเพอร์ตี้ย่อยของตนเองพร้อมข้อมูลที่มีการจัดระดับ บริษัทแม่มีมุมมองแบบรวมที่แสดงข้อมูลทั้งหมดในพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มา และสามารถเปรียบเทียบข้อมูลระหว่างองค์กรธุรกิจต่างๆ ได้ |
สตรีมข้อมูลเดียวที่รวมเว็บไซต์องค์กรธุรกิจทั้งหมดในภูมิภาค |
ใช้สตรีมข้อมูลเว็บเดียวสําหรับหลายๆ โดเมน |
โปรเจ็กต์ Firebase 1 รายการสําหรับการติดตั้งใช้งานแอป Android และ iOS โปรเจ็กต์ Firebase ลิงก์กับพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 แล้ว สตรีมข้อมูลอย่างละ 1 รายการสำหรับแอปเวอร์ชัน iOS และ Android (รวมเป็นสตรีมข้อมูล 2 รายการ) |
สตรีมข้อมูลแยกต่างหากสำหรับการติดตั้งใช้งานแอปแต่ละครั้งช่วยให้แยกข้อมูลระหว่าง iOS และ Android ได้
|
บัญชี Google Ads แต่ละบัญชีลิงก์กับพร็อพเพอร์ตี้ (มาตรฐาน) |
เมื่อลิงก์บัญชี Google Ads แต่ละบัญชีกับพร็อพเพอร์ตี้รายการเดียว บัญชี Google Ads แต่ละบัญชีจะเสนอราคาสำหรับกลุ่มเป้าหมายจากพร็อพเพอร์ตี้ได้ |
ไม่บังคับ: บัญชี Google Ads แต่ละบัญชีลิงก์กับพร็อพเพอร์ตี้ย่อย (360) ที่เหมาะสม |
เมื่อลิงก์บัญชี Google Ads แต่ละบัญชีกับพร็อพเพอร์ตี้ย่อยที่เหมาะสม บัญชี Google Ads แต่ละบัญชีจะเสนอราคาสำหรับกลุ่มเป้าหมายจากพร็อพเพอร์ตี้ได้ |
บริษัทพัฒนาเกมระดับโลกที่เป็นเจ้าของเกมมากมายใน Play Store และ App Store
ธุรกิจนี้มีเว็บไซต์แบรนด์หลัก 1 เว็บไซต์และมีเว็บไซต์การตลาดสำหรับแต่ละเกมแยกต่างหาก ทั้งยังจำหน่ายเกมหลายๆ เกมใน Play Store และ App Store ด้วย
ข้อกำหนดด้านธุรกิจ
โครงสร้างบัญชีต้องตอบสนองความต้องการต่อไปนี้
- รวบรวมข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่งของเว็บไซต์และแอปเพื่อสร้างกลุ่มเป้าหมายและแจ้งข้อมูลการซื้อพื้นที่โฆษณา
- สภาพแวดล้อมสำหรับการพัฒนา การทดลองใช้ และการผลิตเกมแต่ละเกมแยกกัน
โครงสร้างบัญชี Google Analytics มาตรฐาน
- บัญชี: บัญชีเดียว ข้อมูลเป็นของนิติบุคคลเพียงรายเดียว
- พร็อพเพอร์ตี้: พร็อพเพอร์ตี้ 1 รายการสำหรับฐานผู้ใช้เชิงตรรกะแต่ละฐาน (เว็บไซต์แบรนด์หลัก เว็บไซต์การตลาดและแอปสำหรับแต่ละเกม)
- สตรีมข้อมูล: สตรีมข้อมูล 1 รายการสำหรับเว็บไซต์แบรนด์หลัก สตรีมข้อมูล 1 รายการสำหรับเว็บไซต์การตลาดแต่ละเว็บ และสตรีมข้อมูล 1 รายการสำหรับแอปแต่ละเวอร์ชัน
โครงสร้างบัญชี Google Analytics 360
- บัญชี: บัญชีเดียว ข้อมูลเป็นของนิติบุคคลเพียงรายเดียว
- พร็อพเพอร์ตี้: พร็อพเพอร์ตี้ 1 รายการสำหรับฐานผู้ใช้เชิงตรรกะแต่ละฐาน (เว็บไซต์แบรนด์หลัก เว็บไซต์การตลาดและแอปสำหรับแต่ละเกม)
- พร็อพเพอร์ตี้ภาพรวม: พร็อพเพอร์ตี้ภาพรวม 1 รายการจะดึงข้อมูลจากพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มาทั้งหมดแยกกันเพื่อให้ได้มุมมองที่ครอบคลุม
- สตรีมข้อมูล: สตรีมข้อมูล 1 รายการสำหรับเว็บไซต์แบรนด์หลัก สตรีมข้อมูล 1 รายการสำหรับเว็บไซต์การตลาดแต่ละเว็บ และสตรีมข้อมูล 1 รายการสำหรับแอปแต่ละเวอร์ชัน
หลักการที่ใช้
โครงสร้าง | เหตุผล |
---|---|
บัญชี Analytics บัญชีเดียว หากมีบัญชี Analytics อยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องสร้างบัญชีใหม่ |
รวมพร็อพเพอร์ตี้ต่างๆ ไว้ในบัญชีเดียวที่เป็นของนิติบุคคลเพียงรายเดียว |
พร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 รายการเดียวสําหรับเว็บไซต์แบรนด์หลักที่มีสตรีมข้อมูล (เว็บ) 1 รายการ |
การวัดสำหรับเว็บไซต์แบรนด์หลักแยกต่างหาก |
พร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 รายการเดียวสำหรับเว็บไซต์การตลาดและแอปของชื่อเกมแต่ละเกม แต่ละพร็อพเพอร์ตี้มีสตรีมข้อมูล (เว็บ) สตรีมข้อมูล iOS (แอป) และสตรีมข้อมูล Android (แอป) อย่างละ 1 รายการ |
ข้อมูลจากเว็บไซต์การตลาดแต่ละเว็บและแอปที่เกี่ยวข้องแต่ละแอปจะรวบรวมไว้ในพร็อพเพอร์ตี้เดียวกัน ข้อมูลเว็บไซต์และแอปที่เกี่ยวข้องจะใช้ในการสร้างกลุ่มเป้าหมายและแจ้งข้อมูลการซื้อพื้นที่โฆษณา |
โปรเจ็กต์ Firebase 1 โปรเจ็กต์สำหรับแต่ละเกม แต่ละโปรเจ็กต์จะลิงก์กับพร็อพเพอร์ตี้ที่เกี่ยวข้อง โปรเจ็กต์ Firebase แต่ละโปรเจ็กต์จะมีเกมเวอร์ชันพัฒนา เวอร์ชันทดลองใช้ และเวอร์ชันที่ใช้งานจริง |
โปรเจ็กต์ Firebase ที่แยกสำหรับแต่ละเกมจะสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับการพัฒนา การทดลองใช้ และการผลิตเกมแต่ละเกมแยกกัน |
ไม่บังคับ: โปรเจ็กต์ Firebase แยกสำหรับแต่ละเวอร์ชันของเกมหรือสำหรับบางเวอร์ชันผสมกัน เช่น โปรเจ็กต์ 1 โปรเจ็กต์สำหรับเวอร์ชันพัฒนา และอีก 1 โปรเจ็กต์สำหรับเวอร์ชันทดลองใช้และเวอร์ชันที่ใช้งานจริง |
คุณยังแบ่งสภาพแวดล้อมของเกมแต่ละเกมแยกย่อยตามโปรเจ็กต์ได้อีกด้วย แต่จะต้องใช้พร็อพเพอร์ตี้เพิ่มขึ้นหากต้องการวัดผลเวอร์ชันเกมที่เชื่อมโยงกับโปรเจ็กต์นั้น |
ไม่บังคับ: พร็อพเพอร์ตี้ภาพรวม พร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มาแต่ละรายการจะฟีดลงในพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวมที่แสดงภาพรวมของพร็อพเพอร์ตี้ในเว็บและแอปต่างๆ |
คุณยังแบ่งสภาพแวดล้อมของเกมแต่ละเกมแยกย่อยตามโปรเจ็กต์ได้อีกด้วย แต่จะต้องใช้พร็อพเพอร์ตี้เพิ่มขึ้นหากต้องการวัดผลเวอร์ชันเกมที่เชื่อมโยงกับโปรเจ็กต์นั้น |
