เหตุใดเว็บไซต์ของฉันจึงมีป้ายกำกับว่าอันตรายใน Google Search

หน้านี้มีไว้สำหรับเจ้าของเว็บไซต์ที่ Google หรือเบราว์เซอร์ Chrome บล็อกไว้ โดยมีการแจ้งเตือนที่เห็นได้ชัดเจน

เริ่มต้น

คุณเป็นเจ้าของเว็บไซต์ใช่ไหม

  • ไม่ ฉันไม่ได้เป็นเจ้าของเว็บไซต์
  • ใช่ ฉันเป็นเจ้าของเว็บไซต์
    • หากมีบางหน้าปรากฏขึ้นพร้อมคำเตือนในผลการค้นหาของ Google Search หรือในเบราว์เซอร์ คุณอ่านบทความนี้ต่อได้เลยเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับปัญหาของคุณโดยเฉพาะ

การติดป้ายกำกับหรือการบล็อกมีลักษณะอย่างไร

หาก Google สงสัยว่าเว็บไซต์โฮสต์การดาวน์โหลดที่เป็นอันตรายหรือเป็นสแปม มีส่วนร่วมในการกระทำที่ไม่เหมาะสมหรือเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ หรือถูกแฮ็ก คุณจะเห็นคำเตือนในผลการค้นหาของ Google Search หรือในเบราว์เซอร์ (หรือทั้ง 2 อย่าง)

  • ผลการค้นหาของ Google Search อาจแสดงป้ายกำกับอย่างเช่น "เว็บไซต์นี้อาจเป็นอันตรายต่อคอมพิวเตอร์ของคุณ" หรือ "เว็บไซต์นี้อาจถูกแฮ็ก" ไว้ข้างๆ เว็บไซต์
  • เบราว์เซอร์อาจแสดงหน้าเว็บคั่นระหว่างหน้าเมื่อคุณพยายามจะเปิดหน้าเว็บ ไม่ว่าจากลิงก์ในผลการค้นหาของ Google Search หรือที่อื่นๆ
  • หากคุณเป็นเจ้าของเว็บไซต์ที่ได้รับการยืนยันใน Search Console ก็น่าจะได้รับคำเตือนทางอีเมลจาก Search Console ว่าระบบสงสัยว่าเว็บไซต์ถูกแฮ็กหรือมีเนื้อหาที่เป็นอันตรายต่อผู้เข้าชม และยังจะเห็นคำเตือนในรายงานปัญหาด้านความปลอดภัยของเว็บไซต์ด้วย
ตัวอย่างผลการค้นหาของ Google Search ที่ระบุว่า "เว็บไซต์นี้อาจเป็นอันตรายต่อคอมพิวเตอร์ของคุณ" Interstitial malware warning in the browser.
Interstitial hacked website warning in the browser.

ตัวอย่างคำเตือนที่คุณอาจเห็นในเบราว์เซอร์

 

ป้ายกำกับหรือคำเตือนอื่นๆ ที่คุณอาจเห็น

เว็บไซต์มีมัลแวร์

คำว่ามัลแวร์ครอบคลุมถึงซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายทุกประเภทซึ่งออกแบบมาเพื่อทำอันตรายคอมพิวเตอร์หรือเครือข่าย ตัวอย่างประเภทของมัลแวร์ ได้แก่ ไวรัส เวิร์ม สปายแวร์ และม้าโทรจัน เมื่อเว็บไซต์หรือคอมพิวเตอร์ถูกแฮ็ก เว็บไซต์หรือคอมพิวเตอร์ดังกล่าวอาจโฮสต์เนื้อหาที่เป็นอันตราย เช่น เว็บฟิชชิง (เว็บที่ออกแบบมาเพื่อลวงให้ผู้ใช้ส่งมอบข้อมูลส่วนบุคคลและบัตรเครดิต) แฮ็กเกอร์บางคนอาจเข้าควบคุมระบบของเว็บไซต์ที่ถูกแฮ็กเลยทีเดียว

