สำคัญ: การดาวน์โหลดข้อมูลใน Google จะไม่ลบข้อมูลนั้นออกจากเซิร์ฟเวอร์ของ Google ดูวิธีลบบัญชีหรือวิธีลบกิจกรรม
คุณสามารถส่งออกและดาวน์โหลดข้อมูลของคุณในผลิตภัณฑ์ Google ที่ใช้ เช่น
- อีเมล
- เอกสาร
- ปฏิทิน
- Photos
- วิดีโอ YouTube (เคล็ดลับ: หากไม่พบวิดีโอ YouTube บางรายการ ให้ตรวจสอบว่าคุณมีบัญชีแบรนด์หรือไม่ หากมีบัญชีแบรนด์ คุณอาจต้องเปลี่ยนบัญชี)
- การลงทะเบียนและกิจกรรมในบัญชี
คุณสามารถสร้างไฟล์ที่เก็บถาวรเพื่อเก็บข้อมูลไว้อ้างอิงหรือใช้ข้อมูลในบริการอื่นๆ
ขั้นตอนที่ 1: เลือกข้อมูลที่จะรวมไว้ในที่เก็บไฟล์ดาวน์โหลดถาวร
- เข้าสู่ระบบบัญชี Google
- ไปที่หน้า Google Takeout ผลิตภัณฑ์ Google ที่คุณใช้และเก็บข้อมูลของคุณจะมีการเลือกไว้โดยอัตโนมัติ
- หากไม่ต้องการดาวน์โหลดข้อมูลจากผลิตภัณฑ์ใด ให้ยกเลิกการเลือกช่องที่อยู่ข้างผลิตภัณฑ์นั้น
- หากต้องการดาวน์โหลดข้อมูลเพียงบางส่วนจากผลิตภัณฑ์หนึ่ง คุณอาจมีตัวเลือกในการเลือกปุ่ม "รวมข้อมูลทั้งหมด" เป็นต้น จากนั้นให้ยกเลิกการเลือกช่องที่อยู่ข้างข้อมูลที่ไม่ต้องการ
- เลือกขั้นตอนถัดไป
ขั้นตอนที่ 2: ปรับแต่งรูปแบบของไฟล์ที่เก็บถาวร
วิธีการนำส่ง**
ส่งลิงก์ดาวน์โหลดผ่านอีเมลเราจะส่งลิงก์สำหรับดาวน์โหลดไฟล์ที่เก็บถาวรของข้อมูลใน Google ให้คุณทางอีเมล
- สำหรับ "วิธีการส่ง" ให้เลือกส่งลิงก์ดาวน์โหลดผ่านอีเมล
- เลือกสร้างการส่งออก
- ในอีเมลที่ได้รับ ให้เลือกดาวน์โหลดไฟล์ที่เก็บถาวร
- ทำตามขั้นตอนในหน้าจอเพื่อดาวน์โหลดข้อมูลใน Google
เราจะเพิ่มไฟล์ที่เก็บถาวรของคุณไปยัง Google ไดรฟ์ และส่งลิงก์ตำแหน่งของไฟล์นั้นให้คุณทางอีเมล ข้อมูลของคุณจะนับรวมอยู่ในการใช้พื้นที่เก็บข้อมูลด้วย
- สำหรับ "วิธีการส่ง" ให้เลือกเพิ่มลงในไดรฟ์
- เลือกสร้างการส่งออก
- ในอีเมลที่ได้รับ ให้เลือกดูในไดรฟ์ คุณจะเห็นโฟลเดอร์ที่มีข้อมูลซึ่งจัดเรียงตามผลิตภัณฑ์
- หากต้องการดาวน์โหลดข้อมูล ให้เลือก "ดาวน์โหลด" ที่ด้านบนของหน้าจอ
เราจะอัปโหลดไฟล์ที่เก็บถาวรลงใน Dropbox และส่งลิงก์ตำแหน่งของไฟล์ที่เก็บถาวรนั้นให้คุณทางอีเมล
- สำหรับ "วิธีการส่ง" ให้เลือกเพิ่มลงใน Dropbox
- เลือกลิงก์บัญชีและสร้างการส่งออก
- ระบบจะนำคุณไปยัง Dropbox ให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Dropbox เมื่อได้รับข้อความเตือน
- ในหน้าต่าง Dropbox ที่ถามว่าจะให้ "Google ดาวน์โหลดข้อมูลของคุณ" เข้าถึงโฟลเดอร์ "แอป" ใน Dropbox ของคุณหรือไม่ ให้เลือกอนุญาต
- เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลนี้จะเก็บเป็นส่วนตัว โปรดตรวจสอบว่าคุณไม่ได้แชร์โฟลเดอร์ Dropbox นี้กับผู้อื่น
