โอนแอปไปยังบัญชีนักพัฒนาแอปอื่น

หากมีแอปที่ต้องการโอนไปยังบัญชีนักพัฒนาแอป Google Play บัญชีอื่น คุณส่งคำขอโอนได้หลังจากทำตามวิธีการด้านล่างแล้ว

เตรียมแอปให้พร้อมสำหรับการโอน

ขั้นตอนที่ 1: อ่านหลักเกณฑ์ด้านนโยบายและระดับค่าบริการ

สำหรับนักพัฒนาแอปทุกราย

บัญชีเดิมและแอปทั้งหมดที่จะโอนต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ด้านนโยบายทั้งหมด

สําหรับนักพัฒนาแอปที่ลงทะเบียนระดับค่าบริการ 15%

เมื่อมีการโอนแอประหว่างบัญชีนักพัฒนาแอปที่อยู่คนละกลุ่มบัญชี รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดของแอปนั้นจะรวมอยู่ในรายได้รวมของกลุ่มบัญชีแต่ละกลุ่มในปีปฏิทินนั้นๆ

ตัวอย่างเช่น หากบัญชีนักพัฒนาแอปในกลุ่มบัญชี ก. มีแอปที่มีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจำนวน 100,000 ดอลลาร์ (USD) ในปีนี้ แล้วมีการโอนแอปดังกล่าวไปยังบัญชีนักพัฒนาแอปอีกบัญชีหนึ่งในกลุ่มบัญชี ข. รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจำนวน 100,000 ดอลลาร์ (USD) นั้นจะรวมอยู่ในรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายรวมของทั้งกลุ่มบัญชี ก. และกลุ่มบัญชี ข. เพื่อใช้ในการคำนวณรายได้ 1 ล้านเหรียญฯ (USD) แรกของปีนี้

ขั้นตอนที่ 2: ดาวน์โหลดรายงานที่คุณอาจต้องใช้ภายหลัง

เมื่อคุณโอนแอปไปยังบัญชีอื่น ระบบจะโอนผู้ใช้ สถิติการดาวน์โหลด คะแนนและรีวิว การจัดประเภทเนื้อหา และข้อมูลผลิตภัณฑ์ใน Store ทั้งหมดของแอปไปยังบัญชีใหม่

รายงานการส่งออกจำนวนมาก รายงานการชำระเงิน และรายงานรายได้จะไม่โอนไปกับแอป ดังนั้นคุณอาจต้องการดาวน์โหลดรายงานที่จะต้องใช้ในภายหลังไว้ เมื่อโอนแอปไปยังบัญชีใหม่เรียบร้อยแล้ว ระบบจะสร้างรายงานเวอร์ชันใหม่
ขั้นตอนที่ 3: ตรวจสอบบัญชีนักพัฒนาแอป Google Play ว่าได้ลงทะเบียนแล้วและใช้งานได้

บัญชีนักพัฒนาแอป Google Play ทั้ง 2 บัญชีต้องลงทะเบียนแล้วและใช้งานได้ คุณจึงจะส่งคำขอโอนจากบัญชีเดิมไปยังบัญชีอื่น (หรือเรียกว่าบัญชีเป้าหมาย) ได้

วิธีตรวจสอบว่าบัญชีใช้งานได้

  • บัญชีเดิม: คุณลงชื่อเข้าใช้ได้
  • บัญชีเป้าหมาย: การลงทะเบียนเสร็จสมบูรณ์ หากคุณเห็นข้อความ "ทำไมฉันถึงเผยแพร่ไม่ได้" ในส่วนหัวของแอป ให้ตรวจสอบข้อมูลที่ระบุไว้เพื่อเพิ่มข้อมูลที่ขาดหายไป

หมายเหตุ: หากสร้างบัญชีเป้าหมายใหม่ คุณจะต้องชำระค่าลงทะเบียน US$25 หากต้องการปิดบัญชีเดิมหลังจากที่โอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทีมสนับสนุนจะคืนเงินค่าลงทะเบียนให้คุณได้

ขั้นตอนที่ 4: หารหัสธุรกรรมของบัญชีเป้าหมาย

คุณต้องมีรหัสธุรกรรมการลงทะเบียนสำหรับบัญชีของคุณและบัญชีเป้าหมาย ซึ่งดูได้โดยค้นหาข้อความ "ค่าลงทะเบียนของนักพัฒนาแอป" ในกล่องจดหมายของเจ้าของบัญชีเป้าหมาย