บริษัทประกันระดับประเทศที่มีบริษัทในเครือหลายแห่ง (ประกันชีวิต สุขภาพ เจ้าของบ้าน และรถยนต์)
ธุรกิจนี้มีเว็บไซต์บริษัทเพียงแห่งเดียวที่ให้ข้อมูลแก่ลูกค้าและสร้างผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าซึ่งต้องอาศัยการโต้ตอบแบบออฟไลน์เพื่อตกลงทำสัญญา (เช่น โทรศัพท์ จดหมาย จุดขาย) บริษัทในเครือแต่ละแห่งจะมีเว็บไซต์ ทีมการตลาด ตลอดจนบัญชี Google Ads เป็นของตัวเอง
บริษัทในเครือ 1 แห่ง (รถยนต์) ยังมีแอปให้บริการอีกด้วย
ข้อกำหนดด้านธุรกิจ
โครงสร้างบัญชีต้องตอบสนองความต้องการต่อไปนี้
- ข้อมูลเป็นของนิติบุคคลธุรกิจเดียวในที่เดียว
- ข้อมูลจากเว็บไซต์บริษัทต้องพร้อมสำหรับการวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงการสร้างลูกค้าเป้าหมายและเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหา
- บริษัทในเครือแต่ละแห่งจะต้องจัดแบ่งข้อมูลของตนเพื่อให้ทีมการตลาดที่เกี่ยวข้องสร้างกลุ่มเป้าหมายและติดตาม Conversion ที่เชื่อมโยงกับบัญชี Google Ads บัญชีเดียว
โครงสร้างบัญชี Google Analytics มาตรฐาน
- บัญชี: บัญชีเดียว ข้อมูลเป็นของนิติบุคคลเพียงรายเดียว
- พร็อพเพอร์ตี้: พร็อพเพอร์ตี้ 1 รายการสำหรับฐานผู้ใช้เชิงตรรกะแต่ละฐาน (เว็บไซต์บริษัท เว็บไซต์และแอปของแต่ละบริษัทในเครือ)
- สตรีมข้อมูล: สตรีมข้อมูล 1 รายการสำหรับเว็บไซต์บริษัท สตรีมข้อมูล 1 รายการสำหรับเว็บไซต์ของบริษัทในเครือแต่ละเว็บ และสตรีมข้อมูล 1 รายการสำหรับแอปแต่ละเวอร์ชัน
โครงสร้างบัญชี Google Analytics 360
- บัญชี: บัญชีเดียว ข้อมูลเป็นของนิติบุคคลเพียงรายเดียว
- พร็อพเพอร์ตี้: พร็อพเพอร์ตี้ 1 รายการสําหรับเว็บไซต์และแอปทั้งหมด (เว็บไซต์บริษัท เว็บไซต์และแอปของแต่ละบริษัทในเครือ)
- พร็อพเพอร์ตี้ย่อย: พร็อพเพอร์ตี้ย่อย 1 รายการสําหรับฐานผู้ใช้เชิงตรรกะแต่ละฐาน (เว็บไซต์บริษัท เว็บไซต์และแอปของแต่ละบริษัทในเครือ)
- สตรีมข้อมูล: สตรีมข้อมูล 1 รายการสำหรับเว็บไซต์บริษัท สตรีมข้อมูล 1 รายการสำหรับเว็บไซต์ของบริษัทในเครือแต่ละเว็บ และสตรีมข้อมูล 1 รายการสำหรับแอปแต่ละเวอร์ชัน
หลักการที่ใช้
โครงสร้าง | เหตุผล |
---|---|
บัญชี Analytics บัญชีเดียว หากมีบัญชี Analytics อยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องสร้างบัญชีใหม่ |
ข้อมูลเป็นของนิติบุคคลธุรกิจเดียวในที่เดียว |
พร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 ที่มีสตรีมข้อมูล (เว็บ) 1 รายการสำหรับเว็บไซต์บริษัท (บัญชีมาตรฐาน) |
พร็อพเพอร์ตี้และสตรีมข้อมูลรายการเดียวสำหรับเว็บไซต์บริษัทช่วยให้ข้อมูลนั้นพร้อมสำหรับการวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงการสร้างลูกค้าเป้าหมายและเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหา |
สําหรับบริษัทในเครือแต่ละแห่ง: (บัญชีมาตรฐาน) พร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 รายการเดียวที่มีสตรีมข้อมูล (เว็บ) 1 รายการ พร็อพเพอร์ตี้ของบริษัทในเครือที่ขายประกันภัยรถยนต์ต้องมีสตรีมข้อมูล (แอป Android) อีกด้วย |
พร็อพเพอร์ตี้และสตรีมข้อมูลรายการเดียวสำหรับเว็บไซต์บริษัทในเครือแต่ละแห่งจะเก็บข้อมูลของแต่ละเว็บไซต์แยกจากกัน ข้อมูลแอปและเว็บของบริษัทในเครือซึ่งขายประกันรถยนต์จะพร้อมใช้งานในพร็อพเพอร์ตี้เดียวกัน |
พร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 จำนวน 1 รายการที่มี สตรีมข้อมูล (เว็บ) 1 รายการสําหรับเว็บไซต์และแอปทั้งหมด (เว็บไซต์บริษัท เว็บไซต์และแอปของแต่ละบริษัทในเครือ) (360) |
พร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มาแห่งเดียวและสตรีมข้อมูลสำหรับทุกเว็บไซต์ช่วยให้มีข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงการสร้างลูกค้าเป้าหมายและการเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหา นอกจากนี้ ยังช่วยให้สร้างพร็อพเพอร์ตี้ย่อยได้จากพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มาอีกด้วย |
พร็อพเพอร์ตี้ย่อยสําหรับบริษัทในเครือแต่ละแห่งและเว็บไซต์บริษัท |
คุณสามารถสร้างพร็อพเพอร์ตี้ย่อยเพื่อกรองการรวมข้อมูลเชิงตรรกะแต่ละรายการ (เว็บไซต์บริษัทหรือเว็บไซต์บริษัทในเครือ) ให้มีมุมมองโฆษณาของตนเอง |
โปรเจ็กต์ Firebase 1 โปรเจ็กต์สำหรับแอป Android ของบริษัทในเครือที่ขายประกันภัยรถยนต์ โปรเจ็กต์ Firebase ลิงก์อยู่กับพร็อพเพอร์ตี้ของบริษัทในเครือที่ขายประกันภัยรถยนต์ (บัญชีมาตรฐาน) หรือพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มา (บัญชี 360) |
โปรเจ็กต์ Firebase สำหรับแอปของบริษัทขายประกันภัยรถยนต์สร้างสภาพแวดล้อมแยกต่างหากสำหรับการพัฒนาแอป การลิงก์โปรเจ็กต์ Firebase กับพร็อพเพอร์ตี้ของบริษัทขายประกันภัยรถยนต์จะทำให้ข้อมูลแอปและเว็บอยู่ในพร็อพเพอร์ตี้เดียวกัน (เช่นเดียวกันกับพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มาสำหรับบัญชี 360) |
บัญชี Google Ads และพร็อพเพอร์ตี้บริษัทในเครือลิงก์กัน (บัญชีมาตรฐาน) หรือพร็อพเพอร์ตี้ย่อย (บัญชี 360) ลิงก์กัน |
เมื่อลิงก์บัญชี Google Ads สำหรับบริษัทในเครือแต่ละแห่งกับพร็อพเพอร์ตี้ บัญชี Google Ads ที่เกี่ยวข้องจะใช้กลุ่มเป้าหมายจากพร็อพเพอร์ตี้ได้ และข้อมูล Conversion จากบัญชี Google Ads จะพร้อมใช้งานในพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 ที่เกี่ยวข้อง |