- ในอีเมลที่ได้รับ ให้เลือกดูใน Dropbox ระบบจะนำคุณไปยังโฟลเดอร์ Dropbox ซึ่งมีไฟล์ที่เก็บถาวรของคุณ
- สำหรับการดาวน์โหลดข้อมูล ให้ทำตามขั้นตอนของ Dropbox เพื่อดาวน์โหลดไฟล์
หมายเหตุ
- หลังจากทำตามขั้นตอนเหล่านี้ "Google ดาวน์โหลดข้อมูลของคุณ" จะปรากฏในการตั้งค่าความปลอดภัยของ Dropbox เป็นแอปที่เชื่อมโยง คุณจะนำ Google ที่เป็นแอปที่เชื่อมโยงออกได้ทุกเมื่อ (สำหรับการส่งออกข้อมูลไปยัง Dropbox ในครั้งต่อๆ ไป คุณต้องให้สิทธิ์ Google ในการเข้าถึงอีกครั้ง)
- เมื่อไฟล์ที่เก็บถาวรส่งไปถึง Dropbox แล้ว Google จะไม่ได้รับผิดชอบไฟล์ที่เก็บถาวรนั้นอีกต่อไป และไฟล์ที่เก็บถาวรนั้นจะอยู่ภายใต้ข้อกำหนดในการให้บริการของ Dropbox
เราจะอัปโหลดไฟล์ที่เก็บถาวรของคุณไปยัง Microsoft OneDrive และส่งลิงก์ตำแหน่งของไฟล์ที่เก็บถาวรนั้นให้คุณทางอีเมล
- สำหรับ "วิธีการส่ง" ให้เลือกเพิ่มลงใน OneDrive
- เลือกลิงก์บัญชีและสร้างการส่งออก
- ระบบจะนำคุณไปยัง Microsoft ให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Microsoft เมื่อมีข้อความแจ้ง
- ในหน้าต่าง Microsoft ที่ถามว่าจะให้ "Google ดาวน์โหลดข้อมูลของคุณ" เข้าถึงข้อมูลของคุณหรือไม่ ให้เลือกใช่
- เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลนี้จะเก็บเป็นส่วนตัว โปรดตรวจสอบว่าคุณไม่ได้แชร์โฟลเดอร์ OneDrive นี้กับผู้อื่น
- ในอีเมลที่ได้รับ ให้เลือกดูใน OneDrive ระบบจะนำคุณไปยังโฟลเดอร์ OneDrive ซึ่งมีไฟล์ที่เก็บถาวรของคุณ
- สำหรับการดาวน์โหลดข้อมูล ให้ทำตามขั้นตอนของ OneDrive เพื่อดาวน์โหลดไฟล์
หมายเหตุ
- หลังจากทำตามขั้นตอนเหล่านี้แล้ว "Google ดาวน์โหลดข้อมูลของคุณ" จะปรากฏในการตั้งค่าความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของ Microsoft OneDrive เป็นแอปที่เข้าถึงข้อมูลบางอย่างของคุณได้ คุณยกเลิกสิทธิ์การเข้าถึงของ Google ได้ทุกเมื่อ (สำหรับการส่งออกข้อมูลไปยัง OneDrive ในครั้งต่อๆ ไป คุณต้องให้สิทธิ์ Google ในการเข้าถึงอีกครั้ง)
- เมื่อไฟล์ที่เก็บถาวรส่งไปถึง Microsoft OneDrive แล้ว Google จะไม่ได้รับผิดชอบไฟล์ที่เก็บถาวรนั้นอีกต่อไป และที่เก็บถาวรนั้นจะอยู่ภายใต้ข้อตกลงการใช้บริการของ Microsoft
เราจะอัปโหลดไฟล์ที่เก็บถาวรลงใน Box และส่งอีเมลแจ้งลิงก์ไปยังตำแหน่งของไฟล์ที่เก็บถาวรนั้นให้คุณ
- สำหรับ "วิธีการส่ง" ให้เลือกเพิ่มลงใน Box
- เลือกลิงก์บัญชีและสร้างการส่งออก
