คู่มือนี้จะช่วยคุณแก้ปัญหาที่พบขณะใช้ฟีเจอร์ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google เพื่อลงชื่อเข้าใช้แอปหรือบริการของบุคคลที่สาม บุคคลที่สามคือบริษัทหรือนักพัฒนาแอปที่ไม่ใช่ Google
ปัญหาบางอย่างที่ทําให้ข้อความแสดงข้อผิดพลาดปรากฏอาจอยู่นอกเหนือการควบคุมของ Google เช่น แอปหรือบริการที่คุณต้องการใช้อาจมีการตั้งค่าที่ไม่ปลอดภัยซึ่ง Google ไม่อนุญาต รหัสข้อผิดพลาดต่างๆ จะช่วยให้เข้าใจสาเหตุที่ลงชื่อเข้าใช้ไม่ได้ เพื่อให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาหรือติดต่อนักพัฒนาแอปโดยตรงเพื่อรับความช่วยเหลือ
เคล็ดลับ: ฟีเจอร์ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google มีข้อดีมากมาย เช่น บัญชีมีการรักษาความปลอดภัยเพิ่มขึ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ฟีเจอร์ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google ช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์การใช้งานออนไลน์ที่ดีขึ้น
ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google
- หากต้องการใช้ฟีเจอร์ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google คุณต้องลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google
- หากพบปัญหา ให้ไปที่หัวข้อลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google ไม่ได้
แก้ปัญหาเกี่ยวกับการเข้าสู่ระบบบัญชี
สําคัญ: ฟีเจอร์ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google ช่วยให้คุณลงชื่อเข้าใช้แอปหรือบริการของบุคคลที่สามได้ แต่บัญชี Google และบัญชีบุคคลที่สามจะยังคงแยกกัน
หากมีปัญหาเกี่ยวกับฟีเจอร์ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google ให้ตรวจสอบว่าปัญหามาจากบัญชี Google หรือบัญชีบุคคลที่สาม
บัญชีถูกระงับหรือถูกปิดใช้เมื่อพยายามใช้ฟีเจอร์ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google คุณอาจได้รับข้อความแจ้งว่าบัญชีถูกปิดใช้หรือถูกระงับ วิธีแก้ปัญหาขั้นแรกคือดูว่าบัญชี Google ถูกปิดใช้หรือไม่ หากไม่ บุคคลที่สามอาจปิดใช้บัญชีของคุณในเว็บไซต์ดังกล่าวเท่านั้น
- วิธีดูว่าบัญชี Google ถูกปิดใช้หรือไม่
- ลองลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google หากบัญชี Google ถูกปิดใช้ คุณจะเห็นข้อความว่า "บัญชีถูกปิดใช้" เมื่อพยายามลงชื่อเข้าใช้
- ตรวจสอบการเข้าสู่ระบบบริการของ Google ตัวอย่างเช่น หากคุณเข้าสู่ระบบที่อยู่ Gmail ของบัญชี Google ได้ แสดงว่าบัญชี Google ไม่ได้ถูกปิดใช้
- หากคุณบันทึกที่อยู่อื่นไว้ในบัญชี Google ให้ตรวจสอบที่อยู่นั้นเพื่อหาอีเมลที่ระบุว่าบัญชี Google ถูกปิดใช้
- ในกรณีที่บัญชี Google ถูกปิดใช้
- ลองลงชื่อเข้าใช้แอปหรือบริการด้วยวิธีอื่น
- สอบถามบุคคลที่สามว่าคุณสามารถใช้อีเมลและรหัสผ่าน หรือวิธีอื่นในการลงชื่อเข้าใช้ได้หรือไม่
- ดูวิธีกู้คืนบัญชี