หากเว็บไซต์ของคุณติดไวรัส โดยทั่วไปอาจเป็นเพราะเว็บไซต์มีช่องโหว่ที่ทำให้แฮ็กเกอร์เข้าควบคุมได้ แฮ็กเกอร์อาจเปลี่ยนเนื้อหาของเว็บไซต์ (เช่น เพิ่มสแปมเข้าไป) หรือสร้างหน้าเพิ่มเติมในเว็บไซต์นั้นเพื่อตั้งใจจะทำฟิชชิง นอกจากนี้ยังอาจแทรกโค้ดที่เป็นอันตราย (มัลแวร์) อย่างเช่น สคริปต์หรือ iframe ที่จะดึงเนื้อหาจากเว็บไซต์อื่นที่พยายามโจมตีคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ตามที่ดูหน้าเว็บดังกล่าว ดูคำจำกัดความที่ Google ให้กับมัลแวร์และซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์

เว็บไซต์นี้อาจถูกแฮ็ก

เนื้อหาที่ถูกแฮ็กคือเนื้อหาที่วางอยู่ในเว็บไซต์โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นผลมาจากช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของเว็บไซต์ ในการปกป้องผู้ใช้และรักษาความสมบูรณ์ของผลการค้นหา Google พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อกันไม่ให้เนื้อหาที่ถูกแฮ็กปรากฏในผลการค้นหา เนื้อหาที่ถูกแฮ็กมักมีคุณภาพไม่ดีและอาจได้รับการออกแบบมาเพื่อทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิด หรือทำอันตรายต่อคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ของผู้ใช้ เราขอแนะนำให้รักษาเว็บไซต์ให้ปลอดภัยและล้างเนื้อหาที่ถูกแฮ็กเมื่อคุณพบ

 

ดูวิธีจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้ในหัวข้อฉันควรทำอย่างไรที่ด้านล่าง

อ่านเพิ่มเติมเรื่องคำเตือนเกี่ยวกับมัลแวร์ของ Chrome

เหตุใดเว็บไซต์จึงถูกติดป้ายกำกับหรือถูกบล็อก

Google จะตรวจสอบหน้าเว็บที่ระบบจัดทำดัชนีสำหรับสคริปต์หรือการดาวน์โหลดที่เป็นอันตราย การละเมิดด้านเนื้อหา การละเมิดนโยบาย และปัญหาด้านคุณภาพและกฎหมายอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อผู้ใช้ และจะดำเนินการต่อไปนี้เมื่อตรวจพบเนื้อหาที่ควรบล็อก

  • ซ่อนผลการค้นหา
  • ติดป้ายกำกับผลการค้นหาเหล่านั้นว่าเป็นอันตรายหรือไม่แสดงเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง
  • เพิ่มหน้าเว็บในรายชื่อเว็บไซต์อันตรายของ Google Safe Browsing ซึ่งเบราว์เซอร์หลักส่วนใหญ่ใช้ เบราว์เซอร์เหล่านี้จะแจ้งเตือนผู้ใช้ก่อนเข้าชมหน้าเว็บที่มีปัญหา

เนื้อหาในหน้าหรือเว็บไซต์อาจละเมิดนโยบายของเราไม่ว่าคุณมีเจตนาหรือไม่ก็ตาม

  • คุณอาจจ้างบุคคลอื่นให้จัดการเนื้อหาหรือประสิทธิภาพในการค้นหาของคุณ และบุคคลนี้มีส่วนร่วมในการกระทำที่ละเมิดนโยบายสแปมของ Google อย่างเช่นการซื้อลิงก์เพื่อไต่อันดับการค้นหา
  • เว็บไซต์อาจถูกแฮ็กโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีส่วนในการกระทำอันไม่เหมาะสมเกี่ยวกับเงินหรือเป้าหมายที่เลวร้ายอื่นๆ ทั้งที่คุณไม่ทราบ