- ระบบจะนำคุณไปยัง Box ให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Box ของคุณหากได้รับข้อความแจ้ง
- ในหน้าต่างของ Box ที่ถามว่า "Google ดาวน์โหลดข้อมูลของคุณ" จะเข้าถึงข้อมูลของคุณได้หรือไม่ ให้เลือกให้สิทธิ์เข้าถึง Box
- เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลนี้จะเก็บเป็นส่วนตัว โปรดตรวจสอบว่าคุณไม่ได้แชร์โฟลเดอร์ Box นี้กับผู้อื่น หากคุณส่งออกไปยังบัญชีองค์กร ผู้ดูแลระบบจะดูข้อมูลของคุณได้แม้ว่าจะไม่มีการสร้างลิงก์สำหรับแชร์ก็ตาม
- ในอีเมลที่ได้รับ ให้เลือกดูใน Box ระบบจะนำคุณไปยังโฟลเดอร์ Box ซึ่งมีไฟล์ที่เก็บถาวรของคุณ
- สำหรับการดาวน์โหลดข้อมูล ให้ทำตามขั้นตอนของ Box เพื่อดาวน์โหลดไฟล์
หมายเหตุ
- หลังจากทำตามขั้นตอนเหล่านี้แล้ว "Google ดาวน์โหลดข้อมูลของคุณ" จะปรากฏในแอปที่เชื่อมต่อแล้วเป็นแอปที่เข้าถึงข้อมูลบางอย่างของคุณได้ คุณยกเลิกสิทธิ์การเข้าถึงของ Google ได้ทุกเมื่อ (หากส่งออกข้อมูลไปยัง Box ในครั้งต่อๆ ไป คุณจะต้องให้สิทธิ์เข้าถึงแก่ Google อีกครั้ง)
- ขนาดไฟล์ที่เก็บถาวรสูงสุดที่คุณเลือกจะลดลงหากขนาดการอัปโหลดไฟล์สูงสุดของบัญชี Box มีขนาดเล็กกว่า ระบบจะไม่ส่งออกไฟล์ในที่เก็บถาวรไปยัง Box หากเป็นไฟล์ที่มีขนาดใหญ่กว่าขนาดการอัปโหลดไฟล์สูงสุดของบัญชี Box
- เมื่อไฟล์ที่เก็บถาวรส่งไปถึง Box แล้ว Google จะไม่ได้รับผิดชอบไฟล์ที่เก็บถาวรนั้นอีกต่อไป และไฟล์ที่เก็บถาวรนั้นจะอยู่ภายใต้นโยบายความเป็นส่วนตัวของ Box
ประเภทการส่งออก
เก็บถาวรครั้งเดียวสร้างไฟล์ที่เก็บถาวรของข้อมูลที่คุณเลือกแบบครั้งเดียว
หมายเหตุ: หากคุณลงทะเบียนในโปรแกรมการปกป้องขั้นสูง ระบบจะกำหนดเวลาเริ่มเก็บถาวรหลังลงทะเบียน 2 วัน
สร้างไฟล์ที่เก็บถาวรของข้อมูลที่คุณเลือกโดยอัตโนมัติทุก 2 เดือนเป็นเวลา 1 ปี ระบบจะสร้างไฟล์ที่เก็บถาวรแรกทันที
หมายเหตุ: หากคุณลงทะเบียนในโปรแกรมการปกป้องขั้นสูง การส่งออกที่ตั้งเวลาไว้จะไม่พร้อมใช้งาน
ประเภทไฟล์
ไฟล์ ZIPคอมพิวเตอร์เกือบทุกเครื่องเปิดไฟล์เหล่านี้ได้
คุณอาจต้องใช้ซอฟต์แวร์เพิ่มเติมเพื่อเปิดไฟล์เหล่านี้ใน Windows
ขนาดที่เก็บถาวร
เลือกไฟล์ที่เก็บถาวรขนาดสูงสุดที่คุณต้องการสร้าง หากข้อมูลที่คุณดาวน์โหลดมีขนาดใหญ่กว่านี้ ระบบจะสร้างไฟล์ที่เก็บถาวรหลายรายการ
ขั้นตอนที่ 3: ดาวน์โหลดไฟล์ที่เก็บถาวรของข้อมูลใน Google
เมื่อสร้างไฟล์ที่เก็บถาวรโดยใช้ตัวเลือกเหล่านี้แล้ว เราจะส่งอีเมลแจ้งลิงก์ไปยังตำแหน่งของไฟล์ที่เก็บถาวรนั้นให้คุณ ขั้นตอนนี้อาจใช้เวลาตั้งแต่ 2-3 นาทีไปจนถึง 2-3 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณของข้อมูลในบัญชี ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะได้รับลิงก์ไปยังไฟล์ที่เก็บถาวรในวันเดียวกับที่ส่งคำขอ