- ลองลงชื่อเข้าใช้แอปหรือบริการด้วยวิธีอื่น
- ในกรณีที่บุคคลที่สามระงับบัญชีของคุณ ให้ติดต่อนักพัฒนาแอปโดยตรงเพื่อรับความช่วยเหลือ
สิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อลบบัญชี Google
- ข้อมูลในฟีเจอร์ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google จะถูกลบไปด้วย ซึ่งหมายความว่าคุณจะใช้ปุ่มลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google เพื่อลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีที่ลบไปแล้วไม่ได้อีก
- แม้ว่าจะลบบัญชี Google แล้ว แต่คุณอาจยังเข้าถึงบัญชีบุคคลที่สามซึ่งแยกต่างหากได้ด้วยวิธีอื่น พยายามลงชื่อเข้าใช้แอปหรือบริการด้วยชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน หรือติดต่อนักพัฒนาแอปโดยตรง
สิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อลบบัญชีบุคคลที่สาม
- บุคคลที่สามไม่ได้แจ้งให้ Google ทราบ แม้ว่าคุณจะใช้ฟีเจอร์ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google ในการสร้างบัญชีนั้นก็ตาม บัญชี Google อาจยังแสดงว่าแอปหรือบริการนั้นลิงก์กับบัญชีอยู่
- อ่านข้อกําหนดในการให้บริการบุคคลที่สามเพื่อให้ทราบวิธีที่บุคคลดังกล่าวจัดการข้อมูลของคุณ
- บุคคลที่สามบางรายทำเพียงปิดใช้บัญชี
- แต่บางรายจะลบข้อมูลของคุณออกจากบริการด้วย
- หากข้อมูลถูกลบ คุณจะต้องสร้างบัญชีใหม่ในแอปหรือบริการนั้น โดยยังใช้ฟีเจอร์ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google เพื่อดําเนินการดังกล่าวได้อยู่ แต่อาจต้องใช้บัญชี Google บัญชีอื่น
หากมีบัญชีในแอปหรือบริการอยู่แล้วและพยายามใช้ฟีเจอร์ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google คุณอาจเห็นข้อความแสดงข้อผิดพลาด
บริการของบุคคลที่สามใช้ฟีเจอร์ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google ในลักษณะที่แตกต่างกันไป บางบริการไม่รองรับการลงชื่อเข้าใช้ด้วยวิธีอื่นๆ สำหรับบัญชีเดียวกัน หากพบปัญหานี้ โปรดติดต่อนักพัฒนาแอปโดยตรง
ทําความเข้าใจรหัสข้อผิดพลาดและแก้ไข
หากลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google แต่ยังคงใช้ฟีเจอร์ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google ไม่ได้ คุณอาจเห็นรหัสและข้อความแสดงข้อผิดพลาด รหัสนี้ใช้เพื่อค้นหาปัญหาและวิธีแก้ไขได้
รหัสข้อผิดพลาด | ข้อความแสดงข้อผิดพลาด |
---|---|
400 invalid_request | การเข้าถึงถูกบล็อก: แอปส่งคําขอที่ไม่ถูกต้อง |
401 invalid_client | ไม่มีต้นทางที่ลงทะเบียน |
401 deleted_client | ไคลเอ็นต์ OAuth ถูกลบแล้ว |
403 invalid_account | ข้อความแสดงข้อผิดพลาดจะแตกต่างกันไป |
403 access_denied | ข้อความแสดงข้อผิดพลาดจะแตกต่างกันไป |
คุณลงชื่อเข้าใช้จากหน้าจอนี้ไม่ได้เนื่องจากแอปไม่เป็นไปตามนโยบาย WebView ที่ฝังอยู่ของ Google หากแอปนี้มีเว็บไซต์ ให้เปิดเว็บเบราว์เซอร์แล้วลองลงชื่อเข้าใช้จากเว็บไซต์นั้น |