เนื้อหาที่ระบบจะติดป้ายกำกับหรือบล็อก

ระบบจะติดป้ายกำกับหรือบล็อกเนื้อหาที่ละเมิดนโยบายของ Google, ละเมิดกฎหมาย หรือถูกแบนด้วยเหตุผลอื่นๆ ไม่ให้แสดงใน Google Search

สาเหตุที่พบบ่อยของการติดป้ายกำกับหรือนำเนื้อหาออก

เหตุผล คำอธิบาย ไม่แสดงในผลการค้นหา ผลการค้นหามีป้ายกำกับ หน้าคำเตือนของเบราว์เซอร์
หน้าเว็บเป็นสแปมหรือคุณภาพต่ำ หากเราคิดว่าหน้าหรือเว็บไซต์มีส่วนร่วมในการกระทำที่ละเมิดหลักเกณฑ์ด้านคุณภาพของ Google เราก็จะไม่แสดงหน้าเว็บนั้นในผลการค้นหาของ Google Search การละเมิด ได้แก่ การปิดบังหน้าเว็บจริง (แสดง URL ในเครื่องมือค้นหาซึ่งต่างไปจากที่แสดงต่อผู้เข้าชม) และเนื้อหาที่คัดลอกมา (นำเนื้อหาจากเว็บไซต์อื่นมาใช้ซ้ำโดยไม่เพิ่มมูลค่าให้เนื้อหานั้น)    
การนำเนื้อหาออกตามกฎหมาย มีการนำหน้าออกเนื่องจากมีคำขอทางกฎหมายส่งไปยัง Google    
ฟีเจอร์ค้นหาปลอดภัย

ฟีเจอร์ค้นหาปลอดภัยคือการตั้งค่าส่วนบุคคลในบัญชีซึ่งจะบล็อกภาพที่ไม่เหมาะสมหรือโจ่งแจ้งโดยไม่มีการแจ้งเตือนในผลการค้นหา คุณเปิดหรือปิดใช้ฟีเจอร์นี้ได้ในการตั้งค่าบัญชี

* ไม่แสดงในผลการค้นหาเมื่อผู้ใช้เปิดใช้ฟีเจอร์ค้นหาปลอดภัย

✔*    
มัลแวร์และซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ ซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อทำอันตรายแก่คอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ที่คอมพิวเตอร์ใช้ หรือผู้ใช้คอมพิวเตอร์นั้น  
เนื้อหาที่ถูกแฮ็ก หากเจ้าหน้าที่เป็นผู้ตรวจพบว่าหน้าเว็บอย่างน้อย 1 หน้าถูกแฮ็ก เจ้าหน้าที่จะนำหน้านั้นออกจากผลการค้นหา และเจ้าของเว็บไซต์จะต้องขอให้รวมเว็บอีกครั้งด้วยตนเอง หากโปรแกรมเป็นผู้ตรวจพบการแฮ็ก ระบบจะรวมเนื้อหานั้นอีกครั้งเมื่อตรวจพบว่าปลอดภัยแล้วในระหว่างทำการ Crawl อีกครั้งตามปกติ    
ฟิชชิง/วิศวกรรมสังคม หน้าเว็บอ้างว่าเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้เพื่อหลอกลวงให้ผู้ใช้เปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน (เช่น หมายเลขบัตรเครดิต) หรือดำเนินการที่เป็นอันตรายหรือเสียทรัพย์  
นโยบายของ Google หน้านี้ไม่ได้แสดงในผลการค้นหาเนื่องจากมีข้อมูลส่วนบุคคลบางอย่าง ซึ่งรวมถึงข้อมูลบัญชีการเงินที่รั่วไหลหรือรูปถ่ายที่ไม่เหมาะสมซึ่งมีการแชร์โดยไม่ได้รับคำยินยอม    

 

