จัดการและอัปเดตหน้า Landing Page

การตั้งค่าหน้า Landing Page ใน Hotel Center ช่วยให้คุณกำหนด จัดระเบียบ และจัดการการกำหนดค่าหน้า Landing Page ได้ บทความนี้จะอธิบายการอัปเดตล่าสุดเกี่ยวกับประสบการณ์หน้า Landing Page ใน Hotel Center

หน้า Landing Page

หน้า Landing Page (ก่อนหน้านี้เรียกว่าจุดขาย/POS) จะแสดงปลายทาง URL ต่างๆ เมื่อผู้ใช้คลิกราคาโฆษณาโรงแรมใน Google และระบบเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์ของพาร์ทเนอร์ หน้า Landing Page ทุกหน้าจะมี URL อย่างน้อย 1 รายการหากคุณใช้แท็ก LPURL ซึ่งช่วยให้พาร์ทเนอร์ใช้ประโยชน์จากพารามิเตอร์ ValueTrack เพื่อติดตามข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่มาของการคลิกโฆษณาได้ URL เหล่านี้สามารถสร้างขึ้นแบบไดนามิกเพื่อใส่ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้ใช้และแผนการเดินทาง

คุณจะได้กำหนดหน้า Landing Page อย่างน้อย 1 หน้าเมื่อตั้งค่าบัญชี Hotel Ads เป็นครั้งแรก หลังจากการตั้งค่าเริ่มต้น คุณสามารถปรับแต่งไฟล์ XML ที่กำหนดหน้า Landing Page สำหรับการกำหนดค่าที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นได้ ตรวจสอบสคีมา XML ของหน้า Landing Page ได้ที่ไวยากรณ์ของไฟล์หน้า Landing Page

Hotel Ads ใช้กฎการจับคู่เพื่อกำหนดหน้า Landing Page ที่จะใช้สำหรับผู้ใช้ปลายทางหนึ่งๆ หาก Hotel Ads จับคู่ผู้ใช้ปลายทางกับหน้า Landing Page ไม่ได้ ระบบจะไม่แสดงโฆษณา ซึ่งส่งผลให้เสียโอกาส

คุณจะตั้งค่า LPURL และ ValueTrack หรือไม่ก็ได้ แต่เราขอแนะนำอย่างยิ่งหากคุณต้องการป้อนข้อมูลตัวแปรของโฆษณา/แคมเปญในหน้า Landing Page ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพารามิเตอร์ ValueTrack รวมถึงวิธีใช้พารามิเตอร์ดังกล่าวเพื่อป้อนข้อมูลตัวแปรแบบไดนามิกและติดตามข้อมูลที่มีค่าผ่าน URL นอกจากนี้ คุณยังตรวจสอบตัวอย่างการใช้งาน LPURL แบบต่างๆ ได้อีกด้วย

วิธีดูหน้า Landing Page

วิธีดูหน้า Landing Page ใน Hotel Center

  1. ลงชื่อเข้าสู่ระบบบัญชี Hotel Center
  2. ในเมนูการนำทาง ให้คลิกหน้า Landing Page
หมายเหตุ: เปอร์เซ็นต์การจับคู่หน้า Landing Page อาจรวมกันได้ไม่ถึง 100% เปอร์เซ็นต์การจับคู่จะประมาณการเข้าชมที่อาจเกิดขึ้นในบัญชีของคุณและเปอร์เซ็นต์ของการเข้าชมที่คุณพลาดไป

หากยังไม่ได้เพิ่มหน้า Landing Page ในบัญชี ระบบจะไม่แสดงรายการหน้า Landing Page ในหน้านี้

