วิธีที่ดีที่สุดในการติดตามการบริจาคด้วย Stripe คือส่ง "เหตุการณ์" ด้วย Google Analytics สำหรับธุรกรรมอีคอมเมิร์ซที่ได้รับการยืนยัน
ในการใช้ไลบราลีดังกล่าว คุณจะต้องทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
ก่อนเริ่มต้น
คุณจะต้องมีสิ่งเหล่านี้ก่อนจึงจะตั้งค่าเครื่องมือวัด Conversion สำหรับมูลค่าเฉพาะธุรกรรมบนเว็บไซต์และหน้าการบริจาคของ Kindful ได้
- บัญชี Ad Grants: หากคุณยังไม่มีบัญชี ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อสร้างบัญชีขึ้นมา
- บัญชี Google Analytics: ให้บริการโดยไม่มีค่าใช้จ่าย หากยังไม่มี ให้ทําตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อสร้างบัญชี โปรดทำขั้นตอนสุดท้ายให้เสร็จเรียบร้อย นั่นคือคัดลอกโค้ด Analytics และวางเป็นรายการแรกใน <HEAD> ของทุกหน้าในเว็บไซต์ที่ต้องการติดตาม
-
บัญชี Stripe: ไปที่ศูนย์ช่วยเหลือของ Stripe หากต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับแบบฟอร์มการบริจาค
ขั้นตอนที่ 1: ลิงก์บัญชี Google Analytics กับบัญชี Google Ads
บัญชี Ad Grants จะใช้ข้อมูลจากบัญชี Google Analytics เพื่อช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของโฆษณา ทําตามวิธีการเหล่านี้เพื่อลิงก์บัญชี
ขั้นตอนการเชื่อมโยง Google Ads กับ Google Analytics
-
ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google Ads
-
คลิกไอคอนเครื่องมือ ที่มุมขวาบนของบัญชี ในส่วน "การตั้งค่า" ให้คลิก "บัญชีที่ลิงก์"
-
ในส่วน "Google Analytics" ให้คลิก "รายละเอียด"
-
คุณจะเห็นรายการพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics ที่มีสิทธิ์เข้าถึง คอลัมน์ "สถานะ" จะแสดงว่าพร็อพเพอร์ตี้นั้นๆ ลิงก์กับ Google Ads หรือไม่ (หากคุณไม่เห็นพร็อพเพอร์ตี้ Analytics ที่นี่ ให้ตรวจสอบว่าคุณมีสิทธิ์ "แก้ไข" สำหรับพร็อพเพอร์ตี้นั้น)
-
ในคอลัมน์ "การดำเนินการ" ให้คลิก "ลิงก์" ติดกับพร็อพเพอร์ตี้ที่คุณต้องการลิงก์กับ Google Ads คุณลิงก์พร็อพเพอร์ตี้ได้มากเท่าที่ต้องการ
-
ตอนนี้คุณจะเห็น 1 ใน 2 หน้าจอตามที่อธิบายด้านล่างนี้
-
ถ้าพร็อพเพอร์ตี้ที่คุณเลือกมีข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้เดียว คุณจะเห็นชื่อข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้นั้นเพียงชื่อเดียว เลือกนำเข้าเมตริกไซต์เพื่อดูข้อมูล Google Analytics ในรายงาน Google Ads
-
ถ้าพร็อพเพอร์ตี้มีหลายข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ คุณจะเห็นรายการข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ที่ลิงก์ได้ โดยคุณจะทำสิ่งต่อไปนี้กับพร็อพเพอร์ตี้แต่ละรายการได้
-
ลิงก์: ช่วยให้คุณดูข้อมูลค่าใช้จ่ายและจำนวนคลิกของ Google Ads ใน Analytics และยังช่วยให้เป้าหมายและธุรกรรมของ Analytics พร้อมให้นำเข้ามายัง Google Ads ได้ คุณลิงก์ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ได้มากเท่าที่ต้องการ
-
นำเข้าเมตริกเว็บไซต์: (แนะนำ) เลือกข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ 1 รายการที่คุณต้องการใช้นำเข้าเมตริกการมีส่วนร่วมกับเว็บไซต์ โดยข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้นี้จะใช้เพื่อแสดงเมตริกการมีส่วนร่วมกับไซต์ในคอลัมน์การรายงาน Google Analytics ของบัญชี โปรดทราบว่าคุณจะต้องเพิ่มคอลัมน์ Google Analytics ลงในรายงาน Google Ads ส่วนใหญ่แล้วการนำเข้าข้อมูล Google Analytics จะใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง แต่ก็อาจใช้เวลานานกว่านี้หากบัญชีมีขนาดใหญ่ คุณจะเพิ่มคอลัมน์ Google Analytics ลงในรายงาน Google Ads ได้เมื่อระบบนำเข้าข้อมูลแล้ว
