การแจ้งเตือน

โปรดทราบว่าทีมสนับสนุนลูกค้าไม่ได้ให้บริการแก้ปัญหาโดยใช้ภาษาที่แสดงอยู่ในปัจจุบันของคุณ หากต้องการติดต่อเจ้าหน้าที่ทีมสนับสนุน โปรดเปลี่ยนไปใช้ภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นๆ ที่รองรับก่อน (สเปน โปรตุเกส หรือญี่ปุ่น) 

ตั้งค่า Conversion ที่ปรับปรุงแล้วด้วยตัวเองด้วย Google Tag Manager

บทความนี้อธิบายวิธีตั้งค่า Conversion ที่ปรับปรุงแล้วด้วยตนเองโดยใช้ Google Tag Manager และวิธีแก้ปัญหาทั่วไปเกี่ยวกับการตรวจสอบความถูกต้องและการติดตั้งใช้งาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการทํางานของ Conversion ที่ปรับปรุงแล้ว

ก่อนเริ่มต้น

ระบบไม่รองรับ Conversion ที่วัดด้วยการนําเข้าเป้าหมาย Google Analytics สําหรับ Conversion ที่ปรับปรุงแล้ว

ตรวจสอบว่าคุณได้ตั้งค่าการติดตาม Floodlight โดยใช้ Google Tag Manager

  • คุณทราบ URL ของหน้า Conversion ที่แท็ก Conversion เริ่มทำงาน (เช่น URL ของหน้าการยืนยัน) และทริกเกอร์เหตุการณ์ Conversion (เช่น การคลิกปุ่ม หรือการดูหน้าเว็บ)
  • ตรวจสอบว่ามีข้อมูลลูกค้าบุคคลที่หนึ่ง (อีเมล ชื่อนามสกุลและที่อยู่บ้าน และ/หรือหมายเลขโทรศัพท์) อยู่ในหน้าเว็บที่แท็กเครื่องมือวัด Conversion เริ่มทํางาน
  • เนื่องจากขั้นตอนนี้ต้องใช้ความรู้ในการตั้งค่าเครื่องมือวัด Conversion ในเว็บไซต์และการเปลี่ยนแปลงโค้ดบางอย่าง ดังนั้น ต้องแน่ใจว่าคุณจะพูดคุยกับทีมพัฒนาได้เมื่อจำเป็น
  • อย่าลืมอ่านนโยบายข้อมูลลูกค้าของ Google และยอมรับข้อกําหนดในการให้บริการและนโยบายเกี่ยวกับ Conversion ที่ปรับปรุงแล้วในบัญชี Campaign Manager 360 ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการอนุญาต Conversion ที่ปรับปรุงแล้วใน Campaign Manager 360

ก่อนยอมรับข้อกําหนดในการให้บริการ โปรดตั้งค่าแท็กเครื่องมือวัด Conversion ในคอนเทนเนอร์ของ Google Tag Manager ที่วางแผนจะใช้สําหรับ Conversion ที่ปรับปรุงแล้ว มิฉะนั้นคอนเทนเนอร์อาจจะเปิดใช้สำหรับ Conversion ที่ปรับปรุงแล้วได้อย่างไม่ถูกต้อง

ตั้งค่า Conversion ที่ปรับปรุงแล้วด้วยตนเองโดยใช้ Google Tag Manager

หากปัจจุบันคุณใช้ Google Tag Manager สำหรับเครื่องมือวัด Conversion คุณจะติดตั้งใช้งาน Conversion ที่ปรับปรุงแล้วโดยเปลี่ยนแปลงการกำหนดค่าเพียงเล็กน้อยได้

คุณติดตั้งใช้งาน Conversion ที่ปรับปรุงแล้วใน Google Tag Manager ได้ 3 วิธีหลักๆ ด้วยกัน ดังนี้

