ตั้งค่าเครื่องมือวัด Conversion ที่ถูกต้องแม่นยำและใช้งานได้

 

นโยบาย Google Ad Grants กำหนดให้ใช้เครื่องมือวัด Conversion ที่ถูกต้องแม่นยำและใช้งานได้  ใช้ข้อมูล Conversion ที่เชื่อถือได้เพื่อดูว่าคีย์เวิร์ด โฆษณา และแคมเปญใดที่ทำให้ผู้เข้าชมตัดสินใจดำเนินการในเว็บไซต์ของคุณ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพบัญชีเพื่อให้ผลลัพธ์ที่มีความหมายเหล่านี้มีจำนวนมากขึ้น

เครื่องมือวัด Conversion คืออะไร 

เครื่องมือวัด Conversion เป็นเครื่องมือที่ไม่มีค่าใช้จ่ายซึ่งจะแสดงให้คุณเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่มีคนโต้ตอบกับโฆษณาของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการบริจาค ซื้อสินค้าหรือบริการจากร้านค้าการกุศล โทรหาฝ่ายสนับสนุน ลงชื่อสมัครรับจดหมายข่าว ลงชื่อสมัครเป็นอาสาสมัคร หรือดาวน์โหลดแอป เมื่อผู้ใช้ดำเนินการตามที่คุณกำหนดว่ามีคุณค่า การกระทำที่เสร็จสมบูรณ์เหล่านี้จะเรียกว่า Conversion 

ทำไมจึงควรติดตั้งเครื่องมือวัด Conversion 

รับผลตอบแทนสูงสุดจากงบประมาณ Ad Grants ด้วยการติดตามผลลัพธ์ โดยมีประโยชน์ดังนี้ 

  • ดูว่าคีย์เวิร์ด โฆษณา กลุ่มโฆษณา และแคมเปญใดที่กระตุ้นให้เกิดการดำเนินการที่มีคุณค่าได้มากที่สุด
  • ดูผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ของคุณเพื่อนำข้อมูลมาใช้ประกอบการตัดสินใจเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณ Ad Grants ได้ดียิ่งขึ้น 
  • ใช้กลยุทธ์ Smart Bidding เช่น การเพิ่มจำนวน Conversion สูงสุด ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญโดยอัตโนมัติตามเป้าหมายที่คุณตั้งไว้ และสามารถมีเกิน CPC สูงสุดที่กำหนดไว้เป็นกฎของโปรแกรมได้สำหรับแคมเปญการเสนอราคาด้วยตนเอง 
  • ดูจำนวนลูกค้าที่อาจโต้ตอบกับโฆษณาของคุณในอุปกรณ์หรือเบราว์เซอร์หนึ่งๆ แล้วทำ Conversion ในอุปกรณ์หรือเบราว์เซอร์อื่น คุณดู Conversion จากหลายอุปกรณ์ หลายเบราว์เซอร์ และข้อมูล Conversion อื่นๆ ได้ในคอลัมน์การรายงาน "Conversion ทั้งหมด"

ตรวจสอบว่าคุณมีการกระทำที่ถือเป็น Conversion และกำลังบันทึก Conversion อยู่หรือไม่ 

  1. ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google Ads
  2. คลิกแคมเปญในแผงการนำทางด้านซ้าย
  3. เลือกช่วงวันที่เป็น 30 วันที่ผ่านมาที่ด้านบนขวา
  4. ดูแถวด้านล่างของตารางผลลัพธ์ "ทั้งหมด: บัญชี" และคอลัมน์ "Conversion" หากไม่เห็นคอลัมน์ "Conversion" ให้คลิกคอลัมน์ที่ด้านบนของตาราง แล้วเพิ่ม "Conversion"
  5. หากมี Conversion 0 ครั้งในช่วง 30 วันที่ผ่านมา คุณต้องพิจารณาว่ามีปัญหาใดต่อไปนี้ 
  6. คลิกไอคอนเครื่องมือที่แผงด้านบน ใต้คอลัมน์ "การวัด" ให้คลิก Conversion
    1. หากไม่มีการกระทำที่ถือเป็น Conversion ให้ตั้งค่าเครื่องมือวัด Conversion
    2. หากมีการกระทำที่ถือเป็น Conversion แต่มีข้อความต่อไปนี้ระบุอยู่ใต้ "สถานะ" การกระทำที่ถือเป็น Conversion ของคุณ

ตั้งค่าเครื่องมือวัดหากไม่มีการกระทำที่ถือเป็น Conversion

นโยบาย Google Ad Grants กำหนดให้ใช้เครื่องมือวัด Conversion ที่ถูกต้องแม่นยำและใช้งานได้ ใช้ข้อมูล Conversion ที่เชื่อถือได้เพื่อดูว่าคีย์เวิร์ด โฆษณา และแคมเปญใดที่ทำให้ผู้เข้าชมตัดสินใจดำเนินการในเว็บไซต์ของคุณ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพบัญชีเพื่อให้ผลลัพธ์ที่มีความหมายเหล่านี้มีจำนวนมากขึ้น