เพิ่มหน้า Landing Page ใหม่

คุณเพิ่มหน้า Landing Page แต่ละหน้าได้โดยใช้ปุ่ม "หน้า Landing Page ใหม่" ดังนี้

  1. ในมุมมองหน้า Landing Page ให้คลิกแท็บรายการ แล้วคลิกปุ่มหน้า Landing Page ใหม่
  2. เลือกเกณฑ์การจับคู่หน้า Landing Page ที่จำเป็นเพื่ออนุญาตหรือบล็อกประเภทผู้ใช้ไม่ให้ไปยังหน้าใหม่นี้
  3. สร้าง URL ของหน้า Landing Page ใหม่โดยใช้ตัวแปรของ Google ที่ให้ไว้ หากเว็บไซต์เวอร์ชันที่ใช้งานจริงมี URL ของหน้า Landing Page อยู่แล้ว คุณจะใช้ URL ดังกล่าวและแทนที่ตัวแปรที่ระบุไว้สำหรับค่าที่เชื่อมโยงได้ด้วย ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ตัวแปรและเงื่อนไข
  4. สร้างรหัสที่ไม่ซ้ำกันและชื่อที่แสดงสำหรับหน้า Landing Page ใหม่ โดยชื่อที่แสดงจะปรากฏในโฆษณาตามภาษาที่ระบุ
  5. ในส่วน URL ให้คลิกปุ่มทดสอบ Google จะทดสอบและตรวจสอบ URL กับแผนการเดินทางทดสอบเพื่อยืนยันว่าหน้า Landing Page ทำงานได้อย่างถูกต้อง
  6. คลิกเผยแพร่เพื่อยืนยันการเปลี่ยนแปลง

วิธีเพิ่มหน้า Landing Page ใหม่โดยใช้ XML

  1. ในมุมมองหน้า Landing Page ให้คลิกแท็บอัปโหลด
  2. อัปโหลดไฟล์ XML ของหน้า Landing Page โดยใช้ไวยากรณ์ที่แนะนำ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหน้า Landing Page
  3. คลิกส่ง
    • หลังจากที่คุณส่งไฟล์ XML แล้ว Google จะทดสอบและตรวจสอบ URL คุณจะเห็นรายการหน้า Landing Page ที่อัปโหลดไว้ หน้า Landing Page ที่อัปโหลดอย่างถูกต้องจะแสดงพร้อมเครื่องหมายถูกสีเขียว และหน้า Landing Page ที่มีข้อผิดพลาดจะแสดงพร้อมเครื่องหมายตกใจสีแดง
  4. คลิกเผยแพร่เพื่อยืนยันการเปลี่ยนแปลง

แก้ไขข้อผิดพลาดจากแผนการเดินทางทดสอบ

แผนการเดินทางทดสอบสำหรับ URL และ LPURL จะระบุว่ารายละเอียดของหน้า Landing Page ที่ระบุไม่ถูกต้องหรือมีการจัดรูปแบบไม่ถูกต้องหรือไม่ ในกรณีดังกล่าว ระบบจะไม่แสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับหน้า Landing Page นั้นบน Google จนกว่าจะมีการแก้ไขปัญหาทั้งหมด โดยการทดสอบแผนการเดินทางมีดังนี้

  • ในกรณีที่คุณเห็นเครื่องหมายตกใจสีแดง: ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงล่าสุดที่คุณทำในพารามิเตอร์ของ URL หรือ LPURL โดยใช้ปุ่ม "แก้ไข" และตรวจสอบว่าการเปลี่ยนแปลงมีการจัดรูปแบบอย่างถูกต้องหรือไม่
  • ในกรณีที่ผู้อัปโหลดสร้างแผนการเดินทางทดสอบไม่ได้: ขณะทดสอบแผนการเดินทาง คุณอาจได้รับข้อความแจ้งว่าไม่มีราคาที่ตรงกับพารามิเตอร์ของหน้า Landing Page
    • หากคุณเห็นข้อความแสดงข้อผิดพลาดนี้ ให้ลองทำตามขั้นตอนเหล่านี้
      1. ตรวจสอบสถานะฟีดเพื่อหาคำเตือนว่า Google พบข้อผิดพลาดขณะแยกวิเคราะห์ราคา
      2. ตรวจสอบพารามิเตอร์ของ URL หากอัปเดตความสามารถของเว็บไซต์แล้ว พารามิเตอร์ใหม่อาจไม่ตรงกับราคาที่แคชไว้บน Google
      3. หากใช้ AllowablePointsOfSale ให้อัปเดตฟีดราคาด้วยรหัสในบริบท การดำเนินการนี้จะช่วยให้ Google ทดสอบแผนการเดินทางได้
  • ในกรณีที่คุณเห็นข้อผิดพลาด "แยกวิเคราะห์ XML ไม่สำเร็จ": ตรวจสอบรายละเอียดข้อผิดพลาดที่ระบุ รวมถึงบรรทัดและคอลัมน์ที่มีปัญหาในไฟล์ XML

หากวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้แก้ไขปัญหาไม่ได้ โปรดติดต่อทีมสนับสนุนของ Google เพื่อขอรับความช่วยเหลือ