  1. การใช้ "การกําหนดค่าด้วยตนเอง" กับตัวเลือก CSS หรือตัวแปรของชั้นข้อมูลที่มีอยู่ คุณไม่จําเป็นต้องเปลี่ยนแปลงโค้ดในหน้า (แนะนำหากตัวเลือก "อัตโนมัติ" ไม่พร้อมใช้งาน)
    • วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการติดตั้งใช้งาน Conversion ที่ปรับปรุงแล้วด้วย Google Tag Manager เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วไม่จําเป็นต้องเปลี่ยนแปลงโค้ดในหน้า ตราบใดที่คุณมีข้อมูลลูกค้า (เช่น อีเมล) อยู่ในหน้า Conversion
    • หากคุณเปลี่ยนโค้ดของเว็บไซต์บ่อยๆ โดยเฉพาะการจัดรูปแบบหรือตัวเลือก CSS ในหน้า Conversion คุณอาจต้องพิจารณาใช้ตัวแปรชั้นข้อมูลแทน หรือเลือกตัวเลือก "โค้ด" (ดูด้านล่าง) เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงการจัดรูปแบบเว็บไซต์อาจส่งผลกระทบต่อวิธีที่ใช้ตัวเลือก CSS
  2. การใช้เมธอด "โค้ด" เพื่อส่งข้อมูลทั้งหมดในออบเจ็กต์ข้อมูลเดียว (อาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงโค้ดในหน้า)
    • คุณติดตั้งใช้งาน Conversion ที่ปรับปรุงแล้วเป็นออบเจ็กต์ข้อมูลเดียวได้โดยใช้ตัวแปร JavaScript ในหน้า Conversion ตราบใดที่ข้อมูลลูกค้า (เช่น อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ ฯลฯ) ที่คุณต้องการส่งในแท็ก Conversion ที่ปรับปรุงแล้วได้รับการระบุในตัวแปร JavaScript ร่วมในหน้า Conversion
    • วิธีนี้จะมีประโยชน์ หากคุณต้องการส่งข้อมูลโดยใช้ตัวแปร JavaScript หรือหากไม่มีข้อมูลลูกค้าอยู่ในหน้า Conversion (เช่น มีข้อมูลอยู่ในหน้าก่อนหน้า และจําเป็นต้องส่งไปยังหน้า Conversion) และยังเป็นวิธีที่ดีกว่า หากคุณเปลี่ยนการจัดรูปแบบในเว็บไซต์บ่อยๆ เนื่องจากมีความยืดหยุ่นมากกว่าการเปลี่ยนโค้ด
  3. การใช้การเก็บรวบรวมอัตโนมัติ (หากมี)
    • Google ขอแนะนําให้ใช้หนึ่งในตัวเลือกที่ต้องทำด้วยตนเองข้างต้นเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่ตัวเลือกอัตโนมัติก็จะเร็วและง่าย หากคุณใช้วิธีการติดตั้งใช้งานด้วยตนเองแบบใดแบบหนึ่งไม่ได้

ค้นหาตัวแปร Conversion ที่ปรับปรุงแล้วในหน้า Conversion

  1. การใช้เบราว์เซอร์ Chrome เพื่อไปยังหน้า Conversion
    • หน้า Conversion คือหน้าซึ่งระบบจะใช้แท็กเครื่องมือวัด Conversion ที่มีอยู่เพื่อติดตาม Conversion ที่คุณพยายามวัดด้วย Conversion ที่ปรับปรุงแล้ว (เช่น การซื้อจากหน้า A) หากไม่แน่ใจว่าหมายถึงหน้าใด โปรดติดต่อนักพัฒนาซอฟต์แวร์และระบุข้อมูลลูกค้าที่แสดงในหน้าเว็บที่ต้องการส่งไปยัง Google (เช่น หน้าเว็บอาจแสดงข้อความ "ขอบคุณ" และระบุอีเมลของลูกค้า หลังจากการซื้อ)
    • ต้องระบุช่องต่อไปนี้อย่างน้อย 1 ช่องเพื่อให้ Conversion ที่ปรับปรุงแล้วทํางานได้อย่างถูกต้อง
      • อีเมล (แนะนำ)
      • ที่อยู่ (ต้องระบุชื่อ นามสกุล รหัสไปรษณีย์ และประเทศหากคุณเลือกใช้ข้อมูลนี้)
      • [ไม่บังคับ] สามารถระบุหมายเลขโทรศัพท์พร้อมกับอีเมล หรือชื่อนามสกุลและที่อยู่ได้ด้วยเช่นกัน แต่ระบุเฉพาะหมายเลขโทรศัพท์ไม่ได้
  2. เมื่อระบุข้อมูลลูกค้าในหน้าเว็บแล้ว คุณจะต้องคัดลอกตัวเลือก CSS แล้วป้อนลงใน Google Tag Manager (หรือใช้ตัวแปรของชั้นข้อมูลที่มีอยู่ กรณีที่มีอยู่แล้ว) วิธีนี้ช่วยให้แท็ก Conversion ที่ปรับปรุงแล้วรู้ว่าจะแฮชข้อมูลส่วนใดและส่งไปยัง Google คุณจะต้องเปิดแท็บหน้า Conversion ไว้

