ขั้นตอนที่ 1: ซื้อคีย์
ขั้นตอนที่ 2: เพิ่มคีย์ในบัญชี
- คุณเพิ่มคีย์ความปลอดภัยในบัญชีได้โดยใช้
- คอมพิวเตอร์และเบราว์เซอร์ที่เข้ากันได้ เช่น Chrome
- iPhone หรือ iPad ที่ใช้ iOS เวอร์ชัน 13.3 ขึ้นไปและ Safari
- ลงทะเบียนคีย์ความปลอดภัย คุณอาจต้องลงชื่อเข้าใช้
ขั้นตอนที่ 3: ลงชื่อเข้าใช้ด้วยคีย์
คีย์ความปลอดภัยเป็นขั้นตอนที่ 2 เพื่อการรักษาความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น หากคุณตั้งค่าขั้นตอนที่ 2 แบบอื่นๆ ไว้ ให้ใช้คีย์ความปลอดภัยเพื่อลงชื่อเข้าใช้ทุกครั้งที่ทำได้ หากคีย์ความปลอดภัยใช้งานไม่ได้ในอุปกรณ์หรือเบราว์เซอร์ที่คุณใช้ คุณอาจเห็นตัวเลือกให้ลงชื่อเข้าใช้ด้วยรหัสหรือข้อความแจ้งแทน
หากพบข้อผิดพลาด "คุณต้องลงทะเบียนคีย์ความปลอดภัยนี้กับบัญชี Google ก่อนจึงจะใช้คีย์ในการลงชื่อเข้าใช้ได้"
- ให้พยายามลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีอื่น
- อัปเดตบริการ Google Play
- หากต้องการเพิ่มบัญชีที่เป็นปัญหา ให้ลองลงชื่อเข้าใช้อีกครั้ง
สำคัญ: คีย์ความปลอดภัยเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ iOS ได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
NFC | USB | บลูทูธ * | |
iPhone ที่ใช้ iOS 13.3 ขึ้นไป | ใช่ | ใช่ | ใช่ |
iPad ที่ใช้ iOS 13.3 ขึ้นไป | ไม่ | ใช่ | ใช่ |
iPhone และ iPad ที่ใช้ระบบปฏิบัติการรุ่นเก่า | ไม่ | ไม่ | ใช่ |
* คีย์ความปลอดภัยในตัวของโทรศัพท์เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ผ่านบลูทูธ
เมื่อใช้คีย์ความปลอดภัยในตัวของโทรศัพท์
- ตรวจสอบว่าบลูทูธของอุปกรณ์ทั้งสองเปิดอยู่
- ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google ในอุปกรณ์ที่ใช้ Chrome OS (เวอร์ชัน 79 ขึ้นไป), iOS, macOS หรือ Windows 10
- ตรวจสอบการแจ้งเตือนของ Smart Lock ใน iPhone แตะการแจ้งเตือนนั้น
- หากต้องการยืนยันการลงชื่อเข้าใช้ ให้แตะใช่
เมื่อใช้ Near Field Communication (NFC)
- ใน iPhone หรือ iPad ให้เพิ่มบัญชี Google ลงในอุปกรณ์ในการตั้งค่า รหัสผ่านและบัญชี หรือเปิดแอป Google
- ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google หากยังไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้
- อุปกรณ์จะตรวจพบว่าบัญชีมีคีย์ความปลอดภัย ทำตามขั้นตอนเพื่อลงชื่อเข้าใช้ด้วยคีย์
แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ NFC
โปรดตรวจสอบว่าได้ทำดังต่อไปนี้
- เพิ่มคีย์ในบัญชี
- ถอดสิ่งที่อาจรบกวนสัญญาณ NFC เช่น เคสหรือสติกเกอร์
- อัปเดตโทรศัพท์เป็น iOS 13.3 ขึ้นไป
- ลองรีสตาร์ทอุปกรณ์
เมื่อใช้ USB
- ใน iPhone หรือ iPad ให้เพิ่มบัญชี Google ลงในอุปกรณ์ในการตั้งค่า รหัสผ่านและบัญชี หรือเปิดแอป Google
- ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google อุปกรณ์จะตรวจพบว่าบัญชีมีคีย์ความปลอดภัย