เครื่องมือวัด Conversion ของ Google Ads จะช่วยให้คุณเห็นว่าการคลิกโฆษณานำไปสู่กิจกรรมที่มีคุณค่าของผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด เช่น การบริจาค การซื้อ การโทรติดต่อ การดาวน์โหลดแอป การลงชื่อสมัครรับจดหมายข่าว และอื่นๆ ขั้นตอนการตั้งค่าจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภท Conversion ที่คุณติดตาม ดังนั้นขั้นแรกในการตั้งค่าเครื่องมือวัด Conversion ก็คือการเลือกเป้าหมาย

โปรดข้ามไปยังส่วนที่เกี่ยวข้องด้านล่างตามกิจกรรมที่คุณต้องการติดตาม

  • ติดตามธุรกรรมที่มีมูลค่าเป็นตัวเงิน

  • ติดตามการลงชื่อสมัครครั้งใหม่ ผู้ใช้บริการ โอกาสในการขาย แบบฟอร์มที่ส่งเข้ามา หรือการดาวน์โหลดเอกสารสำคัญ

  • ติดตามการมีส่วนร่วมกับเนื้อหาเว็บไซต์ของคุณ

  • ติดตามการโทรเข้าสายด่วนหรือหมายเลขการสนับสนุน

  • ติดตามว่าลูกค้าติดตั้งแอปของคุณหรือมีการดำเนินการในแอปเมื่อใด

หมายเหตุ

คุณต้องตั้งค่าประเภท Conversion ตามด้านล่างอย่างน้อย 1 ประเภทดังที่อธิบายไว้ และเมื่อบัญชีใช้งานได้แล้ว จะต้องมี Conversion เพิ่มอย่างน้อย 1 รายการต่อเดือนเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนด คุณเพิ่มประเภท Conversion ที่ไม่ได้ระบุอยู่ด้านล่างลงในบัญชีได้ แต่ต้องไม่รวมอยู่ใน "Conversion" และใช้หมวดหมู่ "อื่นๆ"

 

เปลี่ยนไปใช้ Smart Campaign ซึ่งตั้งค่าได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ช่วยลดภาระในการจัดการอย่างต่อเนื่อง และแสดงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพแบบอัตโนมัติ แคมเปญดังกล่าวจะช่วยประหยัดเวลาและบัญชีไม่ต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพและเครื่องมือวัด Conversion ของ Ad Grants โปรดทำตามคู่มือการสมัครเข้าร่วม Google Ad Grants เพื่อตั้งค่าบัญชี

ติดตามธุรกรรมที่มีมูลค่าเป็นตัวเงิน

ธุรกรรมที่มีมูลค่าเป็นตัวเงินมีหลายรูปแบบ ติดตามการบริจาคที่ได้รับ การขายตั๋ว การขายสินค้าของร้านค้าการกุศลทางออนไลน์ การจองกิจกรรมที่มีค่าธรรมเนียม การชำระค่าบริการ การนัดหมาย การรับสมาชิกเพิ่ม และการสมัครเข้าร่วมโครงการระดมทุน

นโยบาย: ตรวจสอบว่าธุรกรรมทั้งหมดที่มีมูลค่าเป็นตัวเงินใช้หมวดหมู่ "การซื้อ/การขาย" 

ใช้ Google Analytics และติดตามมูลค่าธุรกรรม

เคล็ดลับ

ขอแนะนำให้ติดตั้ง Google Analytics, ลิงก์บัญชี และตั้งค่าการติดตามเป้าหมาย หรืออีคอมเมิร์ซเพื่อดูข้อมูลธุรกรรม นอกจากการนำเข้าเป้าหมายและธุรกรรมของ Analytics ไปยังเครื่องมือวัด Conversion ของ Google Ads แล้ว คุณยังดูเมตริกต่างๆ ของ Analytics ได้ด้วย เช่น อัตราตีกลับ ระยะเวลาเซสชันโดยเฉลี่ย และหน้า/เซสชันในแท็บ "แคมเปญ" และ "กลุ่มโฆษณา" ของ Google Ads

  1. ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google Ads ด้วยชื่อผู้ใช้เดียวกันกับที่ใช้ในการสร้างบัญชี Ad Grants ในส่วนที่ 1

  2. คลิกไอคอนเครื่องมือ ที่มุมขวาบน แล้วคลิก Conversion ในส่วน "การวัด"

  3. คลิกปุ่มบวก

  4. เลือกนำเข้า เลือก Google Analytics แล้วคลิกต่อไป

  5. เลือกเป้าหมายหรือธุรกรรมที่ตรงตามข้อกำหนดต่อไปนี้และคุณต้องการนำเข้า แล้วคลิกนำเข้าและดำเนินการต่อ

    1. หากไม่ได้ใช้อีคอมเมิร์ซ ให้ตรวจสอบว่าเป้าหมายที่กำลังติดตามธุรกรรมออนไลน์คือเป้าหมายปลายทางซึ่งติดตามการไปยังหน้ายืนยันการชำระเงิน

    2. หากคุณนำผู้ใช้ออกจากเว็บไซต์เพื่อทำธุรกรรมกับผู้ประมวลผลการชำระเงินบุคคลที่สามและไม่ได้รับการยืนยันหรือมูลค่ากลับมา ให้ตั้งค่าการติดตามเหตุการณ์ในปุ่ม "บริจาค" หรือ "ซื้อ" ที่เป็นขั้นตอนสุดท้าย

