การแจ้งเตือน

คุณจะดูเนื้อหาสำหรับทั้งประสบการณ์การใช้งาน Merchant Center Next และ Merchant Center แบบคลาสสิกได้ในศูนย์ช่วยเหลือนี้ โปรดมองหาโลโก้ที่ด้านบนของแต่ละบทความ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณใช้บทความ Merchant Center เวอร์ชันที่เหมาะกับคุณ 

เกี่ยวกับการให้ Google คำนวณความเร็วในการจัดส่ง

ไอคอนที่กำหนดเองสำหรับส่วนหัวของบทความ Merchant Center แบบคลาสสิก

หากคุณเป็นผู้ค้าปลีกที่จัดส่งผลิตภัณฑ์ภายในประเทศไปยังสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส หรือเยอรมนี คุณจะเลือกให้ Google คำนวณความเร็วในการจัดส่ง (บางครั้งเรียกว่า "เวลานำส่ง") ให้กับลูกค้าได้

 If you’re looking for information about shipping speeds in Merchant Center Next, click here

อินโฟกราฟิกนี้แสดงความแตกต่างระหว่างการใช้เวลานำส่งที่อิงตามผู้ให้บริการขนส่งกับการใช้เวลาในการจัดส่งแบบตายตัว

ในหน้านี้


ประโยชน์

ความเร็วในการจัดส่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า การอนุญาตให้ Google คำนวณความเร็วในการจัดส่งจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์ดังต่อไปนี้

  • ความแม่นยำมากขึ้น: เมื่อผู้ค้าปลีกกำหนดค่าความเร็วในการจัดส่งโดยป้อนช่วงวันทำการก่อนจัดส่งและช่วงเวลาขนส่ง ก็มักจะทำให้ความเร็วในการจัดส่งโดยประมาณแบบทั่วประเทศช้ากว่าความเป็นจริง เนื่องจากจะต้องพิจารณาสถานที่นำส่งที่อยู่ห่างไกลที่สุดด้วย เช่น การจัดส่งจากแคลิฟอร์เนียไปยังเมน ในทางตรงกันข้าม Google จะคำนวณความเร็วในการจัดส่งสำหรับผู้ค้าปลีกโดยอิงตามตำแหน่งของลูกค้า นอกจากนี้ Google อาจระบุความเร็วในการนำส่งที่เฉพาะเจาะจงสำหรับสินค้าที่ผู้ใช้กำลังพิจารณาอยู่ได้
  • การตั้งค่าที่ง่ายดาย: หลังจากคุณเปิดใช้งานความเร็วในการจัดส่งที่คำนวณโดย Google แล้ว Google จะดำเนินการคำนวณทั้งหมดที่จำเป็นเพื่อแสดงความเร็วในการนำส่งที่ละเอียดและครอบคลุมมากขึ้นเหล่านี้ในโฆษณาที่มีสิทธิ์ ข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่แสดงฟรี และผลการค้นหาทั่วไป
  • การเพิ่มอันดับ: โมเดลการจัดอันดับบางส่วนของ Google ยังใช้ความเร็วในการจัดส่งที่ระบุไว้ด้วย หากคุณระบุความเร็วในการจัดส่งที่รวดเร็วเหล่านี้ให้กับ Google ข้อเสนอของคุณอาจแสดงอย่างโดดเด่นมากกว่าข้อเสนอที่มีความเร็วช้ากว่าหรือไม่มีข้อมูลความเร็วในการจัดส่ง