บริษัทท่องเที่ยวที่มีหลายแบรนด์และดำเนินการอยู่ในหลายประเทศ
บริษัทนี้มีหลายแบรนด์ ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีเว็บไซต์สำหรับเดสก์ท็อป เว็บไซต์สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ และแอป อีกทั้งยังมีทีมการตลาดและบัญชีโฆษณาของตัวเอง
ข้อกำหนดด้านธุรกิจ
โครงสร้างบัญชีต้องตอบสนองความต้องการต่อไปนี้
- จะต้องวิเคราะห์ข้อมูลตามประเทศ
- ทีมการตลาดแต่ละทีมต้องสร้างกลุ่มเป้าหมายของตัวเองและระบุแหล่งที่มาของ Conversion ไปยังบัญชีโฆษณาที่ลิงก์อยู่
โครงสร้างบัญชี Google Analytics มาตรฐาน
- บัญชี: บัญชีเดียว ข้อมูลเป็นของนิติบุคคลเพียงรายเดียว
- พร็อพเพอร์ตี้: พร็อพเพอร์ตี้ 1 รายการสำหรับฐานผู้ใช้เชิงตรรกะแต่ละฐาน (เว็บไซต์บริษัท เว็บไซต์และแอปของแต่ละแบรนด์)
- สตรีมข้อมูล: สตรีมข้อมูล 1 รายการสำหรับเว็บไซต์บริษัท สตรีมข้อมูล 1 รายการสำหรับแต่ละเว็บไซต์แบรนด์ และ 1 รายการสำหรับแอปแต่ละเวอร์ชัน
โครงสร้างบัญชี Google Analytics 360
- บัญชี: บัญชีเดียว ข้อมูลเป็นของนิติบุคคลเพียงรายเดียว
- พร็อพเพอร์ตี้: พร็อพเพอร์ตี้ 1 รายการสำหรับฐานผู้ใช้เชิงตรรกะแต่ละฐาน (เว็บไซต์บริษัท เว็บไซต์และแอปของแต่ละแบรนด์)
- พร็อพเพอร์ตี้ภาพรวม: พร็อพเพอร์ตี้ภาพรวม 1 รายการเพื่อดูชุดข้อมูลเอนทิตีและภูมิศาสตร์ทั้งหมดร่วมกัน
- สตรีมข้อมูล: สตรีมข้อมูล 1 รายการสำหรับเว็บไซต์บริษัท สตรีมข้อมูล 1 รายการสำหรับแต่ละเว็บไซต์แบรนด์ และ 1 รายการสำหรับแอปแต่ละเวอร์ชัน
หลักการที่ใช้
โครงสร้าง | เหตุผล |
---|---|
บัญชี Analytics บัญชีเดียว หากมีบัญชี Analytics อยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องสร้างบัญชีใหม่ |
ข้อมูลเป็นของนิติบุคคลธุรกิจเดียว |
พร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 รายการเดียวต่อแบรนด์ 1 รายการ โดยแต่ละรายการมี
|
พร็อพเพอร์ตี้ 1 รายการต่อแบรนด์ช่วยให้ทำสิ่งต่อไปนี้ได้
สตรีมข้อมูลต่างๆ สำหรับแต่ละแพลตฟอร์มช่วยให้วิเคราะห์ข้อมูลแบบรวมทุกสตรีม แบบเปรียบเทียบ หรือวิเคราะห์ทีละรายการ และสร้างกลุ่มเป้าหมายแบบเน้นเฉพาะแพลตฟอร์ม |
พร็อพเพอร์ตี้ภาพรวม 1 รายการช่วยรวบรวมพร็อพเพอร์ตี้แบรนด์ทั้งหมดไว้ในที่เดียว (บัญชี 360) |
พร็อพเพอร์ตี้ภาพรวมรายการเดียวที่มีพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มาทั้งหมดรวมอยู่ในพร็อพเพอร์ตี้จะช่วยให้เห็นภาพรวมของข้อมูลในระดับสถาบันได้ |
บัญชี Google Ads, Display & Video 360 และ Search Ads 360 ของแต่ละแบรนด์จะลิงก์กับพร็อพเพอร์ตี้ที่เกี่ยวข้อง |
ทีมการตลาดแต่ละทีมจะต้องสร้างกลุ่มเป้าหมายของตัวเองและระบุแหล่งที่มาของ Conversion ไปยังบัญชีโฆษณาที่ลิงก์อยู่ |
คู่มือและการอ้างอิงเพิ่มเติม
ส่วนที่เหลือของคู่มือนี้จะให้ข้อมูลโดยละเอียดสําหรับธุรกิจที่ต้องการขยายขอบเขตนอกเหนือจากตัวอย่างในส่วนด้านบน คู่มือแบบขยายนี้มีความเกี่ยวข้องอย่างยิ่งหากคุณเป็นลูกค้า Google Analytics 360
สารบัญ- แนวคิดและคําจํากัดความ
- แนวทางปฏิบัติแนะนำ
- สตรีมข้อมูล
- การผสานรวมกับ Search Console
- ปรับแต่งรายงานที่จะแสดง
- การจัดระเบียบข้อมูล
- การเปลี่ยนรูปแบบข้อมูล
- สิทธิ์และบทบาทของผู้ใช้
- ฟีเจอร์ที่มีใน 360 เท่านั้น: พร็อพเพอร์ตี้ย่อยและพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวม
- ตัวอย่างที่มีพร็อพเพอร์ตี้ย่อยและพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวม
- การลิงก์ Google Ads, SA360 และ DV360
แนวคิดและคําจํากัดความ
หากกําลังดูข้อมูลเกี่ยวกับพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 อยู่ โปรดอ่านบทความและวิดีโอที่มีประโยชน์เหล่านี้
- ขอแนะนํา Google Analytics 4 (GA4)
- เกี่ยวกับพร็อพเพอร์ตี้ย่อย (ใช้ได้กับ Google Analytics 360)
- เกี่ยวกับพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวม (ใช้ได้กับ Google Analytics 360)
- บัญชี: ชุดพร็อพเพอร์ตี้ที่มีนิติบุคคลเป็นเจ้าของข้อมูลเพียงรายเดียว และอยู่ภายใต้ข้อกำหนดในการให้บริการของภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง
ข้อมูลจากแต่ละภูมิภาคเป็นของนิติบุคคลที่อยู่ในภูมิภาคนั้นๆ ใช่หรือไม่
- ใช่: สร้างหลายๆ บัญชีสำหรับแต่ละภูมิภาคแยกกัน
- ไม่ใช่ สร้างบัญชี 1 บัญชีในภูมิภาคที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทตั้งอยู่
- พร็อพเพอร์ตี้: อยู่ในบัญชีและแสดงข้อมูลของฐานผู้ใช้ 1 กลุ่ม หากต้องการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ร่วมกันเป็นภาพรวม (สายผลิตภัณฑ์ แบรนด์ แอปพลิเคชัน) ข้อมูลเหล่านั้นควรอยู่ในพร็อพเพอร์ตี้เดียว (ทำหน้าที่เป็นพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มาหากคุณมี Google Analytics 360)
ข้อมูลที่คุณรวบรวมเกี่ยวข้องกับฐานผู้ใช้เชิงตรรกะเพียงรายการเดียวหรือไม่ คุณต้องการแชร์เนื้อหาข้อมูลทั้งหมดกับผลิตภัณฑ์แต่ละรายการเมื่อลิงก์ Analytics กับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ใช่ไหม
- ใช่: สร้างพร็อพเพอร์ตี้ 1 รายการ