    3. เราขอแนะนำให้ใช้อีคอมเมิร์ซและนำเข้าธุรกรรม เนื่องจากธุรกรรมจะติดตามธุรกรรมทั้งหมดที่มีมูลค่าเป็นตัวเงินในเว็บไซต์ โปรดหลีกเลี่ยงการนำเข้าเป้าหมายอื่นๆ ที่จะติดตามมูลค่าไปพร้อมกับธุรกรรมด้วย เพราะมักจะทำให้มีการนับซ้ำกัน

    4. คลิกเสร็จสิ้น

เมื่อคุณนำเข้าเป้าหมายของ Analytics แล้ว ให้แก้ไขเป้าหมายเพื่อบันทึกการตั้งค่าต่อไปนี้

  1. คลิกชื่อเป้าหมายที่นำเข้าที่คุณต้องการแก้ไข

  2. คลิกแก้ไขการตั้งค่าที่มุมขวาล่าง

  3. คลิกหมวดหมู่ เลือก "การซื้อ/การขาย" จากเมนูแบบเลื่อนลงสำหรับการกระทำที่ถือเป็น Conversion ที่รายงานธุรกรรมที่มีมูลค่าเป็นตัวเงิน

  4. คลิกมูลค่า เมื่อคุณสร้างการติดตามมูลค่าใน Analytics ไว้อย่างถูกต้องแล้ว ให้ใช้การตั้งค่า "ใช้มูลค่าจาก Analytics" จากนั้น ให้ยกเลิกการเลือก/เลือก "ใช้สกุลเงินเดียวกันกับใน Analytics"

  5. คลิกนับ เลือก "ทุกรายการ" ซึ่งเหมาะสำหรับธุรกรรม เมื่อทุก Conversion มีแนวโน้มที่จะเพิ่มมูลค่าให้องค์กรการกุศลของคุณ ส่วน "หนึ่ง" เหมาะสำหรับโอกาสในการขาย เช่น แบบฟอร์มลงชื่อสมัครในเว็บไซต์ เมื่อการคลิกโฆษณา 1 ครั้ง มีเพียง Conversion เดียวเท่านั้นที่น่าจะเพิ่มมูลค่าให้องค์กรของคุณ

  6. คลิกกรอบเวลา Conversion เลือกจากเมนูแบบเลื่อนลงว่าคุณต้องการติดตาม Conversion เป็นระยะเวลาเท่าใดหลังจากมีการโต้ตอบกับโฆษณา ขอแนะนำให้เลือก 90 วันเพื่อบันทึกรอบการซื้อได้นานขึ้น เช่น การบริจาค

  7. คลิกกรอบเวลา Conversion การดูผ่าน เลือกระยะเวลาที่ต้องการติดตาม Conversion การดูผ่านจากเมนูแบบเลื่อนลง ขอแนะนำให้เลือก 30 วันเพื่อบันทึกรอบการซื้อได้นานขึ้น เช่น การบริจาค

  8. คลิกรวมใน "Conversion" แล้วเลือก "ใช่" เพื่อรวมการติดตามสำหรับธุรกรรมที่มีมูลค่าเป็นตัวเงินในคอลัมน์การรายงาน "Conversion" และใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อให้ส่งผลต่อกลยุทธ์ Smart Bidding

  9. คลิกรูปแบบการระบุแหล่งที่มาและเลือกรูปแบบที่เหมาะสม ขอแนะนำให้ใช้ "ลดลงตามเวลา"

  10. คลิกบันทึกสำหรับแต่ละส่วน แล้วคลิกเสร็จสิ้นที่ด้านล่างของหน้าต่าง

ตัวเลือกที่ 2) ใช้เครื่องมือวัด Conversion ของ Google Ads กับเว็บไซต์

หากไม่ต้องการติดตั้ง Google Analytics และคุณประมวลผลการชำระเงินในเว็บไซต์ของคุณ ตลอดจนแก้ไขเว็บไซต์เพื่อเพิ่มโค้ดเครื่องมือวัด Conversion ที่เรียกว่า "แท็ก" ได้ ให้ติดตามการไปยังหน้ายืนยันการซื้อโดยใช้การติดตามหน้าปลายทางด้วย Google Ads

  1. ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google Ads ด้วยชื่อผู้ใช้เดียวกันกับที่ใช้ในการสร้างบัญชี Ad Grants ในส่วนที่ 1

  2. คลิกไอคอนเครื่องมือ ที่มุมขวาบน แล้วคลิก Conversion ในส่วน "การวัด"

  3. คลิกปุ่มบวก

  4. เลือกเว็บไซต์

  5. ข้าง "ชื่อ Conversion" ให้ป้อนชื่อ Conversion ที่ต้องการติดตาม เช่น "การบริจาคครั้งเดียว" "การบริจาครายเดือน" "การซื้อตั๋ว" "การซื้อในร้านค้าออนไลน์" วิธีนี้จะช่วยให้คุณจำการกระทำที่ถือเป็น Conversion นี้ในรายงาน Conversion ในภายหลังได้