การให้ Google คำนวณความเร็วในการจัดส่งทำได้ 3 วิธีดังนี้

  • คำนวณความเร็วในการจัดส่งตามผู้ให้บริการขนส่งและต้นทางการจัดส่ง: ตัวเลือกนี้ช่วยให้ Google ประเมินความเร็วในการจัดส่งได้โดยใช้สถานที่ตั้งที่มักเป็นต้นทางการจัดส่ง ตำแหน่งของลูกค้า และเวลาขนส่งจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งซึ่งประเมินจากผู้ให้บริการขนส่ง
  • คำนวณความเร็วในการจัดส่งตามข้อมูลพาร์ทเนอร์: ตัวเลือกนี้จะช่วยให้ Google คำนวณความเร็วในการจัดส่งได้โดยใช้ประวัติการติดตามคำสั่งซื้อที่ได้รับจากพาร์ทเนอร์ที่ลิงก์ เมื่อใช้ตัวเลือกนี้ ก็จะเป็นการยืนยันประสิทธิภาพของคุณด้วย ซึ่งทำให้รับคำอธิบายประกอบบางรายการได้ง่ายขึ้น เช่น "จัดส่งฟรีและรวดเร็ว" รวมถึงคำอธิบายประกอบจาก "ตารางสรุปสถิติเกี่ยวกับประสบการณ์การช็อปปิ้ง" เมื่อคุณระบุประวัติการติดตามคำสั่งซื้อให้แก่ Google ก็จะเป็นการยืนยันประสิทธิภาพของคุณด้วย ซึ่งทำให้รับคำอธิบายประกอบบางรายการได้ง่ายขึ้น เช่น "จัดส่งฟรีและรวดเร็ว" รวมถึงคำอธิบายประกอบจาก "ตารางสรุปสถิติเกี่ยวกับประสบการณ์การช็อปปิ้ง" โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ "จัดส่งฟรีและรวดเร็ว" นั้น หากคุณมีบริการจัดส่งฟรีหรือจัดส่งฟรีเมื่อสั่งซื้อเกินมูลค่าการสั่งซื้อขั้นต่ำ Google อาจใช้คำอธิบายประกอบ "จัดส่งฟรีและรวดเร็ว" เมื่อผลิตภัณฑ์แสดงต่อผู้ใช้ในสถานที่ตั้งที่โมเดลของ Google ประเมินว่าคุณมักจะนำส่งภายในเวลาไม่เกิน 3 วัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้ข้อมูลย้อนหลังของการติดตามคำสั่งซื้อเพื่อแสดงความเร็วในการจัดส่งที่แม่นยำยิ่งขึ้น
  • คำนวณความเร็วในการจัดส่งจากไฟล์ที่อัปโหลด: ตัวเลือกนี้ช่วยให้ Google คำนวณความเร็วในการจัดส่งตามประวัติการติดตามคำสั่งซื้อที่คุณให้ไว้ผ่านการอัปโหลด ประโยชน์ของตัวเลือกนี้จะเหมือนกับการคำนวณความเร็วในการจัดส่งตามข้อมูลพาร์ทเนอร์ ยกเว้นความสะดวกในการตั้งค่า เนื่องจากคุณจะต้องเปลี่ยนรูปแบบข้อมูลให้เป็นรูปแบบที่ Google อ่านได้และส่งข้อมูลให้ Google ทุก 2 สัปดาห์แทนที่พาร์ทเนอร์จะดำเนินการดังกล่าวโดยอัตโนมัติ
หมายเหตุ: การคำนวณความเร็วในการจัดส่งตามข้อมูลพาร์ทเนอร์และไฟล์ที่อัปโหลดพร้อมให้บริการเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น

การใช้สถานที่นำส่งและข้อมูลจากผู้ให้บริการขนส่ง

วิธีการทำงาน

Google จะใช้ต้นทางการจัดส่งของคลังสินค้าของคุณ สถานที่นำส่งของลูกค้า และข้อมูลการจัดส่งของผู้ให้บริการขนส่ง (เช่น ตารางเวลาขนส่งที่เกี่ยวข้องกับบริการของผู้ให้บริการขนส่งที่คุณเลือก) เพื่อคำนวณความเร็วในการจัดส่งที่เฉพาะเจาะจงซึ่งจะปรากฏในข้อมูลของคุณ ทั้งนี้ คุณยังต้องระบุวันทำการก่อนจัดส่ง แต่ Google จะคำนวณเวลาขนส่งและความเร็วในการจัดส่งโดยรวมสำหรับชุดค่าผสมของสถานที่ตั้งแต่ละแห่งที่ไม่ซ้ำกันซึ่งผู้ให้บริการขนส่งเป็นผู้ระบุ เช่น รหัสไปรษณีย์