เปิดใช้ Conversion ที่ปรับปรุงแล้วใน Google Tag Manager

เปิด Google Tag Manager ในแท็บแยกต่างหาก

  1. ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google Tag Manager
  2. คลิกพื้นที่ทํางาน แล้วคลิกแท็กจากเมนูการนําทาง
  3. เลือกแท็กเครื่องมือวัด Conversion ของ Floodlight ที่ต้องการติดตั้งใช้งาน Conversion ที่ปรับปรุงแล้ว และแก้ไขแท็กนั้น
  4. คลิกรวมข้อมูลที่ผู้ใช้ให้ไว้ในเว็บไซต์ของคุณ
  5. คลิกตัวแปรใหม่ในเมนูแบบเลื่อนลง "เลือกตัวแปรข้อมูลที่ผู้ใช้ให้ไว้"
  6. เลือก "การกําหนดค่าด้วยตนเอง (แนะนํา)"
    • คุณยังอาจเลือก "โค้ด" ได้ หากต้องการใช้ JavaScript ที่กําหนดเองหรือออบเจ็กต์ข้อมูลอื่นๆ เพื่อส่งข้อมูลผ่าน Google Tag Manager วิธีนี้กําหนดให้ต้องมีการจัดรูปแบบข้อมูลในลักษณะที่เฉพาะเจาะจง หากต้องการดำเนินการนี้ ดูวิธีการเกี่ยวกับ "โค้ด" ที่ด้านล่าง คุณจะเห็น "ข้อมูลที่ได้จากผู้ใช้" ที่ด้านบนของหน้าเว็บ ตามด้วยข้อมูลลูกค้าทั้งหมดซึ่งคุณสามารถรวมไว้ในแท็ก Conversion ที่ปรับปรุงแล้วได้
  7. สําหรับช่องข้อมูลผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องที่คุณต้องการระบุผ่าน Conversion ที่ปรับปรุงแล้ว ให้คลิกเมนูแบบเลื่อนลง แล้วเลือกตัวแปรใหม่
    • หากมีตัวแปรที่ไม่ได้แฮชอยู่ในชั้นข้อมูล (ไม่ว่าจะใช้ตัวเลือก CSS หรือตัวแปรประเภทอื่น) คุณสามารถเลือกตัวแปรเหล่านั้นแทนการสร้างตัวแปรใหม่ได้ หากไม่แน่ใจ ให้ทําตามวิธีการต่อไป
  8. ในหน้าจอ "การกําหนดค่าตัวแปร" ให้เลือก "เลือกประเภทตัวแปร" เพื่อเริ่มการตั้งค่า
  9. ในหน้าจอ "เลือกประเภทตัวแปร" ให้เลือก "องค์ประกอบ DOM" และในเมนูแบบเลื่อนลงบนหน้าจอ "การกําหนดค่าตัวแปร" ให้เปลี่ยน "วิธีการเลือก" เป็น "ตัวเลือก CSS"
  10. ตั้งชื่อตัวแปร
  11. ป้อนตัวเลือก CSS ที่อ้างอิงข้อมูลของผู้ใช้ลงในช่องป้อนข้อมูล "ตัวเลือกองค์ประกอบ" (ดูที่ด้านล่างเกี่ยวกับวิธีการค้นหาตัวเลือก CSS) เว้นช่อง "ชื่อแอตทริบิวต์" ว่างไว้ได้ (ดูข้อมูลเพิ่มเติมด้านล่าง)