  6. ถัดจาก "หมวดหมู่" ให้เลือกการซื้อ/การขายจากเมนูแบบเลื่อนลง

  7. ถัดจาก "มูลค่า" ให้เลือกวิธีติดตามมูลค่าของ Conversion แต่ละรายการ

    • เลือก "ใช้มูลค่าต่างๆ กันสำหรับแต่ละ Conversion" หากจำนวนเงินรวมแตกต่างกันได้ในแต่ละครั้งที่ Conversion เดียวกันนั้นเกิดขึ้น เช่น ถ้าคุณกำลังติดตามการซื้อผลิตภัณฑ์หรือตั๋วที่มีราคาต่างกัน เมื่อเพิ่มแท็กเครื่องมือวัด Conversion ในภายหลัง คุณจะต้องปรับแต่งแท็กเพื่อติดตามมูลค่าเฉพาะธุรกรรม

    • เลือก "ใช้มูลค่าเดียวกันสำหรับแต่ละ Conversion" หากคุณวางแผนที่จะตั้งค่าการกระทำที่ถือเป็น Conversion หลายรายการสำหรับแต่ละธุรกรรม และให้แต่ละธุรกรรมติดตามมูลค่าที่เฉพาะเจาะจง เช่น ตั้งค่าการกระทำที่ถือเป็น Conversion ว่า "บริจาค $10" หากมีผู้บริจาคเงิน $10 ระบบจะติดตามการไปยังหน้ายืนยัน www.example.com/thankyou10 หากต้องการติดตามการบริจาคเงิน $20 คุณก็ควรกำหนดให้การกระทำที่ถือเป็น Conversion รายการที่ 2 ที่มีมูลค่า $20 ติดตามการไปที่หน้ายืนยัน www.example.com/thankyou20

  8. ถัดจาก "นับ" ให้เลือก "ทุกรายการ" ซึ่งเหมาะสำหรับธุรกรรม เมื่อทุก Conversion มีแนวโน้มที่จะเพิ่มมูลค่าให้องค์กรการกุศลของคุณ ส่วน "หนึ่ง" เหมาะสำหรับโอกาสในการขาย เช่น แบบฟอร์มลงชื่อสมัครในเว็บไซต์ เมื่อการคลิกโฆษณา 1 ครั้ง มีเพียง Conversion เดียวเท่านั้นที่น่าจะเพิ่มมูลค่าให้องค์กรของคุณ

  9. คลิกกรอบเวลา Conversion เลือกจากเมนูแบบเลื่อนลงว่าคุณต้องการติดตาม Conversion เป็นระยะเวลาเท่าใดหลังจากมีการโต้ตอบกับโฆษณา ขอแนะนำให้เลือก 90 วันเพื่อบันทึกรอบการซื้อได้นานขึ้น เช่น การบริจาค

  10. คลิกกรอบเวลา Conversion การดูผ่าน เลือกระยะเวลาที่ต้องการติดตาม Conversion การดูผ่านจากเมนูแบบเลื่อนลง ขอแนะนำให้เลือก 30 วันเพื่อบันทึกรอบการซื้อได้นานขึ้น เช่น การบริจาค

  11. คลิกรวมใน "Conversion" แล้วเลือก "ใช่" เพื่อรวมข้อมูลของการกระทำที่ถือเป็น Conversion ที่สำคัญนี้และการติดตามธุรกรรมที่มีมูลค่าเป็นตัวเงินไว้ในคอลัมน์การรายงาน "Conversion" และใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อให้ส่งผลต่อกลยุทธ์ Smart Bidding

  12. คลิก "รูปแบบการระบุแหล่งที่มา" และเลือกรูปแบบที่เหมาะสม ขอแนะนำให้ใช้ "ลดลงตามเวลา"

  13. คลิก "สร้างและดำเนินการต่อ"

คุณก็จะเห็นหน้าจอที่แสดงว่าคุณได้สร้างการกระทำที่ถือเป็น Conversion แล้ว ทำตามวิธีการในขั้นตอนที่ 2 เพื่อตั้งค่าแท็ก คุณต้องใช้งานแท็ก ระบบจึงจะถือว่าการวัด Conversion เสร็จสมบูรณ์และบัญชีจึงจะมีสิทธิ์เปิดใช้งาน

ตัวเลือกที่ 3) หากคุณใช้แพลตฟอร์มของบุคคลที่สามเพื่อประมวลผลธุรกรรมที่เริ่มขึ้นในเว็บไซต์ของคุณ (เช่น PayPal, Classy, Ticketmaster)

หากคุณใช้ผู้ประมวลผลการชำระเงินที่เป็นบุคคลที่สาม ให้นำเข้าเป้าหมายเหล่านั้นไปยัง Google Ads ติดต่อผู้ประมวลผลเพื่อรับการสนับสนุน หรือไปที่ศูนย์ช่วยเหลือของเราเพื่อดูคำแนะนำหากคุณใช้ Classy, Frontstream Artez หรือ Blackbaud Luminate