-
-
-
คลิก "บันทึก"
ขั้นตอนที่ 2: เปิดใช้ "อีคอมเมิร์ซ" ใน Google Analytics
หลังจากเปิดใช้ เราจะต้องตรวจสอบว่าได้เปิดใช้ฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซในบัญชี Analytics ของคุณแล้ว
ขั้นตอนการเปิดใช้ "อีคอมเมิร์ซ"
- ลงชื่อเข้าใช้ Google Analytics
-
คลิกผู้ดูแลระบบ และที่ด้านขวาสุด ให้ยืนยันว่าคอลัมน์ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้สอดคล้องกับเว็บไซต์การระดมทุน
-
คลิก "การตั้งค่าอีคอมเมิร์ซ" ในคอลัมน์ "ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้"
-
ตั้งค่า "เปิดใช้อีคอมเมิร์ซ" เป็นเปิด [ไม่จําเป็นต้องเปิดใช้ "อีคอมเมิร์ซที่เพิ่มประสิทธิภาพ"]
-
คลิก "ขั้นตอนถัดไป"
-
คลิก "ส่ง"
- ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟีเจอร์นี้ได้ ที่นี่
ขั้นตอนที่ 3: ส่งลูกค้ากลับมาที่เว็บไซต์หลังการชำระเงิน
ใช้ stripe.redirectToCheckout
เพื่อเปลี่ยนเส้นทางลูกค้าไปยังหน้าจุดชําระเงิน ซึ่งเป็นหน้าเว็บที่โฮสต์โดย Stripe เพื่อรวบรวมข้อมูลการชําระเงินอย่างปลอดภัย เมื่อลูกค้าทำการซื้อเสร็จสมบูรณ์ ระบบจะเปลี่ยนเส้นทางลูกค้ากลับไปยังเว็บไซต์ของคุณ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลที่ระบบจะรวบรวมในขั้นตอนการชําระเงินได้ในคู่มือของ Stipe ที่นี่
URL ที่สำเร็จคือหน้าที่คุณต้องการให้ Stripe ส่งลูกค้าไปเมื่อการชำระเงินเสร็จสมบูรณ์
ตัวอย่างการเรียกใช้ redirectToCheckout
stripe
.redirectToCheckout({
items: [
// Replace with the ID of your SKU
{sku: 'sku_123', quantity: 1},
],
successUrl: 'https://your-website.com/success',
cancelUrl: 'https://your-website.com/canceled',
})
.then(function(result) {
// If `redirectToCheckout` fails due to a browser or network
// error, display the localized error message to your customer
// using `result.error.message`.
});
หากต้องการเข้าถึงเซสชันการชำระเงินเพื่อให้ชําระเงินได้สําเร็จ โปรดอ่านข้อมูลเพิ่มเติมในคู่มือของ Stripe เกี่ยวกับการดำเนินการตามคำสั่งซื้อด้วยเว็บฮุค
ขั้นตอนที่ 4: ติดตามเหตุการณ์ Analytics ในหน้าขอบคุณ
เมื่อลูกค้าดำเนินการชำระเงินจนเสร็จสมบูรณ์หรือเริ่มการสมัครใช้บริการโดยใช้จุดชำระเงินแล้ว จากนั้น Stripe จะเปลี่ยนเส้นทางลูกค้าไปยัง URL ที่คุณระบุไว้ในพารามิเตอร์ successURL
โดยทั่วไป หน้านี้คือหน้าในเว็บไซต์ที่บอกให้ลูกค้าทราบว่าการชำระเงินสำเร็จแล้ว
ในการใช้โค้ดดังกล่าว คุณจะต้องทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
ขั้นตอนในการแก้ไขโค้ดการติดตามอีคอมเมิร์ซของ Analytics
คุณควรใช้โค้ดติดตามของ Google Analytics บนหน้ายืนยัน [https://example.com/success] พร้อมกับโค้ดติดตามอีคอมเมิร์ซของ Google Analytics ซึ่งจะทำให้ธุรกิจของคุณสามารถระบุจำนวนธุรกรรมที่เสร็จสมบูรณ์พร้อมกับรายละเอียดของธุรกรรมแต่ละรายการ โปรดทำตามขั้นตอนย่อยต่อไปนี้ให้เสร็จสิ้นเพื่อให้ใช้โค้ดได้สำเร็จ
-