ต่อไป คุณจะได้ดูวิธีคัดลอกตัวเลือก CSS จากหน้า Conversion และวางลงในตัวแปร Conversion ที่ปรับปรุงแล้ว ดังนั้นคุณจึงควรเปิดแท็บหน้านี้ไว้

ระบุตัวเลือก CSS ของ Conversion ที่ปรับปรุงแล้ว และคัดลอกลงใน Google Tag Manager

ทําตามวิธีการเหล่านี้เพื่อระบุตัวเลือก CSS ที่จะป้อนลงในช่องแท็ก Conversion ที่ปรับปรุงแล้ว (อีเมล โทรศัพท์ ฯลฯ)
หากมีตัวแปรที่ไม่ได้แฮชอยู่ในชั้นข้อมูล คุณสามารถเลือกตัวแปรเหล่านั้นแทนการสร้างตัวแปร CSS ใหม่ได้ หากไม่แน่ใจ ให้ทำตามวิธีการด้านล่าง
  1. กลับไปที่แท็บหน้า Conversion (แต่อย่าปิด Google Tag Manager)
  2. คลิกขวาที่ข้อมูลลูกค้าที่คุณต้องการส่งพร้อมกับ Conversion ที่ปรับปรุงแล้ว และเลือก "ตรวจสอบ" เพื่อเปิดเครื่องมือสําหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ Chrome ในเบราว์เซอร์ Chrome
    • ตัวอย่างเช่น หากคุณพยายามจะบันทึกอีเมล ให้คลิกขวาที่อีเมลที่แสดงในหน้า Conversion
  3. ระบบจะไฮไลต์โค้ดส่วนหนึ่งไว้ในซอร์สโค้ดในหน้าเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของ Chrome โค้ดนี้คือองค์ประกอบของหน้าที่คุณต้องคัดลอกตัวเลือก CSS สําหรับข้อมูลลูกค้าที่คุณได้คลิกขวาไว้
  4. วางเคอร์เซอร์เหนือโค้ดที่ไฮไลต์ไว้ แล้วคลิกขวา
  5. เลื่อนลงไปที่ "คัดลอก" แล้วเลือก "คัดลอกตัวเลือก"
  6. วางข้อความในช่อง "ตัวเลือกองค์ประกอบ" ใน Google Tag Manager
    • ข้อความจะมีลักษณะดังนี้ tsf > div:nth-child(2) > div.A8SBwf > div.RNNXgb > div > div.a4bIc > custEmail
  7. คลิกบันทึก

ทําซ้ำขั้นตอนที่ 2-8 สําหรับข้อมูลลูกค้าแต่ละประเภท (อีเมล ชื่อและที่อยู่ ฯลฯ)

ตั้งค่า Conversion ที่ปรับปรุงแล้วโดยใช้ "โค้ด" ใน Google Tag Manager

ระบุและกําหนดตัวแปร Conversion ที่ปรับปรุงแล้ว

ก่อนอื่น ให้ตรวจสอบว่าตัวแปรที่คุณต้องการ (เช่น อีเมล ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์) อยู่ในหน้า Conversion ที่แท็ก Conversion ของ Floodlight เริ่มทํางาน โดยมักเป็นกรณีที่พบในหน้า Conversion สําหรับการซื้อ การลงชื่อสมัครใช้ และประเภท Conversion อื่นๆ ที่คล้ายกันซึ่งต้องใช้ข้อมูลลูกค้า หากไม่แน่ใจ ให้ติดต่อนักพัฒนาซอฟต์แวร์