- ที่ด้านล่างของหน้าจอถัดไป ให้แตะลองวิธีอื่น เสียบคีย์ความปลอดภัยแบบ USB
- เสียบคีย์เข้ากับพอร์ต USB ของอุปกรณ์ คุณอาจต้องใช้อะแดปเตอร์ USB
- เปิดคีย์โดยทำดังนี้
- หากคีย์มีแป้นกลมสีทอง ให้แตะแป้นนั้น
- หากคีย์มีส่วนปลายสีทอง ให้แตะแล้วกดที่ส่วนปลายนั้น
- หากคีย์มีปุ่ม ให้กดปุ่มนั้น
- หากคีย์ไม่มีลักษณะตามด้านบนเลย คุณอาจต้องดึงออกและเสียบกลับเข้าไปใหม่ คีย์ประเภทนี้จะปิดการทำงานหลังการใช้งานแต่ละครั้ง
เมื่อใช้บลูทูธ (BLE)
- ดาวน์โหลดแอป Google Smart Lock ใน iPhone หรือ iPad หากคุณมีแอป Google Smart Lock อยู่แล้ว ให้ไปที่ขั้นตอนถัดไป
- ใน iPhone หรือ iPad ให้เพิ่มบัญชี Google ลงในอุปกรณ์ในการตั้งค่า รหัสผ่านและบัญชี หรือเปิดแอป Google
- ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google อุปกรณ์จะตรวจพบว่าบัญชีมีคีย์ความปลอดภัย
- ที่ด้านล่างของหน้าจอถัดไป ให้แตะลองวิธีอื่น เชื่อมต่อคีย์ความปลอดภัยแบบบลูทูธผ่าน Smart Lock เปิดแอป Google Smart Lock และลงชื่อเข้าใช้หากจำเป็น
- แตะสร้างรหัสความปลอดภัยในแอป Smart Lock
- ทำตามวิธีการเพื่อจับคู่คีย์และอุปกรณ์ผ่านบลูทูธ หากจำเป็น
- คัดลอกรหัสความปลอดภัยจากแอป Smart Lock
- กลับไปที่แอปที่ต้องใช้รหัสความปลอดภัย Smart Lock แล้วป้อนรหัสในแอปนั้น
แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับบลูทูธ
คีย์บลูทูธไม่จับคู่กับโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต
โปรดตรวจสอบว่าได้ทำดังต่อไปนี้
- เปิดบลูทูธในอุปกรณ์
- เพิ่มคีย์ในบัญชี
- ใช้ขั้นตอนการจับคู่ด้านบน คุณจะจับคู่คีย์จากการตั้งค่าบลูทูธในอุปกรณ์ไม่ได้
- คีย์และอุปกรณ์ต้องอยู่ใกล้กัน
- ลองรีสตาร์ทอุปกรณ์
- ลองปิดบลูทูธ แล้วเปิดใหม่
คีย์ไม่เข้าสู่โหมดจับคู่
ตรวจสอบว่า
- คีย์ถูกถอดออกจากคอมพิวเตอร์หรือที่ชาร์จหรือไม่
- ชาร์จไฟให้คีย์แล้ว
iPhone หรือ iPad ไม่ได้ขอให้จับคู่
หากคุณลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google ใน iPhone หรือ iPad อยู่ขณะเพิ่มคีย์ความปลอดภัยแบบบลูทูธลงในบัญชี สิ่งต่อไปนี้จะเกิดขึ้น
- คุณจะยังอยู่ในระบบ iPhone หรือ iPad นั้น
- คุณไม่จำเป็นต้องใช้แอป Google Smart Lock เพื่อจับคู่กับคีย์ความปลอดภัยแบบบลูทูธ เว้นแต่คุณจะออกจากระบบ
หากต้องการลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google ในอุปกรณ์เครื่องใหม่ คุณจะต้องใช้คีย์ความปลอดภัยหรือขั้นตอนที่ 2 อีกแบบหนึ่งที่ได้ตั้งค่าไว้
แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ Smart Lock
หากลงชื่อเข้าใช้ด้วย Smart Lock ไม่ได้ ให้ตรวจสอบดังนี้
- การเรียกดูแบบส่วนตัวปิดอยู่ใน Safari หากการเรียกดูแบบส่วนตัวเปิดอยู่ คุณจะลงชื่อเข้าใช้ด้วยคีย์ความปลอดภัยไม่ได้
- แบตเตอรี่ของคีย์ความปลอดภัยมีการชาร์จไว้อย่างเพียงพอ หากแบตเตอรี่เหลือน้อย คุณอาจลงชื่อเข้าใช้ไม่ได้
จัดระเบียบคีย์ความปลอดภัย