หมายเหตุ: หากคุณลงทะเบียนในโปรแกรมการปกป้องขั้นสูง ระบบจะกำหนดเวลาเริ่มเก็บถาวรหลังลงทะเบียน 2 วัน
ข้อมูลที่คุณลบไปแล้ว
เมื่อคุณลบข้อมูล เราจะทำตามขั้นตอนที่อธิบายไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Google เพื่อนำข้อมูลนั้นออกจากบัญชีอย่างสมบูรณ์และปลอดภัย ขั้นแรก กิจกรรมที่ลบออกไปจะหยุดแสดงโดยทันทีและจะไม่นำไปใช้ในการปรับเปลี่ยนประสบการณ์การใช้ Google ให้เหมาะกับคุณอีก จากนั้นเราจะเริ่มขั้นตอนที่ออกแบบมาเพื่อลบข้อมูลออกไปจากระบบพื้นที่เก็บข้อมูลอย่างสมบูรณ์และปลอดภัย
ข้อมูลอย่างเช่นรายการจาก "กิจกรรมของฉัน" รูปภาพ หรือเอกสารที่ยังอยู่ระหว่างการลบจะไม่รวมอยู่ในไฟล์ที่เก็บถาวร
สำคัญ: หากเครื่องมือเหล่านี้ไม่ครอบคลุมข้อมูลที่ต้องการ โปรดไปที่ศูนย์ช่วยเหลือด้านความเป็นส่วนตัว ซึ่งคุณสามารถดูข้อมูลที่เรารวบรวม เหตุผลที่รวบรวม รวมทั้งวิธีที่คุณจะอัปเดต จัดการ ส่งออก และลบข้อมูลของคุณได้ หากข้อมูลถูกลบออกจากระบบพื้นที่เก็บข้อมูลของเราแล้ว ก็ไม่น่าจะกู้คืนข้อมูลได้
คำถามที่พบบ่อย
โปรดไปที่ศูนย์ช่วยเหลือด้านความเป็นส่วนตัว ซึ่งคุณสามารถดูข้อมูลที่เรารวบรวม เหตุผลที่รวบรวม รวมถึงวิธีที่คุณจะอัปเดต จัดการ ส่งออก และลบข้อมูลของคุณได้
หากข้อมูลที่คุณกําลังมองหาไม่แสดงให้เห็นในเครื่องมือที่กล่าวถึงข้างต้น โปรดส่งคําขอเข้าถึงข้อมูลและระบุรายละเอียดต่อไปนี้
- หมวดหมู่ของข้อมูลส่วนบุคคลที่คุณกำลังมองหา
- ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลนั้น
- วันที่โดยประมาณกี่วันก็ได้ที่คุณคิดว่า Google อาจรวบรวมข้อมูลในวันนั้น
คุณจะต้องลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google เพื่อกรอกแบบฟอร์มให้เสร็จสมบูรณ์
สำคัญ: คุณจะโทรหาเราผ่านหมายเลขโทรฟรี 855-548-2777 ก็ได้ ตัวแทนของเราตอบข้อสงสัยได้โดยมาก และจะช่วยคุณกรอกแบบฟอร์มบนเว็บเพื่อให้แน่ใจว่าเรากำลังให้ข้อมูลแก่ผู้ที่เป็นเจ้าของบัญชี
เมื่อคำขอส่งออกข้อมูลดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณจะได้รับการแจ้งเตือนทางอีเมลซึ่งมีลิงก์ไปยังโฟลเดอร์ที่มีไฟล์ของคุณอยู่
หากเลือก "ส่งลิงก์ดาวน์โหลดผ่านอีเมล" ระบบจะนำทางคุณไปยังโฟลเดอร์ที่มีข้อมูลของคุณใน Google Takeout เพื่อดาวน์โหลดข้อมูล
มิเช่นนั้น ระบบจะลิงก์คุณไปยังตำแหน่งของโฟลเดอร์ที่มีข้อมูลของคุณในระบบคลาวด์ปลายทาง (ไดรฟ์, Dropbox, Box, OneDrive) ที่คุณเลือกไว้