- ไม่ใช่: สร้างพร็อพเพอร์ตี้แยกหรือพร็อพเพอร์ตี้ย่อยสำหรับฐานผู้ใช้เชิงตรรกะแต่ละฐาน
- สตรีมข้อมูล: อยู่ในพร็อพเพอร์ตี้และเป็นแหล่งที่มาของข้อมูลจากแอปหรือเว็บไซต์ แนวทางปฏิบัติแนะนำคือให้ใช้สตรีมข้อมูลสูงสุด 3 รายการต่อพร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งแบ่งออกเป็นสตรีมข้อมูลเว็บ 1 รายการเพื่อวัดเส้นทางของผู้ใช้เว็บ และสตรีมข้อมูลแอปสําหรับ iOS และ Android อย่างละ 1 รายการ
- สตรีมข้อมูลแอป: คุณมีสตรีมข้อมูลได้ 1 รายการสําหรับการรวมแต่ละรายการระหว่างชื่อแพ็กเกจและแพลตฟอร์มของแอป
- สตรีมข้อมูลเว็บ: ในกรณีส่วนใหญ่ คุณควรใช้สตรีมข้อมูลเว็บเดียวเพื่อวัดเส้นทางของผู้ใช้เว็บ โปรดตรวจสอบว่าการรายงานเกี่ยวกับผู้ใช้และเซสชันสําหรับเส้นทางเว็บที่กระจายในโดเมนต่างๆ นั้นสอดคล้องกัน โดยใช้สตรีมข้อมูลเว็บเดียวร่วมกับการวัดผลแบบข้ามโดเมน
แนวทางปฏิบัติแนะนำ
แนวทางปฏิบัติและคําแนะนําต่อไปนี้มีไว้สำหรับผู้ใช้และกรณีการใช้งานที่หลากหลาย อาจมีบางกรณีที่ไม่เป็นไปตามแนวทางนี้ หรือต้องปรับตามสถานการณ์แบบเจาะจง
โดยทั่วไป คุณควรสร้าง 1 บัญชีต่อบริษัท และ 1 พร็อพเพอร์ตี้ต่อแบรนด์หรือหน่วยธุรกิจ (สมมติว่าแบรนด์และหน่วยธุรกิจนั้นเป็นเอนทิตีที่ทำงานแบบไม่ซ้ำกัน/แตกต่างกันพร้อมมีกลุ่มผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง/นักวิเคราะห์แยกกัน)
ตัวอย่าง ก.
- บริษัทแม่ A: 1 บัญชี
- แบรนด์ X (ยานยนต์): 1 พร็อพเพอร์ตี้
- แบรนด์ Y (ของใช้ในบ้าน): 1 พร็อพเพอร์ตี้
- แบรนด์ Z (เครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป): 1 พร็อพเพอร์ตี้
ในกรณีนี้ บริษัทแม่มี 1 บัญชีและพร็อพเพอร์ตี้ที่แตกต่างกัน 3 รายการ โดยแต่ละพร็อพเพอร์ตี้มีเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์/ธุรกิจนั้นๆ
ตัวอย่าง ข.
- บริษัทวิสาหกิจ B: 1 บัญชี
- สายผลิตภัณฑ์ D (ประกันภัยบ้าน): 1 พร็อพเพอร์ตี้
- สายผลิตภัณฑ์ E (ประกันรถยนต์): พร็อพเพอร์ตี้เดียวกันกับ D
- สายผลิตภัณฑ์ F (ประกันชีวิต): พร็อพเพอร์ตี้เดียวกันกับ D และ E
ในกรณีนี้ องค์กรได้เลือกให้ธุรกิจทุกสายส่งข้อมูลไปยังพร็อพเพอร์ตี้รายการเดียว อาจมีลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์หลายอย่างเป็นประจํา หรือมักใช้แคมเปญขายต่อยอดหรือซื้อต่อเนื่องระหว่างผลิตภัณฑ์ต่างๆ คุณจึงควรดูข้อมูลทั้งหมดนั้นพร้อมกัน พร็อพเพอร์ตี้นี้ทําหน้าที่เป็นพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มาของพร็อพเพอร์ตี้ย่อยสําหรับการวิเคราะห์สายผลิตภัณฑ์แต่ละรายการ (ดูด้านล่าง)
ตัวอย่าง ค.
- ธุรกิจขนาดเล็ก C (เช่น ข้าวแกงไฮโซ): 1 บัญชี
- ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด (หมูทอด ข้าวกล่อง เครื่องดื่ม ฯลฯ): 1 พร็อพเพอร์ตี้
ในกรณีนี้ ข้าวแกงไฮโซเป็นธุรกิจขนาดเล็กและไม่จําเป็นต้องมีพร็อพเพอร์ตี้หลายรายการ ร้านวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดด้วยกันสำหรับธุรกิจจัดส่งอาหารออนไลน์ เนื่องจากลูกค้ามักจะซื้อผลิตภัณฑ์มากกว่า 1 รายการและไม่มีสายธุรกิจที่แตกต่างกัน การมีพร็อพเพอร์ตี้รายการเดียวสําหรับข้อมูลทั้งหมดจึงเหมาะสม
สตรีมข้อมูล
พร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มาแต่ละรายการมีสตรีมข้อมูลจากแอปและ/หรือเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลขาเข้า สตรีมข้อมูลจึงเป็นเพียงเว็บไซต์หรือแอปที่ส่งข้อมูลไปยังพร็อพเพอร์ตี้ GA4 หนึ่งๆ
เราขอแนะนำให้คุณดำเนินการดังต่อไปนี้
- สตรีมข้อมูลเว็บ 1 รายการต่อพร็อพเพอร์ตี้
- สตรีมข้อมูล iOS 1 รายการต่อพร็อพเพอร์ตี้
- สตรีมข้อมูล Android 1 รายการต่อพร็อพเพอร์ตี้
การผสานรวมกับ Search Console
คุณสามารถลิงก์พร็อพเพอร์ตี้ GA4 กับ Search Console ได้ วิธีนี้จะนําข้อมูลใหม่ๆ ที่สมบูรณ์เข้าสู่ Google Analytics เช่น คําค้นหาจากการค้นหาทั่วไปใน Google Search และมิติข้อมูลสําหรับการรายงาน เช่น หน้า Landing Page
คุณต้องตัดสินใจเลือกว่าพร็อพเพอร์ตี้ใดควรลิงก์กับพร็อพเพอร์ตี้ Search Console ใด หากใช้พร็อพเพอร์ตี้ย่อยและพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวม คุณจะต้องเลือกว่าจะลิงก์กับพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มา พร็อพเพอร์ตี้ย่อย หรือพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวมหรือไม่
การลิงก์พร็อพเพอร์ตี้ GA4 กับพร็อพเพอร์ตี้ Search Console เป็นกระบวนการที่รวดเร็ว ตรงไปตรงมา และทําได้ในหน้าผู้ดูแลระบบของ GA4 โปรดทราบว่าคุณต้องเป็นผู้ดูแลเว็บไซต์ที่ได้รับการยืนยันในพร็อพเพอร์ตี้ Search Console และมีบทบาทผู้ดูแลระบบในพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 จึงจะลิงก์ได้
ปรับแต่งรายงานที่จะแสดง
พร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 ช่วยให้คุณมีสิทธิ์เต็มในการควบคุมรายงานที่จะแสดง เมตริกและมิติข้อมูลที่รวมอยู่ในรายงานเหล่านั้น และกราฟในรายงาน คุณสร้างทั้งคอลเล็กชันรายงานที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มบางกลุ่มโดยเฉพาะได้ เช่น ทีมการตลาด (แต่โปรดทราบว่าคุณจะจํากัดสิทธิ์เข้าถึงคอลเล็กชันเหล่านี้ไม่ได้ หรือผู้ใช้พร็อพเพอร์ตี้ทุกคนมีสิทธิ์ดูนั่นเอง) วิธีนี้ให้คุณปรับแต่ง GA4 เพื่อให้รายงานที่เกี่ยวข้องมากที่สุดแสดงเป็นลำดับแรกหรือเข้าถึงได้ง่ายที่สุด โดยไม่ต้องเปิดผ่านรายงานไม่จำเป็นต้องดู