วิธีแก้ปัญหา

หากคุณมีสิทธิ์แก้ไขเว็บไซต์ ให้แก้ปัญหาโดยทำดังนี้

  1. ตรวจสอบและทำความเข้าใจปัญหา (หากคุณตั้งใจจะมีส่วนร่วมในขั้นตอนเหล่านี้ ก็ข้ามขั้นตอนนี้ได้)
  2. แก้ไขปัญหา
  3. ขอรับการตรวจสอบ
  4. ตรวจสอบว่าเว็บไซต์ไม่ได้แสดงคำเตือนแล้ว
1. ตรวจสอบและทำความเข้าใจปัญหา

ก่อนแก้ไขปัญหา ให้ตรวจสอบว่าเว็บไซต์มีป้ายกำกับจาก Google ติดอยู่

หากคุณเป็นเจ้าของเว็บไซต์ เราขอแนะนำอย่างยิ่งให้ลงชื่อสมัครใช้ Search Console เจ้าของเว็บไซต์ที่ได้รับการยืนยันใน Search Console จะได้รับการแจ้งเตือนเมื่อเราสงสัยว่าเว็บไซต์นั้นถูกแฮ็กหรือมีผู้แจ้งว่าเว็บไซต์อาจมีส่วนร่วมในการกระทำอย่างเช่นฟิชชิง วิศวกรรมสังคม หรือกิจกรรมที่เป็นอันตรายอื่นๆ

ตรวจสอบหน้าคำเตือนของเบราว์เซอร์

  1. ไปที่ลิงก์ดังกล่าวใน Chrome เพื่อดูว่าคุณได้รับคำเตือนคั่นระหว่างหน้า (ป๊อปอัปหรือหน้าคำเตือนของ Chrome) ที่ถามว่าต้องการเข้าชมเว็บไซต์หรือไม่ Chrome เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมที่เรียกว่า Google Safe Browsing ซึ่งจะเตือนผู้ใช้ก่อนที่จะเข้าชมเว็บไซต์ที่ระบบสงสัยว่ามีมัลแวร์ ถูกแฮ็ก หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำฟิชชิงหรือการกระทำที่ไม่เหมาะสมอื่นๆ
  2. หากได้รับคำเตือน ให้เปิดรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่และรายงานปัญหาด้านความปลอดภัยของเว็บไซต์ใน Search Console แล้วหาคำเตือน หากคุณไม่ได้เป็นเจ้าของเว็บไซต์ที่ได้รับการยืนยันใน Search Console ก็ไปที่รายงานเพื่อความโปร่งใสของ Google Safe Browsing แล้วป้อน URL ของเว็บไซต์ได้ และจะต้องแก้ไขเว็บไซต์หากมีการทำเครื่องหมายว่าเป็นอันตราย
  3. หากไม่ได้รับคำเตือน เป็นไปได้ว่าปัญหาอาจได้รับการแก้ไขตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่ลองแล้ว

ดูผลการค้นหาที่ติดป้ายกำกับ

  1. ค้นหา URL ของหน้าเว็บนั้นใน Google และดูว่าหน้าเว็บมีป้ายกำกับไว้ไหม
  2. ค้นหาแบบจำกัดเว็บไซต์เพื่อดูว่ามีผู้แจ้งว่าเว็บไซต์ของคุณไม่เหมาะสมและแสดงคำเตือนใดในผลการค้นหาไหม การค้นหาแบบจำกัดเว็บไซต์คือการค้นหาที่จำกัดผลลัพธ์ทั้งหมดไว้ที่เว็บไซต์ที่ระบุ ลองค้นหาแบบจำกัดเว็บไซต์โดยใช้คีย์เวิร์ดที่เป็นสแปมซึ่งคุณไม่ต้องการ เช่น ผลิตภัณฑ์ยาหรือแบรนด์หรูที่เว็บไซต์ของคุณไม่มี คำเกี่ยวกับสื่อลามก หรือคำที่เป็นสแปมอื่นๆ เช่น "เงินกู้" ตัวอย่างเช่น การค้นหา site:example.com ไวอากร้า จะค้นหาคำว่า "ไวอากร้า" ในเว็บไซต์ www.example.com
  3. หากเว็บไซต์อยู่ใน Search Console ให้ทำดังนี้
    • เปิดรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่และรายงานปัญหาด้านความปลอดภัยของเว็บไซต์ ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่ามีผู้แจ้งว่าเว็บไซต์หรือหน้าเว็บละเมิดหลักเกณฑ์ด้านนโยบายสแปมหรือถูกแฮ็กหรือไม่ โดยปกติแล้ว คุณจะได้รับอีเมลเกี่ยวกับการแจ้งเตือนที่แสดงในหน้าเว็บเหล่านี้ หากไม่ได้รับ ให้ดูว่าคุณยังกำหนดค่าให้รับข้อความอยู่ และไม่ได้กรองข้อความเหล่านี้ในอีเมล (แฮ็กเกอร์บางรายจะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ในบัญชีเพื่อไม่ให้คุณได้รับข้อความ)