การติดตามมูลค่าของโอกาสในการขาย

หากคุณติดตามโอกาสในการขายอยู่และมั่นใจเกี่ยวกับมูลค่าสุดท้ายที่องค์กรการกุศลจะได้รับ ให้เพิ่มมูลค่านั้นและใช้หมวดหมู่ "การซื้อ/การขาย"  

ติดตามข้อมูลใหม่เกี่ยวกับการลงชื่อสมัคร ผู้ใช้บริการ โอกาสในการขาย แบบฟอร์มที่ส่งเข้ามา หรือการดาวน์โหลดเอกสารสำคัญ

ติดตามการกระทำสำคัญที่เกิดขึ้นในเว็บไซต์ซึ่งมีความหมายต่อองค์กรของคุณ ตัวอย่างเช่น การลงชื่อสมัครเป็นอาสาสมัคร การที่ผู้ใช้ลงชื่อสมัครใช้บริการ การลงชื่อสมัครรับจดหมายข่าว การลงนามเพื่อรับรองหรือเรียกร้อง การจองเวลานัดหมาย การขอข้อมูลเพิ่มเติม หรือการดาวน์โหลดเอกสาร เมื่อการกระทำเสร็จสมบูรณ์แล้ว ระบบจะนำผู้ใช้ไปยังหน้ายืนยันหรือหน้าขอบคุณ ติดตามหน้านี้โดยใช้การติดตามหน้าเว็บ หากไม่มีหน้ายืนยัน ให้ติดตามการคลิกปุ่ม 

ตัวเลือกที่ 1) ใช้ Google Analytics เพื่อติดตามดูหน้ายืนยัน หรือการคลิกปุ่ม

เคล็ดลับ

 
ขอแนะนำให้ติดตั้ง Google Analytics, ลิงก์บัญชี และตั้งค่าการติดตามเป้าหมายเพื่อติดตามดูหน้ายืนยัน นอกจากนี้ Analytics ยังมีคุณสมบัติที่ไม่เหมือนใคร นั่นก็คือความสามารถในการติดตามการมีส่วนร่วมโดยใช้ยอดดูของวิดีโอ YouTube หรือการคลิกปุ่มที่มีการติดตามเหตุการณ์ ซึ่ง Google Ads ทำไม่ได้ หากนำเข้าข้อมูลจาก Analytics คุณจะได้รับประโยชน์จากเมตริกต่างๆ ด้วย เช่น อัตราตีกลับ ระยะเวลาเซสชันโดยเฉลี่ย และหน้า/เซสชันในแท็บ "แคมเปญ" และ "กลุ่มโฆษณา" ของ Google Ads 
  1. ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google Ads ด้วยชื่อผู้ใช้เดียวกันกับที่ใช้ในการสร้างบัญชี Ad Grants ในส่วนที่ 1

  2. คลิกไอคอนเครื่องมือ ที่มุมขวาบน แล้วคลิก Conversion ในส่วน "การวัด"

  3. คลิกปุ่มบวก

  4. เลือกนำเข้า เลือก Google Analytics แล้วคลิกต่อไป

  5. เลือกเป้าหมายหรือธุรกรรมที่ตรงตามข้อกำหนดต่อไปนี้และคุณต้องการนำเข้า แล้วคลิกนำเข้าและดำเนินการต่อ

    • ตรวจสอบว่าเป้าหมายที่กำลังติดตามธุรกรรมออนไลน์คือเป้าหมายปลายทางที่ติดตามการไปยังหน้ายืนยัน

    • หากคุณไม่มีหน้ายืนยันหรือนำผู้ใช้ออกนอกเว็บไซต์เพื่อให้การดำเนินการเสร็จสมบูรณ์และไม่ได้รับการยืนยันกลับมา ให้ตั้งค่าการติดตามเหตุการณ์ และติดตามการคลิกปุ่มส่งซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้าย "เหตุการณ์" คือการโต้ตอบของผู้ใช้ที่มีต่อเนื้อหาที่ติดตามได้โดยแยกต่างหากจากการโหลดหน้าเว็บหรือหน้าจอ การดาวน์โหลด การคลิกโฆษณาในอุปกรณ์เคลื่อนที่ แกดเจ็ต องค์ประกอบ Flash องค์ประกอบ AJAX ที่ฝังไว้ และการเล่นวิดีโอล้วนเป็นตัวอย่างการกระทำที่คุณอาจต้องการติดตามเป็นเหตุการณ์

  6. คลิกเสร็จสิ้น

เมื่อคุณนำเข้าเป้าหมายของ Analytics แล้ว ให้แก้ไขเป้าหมายเพื่อบันทึกการตั้งค่าต่อไปนี้

  1. คลิกชื่อเป้าหมายที่นำเข้าที่คุณต้องการแก้ไข

  2. คลิก "แก้ไขการตั้งค่า" ที่มุมขวาล่าง

  3. ถัดจาก "หมวดหมู่" ให้เลือก "การลงชื่อสมัคร" หรือ "โอกาสในการขาย" โดยขึ้นอยู่กับการกระทำที่ถือเป็น Conversion หมายเหตุ: อย่าเลือก "การซื้อ/การขาย" เว้นแต่คุณจะติดตามมูลค่าที่เป็นตัวเงินที่ถูกต้องสำหรับการกระทำนั้นๆ