เมื่อยืนยันแล้วว่ามีข้อมูลลูกค้าพร้อมใช้งาน คุณจะต้องจัดเก็บข้อมูลนี้ไว้ในหน้าโดยเป็นตัวแปร JavaScript ส่วนกลาง เพื่อให้แท็ก Conversion ที่ปรับปรุงแล้วนําข้อมูลไปใช้ได้ (ซึ่งระบุไว้ในส่วนถัดไป)

ต้องระบุช่องต่อไปนี้อย่างน้อย 1 ช่อง

  • อีเมล (แนะนำ)
  • ที่อยู่ (ต้องระบุชื่อ นามสกุล รหัสไปรษณีย์ และประเทศ) คุณยังระบุที่อยู่ เมือง และภูมิภาคเป็นคีย์การจับคู่เพิ่มเติมได้ด้วย
  • นอกจากนี้ยังระบุหมายเลขโทรศัพท์พร้อมกับอีเมล หรือชื่อนามสกุลและที่อยู่ได้อีกด้วย

ตารางต่อไปนี้มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวแปรของข้อมูลลูกค้าที่คุณกำหนดได้ คุณตั้งชื่อตัวแปรได้ตามที่ต้องการ คอลัมน์ "ชื่อคีย์" จะระบุวิธีอ้างอิงตัวแปรในแท็ก Conversion ที่ปรับปรุงแล้ว โปรดทราบว่าข้อมูลทั้งหมดควรส่งผ่านเป็นตัวแปรประเภทสตริง และเมื่อกำหนดชื่อและที่อยู่ ให้กำหนดแต่ละองค์ประกอบเป็นตัวแปรแต่ละรายการ (ชื่อ นามสกุล เป็นต้น)

ช่องข้อมูล ชื่อคีย์ (ในตัวแปรของ JavaScript ที่กําหนดเอง ด้านล่าง) คำอธิบาย
อีเมล email อีเมลผู้ใช้
หมายเลขโทรศัพท์ phone_number หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้ แท็กจะนำสัญลักษณ์และเครื่องหมายขีดกลางออก แต่หมายเลขต้องมีรหัสประเทศ
ชื่อ address.first_name ชื่อจริงของผู้ใช้ ตัวอย่าง: “สมชาย”
นามสกุล address.last_name นามสกุลของผู้ใช้ ตัวอย่าง: “สกุลดี”
ที่อยู่ address.street ที่อยู่ของผู้ใช้ ตัวอย่าง: "123 ถนนบรมราชชนนี"
เมือง address.city ชื่อเมืองของผู้ใช้ ตัวอย่าง: "เชียงใหม่"
ภูมิภาค address.region จังหวัด รัฐ หรือภูมิภาคของผู้ใช้ ตัวอย่าง: “กรุงเทพฯ” หรือ “กทม.”
รหัสไปรษณีย์ address.postal_code รหัสไปรษณีย์ของผู้ใช้ (ตัวเลข 5 หลักเท่านั้น) ตัวอย่าง: “10110”
ประเทศ address.country รหัสประเทศของผู้ใช้ ตัวอย่าง “US” ใช้รหัสประเทศ 2 ตัวอักษรตามมาตรฐาน 2 ตัวอักษรของ ISO 3166-1

ขั้นตอนต่อไปคือคุณจะเปิดใช้ Conversion ที่ปรับปรุงแล้วใน Google Tag Manager และอ้างอิงตัวแปรข้อมูลลูกค้าที่คุณเพิ่งสร้างขึ้น

เก็บชื่อตัวแปรข้อมูลลูกค้าไว้ให้พร้อมเนื่องจากคุณจําเป็นต้องใช้ในขั้นตอนต่อไปในอนาคต

เปิดใช้ Conversion ที่ปรับปรุงแล้วใน Google Tag Manager และสร้างตัวแปร JavaScript ที่กําหนดเอง