เรียงลำดับหน้า Landing Page ใหม่

เมื่อเรียงลำดับหน้า Landing Page ใหม่ คุณสามารถเลือกหน้า Landing Page ที่ Google จะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกเมื่อจับคู่กับแผนการเดินทางที่ระบุ หากต้องการเรียงลำดับหน้า Landing Page ใหม่ ให้คลิกปุ่มเรียงลำดับรายการใหม่ แล้วใช้แถบเลื่อนหรือลากและวางหน้า Landing Page ที่ระบุไปยังตำแหน่งที่ต้องการ Google จะเลือกหน้า Landing Page ที่ตรงกันรายการแรกเพื่อสร้าง URL ที่ถูกต้องเสมอ คุณจึงควรแสดงหน้า Landing Page ที่มีลำดับความสำคัญสูงกว่าก่อน

ตัวอย่างเช่น ลองสมมติว่าเป้าหมายคือการเพิ่มลำดับความสำคัญของการจับคู่สำหรับหน้า Landing Page ที่กำหนดเป้าหมายผู้ใช้ในฝรั่งเศส หากหน้าเว็บที่กำหนดระบุไว้เหนือหน้าอื่นๆ ที่มีกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกัน (เช่น ผู้ใช้ในยุโรป) Google จะให้ความสำคัญกับหน้า Landing Page แรก (ผู้ใช้ในฝรั่งเศส) เพื่อสร้าง URL สำหรับผู้ใช้ปลายทาง

วิธีเลื่อนและเรียงลำดับหน้า Landing Page ใหม่โดยไม่ใช้เมาส์

  1. ในมุมมอง "หน้า Landing Page" ให้ใช้ "แท็บ" เพื่อเลือกปุ่ม "เรียงลำดับรายการใหม่" และกด Enter
  2. ใช้ "แท็บ" เพื่อไฮไลต์หน้า Landing Page ที่ต้องการย้าย
  3. ใช้แป้นลูกศรซ้ายเพื่อเลือกแฮนเดิลสำหรับหน้า Landing Page
  4. ใช้แป้นลูกศรขึ้นและลงเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งและเรียงลำดับหน้าที่เลือกใหม่
  5. ใช้แป้นลูกศรขวาเพื่อยกเลิกการเลือกแฮนเดิล
  6. บันทึกการเปลี่ยนแปลงเมื่อเสร็จแล้ว
หมายเหตุ: เมื่อคุณเรียงลำดับหน้า Landing Page ใหม่ อัตราการจับคู่ที่คาดไว้สำหรับหน้า Landing Page แต่ละหน้าอาจเปลี่ยนแปลงแบบไดนามิก

ข้อจำกัดของการสร้างแบรนด์

หากรองรับหลายแบรนด์ คุณจะใช้การผสานรวมและบัญชีเดียวกันได้สำหรับหน้า Landing Page แต่เฉพาะในกรณีที่แบรนด์เหล่านั้นใช้ราคาเดียวกัน (การกำหนดโรงแรมและราคาเดียวกัน) กับแบรนด์อื่นๆ ทั้งหมดในบัญชีเท่านั้น

เช่น บริษัทชื่อ "TravelAgency.com" อาจกำหนดหน้า Landing Page ต่อไปนี้

  • แบ็กเอนด์เดียวกัน
    • "TravelAgency.com": สำหรับผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกา เว็บไซต์สำหรับหน้า Landing Page นี้เป็นภาษาอังกฤษและใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
    • "OtherBrand.com.ca": สำหรับผู้ใช้ในแคนาดา หน้า Landing Page นี้ใช้แบ็กเอนด์ราคาเดียวกันกับ "TravelAgency.com" แต่มีแบรนด์ที่ต่างกัน
  • แบ็กเอนด์อื่น
    • "OtherBrand.com.uk": สำหรับผู้ใช้ในสหราชอาณาจักร หน้า Landing Page นี้ใช้แบ็กเอนด์อื่น

ในตัวอย่างข้างต้น คุณใส่ OtherBrand.com.ca ในไฟล์หน้า Landing Page ได้ เนื่องจากใช้โรงแรมและแบ็กเอนด์ราคาเดียวกันกับ Travelagency.com ส่วน OtherBrand.com.uk จำเป็นต้องใช้บัญชีแยกต่างหากเนื่องจากใช้แบ็กเอนด์ราคาที่ต่างกันกับจุดขายตัวอย่างอื่นๆ โปรดติดต่อ Google โดยใช้แบบฟอร์มติดต่อหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
289331961924523121
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
81426
false
false