  4. ถัดจาก "นับ" ให้เลือก "หนึ่ง" ซึ่งปกติแล้วจะเหมาะสำหรับการลงชื่อสมัครและโอกาสในการขาย เมื่อการคลิกโฆษณา 1 ครั้ง มีเพียง Conversion เดียวเท่านั้นที่น่าจะเพิ่มมูลค่าให้องค์กรของคุณ ในบางกรณีซึ่งเกิดได้ยาก "ทุกรายการ" อาจเหมาะสมกว่า เมื่อทุก Conversion มีแนวโน้มที่จะเพิ่มมูลค่าให้องค์กรการกุศลของคุณ

  5. คลิกกรอบเวลา Conversion แล้วเลือกจากเมนูแบบเลื่อนลงว่าคุณต้องการติดตาม Conversion เป็นระยะเวลาเท่าใดหลังจากมีการโต้ตอบกับโฆษณา ขอแนะนำให้เลือก 90 วันในหลายๆ กรณี เมื่อระยะเวลาดังกล่าวตรงกับเวลาที่จำเป็นต้องใช้ในการเปลี่ยนผู้เข้าชมให้เป็นผู้สนับสนุนหรือผู้ใช้บริการขององค์กรการกุศลของคุณ

  6. คลิกกรอบเวลา Conversion การดูผ่าน เลือกระยะเวลาที่ต้องการติดตาม Conversion การดูผ่านจากเมนูแบบเลื่อนลง ขอแนะนำให้เลือก 30 วันเพื่อบันทึกรอบ Conversion ได้นานขึ้น เช่น การลงชื่อสมัครเป็นอาสาสมัคร

  7. คลิกรวมใน "Conversion" แล้วเลือก "ใช่" เพื่อรวมข้อมูลของการกระทำที่ถือเป็น Conversion ที่สำคัญนี้ไว้ในคอลัมน์การรายงาน "Conversion" และใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อให้ส่งผลต่อกลยุทธ์ Smart Bidding

  8. คลิกรูปแบบการระบุแหล่งที่มาและเลือกรูปแบบที่เหมาะสม ขอแนะนำให้ใช้ "ลดลงตามเวลา"

  9. คลิกบันทึกสำหรับแต่ละส่วน แล้วคลิกเสร็จสิ้นที่ด้านล่างของหน้าต่าง

ตัวเลือกที่ 2) ใช้เครื่องมือวัด Conversion ของ Google Ads กับเว็บไซต์

  1. ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google Ads ด้วยชื่อผู้ใช้เดียวกันกับที่ใช้ในการสร้างบัญชี Ad Grants ในส่วนที่ 1

  2. คลิกไอคอนเครื่องมือ ที่มุมขวาบน แล้วคลิก Conversion ในส่วน "การวัด"

  3. คลิกปุ่มบวก

  4. เลือกเว็บไซต์

  5. ถัดจาก "ชื่อ Conversion" ให้ป้อนชื่อของ Conversion ที่ต้องการติดตาม เช่น "ลงชื่อสมัครรับจดหมายข่าว" วิธีนี้จะช่วยให้คุณจำการกระทำที่ถือเป็น Conversion นี้ได้ในรายงาน Conversion ในภายหลัง

  6. ถัดจาก "หมวดหมู่" ให้เลือก "โอกาสในการขาย" "การลงชื่อสมัคร" หรือ "อื่นๆ" จากเมนูแบบเลื่อนลง อย่าเลือก "การซื้อ/การขาย" เว้นแต่คุณจะติดตามมูลค่าที่เป็นตัวเงินที่ถูกต้องสำหรับการกระทำนั้นๆ

  7. ถัดจาก "มูลค่า" ให้เลือกวิธีติดตามมูลค่าของ Conversion แต่ละรายการ

    • คุณเลือก "ไม่ใช้มูลค่า" ได้

    • หรือเลือก "ใช้มูลค่าเดียวกันสำหรับแต่ละ Conversion" หากต้องการใช้มูลค่า Conversion ที่เหมือนกันหากคุณกำลังติดตามการกระทำที่ถือเป็น Conversion หลายรายการ คุณใช้วิธีนี้เพื่อเก็บบันทึกมูลค่าต่างๆ แยกกันได้ เช่น การโทรและการลงชื่อสมัคร การดูมูลค่าแบบแยกกันทำให้สามารถเปรียบเทียบการกระทำที่ถือเป็น Conversion 2 รายการและนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ประโยชน์ หากคุณตั้งมูลค่าการโทรไว้ที่ $5 และการลงชื่อสมัครไว้ที่ $20 หมายความว่าคุณตั้งมูลค่าการลงชื่อสมัครมากกว่าการโทร 4 เท่า ตัวอย่างการกระทำอื่นๆ ของผู้เข้าชมที่อาจมีคุณค่าต่อองค์กรการกุศลของคุณ ได้แก่ การส่งแบบฟอร์ม การขอข้อมูลเกี่ยวกับการรับอุปการะสัตว์ โอกาสในการบริจาครถ การขอให้โทรกลับ หรือการค้นหาสถานที่ตั้งขององค์กรการกุศลของคุณ