ตัวอย่างคอลเล็กชันรายงานของทีมการตลาด
คุณปรับแต่งรายงานที่ต้องการในแต่ละคอลเล็กชันได้ เช่น รายงานตารางส่วนใหญ่มีเมตริก "รายได้ทั้งหมด" ที่แสดงขึ้นในการกําหนดค่ารายงานมาตรฐาน นี่ถือเป็นเรื่องที่ดีหากคุณเป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ส่งข้อมูลรายได้และต้องการให้ทีมวิเคราะห์ข้อมูลนี้ แต่หากไม่มีข้อมูลรายได้ที่จะรายงานใน Google Analytics คอลัมน์นี้จะแสดงค่า $0.00 ทุกแถว หากเมตริกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ คุณก็นําออกเพื่อจัดระเบียบรายงานได้
รายงานเหตุการณ์ที่มีเมตริกรายได้ทั้งหมด
แก้ไขอินเทอร์เฟซ (คลิก "X" ข้างเมตริกเพื่อนําออก)
ใช้และบันทึกโดยไม่รวมเมตริก "รายได้ทั้งหมด"
รายงานฉบับนี้ก็จะดูสะอาดตาขึ้นมากสําหรับธุรกิจที่ไม่มี (หรือไม่ต้องการแสดง) ข้อมูลรายได้ใน Google Analytics
แนวทางปฏิบัติแนะนำเกี่ยวกับการจัดระเบียบข้อมูล
นอกจากการกรองรายงานเพื่อรวมหรือยกเว้นข้อมูลบางอย่างแล้ว คุณยังควรให้ความสำคัญกับการจัดระเบียบข้อมูลด้วย ซึ่งรวมถึงการยกเว้นการเข้าชมจาก IP ภายใน การยกเว้นการอ้างอิงที่ไม่ต้องการ และการตรวจสอบให้มีการสร้างการวัดผลแบบข้ามโดเมนอย่างถูกต้อง
ยกเว้นการเข้าชมจาก IP ภายใน
การนําการเข้าชมจาก IP ภายในออกจากชุดข้อมูลอาจเป็นขั้นตอนการตั้งค่าที่สําคัญสําหรับธุรกิจหลายๆ แห่งที่มีการเข้าชมเว็บไซต์ปริมาณมากจากพนักงาน เช่น เจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคของทีมสนับสนุนที่มักอ้างอิงบทความในศูนย์ช่วยเหลือจากเว็บไซต์ของธุรกิจเมื่อให้บริการลูกค้า วิธีนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าพนักงานของบริษัท (ผู้ใช้ภายใน) ไม่ทำให้ข้อมูลวิเคราะห์ซึ่งมีไว้เพื่อรายงานกรณีการใช้งานของลูกค้าภายนอกบิดเบือน ตอนนี้ตัวเลือกนี้เป็นตัวกรองที่กําหนดล่วงหน้าใน GA4
นําการอ้างอิงที่ไม่ต้องการออก
อีกแง่มุมหนึ่งของแนวทางปฏิบัติแนะนำในการจัดระเบียบข้อมูลที่ควรคำนึงถึงคือการไม่รวมการเข้าชมจากการอ้างอิงที่ไม่ต้องการ วิธีนี้ช่วยให้คุณแยกข้อมูลจากแหล่งการอ้างอิงบางแห่งออกจากข้อมูลที่ใช้งานจริงได้ด้วยการเก็บเหตุการณ์ไว้ แต่ละเว้นการอ้างอิงเพื่อไม่ให้การระบุแหล่งที่มาของการเข้าชมได้รับผลกระทบ นี่ก็เป็นการกําหนดค่าล่วงหน้าใน GA4 เช่นกัน
ตั้งค่าการติดตามผลแบบข้ามโดเมน
สุดท้ายนี้ ปัญหาที่ผู้ใช้ Google Analytics พบได้ทั่วไปคือการจัดการกับการเข้าชมแบบข้ามโดเมน ก่อนหน้านี้คุณต้องตั้งค่าการติดตามผลแบบข้ามโดเมนผ่าน Google Tag Manager หรือ TMS หรือโดยการเขียนฮาร์ดโค้ดในเว็บไซต์ วิธีการเหล่านี้ค่อนข้างยุ่งยากและอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้ Google Analytics ทุกคน จึงมักเกิดจากปัญหาในการจัดระเบียบข้อมูลซึ่งแสดงจํานวนเซสชันใหม่หรือที่สูงเกินปกติและการอ้างอิงจากโดเมนของคุณเอง Google Analytics 4 ปรับการตั้งค่านี้ในอินเทอร์เฟซผู้ใช้ให้ง่ายขึ้นเพื่อให้คุณเห็นเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
การเปลี่ยนรูปแบบข้อมูล
ใน Universal Analytics การเปลี่ยนรูปแบบข้อมูลอยู่ในขั้นตอนการกําหนดค่าตัวกรอง เช่น การบังคับให้ทุกค่าของมิติข้อมูลบางรายการอย่าง utm_campaign เป็นตัวพิมพ์เล็ก ซึ่งตอนนี้จัดการได้ผ่านการสร้างและแก้ไขเหตุการณ์ในพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4
เช่น สมมติว่าคุณได้ค้นพบเหตุการณ์หนึ่งที่ส่งไปยังพร็อพเพอร์ตี้ GA4 ของคุณ 2 ครั้ง ใน 2 วิธี แสดงว่าอาจมีการส่งเหตุการณ์ "start_now" ที่ทำให้เกิดการดําเนินการสําคัญในเว็บไซต์ไปยัง GA4 โดยใช้วิธีที่แตกต่างกัน ("start_now" และ "startNow") เนื่องจากเหตุการณ์นี้ปรากฏในหลายตำแหน่งของเว็บไซต์ซึ่งแต่ละทีมที่เป็นผู้พัฒนาไม่รู้ว่าเขียนโค้ดต่างกัน สถานการณ์นี้พบได้บ่อยและส่งผลต่อคุณภาพของข้อมูล แต่ตอนนี้คุณสามารถแก้ไขโดยการสร้างและแก้ไขเหตุการณ์ในอินเทอร์เฟซผู้ใช้ได้แล้ว
ในการแก้ไขปัญหานี้ ให้คลิกแก้ไขเหตุการณ์ในส่วนกําหนดค่าของพร็อพเพอร์ตี้ GA4
คุณจะเห็นหน้าจอนี้เพื่อให้ระบุการเปลี่ยนแปลงที่ต้องการทํา ในกรณีนี้ ให้เลือกเหตุการณ์ Start Now ที่ต้องการเก็บไว้ และเลือกที่จะแก้ไขอีกเหตุการณ์ให้ตรงกัน ตัวอย่างด้านล่างแสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์ชื่อ "startNow" ได้รับการแก้ไขเป็นชื่อ "start_now" แทน วิธีนี้จะรวมชื่อเหตุการณ์ทั้ง 2 นี้เป็นชื่อเดียวนับจากนี้ไป รายงานก็จะดูสะอาดตาขึ้นเมื่อมีแถวเดียวสําหรับเหตุการณ์นี้
สิทธิ์และบทบาทของผู้ใช้
พร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 มีฟังก์ชันการทำงานเกี่ยวกับบทบาทและข้อจำกัดที่มีประสิทธิภาพและชาญฉลาดมากขึ้น ตอนนี้บทบาทมาตรฐานมีดังนี้
- ผู้ดูแลระบบ: บุคคลที่ควบคุมบัญชีได้โดยสมบูรณ์
- ผู้แก้ไข: บุคคลที่มีสิทธิ์แก้ไขข้อมูลและการตั้งค่าโดยสมบูรณ์ แต่จัดการผู้ใช้ไม่ได้
- นักวิเคราะห์: บุคคลที่สามารถสร้างและแก้ไของค์ประกอบที่แชร์ นอกเหนือจากการดูข้อมูลและการกําหนดค่า
- ผู้ดู: บุคคลที่ดูข้อมูลรายงานและการกำหนดค่าได้