คุณจะเก็บข้อมูลได้ในทุกที่ที่ปลอดภัยและมีพื้นที่จัดเก็บเพียงพอสำหรับข้อมูลนั้น โดยส่วนใหญ่ การดาวน์โหลดไปยังคอมพิวเตอร์โดยตรงจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด
หากคุณใช้คอมพิวเตอร์สาธารณะ โปรดเก็บข้อมูลไว้ใน Google ไดรฟ์หรือพื้นที่จัดเก็บสำรองที่คุณใช้งานเพียงคนเดียวเท่านั้น
หมายเหตุ: หากคุณใช้ Google ไดรฟ์และวางแผนที่จะลบบัญชี Google คุณต้องย้ายไฟล์ที่เก็บถาวรไปยังพื้นที่เก็บข้อมูลอื่นก่อนลบบัญชี
หากคุณดาวน์โหลดข้อมูลลงในอุปกรณ์ ก็สามารถแชร์ข้อมูลกับแอปหรือเว็บไซต์ของบุคคลที่สามได้โดยตรงโดยใช้จุดเข้าใช้งานของบุคคลที่สาม จุดเข้าใช้งานนี้อาจมีหลายรูปแบบ ซึ่งรวมถึงอีเมล ตลอดจนฟังก์ชันการอัปโหลดที่แอปหรือเว็บไซต์ของบุคคลที่สามสร้างขึ้นเองเพื่อให้คุณอัปโหลดข้อมูลได้โดยตรง
หากเพิ่มข้อมูลไว้ในพื้นที่เก็บข้อมูลระบบคลาวด์ปลายทาง เช่น ไดรฟ์, Box, OneDrive หรือ Dropbox คุณสามารถแชร์ข้อมูลจากผู้ให้บริการคลาวด์ไปยังแอปหรือเว็บไซต์ของบุคคลที่สามได้โดยตรง ในหลายๆ กรณี การดำเนินการนี้อาจรวมถึงการแชร์ข้อมูลจากผู้ให้บริการคลาวด์ไปยังบุคคลที่สามโดยตรงผ่านอีเมลที่ผู้ให้บริการคลาวด์รองรับ
ในบางกรณี แอปหรือเว็บไซต์ของบุคคลที่สามอาจผสานรวมเข้ากับพื้นที่เก็บข้อมูลระบบคลาวด์ปลายทางโดยตรง และคุณให้สิทธิ์บุคคลที่สามในการอ่านข้อมูลจากระบบคลาวด์ปลายทางได้โดยตรง
ระบบจะแบ่งไฟล์ที่เก็บถาวรที่มีขนาดใหญ่กว่าขีดจำกัดของขนาดที่คุณเลือกออกเป็นไฟล์หลายไฟล์
หากต้องการเลี่ยงไม่ให้มีการแบ่งไฟล์ที่เก็บถาวร คุณอาจเลือกขีดจำกัดของขนาดเป็น 50 GB
ไฟล์ที่เก็บถาวรจะหมดอายุในเวลาประมาณ 7 วัน หลังจากนั้น คุณต้องสร้างไฟล์ที่เก็บถาวรใหม่ซึ่งมีข้อมูลที่อัปเดตที่สุด
ไฟล์ที่เก็บถาวรหมดอายุไม่ได้หมายความว่าข้อมูลหมดอายุตามไปด้วย และคุณจะไม่พบการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในบริการของ Google ด้วยเหตุนี้
หมายเหตุ: เราอนุญาตให้ดาวน์โหลดไฟล์ที่เก็บถาวรแต่ละรายการได้ 5 ครั้งเท่านั้น หลังจากนั้น โปรดส่งคำขอใหม่
ความปลอดภัยของข้อมูลมีความสำคัญมาก เมื่อคุณสร้างไฟล์ที่เก็บถาวร เราจึงต้องตรวจสอบว่าคุณเป็นเพียงคนเดียวที่ดาวน์โหลดข้อมูลของคุณเองได้
วิธีการตรวจสอบคือ เราจะขอให้คุณป้อนรหัสผ่านบัญชี Google อีกครั้งหากคุณไม่ได้ป้อนรหัสผ่านในช่วงนี้ เราเข้าใจว่าการตรวจสอบนี้อาจทำให้เกิดความไม่สะดวก แต่เราต้องเพิ่มขั้นตอนพิเศษเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลให้กับคุณ