      หากไม่เห็นคำเตือนแสดงว่าอัลกอริทึมตรวจพบปัญหานี้ และคุณอาจไม่เห็นคำเตือนใน Search Console คุณยังคงต้องแก้ไขปัญหาแต่ไม่จำเป็นต้องขอรับการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่หลังจากที่แก้ปัญหาแล้ว Google จะตรวจพบการแก้ไขในระว่างทำการ Crawl เว็บไซต์ครั้งถัดไป และจะนำการแจ้งว่าไม่เหมาะสมออก
  4. หากเว็บไซต์ไม่ได้อยู่ใน Search Console ให้ดูว่าเว็บไซต์ปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ Google Safe Browsing ว่าเป็นเว็บไซต์อันตรายหรือไม่
2. แก้ไขปัญหา

ผลลัพธ์ที่มีป้ายกำกับ

สำหรับผลการค้นหาที่มีป้ายกำกับและคำเตือนใน Google Search ให้ทดสอบวิธีที่เราเห็นหน้าหรือเว็บไซต์นั้น ลองค้นหาแบบจำกัดเว็บไซต์โดยใช้คีย์เวิร์ดที่เป็นสแปมซึ่งคุณไม่ต้องการ เช่น "ไวอากร้า" หรือยาอื่นๆ แบรนด์หรูที่เว็บไซต์ของคุณไม่มี คำเกี่ยวกับสื่อลามก หรือ "เงินกู้" ตัวอย่างเช่น site:www.example.com ไวอากร้า

หากพบหน้าเว็บที่มีผลการค้นหาเหล่านี้ อาจหมายความว่าเว็บไซต์ของคุณถูกแฮ็ก (ดูหัวข้อถัดไป)

เว็บไซต์ที่ถูกแฮ็ก

คุณจะต้องปิดเว็บไซต์หากถูกแฮ็ก จากนั้นหา แก้ไข ล้างหน้าเว็บที่ถูกแฮ็ก และป้องกันเว็บไซต์ให้ปลอดภัยก่อนที่จะเผยแพร่ทางออนไลน์อีกครั้ง เราขอแนะนำให้ทุกคนทำความเข้าใจแนวทางปฏิบัติแนะนำในการหลีกเลี่ยงการแฮ็ก อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้การโจมตีด้วยการแฮ็กส่วนมากค่อนข้างซับซ้อน ดังนั้นหากคุณไม่ชำนาญเรื่องการตรวจสอบไฟล์ .htaccess หรือการสร้างอิมเมจดิสก์ เราขอแนะนำให้หาผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อถือได้ซึ่งล้างและแก้ไขเว็บไซต์ได้อย่างทั่วถึง รวมถึงป้องกันการโจมตีอื่นๆ ได้ อ่านหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการแก้ไขเว็บไซต์ที่ถูกแฮ็ก

มัลแวร์

อ่านคำจำกัดความของมัลแวร์และซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ และแก้ไขปัญหาที่พบในเว็บไซต์