นอกจากนี้ พร็อพเพอร์ตี้ GA4 ยังให้คุณซ่อนข้อมูลค่าใช้จ่ายและรายได้ในอินเทอร์เฟซการรายงานตามบทบาทการจํากัดด้านข้อมูลที่กําหนดไว้เป็น "ไม่มีเมตริกค่าใช้จ่าย" หรือ "ไม่มีเมตริกรายได้" การเพิ่มความสามารถนี้ในสิทธิ์ของผู้ใช้เป็นประโยชน์ในการปกป้องข้อมูลธุรกิจที่มีความละเอียดอ่อน ในขณะที่อนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์และพฤติกรรมของเป้าหมายบางกลุ่ม
ฟีเจอร์ที่มีใน 360 เท่านั้น: พร็อพเพอร์ตี้ย่อยและพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวม
พร็อพเพอร์ตี้ย่อย
พร็อพเพอร์ตี้ย่อยคือพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 ประเภทใหม่ที่ใช้งานได้ในบัญชี Google Analytics 360 พร็อพเพอร์ตี้ประเภทนี้ช่วยให้คุณสร้างข้อมูลชุดย่อยที่อยู่ในพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มาได้ พร็อพเพอร์ตี้ย่อยมาแทนที่การใช้งานข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ เช่น คุณสามารถสร้างพร็อพเพอร์ตี้ย่อยที่มีข้อมูลชุดย่อยอยู่ในพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มา และให้สิทธิ์ผู้ใช้บางคนเข้าถึงพร็อพเพอร์ตี้ย่อยดังกล่าวเท่านั้น นอกจากนี้ พร็อพเพอร์ตี้ย่อยยังให้คุณดำเนินการต่างๆ ด้านการจัดระเบียบข้อมูล รวมถึงการกำกับดูแลข้อมูล ผู้ใช้ และฟีเจอร์ซึ่งจะทำให้ธุรกิจและองค์กรขนาดใหญ่ได้รับประโยชน์จากการใช้ GA4 อย่างมาก
คุณสร้างพร็อพเพอร์ตี้ย่อยจากพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มาใดก็ได้ แต่จะสร้างพร็อพเพอร์ตี้ย่อยจากพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวมไม่ได้ และพร็อพเพอร์ตี้ย่อยลิงก์กับพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มาได้รายการเดียว
การกำกับดูแลข้อมูล
กรณีการใช้งานที่สําคัญที่สุดอย่างหนึ่งของพร็อพเพอร์ตี้ย่อยคือการกำกับดูแลข้อมูล หรือการควบคุมข้อมูลที่รวมไว้หรือยกเว้นในพร็อพเพอร์ตี้ พร็อพเพอร์ตี้ย่อยให้คุณกรองข้อมูลเข้าหรือออกเพื่อสร้างชุดข้อมูลที่จําเป็นสำหรับกลุ่มเป้าหมายหรือกรณีการใช้งานหนึ่งๆ วิธีนี้ทำให้การจัดการข้อมูลมีประสิทธิภาพมากขึ้นและกลุ่มเป้าหมายบางกลุ่มเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
นี่เป็นวิธีการใช้งานทั่วไปของข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ใน Universal Analytics เช่น การสร้างข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้สำหรับการเข้าชมจากอเมริกาเหนือเท่านั้น หรือการสร้างข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้สำหรับข้อมูลเว็บไซต์การตลาดเท่านั้น การแยกชุดข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้แต่ละกลุ่มเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วและง่ายดาย แม้ว่าจะเห็นผลลัพธ์เดียวกันได้ด้วยการกรองที่ละเอียดขึ้นเล็กน้อยในพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มาก็ตาม พร็อพเพอร์ตี้ย่อยช่วยให้คุณทำเช่นนี้ได้ด้วยตัวกรองการนําเข้าและส่งออกจากพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มาไปยังพร็อพเพอร์ตี้ย่อยสําหรับกรณีการใช้งานประเภทต่างๆ เหล่านี้
คุณสามารถกรองข้อมูลไปไว้ในพร็อพเพอร์ตี้ย่อยได้โดยใช้เหตุการณ์หรือมิติข้อมูลที่กําหนดเองซึ่งรวบรวมไว้ในพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มา
การกํากับดูแลผู้ใช้
กรณีการใช้งานพร็อพเพอร์ตี้ย่อยอีกอย่างหนึ่งคือเพื่อกํากับดูแลผู้ใช้ เช่น หากบริษัทมีนโยบายที่เข้มงวดซึ่งระบุว่าภูมิภาคหนึ่ง (เช่น อเมริกาเหนือ) ดูข้อมูลบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับภูมิภาคตัวเองได้ แต่ภูมิภาคอื่น (เช่น อเมริกาใต้) ไม่ควรมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลดังกล่าว การใช้พร็อพเพอร์ตี้ย่อยช่วยให้คุณสามารถจํากัดข้อมูลของแต่ละภูมิภาคไว้ในพร็อพเพอร์ตี้ของตนเอง เพื่อไม่ให้มีสิทธิ์เข้าถึงนอกภูมิภาคที่ต้องการ
แนวคิดลักษณะเดียวกันนี้สามารถนำไปใช้กับสายธุรกิจที่ต้องแยกข้อมูลสําหรับการดําเนินงานแต่ละอย่างออกจากกัน หรือแยกข้อมูลประสบการณ์การใช้เว็บไซต์การตลาดกับประสบการณ์การใช้ผลิตภัณฑ์ หากบริษัทมีเหตุผลที่ไม่ต้องการให้ทีมหนึ่งเห็นข้อมูลของทีมอื่น
หากคุณไม่จําเป็นต้องจํากัดการเข้าถึงข้อมูล แต่เพียงต้องการชี้ให้ผู้ใช้บางกลุ่มเห็นข้อมูลบางชุด ให้ใช้การปรับแต่งรายงานและคอลเล็กชันรายงานซึ่งเป็นวิธีที่ดีกว่าแทน เช่น คุณอาจสร้างคอลเล็กชันรายงานที่ปรับให้เหมาะกับทีมการตลาดโดยเฉพาะเพื่อให้ทีมนี้เข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตนได้ง่ายขึ้น ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยจัดระเบียบข้อมูลเป็นรูปแบบที่กลุ่มเป้าหมายหนึ่งๆ เข้าถึงได้ง่ายและไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
พร็อพเพอร์ตี้ภาพรวม
พร็อพเพอร์ตี้ภาพรวมประกอบด้วยข้อมูลจากพร็อพเพอร์ตี้ 2 รายการขึ้นไป พร็อพเพอร์ตี้ภาพรวมอาจรวมข้อมูลจากพร็อพเพอร์ตี้ทั่วไปและพร็อพเพอร์ตี้ย่อย แต่ไม่ได้รวมข้อมูลจากพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวมอื่นๆ พร็อพเพอร์ตี้ประเภทนี้ช่วยให้เห็นภาพรวมที่กว้างขึ้นของผลิตภัณฑ์ แบรนด์ หรือภูมิภาคต่างๆ โดยการรวบรวมข้อมูลจากพร็อพเพอร์ตี้หลายรายการในบัญชีเดียวกัน พร็อพเพอร์ตี้ภาพรวมใน GA4 และ UA รองรับกรณีการใช้งานที่คล้ายกัน