สิ่งที่เกิดขึ้นหากคุณมีผู้ให้บริการขนส่งหลายรายหรือมีต้นทางการจัดส่งหลายที่

โดยทั่วไปแล้ว หากมีบริการจัดส่งหลายรายการในประเภทใดก็ตามสำหรับข้อเสนอเดียวกัน เราจะแสดงความเร็วในการจัดส่งที่เชื่อมโยงกับบริการจัดส่งที่ถูกที่สุดเมื่อเทียบกับตำแหน่งของลูกค้า หากหลายบริการมีค่าจัดส่งที่ต่ำที่สุดเท่ากัน Google จะเลือกบริการที่เร็วที่สุดจากบริการเหล่านั้น

หากบริการจัดส่งที่ถูกที่สุดคือบริการที่คุณระบุคลังสินค้าหลายแห่งและบริการของผู้ให้บริการขนส่งหลายราย ซึ่งคำนวณโดย Google เราจะแสดงความเร็วในการจัดส่งที่เร็วที่สุดสำหรับตำแหน่งของลูกค้า ซึ่งหมายความว่าฟีเจอร์นี้มีลักษณะการทำงานที่สำคัญ 2 ประการที่ควรทราบ ดังนี้

ประการแรก ฟีเจอร์นี้จะถือว่าเป็นสินค้าคงคลังเดียวกัน ("มิเรอร์") ในต้นทางการจัดส่งทั้งหมดที่คุณรวมไว้ในบริการหนึ่งๆ ซึ่งคำนวณโดย Google ดังนั้น เราจะเลือกต้นทางการจัดส่งที่ใกล้ที่สุดเสมอเมื่อคำนวณความเร็วในการนำส่ง หากต้นทางการจัดส่งมีผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน คุณจะสร้างบริการจัดส่งสำหรับผลิตภัณฑ์หรือภูมิภาคที่เฉพาะเจาะจงได้

ประการที่ 2 ฟีเจอร์นี้จะเลือกบริการของผู้ให้บริการขนส่งที่เร็วที่สุดเมื่อคำนวณความเร็วในการนำส่งโดยไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่คุณต้องเสีย เช่น หากคุณเลือก "FedEx Standard Overnight" และ "FedEx Ground" เป็นบริการของผู้ให้บริการขนส่งในบริการที่คำนวณโดย Google เราอาจจะแสดงความเร็วตาม "FedEx Overnight" เป็นหลักเนื่องจากเป็นบริการที่เร็วกว่า

หมายเหตุ: หากคุณเป็นผู้ให้บริการขนส่งและต้องการให้เราเพิ่มบริการของคุณลงในรายการ โปรดกรอกแบบฟอร์มแสดงความสนใจนี้

การมีสิทธิ์

หากต้องการใช้การตั้งค่านี้ คุณจะต้องมีคุณสมบัติต่อไปนี้

  • จัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าในประเทศใดประเทศหนึ่งที่มีสิทธิ์ต่อไปนี้ เยอรมนี ฝรั่งเศส หรือสหรัฐอเมริกา
  • มีต้นทางการจัดส่งในประเทศเดียวกันที่มีสิทธิ์ แต่ยังไม่รองรับการดำเนินการตามคำสั่งซื้อข้ามพรมแดนในขณะนี้
  • ใช้ผู้ให้บริการขนส่งรายใดรายหนึ่งที่มีอยู่