    • หากต้องการใช้การเลือก "ใช้มูลค่าที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละ Conversion" และจำนวนเงินรวมอาจแตกต่างกันในแต่ละครั้งที่ Conversion เดียวกันนี้เกิดขึ้น ให้ดูส่วนที่ 1 "ติดตามธุรกรรมที่มีมูลค่าเป็นตัวเงิน" เพื่อตั้งค่าการกระทำที่มีมูลค่าเป็นตัวเงินอย่างถูกต้อง

  8. ถัดจาก "นับ" ให้เลือก "หนึ่ง" ซึ่งปกติแล้วจะเหมาะสำหรับการลงชื่อสมัครและโอกาสในการขาย เมื่อการคลิกโฆษณา 1 ครั้ง มีเพียง Conversion เดียวเท่านั้นที่น่าจะเพิ่มมูลค่าให้องค์กรของคุณ ในบางกรณีซึ่งเกิดได้ยาก "ทุกรายการ" อาจเหมาะสมกว่า เมื่อทุก Conversion มีแนวโน้มที่จะเพิ่มมูลค่าให้องค์กรการกุศลของคุณ

  9. คลิกกรอบเวลา Conversion แล้วเลือกจากเมนูแบบเลื่อนลงว่าคุณต้องการติดตาม Conversion เป็นระยะเวลาเท่าใดหลังจากมีการโต้ตอบกับโฆษณา ขอแนะนำให้เลือก 90 วันในหลายๆ กรณี เมื่อระยะเวลาดังกล่าวตรงกับเวลาที่จำเป็นต้องใช้ในการเปลี่ยนผู้เข้าชมให้เป็นผู้สนับสนุนหรือผู้ใช้บริการขององค์กรการกุศลของคุณ

  10. คลิกกรอบเวลา Conversion การดูผ่าน เลือกระยะเวลาที่ต้องการติดตาม Conversion การดูผ่านจากเมนูแบบเลื่อนลง ขอแนะนำให้เลือก 30 วันเพื่อบันทึกรอบ Conversion ได้นานขึ้น เช่น การลงชื่อสมัครเป็นอาสาสมัคร

  11. คลิกรวมใน "Conversion" แล้วเลือก "ใช่" เพื่อรวมข้อมูลของการกระทำที่ถือเป็น Conversion ที่สำคัญนี้ไว้ในคอลัมน์การรายงาน "Conversion" และใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อให้ส่งผลต่อกลยุทธ์ Smart Bidding

  12. คลิกรูปแบบการระบุแหล่งที่มาและเลือกรูปแบบที่เหมาะสม ขอแนะนำให้ใช้ "ลดลงตามเวลา"

  13. คลิกสร้างและดำเนินการต่อ

ตอนนี้ คุณจะเห็นหน้าจอที่ระบุว่าคุณได้สร้างการกระทำที่ถือเป็น Conversion แล้ว ทำตามวิธีการในขั้นตอนที่ 2 เพื่อตั้งค่าแท็ก คุณต้องใช้งานแท็ก ระบบจึงจะถือว่าการวัด Conversion เสร็จสมบูรณ์และบัญชีจึงจะมีสิทธิ์เปิดใช้งาน

ติดตามการมีส่วนร่วมกับเนื้อหาของเว็บไซต์

หากคุณยังไม่ได้วัด Conversion เป้าหมายสมาร์ทจาก Google Analytics จะช่วยให้คุณใช้เซสชันที่ดีที่สุดเป็น Conversion ได้อย่างง่ายดาย เป้าหมายสมาร์ทใช้แมชชีนเลิร์นนิงเพื่อตรวจสอบข้อมูลสัญญาณจำนวนมากเกี่ยวกับเซสชันการเข้าชมเว็บไซต์ เพื่อตัดสินว่าเซสชันใดมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิด Conversion มากที่สุด ระบบจะให้คะแนนแต่ละเซสชัน และแปลงเซสชันที่ "ดีที่สุด" มาเป็นเป้าหมายสมาร์ท ตัวอย่างของสัญญาณที่รวมอยู่ในโมเดลเป้าหมายสมาร์ทได้แก่ ระยะเวลาเซสชัน จำนวนหน้าเว็บต่อเซสชัน สถานที่ตั้ง อุปกรณ์ และเบราว์เซอร์

เป้าหมายสมาร์ทจะสร้างเกณฑ์โดยเลือกการเข้าชมสูงสุดประมาณ 5% แรกจาก Google Ads มายังเว็บไซต์ของคุณเพื่อระบุเซสชันที่ดีที่สุด เมื่อกำหนดเกณฑ์ดังกล่าวแล้ว เป้าหมายสมาร์ทจะใช้เกณฑ์กับเซสชันเว็บไซต์ทั้งหมดของคุณ

วิธีการ

  1. เปิดใช้เป้าหมายสมาร์ท

  2. หลังจากเปิดใช้เป้าหมายสมาร์ทใน Analytics แล้ว ให้นำเข้าเป้าหมายดังกล่าวไปยัง Google Ads