|
ไคลเอ็นต์นี้จำกัดไว้สำหรับผู้ใช้ภายในองค์กรเท่านั้น |
|
แอปนี้ยังไม่ได้รับการกําหนดค่าให้ส่งคําขอ OAuth ซึ่งทำได้โดยการตั้งค่าหน้าจอขอความยินยอม OAuth ของแอปใน Google Cloud Console |
|
400 admin_policy_enforced | |
การปกป้องขั้นสูงป้องกันไม่ให้บัญชี Google ลงชื่อเข้าใช้ ฟีเจอร์ความปลอดภัยนี้ช่วยป้องกันไม่ให้แอปและบริการที่ไม่ใช่ของ Google โดยส่วนใหญ่เข้าถึงข้อมูลของคุณ เพื่อให้บัญชีได้รับการปกป้องเสมอ |
|
คุณลงชื่อเข้าใช้แอปนี้ไม่ได้เนื่องจากแอปไม่เป็นไปตามนโยบาย OAuth 2.0 ของ Google |
หากคุณได้รับข้อผิดพลาด "400 invalid_request" หรือ "การเข้าถึงถูกบล็อก: แอปส่งคําขอที่ไม่ถูกต้อง" แสดงว่าแอปใช้วิธีการให้สิทธิ์ที่ Google ไม่อนุญาต
Google มีช่องทางที่ปลอดภัยไว้ให้คุณลงชื่อเข้าใช้และแชร์ข้อมูลบัญชี Google กับแอปและเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ฟีเจอร์ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google จะช่วยปกป้องบัญชีของคุณโดยการบล็อกแอปที่อาจทําให้บัญชีมีความเสี่ยง
เคล็ดลับ: ดูวิธีที่ฟีเจอร์ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google แชร์ข้อมูลของคุณอย่างปลอดภัย
คุณทําอะไรได้บ้างเกี่ยวกับข้อผิดพลาดนี้
เฉพาะนักพัฒนาแอปบุคคลที่สามเท่านั้นที่แก้ไขปัญหานี้ได้ โปรดติดต่อนักพัฒนาแอปโดยตรงเพื่อแจ้งเรื่องข้อผิดพลาด
หากคุณได้รับข้อผิดพลาดที่ขึ้นต้นด้วย "401" แสดงว่านักพัฒนาแอปไม่ได้ลงทะเบียนแอปกับ Google อย่างถูกต้อง
Google ขอให้นักพัฒนาแอปลงทะเบียนแอปก่อนที่จะสามารถใช้ฟีเจอร์ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google ได้ เพื่อช่วยปกป้องบัญชีของคุณ เราจะไม่แชร์ข้อมูลของคุณจนกว่านักพัฒนาแอปจะลงทะเบียนกับเรา ข้อความแสดงข้อผิดพลาดที่คุณอาจเห็น ได้แก่
- 401 invalid_client: แอปไม่ตรงกับข้อมูลในการลงทะเบียน หรือนักพัฒนาแอปไม่ได้ให้ข้อมูลที่จําเป็นทั้งหมดแก่ Google
- 401 deleted_client: แอปหรือบริการไม่ได้ลงทะเบียนกับ Google แล้ว
คุณทําอะไรได้บ้างเกี่ยวกับข้อผิดพลาดนี้
เฉพาะนักพัฒนาแอปบุคคลที่สามเท่านั้นที่แก้ไขปัญหานี้ได้ โปรดติดต่อนักพัฒนาแอปโดยตรงเพื่อแจ้งเรื่องข้อผิดพลาด
หากคุณได้รับข้อผิดพลาด "403 invalid_account" อาจเป็นได้ว่าบัญชี Google ของคุณถูกปิดใช้
คุณทําอะไรได้บ้างเกี่ยวกับข้อผิดพลาดนี้
ตรวจสอบว่าบัญชี Google ถูกปิดใช้หรือไม่
หากพบว่าบัญชีถูกปิดใช้ ให้ดูวิธีกู้คืนบัญชี
หากคุณได้รับข้อผิดพลาด "403 access_denied" แสดงว่าบัญชี Google ของคุณใช้แอปหรือบริการดังกล่าวไม่ได้ หรือบัญชีนั้นใช้ฟีเจอร์ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google ไม่ได้ ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุต่อไปนี้
- แอปอยู่ในโหมดทดสอบและนักพัฒนาแอปไม่ได้เพิ่มคุณเป็นผู้ใช้ทดสอบ
- ประเภทบัญชี Google ที่คุณลงชื่อเข้าใช้ไม่อนุญาตให้ใช้ฟีเจอร์ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google