ใช้โค้ดติดตามแท็กที่ติดทั่วเว็บไซต์เดียวกันกับที่ใช้ใน [www.your-site.com] ในหน้าการยืนยันก่อนแท็กปิด </head> (ดังที่แสดงด้านล่าง)
-
นอกจากแท็กที่ติดทั่วเว็บไซต์แล้ว คุณควรเพิ่มการติดตามผลแบบข้ามโดเมนสำหรับ PayPal เพื่อลิงก์โดเมนโดยอัตโนมัติ การวัดผลแบบข้ามโดเมนเป็นฟีเจอร์ของ Google Analytics ที่ช่วยให้คุณเห็นเซสชันจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง 2 แห่ง (เช่น เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซและเว็บไซต์รถเข็นช็อปปิ้งที่แยกต่างหาก) เป็นเซสชันเดียว แทนที่จะเป็น 2 เซสชันแยกกัน บางครั้งเราก็เรียกฟีเจอร์นี้ว่า "การเชื่อมโยงเว็บไซต์" ที่จะช่วยให้คุณวัดค่าต่างๆ ตลอดเส้นทางของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
-
ใช้ "ตัวแปรที่กําหนดเอง" สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมแต่ละรายการที่ต้องการรวบรวม เช่น transaction_id, value และ currency
-
ใช้โค้ดติดตามอีคอมเมิร์ซของ Google Analytics ในข้อมูลโค้ดเดียวกันกับแท็กที่ติดทั่วเว็บไซต์
หากต้องการวัดธุรกรรม ให้ส่งเหตุการณ์การซื้อพร้อมรายการสินค้าในธุรกรรม เช่น
<!-- Global site tag (gtag.js) - Google Analytics -->
<script async src="https://www.googletagmanager.com/gtag/js?id=GA_MEASUREMENT_ID"></script>
<script>
window.dataLayer = window.dataLayer || [];
function gtag(){dataLayer.push(arguments);}
gtag('js', new Date());
gtag('config', 'GA_MEASUREMENT_ID');
</script>
gtag('config', 'GA_MEASUREMENT_ID', {
'linker': {
'domains': ['checkout.stripe.com']
}
});
gtag('event', 'purchase', {
"transaction_id": "24.031608523954162",
"affiliation": "Google online store",
"value": 23.07,
"currency": "USD",
"tax": 1.24,
"shipping": 0,
"items": [
{
"id": "P12345",
"name": "Android Warhol T-Shirt",
"list_name": "Search Results",
"brand": "Google",
"category": "Apparel/T-Shirts",
"variant": "Black",
"list_position": 1,
"quantity": 2,
"price": '2.0'
},
{
"id": "P67890",
"name": "Flame challenge TShirt",
"list_name": "Search Results",
"brand": "MyBrand",
"category": "Apparel/T-Shirts",
"variant": "Red",
"list_position": 2,
"quantity": 1,
"price": '3.0'
}
]
});
ขั้นตอนที่ 5: เพิ่ม URLของคุณลงในรายการการยกเว้นการอ้างอิง
เมื่อผู้บริจาคข้ามจากโดเมนหลัก (yournonprofit.org) ไปยังหน้าชําระเงินของคุณใน Stripe ระบบของ Analytics จะตีความว่าผู้บริจาคได้รับการอ้างอิงโดยโดเมนหลักไปยังโดเมนรอง และ Analytics จะนับว่าเป็นการเข้าชมแยกกัน ซึ่งไม่ได้สะท้อนถึงประสบการณ์ของผู้บริจาคอย่างถูกต้อง เราจึงขอแนะนําให้สร้างรายการการยกเว้น
โปรดทำตามวิธีใช้รายการการยกเว้นการอ้างอิง ซึ่งเป็นการเพิ่มโดเมนย่อยที่คุณอาจมีสําหรับการบริจาค กิจกรรมพิเศษ หรือสินค้า
ขั้นตอนในการเพิ่มแหล่งที่มาของการเข้าชมจากการอ้างอิง
- ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Analytics
- คลิกผู้ดูแลระบบ
- ในคอลัมน์บัญชี ให้เลือกบัญชี Analytics ที่มีพร็อพเพอร์ตี้ที่คุณต้องการใช้
- ในคอลัมน์พร็อพเพอร์ตี้ ให้เลือกพร็อพเพอร์ตี้
- คลิกข้อมูลสำหรับการติดตาม
- คลิกรายการยกเว้นการอ้างอิง
- หากต้องการเพิ่มโดเมน คลิก +เพิ่มการยกเว้นการอ้างอิง
- ป้อนชื่อโดเมน
- คลิกสร้างเพื่อบันทึก