หน้าเว็บที่มีปัญหาด้านนโยบาย การนำเนื้อหาออกตามกฎหมาย คุณภาพต่ำ หรือเป็นสแปม

อ่านเกี่ยวกับการละเมิดเนื้อหาในหลักเกณฑ์ด้านคุณภาพ และแก้ไขปัญหาเพื่อให้เว็บไซต์เป็นไปตามหลักเกณฑ์เหล่านั้นรวมถึงนโยบายของ Google สำหรับปัญหาทางกฎหมาย คุณอาจต้องปรึกษาทนายความของคุณเอง ในหลายๆ กรณี Google จะส่งการแจ้งเตือนให้คุณใน Search Console เพื่ออธิบายหลักการพื้นฐานของคำขอนำออกตามกฎหมาย

3. ขอรับการตรวจสอบ

หากเว็บไซต์อยู่ใน Search Console

หน้าที่ไม่แสดงด้วยเหตุผลทางกฎหมาย การละเมิดนโยบาย หรือมีคุณภาพต่ำ/เป็นสแปม

  1. เมื่อแก้ไขปัญหาแล้ว Google จะทำการ Crawl และประเมินหน้าเว็บอีกครั้งในที่สุด คุณไม่จำเป็นต้องขอรับการตรวจสอบจาก Google

 

ไปที่รายงานปัญหาด้านความปลอดภัยของเว็บไซต์ และเลือกขอรับการตรวจสอบ โปรดให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเว็บไซต์ไม่มีความเสียหายที่เกิดจากแฮ็กเกอร์หลงเหลืออยู่แล้วเพื่อส่งคำขอรับการตรวจสอบ ตัวอย่างเช่น สำหรับแต่ละหมวดหมู่ใน "ปัญหาด้านความปลอดภัย" คุณอาจเขียนข้อความที่อธิบายว่าเว็บไซต์ได้รับการแก้ไขอย่างไร (เช่น "สำหรับ URL ที่ถูกแฮ็กโดยการแทรกเนื้อหา ฉันได้ลบเนื้อหาสแปมออก และแก้ไขช่องโหว่แล้วด้วยการอัปเดตปลั๊กอินที่ล้าสมัย")

ตรวจดูว่าปัญหาได้รับการแก้ไขแล้วจริงๆ ก่อนที่จะขอรับการตรวจสอบ หากปัญหายังคงอยู่ ก็มีแต่จะทำให้เว็บไซต์มีสถานะว่าเป็นปัญหานานต่อไปอีก
  • การตรวจสอบเว็บไซต์ที่ติดมัลแวร์ใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน หลังจากที่การตรวจสอบเสร็จสิ้น คุณจะดูการตอบกลับได้ในข้อความใน Search Console
  • ระยะเวลาในการตรวจสอบการถูกแฮ็ก การตรวจสอบเว็บไซต์ที่ถูกแฮ็กด้วยสแปมอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ เนื่องจากการตรวจสอบสแปมจะต้องดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่หรือต้องประมวลผลหน้าเว็บที่ถูกแฮ็กใหม่ทั้งหมด เมื่อการตรวจสอบได้รับอนุมัติ ปัญหาด้านความปลอดภัยจะไม่แสดงประเภทหมวดหมู่ที่ถูกแฮ็กหรือตัวอย่าง URL ที่ถูกแฮ็กอีกต่อไป
  1. หาก Google พบว่าเว็บไซต์ทำงานเป็นปกติแล้ว ระบบจะนำคำเตือนในเบราว์เซอร์และผลการค้นหาออกภายใน 2-3 วันหลังจากที่คุณได้รับการแจ้งเตือน

 

การอัปเดตระบบแจ้งเตือนมักจะล่าช้าเล็กน้อย เนื่องจากการอัปเดตอาจใช้เวลา 2-3 วันสำหรับการส่งข้อมูลอัปเดตระหว่างฐานข้อมูล Google Safe Browsing, เบราว์เซอร์ Chrome และรายงานปัญหาด้านความปลอดภัยหรือการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ของ Search Console ซึ่งหมายความว่าแม้จะไม่มีการรายงานข้อผิดพลาดของเว็บไซต์ในรายงานเพื่อความโปร่งใสแล้ว แต่เบราว์เซอร์จะยังคงแสดงหน้าคำเตือนสำหรับเว็บไซต์อยู่ รอ 1 วันแล้วจึงดูว่ายังเห็นหน้าคำเตือนสำหรับเว็บไซต์อยู่ไหมแม้ว่ารายงานเพื่อความโปร่งใสจะไม่ได้ระบุว่าเป็นอันตรายแล้ว