- เช่น บัญชีของบุตรหลานไม่สามารถใช้ฟีเจอร์นี้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง
คุณทําอะไรได้บ้างเกี่ยวกับข้อผิดพลาดนี้
- ใช้บัญชีประเภทอื่นในการลงชื่อเข้าใช้แอป
- หากคิดว่าบัญชีของคุณควรมีสิทธิ์เข้าถึง ให้ติดต่อนักพัฒนาแอปโดยตรง
หากคุณได้รับข้อผิดพลาด "403 disallowed_useragent" แสดงว่าแอปใช้ WebView ที่ฝังอยู่ นักพัฒนาแอปบางรายใช้ WebView ช่วยแสดงเนื้อหาเว็บในแอป ซึ่งส่งผลให้การรักษาความปลอดภัยมีความเสี่ยง เนื่องจาก WebView ที่ฝังอยู่อาจปล่อยให้บุคคลที่สามเข้าถึงและเปลี่ยนการสื่อสารระหว่างคุณกับ Google ได้
Google ไม่อนุญาตให้ใช้ WebView ที่ฝังอีกต่อไปตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2021 เพื่อรักษาบัญชีให้ปลอดภัย
คุณทําอะไรได้บ้างเกี่ยวกับข้อผิดพลาดนี้
เฉพาะนักพัฒนาแอปบุคคลที่สามเท่านั้นที่แก้ไขปัญหานี้ในแอปได้ โปรดติดต่อนักพัฒนาแอปโดยตรงเพื่อแจ้งเรื่องข้อผิดพลาด
หากแอปมีเว็บไซต์ ให้ลองลงชื่อเข้าใช้จากเบราว์เซอร์
หากคุณได้รับข้อผิดพลาด "403 org_internal" แสดงว่ามีเพียงสมาชิกของบริษัทหรือองค์กรที่ระบุเท่านั้นที่ใช้แอปได้ ตัวอย่างเช่น องค์กรอาจอนุญาตให้เฉพาะอีเมลที่ลงท้ายด้วย @example.com เข้าถึงแอปหรือบริการ
คุณทําอะไรได้บ้างเกี่ยวกับข้อผิดพลาดนี้
หากคุณเป็นสมาชิกขององค์กร ให้เปลี่ยนไปใช้บัญชีสมาชิก
หากคุณได้รับข้อผิดพลาด "403 restricted_client" แสดงว่าแอปของบุคคลที่สามไม่ได้รับการตั้งค่าให้ใช้กับฟีเจอร์ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google อย่างถูกต้อง Google ขอให้นักพัฒนาแอปบุคคลที่สามปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านความปลอดภัยบางประการเพื่อช่วยปกป้องบัญชีของคุณ
คุณทําอะไรได้บ้างเกี่ยวกับข้อผิดพลาดนี้
เฉพาะนักพัฒนาแอปบุคคลที่สามเท่านั้นที่แก้ไขปัญหานี้ได้ โปรดติดต่อนักพัฒนาแอปโดยตรงเพื่อแจ้งเรื่องข้อผิดพลาด
หากคุณได้รับข้อผิดพลาด "400 admin_policy_enforced" แสดงว่าผู้ดูแลบัญชีไม่อนุญาตให้ใช้ฟีเจอร์ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google กรณีนี้อาจเกิดขึ้นเมื่อคุณใช้บัญชีจากที่ทํางานหรือองค์กรอื่น ซึ่งบางครั้งระบบก็บล็อกเฉพาะบางแอปเท่านั้น
คุณทําอะไรได้บ้างเกี่ยวกับข้อผิดพลาดนี้
หากคุณคิดว่าควรมีสิทธิ์เข้าถึงแอป ให้ติดต่อผู้ดูแลระบบ Google Workspace ขององค์กร
หากคุณได้รับข้อผิดพลาด "400 policy_enforced" แสดงว่าบัญชี Google ของคุณอาจอยู่ในโปรแกรมการปกป้องขั้นสูง ฟีเจอร์ความปลอดภัยนี้ไม่อนุญาตให้แอปหรือบริการของบุคคลที่สามส่วนใหญ่เข้าถึงข้อมูลในบัญชี Google เพื่อช่วยปกป้องบัญชี
คุณทําอะไรได้บ้างเกี่ยวกับข้อผิดพลาดนี้
วิธีแก้ไขข้อผิดพลาดนี้คือต้องเลือกไม่เข้าร่วมโปรแกรมการปกป้องขั้นสูง ซึ่งหมายความว่าคุณจะไม่ได้รับประโยชน์ด้านความปลอดภัยจากโปรแกรมดังกล่าว