คุณจัดการคีย์ความปลอดภัยได้ในการตั้งค่าการยืนยันแบบ 2 ขั้นตอน ในส่วนนี้ คุณจะเห็นรายการคีย์ที่เพิ่มไว้ซึ่งเรียงจากใหม่ไปเก่า รวมถึงจะเห็นข้อมูลเพิ่มเติมด้วย เช่น ชื่อคีย์ วันที่เพิ่ม และวันที่ใช้ครั้งล่าสุด ชื่อคีย์มีค่าเริ่มต้นเป็น "คีย์ความปลอดภัย" เว้นแต่คุณจะเลือกชื่อที่กำหนดเอง
นอกจากนี้คุณยังมีตัวเลือกในการแก้ไขหรือลบชื่อของคีย์ความปลอดภัยแต่ละชื่อด้วย
เปลี่ยนชื่อคีย์ความปลอดภัยคลิกไอคอนดินสอ ข้างคีย์ความปลอดภัยแต่ละรายการเพื่อแก้ไขชื่อ ซึ่งหมายความว่าหากมีคีย์ความปลอดภัยหลายรายการ คุณจะระบุคีย์เหล่านั้นได้ง่ายขึ้นเมื่อใช้ชื่อที่กำหนดเอง
ใช้คีย์ความปลอดภัยไม่ได้
หากใช้คีย์ความปลอดภัยไม่ได้ คุณสามารถสร้างรหัสความปลอดภัยเพื่อใช้การยืนยันแบบ 2 ขั้นตอนได้โดยทำดังนี้
- ไปที่ g.co/sc ในอุปกรณ์ที่ลงชื่อเข้าใช้บัญชีของคุณ
- ทำตามวิธีการบนหน้าจอ
รีเซ็ตคีย์ความปลอดภัยที่ล็อก
คีย์ความปลอดภัยบางรายการต้องใช้การยืนยันเพิ่มเติม เช่น PIN
หากคีย์ความปลอดภัยถูกล็อกเนื่องจากป้อน PIN ที่ไม่ถูกต้องหลายครั้งและต้องรีเซ็ต ให้ทําดังนี้
- เปิด Chrome ในคอมพิวเตอร์
- ที่ด้านขวาบน ให้คลิกเพิ่มเติม
- คลิกการตั้งค่า ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ความปลอดภัย จัดการคีย์ความปลอดภัย รีเซ็ตคีย์ความปลอดภัย
- ทำตามวิธีการบนหน้าจอ
เคล็ดลับ: คุณใช้ Chrome เพื่อรีเซ็ตคีย์ความปลอดภัยที่ล็อกอยู่ได้ ไปที่ chrome://settings/securityKeys
คีย์ความปลอดภัยหาย
หากคีย์ความปลอดภัยหาย ให้ทําตามขั้นตอนสําหรับประเภทการยืนยันแบบ 2 ขั้นตอนที่คุณมีเพื่อเข้าถึงบัญชีและปกป้องบัญชีอีกครั้ง ดังนี้
- รหัสยืนยัน
- Google Prompt
- รหัสสำรอง
- คีย์ความปลอดภัยอื่นที่คุณเพิ่มไว้ในบัญชี
- คอมพิวเตอร์ที่ลงทะเบียนไว้ซึ่งก่อนหน้านี้คุณเลือกว่าไม่ให้ขอรหัสยืนยัน
หากคุณมีขั้นตอนที่ 2 แบบอื่น
- ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google ด้วยรหัสผ่านและขั้นตอนที่ 2 แบบอื่นที่มี
- ทำตามขั้นตอนเพื่อนำคีย์ที่หายไปออกจากบัญชี
- ซื้อคีย์ความปลอดภัยใหม่ คุณอาจต้องซื้อคีย์สำรองไว้ 1 อันและเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัย
- เพิ่มคีย์ใหม่ในบัญชี
หากไม่มีขั้นตอนที่ 2 แบบอื่นหรือลืมรหัสผ่าน
หมายเหตุ: การยืนยันแบบ 2 ขั้นตอนกำหนดให้มีขั้นตอนเพิ่มเติมในการพิสูจน์ว่าคุณเป็นเจ้าของบัญชี และเนื่องจากการรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นนี้ Google จึงอาจต้องใช้เวลา 3-5 วันทำการในการตรวจสอบว่าคุณเป็นผู้ที่กำลังพยายามลงชื่อเข้าใช้จริงๆ
- ทำตามขั้นตอนการกู้คืนบัญชี ตอบคำถามเพื่อยืนยันว่าเป็นบัญชีของคุณ
- ระบบอาจขอให้คุณทำดังนี้
- ป้อนอีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อคุณได้
- ป้อนรหัสที่ส่งไปยังอีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์ของคุณ รหัสนี้ช่วยให้แน่ใจว่าคุณเข้าถึงอีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์นั้นได้