  1. ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google Tag Manager
  2. คลิกพื้นที่ทํางาน แล้วคลิกแท็กจากเมนูการนําทาง
  3. เลือกแท็กเครื่องมือวัด Conversion ของ Floodlight ที่ต้องการติดตั้งใช้งาน Conversion ที่ปรับปรุงแล้ว และแก้ไขแท็กนั้น
    • หากคุณยังไม่ได้ตั้งค่าแท็กเครื่องมือวัด Conversion ของ Floodlight ในบัญชี Google Tag Manager โปรดอ่านคู่มือ Floodlight ของ Google
  4. คลิกรวมข้อมูลที่ผู้ใช้ให้ไว้ในเว็บไซต์ของคุณ
  5. คลิกเลือกตัวแปรข้อมูลที่ผู้ใช้ให้ไว้ แล้วเลือกตัวแปรใหม่
  6. ใน "ตัวแปรข้อมูลที่ผู้ใช้ให้ไว้" อันใหม่ ให้เลือกโค้ดที่ด้านล่าง
  7. ภายใต้ "เลือกประเภทตัวแปร" ให้เลือก JavaScript ที่กําหนดเอง
  8. คัดลอกโค้ดต่อไปนี้ลงในตัวแปร JavaScript ที่กําหนดเอง

function () {
return {
"email": yourEmailVariable , // replace yourEmailVariable with variable name that captures your user’s email
"phone_number": yourPhoneVariable , // repeat for yourPhoneVariable and following variable names below
"address": {
"first_name": yourFirstNameVariable
"last_name": yourLastNameVariable ,
"street": yourStreetAddressVariable ,
"city": yourCityVariable ,
"region": yourRegionVariable ,
"postal_code": yourPostalCodeVariable ,
"country": yourCountryVariable
}
}
}

  1. สําหรับข้อมูลลูกค้าแต่ละประเภทในโค้ดข้างต้น ให้แทนที่ตัวแปรตัวยึดตําแหน่ง (เช่น yourEmailVariable) ด้วยชื่อของตัวแปร JavaScript ร่วมที่มีส่วนข้อมูลลูกค้าดังกล่าวอยู่ในหน้า Conversion
    • โปรดทราบว่าต้องระบุช่องต่อไปนี้อย่างน้อย 1 ช่อง
      • อีเมล (แนะนำ)
      • ที่อยู่ (ต้องระบุชื่อ นามสกุล รหัสไปรษณีย์ และประเทศ)
      • หมายเลขโทรศัพท์ (ต้องระบุเพิ่มเติมจากข้อมูลอื่นๆ 1 ใน 2 รายการข้างต้น)
    • โปรดทราบว่าหากเว็บไซต์ไม่ได้รวบรวมช่องใดช่องหนึ่งเหล่านี้ ให้นำทั้งช่องออกแทนที่จะปล่อยให้ว่างไว้
      • ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ที่รวบรวมเฉพาะอีเมลและหมายเลขโทรศัพท์จะสร้างตัวแปร JavaScript ที่กําหนดเองซึ่งมีลักษณะดังนี้
        function () {
        return {
        "email": yourEmailVariable ,
        "phone_number": yourPhoneVariable
        }
        }
  2. คลิกบันทึก

Conversion ที่ปรับปรุงแล้วได้รับการตั้งค่าสําหรับการกระทําที่ถือเป็น Conversion นั้นแล้วตอนนี้ ขั้นตอนถัดไปคือการตรวจสอบว่าทำงานได้อย่างถูกต้อง ไปที่ส่วนตรวจสอบการติดตั้งใช้งานที่ด้านล่าง

ตรวจสอบการติดตั้งใช้งาน

หากต้องการตรวจสอบว่าการติดตั้งใช้งาน Conversion ที่ปรับปรุงแล้วทํางานตามที่ต้องการ คุณควรใช้โหมดแสดงตัวอย่างและแก้ไขข้อบกพร่องของ Google Tag Manager เพื่อยืนยันการทำงานของ Conversion ที่ปรับปรุงแล้ว ก่อนอื่น ให้เปิดใช้โหมดแสดงตัวอย่างและแก้ไขข้อบกพร่อง แล้วไปที่หน้า Conversion ใน Google Tag Manager ให้คลิกแท็ก Floodlight แล้วคลิกแท็บ "ตัวแปร" คุณจะเห็นว่าระบบกําลังส่งข้อมูลไปในออบเจ็กต์ Conversion ที่ปรับปรุงแล้ว หากคุณไม่เห็นออบเจ็กต์ Conversion ที่ปรับปรุงแล้ว หรือออบเจ็กต์ว่างเปล่า แสดงว่าเกิดข้อผิดพลาดในการติดตั้งใช้งาน โปรดอ่านวิธีการติดตั้งใช้งานอีกครั้งเพื่อตรวจสอบว่าได้ติดตั้งใช้งาน Conversion ที่ปรับปรุงแล้วอย่างถูกต้อง