หมายเหตุ

ขอแนะนำให้ใช้เป้าหมายสมาร์ทเพื่อวัดการมีส่วนร่วมกับเนื้อหาออนไลน์ อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการติดตามการดูหน้าหลักที่ไม่ใช่หน้ายืนยัน โปรดตรวจสอบว่าคุณกำลังติดตามหน้าเว็บที่บ่งบอกว่าผู้ใช้ได้กระทำการเสร็จแล้ว และไม่ใช่หน้าที่เข้าชมบ่อยหรือหน้าแรก หากต้องการดูวิธีการ ให้ทำตามขั้นตอนใน "ติดตามการลงชื่อสมัครครั้งใหม่ ผู้ใช้บริการ โอกาสในการขาย แบบฟอร์มที่ส่งเข้ามา หรือการดาวน์โหลดเอกสารสำคัญ"

ตัวอย่างเช่น หากไม่มีแบบฟอร์ม "ติดต่อเรา" ในเว็บไซต์ หรือคุณใช้การติดตามเหตุการณ์เพื่อติดตามการคลิกปุ่ม "ติดต่อเรา" ไม่ได้ ให้ติดตามการเข้าชมหน้า "ติดต่อเรา" ซึ่งมีข้อมูลติดต่อเป็น Conversion แทน

ระบบไม่อนุญาตให้ใช้เป้าหมาย "จำนวนหน้าเว็บ/หน้าจอต่อเซสชัน" และ "ระยะเวลา" ของ Google Analytics หากต้องการใช้ ให้ยกเว้นข้อมูลเหล่านี้จาก "Conversion"

ติดตามการโทรหาสายด่วนหรือฝ่ายสนับสนุน

ติดตามเวลาที่มีคนโทรหาคุณจากหมายเลขโทรศัพท์ในโฆษณาหรือจากหมายเลขโทรศัพท์ในเว็บไซต์ของคุณ หรือเมื่อผู้ใช้คลิกหมายเลขโทรศัพท์บนเว็บไซต์ในอุปกรณ์เคลื่อนที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือวัด Conversion การโทร

วิธีการ

ข้อกำหนดของ Ad Grants

ระยะเวลาการโทรขั้นต่ำ 30 วินาที

ติดตามเวลาที่ลูกค้าติดตั้งแอปของคุณหรือดำเนินการในแอปเสร็จสมบูรณ์

ติดตามเวลาที่มีคนติดตั้งแอปของคุณหรือดำเนินการในแอปเสร็จสมบูรณ์ เช่น การบริจาคหรือการลงชื่อสมัคร หลังจากคลิกโฆษณา ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือวัด Conversion สำหรับแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่

วิธีการ

เคล็ดลับ: ติดตาม Conversion หลายชนิด

หากคุณต้องการติดตาม Conversion หลายชนิดจากรายการข้างต้น เพียงแค่กำหนดการกระทำที่ถือเป็น Conversion ที่ต่างกันให้กับ Conversion แต่ละชนิดที่คุณต้องการติดตาม ตัวอย่างเช่น คุณสามารถตั้งค่าการกระทำที่ถือเป็น Conversion สำหรับติดตามการบริจาคในเว็บไซต์ และตั้งค่าการกระทำอีกรายการเพื่อติดตามการโทรจากโฆษณา

หากติดตามการกระทำที่ถือเป็น Conversion หลายรายการ เช่น หากคุณนำเข้าเป้าหมายจาก Analytics และสร้าง Conversion จาก Google Ads ด้วย ให้ตรวจสอบว่าเป้าหมายและ Conversion ดังกล่าวไม่ได้นับการกระทำที่ซ้ำกัน และใช้การตั้งค่า "รวมใน Conversion" เพื่อเลือก Conversion ที่ต้องการรวมในคอลัมน์การรายงาน "Conversion" ดูข้อมูลเพิ่มเติม

หากต้องการการจัดการแคมเปญอัตโนมัติ

เปลี่ยนไปใช้ Smart Campaign ซึ่งตั้งค่าได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ช่วยลดภาระในการจัดการอย่างต่อเนื่อง และแสดงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพแบบอัตโนมัติ แคมเปญดังกล่าวจะช่วยประหยัดเวลาและบัญชีไม่ต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพและเครื่องมือวัด Conversion ของ Ad Grants โปรดทำตามคู่มือการสมัครเข้าร่วม Google Ad Grants เพื่อตั้งค่าบัญชี

หากการกระทำที่ถือเป็น Conversion มีสถานะ "ไม่มี Conversion ล่าสุด" "ไม่ได้รับการยืนยัน" หรือ "แท็กไม่ทำงาน"

หากคุณได้รับจำนวนคลิกเพียงพอและมีแนวโน้มว่าผู้ใช้จะดำเนินการเสร็จสมบูรณ์ ให้ตรวจสอบแท็กเครื่องมือวัด Conversion หากไม่มี Conversion เนื่องจากจำนวนการเข้าชมจากโฆษณาไม่เพียงพอ ให้เพิ่มเป้าหมายอื่นที่มากกว่า Conversion Funnel เล็กน้อย และระบุว่าผู้ใช้สนใจทำให้เกิด Conversion เช่น เพิ่มการลงชื่อสมัครรับจดหมายข่าว  

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
8584578433056297753
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
false
false