หากคุณไม่พบอีเมลใบเสร็จที่มีรหัสธุรกรรม ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. ลงชื่อเข้าใช้ Google Payments ด้วยอีเมลของเจ้าของบัญชีเป้าหมาย
  2. ที่เมนูด้านซ้าย ให้เลือกกิจกรรม
  3. ค้นหาและเลือกธุรกรรมสำหรับการลงทะเบียนบัญชีนักพัฒนาแอปของคุณ
    • เคล็ดลับ: ค้นหาธุรกรรม "นักพัฒนาแอป Google Play"
  4. รหัสธุรกรรมจะแสดงอยู่บริเวณด้านล่างของรายละเอียดธุรกรรม

รหัสธุรกรรมการลงทะเบียนมักอยู่ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งต่อไปนี้

  • 01234567890123456789.token.0123456789012345
  • 0.G.123456789012345
  • Registration-1234ab56-7c89-12d3-4567-8e91234567f8
  • PDS.1234-5678-9012-3456

ข้อกำหนดเพิ่มเติมสำหรับบางแอป

Play App Signing

สำหรับแอปที่ใช้ Play App Signing เจ้าของเดิมและบัญชีเป้าหมายอาจพิจารณาความปลอดภัยของทั้งคีย์การอัปโหลดและคีย์ App Signing

  • คีย์การอัปโหลด: หากมีข้อกังวลในการใช้คีย์การอัปโหลดเดียวกันก่อนและหลังโอน บัญชีเป้าหมายสามารถขอคีย์การอัปโหลดใหม่ตามวิธีการที่ระบุไว้ในส่วน "หากคีย์การอัปโหลดหายหรือถูกแฮ็ก"
  • คีย์ App Signing: หากมีข้อกังวลในการใช้คีย์ App Signing เดียวกันก่อนและหลังโอน บัญชีเป้าหมายสามารถขอคีย์ Signing ใหม่ด้วยการอัปเกรดคีย์สำหรับการติดตั้งใหม่ จากนั้น Google Play จะใช้คีย์ใหม่เพื่อรับรองการติดตั้งใหม่และการอัปเดตแอป สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนขออัปเกรดคีย์มีดังนี้ ดูวิธีการได้ในส่วน "อัปเกรดคีย์ App Signing สำหรับการติดตั้งใหม่"
แอปที่ต้องซื้อหรือแอปที่มีไอเทมที่ซื้อในแอป

หากคุณโอนแอปที่ต้องซื้อหรือแอปที่มีไอเทมที่ซื้อในแอป บัญชีเป้าหมายต้องมีโปรไฟล์การชำระเงินที่ใช้งานได้

หากคุณใช้สกุลเงินเริ่มต้นที่ต่างออกไปในบัญชีเป้าหมาย ระบบจะใช้การเปลี่ยนแปลงสกุลเงินเริ่มต้นโดยอัตโนมัติดังนี้

  • การซื้อในแอปเท่านั้น: หลังจากที่โอนแอปไปยังบัญชีเป้าหมายแล้ว ระบบจะไม่เผยแพร่แอปจนกว่าคุณจะเผยแพร่แอปอีกครั้ง เมื่อคุณยืนยันราคาใหม่ในบัญชีเป้าหมายแล้ว ให้เผยแพร่แอปอีกครั้ง
  • แอปที่ต้องซื้อ: ระบบจะนำการเปลี่ยนแปลงสกุลเงินเริ่มต้นไปใช้กับราคาแอปโดยอัตโนมัติ

เคล็ดลับ: หากคุณโอนแอปฟรีเท่านั้น และได้ดำเนินการตามขั้นตอนก่อนหน้าเรียบร้อยแล้ว ให้ไปที่ขั้นตอนถัดไป

แอปที่ใช้บริการแบบรวมในระบบ

หากแอปใช้บริการแบบรวมในระบบซึ่งรวมถึง Google Analytics, Firebase และบริการเกมของ Google Play คุณจะต้องอัปเดตแอปและการตั้งค่าบัญชี