หมายเหตุ: หากบัญชีได้เปิดการยืนยันแบบ 2 ขั้นตอนไว้ ระบบอาจขอให้คุณทำตามขั้นตอนการยืนยันเพิ่มเติมด้วย
หากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับไฟล์ที่เก็บถาวรหรือคุณไม่สามารถสร้างไฟล์ที่เก็บถาวรได้ ให้ลองสร้างไฟล์ที่เก็บถาวรอีกรายการหนึ่ง วิธีนี้มักแก้ปัญหาได้
หรือจะลองดาวน์โหลดข้อมูลทีละน้อยโดยเลือกผลิตภัณฑ์หรือบริการทีละรายการก็ได้ ซึ่งอาจได้ผลในกรณีที่คุณพยายามดาวน์โหลดข้อมูลปริมาณมาก
ไฟล์อาจไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่เกิดขึ้นระหว่างช่วงเวลาที่ขอการดาวน์โหลดกับเวลาที่สร้างที่เก็บถาวร ตัวอย่างเช่น
- การเปลี่ยนแปลงประเภทการแชร์หรือสิทธิ์สําหรับไฟล์ในไดรฟ์
- ความคิดเห็นในไฟล์ในไดรฟ์ที่ได้ข้อยุติแล้ว
- รูปภาพหรืออัลบั้มที่เพิ่มหรือลบ
เมื่อคุณส่งออกอีเมลจาก Gmail ป้ายกำกับของข้อความแต่ละข้อความจะเก็บรักษาไว้ในส่วนหัวของ X-Gmail-Labels แบบพิเศษในไฟล์ที่คุณดาวน์โหลด แม้ว่าในขณะนี้จะไม่มีโปรแกรมรับส่งอีเมลใดที่รู้จักส่วนหัวนี้ แต่โปรแกรมรับส่งอีเมลส่วนใหญ่อนุญาตให้เขียนนามสกุลไฟล์ได้ จึงทำให้ใช้ป้ายกำกับนี้ได้
หากดาวน์โหลดวิดีโอ YouTube บางรายการไม่ได้ ให้ตรวจสอบว่าช่อง YouTube เชื่อมโยงกับบัญชีแบรนด์หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น คุณจะต้องทำดังนี้
- ตรวจสอบว่าได้ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google ที่เชื่อมโยงกับบัญชีแบรนด์แล้ว
- สลับเป็นบัญชีแบรนด์ที่ใช้อัปโหลดวิดีโอไปยัง YouTube
เคล็ดลับ: หากคุณมีบัญชีแบรนด์มากกว่า 1 บัญชี ให้ทำขั้นตอนเหล่านี้ซ้ำเพื่อดาวน์โหลดวิดีโอจากบัญชีแบรนด์อื่นๆ
ผู้ดูแลระบบ Google Workspace จัดการได้ว่าจะให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดข้อมูลจากผลิตภัณฑ์ต่างๆ หรือไม่ ดูว่าใครคือผู้ดูแลระบบ
อินเทอร์เฟซผู้ใช้ของ Takeout รองรับพารามิเตอร์ต่างๆ ดังนั้นแอปจึงปรับแต่งอินเทอร์เฟซผู้ใช้ได้ เช่น แอปสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่เจาะจง ปลายทางการส่งออกไปยังระบบคลาวด์ และความถี่ในการถ่ายโอนตามกำหนดการ
ตัวอย่างรูปแบบ URL ที่ใช้พารามิเตอร์ทั้ง 3 รายการ ได้แก่
https://takeout.google.com/settings/takeout/custom/google_account,my_activity,fit,youtube?dest=drive&frequency=2_months
เคล็ดลับ: ตัวอย่างนี้ยังอยู่ระหว่างดำเนินการและอาจมีการอัปเดตเป็นครั้งคราว ค่าที่เป็นไปได้สำหรับแอปพลิเคชันหรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ควรระบุจะอยู่ในแหล่งที่มาของ HTML ที่แสดงผลภายในแอตทริบิวต์ CSS ชื่อ "data-id" เช่น ค่าที่เป็นไปได้สำหรับพารามิเตอร์ "dest" ประกอบด้วย "box", "dropbox", "drive", "onedrive" ค่าที่เป็นไปได้สำหรับพารามิเตอร์ "ความถี่" ได้แก่ "2_months"