 

หากเว็บไซต์ไม่อยู่ใน Search Console

  • หน้าที่ไม่แสดงด้วยเหตุผลทางกฎหมาย การละเมิดนโยบาย หรือหน้าที่มีคุณภาพต่ำ/เป็นสแปม Google จะทำการ Crawl หน้าเว็บเป็นระยะๆ และจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่คุณทำโดยอัตโนมัติ
  • หากต้องการให้เราพิจารณาหน้าที่มีปัญหาฟิชชิงอีกครั้ง ให้ขอรับการตรวจสอบที่นี่

 

การอัปเดตระบบแจ้งเตือนมักจะล่าช้าเล็กน้อย เนื่องจากการอัปเดตอาจใช้เวลา 2-3 วันสำหรับการส่งข้อมูลอัปเดตระหว่างฐานข้อมูล Google Safe Browsing, เบราว์เซอร์ Chrome และรายงานปัญหาด้านความปลอดภัยหรือการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ของ Search Console ซึ่งหมายความว่าแม้จะไม่มีการรายงานข้อผิดพลาดของเว็บไซต์ในรายงานเพื่อความโปร่งใสแล้ว แต่เบราว์เซอร์จะยังคงแสดงหน้าคำเตือนสำหรับเว็บไซต์อยู่ รอ 1 วันแล้วจึงดูว่ายังเห็นหน้าคำเตือนสำหรับเว็บไซต์อยู่ไหมแม้ว่ารายงานเพื่อความโปร่งใสจะไม่ได้ระบุว่าเป็นอันตรายแล้ว

4. ยืนยันการแก้ไข

โปรดทราบว่า Google อาจใช้เวลาหลายวันเพื่อยืนยันการแก้ไขและนำป้ายกำกับออก นอกจากนี้ การที่เว็บไซต์ถูกแจ้งว่าไม่เหมาะสมอาจส่งผลต่อการจัดอันดับการค้นหาเป็นระยะเวลาหนึ่ง คุณจึงอาจไม่เห็นผลการค้นหาในหน้าแรก

  1. สำหรับผลการค้นหาที่ไม่แสดงหรือมีป้ายกำกับ: ค้นหาแบบจำกัดเว็บไซต์เพื่อดูว่าหน้าเว็บปรากฏไหม หรือค้นหา URL ของหน้าเว็บนั้นๆ หากไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงหลังผ่านไป 1 สัปดาห์ ให้กลับไปทำตามขั้นตอนที่ 1 และยืนยันว่าคุณได้แก้ไขปัญหาแล้ว
  2. สำหรับคำเตือนของเบราว์เซอร์: หลังจากที่คำขอให้ตรวจสอบได้รับอนุมัติแล้ว รอประมาณ 1 วัน จากนั้นไปที่หน้าเว็บของคุณในเบราว์เซอร์ Chrome เพื่อดูว่าได้รับคำเตือนเกี่ยวกับเว็บไซต์หรือไม่ โปรดทราบว่าการอัปเดตระบบแจ้งเตือนมักจะล่าช้าไป 1-2 วันเนื่องจากต้องส่งข้อมูลอัปเดตระหว่างฐานข้อมูล Google Safe Browsing, เบราว์เซอร์ Chrome และรายงานปัญหาด้านความปลอดภัยหรือการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ของ Search Console

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร

หากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม

ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

true
เป็นมือใหม่ Search Console ใช่ไหม

หากไม่เคยใช้ Search Console มาก่อน เริ่มได้เลยที่นี่ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ ผู้เชี่ยวชาญ SEO หรือนักพัฒนาเว็บไซต์

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
16246633264053939462
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
83844
false
false