วิธีตั้งค่าเวลาขนส่งที่คำนวณโดยผู้ให้บริการขนส่งสำหรับบริการจัดส่งใหม่

  1. คลิกเพิ่มบริการจัดส่งในส่วน "บริการจัดส่งของคุณ" ในหน้าการจัดส่งหลัก
  2. ป้อนชื่อสำหรับบริการจัดส่ง เช่น การจัดส่งภาคพื้นดินแบบมาตรฐาน
  3. เลือกประเทศทั้งหมดที่มีสิทธิ์ในส่วน "คุณนำส่งด้วยบริการนี้ไปยังประเทศใดได้บ้าง"
  4. เลือกสกุลเงินที่ใช้ในประเทศและตรวจสอบว่าตรงกับสกุลเงินที่แสดงในฟีด หากสกุลเงินต่างกัน สินค้าอาจไม่ได้รับอนุมัติ
  5. คลิกถัดไปเพื่อกำหนดค่าการตั้งค่าเวลานำส่ง
  6. เลือกผู้ให้บริการขนส่งและต้นทางการจัดส่งในส่วน "คุณต้องการกำหนดเวลานำส่งอย่างไรให้บริการนี้"
  7. ป้อนต้นทางการจัดส่ง หากยังไม่มีข้อมูล ให้ใช้เพิ่มต้นทางการจัดส่งเพื่อป้อนข้อมูลชื่อ ที่อยู่ วันทำการก่อนจัดส่ง และเวลาปิดรับคำสั่งซื้อ
    • คุณสร้างบริการจัดส่งหลายรายการโดยใช้ต้นทางการจัดส่งเดียวกันได้
    • คุณอัปเดตรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ตั้งและวันทำการก่อนจัดส่งสำหรับต้นทางการจัดส่งได้ทุกเมื่อโดยคลิกสถานที่จัดส่งของคุณในหน้าการตั้งค่าการจัดส่งหลัก ระบบจะนำการเปลี่ยนแปลงที่คุณทำไปใช้กับบริการจัดส่งทั้งหมดที่อ้างอิงถึงต้นทางการจัดส่งนั้นโดยอัตโนมัติ
  8. เลือกเพิ่มผู้ให้บริการขนส่งเพื่อเลือกระดับผู้ให้บริการขนส่งและระดับบริการที่อาจใช้ร่วมกันได้ซึ่งต้องการใช้กับบริการจัดส่งนี้ แล้วคลิกบันทึก
  9. คลิกถัดไปเพื่อกำหนดค่าอัตราค่าจัดส่งที่คุณเรียกเก็บจากลูกค้า
    • บริการจัดส่งทุกรายการมีรูปแบบค่าจัดส่ง เช่น จัดส่งฟรีหรือค่าธรรมเนียมแบบคงที่ ที่คุณเรียกเก็บจากลูกค้าได้เพียง 1 รูปแบบเท่านั้น หากบริการจัดส่งมีต้นทางการจัดส่งหลายแห่งหรือบริการของผู้ให้บริการขนส่งหลายราย ต้นทางการจัดส่งและบริการของผู้ให้บริการขนส่งทั้งหมดที่อาจใช้ร่วมกันได้ต้องมีรูปแบบค่าจัดส่งเดียวกัน โดยคุณจะต้องสร้างบริการจัดส่งแยกต่างหากสำหรับรูปแบบค่าจัดส่งทุกแบบที่คุณเรียกเก็บจากลูกค้า
    • หากเลือกผู้ให้บริการขนส่งและ/หรือบริการของผู้ให้บริการขนส่งมากกว่า 1 ราย คุณจะไม่สามารถกำหนดราคาบริการตามอัตราค่าจัดส่งที่กำหนดโดยผู้ให้บริการขนส่งได้
  10. คลิกบันทึก เท่านี้บริการจัดส่งก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
true
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
13738612545629580798
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
71525
false
false