พร็อพเพอร์ตี้ภาพรวมทํางานในลักษณะเดียวกันกับพร็อพเพอร์ตี้อื่นๆ นั่นคือแต่ละรายการมีโควต้าของตัวเองสําหรับมิติข้อมูลที่กำหนดเอง เมตริกที่กําหนดเอง พร็อพเพอร์ตี้ผู้ใช้ และอื่นๆ การตั้งค่าทั้งหมดควบคุมจากภายในพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวม (พร็อพเพอร์ตี้ภาพรวมไม่ได้รับช่วงการตั้งค่าจากพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มา) และมีผลกับการใช้งานพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวมและฐานผู้ใช้โดยรวมเท่านั้น
ข้อควรพิจารณาด้านค่าใช้จ่าย
แต่ละเหตุการณ์ที่ส่งไปยังพร็อพเพอร์ตี้ย่อยหรือพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวมจะได้รับการประมวลผลอีกครั้ง ซึ่งทําให้บัญชี 360 มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เราเรียกเก็บเงินสำหรับ Hit เหตุการณ์เพิ่มเติมแต่ละรายการในราคาครึ่งหนึ่งของอัตรา Hit เหตุการณ์เริ่มต้น กล่าวคือ Hit ของพร็อพเพอร์ตี้ย่อยหรือพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวมแต่ละรายการมีค่าใช้จ่ายครึ่งหนึ่งของ Hit เหตุการณ์
คุณสามารถทำความเข้าใจให้ดีขึ้นว่าการตั้งค่าอาจส่งผลต่อการเรียกเก็บเงินอย่างไรโดยใช้ฟีเจอร์ใหม่ชื่อ "ตัวอย่างใบเรียกเก็บเงิน" ที่มีให้บริการแก่พาร์ทเนอร์ที่ผ่านการรับรองของ Google Analytics เพื่อช่วยให้ลูกค้าเข้าใจค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งาน GA4 360
ตัวอย่างที่มีพร็อพเพอร์ตี้ย่อยและพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวม
หากเราย้อนดูตัวอย่างจากตอนต้นของคู่มือนี้ ก็จะเห็นสถานการณ์เหล่านี้ในแง่การตั้งค่า
บริษัทวิสาหกิจที่ประกอบด้วยธุรกิจหลายสาย
- บริษัทวิสาหกิจ B: 1 บัญชี
- สายผลิตภัณฑ์ D (ประกันภัยบ้าน): 1 พร็อพเพอร์ตี้
- สายผลิตภัณฑ์ E (ประกันรถยนต์): พร็อพเพอร์ตี้เดียวกันกับ D
- สายผลิตภัณฑ์ F (ประกันชีวิต): พร็อพเพอร์ตี้เดียวกันกับ D และ E
ในกรณีนี้ บริษัทวิสาหกิจมี 1 บัญชีที่มีพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มา 1 รายการ แม้ว่าจะมีธุรกิจหลายสายซึ่งอาจต้องวิเคราะห์ข้อมูลแยกกัน แต่ผลิตภัณฑ์ก็ถือเป็นองค์ประกอบหนึ่งและมักจะต้องวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์หลายรายการด้วยกัน บริษัทจึงตัดสินใจส่งข้อมูลผลิตภัณฑ์ทั้งหมดไปยังพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ทีมผลิตภัณฑ์บางทีมต้องวิเคราะห์ข้อมูลแยกต่างหากได้ เนื่องจากพร็อพเพอร์ตี้โดยรวมมีการเข้าชมจํานวนมาก บริษัทจึงเลือกสร้างพร็อพเพอร์ตี้ย่อยสําหรับแต่ละสายธุรกิจ
บริษัทแม่ที่มีหลายแบรนด์
- บริษัทแม่: 1 บัญชี
- แบรนด์ X (ยานยนต์): 1 พร็อพเพอร์ตี้
- แบรนด์ Y (ของใช้ในบ้าน): 1 พร็อพเพอร์ตี้
- แบรนด์ Z (เครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป): 1 พร็อพเพอร์ตี้
ในกรณีนี้ บริษัทแม่มีบัญชี 1 บัญชีที่มีพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มา 3 รายการ โดยที่แต่ละรายการมีไว้สําหรับแต่ละแบรนด์ แต่ละแบรนด์ดําเนินการแยกกันและต้องวิเคราะห์ข้อมูลแยกต่างหาก จึงมีพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มาเป็นของตัวเอง อย่างไรก็ตาม บริษัทแม่ต้องการดูภาพรวมของทุกแบรนด์ในพร็อพเพอร์ตี้เดียวเพื่อให้เข้าใจผู้ใช้ทั้งหมด รายได้ทั้งหมด และข้อมูลอื่นๆ ในกรณีนี้ บริษัทแม่จะสร้างพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวมซึ่งมีพร็อพเพอร์ตี้ของแบรนด์รวมแล้ว 3 รายการเป็นแหล่งที่มาสําหรับการควบรวม วิธีนี้ทําให้เห็นภาพรวมของสิ่งที่ต้องการในขณะที่ให้แบรนด์ดำเนินการเป็นอิสระจากกัน
ลองมาดูคำอธิบายตัวอย่างนี้เพิ่มเติม บริษัทแม่แห่งนี้มีโปรแกรมสะสมคะแนนที่ครอบคลุมทุกแบรนด์ เมื่อเข้าร่วมโปรแกรมนี้ ผู้ใช้จะได้รับรหัสรางวัลที่ไม่ซ้ำกันซึ่งเราสามารถเชื่อมโยงกับผู้ใช้เป็นพร็อพเพอร์ตี้ผู้ใช้และ/หรือเป็นพารามิเตอร์ในทุกเหตุการณ์ได้
ทีมโปรแกรมสะสมคะแนนทํางานในระดับบริษัทแม่ และจำเป็นต้องดูข้อมูลของผู้เข้าร่วมโปรแกรมจากแบรนด์ทั้งหมดด้วยกันในพร็อพเพอร์ตี้เดียวกัน ซึ่งทําได้โดยการใช้พร็อพเพอร์ตี้ย่อยร่วมกับพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวม เพื่อให้ทีมโปรแกรมสะสมคะแนนมีชุดข้อมูลของตัวเองไว้ใช้งาน พร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มาแต่ละรายการจะสร้างพร็อพเพอร์ตี้ย่อยที่มีเฉพาะข้อมูลของผู้เข้าร่วมโปรแกรมนี้ จากนั้นระบบจะพุชพร็อพเพอร์ตี้ย่อยทั้ง 3 รายการไปยังพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวมสําหรับข้อมูลโปรแกรมสะสมคะแนน
องค์กรระดับโลกที่ดำเนินการในภูมิภาคและภูมิภาคย่อย
ในกรณีนี้ บัญชีองค์กรระดับโลกมีพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวมระดับภูมิภาค 3 รายการโดยแต่ละรายการมีพร็อพเพอร์ตี้ย่อย 2 รายการ
การลิงก์ Google Ads, SA360 และ DV360
Google Ads
ในพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 มีการเพิ่มประสิทธิภาพบางอย่างในการลิงก์ Google Ads แต่ตําแหน่งยังคงเหมือนเดิม คุณสามารถลิงก์บัญชี Google Ads กับพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 เพื่อแชร์กลุ่มเป้าหมายและสถิติเว็บไซต์กับ Google Ads และรับประโยชน์จากข้อมูลการรายงาน Google Ads ในพร็อพเพอร์ตี้ GA4 การลิงก์กับบัญชี Google Ads อยู่ในระดับพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics และคุณจะลิงก์พร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มา พร็อพเพอร์ตี้ย่อย หรือพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวมก็ได้
การเปลี่ยนแปลงสําคัญที่ควรคำนึงถึงเมื่ออัปเกรด Universal Analytics เป็น Google Analytics 4 คือใน Universal Analytics คุณต้องเลือกบัญชี Google Ads แต่ละบัญชีที่ต้องการใช้รับการส่งออกกลุ่มเป้าหมายไม่เกิน 10 บัญชี ในพร็อพเพอร์ตี้ GA4 คุณจะแชร์กลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มกับทุกบัญชีที่ลิงก์ไว้ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้การแชร์ง่ายขึ้นมาก แต่คุณต้องแชร์กลุ่มเป้าหมายทั้งหมดหรือไม่แชร์เลย ดังนั้นให้คํานึงถึงเรื่องนี้ด้วยเมื่อสร้างกลุ่มเป้าหมาย Google Analytics 4
เมื่อลิงก์พร็อพเพอร์ตี้ GA4 กับบัญชี Google Ads คุณจะดูสถิติเว็บไซต์ใน Google Ads ได้ ฟีเจอร์นี้ส่งออกข้อมูลพฤติกรรมการมีส่วนร่วมจาก Google Analytics ไปยังอินเทอร์เฟซผู้ใช้ของ Google Ads โดยตรง แม้ว่าคุณจะลิงก์กับพร็อพเพอร์ตี้ประเภทใดก็ได้ แต่เราขอแนะนําให้ลิงก์กับพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มาหรือพร็อพเพอร์ตี้ย่อยอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นเพื่อไม่ให้เกิดการนับซ้ำจากการลิงก์กับพร็อพเพอร์ตี้ทั้ง 2 ประเภท
คุณแชร์กลุ่มเป้าหมายจากพร็อพเพอร์ตี้ GA4 ประเภทใดก็ได้ (เช่น พร็อพเพอร์ตี้ทั่วไป พร็อพเพอร์ตี้ย่อย หรือพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวม) กับ Google Ads แต่โปรดทราบว่ากลุ่มเป้าหมายจากพร็อพเพอร์ตี้ย่อยหรือพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวมจะมีข้อมูลต่างจากพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มา (ทั่วไป) เนื่องจากมีการกรองหรือมีชุดข้อมูลหลายชุด นี่เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงเมื่อใช้การกำหนดกลุ่มเป้าหมายใน Google Ads
ในทํานองเดียวกัน Conversion นั้นขึ้นอยู่กับประเภทของพร็อพเพอร์ตี้ที่ลิงก์ คุณไม่ต้องการนําเข้า Conversion ประเภทเดียวกันจากพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มา พร็อพเพอร์ตี้ย่อย และพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวม ดังนั้นแนวทางปฏิบัติแนะนำคือให้ลิงก์พร็อพเพอร์ตี้ GA แหล่งที่มากับ Google Ads และส่งออก Conversion จากแหล่งที่มาดังกล่าวเท่านั้น แต่ก็มีข้อยกเว้นในกรณีที่คุณมีบัญชี Google Ads เฉพาะภูมิภาค ซึ่งอาจต้องลิงก์ที่ระดับพร็อพเพอร์ตี้ย่อยแทน
Search Ads 360
ในการเปิดตัวระยะแรก การผสานรวม SA360 จะรองรับการรับช่วงข้อมูลจากพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มาไปยังพร็อพเพอร์ตี้ย่อยหรือพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวม ซึ่งหมายความว่าหากลิงก์กับพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มา พร็อพเพอร์ตี้ย่อยหรือพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวมจะได้รับข้อมูลจาก SA360 แต่พร็อพเพอร์ตี้ย่อยหรือพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวมไม่สามารถควบคุมหรือสร้างการลิงก์ได้
การเปลี่ยนแปลงสําคัญที่ควรคำนึงถึงเมื่ออัปเกรดพร็อพเพอร์ตี้ Universal Analytics เป็น Google Analytics 4 คือใน Universal Analytics คุณต้องเลือกแต่ละบัญชีที่ต้องการใช้รับการส่งออกกลุ่มเป้าหมายไม่เกิน 10 บัญชี ส่วนในพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 คุณจะแชร์กลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มกับทุกบัญชีที่ลิงก์ไว้ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้การแชร์ง่ายขึ้นมาก แต่คุณต้องแชร์กลุ่มเป้าหมายทั้งหมดหรือไม่แชร์เลย ดังนั้นให้คํานึงถึงเรื่องนี้ด้วยเมื่อสร้างกลุ่มเป้าหมาย Google Analytics 4
Display & Video 360
ในการเปิดตัวระยะแรก การผสานรวม DV360 จะรองรับการรับช่วงข้อมูลจากพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มาไปยังพร็อพเพอร์ตี้ย่อยหรือพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวม ซึ่งหมายความว่าหากลิงก์กับพร็อพเพอร์ตี้แหล่งที่มา พร็อพเพอร์ตี้ย่อยหรือพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวมจะได้รับข้อมูลจาก DV360 แต่พร็อพเพอร์ตี้ย่อยหรือพร็อพเพอร์ตี้ภาพรวมไม่สามารถควบคุมหรือสร้างการลิงก์ได้
การเปลี่ยนแปลงสําคัญที่ควรคำนึงถึงเมื่ออัปเกรดพร็อพเพอร์ตี้ Universal Analytics เป็น Google Analytics 4 คือใน Universal Analytics คุณต้องเลือกแต่ละบัญชีที่ต้องการใช้รับการส่งออกกลุ่มเป้าหมายไม่เกิน 10 บัญชี ส่วนในพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 คุณจะแชร์กลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มกับทุกบัญชีที่ลิงก์ไว้ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้การแชร์ง่ายขึ้นมาก แต่คุณต้องแชร์กลุ่มเป้าหมายทั้งหมดหรือไม่แชร์เลย ดังนั้นให้คํานึงถึงเรื่องนี้ด้วยเมื่อสร้างกลุ่มเป้าหมาย Google Analytics 4