ปัญหาทั่วไป

หากคุณตรวจสอบการติดตั้งใช้งาน Conversion ที่ปรับปรุงแล้วไม่ได้ คุณควรกลับไปยังวิธีการตั้งค่าเพื่อตรวจสอบว่าได้ทําตามขั้นตอนที่จําเป็นทั้งหมดแล้ว หากคุณยังคงพบปัญหาอยู่ ด้านล่างนี้คือรายการเหตุผลทั่วไปที่ทำให้คุณอาจพบปัญหาในการติดตั้งใช้งาน Conversion ที่ปรับปรุงแล้ว

ตรวจพบแท็กหลายรายการ

เลือกแท็ก 1 รายการที่แสดงอยู่ในกล่องโต้ตอบ หากคุณมีแท็ก Google และ Google Tag Manager ควรเลือก "แท็ก Google"

ข้อมูล Conversion ที่ปรับปรุงแล้วไม่พร้อมใช้งานในเวลาที่เกิด Conversion

ในบางกรณี ข้อมูล Conversion ที่ปรับปรุงแล้วอาจใช้ไม่ได้ในเวลาที่เกิด Conversion เช่น เมื่อมีการรวบรวมข้อมูลในโดเมนอื่น (เช่น การชำระเงินผ่านโดเมนของบุคคลที่สาม) หรือมีการรวบรวมข้อมูลไปไว้ที่อื่นในขั้นตอน Conversion (เช่น ลูกค้าที่ลงชื่อเข้าใช้อาจไม่ได้ป้อนข้อมูลบุคคลที่หนึ่งอีกครั้ง หรืออาจมีการรวบรวมข้อมูลไว้ในหน้าก่อนหน้า)

ติดตั้งใช้งานตัวแปรสําหรับ Conversion ที่ปรับปรุงแล้วไม่สําเร็จ

สำหรับผู้ใช้ Google Tag Manager โปรดอ่านขั้นตอนด้านบนที่เกี่ยวกับการสร้างตัวแปรอย่างเหมาะสมอีกครั้งเพื่อตรวจสอบว่าคุณทำถูกต้องแล้ว และตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่าตัวแปรคือตัวแปรที่มีการอ้างอิงถึงเมื่อกําหนดค่า Conversion ที่ปรับปรุงแล้วใน Google Tag Manager และมีการเติมข้อมูลให้กับตัวแปรข้อมูลในช่วงเวลาที่เกิด Conversion

ข้อผิดพลาดในการคัดลอกโค้ด

ตรวจสอบอีกครั้งว่าโค้ด Conversion ที่ปรับปรุงแล้วทั้งหมดในหน้าเว็บและ/หรือชื่อตัวแปรที่ป้อนไว้ใน Google Tag Manager นั้นถูกต้อง หากคุณติดตั้งใช้งาน Conversion ที่ปรับปรุงแล้วโดยใช้ตัวแปร JavaScript ให้ตรวจสอบว่าข้อมูลโค้ด JavaScript ที่กำหนดเองได้รับการคัดลอกและอัปเดตอย่างถูกต้องเพื่อแสดงชื่อตัวแปร (ไม่ใช่แสดงข้อมูลตัวยึดตำแหน่ง) หากคุณใช้ตัวเลือก CSS ให้ตรวจสอบว่าได้เลือกตัวเลือกและคัดลอกข้อมูลตัวเลือกอย่างถูกต้องตามที่อธิบายไว้ในขั้นตอนด้านบน

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
9446746171975831156
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
5055977
false
false