  • Google Analytics: เพิ่มสิทธิ์สำหรับบัญชีเป้าหมายลงในบัญชี Google Analytics
  • โปรเจ็กต์ Google Developers Console: เพิ่มบัญชีเป้าหมายเป็นเจ้าของโปรเจ็กต์ Google Developers Console ซึ่งอาจมี Google+ Sign-In, บริการเกมของ Google Play และ Google APIs อื่นๆ
  • โปรเจ็กต์ Firebase: ยกเลิกการลิงก์โปรเจ็กต์ Firebase ทั้งหมดจากบัญชี Play Console เดิม แล้วลิงก์โปรเจ็กต์ดังกล่าวกับบัญชีเป้าหมาย
  • การรวม SDK โฆษณา (รวมถึง AdMob): เมื่อโอนแอปไปยังบัญชีเป้าหมายแล้ว จะต้องอัปเดตการรวม SDK โฆษณาทั้งหมดในไฟล์ APK ของแอปเพื่อให้มั่นใจว่ามีการเพิ่มการเข้าชมจากโฆษณาไปยังบัญชีที่ถูกต้อง
  • การแปล APK: หากคุณมีโปรเจ็กต์แปลที่บริการแปลของ Google Play กำลังดำเนินการอยู่ โปรเจ็กต์ดังกล่าวจะต้องเสร็จสมบูรณ์ก่อนจึงจะโอนแอปได้
  • Managed Google Play: หากต้องการโอนแอปส่วนตัว ให้ตรวจสอบว่าบัญชีที่ต้องการโอนแอปให้นั้นเชื่อมโยงกับองค์กรของคุณ เพื่อให้สามารถโอนแอปได้เสร็จสมบูรณ์ คุณจะต้องไม่เผยแพร่แอปและนำข้อจำกัดขององค์กรออกชั่วคราว ทีมสนับสนุนของเราจะทำงานร่วมกับคุณเพื่อย่นระยะเวลาที่แอปไม่แสดงให้เหลือน้อยที่สุด ผู้ใช้ปัจจุบันจะยังใช้และติดตั้งแอปอีกครั้งได้ในระหว่างการโอน
    • หมายเหตุ: แอปส่วนตัวที่สร้างด้วย iframe ของ Managed Google Play จะโอนไปยังบัญชีนักพัฒนาแอปบัญชีอื่นไม่ได้

เคล็ดลับ: หากต้องการความช่วยเหลือในการโอนโปรเจ็กต์บริการเกม โปรดติดต่อทีมสนับสนุน

ข้อมูลที่จะโอนไปกับแอป

  • ระบบจะโอนผู้ใช้ สถิติ ข้อมูล ความคิดเห็น การให้คะแนน การสมัครใช้บริการ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องไปกับแอปด้วย
  • คำสั่งซื้อที่สร้างขึ้นก่อนการโอนแอปจะยังคงอยู่ในบัญชีเดิม หากต้องการคืนเงินคำสั่งซื้อดังกล่าว คุณต้องกลับไปที่บัญชีเดิมหรือใช้ Google Play Developer API
  • ระบบจะไม่โอนรายงานการส่งออกจำนวนมาก รายงานยอดขายโดยประมาณ และรายงานรายได้ไปพร้อมกับแอป
  • ระบบจะไม่โอนโปรโมชันไปยังบัญชีเป้าหมาย แต่รหัสโปรโมชันที่ออกไว้ก่อนหน้านี้จะยังใช้งานได้อยู่
  • ไม่สามารถโอนกลุ่มการทดสอบ (แบบเปิด แบบปิด การทดสอบภายใน และการแชร์ภายใน) ระหว่างบัญชี คุณจะต้องสร้างกลุ่มการทดสอบแบบปิดในบัญชีใหม่อีกครั้ง และผู้ใช้อาจต้องเลือกเข้าร่วมการทดสอบอีกครั้ง
  • ระบบจะไม่โอนการตั้งค่าเกี่ยวกับสิทธิ์/การลิงก์สำหรับบริการที่ผสานรวมไว้ ดังนั้นอย่าลืมอัปเดตการตั้งค่าบัญชีและแอป
  • เราจะโอนเอกสารประกอบหรือข้อมูลที่คุณส่งไว้ในอดีตทั้งหมดไปยังบัญชีนักพัฒนาแอปบัญชีใหม่ ซึ่งอาจรวมถึงการส่งประกาศเกี่ยวกับนโยบายหรือข้อมูลอื่นๆ ที่คุณให้ไว้ผ่านทางหน้าเนื้อหาแอป (นโยบาย > เนื้อหาแอป) เป็นต้น

ส่งคำขอโอน

หลังจากทำตามขั้นตอนข้างต้นเสร็จแล้ว คุณก็ส่งคำขอโอนได้เลย หลังจากนั้นนักพัฒนาแอปเป้าหมายจะได้รับคำขอเพื่อนำไปตรวจสอบและอนุมัติ สุดท้ายทีมสนับสนุนจะตรวจสอบและตอบกลับคำขอโอนภายใน 2 วันทำการ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

  • ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการบัญชีนักพัฒนาแอปได้ใน Academy for App Success

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร

หากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม

ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
18166777623132964802
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
92637
false
false