หากคุณได้รับข้อผิดพลาด "400 origin_mismatch" หรือ "400 redirect_uri_mismatch" นั่นอาจเกิดจากสาเหตุข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้
- นักพัฒนาแอปหรือบริการตั้งค่าแอปไม่ถูกต้อง
- แอปพยายามเข้าถึงข้อมูลของคุณในลักษณะที่ไม่เป็นไปตามนโยบายของเรา
เราขอให้บุคคลที่สามลงทะเบียนแอปกับเราก่อนที่จะสามารถใช้ฟีเจอร์ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google ได้ เพื่อช่วยปกป้องบัญชีของคุณ นอกจากนี้บุคคลที่สามยังต้องปฏิบัติตามมาตรฐานและนโยบายด้านความปลอดภัยของเราด้วย หากแอปไม่เป็นไปตามนโยบายเหล่านี้ เราจะไม่อนุญาตให้ใช้ฟีเจอร์ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google จนกว่านักพัฒนาแอปจะแก้ไขปัญหา
คุณทําอะไรได้บ้างเกี่ยวกับข้อผิดพลาดนี้
เฉพาะนักพัฒนาแอปบุคคลที่สามเท่านั้นที่แก้ไขปัญหานี้ได้ โปรดติดต่อนักพัฒนาแอปโดยตรงเพื่อแจ้งเรื่องข้อผิดพลาด
แก้ไขปัญหาอื่นๆ ในแอปหรือบริการของบุคคลที่สาม
ในบางกรณีคุณอาจลงชื่อเข้าใช้เว็บไซต์ของบุคคลที่สามด้วย Google ได้ แต่ยังใช้แอปหรือบริการนั้นไม่ได้ Google ไม่ได้ให้บริการที่บุคคลที่สามเสนอ สาเหตุส่วนใหญ่ของปัญหาเช่นนี้จึงอยู่นอกเหนือการควบคุมของ Google เราเพียงช่วยแอปหรือเว็บไซต์ระบุตัวตนของคุณเท่านั้น
ตัวอย่างปัญหาที่เกิดกับแอปหรือบริการ เช่น
- คุณซื้อภาพยนตร์ในบริการของบุคคลที่สาม แต่รับชมไม่ได้
- คุณไม่สามารถซื้อสินค้าในเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม
- คุณไม่สามารถต่ออายุการสมัครใช้บริการในเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม
หากพบปัญหาเช่นนี้ โปรดติดต่อนักพัฒนาแอปโดยตรง
ติดต่อนักพัฒนาแอปบุคคลที่สาม
วิธีหาข้อมูลติดต่อของนักพัฒนาแอปบุคคลที่สาม
- ไปที่แอปหรือบริการที่ต้องการ
- เลือกลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google
- คุณอาจต้องออกจากระบบของแอปหรือบริการนั้นเพื่อดูหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google
- หากต้องการดูอีเมลของนักพัฒนาแอป ให้เลือกชื่อแอปหรือเว็บไซต์ที่ด้านบนของหน้าจอถัดไป ทั้งนี้อาจไม่มีอีเมลของนักพัฒนาแอปในบางกรณี
รักษาความปลอดภัยให้บัญชีที่ถูกแฮ็กหรือถูกบุกรุก
- หากคิดว่ามีคนแฮ็กบัญชี Google ของคุณ ให้ทําตามขั้นตอนในการรักษาความปลอดภัยให้กับบัญชี Google ที่ถูกบุกรุก
- หากบัญชี Google ถูกแฮ็ก บุคคลอื่นอาจใช้บัญชีของคุณเพื่อลงชื่อเข้าใช้แอปหรือบริการของบุคคลที่สามได้ โปรดเปิดการยืนยันแบบ 2 ขั้นตอนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้บัญชี
- Google ช่วยเก็บบัญชีที่ลิงก์ไว้อย่างปลอดภัยด้วยการป้องกันแบบครอบคลุมหลายบริการ โปรแกรมนี้จะตรวจหาเหตุการณ์ที่น่าสงสัยและแชร์การแจ้งเตือนด้านความปลอดภัยกับแอปและบริการของบุคคลที่สามที่ใช้งานร่วมกันได้ซึ่งเชื่อมโยงกับบัญชี Google ของคุณ
- หากคุณคิดว่ามีคนแฮ็กบัญชีบุคคลที่สามของคุณ ให้ติดต่อนักพัฒนาแอปโดยตรง