หากต้องการระบุค่าพร็อพเพอร์ตี้ data-id ของผลิตภัณฑ์ที่สามารถส่งออกข้อมูลในบัญชีได้ ให้ทำดังนี้
สำคัญ: วิธีการเหล่านี้เป็นวิธีการสำหรับใช้กับ Chrome หากคุณใช้เบราว์เซอร์อื่น กระบวนการอาจแตกต่างกัน
- ไปที่ takeout.google.com บนคอมพิวเตอร์
- คลิกขวาที่หน้าเว็บ Takeout แล้วเลือกมุมมอง "หน้าต้นฉบับ" ซึ่งจะทำให้คุณเห็นโค้ด HTML ที่ประกอบกันเป็นหน้าเว็บ
- ใช้คำสั่งการค้นหา (Control + F บน Windows หรือ Command + F บน Mac) เพื่อระบุพร็อพเพอร์ตี้ "data-id"
- ตรวจสอบผลการค้นหา สิ่งที่ปรากฏหลัง "data-id=" คือค่าที่เกี่ยวข้อง เช่น data-id="blogger"
นอกจากนี้ Google ยังได้เปิดตัวฟีเจอร์ขั้นสูงชุดใหม่ (Data Portability API) สำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อการใช้ข้อมูลโดยแอปพลิเคชันของบุคคลที่สาม ดูเอกสารทั้งหมดที่มีให้ได้ที่ https://developers.google.com/data-portability
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดาวน์โหลดข้อมูลในผลิตภัณฑ์ของ Google
ระบบจะใช้รูปแบบใดเมื่อฉันดาวน์โหลดวิดีโอ YouTubeวิดีโอจะดาวน์โหลดมาในรูปแบบต้นฉบับหรือไฟล์ MP4 ที่ให้ภาพแบบ H264 และเสียงแบบ AAC
มีเพียงเจ้าของเท่านั้นที่ดาวน์โหลดข้อความและข้อมูลสมาชิกของกลุ่มได้
หากคุณเป็นสมาชิกหรือผู้จัดการ โปรดขอให้เจ้าของดาวน์โหลดข้อมูลและแชร์ข้อมูลที่คุณต้องการ หรือหากคุณได้รับข้อความในอีเมล คุณจะดาวน์โหลดประวัติข้อความได้จากที่เก็บถาวรของอีเมล
คุณจะดาวน์โหลดหรือย้ายข้อมูลขององค์กรรวมถึงอีเมล ปฏิทิน เอกสาร และเว็บไซต์ได้ ดูวิธีส่งออกข้อมูล Google Workspace ขององค์กร
**มีผู้ให้บริการที่ไม่ใช่ Google ในรายการนี้ เมื่อคุณเลือกผู้ให้บริการที่ไม่ใช่ Google จะมีผลดังนี้
1. คุณอนุญาตให้ Google โอนไฟล์ไปยังผู้ให้บริการรายนี้ในนามของคุณ
2. เมื่ออัปโหลดไฟล์ไปยังผู้ให้บริการรายนี้แล้ว Google จะไม่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อไฟล์ดังกล่าวอีก เนื้อหาในการส่งออกจะอยู่ภายใต้ข้อกำหนดของผู้ให้บริการรายนั้น
เคล็ดลับ: ตรวจสอบข้อมูลด้วยตนเองเพื่อให้ทราบว่ามีการแชร์เนื้อหาอะไรบ้าง
ส่งความคิดเห็นถึงเรา
บอกให้เราทราบเกี่ยวกับประสบการณ์ในการดาวน์โหลดข้อมูลใน Google การแชร์ความคิดเห็นของคุณช่วย Google ในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์นี้เพื่อคุณและคนอื่นๆ